“แอน แฮธอะเวย์” เปิดใจออกจากคาทอลิกเพื่อพี่ชายเกย์
“แอน แฮธอะเวย์” เปิดใจออกจากคาทอลิกเพื่อพี่ชายเกย์
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 9 กุมภาพันธ์ 2553 14:47 น.
“แอน แฮธอะเวย์” ดาราสาวชื่อดังออกมาเปิดเผยว่าเธอ และครอบครัว ได้ตัดสินใจ ออกจากการนับถือศาสนาคริสต์นิกายคาทอลิก ซึ่งมีการควบคุมเรื่องทางเพศอย่างเคร่งครัด เพื่อเป็นการสนับสนุนพี่ชายที่เปิดเผยตัวว่าเป็นเกย์
นักแสดงสาวชื่อดังชาวสหรัฐฯ ออกมาเผยกับนิตยสาร GQ ของอังกฤษ ฉบับเดือน ม.ค. ถึงเรื่องที่เธอ และสมาชิกในครอบครัวทุกคน ได้ตัดสินใจออกจากศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิกที่นับถือมานานแล้ว... “ตอนนี้เราทั้งครอบครัว เปลี่ยนมานับถือนิกาย อิพีซโคแพ็ล (Episcopal Church) หลังจากพี่ชายของฉันเปิดเผยตัวเอง ทำไมฉันต้องสนับสนุนในองค์กรที่ สร้างข้อจำกัดต่างๆ ให้กับพี่ชายอันเป็นที่รักของเราด้วย”
ก่อนหน้านี้ดาราสาวชื่อดังเคยเผยว่าตัวเองถูกเลี้ยงมาครอบครัวเคร่งศาสนา ที่มีศรัทธาต่อความเชื่อในแบบคาทอลิกอย่างสูงมาก ในตอนเด็กๆ เธอเคยกระทั่งมีความฝันว่าอยากจะเป็นแม่ชีเมื่อโตขึ้นเลยทีเดียว
แฮธอะเวย์ และครอบครัวเป็นสมาชิกของโบสถ์แห่งหนึ่งในนิวเจอร์ซีย์มาอย่างยาวนาน แต่ในต้นปี 2010 ทั้งครอบครัว ที่ประกอบไปด้วยตัวของเธอเอง เจอร์รัล บิดา, เคท มารดา และน้องชายคนเล็กที่ชื่อว่าโทมัส ได้ตัดสินใจขอถอนตัวจากโบสถ์ และนิกายคาทอลิกที่ศรัทธามาอย่างยาวนาน เพราะศาสนาคริสต์นิกายดังกล่าว มีคำสอนที่ต่อต้านการรักร่วมเพศ ซึ่งกลายเป็นปัญหาขึ้นมาเมื่อ ไมเคิล พี่ชายของดาราสาว และลูกชายคนโตของครอบครัว แฮธอะเวย์ ประกาศตัวเองว่าเป็นเกย์
ซึ่งความรู้สึกขัดแย้งกับคำสอนและขอบเขตของคาทอลิกไม่ได้เพิ่งก็ขึ้นกับเธอ แต่เป็นความรู้สึกต่อต้าน ที่เกิดขึ้นตั้งเธอแต่อายุ 15 ปีแล้ว ซึ่งเป็นครั้งแรกที่เธอทราบเรื่องการเป็นเกย์ของพี่ชาย
ซึ่งแม้ทั้งเธอและครอบครัวจะเปลี่ยนศาสนาของตัวเองมาเป็น คริสต์นิกาย อิพีซโคแพ็ล แล้วก็ตามที แอน แฮธอะเวย์ ยังเผยว่าโดยส่วนตัวแล้ว เธอเองยังคงอยู่ระหว่างค้นหาตัวเอง ในเรื่องเกี่ยวกับความเชื่อและความศรัทธา ซึ่งเธอเคยเรียกตัวเองว่าเป็น คริสต์เตียน ไร้นิกาย เพราะยังไม่สามารถหาความเชื่อในนิกายใดที่เหมาะสมที่สุดกับตัวเองได้
โดยข่าวการเป็นเกย์ของพี่ชายคนนี้กลายเป็นข่าวใหญ่ในปี 2008 เมื่อเขาและแฟนหนุ่มที่ชื่อว่า จอช เข้าพิธีสมรสกัน ซึ่งในตอนนั้นดาราสาวชื่อดังออกมาเผยกับสื่อว่า พิธีสมรสของพี่ชาย เป็นสิ่งที่เธอประทับใจมาก
สื่อของกลุ่มรักร่วมเพศอย่าง Queer Today ออกมาชื่นชมการตัดสินใจของนักแสดงสาววัย 27 ปี และครอบครัวของเธอ ถึงการยอมรับในความแตกต่างทางเพศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งความพยายามในการปรับตัวของครอบครัวแฮธอะเวย์ เพื่อสมาชิกในครอบครัว แทนที่จะผลักใสไล่ส่งเขาไปเสีย
คำเตือน มีการแสดงความเห็นที่เกรียน และน่าอนาถใจจำนวนมากในข่าวที่ลิงค์มา(ตามประสาข่าวเกี่ยวกับศาสนาคริสตทุกข่าวในเวบนั้น) ไม่อยากจิตตกอย่าตามไปอ่าน
http://www.manager.co.th/entertainment/ ... 0000017403
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 9 กุมภาพันธ์ 2553 14:47 น.
