Belong to the Truth Jesus Christ

เมือไม่นานนี้เอง พี่สาวผมเริ่มสนใจในตัวพระคริตส์ และเริ่มจะแสวงหา พระองค์ ซึ่งผมเองก้อเป็นเพียงผู้ที่ไม่รู้อะไรมาก บางครั้งพี่เค้าถามผมก้อตอบไม่ได้เลย อยากจะได้คำตอบที่เจ๋ง ใครพอจะมีคำตอบโปรดเมตตาผมด้วย เพื่อที่จะได้ให้คำตอบพี่สาวให้แบบกระจ่างแจ้ง คือ พีผมถามว่าทำไมถึงต้องไปวัดด้วย ทำอยู่บ้านไม่ได้เหรอ ไหนบอกว่าพระองค์อยู่กับเราทุกแห่งงัย เราก้อทำอยู่บ้านก้อได้นี้ ผมเลยไม่รู้จะพูดยังงัย รบกวนช่วยด้วย อยากให้พี่มาเป็นคริสเหมือนกัน แต่ไม่รู้จะให้คำแนะนำยังงัย

อธิบายไม่ถูกอ่า


รอป้ากลูเกิ้ล (พี่หน่อย) มาตอบ อิอิ

คุณทราบไหมว่า ทำไมเราชาวคริสต์จึงถือวันอาทิตย์  เป็นวันสำคัญและไปวัดร่วมพิธีมิสซา

สมเด็จพระสันตะปาปายอห์น ปอล ที่ 2 ได้ทรงกล่าวยืนยันถึงเรื่องนี้ในพระสมณสาสน์ชื่อ “วันของพระเจ้า” (Dies Domini – 30 พ.ค. 1998) ว่า เราเรียกวันอาทิตย์เป็นวันของพระเจ้าตั้งแต่ในสมัยอัครสาวก เพราะเกี่ยวโยงอย่างใกล้ชิดกับหัวใจของพระธรรมล้ำลึกแห่งคริสต์ศาสนา วันอาทิตย์เป็นวันที่พระคริสตเจ้าทรงกลับคืนพระชนมชีพ เป็นวันปัสกาที่หวนกลับมาอาทิตย์แล้วอาทิตย์เล่า เพื่อเฉลิมฉลองชัยชนะของพระคริสตเจ้าเหนือบาปและความตาย (ข้อ 1)

คุณพ่อสำราญ  วงศ์เสงี่ยม เขียนหนังสือ พิธีกรรม เล่ม 2 (วิทยาลัยแสงธรรม จัดพิมพ์)  ให้เหตุผลในเรื่องนี้ว่า

1. เหตุการณ์สำคัญ ของการกอบกู้มนุษยชาติของพระเป็นเจ้า  หรือประวัติศาสตร์แห่งความรอดของเรา  ตรงกับวันอาทิตย์ เช่น การกลับคืนพระชนมชีพของพระเยซูเจ้าในเช้าตรู่วันต้นสัปดาห์ (ลูกา 24:1)  ทรงปรากฏองค์แก่บรรดาศิษย์ (ยอห์น 20:1 ,19 , 26) พระจิตเสด็จมายังบรรดาศิษย์ตรงกับวันอาทิตย์ (กิจการ 2:1)  จึงทำให้วันอาทิตย์มีความหมายสำหรับชาวคริสต์มากกว่าวันอื่น

2. อัครสาวกถือตามคำสั่งของพระเยซูเจ้าให้ถวายบูชามิสซาเพื่อระลึกถึงพระองค์ (1โครินธ์ 11:24) จึงชุมนุมกันเพื่อร่วมเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันกับพระเยซูเจ้าในศีลมหาสนิท

3. เราถือวันอาทิตย์เป็นวันสำคัญ ได้ถือปฏิบัติติดต่อกันมาช้านาน กลายเป็นการนัดพบ ของชุมชนคริสตชนในวัด โดยไม่ต้องเสียเวลาไปนัดหมายวันอื่น  (หน้า 17-18)

