ทำไมผู้หญิงต้องเสียเปรียบทางสังคมและวัฒนธรรมไปเสียทุกด้าน
- Valkyrie Zero Number
- โพสต์: 2081
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ส.ค. 27, 2007 4:11 am
ไม่ว่าจะไปที่ไหน ศึกษาอะไร เดี๋ยวนี้ก็เหมือนกับทุกอย่างจะบอกเราเช่นนี้มาตลอด
แม้แต่ในพระคัมภีร์ก็ไม่เว้น
ถึงจะบอกว่า เพราะพระเจ้าสร้างอาดัมก่อน แล้วสร้างเอวาจากกระดูกซี่โครงก็เถอะ
แต่ตอนนี้ ไม่ว่าใครในโลกก็เกิดจากครรภ์ทั้งนั้น ไม่มีผู้ชายคนไหนเกิดจากดิน และไม่มีผู้หญิงคนไหนเกิดจากซี่โครงที่ถูกแยกออกมา
แต่ไม่ว่าจะไปที่ไหน น่าแปลกที่ทั่วโลก ทุกชนชาติ ทุกภาษาและวัฒนธรรม ผู้ชายจะเป็นคนกำหนดและให้ผู้หญิงเป็นข้างล่างเสมอ
และแน่นอนว่านั่นนำมาซึ่งการสูญเสียอิสรภาพ การถูกเอารัดเอาเปรียบ การถูกกดขี่ข่มเหง ถูกกระทำเป็นดั่งสิ่งของของผู้ชาย แค่ความเป็นคนก็แทบจะไม่มี
แม้จะอ้างว่ายังมีข้อกำหนดของผู้ชายที่ต้องปฏิบัติต่อผู้หญิงอย่างไรก็ตาม จะอ้างว่าหลักที่รองรับนั้นชอบธรรมเพียงใดก็เถอะ ตัวอักษรก็เป็นแค่ตัวอักษร ในความเป็นจริง จะมีการให้เกียรติทดแทนได้จริงมากน้อยแค่ไหน
หากยกเปรียบง่าย ๆ คือ เวลาแล่เนื้อกิน ผู้ชายต้องได้เนื้อสันชั้นดีตลอด ผู้หญิงได้รับประทานเนื้อชั้นรองก่อนเสมอ
.........ไม่ว่าจะยกอะไรมาพูดให้สวยหรู ในความเป็นจริง ผู้ชายก็ถือว่าตัวเองใหญ่กว่าผู้หญิงไปแทบทุกด้าน และคิดว่าตัวเองจะทำอะไรก็ได้เสมอ
......เพียงเพราะเหตุผลด้านพลกำลังก็ดี ทางกายภาพก็ดี แม้แต่ทางจิตใจและศีลธรรม ผู้ชายก็ยกตัวเองเป็นฝ่ายถูกและคิดว่าตัวเองจิตสำนึกดีกว่าผู้หญิงเสมอ ไม่เพียงแค่พูด แต่พยายามปลูกฝังหรือ "ล้างสมอง" ให้เป็นเช่นนั้นกันหมด ผู้หญิงหลายคนต้องพ่ายแพ้และจำนนต่อการล้างสมอง จนตกเป็นเบี้ยล่างไปจริง ๆ
........ไม่ต้องให้ไปอ่านพระคัมภีร์หรอก เพราะส่วนที่เกี่ยวข้องอ่านมาหมดแล้ว
.........ทำไมโลกถึงเต็มไปด้วยอยุติธรรมเพียงเพราะคนเลือกเกิดไม่ได้ขนาดนี้
ความผิดของพระเจ้า หรือว่าความผิดของมนุษย์
แม้แต่ในพระคัมภีร์ก็ไม่เว้น
ถึงจะบอกว่า เพราะพระเจ้าสร้างอาดัมก่อน แล้วสร้างเอวาจากกระดูกซี่โครงก็เถอะ
แต่ตอนนี้ ไม่ว่าใครในโลกก็เกิดจากครรภ์ทั้งนั้น ไม่มีผู้ชายคนไหนเกิดจากดิน และไม่มีผู้หญิงคนไหนเกิดจากซี่โครงที่ถูกแยกออกมา
แต่ไม่ว่าจะไปที่ไหน น่าแปลกที่ทั่วโลก ทุกชนชาติ ทุกภาษาและวัฒนธรรม ผู้ชายจะเป็นคนกำหนดและให้ผู้หญิงเป็นข้างล่างเสมอ
และแน่นอนว่านั่นนำมาซึ่งการสูญเสียอิสรภาพ การถูกเอารัดเอาเปรียบ การถูกกดขี่ข่มเหง ถูกกระทำเป็นดั่งสิ่งของของผู้ชาย แค่ความเป็นคนก็แทบจะไม่มี
แม้จะอ้างว่ายังมีข้อกำหนดของผู้ชายที่ต้องปฏิบัติต่อผู้หญิงอย่างไรก็ตาม จะอ้างว่าหลักที่รองรับนั้นชอบธรรมเพียงใดก็เถอะ ตัวอักษรก็เป็นแค่ตัวอักษร ในความเป็นจริง จะมีการให้เกียรติทดแทนได้จริงมากน้อยแค่ไหน
หากยกเปรียบง่าย ๆ คือ เวลาแล่เนื้อกิน ผู้ชายต้องได้เนื้อสันชั้นดีตลอด ผู้หญิงได้รับประทานเนื้อชั้นรองก่อนเสมอ
.........ไม่ว่าจะยกอะไรมาพูดให้สวยหรู ในความเป็นจริง ผู้ชายก็ถือว่าตัวเองใหญ่กว่าผู้หญิงไปแทบทุกด้าน และคิดว่าตัวเองจะทำอะไรก็ได้เสมอ
......เพียงเพราะเหตุผลด้านพลกำลังก็ดี ทางกายภาพก็ดี แม้แต่ทางจิตใจและศีลธรรม ผู้ชายก็ยกตัวเองเป็นฝ่ายถูกและคิดว่าตัวเองจิตสำนึกดีกว่าผู้หญิงเสมอ ไม่เพียงแค่พูด แต่พยายามปลูกฝังหรือ "ล้างสมอง" ให้เป็นเช่นนั้นกันหมด ผู้หญิงหลายคนต้องพ่ายแพ้และจำนนต่อการล้างสมอง จนตกเป็นเบี้ยล่างไปจริง ๆ