“แอน แฮธอะเวย์” ดาราสาวชื่อดังออกมาเปิดเผยว่าเธอ และครอบครัว ได้ตัดสินใจ ออกจากการนับถือศาสนาคริสต์นิกายคาทอลิก ซึ่งมีการควบคุมเรื่องทางเพศอย่างเคร่งครัด เพื่อเป็นการสนับสนุนพี่ชายที่เปิดเผยตัวว่าเป็นเกย์
นักแสดงสาวชื่อดังชาวสหรัฐฯ ออกมาเผยกับนิตยสาร GQ ของอังกฤษ ฉบับเดือน ม.ค. ถึงเรื่องที่เธอ และสมาชิกในครอบครัวทุกคน ได้ตัดสินใจออกจากศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิกที่นับถือมานานแล้ว... “ตอนนี้เราทั้งครอบครัว เปลี่ยนมานับถือนิกาย อิพีซโคแพ็ล (Episcopal Church) หลังจากพี่ชายของฉันเปิดเผยตัวเอง ทำไมฉันต้องสนับสนุนในองค์กรที่ สร้างข้อจำกัดต่างๆ ให้กับพี่ชายอันเป็นที่รักของเราด้วย”
ก่อนหน้านี้ดาราสาวชื่อดังเคยเผยว่าตัวเองถูกเลี้ยงมาครอบครัวเคร่งศาสนา ที่มีศรัทธาต่อความเชื่อในแบบคาทอลิกอย่างสูงมาก ในตอนเด็กๆ เธอเคยกระทั่งมีความฝันว่าอยากจะเป็นแม่ชีเมื่อโตขึ้นเลยทีเดียว
แฮธอะเวย์ และครอบครัวเป็นสมาชิกของโบสถ์แห่งหนึ่งในนิวเจอร์ซีย์มาอย่างยาวนาน แต่ในต้นปี 2010 ทั้งครอบครัว ที่ประกอบไปด้วยตัวของเธอเอง เจอร์รัล บิดา, เคท มารดา และน้องชายคนเล็กที่ชื่อว่าโทมัส ได้ตัดสินใจขอถอนตัวจากโบสถ์ และนิกายคาทอลิกที่ศรัทธามาอย่างยาวนาน เพราะศาสนาคริสต์นิกายดังกล่าว มีคำสอนที่ต่อต้านการรักร่วมเพศ ซึ่งกลายเป็นปัญหาขึ้นมาเมื่อ ไมเคิล พี่ชายของดาราสาว และลูกชายคนโตของครอบครัว แฮธอะเวย์ ประกาศตัวเองว่าเป็นเกย์
ซึ่งความรู้สึกขัดแย้งกับคำสอนและขอบเขตของคาทอลิกไม่ได้เพิ่งก็ขึ้นกับเธอ แต่เป็นความรู้สึกต่อต้าน ที่เกิดขึ้นตั้งเธอแต่อายุ 15 ปีแล้ว ซึ่งเป็นครั้งแรกที่เธอทราบเรื่องการเป็นเกย์ของพี่ชาย
ซึ่งแม้ทั้งเธอและครอบครัวจะเปลี่ยนศาสนาของตัวเองมาเป็น คริสต์นิกาย อิพีซโคแพ็ล แล้วก็ตามที แอน แฮธอะเวย์ ยังเผยว่าโดยส่วนตัวแล้ว เธอเองยังคงอยู่ระหว่างค้นหาตัวเอง ในเรื่องเกี่ยวกับความเชื่อและความศรัทธา ซึ่งเธอเคยเรียกตัวเองว่าเป็น คริสต์เตียน ไร้นิกาย เพราะยังไม่สามารถหาความเชื่อในนิกายใดที่เหมาะสมที่สุดกับตัวเองได้
โดยข่าวการเป็นเกย์ของพี่ชายคนนี้กลายเป็นข่าวใหญ่ในปี 2008 เมื่อเขาและแฟนหนุ่มที่ชื่อว่า จอช เข้าพิธีสมรสกัน ซึ่งในตอนนั้นดาราสาวชื่อดังออกมาเผยกับสื่อว่า พิธีสมรสของพี่ชาย เป็นสิ่งที่เธอประทับใจมาก
สื่อของกลุ่มรักร่วมเพศอย่าง Queer Today ออกมาชื่นชมการตัดสินใจของนักแสดงสาววัย 27 ปี และครอบครัวของเธอ ถึงการยอมรับในความแตกต่างทางเพศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งความพยายามในการปรับตัวของครอบครัวแฮธอะเวย์ เพื่อสมาชิกในครอบครัว แทนที่จะผลักใสไล่ส่งเขาไปเสีย
คำเตือน มีการแสดงความเห็นที่เกรียน และน่าอนาถใจจำนวนมากในข่าวที่ลิงค์มา(ตามประสาข่าวเกี่ยวกับศาสนาคริสตทุกข่าวในเวบนั้น) ไม่อยากจิตตกอย่าตามไปอ่าน
http://www.manager.co.th/entertainment/ ... 0000017403
-
- ~@
- โพสต์: 12724
- ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 2:28 pm
- ที่อยู่: Thailand
โอ...ขอพระเจ้าทรงเมตตา
-
- โพสต์: 740
- ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ ก.ค. 12, 2009 11:36 pm
ตามลิงค์ ที่ ว่า ไปอ่านมา
ไปเจอคนที่ชื่อ
คนไทย ขับรถเป็น อ่านหนังสือออก
มาโพสต์
เฮ้อ ..
อยากจะบอกว่า นั่นอ่ะเหรอ คนที่มีการศึกษา
ปล. ว่าแต่ว่า พวกที่เป็นดารา นี่มีจุดยืนน้อยจังนะ คิดจะเปลี่ยนก็เปลี่ยน
เปนงั้นไป เหอะๆๆ
ไปเจอคนที่ชื่อ
คนไทย ขับรถเป็น อ่านหนังสือออก
มาโพสต์
เฮ้อ ..
อยากจะบอกว่า นั่นอ่ะเหรอ คนที่มีการศึกษา
ปล. ว่าแต่ว่า พวกที่เป็นดารา นี่มีจุดยืนน้อยจังนะ คิดจะเปลี่ยนก็เปลี่ยน
เปนงั้นไป เหอะๆๆ
ขอบคุณพี่โฮลี่ ที่เอามาฝากนะคะ
อ่านเรื่องนี้แล้วนึกถึงเรื่องหนึ่งที่อาจารย์สอน ให้ใคร่ครวญกับตัวเองเรารู้จักพระเจ้าจริงๆ รึเปล่า หรือเรากำลังทำบาปเรื่อง idolatry โดยไม่รู้ตัว
Who is God and what is He like?
A more dangerous idolatry than other gods is the idol of God Himself. Sometimes we create God in our own image that reflects the way we want God to be. The most insidious idol of all—the idol with the name of God but it really is an idol that we made.
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ตอบน้องเพิร์ล
Episcopal Church เป็น reformed church สายหนึ่ง แตกจาก Church of England เมื่ออเมริกาแยกตัวจากอังกฤษ เนื่องจากว่า clergy ของ Church of England ต้องปฏิญาณตนว่าภักดีกับราชวงศ์อังกฤษ เข้าใจว่าขนบธรรมเนียมอื่นก็ยังเป็นแบบ Anglican
http://en.wikipedia.org/wiki/Episcopal_ ... _States%29
อ่านเรื่องนี้แล้วนึกถึงเรื่องหนึ่งที่อาจารย์สอน ให้ใคร่ครวญกับตัวเองเรารู้จักพระเจ้าจริงๆ รึเปล่า หรือเรากำลังทำบาปเรื่อง idolatry โดยไม่รู้ตัว
Who is God and what is He like?
