เรื่องที่ผมแต่งประพันธ์คงยังไม่ดีพอ เพราะตัวผมเองก็ไม่ได้หัดอ่านวรรณกรรมซะด้วยสิ งานเขียนชิ้นนี้ อยากได้ความเห็นจากทุกท่านครับผม ขอความกรุณาชาว newmana ทุกท่านจะได้ไหมครับ แล้วโดยเฉพาะสุภาพสตรีแสนสวย งดงามดั่งดอกกุกลาบแรกแย้มทั้งหลายในนี้ จะรู้สึกยังไงถ้ามีคนทำเช่นนี้กับคุณในห้วงเวลานาทีสุดท้ายของชีวิตมาเยือน....
โรงพยาบาลแห่งหนึ่งในตัวเมือง
กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ
เวลา 9.45 a.m.
คุณเคยรักใครมากแค่ไหนกันครับ? ถ้าบุคคสำคัญของคุณเปรียบดั่งดวงตะวันทอแสงหรือดั่งเม็ดไข่มุกแห่งท้องทะเลสำหรับคุณเพียงคนเดียวทั้งชั่วชีวิตนี้ ต้องพลัดพรากจากกันในวันนี้ชั่วนิจนิรันดร์
คำพูดของเธอผู้อ่อนหวานที่กำลังจะกลายเป็นคำพูดวาระสุดท้ายในชีวิต ผมจะรำลึกจดจำทุกถ้อยคำของเธอทั้งหมดให้ครบถ้วน " ปีเตอร์ แม้วันนี้ตัวฉันจะสิ้นลมหายใจลงไป ณ เวลานี้ วินาทีเยี่ยงนี้ก็ตาม
ฉันดีใจที่ได้เกิดมาพบเจอและรักคุณหมดหัวใจ คุณต้องมีชีวิตอยู่ต่อไปนะแม้ตัวฉันจะสิ้นลมหายใจต่อเบื้องหน้าของคุณก็ตาม " "ฟาต้า!! หากปราศจากคุณไปผมจะทำยังไงดี ผม.. ผม " " พีท คุณต้องอยู่ต่อไปสัญญากับฉันนะ
นี่เป็นคำขอครั้งสุดท้ายของฉัน และให้ฉันได้สัมผัสกายไออุ่นของคุณได้อยู่ในอ้อมกอดชายผู้ที่เป็นทั้งเพื่อน คนรักของฉัน ที่รักฉันอย่างสุดหัวใจ " ในเมื่อนี่เป็นคำขอของหญิงสาวที่ตนรักปีเตอร์จึงกระทำตามที่เธอว่าไว้ ได้ค่อยๆช้อนร่าง
ของเธอขึ้นมาทีละนิดอย่างแผ่วเบาและทำการสวมกอดอย่างละมุนละไม พร้อมทั้งกระชับให้แน่นขึ้น ให้ร่างกายได้สัมผัสจดจำทุกอณูของหญิงสาว แล้วจุมพิตที่ริมฝีปากของเธออย่างนุ่มนวลทำการหอมแก้มข้างซ้ายแล้วกระซิบอย่างแผ่วเบาว่า
( Ti Amo-, Te quiero-,Sarang Heyo-,Kimi o Aishiteru-,Chit pa de-,Bon sro lahn oon-, Amo-te -Jag a Lskar dig-,
Ya vas Liubliu - )แล้วได้เอ่ยเป็นภาษาไทยปิดท้ายออกมาว่า "ผมรักคุณ" ในอ้อมกอดที่แสนอบอุ่นนี้คนรักรายนี้ได้สิ้นใจลงไป หล่อนจากไปแล้วตัวปีเตอร์เองรับรู้ได้เป็นอย่างดี " ผมให้สัญญา ผมจะมีชีวิตอยู่ต่อไปเพื่อคุณ ขอให้ตัวคุณได้อาศัยอยู่ในสวนแห่งพระเจ้าที่งดงาม นางฟ้าแสนดีของผม ฟาต้า " (** ฟาต้าในภาษาอิตาลีแปลว่า " นางฟ้า ")
แม้เวลานี้เธอจะจากไปนานเพียงใดแต่หัวใจความรู้สึกนั้นมีให้กับเพียงผู้เป็นที่รักเท่านั้น
รสชาติของการสูญเสียบุคคลผู้เป็นที่รักนั้นมีเพียงตัวเราเองที่รู้ดีว่ามันเป็นอย่างไร มันช่างอ้างว้างเดียวดายเหลือเกิน ผมคิดถึงคุณขนาดไหนก็ไม่มีทางฟื้นคืนกลับมา แต่ผมจะไม่ลืมคุณไปเด็ดขาดข้างในร่างกายที่หน้าอกข้างซ้ายหมือนมีหลุมอากาศผุดขึ้นมา แต่วันใดวันนึงอนาคตข้างหน้าเราสองคนต้องได้พบเจอกันอีกครั้ง " สิ่งมีชีวิตทุกชนิดล้วนต้องการความรักด้วยกันทั้งนั้น โปรดอย่าละเลยเอาใจใส่ดูแลมอบความรัก
ให้แก่กันเถิดครับ ชีวิตเป็นสิ่งที่ล้ำค่าสวยงามและแสนสั้นแม้จะแตกต่างกันที่ยศถาบรรดาศักดิ์ ชนชั้นวรรณะก็ตาม ต่างก็ต้องการพียงแค่ใครสักคนเข้ามาในชีวิตอยู่ดีแหละ" กรุณาโปรดอ่านซ้ำๆหลายรอบแล้วจำให้ขึ้นใจกันไว้เลยครับ
" my dear , my rose, honey la fata, ฟาต้าของผม , ฟาต้าที่งดงามดั่งดอกบุปผา , แม่แมวน้อยแสนซน , เทพธิดาอ่อนหวานของผม "
เมื่อเวลาแห่งชีวิตของผมสิ้นสุดลงเมื่อไหร่ ผมจะไปร้องเพลงรักของเราตลอดไปให้คุณคอยฟังอยู่ ณ ที่งดงามบนสรวงสวรรค์ เฝ้าดูเคียงข้างกันและกันนิจนิรันดร
" My Valentine - Martina McBride "
" If there were no words
No way to speak
I would still hear you
If there were no tears
No way to feel inside I'd still feel for you
* And even if the sun refused to shine
Even if romance ran out of rhyme
You would still have my heart until the end of time
You're all I need, my love, my Valentine
All of my life
I have been waiting for
All you give to me
You've opened my eyes And shown me how to love unselfishly
I've dreamed of this a thousand times before
But in my dreams I couldn't love you more
I will give you my heart
Until the end of time
You're all I need, my love, my Valentine
La la la ...