........ไม่ต้องให้ไปอ่านพระคัมภีร์หรอก เพราะส่วนที่เกี่ยวข้องอ่านมาหมดแล้ว
.........ทำไมโลกถึงเต็มไปด้วยอยุติธรรมเพียงเพราะคนเลือกเกิดไม่ได้ขนาดนี้
ความผิดของพระเจ้า หรือว่าความผิดของมนุษย์
-
- ~@
- โพสต์: 7624
- ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ มี.ค. 23, 2005 9:49 pm
- ที่อยู่: Pattaya Chonburi
เห็นด้วยอย่างที่ว่า ไม่เห็นด้วยอย่างที่โคดValkyrie_chan เขียน:
ความผิดของพระเจ้า หรือว่าความผิดของมนุษย์
- Jeanne d'Arc
- โพสต์: 235
- ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร พ.ค. 12, 2009 12:33 pm
ความผิดของคุณเจ้าของกระทู้ครับValkyrie_chan เขียน:
ความผิดของพระเจ้า หรือว่าความผิดของมนุษย์
แก้ไขล่าสุดโดย Anonymous เมื่อ ศุกร์ ก.พ. 12, 2010 10:34 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
ปัญหาเรื่องสิทธิสตรี จะเอามุมมองของคนสมัยนี้ ไปตัดสินคนสมัยก่อน เป็นการกระทำที่ไม่สมควร และจะตัดสินพวกเขาแบบอยุติธรรมครับ
ก่อนที่จะมองเรื่องสถานภาพทางเพศ คุณต้องเข้าในบริบทสังคมสมัยนั้นซะก่อน สมัยก่อนนั้น ไม่ได้มีวัฒนธรรมอันดี หรือมีความศิวิไลซ์เหมือนสมัยนี้ เรื่องเรียนหนังสือ อย่าว่าแต่ผู้หญิงเลย ผู้ชายยังมีน้อยคนมากที่จะได้เรียน หนังสือสมัยก่อนคัดลอกด้วยมือไม่มีระบบพิมพ์ ไม่ได้มีหนังสือเกลื่อนกลาด โรงเรียนหนึ่งมีตำราไม่กี่เล่มต้องแย่งกันอ่านแบ่งกันเรียน ถ้าไม่ใช่คนมีฐานะหรือมีบุญวาสนามีคนอุปถัมภ์ จะชายหรือหญิงก็ไม่มีสิทธิ์ได้เรียนกับเขา
เรื่องข่าวสาร และสาธารณูปโภคยิ่งแล้วใหญ่ โลกที่ไม่มีทีวี ไม่มีนิตยสาร ไม่มีเนต การเดินทางไม่มีเครื่องบิน แค่ข้ามจังหวัดก็ใช้เวลาเป็นวันเป็นเดือน ถ้าญาติมิตรย้ายไปต่างจังหวัดหน่อย ก็แทบไม่ต้องรู้ข่าวคราวเป็นตายร้ายดีแล้วนอกจากจดหมาย ซึ่งส่งกันทีก็เป็นเดือนๆ ไม่ได้โทรหากันได้ทันทีแบบคนมีมือถือสมัยนี้
ลองคิดดูว่าถ้าคนสมัยนี้ไปอยู่สมัยนั้น มีแต่ตายอย่างเดียว ตายด้วยความทรมานและความไม่ทันใจของทุกสิ่งทุกอย่าง
ดังนั้นโลกสมัยก่อนคือโลกที่ผู้อ่อนแอ อยู่ไม่ได้ถ้าไม่แข็งแรงขึ้นมาหรือๆไม่มีคนปกป้อง
สมัยนี้ถ้าแค่มีการลวนลาม คุณโทรกรี๊กเดียวตำรวจมาแล้ว หรือถ้ามีเหตุการณ์ร้ายแรง ข่าวลงเย็นนั้นแล้ว
แต่สมัยก่อน ต่อให้โดนฆ่าขมขืน โยนศพชายป่า รอไปเลยเป้นปีกว่าจะมีคนไปเจอ หรืออาจจะหายตัวตลอดกาล
สมัยนั้นไม่ได้มีตำรวจเดินตรวจตรา หรือมีไฟสว่างตามถนนนะครับ
ตกกลางคืนการออกนอกบ้านคืออันตรายมาก ไม่ได้สามารถไปเที่ยวเล่นโต้รุ่งกลับเช้าได้เหมือนสมัยนี้
บ้านสมัยก่อนก็มักปลูกห่างๆกัน ยิ่งถ้าคุณอยู่บ้านนอก บ้านแต่ละหลังห่างกันลิบ มีคนบุกมาต่อให้ตะโกนให้คนช่วยจนสุดเสียง ก็ไม่มีใครได้ยิน ถ้าเกิดโดนฆ่าตายในบ้านขึ้นมา แล้วไม่มีใครมาเคาะประตูหรือมาเยี่ยมคุณก็ตายจนเหลือแต่กระดูกในบ้านตัวเองไปเลย
ดังนั้น บ้านไหนไม่มีผู้ชายเลย คือบ้านที่อันตรายมาก และผู้ชายจะถูกบีบให้ถึกเถื่อนในระดับหนึ่งโดยอัตโนมัติ เพราะต้องคุ้มครองเพศหญิงในบ้านที่อ่อนแอกว่า
นอกจากพวกเธอจะต้องฝึกพละกำลังให้เข้มแข็งพอจะคุ้มครองตัวเองในระดับหนึ่ง ซึ่งยากมาก เพราะยังไงสรีระก็บังคับให้อ่อนแอกว่าชาย