A more dangerous idolatry than other gods is the idol of God Himself. Sometimes we create God in our own image that reflects the way we want God to be. The most insidious idol of all—the idol with the name of God but it really is an idol that we made.
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ตอบน้องเพิร์ล
Episcopal Church เป็น reformed church สายหนึ่ง แตกจาก Church of England เมื่ออเมริกาแยกตัวจากอังกฤษ เนื่องจากว่า clergy ของ Church of England ต้องปฏิญาณตนว่าภักดีกับราชวงศ์อังกฤษ เข้าใจว่าขนบธรรมเนียมอื่นก็ยังเป็นแบบ Anglican
http://en.wikipedia.org/wiki/Episcopal_ ... _States%29
แก้ไขล่าสุดโดย Nura เมื่อ พุธ ก.พ. 10, 2010 4:48 am, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
เขาไม่ได้ทำเรื่องเสียหาย เขาเลือกด้วยตัวเขาแล้ว อาเมนด้วย ยังไงเขาก็ยังรักในพระคริสต์
-
- ~@
- โพสต์: 7624
- ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ มี.ค. 23, 2005 9:49 pm
- ที่อยู่: Pattaya Chonburi
เสียดายแทน คนบางคนไม่รู้แสวงหาอะไร คนบางคนมีของดีอยู่ในตัวแล้วไม่เห็นคุณค่า คนบางคนมีโอกาสแต่ปล่อยให้มันหลุดลอยไป เฮ้อ...ขอบคุณพระเจ้าที่ไม่ทำให้เราหลงทาง: xemo017 :
-
- โพสต์: 300
- ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 19, 2007 11:40 am
น่าเสียดาย เขาตัดตัวเขาเองออกจากพระศาสนจักร
แต่ผมสงสัยว่า นิกายใหม่ที่เขานับถือ มองว่าพฤติกรรมแบบรักร่วมเพศเป็นสิ่งที่ถูกต้องหรือ
พระศาสนจักร ไม่ได้ตัดสินว่าสิ่งที่เขาเป็นเป็นสิ่งที่ผิด แต่ตัดสินว่าการกระทำอย่างนั้น(การแต่งงานระหว่างเพศเดียวกัน พฤติกรรมแบบรักร่วมเพศ) เป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้องตามพระประสงค์ของพระเจ้า ไม่ใช่หรือ
คนเหล่านี้เข้าใจคำว่าเสรีภาพผิดหมด ถ้าเขาเข้าใจพระศาสนจักรมากกว่านี้ เขาคงไม่ตัดสินใจแบบนี้
แต่ผมสงสัยว่า นิกายใหม่ที่เขานับถือ มองว่าพฤติกรรมแบบรักร่วมเพศเป็นสิ่งที่ถูกต้องหรือ
พระศาสนจักร ไม่ได้ตัดสินว่าสิ่งที่เขาเป็นเป็นสิ่งที่ผิด แต่ตัดสินว่าการกระทำอย่างนั้น(การแต่งงานระหว่างเพศเดียวกัน พฤติกรรมแบบรักร่วมเพศ) เป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้องตามพระประสงค์ของพระเจ้า ไม่ใช่หรือ
คนเหล่านี้เข้าใจคำว่าเสรีภาพผิดหมด ถ้าเขาเข้าใจพระศาสนจักรมากกว่านี้ เขาคงไม่ตัดสินใจแบบนี้
ใช่ครับfrancisco xavier เขียน: น่าเสียดาย เขาตัดตัวเขาเองออกจากพระศาสนจักร
แต่ผมสงสัยว่า นิกายใหม่ที่เขานับถือ มองว่าพฤติกรรมแบบรักร่วมเพศเป็นสิ่งที่ถูกต้องหรือ
จำได้ว่ากระเทย(ผู้ชายแต่งหญิง)สามารถบวชซิสเตอร์ได้
ยังมีการบวชผู้หญิงเป็นพระสังฆราชด้วย
-
- โพสต์: 300
- ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 19, 2007 11:40 am
ใช่ครับ
จำได้ว่ากระเทย(ผู้ชายแต่งหญิง)สามารถบวชซิสเตอร์ได้
ยังมีการบวชผู้หญิงเป็นพระสังฆราชด้วย
[/quote]
อืม......หลักการดีแต่วิธีปฏิบัติยังไม่ถูกต้อง
จำได้ว่ากระเทย(ผู้ชายแต่งหญิง)สามารถบวชซิสเตอร์ได้
ยังมีการบวชผู้หญิงเป็นพระสังฆราชด้วย
[/quote]
อืม......หลักการดีแต่วิธีปฏิบัติยังไม่ถูกต้อง
-
- โพสต์: 605
- ลงทะเบียนเมื่อ: เสาร์ ก.ย. 05, 2009 3:19 pm
- ที่อยู่: พเนจร
- ติดต่อ:
up to her อ่ะดิคับ
ขออย่าละทิ้งพระเป็นพอ
ส่วนเรื่องรักร่วมเพศ
ผมว่าขอเพียงแค่มีความรักที่บริสุทธิ์ต่อกันไม่มีความใคร่เจือปนก้อพอฮะ หุหุ
ขออย่าละทิ้งพระเป็นพอ
ส่วนเรื่องรักร่วมเพศ
ผมว่าขอเพียงแค่มีความรักที่บริสุทธิ์ต่อกันไม่มีความใคร่เจือปนก้อพอฮะ หุหุ
-
- ~@
- โพสต์: 2546
- ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 10:54 pm
พระเจ้าอวยพร
- Valkyrie Zero Number
- โพสต์: 2081
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ส.ค. 27, 2007 4:11 am
อืม......หลักการดีแต่วิธีปฏิบัติยังไม่ถูกต้องfrancisco xavier เขียน:
ใช่ครับ
จำได้ว่ากระเทย(ผู้ชายแต่งหญิง)สามารถบวชซิสเตอร์ได้
ยังมีการบวชผู้หญิงเป็นพระสังฆราชด้วย
[/quote]
อันไหนคะ
สีม่วง เรื่องนี้ยังพิจารณาอยู่
สีฟ้า เอาเถอะ พอรู้อยู่แล้วว่าคนบอร์ดนี้จะตอบว่ายังไง
ส่วนเรื่องรีพลายในเว็บนั่น ยังไม่ขออ่านดีกว่า เพราะถึงยังไงพวกศัตรูก็ต้องถูกไฟจากสวรรค์ตกใส่และถีบลงนรกตอนจบอยู่ดี ในเมื่อวิวรณ์กล่าวไว้เช่นนั้น
(โดยเฉพาะพวก "ดาร์กพุทธ")
*สะบัดผมเดินจากไป*
แก้ไขล่าสุดโดย Anonymous เมื่อ พุธ ก.พ. 10, 2010 1:53 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
-
- โพสต์: 690
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ มี.ค. 09, 2009 12:00 pm
อุตส่าห์ชื่นชอบดาราคนนี้มาตั้งนานแล้ว เห้อ...
