[[แบ่งปัน]] การเดินทางในเดือนมกราคมที่ผ่านมา...

ใครมาใหม่เชิญทางนี้ก่อน ทักทาย ทดลองโพส
ตอบกลับโพส
Alphonse
โพสต์: 1792
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ ส.ค. 23, 2006 10:45 pm
ที่อยู่: Thailand

พุธ ก.พ. 03, 2010 5:21 am

จากกระทู้ ... ขอคำภาวนาของผม
ตอนนี้ปัญหาต่างๆ ก็ค่อยๆ คลี่คลายลง... เป็นปมๆ ไป
ตอนนี้ปัญหาหลักๆ ก็เหลือแค่...เรื่องอนาคตหลังเรียนจบที่ที่บ้านต้องการ กับเรื่องทำอย่างไรให้เรียนให้จบ (และเรื่องเรียนต่อด้วย)

ซึ่ง...กิจการงานที่ผมทำ (และเที่ยวด้วย) หลายๆ ครั้งก็มีการเดินทางไปนู่นนี่นั่นโน่น...ก็เลยอยากเอามาแบ่งปันครับ...
((ลงไม่ครบนะครับ ลงเฉพาะที่อยากแบ่งปัน เหอๆ))

เริ่มแรก...ของการเปิดปี ๒๐๑๐ ของผม..คือการโดนส่งตัวไปดิวงานของกงสีที่ฮ่องกงมาเก๊าปักกิ่งเซี่ยงไฮ้...เมืองที่น่าเบื่อที่สุดรองจากไทย...เพราะฉะนั้นไม่ขอพูดถึง ผ่าน...



ทีนี้มาที่กิจการงานแรก
งานฟุตบอลประเพณีจุฬา - ธรรมศาสตร์ ครั้งที่ ๖๖
งานนี้อย่างที่เคยประชาสัมพันธ์ และบ่นๆ ไปแล้ว ว่าเหนื่อยมาก รับผิดชอบเป็นผู้ประสานงานพาเหรด ควบคุมเวลา และฝ่ายควบคุมดูแลสนาม พิธีเปิดปิด และจัดการช่างภาพ
ซึ่งเป็นสเกลงานที่ใหญ่กว่าที่รับทำปีที่แล้วมากๆ ความจริงปีที่แล้วก็ทำฝ่ายนี้ แต่เป็นผู้ช่วยของเพื่อนสนิทอีกที แต่ปีนี้เพื่อนสนิทคนที่ว่าบังเอิญขึ้นเป็นอุปนายก อมธ. ฝ่ายกิจการภายนอก
ซึ่งเป็นตำแหน่งที่ต้องเป็นพ่องานฟุตบอลประเพณีในส่วนของนักศึกษา...เหมือนมันจะมองซ้ายมองขวาเจอเรากำลังนั่งเล่นอยู่...."เสร็จ" โยนงานของมันปีที่แล้วเข้าหาเราจังเบ้อเริ่ม แทบตาย
ถามว่าทำงานนี้ได้อะไรหรือเปล่า...มากมายครับ
ผมเป็นคนที่เติบโตมากับงานฟุตบอลประเพณีฯ เพราะว่าป๊าเป็นอนุกรรมการฝ่ายจัดหาทุน สมาคมนิสิตเก่าจุฬาฯ (สนจ.) ก็เลยคร่ำหวอดในวงการ และก็ "ไม่ชอบ" งานฟุตบอลฯ มาตั้งแต่เด็กๆ
ตอนเด็กๆ มันด้วยเหตุผล "ร้อน" ฮ่าา แต่พอโตขึ้นเหตุผลคือ "เปลือง" "ฟุ่มเฟือย" "จัดไปก็ทะเลาะกัน" แต่ก็นั่นล่ะ...ผมก็ "รับใช้งานบอล" มาตั้งแต่ปีหนึ่ง เพียงแต่หน้าที่ต่างกัน