[Repeat *]
'Cause all I need is you, my Valentine
You're all I need, my love, my Valentine "
แด่ ฟาต้า สลาฟรอสสกี้
นางฟ้าแสนสวยของผม
บทเพลงที่จะใช้สวดส่งพระจิตเจ้าปลอบโยนคุณนั้นมิใช่ " เรเควี่ยม " " fur elise " จะเป็นเพลงแรกผู้ที่บรรเลงนั้นมิใช่ใครอื่น หากเป็นตัวผมเอง ท่วงทำนองเพลงต่อไปนั้นเป็นเพลงโปรดของคุณ " my heart will go on " เมโลดี้ลำดับที่สามต่อมาคือเพลงของสองเรานั่นเอง" My Valentine - Martina McBride " หยาดน้ำตาหลั่งไหลพรั่งพรูลงมาดั่งสายฝนเมื่อคิดถึงช่วงเวลาสองเราอิงแอบแนบชิดหยอกล้อกันอย่างดูดดื่ม " ฟาต้า" นี่คือความรู้สึกของผมที่มีต่อคุณเมื่อมาถึงโน้ตตัวสุดท้าย ผมทนไม่ไหวแล้ว ที่รักของผม จึงทำการลุกขึ้นมาในบัดดลอย่างรุนแรงยื่นแขนออกทั้งสองข้างเหมือน แจ็ค ดอว์สัน เแหงนศีรษะมองขึ้นไปยังท้องฟ้าอันกว้างใหญ่ทำการร้องตะโกนก้องออกมาอย่างดัง
"my honey, my angle , my love , my rose," และร้องภาษารักแต่ละประเทศให้โลกรับรู้ในความรักที่มีต่อคุณอย่างดัง " ลมเอยพัดพาเสียงของข้าผ่านผืนน้ำ ท้องทะเลไปให้ถึงเขาโอลิมปัสซะ" " I love you - Wo ai ni - Ich liebe dich - Je t'aime - Ti Amo - Te quiero - Sarang Heyo - Kimi o Aishiteru Chit pa de - Bon sro lahn oon - Amo-te - Jag a Lskar dig - Ya vas Liubliu -" และรวบรวมเค้นน้ำเสียงที่หลงเหลืออยู่ในตัวเพื่อพูดคำ คำนี้ส่งท้ายไปถึงสรวงสวรรค์ " ฟาต้า ผมรักคุณ~ " " กุหลาบงามของผม " บรรดาแขกที่มาร่วมงานและคนในครอบครัว และเหล่าลูกพี่ลูกน้องต่างร่ำไห้ออกมาเมื่อได้ยินคำรักของคนทั้งคู่ในวัยหนุ่มสาวที่รักอย่างหวานซึ้ง " เป็นรักแท้ที่พระเจ้าพรหมลิขิตเป็นแน่แท้" แอนนาที่เป็นน้องสาวได้เป็นคนเอ่ยออกมาอันที่จริงแอนนาอิจฉาพี่สาวของตัวเองเป็นอย่างมากที่มีคนรักแสนวิเศษเยี่ยงนี้ หลังงานพิธีเสร็จสิ้นดีแล้วสองวันต่อมาปีเตอร์ได้อำลงวงการคลาสสิคผู้คนต่างพากันเสียดายเป็นอย่างมากที่เปียโนนิสต์อัจฉริยะหันหลังให้กับดนตรีคลาสสิคเพราะ การจากไปของหญิงผู้เป็นที่รัก
หนึ่งอาทิตย์ต่อมา เวลานี้ปีเตอร์ ได้มาอยู่ที่สนามบินฮีทโธรว์ มองเห็นผู้คนที่เดินผ่านไปมาพูดออกมา " ฟาต้า ผมจะออกเดินทางไปยังสถานที่แห่งรักในความทรงจำของเรากัน " ปกติแล้วเมื่อสูญเสียสิ่งคำคัญในชีวิตไปจะเลือกถอยห่างสถานที่แสนหวาน ทว่าชายคนนี้ปีเตอร์เค้าเลือกตรงกันข้าม จิตใจหนักแน่นดีแท้ หน้าตารูปร่างของปีเตอร์ดั่งเทพบุตรแสนงาม มีผมสีทองที่ยาวสลวยทำให้ใครต่อใครพากันนึกว่าเค้าเป็นสตรี รูปกายภายนอกแม้จะคล้ายสตรี แต่น้ำเสียงของเค้านั้นทุ้มต่ำแฝงความอ่อนโยนเอาไว้ แถมมีความเป็นสุภาพษุรุษครบถ้วนอย่างแท้จริง ปลายทางของเครื่องบินโดยสารลำนี้จุดหมายแรกคือ ดินแดนเทพนิยายปรัมปราโรแมนติกที่มีเสน่ห์น่าค้นหาเฉกเช่นตัวคุณนั่นเอง เจ้าหญิงของผม ผู้เลอโฉม ผมเชื่อว่าการเดินทางในครั้งนี้เป็น " บททดสอบแห่งรัก" เมื่อตัวผมก้าวข้ามความทรงจำแสนหวาน อภิรมย์นี้ไปได้จิตวิญญาณที่สิงสถิตในกายนี้จะเติบโตกล้าแกร่งขึ้น ผมมิได้ออกเดินทางเพียงลำพังหากแต่ทุกลมหายใจเข้าออก มีคุณอยู่เคียงข้างทุกเวลาไม่ว่าในยามที่หลับฝันหรือลืมตาตื่น บัดนี้ได้เวลาออกเดินทางแล้ว ช่วงเวลาแห่งการเดินทางในครั้งนี้ ผมจะจรดปลายปากาเขียนลงบนกระดาษแสนสวยน่าทนุถนอมนี้อย่างนุ่มนวลเพื่อทำการบันทึกเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นทุกอย่างให้โลกรับรู้ความรักของสองเราลึกซึ้งเพียงใด
p.s. เลดี้แอนนาน้องสาวผู้แสนดีงดงามไม่แพ้คุณตัดสินใจออกเดินทางเฉกเช่นเดียวกัน
กรุงลอนดอน
ประเทศอังกฤษ
ณ บ้านแสนสวยหลังหนึ่งในตัวเมือง
เวลาที่เราสูญเสียคนที่เรารักไปนั้น โลกใบนี้ช่างมืดหม่นเหลือเกิน พี่ค่ะ ทำไมถึงได้จากพวกเราไปเร็วนัก ทุกคืนวันของฉันเฝ้าแต่ร้องไห้กับการจากลาของพี่อยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน พี่สาวที่งดงามดุจนางฟ้า พี่แสนดีของฉัน คุณพี่ที่ฉันรักจากไปแล้วรู้ดีว่าร้องไห้สักเพียงใดก็มิได้พานพบกันอีกแล้ว
" แอน น้องรักประเทศแสนห่างไกลจากเกาะนี้ เกาะเล็กๆแห่งหนึ่งที่เรียกว่า " ประเทศญี่ปุ่น " ไว้เราไปท่องเที่ยวด้วยกันนะ " แต่แล้ว...วันนึงในเดือนกันยายนพี่สาวของฉันได้เจ็บป่วยขึ้นมากะทันหันใครจะไปรู้ว่าอาการเพียงแค่เล็กๆน้อยๆจะส่งผลร้ายใหญ่โต พี่แสนดีอ่อนโยนของฉัน ป่วยเป็นโรคลูคิเมียชนิดร้ายแรงเฉียบพลันทันด่วน ปีเตอร์คนรักของพี่เมื่อได้รู้เข้าอุทานออกมาในทันทีว่า " ฟาต้า เป็นลูคิเมีย!! สีหน้าของปีเตอร์ได้ซีดลงอย่างเห็นได้ชัด ยืนนิ่งไปชั่วขณะจากนั้นได้รีบรุดไปเยี่ยมทันที
อาการของพี่นับวันยิ่งทุเลาลงอย่างรวดเร็ว และแล้วในวันสุดท้ายของเดือนกันยายนได้มาเยือน พี่สาวของฉันก็ได้จากไปอย่างสงบสิ้นใจอยู่ในอ้อมกอดของชายที่เป็นคนรัก อย่างพี่น่ะต้องได้ไปอยู่บนสรวงสวรรค์อยู่แล้วไม่ใช่เพียงเพราะเป็นคนสวยเท่านั้นเพราะพี่นั้นงดงามทั้งกายและใจ ถ้าฉันเป็นผู้ชายนะแล้วไม่ใช่น้องชายหรือญาติด้วยละก็ คนอย่างพี่น่ะฉันไม่ปล่อยให้ใครได้ดอกไม้บานสะพรั่งดอกนี้ไปเป็นอันขาด เพราะว่าฉันรักสุดหัวใจนะสิ
เพียงแค่เห็นรอยยิ้มสดใสดั่งพระอาทิตย์ฉายแสงนั้นก็อบอุ่นข้างในอกแล้ว แม้ต่อให้เป็นญาติกัน, เป็นน้องสาว, น้องชาย ,หลานหรือพี่สาว, พี่ชายของเรา เรารักเค้าสักเพียงใดขนาดไหนก็เป็นได้เพียงแค่พี่หรือน้องเท่านั้น มิอาจสมปราถนาต้องตัดใจให้ได้แม้จะรักเค้าขนาดแผ่นฟ้า ลึกสุดใจ แต่ถ้ารักมากปานกลืนกิน ยากเกินจะห้ามใจโปรดท่องไว้ในใจของเราให้หนักแน่นซะ " รักได้แต่..ห้ามลุ่มหลงเด็ดขาด วันนึงเค้าต้องจากเราไปไกลแสนไกล
" รักที่แท้จริงไม่ใช่การให้และรับหรือครอบครองเบ็ดเสร็จเด็ดขาดข้างเดียว ฉันรักพี่ แต่เมื่อได้เห็นสีหน้าของพี่ที่มีต่อปีเตอร์แล้ว พี่มีความสุขมากที่สำคัญสายตาคู่นั้นต่างหากเล่าที่พี่มองปีเตอร์น่ะ ฉันไม่เคยเห็นมาก่อน นี่หรือคือสายตาหญิงสาวที่มีความรัก พอได้เห็นเข้าทำให้รู้ว่า เค้าคือคนที่ทำให้พี่เรามีความสุขสุดขีดในชีวิต แว่บแรกที่เห็นก็รู้แล้วว่าชายคนนี้คือคนที่จะมาแย่งพี่ไปจากฉัน เมื่อหลับตาลงแล้วนึกถึงครั้งแรกที่ได้พบกับปีเตอร์