- Deo Gratias
- โพสต์: 1100
- ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. มี.ค. 16, 2006 11:53 pm
เปลี่ยนนิกายเพราะศาสนศาสตร์ เพราะข้อปฏิบัติ หรือเพราะสาเหตอื่นใดน่ะไม่ผิด
แต่ถ้าเปลี่ยนเพราะต้องการจะเข้าหาคำสอนที่ประนีประนอมกับบาปที่คิดว่าทิ้งไม่ได้น่ะ ..
..no comment..
นี่แหละที่เค้าเรียกว่า บาปเข้ามาในคริสตจักร และลามเข้ามาถึงธรรมมาส(ผู้รับใช้)
โถ่... พี่น้องเรา อธิษฐานเผื่อพวกเขามากๆ ละกัน
แต่ถ้าเปลี่ยนเพราะต้องการจะเข้าหาคำสอนที่ประนีประนอมกับบาปที่คิดว่าทิ้งไม่ได้น่ะ ..
..no comment..
ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าเขาคิดกันได้ยังไงยศิยล:ผู้หวังในพระเจ้า เขียน:ใช่ครับfrancisco xavier เขียน: น่าเสียดาย เขาตัดตัวเขาเองออกจากพระศาสนจักร
แต่ผมสงสัยว่า นิกายใหม่ที่เขานับถือ มองว่าพฤติกรรมแบบรักร่วมเพศเป็นสิ่งที่ถูกต้องหรือ
จำได้ว่ากระเทย(ผู้ชายแต่งหญิง)สามารถบวชซิสเตอร์ได้
ยังมีการบวชผู้หญิงเป็นพระสังฆราชด้วย
นี่แหละที่เค้าเรียกว่า บาปเข้ามาในคริสตจักร และลามเข้ามาถึงธรรมมาส(ผู้รับใช้)
โถ่... พี่น้องเรา อธิษฐานเผื่อพวกเขามากๆ ละกัน
- Ecclēsia
- โพสต์: 976
- ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ พ.ค. 27, 2009 9:25 pm
- ที่อยู่: อาสนวิหารอัสสัมชัญ เขต1 อัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ
- ติดต่อ:
ลอก...อ่ะเหอะ อ่ะเหอะ:+: seraphim :+: เขียน: เสียดายแทน คนบางคนไม่รู้แสวงหาอะไร คนบางคนมีของดีอยู่ในตัวแล้วไม่เห็นคุณค่า คนบางคนมีโอกาสแต่ปล่อยให้มันหลุดลอยไป เฮ้อ...ขอบคุณพระเจ้าที่ไม่ทำให้เราหลงทาง: xemo017 :
ข้าพเจ้าว่าคาทอลิกเปิดกว้างเรื่องนี้มากเเล้วนะเนี่ย...ดูสารคดีมา
จะบอกว่าเราก็คิดว่าคาทอลิกเปิดกว้างเช่นกัน
สงสัย เรื่องจริงอาจไม่ใช่อย่างที่ภาพพจน์ออกมาก็ได้นะ
(ที่นั่นหน่ะ)
โดยส่วนตัวชอบแอน และหนังที่แสดงนะ
ส่วนเรื่องนี้ ไม่อยากคอมเม้นท์มาก
แต่อยากฝากว่า ศาสนาเราเป็นศาสนาแห่งความรัก
ถ้าพี่น้องนิกายอื่น/ศาสนาอื่นมาอ่าน จะคิดอย่างไร
สำหรับคนที่เคยเกิดมาในครอบครัวพุทธมาก่อนน่าจะเข้าใจ
เมื่อเราเปลี่ยนมาถือคริสต์เพราะความศรัทธา หรือเพราะอะไรๆ
เราจะรู้สึกอย่างไรกับคำพูดในเชิง - หนีบาปกรรมไม่พ้นหรอก
หรือ เสียดายแทนทั้งที่ได้เกิดในดินแดนพระพุทธศาสนาแท้ๆ
หรือ อุตส่าห์ชอบผลงานนะ มาคิดทรยศต่อศาสนาบรรพบุรุษซะงั้น
เราคงรู้สึกไม่ดีแน่
เข้าใจว่าอาจเป็นห่วง แต่อ่านแล้วแอบรู้สึกเหมือนเลือกปฏิบัติยังไงไม่รู้ครับ
เคสนี้เรามองมุมมองเรา เราก็มองได้ว่าเหตุผลอ่อน
แต่ผมมาคิดถึงตอนตัดสินใจเดินตามพระเจ้า
คนถามเหตุผลว่าทำไมต้องออกจากพุทธ เราก็ไม่รู้จะตอบยังไง
เค้าอาจจะคิดว่า เรารับไม่ได้เรื่องนิพพาน กฏแห่งกรรม เจ้ากรรมนายเวร
เลยไปพึ่งพระเจ้าหล่ะสิ เข้าหาคำสอนที่ประนีประนอมกับบาปตัวเองใช่มั้ย(ล้างบาป)
แต่สำหรับเรา เราเชื่อว่าพระเจ้ามีจริงต่างหาก พระคริสต์เป็นพระมหาไถ่จริงๆ
พระบิดา พระบุตร พระจิต มีจริง แล้วมีเหตุผลอะไรที่เราจะไม่เชื่อ?