ดังนั้น สมัยโบราณคือสมัยที่ผู้หญิงไม่สามารถมีชีวิตอยู่เองได้โดยไม่มีผู้ชาย
ดังนั้นทุกประเทศ ทุกวัฒนธรรม สมัยก่อน จึงบังคับโดยอัตโนมัติว่า ผู้หญิงเมื่อเด็กอยู่บ้านพ่อแม่ต้องดูแล เมื่อโตเป็นสาวต้องแต่งงาน เพื่อมีชายที่เป็นสามีรับช่วงดูแลต่อไปก่อนที่พ่อแม่จะแก่ตาย
ดังนั้นการที่ผู้หญิงต้องพึ่งผู้ชาย จึงกลายเป็นระบบอัตโนมัติ ตามสภาพสังคม ไม่ใช่เรื่องการกดขี่ทางเพศแต่เพียงอย่างเดียว
และสังคมที่หล่อหลอมแบบนี้มานานเป็นหมื่นปี จะให้เปลี่ยนตามใจมันไม่ได้ มันค่อยๆดีขึ้นมาเรื่อยๆจากสมัยโบราณแล้ว มันก็ต้องค่อยๆพัฒนาการต่อไป
ลืมอะไรไปหรือเปล่า เราอยู่ในโลกที่ไม่สมบูรณ์ นะครับ
พระเยซูเจ้าตรัสชัดเจนว่าในเมืองสวรรค์ไม่มีชายหรือหญิง ไม่มีสามีหรือภรรยา ที่นั่นเท่านั้นที่ทุกคนไม่กดขี่กัน ถ้าทุกสิ่งที่คุณต้องการเกิดขึ้นได้ทันทีที่นี่ ที่นี่ก็คือสวรรค์ ไม่ต้องไปหาหรือรออาณาจักรสวรรค์กันอีก
คุณบอกว่าอ่านพระคัมภีร์มาเยอะแล้ว แต่ยังไม่เข้าใจคอนเซปง่ายๆนี้ ก็แปลว่าต้อง อ่านซ้ำจนกว่าจะเข้าใจอย่างลึกซึ้ง (โดยอาศัยการทำงานของพระจิตเจ้า)
เลิกนิสัยบ่นพระเจ้าเวลาไม่เข้าใจอะไรได้แล้ว ถ้าคุณคิดว่าโลกนี้มันไม่ยุติธรรมสำหรับคุณ มันก็ไม่ยุติธรรมสำหรับพระเจ้าด้วย เพราะคนที่ทำให้มันเละคือมนุษย์ แต่พระเจ้าไม่เอาแต่กล่าวโทษมนุษย์ พระองค์พยายามช่วยมนุษย์ให้พ้นจากโลกเละๆนี้ แต่มนุษย์เองต้นเหตุตัวการก่อเรื่องทุกอย่าง ดันโทษแต่พระเจ้า คุณเองยังเป็นคนที่ตัดสินอย่างไม่ยุติธรรมเลย ยังหาตัวการไม่เจออีกหรือว่าโลกเป็นแบบนี้เพราะใคร
ก่อนที่จะมองเรื่องสถานภาพทางเพศ คุณต้องเข้าในบริบทสังคมสมัยนั้นซะก่อน สมัยก่อนนั้น ไม่ได้มีวัฒนธรรมอันดี หรือมีความศิวิไลซ์เหมือนสมัยนี้ เรื่องเรียนหนังสือ อย่าว่าแต่ผู้หญิงเลย ผู้ชายยังมีน้อยคนมากที่จะได้เรียน หนังสือสมัยก่อนคัดลอกด้วยมือไม่มีระบบพิมพ์ ไม่ได้มีหนังสือเกลื่อนกลาด โรงเรียนหนึ่งมีตำราไม่กี่เล่มต้องแย่งกันอ่านแบ่งกันเรียน ถ้าไม่ใช่คนมีฐานะหรือมีบุญวาสนามีคนอุปถัมภ์ จะชายหรือหญิงก็ไม่มีสิทธิ์ได้เรียนกับเขา
เรื่องข่าวสาร และสาธารณูปโภคยิ่งแล้วใหญ่ โลกที่ไม่มีทีวี ไม่มีนิตยสาร ไม่มีเนต การเดินทางไม่มีเครื่องบิน แค่ข้ามจังหวัดก็ใช้เวลาเป็นวันเป็นเดือน ถ้าญาติมิตรย้ายไปต่างจังหวัดหน่อย ก็แทบไม่ต้องรู้ข่าวคราวเป็นตายร้ายดีแล้วนอกจากจดหมาย ซึ่งส่งกันทีก็เป็นเดือนๆ ไม่ได้โทรหากันได้ทันทีแบบคนมีมือถือสมัยนี้
ลองคิดดูว่าถ้าคนสมัยนี้ไปอยู่สมัยนั้น มีแต่ตายอย่างเดียว ตายด้วยความทรมานและความไม่ทันใจของทุกสิ่งทุกอย่าง
ดังนั้นโลกสมัยก่อนคือโลกที่ผู้อ่อนแอ อยู่ไม่ได้ถ้าไม่แข็งแรงขึ้นมาหรือๆไม่มีคนปกป้อง
สมัยนี้ถ้าแค่มีการลวนลาม คุณโทรกรี๊กเดียวตำรวจมาแล้ว หรือถ้ามีเหตุการณ์ร้ายแรง ข่าวลงเย็นนั้นแล้ว
แต่สมัยก่อน ต่อให้โดนฆ่าขมขืน โยนศพชายป่า รอไปเลยเป้นปีกว่าจะมีคนไปเจอ หรืออาจจะหายตัวตลอดกาล
สมัยนั้นไม่ได้มีตำรวจเดินตรวจตรา หรือมีไฟสว่างตามถนนนะครับ
ตกกลางคืนการออกนอกบ้านคืออันตรายมาก ไม่ได้สามารถไปเที่ยวเล่นโต้รุ่งกลับเช้าได้เหมือนสมัยนี้
บ้านสมัยก่อนก็มักปลูกห่างๆกัน ยิ่งถ้าคุณอยู่บ้านนอก บ้านแต่ละหลังห่างกันลิบ มีคนบุกมาต่อให้ตะโกนให้คนช่วยจนสุดเสียง ก็ไม่มีใครได้ยิน ถ้าเกิดโดนฆ่าตายในบ้านขึ้นมา แล้วไม่มีใครมาเคาะประตูหรือมาเยี่ยมคุณก็ตายจนเหลือแต่กระดูกในบ้านตัวเองไปเลย