ในหัวของฉันคิดว่า " ตานี่ หน้าตาเหมือนผู้หญิงแท้ๆ " ได้พูดว่าซะ " นายน่ะกะเทยใช่มั้ย ไปให้พ้นแถวนี้เดี๋ยวนี้เลยนะ เจ้าบ้า " เจอตอบสวนกลับมาว่า " เลดี้ผมอาจหน้าตาเหมือนหญิงสาวแต่ผมเป็นผู้ชายหนึ่งร้อยเปอร์เซ็นต์ครับผม " " พูดแบบนั้นออกมาน่ะพิสูจน์ให้ดูซิ " ตอนนั้นปีเตอร์เองได้แสดงท่าทางเหมือนอัศวินสมัยกลางโน่นพูดชัดถ้อยชัดคำว่า " ขอสาบานต่อผืนดินนี้ ขอให้ผมผู้นี้ได้ปกป้องสาวน้อยท่านนี้ในยามหลับบรรทมด้วยเถิด" คำพูดของเค้าทำฉันหน้าแดงขึ้นมาหน่อยๆ ที่หน้าแดงๆนี่คงเป็นเพราะบรรยกาศยามเย็นสวนสาธารณะเซนต์เจมส์ที่อยู่ในใจกลางกรุงลอนดอนมากกว่า " นายนี่พูดแบบนี้ได้หน้าตาเฉยระวังตายเพราะปากล่ะ ซี้ซั้วพูดอย่างนี้กับผู้หญิงเจอดีสักวันนึงแน่ "
การพบกันครั้งแรกของพวกเราเป็นแบบนี้ ฉันเองจะเอาแต่อ่อนแอร้องไห้อย่างนี้ไม่ได้ รู้ดีว่าพี่จากไปแล้ว หลังจากงานศพของพี่ ฉันก็เก็บตัวอยู่แต่ในบ้านที่ห้องของฉัน ฉันที่นอนอยู่บนเตียงนอนไม่รู้เรื่องราวภายนอกใดๆเพราะไม่เปิดกระทั่งทีวีเลยนี่นา แล้วยัยเชอร์รี่ก็มาอาละวาดพล่ามที่หน้าห้องของฉันแถมทุบประตูดังโครมครามจนฉันสะดุ้งโหยงลุกนั่งตัวตรงขึ้น
" แก ยัยบ้าเอาแต่เก็บตัวฟูมฟายรู้ไหมว่าพ่อกับแม่แกเค้า เป็นห่วงนะโว้ย เศร้าไปก็เท่านั้นแหละ" " รู้หรอกว่าแกเทิดทูน ติดพี่แค่ไหน แล้วลุกมาเปิดประตูเดี๋ยวนี้นะ ถ้าไม่มาเปิดให้ ฉันจะพังประตูเข้าไปซะเลย " ยังไม่ทันลุกขยับออกไปจากเตียงสักมิลเดียวประตูห้องของฉันก็ถูกยัยเพื่อนสาวแรงกอริลล่าหรือคิงคองสาว จัดการเรียบร้อยเข้ามาในห้องได้แล้ว คนที่บุกรุกเข้ามาแล้วยืนอยู่ข้างหน้าเตียงนอนของฉันนั้น มีชื่อว่า " เชอร์รี่ " ภายนอกหล่อนเป็นสาวสวยแต่ห้าวเอามากๆ เรี่ยวแรงเยอะแยะเชียวล่ะ เป็นแชมป์เทควันโด้อีกต่างหาก
พอเข้ามาได้ก็จัดการพล่ามเป็นชุดๆต่อ " อะไรเนี่ย!! ข้างในเนี้ยไหงมันเละเทะข้าวของกระจัดกระจายไปหมด แกลุกได้แล้วว้อย ยัยแอนนา ผมเผ้าดูไม่ได้เลย ไปล้างหน้าอาบน้ำแต่งตัวซะ ให้เวลา 30 นาที หนึ่งชั่วโมงก็ได้ ชักช้าอืดอาดวุ้ยยังไม่ขยับอีกแน่ะ " " น้อยๆหน่อย บุกพังประตูเข้ามาก็พล่ามท่าเดียวแถมยังมาเจ้ากี้เจ้าการสั่งชาวบ้านอีกนะ" " ถ้าจะโต้เถียงทะเลาะกันละก็ ไปอาบน้ำซะก่อนนู่น แล้วค่อยมาฉะฝีปากกันต่อเอามั้ย " จากนั้นฉันเองได้ขยับตัวลุกก้าวขาไปเข้าห้องน้ำเสร็จแล้วค่อยกลับมาสวนคืนกันต่อ เชอร์รี่เองระหว่างที่รอคอยฉันได้กวาดสายตามองไปทั่วห้อง พอฉันออกมาจากห้องน้ำเชอร์รี่ได้ยืนประจัญบานเตรียมพร้อมเต็มที่ แต่อารมณ์ที่คุกกรุ่นของฉันได้เบาบางลงไปหน่อยบ้างแล้วเมื่อได้อาบน้ำอาบท่า เชอร์รี่เองที่เฝ้าสังเกตุสีหน้าของฉันเห็นว่าดีขึ้นมาบ้างแล้วได้เปลี่ยนทีท่าลงมาพร้อมกับพูดว่า " ดี ทีนี้แต่งตัวแล้วลงไปข้างล่างกัน ฉันจะลงไปคอยที่ห้องรับแขกล่ะ "
พอเดินออกไปจากข้างในตัวห้องได้พูดออกมาว่า " แล้วตัวประตูมันลงไปอยู่ที่พื้นได้ไงหว่า " ดูซิ ลืมหน้าตาเฉยก็หล่อนนั่นแหละที่เป็นคนพังมันน่ะ ยัยเชอร์รี่ หลังจากที่ฉันแต่งตัวแต่งหน้าทำผมเสร็จดีแล้วได้ลงมายังข้างล่าง คุณพ่อและคุณแม่ที่เห็นตัวฉันเดินลงมาได้มีสีหน้าดีใจสดใสขึ้นมา คุณแม่ได้มาสวมกอดตัวฉันพร้อมกับหอมแก้ม เสร็จแล้วพูดว่า " แม่ละกลัวลูกจะทำอะไรบ้าๆ แอนนาลูกแม่ " " นะ หนู แค่เสียใจเพียงเท่านั้นค่ะ ไม่ได้เป็นอย่างที่แม่คิดหรอก " เชอร์รี่เองที่ได้เฝ้ามองดูความรักของคนในครอบครัวก็มีสีหน้าแช่มชื่นที่ห่วงหาอาทรกันดี ทีนี้พออยู่พร้อมหน้าพร้อมตากันไม่รู้จะพูดอะไรขึ้นมาดีคำพูดที่เหมาะสมในเวลานี้กลายเป็นว่า " ทานอะไรหน่อยดีไหม " แทน เมื่อได้ลิ้มรสมันฝรั่งเข้าไป ความรู้สึกหิวได้พลุ่งพล่านไปทั่ว ทำให้ฉันได้ทานเข้าไปหลายเท่าเพราะฉันไม่ได้แตะต้องมันมาเลยเป็นเวลาสามวัน หลังจากทานอิ่มท้องเสร็จกันเรียบร้อยดีแล้ว คราวนี้ได้พูดคุยกันแล้วคุณพ่อได้เอ่ยปากขึ้นมาว่า " ลูกเองไปไหนไกลๆจากลอนดอนดีมั้ยหรือต่างประเทศท่าจะดีนะ อยู่ที่นี่ตอนนี้มีแต่จะเจ็บปวดหัวใจ พ่อกับแม่เองก็กะจะไปไกลๆสักพักน่ะ " ทำให้ฉันนึกถึงที่พี่พูดออกมา " ญี่ปุ่น "
" นะ หนูไม่รู้ว่าจะไปไหนดีนี่แม้ที่ลอนดอนนี่จะมีความเจ็บปวดกับการสูญเสียพี่ไปเหอะนะ แต่เดินทางไปไหนห่างไกลจากที่นี่ก็ตาม ใช่จะมีแต่เรื่องความปวดร้าว เรื่องดีๆก็มี " เชอร์รี่ที่พอได้ยินสิ่งที่ฉันพูดออกมาจากปากเข้าได้โล่งอกพูดออกมาว่า " แกพูดแบบนี้ได้แล้วแสดงว่าทำใจเรื่องพี่สาวได้ ฉันรึคิดว่าแกจะฟูมฟายซะอีก ถ้ายังงั้นไปไหนไกลๆก็ดีนะ อย่างแถวชนบททำนองนี้ เป็นไง แต่ปล่อยแกไปคนเดียวกลัวแย่ว่ะ " นั่นสิ ถ้างั้นแกจะไปกับฉัน ได้มั้ยล่ะ " คุณแม่เองได้หันไปหาเชอร์รี่แล้วพูดคุยกับเชอร์รี่ว่า " เชอร์รี่เองจะไปเป็นเพื่อนแอนนาด้วยได้มั้ยจ๊ะ ว่าไง? "
เชอร์รี่ได้ตอบรับในทันทีว่า " ได้คะ แถมขืนปล่อยยัยนี่ไปไหนมาไหนเองคงน่าเป็นห่วง ยิ่งอ่อนแออยู่ " ฉันพูดโต้บทสนทนากลับไปว่า " ไม่ได้อ่อนแอสักหน่อยนึง เธอนั่นแหละเรี่ยวแรงยังกับกอริลล่า ไม่ก็สัตว์ประหลาดดีๆนี่เอง หัดทำตัวเป็นกุลสตรีบ้างสิย่ะ " " ว่ายังไงนะ ยัยแอน มาว่าเค้าเป็นกอริลล่า เรอะ " ทีนี้เลยเชือดเฉือนฝีปากกันเต็มที่เสร็จแล้วค่อยกลับมาพูดคุยเรื่องไปที่ไหนไกลๆดี ได้เลือกไปคอทส์โวลด์ และเมืองสีเหลืองอ่อนชื่อว่า บาธ( BATH )จากนั้นจะไปญี่ปุ่น
ฉันจะไปกับเชอร์รี่ แล้วฉันได้รู้ว่าปีเตอร์เองก็จะออกเดินทางเช่นกัน การเดินทางของปีเตอร์มันโหดร้ายมากเลยแต่เค้าเลือกที่จะไปเอง นับว่าเป็นคนที่จิตใจแข็งแกร่งไม่เบา กล้ามากเลย " แม้พี่จะจากพวกฉันไปแล้วแต่พี่จะอยู่ในความทรงจำพวกเราทุกคนนะคะ แต่จะไม่มีวันลืมเด็ดขาด
"" สิ่งที่น่ากลัวที่สุดในชีวิตของคนเรานั้นคือการถูกลืม, หลงลืม,ลืมเลือน นั่นเอง "
I Love You( Lorie)
Par la fenêtre,
Je regarde seule,
La pluie qui tombe encore
Mais rien ne me touche
Je n'ai sur ma bouche
Que ton prénom qui m'obsède
Philadelphie, cette ville où tu vis
C'est si loin de chez moi
On s'écrit souvent
Mais à quoi tu penses vraiment ?