ทางนั้นต่างหากที่เราไม่ได้เชื่อตาม
ฉันใดก็ฉันนั้น ขอแค่
จงอย่าไปตัดสินเขา จะดีที่สุด จริงๆ
ณ จุดๆนี้ ^___^
(ว่าจะไม่ยาว ก็โพสซะยาวจนได้ )
ผมขออภัยทุกคนนะครับ ถ้าคอมเม้นท์นี้มันอาจไม่ถูกใจใครหลายคน
แถมยังอ้างอิง(และดัดแปลง)คำพูดคนอื่นๆอีก
เจตนาแค่จะให้เห็นในอีกมุมมองหนึ่ง เพื่อสันติสุขครับ
แล้วไม่ได้เข้าข้างแอนใดๆทิ้งสิ้น เพราะผมก็รักพระศาสนจักร อันมีพระสันตปาปาเป็นประมุขครับ
สงสัย เรื่องจริงอาจไม่ใช่อย่างที่ภาพพจน์ออกมาก็ได้นะ
(ที่นั่นหน่ะ)
โดยส่วนตัวชอบแอน และหนังที่แสดงนะ
ส่วนเรื่องนี้ ไม่อยากคอมเม้นท์มาก
แต่อยากฝากว่า ศาสนาเราเป็นศาสนาแห่งความรัก
ถ้าพี่น้องนิกายอื่น/ศาสนาอื่นมาอ่าน จะคิดอย่างไร
สำหรับคนที่เคยเกิดมาในครอบครัวพุทธมาก่อนน่าจะเข้าใจ
เมื่อเราเปลี่ยนมาถือคริสต์เพราะความศรัทธา หรือเพราะอะไรๆ
เราจะรู้สึกอย่างไรกับคำพูดในเชิง - หนีบาปกรรมไม่พ้นหรอก
หรือ เสียดายแทนทั้งที่ได้เกิดในดินแดนพระพุทธศาสนาแท้ๆ
หรือ อุตส่าห์ชอบผลงานนะ มาคิดทรยศต่อศาสนาบรรพบุรุษซะงั้น
เราคงรู้สึกไม่ดีแน่
เข้าใจว่าอาจเป็นห่วง แต่อ่านแล้วแอบรู้สึกเหมือนเลือกปฏิบัติยังไงไม่รู้ครับ
เคสนี้เรามองมุมมองเรา เราก็มองได้ว่าเหตุผลอ่อน
แต่ผมมาคิดถึงตอนตัดสินใจเดินตามพระเจ้า
คนถามเหตุผลว่าทำไมต้องออกจากพุทธ เราก็ไม่รู้จะตอบยังไง
เค้าอาจจะคิดว่า เรารับไม่ได้เรื่องนิพพาน กฏแห่งกรรม เจ้ากรรมนายเวร
เลยไปพึ่งพระเจ้าหล่ะสิ เข้าหาคำสอนที่ประนีประนอมกับบาปตัวเองใช่มั้ย(ล้างบาป)
แต่สำหรับเรา เราเชื่อว่าพระเจ้ามีจริงต่างหาก พระคริสต์เป็นพระมหาไถ่จริงๆ
พระบิดา พระบุตร พระจิต มีจริง แล้วมีเหตุผลอะไรที่เราจะไม่เชื่อ?
ทางนั้นต่างหากที่เราไม่ได้เชื่อตาม
ฉันใดก็ฉันนั้น ขอแค่
จงอย่าไปตัดสินเขา จะดีที่สุด จริงๆ
ณ จุดๆนี้ ^___^
(ว่าจะไม่ยาว ก็โพสซะยาวจนได้ )
ผมขออภัยทุกคนนะครับ ถ้าคอมเม้นท์นี้มันอาจไม่ถูกใจใครหลายคน
แถมยังอ้างอิง(และดัดแปลง)คำพูดคนอื่นๆอีก
เจตนาแค่จะให้เห็นในอีกมุมมองหนึ่ง เพื่อสันติสุขครับ
แล้วไม่ได้เข้าข้างแอนใดๆทิ้งสิ้น เพราะผมก็รักพระศาสนจักร อันมีพระสันตปาปาเป็นประมุขครับ
ประเด็นคือ เธอไม่ใช่แค่สนับสนุนการที่พี่ของเธอจะเป็นเกย์ แต่ต้องการสนับสนุนการให้พี่ชายใช้ชีวิตสมรสแบบชาย+ชาย ได้ โดยไม่โดนตำหนิจากศาสนาที่นับถือ
ดังนั้น แสดงชัดว่าเธอยังเชื่อพระเจ้า แต่.. ประเด็นคือ พระเจ้าที่เธอเชื่อ จะเปลี่ยนไปตามการตีความที่ไม่เหมือนกันของมนุษย์หรือเปล่า
การเปลี่ยนนิกายไม่ใช่เรื่องที่จะมาตำหนิกันในยุคปัจจุบันของพระศาสนจักรที่เปิดกว้างเรื่องความรอดนอกพระศาสนจักร
แต่การที่เธอเชื่อพระเจ้า แต่ไม่ทำตามที่พระเจ้าสอน หรือทำตามคำสอนของมนุษย์ปรับปรุงเปลี่ยนแปลงตีความหลักข้อเชื่อไปในแบบที่ตนต้องการ
นี่ต่างหากที่เราควรนำมาคิดว่า พระเจ้าเรียกเรามา เคยสัญญาเหรอว่าจะได้ทำอะไรตามใจ หรือให้ทำอะไรตามใจคนในบ้านก่อนตามใจพระเจ้า
มธ 10:34-36
“อย่าคิดว่าเรามาเพื่อนำสันติภาพมาให้โลก เรามิได้มาเพื่อนำสันติภาพ แต่มาเพื่อนำดาบมาให้ เรามาเพื่อแยกบุตรชายจากบิดา แยกบุตรหญิงจากมารดา แยกบุตรสะใภ้จากมารดาของสามี ศัตรูของคนก็คือคนที่อยู่ร่วมบ้านกับเขานั่นเอง”
มธ 10:37-39 การสละตนเองเพื่อติดตามพระเยซูเจ้า
“ผู้ที่รักบิดามารดามากกว่ารักเรา ก็ไม่คู่ควรกับเรา ผู้ที่รักบุตรชายหญิงมากกว่ารักเรา ก็ไม่คู่ควรกับเรา ผู้ใดไม่รับเอาไม้กางเขนของตนแบกตามเรา ผู้นั้นก็ไม่คู่ควรกับเรา” “ผู้ที่หวงชีวิตของตนไว้ ก็จะสูญเสียชีวิตนั้น แต่ผู้ที่ยอมเสียชีวิตของตนเพราะเห็นแก่เรา จะพบชีวิตนั้นอีก”