ดังนั้น บ้านไหนไม่มีผู้ชายเลย คือบ้านที่อันตรายมาก และผู้ชายจะถูกบีบให้ถึกเถื่อนในระดับหนึ่งโดยอัตโนมัติ เพราะต้องคุ้มครองเพศหญิงในบ้านที่อ่อนแอกว่า
นอกจากพวกเธอจะต้องฝึกพละกำลังให้เข้มแข็งพอจะคุ้มครองตัวเองในระดับหนึ่ง ซึ่งยากมาก เพราะยังไงสรีระก็บังคับให้อ่อนแอกว่าชาย
ดังนั้น สมัยโบราณคือสมัยที่ผู้หญิงไม่สามารถมีชีวิตอยู่เองได้โดยไม่มีผู้ชาย
ดังนั้นทุกประเทศ ทุกวัฒนธรรม สมัยก่อน จึงบังคับโดยอัตโนมัติว่า ผู้หญิงเมื่อเด็กอยู่บ้านพ่อแม่ต้องดูแล เมื่อโตเป็นสาวต้องแต่งงาน เพื่อมีชายที่เป็นสามีรับช่วงดูแลต่อไปก่อนที่พ่อแม่จะแก่ตาย
ดังนั้นการที่ผู้หญิงต้องพึ่งผู้ชาย จึงกลายเป็นระบบอัตโนมัติ ตามสภาพสังคม ไม่ใช่เรื่องการกดขี่ทางเพศแต่เพียงอย่างเดียว
และสังคมที่หล่อหลอมแบบนี้มานานเป็นหมื่นปี จะให้เปลี่ยนตามใจมันไม่ได้ มันค่อยๆดีขึ้นมาเรื่อยๆจากสมัยโบราณแล้ว มันก็ต้องค่อยๆพัฒนาการต่อไป
ลืมอะไรไปหรือเปล่า เราอยู่ในโลกที่ไม่สมบูรณ์ นะครับ
พระเยซูเจ้าตรัสชัดเจนว่าในเมืองสวรรค์ไม่มีชายหรือหญิง ไม่มีสามีหรือภรรยา ที่นั่นเท่านั้นที่ทุกคนไม่กดขี่กัน ถ้าทุกสิ่งที่คุณต้องการเกิดขึ้นได้ทันทีที่นี่ ที่นี่ก็คือสวรรค์ ไม่ต้องไปหาหรือรออาณาจักรสวรรค์กันอีก
คุณบอกว่าอ่านพระคัมภีร์มาเยอะแล้ว แต่ยังไม่เข้าใจคอนเซปง่ายๆนี้ ก็แปลว่าต้อง อ่านซ้ำจนกว่าจะเข้าใจอย่างลึกซึ้ง (โดยอาศัยการทำงานของพระจิตเจ้า)
เลิกนิสัยบ่นพระเจ้าเวลาไม่เข้าใจอะไรได้แล้ว ถ้าคุณคิดว่าโลกนี้มันไม่ยุติธรรมสำหรับคุณ มันก็ไม่ยุติธรรมสำหรับพระเจ้าด้วย เพราะคนที่ทำให้มันเละคือมนุษย์ แต่พระเจ้าไม่เอาแต่กล่าวโทษมนุษย์ พระองค์พยายามช่วยมนุษย์ให้พ้นจากโลกเละๆนี้ แต่มนุษย์เองต้นเหตุตัวการก่อเรื่องทุกอย่าง ดันโทษแต่พระเจ้า คุณเองยังเป็นคนที่ตัดสินอย่างไม่ยุติธรรมเลย ยังหาตัวการไม่เจออีกหรือว่าโลกเป็นแบบนี้เพราะใคร
แก้ไขล่าสุดโดย Holy เมื่อ เสาร์ ก.พ. 13, 2010 3:50 am, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
-
- โพสต์: 250
- ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ต.ค. 27, 2009 3:33 am
อืม...ผมว่าผู้ชายและผู้หญิงเกิดมาเพื่อเคียงข้างกันและพึ่งพิงกันนะ
แล้วก็เรื่องที่ว่าผู้ชายได้เนื้อสันชั้นดี ส่วนผู้หญิงต้องกินของที่อร่อยรองมานั้น คงไม่จริงซะทุกที่ครับ
เพราะเวลากินอะไรผมก็ตักของดีที่สุดให้แฟนผมก่อนที่ผมจะกินเองเสมอ (เช่น กุ้งตัวเบ้งในต้มยำ นึกแล้วน้ำลายสอ)
แล้วก็เรื่องที่ว่าผู้ชายได้เนื้อสันชั้นดี ส่วนผู้หญิงต้องกินของที่อร่อยรองมานั้น คงไม่จริงซะทุกที่ครับ
เพราะเวลากินอะไรผมก็ตักของดีที่สุดให้แฟนผมก่อนที่ผมจะกินเองเสมอ (เช่น กุ้งตัวเบ้งในต้มยำ นึกแล้วน้ำลายสอ)
-
- โพสต์: 740
- ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ ก.ค. 12, 2009 11:36 pm
แป่ววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววNEO ∴ NAZI เขียน:Valkyrie_chan เขียน:
ความผิดของพระเจ้า หรือว่าความผิดของมนุษย์
เป็นงั้นไป
-
- ~@
- โพสต์: 2546
- ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 10:54 pm
แล้วแต่สังคมนะครับ คุณมองโลกแคบไปหรือเปล่า?