Tu ne sais pas me "je t'aime"
Moi je te l'écrirais quand même
Tu ne sais que me dire sans cesse "Girl I miss you"
Tu ne sais pas me "je t'aime"
Moi j'essaierais quand même "I love you"... Et toi ?
Do you love me too ?
Sur mon e-mail, j'ai souligné ton nom
Brandon@love.com
Est-ce que tu souris ?
Quand tu me lis ?
J'aimerais tant qu'on se revoit
La prochaine fois
Que tu viens ici
Je serais toute à toi
Je te donnerais
Ce que tu voulais parfois
Tu ne sais pas me dire "je t'aime"
Moi je te l'écrirais quand même
Tu ne sais que me dire sans cesse "Girl I miss you"
Tu ne sais pas me "je t'aime"
C'est mon doux théorème: "I love you"... Et toi .
Do you care ? Do you love me too ?
Tu ne sais pas me dire "je t'aime"
Moi je te l'écrirais quand même
Tu ne sais que me dire sans cesse "Girl I miss you"
Tu ne sais pas me "je t'aime"
C'est mon doux théorème: "I love you"... Et toi .
Do you love me too ?
... Je t'aime.
ฉันรักเธอ
ฉันนั่งมองออกไปนอกหน้าต่างอยู่คนเดียว
ฝนตกลงมาอีกแล้ว แต่ฉันก็ไม่ได้รู้สึกอะไร
ฉันมีเพียงแค่ชื่อของเธอที่ติดอยู่บนริมฝีปาก และคอยกวนใจฉัน
ฟิลาเดเฟีย เมืองนี้ไงที่เธออาศัยอยู่
มันช่างไกลจากบ้านฉันเหลือเกิน
เราเขียนจดหมายหากันบ่อยๆ
แต่จริงๆแล้วเธอคิดถึงอะไรกันแน่?
เธอไม่รู้วิธีบอกกับฉันว่า "Je t'aime"
ฉันก็เขียนคำนั้นถึงเธอในแบบเดียวกัน
เธอรู้เพียงแต่จะบอกกับฉันไม่เคยหยุดว่า "Girl, I miss you"
เพราะเธอไม่รู้วิธีบอกกับฉันว่า "Je t'aime"
ฉันก็เลยพยายามจะบอกในแบบเดียวกัน "I love you"...แล้วเธอล่ะ?
Do you love me too ? (เธอรักฉันเหมือนกันหรือเปล่า?)
บนอีเมล์ของฉัน ฉันขีดเส้นใต้ชื่อของเธอไว้
Brandon@love.com
เธอจะยิ้มหรือเปล่า?
เธอจะอ่านจดหมายของฉันเมื่อไหร่หนอ?
แต่ฉันจะรักเธอจนกว่าเราจะได้พบกันอีกครั้ง
ในคราวหน้าที่เธอมาที่นี่
ฉันจะเป็นทุกสิ่งทุกอย่างให้เธอเอง
ฉันจะคอยให้ในสิ่งที่เธอต้องการเป็นบางครั้ง
เธอไม่รู้วิธีบอกกับฉันว่า "Je t'aime"
ฉันก็เขียนคำนั้นถึงเธอในแบบเดียวกัน
เธอรู้เพียงแต่จะบอกกับฉันไม่เคยหยุดว่า "Girl, I miss you"
เพราะเธอไม่รู้วิธีบอกกับฉันว่า "Je t'aime"
นี่คือทฤษฎีที่ไพเราะที่สุดของฉัน : "I love you"... แล้วเธอล่ะ?
Do you care ? Do you love me too ? (เธอเป็นห่วงฉันบ้างไหม? เธอรักฉันเหมือนกันหรือเปล่า?)
เธอไม่รู้วิธีบอกกับฉันว่า "Je t'aime"
ฉันก็เขียนคำนั้นถึงเธอในแบบเดียวกัน
เธอรู้เพียงแต่จะบอกกับฉันไม่เคยหยุดว่า "Girl, I miss you"
เพราะเธอไม่รู้วิธีบอกกับฉันว่า "Je t'aime"
นี่คือทฤษฎีที่ไพเราะที่สุดของฉัน : "I love you"... แล้วเธอล่ะ?
Do you love me too ? (เธอรักฉันเหมือนกันหรือเปล่า?)
...ฉันรักเธอ
แด่พี่สาวแสนดีผู้น่ารักของฉัน
p.s. ข้างในลึกๆยังคงมีความอ้างว้างเดียวดายอยู่เคียงข้างชั่วชีวิตอยู่ดี... ทุกลมหายใจพี่ยังคงมีชีวิตอยู่ในความทรงจำเสมอ
เพลงนี้เป็นเพลงโปรดของหนูไงค่ะ การเดินทางครั้งนี้มียัยเชอร์รี่ตัวแสบแสนซนร่วมเดินทางไปกับหนูด้วยจะเป็นยังไงเนี่ย!!