4. นอกจากวันอาทิตย์เป็นวันหยุดจากการงานประจำ ดังที่พระเป็นเจ้าสอนเราในหนังสือปฐมกาล ทรงสร้างโลก 6 วัน  วันที่เจ็ดทรงหยุดพัก  เพื่อสอนเราให้หยุดพัก เพื่อฟื้นฟูร่างกาย และมีความสัมพันธ์กับครอบครัว  ญาติพี่น้อง เพื่อน และชุมชน

5. เมื่อไปวัดวันอาทิตย์  เราสัมผัสกับพระวาจาของพระเป็นเจ้าในพระคัมภีร์ และ รับศีลมหาสนิท จึงเป็นโอกาสรับอาหารฝ่ายจิตจากพระวาจาของพระเป็นเจ้า จากบทเทศน์ของพระสงฆ์ จากศีลมหาสนิท  และจากการอธิษฐานภาวนา

นอกจากนั้นมีโอกาสทำบุญ ให้ทานช่วยเหลือคนยากไร้  และประกอบกิจการเมตตาสงเคราะห์
ดังนั้น ในบัญญัติพระศาสนจักรที่กำหนดให้เราไปวัดร่วมพิธีมิสซาบูชาขอบพระคุณในวันอาทิตย์  และรับศีลมหาสนิทในกำหนดปัสกา จึงมีความหมายและมีประโยชน์ต่อเราเอง  และสังคม
ทราบแล้วใช่ไหมครับ  ชวนคนในบ้านไปวัดโดยโอกาสปัสกาปีนี้ด้วยนะครับ.


ที่มา::http://ccbkk.catholic.or.th/catechesis/ ... ate32.html

สำหรับเราการที่ได้ไปวัด เราจะรู้สึกได้ถึงการรับพระพรในพิธีมิสซา ความสงบสุข สันติ

ได้ฟังพระวาจา ได้ฟังพ่อเทศน์สอนสิ่งดีๆ เสมอๆ  พ่อใจดี

หลายๆ ครั้งที่เวลามีปัญหา หรือมีคำถามในใจ เมื่ออธิษฐานขอคำตอบ

ก็มักจะได้คำตอบในมิสซาเสมอๆ ค่ะ  มีคุณพ่อที่เป็นที่ปรึกษาที่ดี คอยช่วยเหลือด้านจิตใจ

รู้สึกได้ถึงความเป็นครอบครัวในวัด ความอบอุ่น ความสัมพันธ์กันในวัดค่ะ

ได้เพื่อนใหม่ๆ มากมาย สารพัดเลยค่ะ

คิดถึงพระเจ้าครับ 

พี่หน่อยกับน้องฟ่าตอบดีจัง 

KaVe เขียน: คิดถึงพระเจ้าครับ 

พี่หน่อยกับน้องฟ่าตอบดีจัง 

ฟ่าไม่ได้ตอบ ฟ่าแค่ลอกมาให้เค้าอ่านอ่ะ

แต่เห้นด้วยกับพี่หน่อยเรื่องไปวัดแล้วได้เพื่อนใหม่>_<1

คิดซะว่าไปอาบน้ำทางจิตวิญญาณละกันนะครับ

สำหรับผมไปเพื่อระลึกถึงการสิ้นพระชนม์และการกลับคืนพระชนม์ชีพ และไปเพิ่มเติมพลังชีวิตจากศีลมหาสนิท
ไม่รู้สินะการไปวัดสำหรับผมมันมีความที่อธิบายยากแต่อยากไป

ร่วมศาสนพิธี ฟังพระวาจา พบปะพี่น้อง    เหมือนกับ ทำไมคนพุทธถึงต้องไปวัดครับ ทั้งที่มีพระพุทธรูปอยู่ที่บ้าน(แต่ไม่เคยไหว้ ชอบไปไหว้ที่วัด)