ดังนั้น แสดงชัดว่าเธอยังเชื่อพระเจ้า แต่.. ประเด็นคือ พระเจ้าที่เธอเชื่อ จะเปลี่ยนไปตามการตีความที่ไม่เหมือนกันของมนุษย์หรือเปล่า
การเปลี่ยนนิกายไม่ใช่เรื่องที่จะมาตำหนิกันในยุคปัจจุบันของพระศาสนจักรที่เปิดกว้างเรื่องความรอดนอกพระศาสนจักร
แต่การที่เธอเชื่อพระเจ้า แต่ไม่ทำตามที่พระเจ้าสอน หรือทำตามคำสอนของมนุษย์ปรับปรุงเปลี่ยนแปลงตีความหลักข้อเชื่อไปในแบบที่ตนต้องการ
นี่ต่างหากที่เราควรนำมาคิดว่า พระเจ้าเรียกเรามา เคยสัญญาเหรอว่าจะได้ทำอะไรตามใจ หรือให้ทำอะไรตามใจคนในบ้านก่อนตามใจพระเจ้า
มธ 10:34-36
“อย่าคิดว่าเรามาเพื่อนำสันติภาพมาให้โลก เรามิได้มาเพื่อนำสันติภาพ แต่มาเพื่อนำดาบมาให้ เรามาเพื่อแยกบุตรชายจากบิดา แยกบุตรหญิงจากมารดา แยกบุตรสะใภ้จากมารดาของสามี ศัตรูของคนก็คือคนที่อยู่ร่วมบ้านกับเขานั่นเอง”
มธ 10:37-39 การสละตนเองเพื่อติดตามพระเยซูเจ้า
“ผู้ที่รักบิดามารดามากกว่ารักเรา ก็ไม่คู่ควรกับเรา ผู้ที่รักบุตรชายหญิงมากกว่ารักเรา ก็ไม่คู่ควรกับเรา ผู้ใดไม่รับเอาไม้กางเขนของตนแบกตามเรา ผู้นั้นก็ไม่คู่ควรกับเรา” “ผู้ที่หวงชีวิตของตนไว้ ก็จะสูญเสียชีวิตนั้น แต่ผู้ที่ยอมเสียชีวิตของตนเพราะเห็นแก่เรา จะพบชีวิตนั้นอีก”
-
- ~@
- โพสต์: 7624
- ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ มี.ค. 23, 2005 9:49 pm
- ที่อยู่: Pattaya Chonburi
Ecclēsia เขียน:ลอก...อ่ะเหอะ อ่ะเหอะ:+: seraphim :+: เขียน: เสียดายแทน คนบางคนไม่รู้แสวงหาอะไร คนบางคนมีของดีอยู่ในตัวแล้วไม่เห็นคุณค่า คนบางคนมีโอกาสแต่ปล่อยให้มันหลุดลอยไป เฮ้อ...ขอบคุณพระเจ้าที่ไม่ทำให้เราหลงทาง: xemo017 :
ข้าพเจ้าว่าคาทอลิกเปิดกว้างเรื่องนี้มากเเล้วนะเนี่ย...ดูสารคดีมา
ไม่ให้ลอกจะฟ้องคุณครู มีคุณพ่อท่านนึงบอกว่า การที่เราถูกเลือกให้มารู้จักพระเจ้าของเรานั้น มันมีค่ามากมายกว่าการที่เราได้รับเพชรนิลจินดา เพราะฉะนั้น จงภูมิใจในลูกพระคริสต์เถิดพี่น้องเอ่ย.....
- ~@Little lamb@~
- Defender of lawS
- โพสต์: 9396
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:00 pm
- ติดต่อ:
เชื่อพระเจ้าที่โอเคกับเธอ หรือก็คือ พระเจ้าต้องเปลี่ยนเป็นเหมือนที่เธอต้องการ
มากกว่าจะเป็นตัวเอง เพื่อพระเจ้านั่นเอง
มากกว่าจะเป็นตัวเอง เพื่อพระเจ้านั่นเอง
อ่านที่พี่ Holy พูดแล้วด้านบนแล้ว จาบอนนึกถึงบทที่พี่ Holy ยกมาพอดีเลย
มธ 10:37-39 การสละตนเองเพื่อติดตามพระเยซูเจ้า
“ผู้ ที่รักบิดามารดามากกว่ารักเรา ก็ไม่คู่ควรกับเรา ผู้ที่รักบุตรชายหญิงมากกว่ารักเรา ก็ไม่คู่ควรกับเรา ผู้ใดไม่รับเอาไม้กางเขนของตนแบกตามเรา ผู้นั้นก็ไม่คู่ควรกับเรา” “ผู้ที่หวงชีวิตของตนไว้ ก็จะสูญเสียชีวิตนั้น แต่ผู้ที่ยอมเสียชีวิตของตนเพราะเห็นแก่เรา จะพบชีวิตนั้นอีก”
มธ 10:37-39 การสละตนเองเพื่อติดตามพระเยซูเจ้า
“ผู้ ที่รักบิดามารดามากกว่ารักเรา ก็ไม่คู่ควรกับเรา ผู้ที่รักบุตรชายหญิงมากกว่ารักเรา ก็ไม่คู่ควรกับเรา ผู้ใดไม่รับเอาไม้กางเขนของตนแบกตามเรา ผู้นั้นก็ไม่คู่ควรกับเรา” “ผู้ที่หวงชีวิตของตนไว้ ก็จะสูญเสียชีวิตนั้น แต่ผู้ที่ยอมเสียชีวิตของตนเพราะเห็นแก่เรา จะพบชีวิตนั้นอีก”
-
- ~@
- โพสต์: 12724
- ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 2:28 pm
- ที่อยู่: Thailand
เห็นด้วยก๊าบบบบบ:+: seraphim :+: เขียน: มีคุณพ่อท่านนึงบอกว่า การที่เราถูกเลือกให้มารู้จักพระเจ้าของเรานั้น มันมีค่ามากมายกว่าการที่เราได้รับเพชรนิลจินดา เพราะฉะนั้น จงภูมิใจในลูกพระคริสต์เถิดพี่น้องเอ่ย.....