ถ้าเป็นจริงอย่างที่คุณว่าโลกนี้คงไม่มีเจ้านายผู้หญิงหรอกครับ
ไหนๆตั้งกระทู้แล้วก็เปิดความคิดเปิดใจอ่านความเห็นคนอื่นด้วยนะครับ
ถ้าเป็นจริงอย่างที่คุณว่าโลกนี้คงไม่มีเจ้านายผู้หญิงหรอกครับ
ไหนๆตั้งกระทู้แล้วก็เปิดความคิดเปิดใจอ่านความเห็นคนอื่นด้วยนะครับ
-
- โพสต์: 740
- ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ ก.ค. 12, 2009 11:36 pm
ใช่ครับพระเจ้าสถิตย์กับเราเสมอ เขียน: แล้วแต่สังคมนะครับ คุณมองโลกแคบไปหรือเปล่า?
ถ้าเป็นจริงอย่างที่คุณว่าโลกนี้คงไม่มีเจ้านายผู้หญิงหรอกครับ
ไหนๆตั้งกระทู้แล้วก็เปิดความคิดเปิดใจอ่านความเห็นคนอื่นด้วยนะครับ
มองโลกให้กว้าง กว่านี้ อีก หน่อยก็ดีนะครับ
-
- โพสต์: 1946
- ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ มิ.ย. 01, 2005 8:23 pm
- ที่อยู่: On this earth obviously
มองดูดีๆนะ
ในสังคมเอเชียตะวันออก อย่างเช่นในบ้านเรา หรือเมืองจีนอ่ะ
ใครเป็นคนถือเงินในบ้าน ใครเป็นคนมีอำนาจดูแลจัดการเรื่องต่างๆในบ้าน etc.
ไม่ใช่คนเป็นแม่หรอกเหรอ
เพราะฉะนั้นการที่พูดว่าหญิงเสียเปรียบมันก้ออาจจะไม่จริงเสมอไปในบางกรณีป่ะ
ป.ล. ใช่ อาจจริงที่ ดูตัวอย่างแบบ ผู้หญิงในอเมริกาเพิ่งมีสิทธิเลือกตั้งหลังสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง ทั้งๆที่เป็นประเทศที่รณรงค์เรื่องประชาธิบไตยมาก
แต่อย่างน้อยบ้านเรา ในปี 2475 ทั้งหญิงและชายก้อมีสิทธิเลือกตั้งพร้อมกันนะ
ในสังคมเอเชียตะวันออก อย่างเช่นในบ้านเรา หรือเมืองจีนอ่ะ
ใครเป็นคนถือเงินในบ้าน ใครเป็นคนมีอำนาจดูแลจัดการเรื่องต่างๆในบ้าน etc.
ไม่ใช่คนเป็นแม่หรอกเหรอ
เพราะฉะนั้นการที่พูดว่าหญิงเสียเปรียบมันก้ออาจจะไม่จริงเสมอไปในบางกรณีป่ะ
ป.ล. ใช่ อาจจริงที่ ดูตัวอย่างแบบ ผู้หญิงในอเมริกาเพิ่งมีสิทธิเลือกตั้งหลังสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง ทั้งๆที่เป็นประเทศที่รณรงค์เรื่องประชาธิบไตยมาก
แต่อย่างน้อยบ้านเรา ในปี 2475 ทั้งหญิงและชายก้อมีสิทธิเลือกตั้งพร้อมกันนะ
-
- .
- โพสต์: 1739
- ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ ต.ค. 28, 2007 5:58 pm
- ที่อยู่: In the Christ
ไม่มีวันเท่าเทียมกันตลอดกาลครับ
- Valkyrie Zero Number
- โพสต์: 2081
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ส.ค. 27, 2007 4:11 am
ที่ไม่ตอบที่ผ่านมา ก็เพราะว่าฟังแล้วก็ลองคิดดูอยู่
แต่ว่านะ ความจริงที่ว่าผู้ชายหลายคนเอาเปรียบผู้หญิงเป็นชีวิตจิตใจ ก็ยังอยู่ในสารบบ "ความเป็นจริงที่เกิดขึ้นในโลก" อยู่ดี (ใช้คำว่า Akashic Record ก็ยังได้)
(ข้อมูลเพิ่มเติม ก่อนจะถูกหาว่าเอามาจากมังงะญี่ปุ่น
http://en.wikipedia.org/wiki/Akashic_record )
ถึงจะบอกให้เปิดใจให้กว้าง แต่ก็ไม่ได้ทำให้ "รอยด่าง" มันหายไปจากสารบบซะหน่อยนี่
แต่ว่านะ ความจริงที่ว่าผู้ชายหลายคนเอาเปรียบผู้หญิงเป็นชีวิตจิตใจ ก็ยังอยู่ในสารบบ "ความเป็นจริงที่เกิดขึ้นในโลก" อยู่ดี (ใช้คำว่า Akashic Record ก็ยังได้)
(ข้อมูลเพิ่มเติม ก่อนจะถูกหาว่าเอามาจากมังงะญี่ปุ่น
http://en.wikipedia.org/wiki/Akashic_record )
but in reality , How many we have now?Maria Magdalena เขียน: มองดูดีๆนะ
ในสังคมเอเชียตะวันออก อย่างเช่นในบ้านเรา หรือเมืองจีนอ่ะ
ใครเป็นคนถือเงินในบ้าน ใครเป็นคนมีอำนาจดูแลจัดการเรื่องต่างๆในบ้าน etc.