(ติดตามตอนต่อไป)
ลองแต่งนิยายประกวดดู แต่..ตกรอบเรียบร้อย ลองอ่านดูกันหน่อยไหมครับผม
แก้ไขล่าสุดโดย syaoran เมื่อ ศุกร์ ธ.ค. 11, 2009 10:15 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
- Valkyrie Zero Number
- โพสต์: 2081
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ส.ค. 27, 2007 4:11 am
ก็อยากทัศนาอยู่หรอก แต่ ช่วยเว้นบรรทัดให้หน่อยได้มั้ย
อ่านแบบนี้มันตาลาย บรรทัดติดกันไปหมด ไม่สบายตาเลย
อ่านแบบนี้มันตาลาย บรรทัดติดกันไปหมด ไม่สบายตาเลย
-
- โพสต์: 1653
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ก.ย. 10, 2007 9:22 pm
- ที่อยู่: ไม่ใกล้ไม่ใกล้จากวัดอัสสัม-0-
คือว่าพอจะเข้าใจอ่ะคับว่า บอร์ดนี้จัดหน้ายากแต่ว่า
เหนแบบนี้แล้วเกิดอาการขี้เกียจอ่านอ่ะคับ- -''
เหนแบบนี้แล้วเกิดอาการขี้เกียจอ่านอ่ะคับ- -''
ลืมเว้นนะครับ แก้ไขเรียบร้อยแล้วครับผม แบบนี้อ่านได้สะดวกหรือไม่ครับ
-
- โพสต์: 1653
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ก.ย. 10, 2007 9:22 pm
- ที่อยู่: ไม่ใกล้ไม่ใกล้จากวัดอัสสัม-0-
คือเว้นแล้วก็จริงอ่ะคับ
แต่ว่าอย่างบรรทัดคำพูดอะไรแบบนี้ไม่จัดหน้าหน่อยอ่ะคับ
ลองจัดๆให้นะคับ แต่บอกตรงๆว่า จัดหน้าได้ยากมากๆ
เนื้อเรื่องไม่แปลกใหม่อ่ะคับ แล้วพล็อกเรื่องพอจะเดาตอนจบได้
แล้วก็ เนื้อเรื่องดูเอาน้ำๆมาใส่ไว้เยอะแล้ว เด๊่ยวสักพักระหวังเกิดอาการคิดมุขไม่ออกนะคับ
แต่ว่าอย่างบรรทัดคำพูดอะไรแบบนี้ไม่จัดหน้าหน่อยอ่ะคับ
syaoran เขียน: เรื่องที่ผมแต่งประพันธ์คงยังไม่ดีพอ เพราะตัวผมเองก็ไม่ได้หัดอ่านวรรณกรรมซะด้วยสิ งานเขียนชิ้นนี้ อยากได้ความเห็นจากทุกท่านครับผม ขอความกรุณาชาว newmana ทุกท่านจะได้ไหมครับ แล้วโดยเฉพาะสุภาพสตรีแสนสวย งดงามดั่งดอกกุกลาบแรกแย้มทั้งหลายในนี้ จะรู้สึกยังไงถ้ามีคนทำเช่นนี้กับคุณในห้วงเวลานาทีสุดท้ายของชีวิตมาเยือน....
โรงพยาบาลแห่งหนึ่งในตัวเมือง
กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ
เวลา 9.45 a.m.
คุณเคยรักใครมากแค่ไหนกันครับ? ถ้าบุคคสำคัญของคุณเปรียบดั่งดวงตะวันทอแสงหรือดั่งเม็ดไข่มุกแห่งท้องทะเลสำหรับคุณเพียงคนเดียวทั้งชั่วชีวิตนี้ ต้องพลัดพรากจากกันในวันนี้ชั่วนิจนิรันดร์
คำพูดของเธอผู้อ่อนหวานที่กำลังจะกลายเป็นคำพูดวาระสุดท้ายในชีวิต ผมจะรำลึกจดจำทุกถ้อยคำของเธอทั้งหมดให้ครบถ้วน
" ปีเตอร์ แม้วันนี้ตัวฉันจะสิ้นลมหายใจลงไป ณ เวลานี้ วินาทีเยี่ยงนี้ก็ตามฉันดีใจที่ได้เกิดมาพบเจอและรักคุณหมดหัวใจ คุณต้องมีชีวิตอยู่ต่อไปนะแม้ตัวฉันจะสิ้นลมหายใจต่อเบื้องหน้าของคุณก็ตาม "
"ฟาต้า!! หากปราศจากคุณไปผมจะทำยังไงดี ผม.. ผม "
" พีท คุณต้องอยู่ต่อไปสัญญากับฉันนะ นี่เป็นคำขอครั้งสุดท้ายของฉัน และให้ฉันได้สัมผัสกายไออุ่นของคุณได้อยู่ในอ้อมกอดชายผู้ที่เป็นทั้งเพื่อน คนรักของฉัน ที่รักฉันอย่างสุดหัวใจ "
ในเมื่อนี่เป็นคำขอของหญิงสาวที่ตนรักปีเตอร์จึงกระทำตามที่เธอว่าไว้ ได้ค่อยๆช้อนร่าง ของเธอขึ้นมาทีละนิดอย่างแผ่วเบาและทำการสวมกอดอย่างละมุนละไม พร้อมทั้งกระชับให้แน่นขึ้น ให้ร่างกายได้สัมผัสจดจำทุกอณูของหญิงสาว แล้วจุมพิตที่ริมฝีปากของเธออย่างนุ่มนวลทำการหอมแก้มข้างซ้ายแล้วกระซิบอย่างแผ่วเบาว่า
( Ti Amo-, Te quiero-,Sarang Heyo-,Kimi o Aishiteru-,Chit pa de-,Bon sro lahn oon-, Amo-te -Jag a Lskar dig-,
Ya vas Liubliu - )แล้วได้เอ่ยเป็นภาษาไทยปิดท้ายออกมาว่า "ผมรักคุณ" ในอ้อมกอดที่แสนอบอุ่นนี้คนรักรายนี้ได้สิ้นใจลงไป หล่อนจากไปแล้วตัวปีเตอร์เองรับรู้ได้เป็นอย่างดี " ผมให้สัญญา ผมจะมีชีวิตอยู่ต่อไปเพื่อคุณ ขอให้ตัวคุณได้อาศัยอยู่ในสวนแห่งพระเจ้าที่งดงาม นางฟ้าแสนดีของผม ฟาต้า " (** ฟาต้าในภาษาอิตาลีแปลว่า " นางฟ้า ")
แม้เวลานี้เธอจะจากไปนานเพียงใดแต่หัวใจความรู้สึกนั้นมีให้กับเพียงผู้เป็นที่รักเท่านั้น
รสชาติของการสูญเสียบุคคลผู้เป็นที่รักนั้นมีเพียงตัวเราเองที่รู้ดีว่ามันเป็นอย่างไร มันช่างอ้างว้างเดียวดายเหลือเกิน ผมคิดถึงคุณขนาดไหนก็ไม่มีทางฟื้นคืนกลับมา แต่ผมจะไม่ลืมคุณไปเด็ดขาดข้างในร่างกายที่หน้าอกข้างซ้ายหมือนมีหลุมอากาศผุดขึ้นมา แต่วันใดวันนึงอนาคตข้างหน้าเราสองคนต้องได้พบเจอกันอีกครั้ง " สิ่งมีชีวิตทุกชนิดล้วนต้องการความรักด้วยกันทั้งนั้น โปรดอย่าละเลยเอาใจใส่ดูแลมอบความรัก
ให้แก่กันเถิดครับ ชีวิตเป็นสิ่งที่ล้ำค่าสวยงามและแสนสั้นแม้จะแตกต่างกันที่ยศถาบรรดาศักดิ์ ชนชั้นวรรณะก็ตาม ต่างก็ต้องการพียงแค่ใครสักคนเข้ามาในชีวิตอยู่ดีแหละ" กรุณาโปรดอ่านซ้ำๆหลายรอบแล้วจำให้ขึ้นใจกันไว้เลยครับ
" my dear , my rose, honey la fata, ฟาต้าของผม , ฟาต้าที่งดงามดั่งดอกบุปผา , แม่แมวน้อยแสนซน , เทพธิดาอ่อนหวานของผม "
เมื่อเวลาแห่งชีวิตของผมสิ้นสุดลงเมื่อไหร่ ผมจะไปร้องเพลงรักของเราตลอดไปให้คุณคอยฟังอยู่ ณ ที่งดงามบนสรวงสวรรค์ เฝ้าดูเคียงข้างกันและกันนิจนิรันดร
" My Valentine - Martina McBride "
" If there were no words
No way to speak
I would still hear you
If there were no tears
No way to feel inside I'd still feel for you
* And even if the sun refused to shine
Even if romance ran out of rhyme
You would still have my heart until the end of time
You're all I need, my love, my Valentine
All of my life
I have been waiting for
All you give to me
You've opened my eyes And shown me how to love unselfishly
I've dreamed of this a thousand times before
But in my dreams I couldn't love you more
I will give you my heart
Until the end of time
You're all I need, my love, my Valentine
La la la ...