francisco xavier เขียน: น่าเสียดาย เขาตัดตัวเขาเองออกจากพระศาสนจักร
แต่ผมสงสัยว่า นิกายใหม่ที่เขานับถือ มองว่าพฤติกรรมแบบรักร่วมเพศเป็นสิ่งที่ถูกต้องหรือ
พระศาสนจักร ไม่ได้ตัดสินว่าสิ่งที่เขาเป็นเป็นสิ่งที่ผิด แต่ตัดสินว่าการกระทำอย่างนั้น(การแต่งงานระหว่างเพศเดียวกัน พฤติกรรมแบบรักร่วมเพศ) เป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้องตามพระประสงค์ของพระเจ้า ไม่ใช่หรือ
คนเหล่านี้เข้าใจคำว่าเสรีภาพผิดหมด ถ้าเขาเข้าใจพระศาสนจักรมากกว่านี้ เขาคงไม่ตัดสินใจแบบนี้
หากจำไม่ผิด นิกาย อเพิลโคพอล ก็คือนิกายแองคลิกันของอังกฤษ แต่เปลี่ยนชื่อเป็น อเพิลโคพอล เมื่ออยู่อเมริกา แต่จริงๆนิกายดังกล่าว มีความคล้ายกับคาทอลิกมากนิครับ เพราะอยู่บนพื้นฐานเดียวกัน(หรือคล้ายๆกัน)
อ้อ....หากจำไม่ผิด เป็นคริสตัง เป็นทั้งชีวิตนิครับ ออกไม่ได้ ติดตัวติดวิญญาณไปทั้งชีวิต(มิใช่หรือครับ) พอจำได้จากการเรียนคำสอน(ในอดีต)
ขอพระอวยพรทุกท่านครับผม
-
- ~@
- โพสต์: 8259
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 9:56 pm
- ที่อยู่: Bangkok
2.คณะแองกลิกันหรืออาพิสคาโพล (Anglican,Episcopal)
ชื่อและที่มา
คริสตจักรแองกลิกัน (Anglican Church) หรือคริสตจักรแห่งอังกฤษ (The Church of England) เริ่มตั้งแต่สมัยพระเจ้าเฮนรี่ที่ 8 แยกตัวจากศาสนจักรโรมันคาทอลิก และเมื่อสหรัฐอเมริกาประกาศเอกราชในปีคริสตศักราช 1776 คริสตจักรแห่งอังกฤษซึ่งอยู่ในสหรัฐฯเปลี่ยนชื่อเป็น คริสตจักรโปรเตสแตนต์อาพิสคาโพล (The Protestant Episcopal Church)
ลักษณะพิเศษ
1. อัครสังฆราชแห่งแคนเทอร์เบอรี่ เป็นศูนย์กลางของศาสนจักร แต่มีอำนาจเฉพาะในประเทศอังกฤษ แม้คริสตจักรอาพิสคาโพลนอกอาณาจักรของอังกฤษจะให้การยกย่องแก่ อัครสังฆราชแห่งแคนเทอร์เบอรี่เป็นผู้นำสูงสุดของคณะ แต่ไม่ยินยอมรับอำนาจบริหารของพระองค์ให้ครอบคลุมไปถึง
2. ในคณะจะแบ่งเป็น 3 กลุ่มใหญ่ที่มีจุดเน้นที่แตกต่างกัน กลุ่มคริสตจักรสูง (High Church) จะเน้นพิธีกรรม รูปแบบการนมัสการเป็นพิเศษ กลุ่มคริสตจักรล่าง (Low Church) จะเน้นการประกาศพระกิตติคุณ ผลของชีวิตจิตวิญญาณ ดังนั้นจึงเข้ากับกลุ่มอีแวนเจลิคอลได้เป็นอย่างดี ส่วนกลุ่มคริสตจักรกว้าง (Board Church) จะเน้นเรื่องเสรีภาพ เน้นความเป็นกลาง และยินดีร่วมงานกับคริสตจักรอื่น ๆ ที่ต่างคณะกัน
3. ยึดแนวความคิดให้มีความสมดุล หรือเป็นกลางระหว่างสองสิ่งเสมอ (Via Media) เช่นความเชื่อคู่ไปกับศาสนศาสตร์ ระบบการปกครองคู่ไปกับหลักคำสอน เป็นต้น
หลักข้อเชื่อ
1.ยึดพระคัมภีร์ เป็นมาตรฐานความเชื่อและการดำเนินชีวิต แต่ก็ให้การยอมรับหนังสือสารบบที่สองเป็นหนังสือสำคัญด้วย
2. ใช้หลักข้อเชื่อทั้ง 3 ของสภาคริสตจักรในยุคแรก คือหลักข้อเชื่ออัครสาวก หลักข้อเชื่อของไนเซีย และหลักข้อเชื่อของอธานาเชีย
3. หนังสือ 39 ข้อ ถือเป็นหลักข้อเชื่อ และแนวทางปฎิบัติที่สำคัญของคณะ
หลักคำสอน
1. สอนตกทอดลงมาว่า เป็นคริสตจักรที่ได้รับสิทธิอำนาจสืบทอดลงมาจาก อัครสาวก เพราะฉะนั้น ระบบการปกครองจึงเป็นแบบสังฆธิปไตย โดยมีอัครสังฆราชแห่งแคนเทอร์เบอรี่เป็นประมุขของศาสนจักร
2. สอนเน้นศาสนศาสตร์ของการมาบังเกิดเป็นมนุษย์ของพระเยซูคริสต์ (Theology of Incarnation) บางครั้งจึงถูกเรียกว่า
ชื่อและที่มา
คริสตจักรแองกลิกัน (Anglican Church) หรือคริสตจักรแห่งอังกฤษ (The Church of England) เริ่มตั้งแต่สมัยพระเจ้าเฮนรี่ที่ 8 แยกตัวจากศาสนจักรโรมันคาทอลิก และเมื่อสหรัฐอเมริกาประกาศเอกราชในปีคริสตศักราช 1776 คริสตจักรแห่งอังกฤษซึ่งอยู่ในสหรัฐฯเปลี่ยนชื่อเป็น คริสตจักรโปรเตสแตนต์อาพิสคาโพล (The Protestant Episcopal Church)
ลักษณะพิเศษ
1. อัครสังฆราชแห่งแคนเทอร์เบอรี่ เป็นศูนย์กลางของศาสนจักร แต่มีอำนาจเฉพาะในประเทศอังกฤษ แม้คริสตจักรอาพิสคาโพลนอกอาณาจักรของอังกฤษจะให้การยกย่องแก่ อัครสังฆราชแห่งแคนเทอร์เบอรี่เป็นผู้นำสูงสุดของคณะ แต่ไม่ยินยอมรับอำนาจบริหารของพระองค์ให้ครอบคลุมไปถึง