ไม่ใช่คนเป็นแม่หรอกเหรอ
เพราะฉะนั้นการที่พูดว่าหญิงเสียเปรียบมันก้ออาจจะไม่จริงเสมอไปในบางกรณีป่ะ
ป.ล. ใช่ อาจจริงที่ ดูตัวอย่างแบบ ผู้หญิงในอเมริกาเพิ่งมีสิทธิเลือกตั้งหลังสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง ทั้งๆที่เป็นประเทศที่รณรงค์เรื่องประชาธิบไตยมาก
แต่อย่างน้อยบ้านเรา ในปี 2475 ทั้งหญิงและชายก้อมีสิทธิเลือกตั้งพร้อมกันนะ
เออ ขอบใจย่ะ สำหรับคำตอบLike a Heaven เขียน: ไม่มีวันเท่าเทียมกันตลอดกาลครับ
ถึงจะบอกให้เปิดใจให้กว้าง แต่ก็ไม่ได้ทำให้ "รอยด่าง" มันหายไปจากสารบบซะหน่อยนี่
ถูกค่ะValkyrie_chan เขียน:เออ ขอบใจย่ะ สำหรับคำตอบLike a Heaven เขียน: ไม่มีวันเท่าเทียมกันตลอดกาลครับ
ถึงจะบอกให้เปิดใจให้กว้าง แต่ก็ไม่ได้ทำให้ "รอยด่าง" มันหายไปจากสารบบซะหน่อยนี่
ทำไมผู้หญิงต้องเป็นฝ่ายเสียเปรียบเสมอ
ไม่ว่ายุคก่อนการมาของอิสลาม ที่ผู้หญิงไม่ได้มรดกเลย
ยุคท่านศาสดา(ซ.ล.)สตรีได้ครึ่งหนึ่งของสิทธิที่ลูกชายได้
ทำไมมันไม่เท่ากันหละ?
ขอโทษนะค่ะ
แบบว่าอาการเป้ยปานวาดeffectทันที(อาการจี๊ดขึ้นหู)ที่ได้ยินว่า "ไม่มีวันเท่าเทียมกัน"
-
- Defender of lawS
- โพสต์: 3324
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 9:54 pm
- ที่อยู่: Bangkok
^
^
เห็นด้วยกับน้อง P ค่ะ พี่เป็นคนสอนเรื่อง Feminist Theology ทุกสังคมมีเหตุและผลของมัน
ในกระบวนการสอนการเรียนรู้ เราต้องคิดถึงที่มา ที่ไป มองให้เป็นปัญหา หรือมองจะแก้ปัญหา
ความซับซ้อนของปัญหา ไม่เหมือนกัน
น้องเจ้าของกระทู้คะ เราไม่สามารถร้องปาวๆ บนบอร์ดแล้วจะได้รับคำตอบ เราต้องเรียนรู้/มีการเสวนา/การปฏิบัติจริง
พี่จะไม่ตอบคำถามลักษณะนี้บนบอร์ด พี่จะตอบในชั้นเรียน หรือผู้ถามนั้น มีพื้นฐานเรื่องนั้นๆอย่างไร
ถ้าน้องอยากเรียนรู้เทอมหน้า เราเปิดวิชานี้ให้ นักศึกษาปริญญาโท จะมาลงเรียนกับพี่ไหมคะ
^
เห็นด้วยกับน้อง P ค่ะ พี่เป็นคนสอนเรื่อง Feminist Theology ทุกสังคมมีเหตุและผลของมัน
ในกระบวนการสอนการเรียนรู้ เราต้องคิดถึงที่มา ที่ไป มองให้เป็นปัญหา หรือมองจะแก้ปัญหา
ความซับซ้อนของปัญหา ไม่เหมือนกัน
น้องเจ้าของกระทู้คะ เราไม่สามารถร้องปาวๆ บนบอร์ดแล้วจะได้รับคำตอบ เราต้องเรียนรู้/มีการเสวนา/การปฏิบัติจริง
พี่จะไม่ตอบคำถามลักษณะนี้บนบอร์ด พี่จะตอบในชั้นเรียน หรือผู้ถามนั้น มีพื้นฐานเรื่องนั้นๆอย่างไร
ถ้าน้องอยากเรียนรู้เทอมหน้า เราเปิดวิชานี้ให้ นักศึกษาปริญญาโท จะมาลงเรียนกับพี่ไหมคะ
-
- Defender of lawS
- โพสต์: 3324
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 9:54 pm
- ที่อยู่: Bangkok
ถ้าน้องเป็นมุสลิม คำสอนของมุสลิมที่ดีเกี่ยวกับสตรี ก็มีมาก เพียงแต่ได้ศึกษาหรือเปล่าคะ소희 เขียน:
ไม่ว่ายุคก่อนการมาของอิสลาม ที่ผู้หญิงไม่ได้มรดกเลย
ยุคท่านศาสดา(ซ.ล.)สตรีได้ครึ่งหนึ่งของสิทธิที่ลูกชายได้
ทำไมมันไม่เท่ากันหละ?