เพื่อนๆ ผมจะชอบล้อว่า "ท่านชายขายวิญญาณทำงานบอลหรือท่าน" (ท่านชายเป็นฉายาที่เพื่อนๆ ในมหาวิทยาลัยเรียกกัน ส่วนที่มา...เหอะๆ พี่ยศน่าจะพอรู้ ฮ่าา)
เอาเป็นว่า...สุดท้ายผมก็ต้องทำงานบอล ด้วยใจที่... "ม่ายอาวววววววววววว" สี่ปีเต็มๆ ปีหนึ่ง...ปีสอง...ปีสาม...ผมก็ยังไม่ปลื้มงานนี้
แต่พอขึ้นปีที่สี่ ซึ่งหน้าที่รับผิดชอบนั้น..."สเกลใหญ่" ต้องคอยดิวงานกับ กรรมการ สนจ. ดิวงานกับนิสิต จาก อบจ. (องค์การบริหารสโมสรนิสิตจุฬาฯ)
แก้นู่นแก้นี่ทั้งเอกสาร โครงการ แบกรับจำนวนเงิน จัดการตารางเวลาที่เลทแม้นาทีเดียวก็ไม่ได้ เพราะมันหมายถึงเงินเป็นหมื่นที่ต้องเสียเพิ่มต่อนาที
จัดหาและคอนโทรลคนในสังกัด ทั้งที่ไว้ใจได้และไว้ใจไม่ได้...ทะเลาะกับ นิสิตจุฬาฯ (อันนี้จริงจังผมกำหมัดแล้ว พร้อมกับปล่อยหน้าแข้งออกไปแล้ว แต่เพื่อนดึงไว้ทัน)
คือหลายๆ อย่าง มันทำให้ผมรู้สึกว่า..."มาทำงานนี้ทำไม"
คือด้วยอารมณ์รุนแรงของผม...ทำให้งานฟุตบอลฯ เกือบล่ม...เพราะ
หัวหน้างานฝ่ายสนามและไทมเมอร์ของ อบจ. เหมือนจะถูกบลัฟจาก"ผู้ใหญ่" ใน อบจ. หรืออย่างไรมาไม่ทราบ แต่ผมรู้สึกว่า "เขามาทำน้ำเสียงสีหน้า และหลายๆ อย่างใส่ผม"
เหมือนอ้าว...มาลงที่ตู แล้วหลายครั้งมากๆ ทั้งวีน ทั้งด่า ทั้งสีหน้า ซึ่งด้วยบุคลิกผม...ผมยอมไม่ได้ ถึงขั้นสั่งให้คนในสังกัดของผมทั้งหมด ไม่เข้าไปในสนามแข่งขันในวันก่อนแข่งหนึ่งวัน
ซึ่งถือว่าเป็นวันสำคัญที่สุด...จนกว่าฝ่าย อบจ. จะปลดคนๆ นั้นออกจากตำแหน่ง (เป็นตำแหน่งที่ต้องดิวงานกับผมโดยเฉพาะ) ซึ่งนั่นหมายความว่า...ถ้าคนของผมและผมไม่เข้าไปในสนาม
งานที่เตรียมมาเกือบ ๖ เดือน จะล่มแน่นอน เพราะเตรียมใหม่ไม่ได้ ฝ่ายที่ผมทำไม่ใช่ฝ่ายที่จะเตรียมคนมาแทนได้ง่ายๆ...จนสุดท้าย...ต้องเปิดการเจรจาทีมจัดทั้งสองฝ่าย
ผมจึงยอมกลับเข้าไปในสนามเพื่อเตรียมงานต่อ...โดยมีข้อแม้ว่า... "ฝ่าย อบจ. ต้องขอโทษ ด้วยเกียรติภูมิของจุฬาฯ ที่มาลบหลู่ดูหมิ่นคนของฝั่งนี้" แน่นอนครับ ว่า "มันแรงมาก"
และทาง จุฬาฯ ก็คงไม่ยอมแน่นอน (ผมก็คิดไว้อย่างนั้นล่ะ คือ หาสิ่งที่เขายอมไม่ได้แล้วยกขึ้นมา ฮ่าา)
เอาเป็นว่า ไม่ขอบอกในตอนนี้ว่าสุดท้ายแล้ว เจรจากันอย่างไรถึงจบลงด้วยดี...แต่สิ่งที่ผมประทับใจเกิดขึ้นหลังจากนั้น