2. ในคณะจะแบ่งเป็น 3 กลุ่มใหญ่ที่มีจุดเน้นที่แตกต่างกัน กลุ่มคริสตจักรสูง (High Church) จะเน้นพิธีกรรม รูปแบบการนมัสการเป็นพิเศษ กลุ่มคริสตจักรล่าง (Low Church) จะเน้นการประกาศพระกิตติคุณ ผลของชีวิตจิตวิญญาณ ดังนั้นจึงเข้ากับกลุ่มอีแวนเจลิคอลได้เป็นอย่างดี ส่วนกลุ่มคริสตจักรกว้าง (Board Church) จะเน้นเรื่องเสรีภาพ เน้นความเป็นกลาง และยินดีร่วมงานกับคริสตจักรอื่น ๆ ที่ต่างคณะกัน
3. ยึดแนวความคิดให้มีความสมดุล หรือเป็นกลางระหว่างสองสิ่งเสมอ (Via Media) เช่นความเชื่อคู่ไปกับศาสนศาสตร์ ระบบการปกครองคู่ไปกับหลักคำสอน เป็นต้น
หลักข้อเชื่อ
1.ยึดพระคัมภีร์ เป็นมาตรฐานความเชื่อและการดำเนินชีวิต แต่ก็ให้การยอมรับหนังสือสารบบที่สองเป็นหนังสือสำคัญด้วย
2. ใช้หลักข้อเชื่อทั้ง 3 ของสภาคริสตจักรในยุคแรก คือหลักข้อเชื่ออัครสาวก หลักข้อเชื่อของไนเซีย และหลักข้อเชื่อของอธานาเชีย
3. หนังสือ 39 ข้อ ถือเป็นหลักข้อเชื่อ และแนวทางปฎิบัติที่สำคัญของคณะ
หลักคำสอน
1. สอนตกทอดลงมาว่า เป็นคริสตจักรที่ได้รับสิทธิอำนาจสืบทอดลงมาจาก อัครสาวก เพราะฉะนั้น ระบบการปกครองจึงเป็นแบบสังฆธิปไตย โดยมีอัครสังฆราชแห่งแคนเทอร์เบอรี่เป็นประมุขของศาสนจักร
2. สอนเน้นศาสนศาสตร์ของการมาบังเกิดเป็นมนุษย์ของพระเยซูคริสต์ (Theology of Incarnation) บางครั้งจึงถูกเรียกว่า
- Nicolas.Not
- โพสต์: 306
- ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ ก.ย. 30, 2007 1:47 pm
- ติดต่อ:
ชอบพี่จังที่คิดแบบนี้ อิอิ ผมว่าคนเราจะยังไงเป็นเพศไหนไม่สำคัญเลย แค่ว่าคุณเชื่อพระเจ้า และรักพระองค์หรือเปล่า ผมเองก็เกิดในครอบครัวพุดนะครับ เข้าใจอย่างมากเลยว่าการที่ต้องมาเปนคริสต์เพราะศรัทธามันเปนยังไง ต้องสู้เพื่อความเชื่อแค่ไหนผมจึงมีวันนี้ได้iBONT เขียน: จะบอกว่าเราก็คิดว่าคาทอลิกเปิดกว้างเช่นกัน
สงสัย เรื่องจริงอาจไม่ใช่อย่างที่ภาพพจน์ออกมาก็ได้นะ
(ที่นั่นหน่ะ)
โดยส่วนตัวชอบแอน และหนังที่แสดงนะ
ส่วนเรื่องนี้ ไม่อยากคอมเม้นท์มาก
แต่อยากฝากว่า ศาสนาเราเป็นศาสนาแห่งความรัก
ถ้าพี่น้องนิกายอื่น/ศาสนาอื่นมาอ่าน จะคิดอย่างไร
สำหรับคนที่เคยเกิดมาในครอบครัวพุทธมาก่อนน่าจะเข้าใจ
เมื่อเราเปลี่ยนมาถือคริสต์เพราะความศรัทธา หรือเพราะอะไรๆ
เราจะรู้สึกอย่างไรกับคำพูดในเชิง - หนีบาปกรรมไม่พ้นหรอก
หรือ เสียดายแทนทั้งที่ได้เกิดในดินแดนพระพุทธศาสนาแท้ๆ
หรือ อุตส่าห์ชอบผลงานนะ มาคิดทรยศต่อศาสนาบรรพบุรุษซะงั้น
เราคงรู้สึกไม่ดีแน่
เข้าใจว่าอาจเป็นห่วง แต่อ่านแล้วแอบรู้สึกเหมือนเลือกปฏิบัติยังไงไม่รู้ครับ
เคสนี้เรามองมุมมองเรา เราก็มองได้ว่าเหตุผลอ่อน
แต่ผมมาคิดถึงตอนตัดสินใจเดินตามพระเจ้า
คนถามเหตุผลว่าทำไมต้องออกจากพุทธ เราก็ไม่รู้จะตอบยังไง
เค้าอาจจะคิดว่า เรารับไม่ได้เรื่องนิพพาน กฏแห่งกรรม เจ้ากรรมนายเวร
เลยไปพึ่งพระเจ้าหล่ะสิ เข้าหาคำสอนที่ประนีประนอมกับบาปตัวเองใช่มั้ย(ล้างบาป)
แต่สำหรับเรา เราเชื่อว่าพระเจ้ามีจริงต่างหาก พระคริสต์เป็นพระมหาไถ่จริงๆ
พระบิดา พระบุตร พระจิต มีจริง แล้วมีเหตุผลอะไรที่เราจะไม่เชื่อ?
ทางนั้นต่างหากที่เราไม่ได้เชื่อตาม
ฉันใดก็ฉันนั้น ขอแค่
จงอย่าไปตัดสินเขา จะดีที่สุด จริงๆ
ณ จุดๆนี้ ^___^
(ว่าจะไม่ยาว ก็โพสซะยาวจนได้ )
ผมขออภัยทุกคนนะครับ ถ้าคอมเม้นท์นี้มันอาจไม่ถูกใจใครหลายคน
แถมยังอ้างอิง(และดัดแปลง)คำพูดคนอื่นๆอีก
เจตนาแค่จะให้เห็นในอีกมุมมองหนึ่ง เพื่อสันติสุขครับ
แล้วไม่ได้เข้าข้างแอนใดๆทิ้งสิ้น เพราะผมก็รักพระศาสนจักร อันมีพระสันตปาปาเป็นประมุขครับ
แต่การเลิกเชื่อคาทอลิกและไปเชื่อนิกายที่ให้เสรีความเปนเกย์ มันไม่เหนจำเปนเลย เพราะยังไงคนเปนเกย์ อยู่นิกายไหนก็อยู่ได้นี่นา เว้นแต่จะแต่งานไม่ได้แค่นั้นเอง ส่วนเรื่องรัก เรื่องเซ็กส์ จริงอยู่ที่พระศาสนจักรบอกว่าบาป แต่ความคิดของพระศาสนจักรไม่ได้บังคับการตัดสินถูกผิดของพระเจ้านะครับ
เกย์บางคนก็สมควรลงนรก สมสู่กันจนชาวโลกมองว่าอุบาทว์ แต่บางคนที่รักกันจริงๆ คบกันแค่คู่เดียวและอยู่กันไปนานๆก็ใช่ว่าจะมะมีนะคับ
เพราะงั้นใครเปนเกย์ ถ้าคิดจะเปลี่ยนนิกาย เพราะเชื่อว่าไม่มีข้องบังคับในนิกายนั้น ทำแล้วไม่บาป คิดดีๆนะ อย่าตัดสินใจเปลี่ยนศาสนาหรือนิกานเพื่อสนองนีดส์ตัวเองเลย