ขอโทษนะค่ะ
แบบว่าอาการเป้ยปานวาดeffectทันที(อาการจี๊ดขึ้นหู)ที่ได้ยินว่า "ไม่มีวันเท่าเทียมกัน"
+ อาการจิ๊ดแบบเป้ยปานวาด นี่ สำหรับพี่พีพี ไม่ได้คิดว่า เธอเป็นกุลสตรี ที่น่าเอาแบบ เพราะการที่สตรีใส่กางเกงขาสั้นจู๋
นอนฉีกแข้ง อ้าขา เป็นพรีเซนเตอร์รถมอร์เตอร์ไซต์ นั่นนะ ไม่ใช่ การแสดงออกที่ดีของสตรีค่ะ
อย่างวันนี้ วาเลนไทน์ แสดงออกอย่างไรถึงจะดี ของหนุ่มสาว คู่รัก ไม่ใช่ชวนกัน ขึ้นห้อง เข้าโรงแรมตามที่ผู้ใหญ่ เป็นห่วง
อันนี้ผู้หญิงก็ต้องรักนวลสงวนตัว นี่คือสิ่งที่เราแสดงความเป็นหญิง ที่มีคุณค่าค่ะ
-
- Defender of lawS
- โพสต์: 3324
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 9:54 pm
- ที่อยู่: Bangkok
สถานที่พี่สอน เป็น seminary เท่ากับคณะหนึ่งของมหาวิทยาลัยคริสเตียน소희 เขียน:
(คุณProd Pran)
สอนที่ไหนอะค่ะ(สนใจค่ะ^_^ เผื่อหนูมีโอกาสได้เรียนมั่ง)
อ้อ หนูเป็นมุสลิมมะฮฺค่ะ กำลังศึกษาศาสนาคริสต์อยู่ค่ะ
วิชาสตรีศึกษา สอนให้ปริญญามีที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ค่ะ
เรียนภาษาเกาหลีด้วยหรือเปล่า เห็นชื่อเป็นภาษาเกาหลีค่ะ
ก็ศึกษามาบ้างอะค่ะ แต่อยากได้ให้หลากหลาย เพื่อช่วยเหลือพี่น้องด้วยค่ะProd Pran เขียน: ถ้าน้องเป็นมุสลิม คำสอนของมุสลิมที่ดีเกี่ยวกับสตรี ก็มีมาก เพียงแต่ได้ศึกษาหรือเปล่าคะ
อ้อ หนูสนับสุนให้หลายคน(โดยเฉพาะมุสลิมะฮฺ)คลุมฮิญาบ ไม่ใช่เพื่อกันอะไร
แต่เพราะ อัญมณีและทองล้ำค่า มักจะอยู่ในตู้กระจกแน่นหนา
เป็นเครื่องหมาย(ที่น้อยคนที่จะเข้าใจ)ว่าหนูอยากทุกคนให้ผู้หญิงมีค่าประดุจอัญมณี
อ๋อค่ะ คือหนูเอามาจากรายการ"ล้วงลับตับแตก"Prod Pran เขียน:
+ อาการจิ๊ดแบบเป้ยปานวาด นี่ สำหรับพี่พีพี ไม่ได้คิดว่า เธอเป็นกุลสตรี ที่น่าเอาแบบ...
ที่คำถามจับผิดเป้ยเกี่ยวกับอาร์The Star แล้วทำให้เจ๊เป้ยจี๊ดขึ้นหู(ความดันสูงมากเลย)
พี่น้องในบ้านจึงเรียกอาการที่จี๊ดขึ้นมาคล้ายๆแบบนี้ว่า
"เป้ยปานวาดEffect"
แล้วก็ยังมี "ปานธนพรEffect"คืออาการจากMVพี่ปาน(โดยเพาะเพลง หวง),
"นางมัทนาบ้องแบ๊ว"คือผู้หญิงที่เรียบร้อยและInnocentมาก(โดยไม่ได้มาจากการแอ๊บแบ๊ว) จนเพื่อนๆเป็นห่วง
และอีกมากมาย
หนูจะเป็นหนึ่งในคนทำให้ภาษาไทยวิบัติไหมนี่ อิ
จำจากเกมค่ะ SoheeจากเกมRagnarok รูปที่Avatarอะค่ะProd Pran เขียน: เรียนภาษาเกาหลีด้วยหรือเปล่า เห็นชื่อเป็นภาษาเกาหลีค่ะ
-
- ~@
- โพสต์: 8259
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 9:56 pm
- ที่อยู่: Bangkok
^
คุณ โซฮี ครับ (ดีที่ไม่เป็นโซฟี) มีสุภาษิตอาหรับว่า
"การให้การศึกษาบุรุษ คือการให้การศึกษาคนคนเดียว
การให้การศึกษาสตรี คือการให้การศึกษาคนทั้งบ้าน"
คุณพอจะตีความให้กระผมนายเจี๊ยบให้เข้าใจแจ่มแจ้งได้ไหมครับ
เพราะเจี๊ยบถือว่า นี่คือการยกย่องสตรี ฮะ
คุณ โซฮี ครับ (ดีที่ไม่เป็นโซฟี) มีสุภาษิตอาหรับว่า
"การให้การศึกษาบุรุษ คือการให้การศึกษาคนคนเดียว
การให้การศึกษาสตรี คือการให้การศึกษาคนทั้งบ้าน"
คุณพอจะตีความให้กระผมนายเจี๊ยบให้เข้าใจแจ่มแจ้งได้ไหมครับ
เพราะเจี๊ยบถือว่า นี่คือการยกย่องสตรี ฮะ
- Valkyrie Zero Number
- โพสต์: 2081
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ส.ค. 27, 2007 4:11 am
รักนวลสงวนตัวเป็นสิ่งที่ดีอยู่แล้ว เพียงแต่เราไม่คิดว่านั่นหมายถึงทำอะไรที่ผู้ชายทำได้ก็ไม่ได้เลยสักหน่อยนี่Prod Pran เขียน:ถ้าน้องเป็นมุสลิม คำสอนของมุสลิมที่ดีเกี่ยวกับสตรี ก็มีมาก เพียงแต่ได้ศึกษาหรือเปล่าคะ소희 เขียน:
ไม่ว่ายุคก่อนการมาของอิสลาม ที่ผู้หญิงไม่ได้มรดกเลย
ยุคท่านศาสดา(ซ.ล.)สตรีได้ครึ่งหนึ่งของสิทธิที่ลูกชายได้
ทำไมมันไม่เท่ากันหละ?