หลังจากที่ทุกอย่างไปด้วยดี การทำงานของเราราบรื่นมากๆ พองานเสร็จผมถอดเสื้อสตาฟแลกกันครับ"เพื่อน"ที่เคยทะเลาะกันของฝั่งโน้น
กอดคอน้ำตาแทบจะไหล ทุกอย่างสำเร็จ เพราะเราช่วยกัน เข้าใจกัน สุดท้ายผมก็เจอ...นี่คือเหตุผลว่าทำไม "งานฟุตบอลประเพณี" ถึงยังมีคุณค่าสำหรับคนที่เคยเข้ามาทำ

ถามว่าผมผ่านปัญหาด้านอารมณ์ของตัวเองมาได้อย่างไร...เพื่อนจาก อบจ. คนนั้น เขาเดินมาหาผม...กอดคอแล้ว...ลากกกกกกก ออกไปคุยกันสองคน ฮ่าา
เราได้แลกเปลี่ยนปัญหา อารมณ์ เหตุและผล ลักษณะนิสัย บุคลิก ของกันและกัน เราได้คุยกันก่อนเริ่มทำงานด้วยกันจริงจัง...ปัญหาผ่านไปได้เพราะเราเปิดใจและเข้าใจกัน
ผมค้นพบพยานสัจจะที่ว่า "ถ้าไม่คุยกันดีๆ ปัญหาก็จะไม่จบ" อีกครั้งจากงานนี้ ผมชอบมิตรภาพที่เกิดจากการเกือบฆ่ากันนิดนึงล่ะครับ

รูปภาพ




หลังจากเสร็จงานฟุตบอลประเพณี...ผมต้องรีบถ่อสังขารบึ่งรถไปที่มหาวิทยาลัยบูรพา บางแสน เพื่อประชุม องค์การความร่วมมือนิสิตนักศึกษานิติศาสตร์แห่งประเทศไทย ..
อันนี้ผมไม่ขอพูดถึง เป็นความลับ ฮ่าาาาาาาาาาา
เอาเป็นว่าผมอยู่วันเดียว ต้องรีบกลับก่อน เพราะมีภารกิจต้องไปเชียงใหม่...วู๊วววววววววส์ ....ไปทำงานครับไปทำงาน...