[Repeat *]
'Cause all I need is you, my Valentine
You're all I need, my love, my Valentine "
แด่ ฟาต้า สลาฟรอสสกี้
นางฟ้าแสนสวยของผม
บทเพลงที่จะใช้สวดส่งพระจิตเจ้าปลอบโยนคุณนั้นมิใช่ " เรเควี่ยม " " fur elise " จะเป็นเพลงแรกผู้ที่บรรเลงนั้นมิใช่ใครอื่น หากเป็นตัวผมเอง ท่วงทำนองเพลงต่อไปนั้นเป็นเพลงโปรดของคุณ " my heart will go on " เมโลดี้ลำดับที่สามต่อมาคือเพลงของสองเรานั่นเอง" My Valentine - Martina McBride " หยาดน้ำตาหลั่งไหลพรั่งพรูลงมาดั่งสายฝนเมื่อคิดถึงช่วงเวลาสองเราอิงแอบแนบชิดหยอกล้อกันอย่างดูดดื่ม " ฟาต้า" นี่คือความรู้สึกของผมที่มีต่อคุณเมื่อมาถึงโน้ตตัวสุดท้าย ผมทนไม่ไหวแล้ว ที่รักของผม จึงทำการลุกขึ้นมาในบัดดลอย่างรุนแรงยื่นแขนออกทั้งสองข้างเหมือน แจ็ค ดอว์สัน เแหงนศีรษะมองขึ้นไปยังท้องฟ้าอันกว้างใหญ่ทำการร้องตะโกนก้องออกมาอย่างดัง
"my honey, my angle , my love , my rose," และร้องภาษารักแต่ละประเทศให้โลกรับรู้ในความรักที่มีต่อคุณอย่างดัง " ลมเอยพัดพาเสียงของข้าผ่านผืนน้ำ ท้องทะเลไปให้ถึงเขาโอลิมปัสซะ" " I love you - Wo ai ni - Ich liebe dich - Je t'aime - Ti Amo - Te quiero - Sarang Heyo - Kimi o Aishiteru Chit pa de - Bon sro lahn oon - Amo-te - Jag a Lskar dig - Ya vas Liubliu -" และรวบรวมเค้นน้ำเสียงที่หลงเหลืออยู่ในตัวเพื่อพูดคำ คำนี้ส่งท้ายไปถึงสรวงสวรรค์ " ฟาต้า ผมรักคุณ~ " " กุหลาบงามของผม " บรรดาแขกที่มาร่วมงานและคนในครอบครัว และเหล่าลูกพี่ลูกน้องต่างร่ำไห้ออกมาเมื่อได้ยินคำรักของคนทั้งคู่ในวัยหนุ่มสาวที่รักอย่างหวานซึ้ง " เป็นรักแท้ที่พระเจ้าพรหมลิขิตเป็นแน่แท้" แอนนาที่เป็นน้องสาวได้เป็นคนเอ่ยออกมาอันที่จริงแอนนาอิจฉาพี่สาวของตัวเองเป็นอย่างมากที่มีคนรักแสนวิเศษเยี่ยงนี้ หลังงานพิธีเสร็จสิ้นดีแล้วสองวันต่อมาปีเตอร์ได้อำลงวงการคลาสสิคผู้คนต่างพากันเสียดายเป็นอย่างมากที่เปียโนนิสต์อัจฉริยะหันหลังให้กับดนตรีคลาสสิคเพราะ การจากไปของหญิงผู้เป็นที่รัก
หนึ่งอาทิตย์ต่อมา เวลานี้ปีเตอร์ ได้มาอยู่ที่สนามบินฮีทโธรว์ มองเห็นผู้คนที่เดินผ่านไปมาพูดออกมา
" ฟาต้า ผมจะออกเดินทางไปยังสถานที่แห่งรักในความทรงจำของเรากัน "
ปกติแล้วเมื่อสูญเสียสิ่งคำคัญในชีวิตไปจะเลือกถอยห่างสถานที่แสนหวาน ทว่าชายคนนี้ปีเตอร์เค้าเลือกตรงกันข้าม จิตใจหนักแน่นดีแท้ หน้าตารูปร่างของปีเตอร์ดั่งเทพบุตรแสนงาม มีผมสีทองที่ยาวสลวยทำให้ใครต่อใครพากันนึกว่าเค้าเป็นสตรี รูปกายภายนอกแม้จะคล้ายสตรี แต่น้ำเสียงของเค้านั้นทุ้มต่ำแฝงความอ่อนโยนเอาไว้ แถมมีความเป็นสุภาพษุรุษครบถ้วนอย่างแท้จริง ปลายทางของเครื่องบินโดยสารลำนี้จุดหมายแรกคือ ดินแดนเทพนิยายปรัมปราโรแมนติกที่มีเสน่ห์น่าค้นหาเฉกเช่นตัวคุณนั่นเอง เจ้าหญิงของผม ผู้เลอโฉม ผมเชื่อว่าการเดินทางในครั้งนี้เป็น " บททดสอบแห่งรัก" เมื่อตัวผมก้าวข้ามความทรงจำแสนหวาน อภิรมย์นี้ไปได้จิตวิญญาณที่สิงสถิตในกายนี้จะเติบโตกล้าแกร่งขึ้น ผมมิได้ออกเดินทางเพียงลำพังหากแต่ทุกลมหายใจเข้าออก มีคุณอยู่เคียงข้างทุกเวลาไม่ว่าในยามที่หลับฝันหรือลืมตาตื่น บัดนี้ได้เวลาออกเดินทางแล้ว ช่วงเวลาแห่งการเดินทางในครั้งนี้ ผมจะจรดปลายปากาเขียนลงบนกระดาษแสนสวยน่าทนุถนอมนี้อย่างนุ่มนวลเพื่อทำการบันทึกเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นทุกอย่างให้โลกรับรู้ความรักของสองเราลึกซึ้งเพียงใด
p.s. เลดี้แอนนาน้องสาวผู้แสนดีงดงามไม่แพ้คุณตัดสินใจออกเดินทางเฉกเช่นเดียวกัน
กรุงลอนดอน
ประเทศอังกฤษ
ณ บ้านแสนสวยหลังหนึ่งในตัวเมือง
เวลาที่เราสูญเสียคนที่เรารักไปนั้น โลกใบนี้ช่างมืดหม่นเหลือเกิน พี่ค่ะ ทำไมถึงได้จากพวกเราไปเร็วนัก ทุกคืนวันของฉันเฝ้าแต่ร้องไห้กับการจากลาของพี่อยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน พี่สาวที่งดงามดุจนางฟ้า พี่แสนดีของฉัน คุณพี่ที่ฉันรักจากไปแล้วรู้ดีว่าร้องไห้สักเพียงใดก็มิได้พานพบกันอีกแล้ว
" แอน น้องรักประเทศแสนห่างไกลจากเกาะนี้ เกาะเล็กๆแห่งหนึ่งที่เรียกว่า " ประเทศญี่ปุ่น " ไว้เราไปท่องเที่ยวด้วยกันนะ "
แต่แล้ว...วันนึงในเดือนกันยายนพี่สาวของฉันได้เจ็บป่วยขึ้นมากะทันหันใครจะไปรู้ว่าอาการเพียงแค่เล็กๆน้อยๆจะส่งผลร้ายใหญ่โต พี่แสนดีอ่อนโยนของฉัน ป่วยเป็นโรคลูคิเมียชนิดร้ายแรงเฉียบพลันทันด่วน ปีเตอร์คนรักของพี่เมื่อได้รู้เข้าอุทานออกมาในทันทีว่า
" ฟาต้า เป็นลูคิเมีย!! "
สีหน้าของปีเตอร์ได้ซีดลงอย่างเห็นได้ชัด ยืนนิ่งไปชั่วขณะจากนั้นได้รีบรุดไปเยี่ยมทันที อาการของพี่นับวันยิ่งทุเลาลงอย่างรวดเร็ว และแล้วในวันสุดท้ายของเดือนกันยายนได้มาเยือน พี่สาวของฉันก็ได้จากไปอย่างสงบสิ้นใจอยู่ในอ้อมกอดของชายที่เป็นคนรัก อย่างพี่น่ะต้องได้ไปอยู่บนสรวงสวรรค์อยู่แล้วไม่ใช่เพียงเพราะเป็นคนสวยเท่านั้นเพราะพี่นั้นงดงามทั้งกายและใจ ถ้าฉันเป็นผู้ชายนะแล้วไม่ใช่น้องชายหรือญาติด้วยละก็ คนอย่างพี่น่ะฉันไม่ปล่อยให้ใครได้ดอกไม้บานสะพรั่งดอกนี้ไปเป็นอันขาด เพราะว่าฉันรักสุดหัวใจนะสิ