ขอโทษนะค่ะ
แบบว่าอาการเป้ยปานวาดeffectทันที(อาการจี๊ดขึ้นหู)ที่ได้ยินว่า "ไม่มีวันเท่าเทียมกัน"
+ อาการจิ๊ดแบบเป้ยปานวาด นี่ สำหรับพี่พีพี ไม่ได้คิดว่า เธอเป็นกุลสตรี ที่น่าเอาแบบ เพราะการที่สตรีใส่กางเกงขาสั้นจู๋
นอนฉีกแข้ง อ้าขา เป็นพรีเซนเตอร์รถมอร์เตอร์ไซต์ นั่นนะ ไม่ใช่ การแสดงออกที่ดีของสตรีค่ะ
อย่างวันนี้ วาเลนไทน์ แสดงออกอย่างไรถึงจะดี ของหนุ่มสาว คู่รัก ไม่ใช่ชวนกัน ขึ้นห้อง เข้าโรงแรมตามที่ผู้ใหญ่ เป็นห่วง
อันนี้ผู้หญิงก็ต้องรักนวลสงวนตัว นี่คือสิ่งที่เราแสดงความเป็นหญิง ที่มีคุณค่าค่ะ
เรื่องเสียตัว เราไม่เห็นด้วยอยู่แล้ว เพราะศักดิ์ศรีของผู้หญิงไม่ใช่สิ่งที่จะขายได้แบบนั้น
ส่วนเรื่องเป้ยปานวาดอะไรนั่น(ไม่ค่อยรู้เรื่องดารา) เรารู้สึกทั้งสงสารและสมเพชในเวลาเดียวกัน เพราะทุกวันนี้มีผู้หญิงหลายคนไม่มีวิธีหากินอื่นนอกจากแบบนี้ (แต่อยากรู้ว่าถ้าไม่ได้มีกิเลสของผู้ชายมายุ่ง จะยังทำแบบนี้ไหม ถ้ายังทำเรียกว่าหน้าด้านแล้วล่ะ)
ที่เราโทษสังคม เพราะสังคมมันมีเหตุให้เป็น เพราะถ้าไม่มีเราก็ไม่รู้จะโทษอะไร
เรื่องคอร์สของอ.โปรดปราน ก็อยากเรียนอยู่หรอก แต่.....นั่นหมายความว่าเราสามารถฝ่าอะไรหลาย ๆ อย่างในชีวิตไปได้ก่อนน่ะนะ
(เรารู้จักเพื่อนผู้หญิงที่เข้มแข็งและเก่ง ๆ หลายคน ในหลายด้าน รวมถึงเรื่องกีฬาของพวกผู้ชายด้วย และพวกเขาช่วยเรามาเยอะ ดังนั้นถ้าทำได้ ก็อยากทำอะไรเพื่อพวกเขา ถึงแม้จะเป็นเรื่องที่ทำได้ยากหรือไม่น่าจะได้เลยก็ตาม)
-
- ~@
- โพสต์: 8259
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 9:56 pm
- ที่อยู่: Bangkok
ดีฮะ พี่โช ขอหนับหนุนครับCho เขียน: ขอแย้งครับ บ้านผม ภรรยาผมใหญ่สุดในบ้านครับ
ผมว่า สุดท้ายในชีวิตหน้านั้น ไม่มีแยกชายหรือหญิง จะมีแต่ว่าใครรักและรับใช้พระเจ้าและผู้อื่นมากกว่ากันเท่านั้นเอง
เจี๊ยบยังไม่มีภรรยา แต่ที่รู้ๆ ที่บ้าน สตรีเป็นใหญ่ครับ ดูทีวี พวกชี ก็ถือรีโมท เอง วันไหนเราถือรีโมท ก็บอกให้เรากดช่องที่พวกชีชอบ
ดุว่า บ่น อะไรเถียงก็ไม่ได้ หาว่า ไม่จงรักภักดี จ่ายตังค์หมดกระเป๋า หาว่าใช้เปลือง ไปกินอาหารนอกบ้าน เราสั่งอาหาร ก็บอกว่าไม่เอา
เพราะพวกชีไม่ชอบ จะกินมูมมาม จุ๊บจั๊บ ก็หาว่ากินเหมือนหมูเหมือนหมา 5555
อยู่บ้าน เจี๊ยบพูดแค่คำเดียว ฮะ ว่า "ครับ"
เจี๊ยบนี่อยากให้มีวิชา สิทธิบุรุษ ด้วย แน่ะ
-
- โพสต์: 1946
- ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ มิ.ย. 01, 2005 8:23 pm
- ที่อยู่: On this earth obviously
but in reality , How many we have now?Valkyrie_chan เขียน: ที่ไม่ตอบที่ผ่านมา ก็เพราะว่าฟังแล้วก็ลองคิดดูอยู่
แต่ว่านะ ความจริงที่ว่าผู้ชายหลายคนเอาเปรียบผู้หญิงเป็นชีวิตจิตใจ ก็ยังอยู่ในสารบบ "ความเป็นจริงที่เกิดขึ้นในโลก" อยู่ดี (ใช้คำว่า Akashic Record ก็ยังได้)
(ข้อมูลเพิ่มเติม ก่อนจะถูกหาว่าเอามาจากมังงะญี่ปุ่น
http://en.wikipedia.org/wiki/Akashic_record )
Maria Magdalena เขียน: มองดูดีๆนะ
ในสังคมเอเชียตะวันออก อย่างเช่นในบ้านเรา หรือเมืองจีนอ่ะ
ใครเป็นคนถือเงินในบ้าน ใครเป็นคนมีอำนาจดูแลจัดการเรื่องต่างๆในบ้าน etc.
ไม่ใช่คนเป็นแม่หรอกเหรอ
เพราะฉะนั้นการที่พูดว่าหญิงเสียเปรียบมันก้ออาจจะไม่จริงเสมอไปในบางกรณีป่ะ
ป.ล. ใช่ อาจจริงที่ ดูตัวอย่างแบบ ผู้หญิงในอเมริกาเพิ่งมีสิทธิเลือกตั้งหลังสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง ทั้งๆที่เป็นประเทศที่รณรงค์เรื่องประชาธิบไตยมาก
แต่อย่างน้อยบ้านเรา ในปี 2475 ทั้งหญิงและชายก้อมีสิทธิเลือกตั้งพร้อมกันนะ
Sorry, but I don't think I really get your point. ><"
ในรัฐธรรมนูญมีบัญญัติสิทธิเอาไว้
ส่วนเรื่องที่จะใช้หรือไม่ ก้อแล้วแต่คุณ ในความเป็นจริงอาจไม่ได้ใช้ในตอนต้นๆเหรอ??
กฎหมายให้สิทธิ แต่ไม่สามารถบังคับให้ทุกคนใช้สิทธิได้หรอก
(ถึงแม้ จะมีการพูดๆกันก้อเหอะว่า กม.บังคับ)
เรื่องยังงี้มันเป็น freewill ค่ะ