งานที่ไปที่เชียงใหม่...คือการนั่งรถไฟฟรีชั้นสาม กรุงเทพ - เชียงใหม่ แล้วต่อรถกระป๋องอีก ๔ ชั่วโมง เพื่อไปที่ตำบลท่าตอน อำเภอแม่อาย จังหวัดเชียงใหม่ (งบน้อยไปกันเยอะ)
ไปที่ "คลินิกกฎหมายชาวบ้าน เพื่อคนไร้รัฐไร้สัญชาติ" ที่คณะนิติศาสตร์ มธ. และมหาวิทยาลัยพายัพ ให้ความช่วยเหลือชาวบ้านที่นั่นอยู่
เราไปกันยี่สิบห้าชีวิต เกือบสิบวันที่นั่น แม้ผมจะเคยขึ้นไปเป็นอาสาสมัครที่นั่นตอนปีสองเพราะความสนใจส่วนตัว แต่ไปครั้งนี้ไปในฐานะพี่ปีสี่ ที่พาน้องๆ ปีหนึ่งปีสองไป
ผมก็ยังพบปัญหาเดิมๆ ที่ผ่านไปเกือบสิบปีก็ยังไม่หมด คือ "ปัญหาคนไร้รัฐไร้สัญชาติ" ซึ่งปรากฎบุคคลที่ไม่มีฐานะทางทะเบียน หรือ เลข ๑๓ หลัก มากมาย
ทำให้เขาไม่มีโอกาสได้รับสวัสดิการ การศึกษา การพยาบาล อนามัย การเดินทาง ฯลฯ อย่างที่มนุษย์คนหนึ่งจะได้รับ
คนบางกลุ่มก็อพยพมาจากฝั่งโน้น (พม่า) แต่ก็อพยพมาหลายรุ่นแล้ว จะกลับไปก็ไม่ได้ เพราะไม่มีอะไรเหลือที่พม่า จะอยู่เมืองไทยต่อก็...เป็นคนต่างด้าว ทำอะไรไม่ได้..
สิ่งที่เราไปช่วยที่นั่นคือ ช่วยเก็บข้อมูลของบุคคลเหล่านี้ ที่บางคนควรจะมีสัญชาติไทย หรือบัตรประจำตัวผู้พลัดถิ่น (ดีกว่าบัตรต่างด้าว) แต่ตกการสำรวจ
หรือจากการที่เจ้าหน้าที่เรียกสินบน แต่ไม่มีปัจจัยพอที่จะจ่ายใต้โต๊ะ ทำให้กลายเป็นคนไม่มีสถานะทางทะเบียน แล้วก็ทำอะไรไม่ได้เลย
เราไปช่วยเขา...
เพื่อให้เขาเข้าถึงสวัสดิการ น้องเณรที่ต้องบวชเรียนเพื่อหนีการจับกุม และไม่สามารถเข้าเรียนในโรงเรียนปกติได้ จะได้มีชีวิตที่ดีขึ้น...
...คนที่นั่นเรียกเราว่า "อาจารย์" ทั้งๆ ที่เราเป็นนักศึกษาที่ยังเอาตัวเองไม่รอดแท้ๆ...
บัตรประชาชนที่เราวางทิ้งวางขว้าง คนที่นั่นเก็บรักษาอย่างดี แทบจะใส่กรอบห้อยคอกันทีเดียว
เพราะมันแสดงถึง สถานะ "ความเป็นคน" ของเขา ถ้าเขาไม่มีมัน อาจจะโดนจับ ถูกส่งไปพม่า หรือโรงพยาบาลไม่รับรักษา ฯลฯ ได้ง่ายๆ
และถ้าบัตรหาย...อาจจะถูกสงสัยว่าเป็นพม่าปลอมมา ถูกถอดสัญชาติทั้งครอบครัว ลูกหลานพลอยไปด้วย
ผมไปเจอเคสๆ หนึ่ง ที่ทั้งยาย และหลานต้องตาย เพราะไม่มีเงินรักษาในโรงพยาบาล เพราะถูกถอดสัญชาติด้วยเหตุผลไม่เป็นธรรม ทำให้ไม่มีสิทธิรักษาตามบัตรทอง
ทั้งๆ ที่เขาเป็น "คนไทยแท้ๆ" แต่ด้วยความเลินเล่อของเจ้าหน้าที่ ทำให้ถูกถอดสัญชาติ แม้สุดท้ายจากการฟ้องร้อง จะได้สัญชาติคืน แต่ก็สายไปเสียแล้ว...การรักษาไม่ทันการณ์
ทั้งยายและหลาน ต้องเสียชีวิตหลังศาลมีคำพิพากษาให้คืนสัญชาติเพียงสองวัน...
เรื่องนี้ผมไม่ขอเล่ามาก จะดราม่าไปมากเสียเปล่าๆ เอาเป็นว่า

"สิ่งที่เรามีและไม่เห็นคุณค่า มันอาจจะหมายถึงชีวิตทั้งชีวิตของใครอีกคนก็ได้"

รูปภาพ
(ภาพขณะลงพื้นที่เพื่อตามสอบพยานบุคคลเพื่อยืนยันการเป็นคนไทย)
ปล. ใครสนใจประเด็นนี้ หลังไมค์ได้ครับ