เพียงแค่เห็นรอยยิ้มสดใสดั่งพระอาทิตย์ฉายแสงนั้นก็อบอุ่นข้างในอกแล้ว แม้ต่อให้เป็นญาติกัน, เป็นน้องสาว, น้องชาย ,หลานหรือพี่สาว, พี่ชายของเรา เรารักเค้าสักเพียงใดขนาดไหนก็เป็นได้เพียงแค่พี่หรือน้องเท่านั้น มิอาจสมปราถนาต้องตัดใจให้ได้แม้จะรักเค้าขนาดแผ่นฟ้า ลึกสุดใจ แต่ถ้ารักมากปานกลืนกิน ยากเกินจะห้ามใจโปรดท่องไว้ในใจของเราให้หนักแน่นซะ " รักได้แต่..ห้ามลุ่มหลงเด็ดขาด วันนึงเค้าต้องจากเราไปไกลแสนไกล
" รักที่แท้จริงไม่ใช่การให้และรับหรือครอบครองเบ็ดเสร็จเด็ดขาดข้างเดียว ฉันรักพี่ แต่เมื่อได้เห็นสีหน้าของพี่ที่มีต่อปีเตอร์แล้ว พี่มีความสุขมากที่สำคัญสายตาคู่นั้นต่างหากเล่าที่พี่มองปีเตอร์น่ะ ฉันไม่เคยเห็นมาก่อน นี่หรือคือสายตาหญิงสาวที่มีความรัก พอได้เห็นเข้าทำให้รู้ว่า เค้าคือคนที่ทำให้พี่เรามีความสุขสุดขีดในชีวิต แว่บแรกที่เห็นก็รู้แล้วว่าชายคนนี้คือคนที่จะมาแย่งพี่ไปจากฉัน เมื่อหลับตาลงแล้วนึกถึงครั้งแรกที่ได้พบกับปีเตอร์
ในหัวของฉันคิดว่า
" ตานี่ หน้าตาเหมือนผู้หญิงแท้ๆ " ได้พูดว่าซะ
" นายน่ะกะเทยใช่มั้ย ไปให้พ้นแถวนี้เดี๋ยวนี้เลยนะ เจ้าบ้า " เจอตอบสวนกลับมาว่า
" เลดี้ผมอาจหน้าตาเหมือนหญิงสาวแต่ผมเป็นผู้ชายหนึ่งร้อยเปอร์เซ็นต์ครับผม "
" พูดแบบนั้นออกมาน่ะพิสูจน์ให้ดูซิ "
ตอนนั้นปีเตอร์เองได้แสดงท่าทางเหมือนอัศวินสมัยกลางโน่นพูดชัดถ้อยชัดคำว่า
" ขอสาบานต่อผืนดินนี้ ขอให้ผมผู้นี้ได้ปกป้องสาวน้อยท่านนี้ในยามหลับบรรทมด้วยเถิด"
คำพูดของเค้าทำฉันหน้าแดงขึ้นมาหน่อยๆ ที่หน้าแดงๆนี่คงเป็นเพราะบรรยกาศยามเย็นสวนสาธารณะเซนต์เจมส์ที่อยู่ในใจกลางกรุงลอนดอนมากกว่า
" นายนี่พูดแบบนี้ได้หน้าตาเฉยระวังตายเพราะปากล่ะ ซี้ซั้วพูดอย่างนี้กับผู้หญิงเจอดีสักวันนึงแน่ "
การพบกันครั้งแรกของพวกเราเป็นแบบนี้ ฉันเองจะเอาแต่อ่อนแอร้องไห้อย่างนี้ไม่ได้ รู้ดีว่าพี่จากไปแล้ว หลังจากงานศพของพี่ ฉันก็เก็บตัวอยู่แต่ในบ้านที่ห้องของฉัน ฉันที่นอนอยู่บนเตียงนอนไม่รู้เรื่องราวภายนอกใดๆเพราะไม่เปิดกระทั่งทีวีเลยนี่นา แล้วยัยเชอร์รี่ก็มาอาละวาดพล่ามที่หน้าห้องของฉันแถมทุบประตูดังโครมครามจนฉันสะดุ้งโหยงลุกนั่งตัวตรงขึ้น
" แก ยัยบ้าเอาแต่เก็บตัวฟูมฟายรู้ไหมว่าพ่อกับแม่แกเค้า เป็นห่วงนะโว้ย เศร้าไปก็เท่านั้นแหละ"
" รู้หรอกว่าแกเทิดทูน ติดพี่แค่ไหน แล้วลุกมาเปิดประตูเดี๋ยวนี้นะ ถ้าไม่มาเปิดให้ ฉันจะพังประตูเข้าไปซะเลย "
ยังไม่ทันลุกขยับออกไปจากเตียงสักมิลเดียวประตูห้องของฉันก็ถูกยัยเพื่อนสาวแรงกอริลล่าหรือคิงคองสาว จัดการเรียบร้อยเข้ามาในห้องได้แล้ว คนที่บุกรุกเข้ามาแล้วยืนอยู่ข้างหน้าเตียงนอนของฉันนั้น มีชื่อว่า " เชอร์รี่ " ภายนอกหล่อนเป็นสาวสวยแต่ห้าวเอามากๆ เรี่ยวแรงเยอะแยะเชียวล่ะ เป็นแชมป์เทควันโด้อีกต่างหาก
พอเข้ามาได้ก็จัดการพล่ามเป็นชุดๆต่อ
" อะไรเนี่ย!! ข้างในเนี้ยไหงมันเละเทะข้าวของกระจัดกระจายไปหมด แกลุกได้แล้วว้อย ยัยแอนนา ผมเผ้าดูไม่ได้เลย ไปล้างหน้าอาบน้ำแต่งตัวซะ ให้เวลา 30 นาที หนึ่งชั่วโมงก็ได้ ชักช้าอืดอาดวุ้ยยังไม่ขยับอีกแน่ะ "
" น้อยๆหน่อย บุกพังประตูเข้ามาก็พล่ามท่าเดียวแถมยังมาเจ้ากี้เจ้าการสั่งชาวบ้านอีกนะ"
" ถ้าจะโต้เถียงทะเลาะกันละก็ ไปอาบน้ำซะก่อนนู่น แล้วค่อยมาฉะฝีปากกันต่อเอามั้ย "
จากนั้นฉันเองได้ขยับตัวลุกก้าวขาไปเข้าห้องน้ำเสร็จแล้วค่อยกลับมาสวนคืนกันต่อ เชอร์รี่เองระหว่างที่รอคอยฉันได้กวาดสายตามองไปทั่วห้อง พอฉันออกมาจากห้องน้ำเชอร์รี่ได้ยืนประจัญบานเตรียมพร้อมเต็มที่ แต่อารมณ์ที่คุกกรุ่นของฉันได้เบาบางลงไปหน่อยบ้างแล้วเมื่อได้อาบน้ำอาบท่า เชอร์รี่เองที่เฝ้าสังเกตุสีหน้าของฉันเห็นว่าดีขึ้นมาบ้างแล้วได้เปลี่ยนทีท่าลงมาพร้อมกับพูดว่า
" ดี ทีนี้แต่งตัวแล้วลงไปข้างล่างกัน ฉันจะลงไปคอยที่ห้องรับแขกล่ะ "
พอเดินออกไปจากข้างในตัวห้องได้พูดออกมาว่า
" แล้วตัวประตูมันลงไปอยู่ที่พื้นได้ไงหว่า "
ดูซิ ลืมหน้าตาเฉยก็หล่อนนั่นแหละที่เป็นคนพังมันน่ะ ยัยเชอร์รี่ หลังจากที่ฉันแต่งตัวแต่งหน้าทำผมเสร็จดีแล้วได้ลงมายังข้างล่าง คุณพ่อและคุณแม่ที่เห็นตัวฉันเดินลงมาได้มีสีหน้าดีใจสดใสขึ้นมา คุณแม่ได้มาสวมกอดตัวฉันพร้อมกับหอมแก้ม เสร็จแล้วพูดว่า
" แม่ละกลัวลูกจะทำอะไรบ้าๆ แอนนาลูกแม่ "
" นะ หนู แค่เสียใจเพียงเท่านั้นค่ะ ไม่ได้เป็นอย่างที่แม่คิดหรอก "
เชอร์รี่เองที่ได้เฝ้ามองดูความรักของคนในครอบครัวก็มีสีหน้าแช่มชื่นที่ห่วงหาอาทรกันดี ทีนี้พออยู่พร้อมหน้าพร้อมตากันไม่รู้จะพูดอะไรขึ้นมาดีคำพูดที่เหมาะสมในเวลานี้กลายเป็นว่า
" ทานอะไรหน่อยดีไหม "
แทน เมื่อได้ลิ้มรสมันฝรั่งเข้าไป ความรู้สึกหิวได้พลุ่งพล่านไปทั่ว ทำให้ฉันได้ทานเข้าไปหลายเท่าเพราะฉันไม่ได้แตะต้องมันมาเลยเป็นเวลาสามวัน หลังจากทานอิ่มท้องเสร็จกันเรียบร้อยดีแล้ว คราวนี้ได้พูดคุยกันแล้วคุณพ่อได้เอ่ยปากขึ้นมาว่า
" ลูกเองไปไหนไกลๆจากลอนดอนดีมั้ยหรือต่างประเทศท่าจะดีนะ อยู่ที่นี่ตอนนี้มีแต่จะเจ็บปวดหัวใจ พ่อกับแม่เองก็กะจะไปไกลๆสักพักน่ะ "
ทำให้ฉันนึกถึงที่พี่พูดออกมา " ญี่ปุ่น "
" นะ หนูไม่รู้ว่าจะไปไหนดีนี่แม้ที่ลอนดอนนี่จะมีความเจ็บปวดกับการสูญเสียพี่ไปเหอะนะ แต่เดินทางไปไหนห่างไกลจากที่นี่ก็ตาม ใช่จะมีแต่เรื่องความปวดร้าว เรื่องดีๆก็มี "