ไปรับพระองค์ที่ทรงซ่อนพระกายอยู่ในศีลมหาสนิทครับ



เป็นพระองค์เองที่ทรงซ่อนพระกายในปัง ทรงเป็นองค์เดียวกันกับเมื่อ 2000 ปีที่แล้ว

เราไปวัดในวันอาทิตย์ เพื่อไปร่วมบูชามิสซา ได้แก้บาปรับศีล และได้ฟังพระวาจาครับ 

เอาส่วนตัว ข้าพเจ้ารู้สึกเหมือนกลับบ้าน ไปหาเพื่อนๆที่เรารู้จัก ไปทำกิจกรรมร่วมกัน บางกิจกรรมทั้งผู้ใหญ่เเละเด็กก็ทำร่วมกัน
ไปร้องเพลง ไปกินโอวัลตินฟรี   เเละที่สำคัญไปหาพระพักผ่อนจิตใจซะบ้าง

เเล้วถ้านมัสการที่บ้านไม่ได้หรือ?  ทำอะไรคนเดียวนานๆไม่เหงาหรือ? ไม่กลัวเบื่อ? ไม่กลัวเลิกล้มความตั้งใจ? หรือ  อะไรประมาณนั้น

เหมือนทานข้าว บางคนทานข้าวคนเดียวไม่ได้ต้องทานกับเพื่อนหรือครอบครัวเท่านั้น  
เเต่บางคนก็ชอบส่วนตัวทานคนเดียว พอนานๆเข้าก็เริ่มไม่เป็นเวลา จนถึงขั้นลืมทาน (เพราะทำงาน, ดูหนัง เล่นเกมส์ ฯลฯ) สุดท้ายก็เป็นโรคกระเพาะ

ศีลมหาสนิทในมิสซาวันอาทิตย์ ก็คืออาหารฝ่ายวิญญาณ เราไปวัดก็เหมือนไปทาน(รับ)อาหารฝ่ายวิญญาณ เเละไม่เป็นโรคกระเพาะฝ่ายวิญญาณ

ไปหาพระเจ้าครับ ไปรับพระพร ไปรับพระคำ ไปเติมพลังชีวิต ไปชาร์จไฟฝ่ายวิญญาณ ฯลฯ อีกนานับคุณประการของการเข้าพิธีมิซซาของวันอาทิตย์ปัญญาน้อยนิดของผมบรรยายไม่หมดและครบถ้วนครับ

พระบิดาเจ้าทรงสร้างโลก 6 วัน ในวันที่ 7 พระองค์ทรงพักผ่อน ให้มนุษย์มานมัสการพระองค์

ขอบคุณสำหรับความคิดเห็นของทุกคน 

และเจ้าจะรักษาตัวให้หมดจดจากโลกให้เต็มที่ยิ่งขึ้น เจ้าจงไปยังบ้านแห่งการสวดอ้อนวอนและถวายศีลระลึกของเจ้าในวันศักดิ์สิทธิ์ของเรา เพราะตามจริงแล้วนี่คือ วันที่กำหนดไว้ให้เจ้าเพื่อพักผ่อนจากการทำงานของเจ้า และเพื่อถวายความจงรักของเจ้าแด่พระผู้สูงสุด กระนั้นจะยังถวายคำปฏิญาณของเจ้าในความชอบธรรมทุกวันและทุกเวลา แต่จำไว้ว่าในวันนี้วันของพระเจ้า เจ้าจงถวายเครื่องสักการะของเจ้าและศีลระลึกของเจ้าแด่พระเจ้าผู้สูงสุด สารบาปของเจ้ากับพี่น้องของเจ้าและต่อพระพักตร์พระเจ้า และในวันนี้ เจ้าจะไม่ทำสิ่งอื่นใดเพียงให้อาหารของเจ้ามีเตรียมไว้ด้วยใจมุ่งหมายอย่างเดียวเพื่อการอดอาหารของเจ้าจะสมบูรณ์ หรืออีกนัยหนึ่งเพื่อความสุขของเจ้าจะเต็มเปี่ยม