จากนั้น...ก็กลับลงมาที่กรุงเทพ...เพื่อพักหนึ่งวัน เพื่อไปร่วมค่ายเล็กๆ ออกแนวอาสาสมัครเพื่อเด็กๆ ของน้องบูเก้ ที่จัดในนามของชมรมคาทอลิก มธ.
เราไปที่อำเภอนครไทย จ.พิษณุโลก และอำเภอหล่มสัก จ.เพชรบูรณ์ ((ชวนคุณเลย์ไปด้วยกันด้วย แล้วก็มาด้วยอย่างไม่คิดเลย ฮ่าา))
เราไปสัมผัสวิถีชีวิตของชาวชาติพันธุ์ม้ง ซึ่ง ศูนย์คาทอลิกม้ง (ที่นั่นบริหารงานและอภิบาลโดยคณะ OMI) ดูแลอยู่
ได้เรียนรู้วิถีชีวิตของคนที่นั่น ทำกับข้าวกินเอง (แทบกินไม่ได้แหนะ รันทดมากกกกก)
คาทอลิกม้งที่ร้อนรนไปด้วยศรัทธา น้ำใจเปี่ยมล้น (ใจดีสุดๆๆๆ) และเด็กๆ ที่...มีแต่ "ความซน" แต่ไม่ "เกเร" หรือ "กวนตี.." เหมือนเด็กเมืองแม้แต่น้อย
ก็ไม่มีอะไรมากครับ แค่ไปเล่นกับน้องๆ เด็กๆ ตามโรงเรียนห่างไกล...เอาของไปบริจาค เสื้อผ้า อุปกรณ์กีฬา ขนม เครื่องเขียน ไปแนะแนวอาชีพ การเรียนต่อ
แลกเปลี่ยนวัฒนธรรมกับน้องๆ ม้ง...สนุกสนานกันทีเดียว
ขอบคุณพ่อโจ้ และพ่อไพโรจน์ ที่คอยดูแลเราอย่างดี
ขอบคุณน้องบูเก้ และน้องเมฆ ที่ัจัดค่ายดีๆ ให้พี่ไปร่วมนะครับ

รูปภาพ
ชักภาพเป็นที่ระทึกร่วมกับคุณพ่อไพโรจน์และน้องๆ ม้ง ที่พักอยู่ที่วัดกับคุณพ่อ

ปล. ใครสนใจอยากไป ติดต่อได้ เรามีแพลนจะไปกันอีก หรือใครอยากบริจาคข้าวของเงินทอง อุปกรณ์ใดๆ ที่อยากให้ เต็มที่เลยครับ ติดต่อผ่านเราได้
ที่นั่นมีโปรแกรมจะสร้างวัดในท้องที่ห่างไกลเพิ่มอีก และยังขาดทุนจำนวนมาก และน้องๆ ก็ยังขาดอุปกรณ์ต่างๆ ที่จำเป็นครับ หรือแค่อยากไปเล่นกับน้องๆ ก็ได้นะ




สุดท้าย...หลังจากกลับมา...ผมก็โดดประชุม UN ไม่ไหว...ขี้เกียจมากกกกกกกกกกกก
แล้วหนีไปฮันนีมูนนิดหน่อยที่อัมพวา (พักผ่อนใกล้ๆ นี่ล่ะ) ไปกับเพื่อนๆ ๕-๖ คน
พักที่บ้านตากอากาศของเพื่อนที่นั่นซึ่งอยู่ห่างจากอาสนวิหารบางนกแขวกเพียงห้าร้อยเมตร
สามารถพายเรือจากบ้านไปวัดได้เลย...ก็เลยได้มีโอกาสไปมิสซาในวันอาทิตย์ที่ ๓๑ มกรา ที่นั่น..(ไม่ทราบว่าก่อนหน้านั้นมีบวชสงฆ์ซาเลเซียนที่ราชบุรี...อดไป)
ก็เลยถ่ายภาพอาสนวิหารมาฝากครับ...