เชอร์รี่ที่พอได้ยินสิ่งที่ฉันพูดออกมาจากปากเข้าได้โล่งอกพูดออกมาว่า
" แกพูดแบบนี้ได้แล้วแสดงว่าทำใจเรื่องพี่สาวได้ ฉันรึคิดว่าแกจะฟูมฟายซะอีก ถ้ายังงั้นไปไหนไกลๆก็ดีนะ อย่างแถวชนบททำนองนี้ เป็นไง แต่ปล่อยแกไปคนเดียวกลัวแย่ว่ะ "
นั่นสิ ถ้างั้นแกจะไปกับฉัน ได้มั้ยล่ะ
" คุณแม่เองได้หันไปหาเชอร์รี่แล้วพูดคุยกับเชอร์รี่ว่า " เชอร์รี่เองจะไปเป็นเพื่อนแอนนาด้วยได้มั้ยจ๊ะ ว่าไง? "
เชอร์รี่ได้ตอบรับในทันทีว่า
" ได้คะ แถมขืนปล่อยยัยนี่ไปไหนมาไหนเองคงน่าเป็นห่วง ยิ่งอ่อนแออยู่ "
ฉันพูดโต้บทสนทนากลับไปว่า "
ไม่ได้อ่อนแอสักหน่อยนึง เธอนั่นแหละเรี่ยวแรงยังกับกอริลล่า ไม่ก็สัตว์ประหลาดดีๆนี่เอง หัดทำตัวเป็นกุลสตรีบ้างสิย่ะ "
" ว่ายังไงนะ ยัยแอน มาว่าเค้าเป็นกอริลล่า เรอะ "
ทีนี้เลยเชือดเฉือนฝีปากกันเต็มที่เสร็จแล้วค่อยกลับมาพูดคุยเรื่องไปที่ไหนไกลๆดี ได้เลือกไปคอทส์โวลด์ และเมืองสีเหลืองอ่อนชื่อว่า บาธ( BATH )จากนั้นจะไปญี่ปุ่น
ฉันจะไปกับเชอร์รี่ แล้วฉันได้รู้ว่าปีเตอร์เองก็จะออกเดินทางเช่นกัน การเดินทางของปีเตอร์มันโหดร้ายมากเลยแต่เค้าเลือกที่จะไปเอง นับว่าเป็นคนที่จิตใจแข็งแกร่งไม่เบา กล้ามากเลย
" แม้พี่จะจากพวกฉันไปแล้วแต่พี่จะอยู่ในความทรงจำพวกเราทุกคนนะคะ แต่จะไม่มีวันลืมเด็ดขาด
"" สิ่งที่น่ากลัวที่สุดในชีวิตของคนเรานั้นคือการถูกลืม, หลงลืม,ลืมเลือน นั่นเอง "
I Love You( Lorie)
Par la fenêtre,
Je regarde seule,
La pluie qui tombe encore
Mais rien ne me touche
Je n'ai sur ma bouche
Que ton prénom qui m'obsède
Philadelphie, cette ville où tu vis
C'est si loin de chez moi
On s'écrit souvent
Mais à quoi tu penses vraiment ?
Tu ne sais pas me "je t'aime"
Moi je te l'écrirais quand même
Tu ne sais que me dire sans cesse "Girl I miss you"
Tu ne sais pas me "je t'aime"
Moi j'essaierais quand même "I love you"... Et toi ?
Do you love me too ?
Sur mon e-mail, j'ai souligné ton nom
Brandon@love.com
Est-ce que tu souris ?
Quand tu me lis ?
J'aimerais tant qu'on se revoit
La prochaine fois
Que tu viens ici
Je serais toute à toi
Je te donnerais
Ce que tu voulais parfois
Tu ne sais pas me dire "je t'aime"
Moi je te l'écrirais quand même
Tu ne sais que me dire sans cesse "Girl I miss you"
Tu ne sais pas me "je t'aime"
C'est mon doux théorème: "I love you"... Et toi .
Do you care ? Do you love me too ?
Tu ne sais pas me dire "je t'aime"
Moi je te l'écrirais quand même
Tu ne sais que me dire sans cesse "Girl I miss you"
Tu ne sais pas me "je t'aime"
C'est mon doux théorème: "I love you"... Et toi .
Do you love me too ?
... Je t'aime.
ฉันรักเธอ
ฉันนั่งมองออกไปนอกหน้าต่างอยู่คนเดียว
ฝนตกลงมาอีกแล้ว แต่ฉันก็ไม่ได้รู้สึกอะไร
ฉันมีเพียงแค่ชื่อของเธอที่ติดอยู่บนริมฝีปาก และคอยกวนใจฉัน
ฟิลาเดเฟีย เมืองนี้ไงที่เธออาศัยอยู่
มันช่างไกลจากบ้านฉันเหลือเกิน
เราเขียนจดหมายหากันบ่อยๆ
แต่จริงๆแล้วเธอคิดถึงอะไรกันแน่?
เธอไม่รู้วิธีบอกกับฉันว่า "Je t'aime"
ฉันก็เขียนคำนั้นถึงเธอในแบบเดียวกัน
เธอรู้เพียงแต่จะบอกกับฉันไม่เคยหยุดว่า "Girl, I miss you"
เพราะเธอไม่รู้วิธีบอกกับฉันว่า "Je t'aime"
ฉันก็เลยพยายามจะบอกในแบบเดียวกัน "I love you"...แล้วเธอล่ะ?
Do you love me too ? (เธอรักฉันเหมือนกันหรือเปล่า?)
บนอีเมล์ของฉัน ฉันขีดเส้นใต้ชื่อของเธอไว้
Brandon@love.com
เธอจะยิ้มหรือเปล่า?
เธอจะอ่านจดหมายของฉันเมื่อไหร่หนอ?
แต่ฉันจะรักเธอจนกว่าเราจะได้พบกันอีกครั้ง
ในคราวหน้าที่เธอมาที่นี่
ฉันจะเป็นทุกสิ่งทุกอย่างให้เธอเอง
ฉันจะคอยให้ในสิ่งที่เธอต้องการเป็นบางครั้ง
เธอไม่รู้วิธีบอกกับฉันว่า "Je t'aime"
ฉันก็เขียนคำนั้นถึงเธอในแบบเดียวกัน
เธอรู้เพียงแต่จะบอกกับฉันไม่เคยหยุดว่า "Girl, I miss you"
เพราะเธอไม่รู้วิธีบอกกับฉันว่า "Je t'aime"
นี่คือทฤษฎีที่ไพเราะที่สุดของฉัน : "I love you"... แล้วเธอล่ะ?
Do you care ? Do you love me too ? (เธอเป็นห่วงฉันบ้างไหม? เธอรักฉันเหมือนกันหรือเปล่า?)
เธอไม่รู้วิธีบอกกับฉันว่า "Je t'aime"
ฉันก็เขียนคำนั้นถึงเธอในแบบเดียวกัน
เธอรู้เพียงแต่จะบอกกับฉันไม่เคยหยุดว่า "Girl, I miss you"
เพราะเธอไม่รู้วิธีบอกกับฉันว่า "Je t'aime"
นี่คือทฤษฎีที่ไพเราะที่สุดของฉัน : "I love you"... แล้วเธอล่ะ?
Do you love me too ? (เธอรักฉันเหมือนกันหรือเปล่า?)
...ฉันรักเธอ
แด่พี่สาวแสนดีผู้น่ารักของฉัน
p.s. ข้างในลึกๆยังคงมีความอ้างว้างเดียวดายอยู่เคียงข้างชั่วชีวิตอยู่ดี... ทุกลมหายใจพี่ยังคงมีชีวิตอยู่ในความทรงจำเสมอ
เพลงนี้เป็นเพลงโปรดของหนูไงค่ะ การเดินทางครั้งนี้มียัยเชอร์รี่ตัวแสบแสนซนร่วมเดินทางไปกับหนูด้วยจะเป็นยังไงเนี่ย!!
(ติดตามตอนต่อไป)
ลองจัดๆให้นะคับ แต่บอกตรงๆว่า จัดหน้าได้ยากมากๆ
เนื้อเรื่องไม่แปลกใหม่อ่ะคับ แล้วพล็อกเรื่องพอจะเดาตอนจบได้
แล้วก็ เนื้อเรื่องดูเอาน้ำๆมาใส่ไว้เยอะแล้ว เด๊่ยวสักพักระหวังเกิดอาการคิดมุขไม่ออกนะคับ