รูปภาพ


ปล. เอามาลงแค่ภาพเดียวก่อน เดี๋ยวจะอัพโหลดภาพภายในอาสนวิหารมาลงต่อไปครับ
ปล. อาสนวิหารแม่พระบังเกิด บางนกแขวก ก็ประสบปัญหาเช่นเดียวกับอาสนวิหารหรือวัดที่ตั้งใกล้แหล่งน้ำทั่วๆ ไป คือ เริ่มทรุด ไม่สามารถรับน้ำหนักเยอะๆ ได้
ผมหวังว่าอีกสามสิบสี่สิบปีข้างหน้า อาสนวิหารเหล่านี้จะยังคงอยู่ อยากให้ทางผู้ใหญ่และภาครัฐร่วมกันดูแลสมบัติทางอารยธรรมเหล่านี้อย่างจริงจังมากมาย
แก้ไขล่าสุดโดย Anonymous เมื่อ พุธ ก.พ. 03, 2010 3:49 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
Alphonse
โพสต์: 1792
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ ส.ค. 23, 2006 10:45 pm
ที่อยู่: Thailand

พุธ ก.พ. 03, 2010 5:23 am

สุดท้าย..ขอขอบคุณสำหรับการระลึกถึงในคำภาวนาที่ผ่านมาและต่อไป
ผมยังต้องผ่านอะไรอีกเยอะ อยากได้กำลังใจและเสียงภาวนาจากทุกๆ คน

ขอบคุณมากมายครับ ขอบคุณจริงๆ
sinner
โพสต์: 2246
ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ มี.ค. 08, 2009 1:24 pm

พุธ ก.พ. 03, 2010 10:56 am

 : emo038 : ::045::
แก้ไขล่าสุดโดย sinner เมื่อ จันทร์ ก.พ. 08, 2010 12:08 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
ภาพประจำตัวสมาชิก
เลย์
โพสต์: 1845
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ ส.ค. 05, 2009 12:27 am
ที่อยู่: ในอ้อมพระหัตถ์พระเป็นเจ้า
ติดต่อ:

พุธ ก.พ. 03, 2010 12:24 pm

พ่อไพโรจน์ครับ เอช ไม่ใช่พ่อประเสร็ฐ  : emo045 :

น้องๆชาวม้งที่นั้นน่ารักครับ ศรัทธา มีอัธยาศัยดี เลย์ชอบครับ ไปแล้วไม่อยากกลับกรุงเทพเลย อยู่กับเด็กๆแล้วมีความสุข  : xemo026 :
sinner
โพสต์: 2246
ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ มี.ค. 08, 2009 1:24 pm

พุธ ก.พ. 03, 2010 12:59 pm

: emo036 :
แก้ไขล่าสุดโดย sinner เมื่อ จันทร์ ก.พ. 08, 2010 12:05 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
อันตน
~@
โพสต์: 4164
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ ก.ค. 06, 2005 6:50 pm
ที่อยู่: ภูเก็ต

พุธ ก.พ. 03, 2010 1:00 pm

น้องเอชฉุ ชีพจรลงเท้าดีจัง
Alphonse
โพสต์: 1792
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ ส.ค. 23, 2006 10:45 pm
ที่อยู่: Thailand

พุธ ก.พ. 03, 2010 3:48 pm

THE i 'dol เขียน: พ่อไพโรจน์ครับ เอช ไม่ใช่พ่อประเสร็ฐ  : emo045 :

น้องๆชาวม้งที่นั้นน่ารักครับ ศรัทธา มีอัธยาศัยดี เลย์ชอบครับ ไปแล้วไม่อยากกลับกรุงเทพเลย อยู่กับเด็กๆแล้วมีความสุข  : xemo026 :
เออะ...ตอนพิมพ์อยู่ในสภาวะง่วง...ขอโทษพ่อประเสริฐด้วย จะไม่ลืมอีกแล้ว ฮ่าาาาา
วอ
โพสต์: 1153
ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. พ.ย. 13, 2008 7:36 pm

พุธ ก.พ. 03, 2010 5:04 pm

วัดสวยจัง
Jesus loves You
โพสต์: 740
ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ ก.ค. 12, 2009 11:36 pm

พฤหัสฯ. ก.พ. 04, 2010 12:13 am

ยาว ดีครับ

แต่ก็ ขอบคุณ ที่นำมาแบ่งปันกัน
ตอบกลับโพส