คำสอนพระศาสนจักรคาทอลิก ภาค 2 (2543) หน้า 353
ความหมายของศีลอภัยบาป
ความหมายตามคำศัพท์ คำว่า “Penance” เป็นคำมาจากภาษาลาตินว่า “Paenitentia” ซึ่ง A.Souter ได้ให้ความหมายว่า เป็นการเสียใจในบาป (regret for sin) ส่วนในพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาใหม่ฉบับภาษากรีกใช้คำว่า “Metanoia” ในความหมายว่า เป็นการเปลี่ยนแปลงจิตใจของคนๆ หนึ่ง ซึ่งคำในภาษาฮิบรูดั้งเดิม เป็นความหมายที่มีลักษณะเป็นรูปธรรมที่แสดงความหมายของ “การกลับมา” เหมือนคนที่เดินทางผิดเส้นทาง และก็จำเป็นต้องย้อนกลับมา และเมื่อประยุกต์กับความหมายของศีลอภัยบาป จึงเป็นความคิดว่า เป็นการที่คน ๆ หนึ่งได้หันชีวิตของตนเองกลับมาสู่พระเจ้าทั้งครบ หันจากบาปความผิดที่ทำให้ชีวิตหันเหไปจาก พระองค์ ให้กลับคืนมาสู่พระเจ้าอีกครั้ง
ความหมายตามชื่อที่ ใช้เรียกศีลศักดิ์สิทธิ์นี้
เราอาจเรียกชื่อของศีลอภัยบาปได้หลายแบบตาม แง่มุมต่าง ๆ ที่สะท้อนถึงความหมายของศีลอภัยบาปกับชีวิตคริสตชนของเรา
เรา เรียกว่า ศีลศักดิ์สิทธิ์แห่งการกลับใจ ( Conversion ) เนื่องจากว่าศีลนี้ทำให้การที่พระเยซูเจ้าเรียกให้กลับใจนั้น เป็นจริงด้วยเครื่องหมาย เป็นการเดินกับไปหาพระบิดา ซึ่งเขาได้เหินห่างจากพระองค์เพราะบาป ( เทียบ มก 1:15 / ลก 15:18 )
เรา เรียกว่า ศีลแห่งการเป็นทุกข์กลับใจ ( Penance ) เนื่องจากแสดงชัดเจนว่า พระเจ้าทรงรับการกระทำของคนบาป ตามขั้นตอนของการกลับใจใช้โทษบาป
เรา เรียกว่า ศีลแห่งการสารภาพบาป ( Confession ) เนื่องจากว่าการสารภาพบาปต่อหน้าพระสงฆ์ซึ่งเป็นองค์ประกอบสำคัญของศีล ศักดิ์สิทธิ์นี้ ในความหมายที่ลึกซึ้งศีลนี้ยังเป็นการสารภาพ การยอมรับรู้ และการสรรเสริญความศักดิ์สิทธิ์ของพระเจ้า และพระเมตตากรุณาของพระองค์ต่อคนบาป
เรียกว่า ศีลอภัยบาป ( Forgiveness ) เนื่องจากว่า โดยการยกบาปของพระสงฆ์ทางศีลศักดิ์สิทธิ์นี้ พระเจ้าทรงประทาน “การอภัยและให้สันติ” แก่ผู้สำนึกผิด
เราเรียกว่า ศีลแห่งการคืนดี ( Reconciliation ) เพราะว่าศีลนี้ความรักของพระเจ้าซึ่งคืนดีแก่คนบาป “จงยอมคืนดีกับพระเจ้า” ( 2 คร 5:20 ) ผู้ซึ่งนำความรักเมตตากรุณาของพระเจ้ามาดำเนินชีวิตนั้นพร้อมที่จะตอบคำ เชื้อเชิญขององค์พระผู้เป็นเจ้าที่กล่าวว่า “ไปคืนดีกับเพื่อนพี่น้องเสียก่อน แล้วจึงค่อยกลับมาถวายเครื่องบูชานั้น” ( มธ 5:24 )
เทววิทยาเรื่องศีลอภัยบาป :
ธรรมล้ำลึกเรื่องการกลับ คืนดีกับพระเจ้าในประวัติศาสตร์แห่งความรอด
เนื่องจากบาปของมวล มนุษย์ พระบิดาได้ทรงแสดงพระเมตตา โปรดให้โลกกลับคืนดีกับ พระองค์อาศัยพระคริสตเจ้าที่ทรงพลีพระชนม์บนกางเขน และพระบุตรเมื่อทรงบังเกิดเป็นมนุษย์เพื่อช่วยให้พ้นจากการเป็นทาสของบาป และนำออกจากความมืดมาสู่ความสว่าง พระองค์ทรงเริ่มปฏิบัติภารกิจบนแผ่นดินโดยประกาศว่า “พวกท่านจงกลับใจและเชื่อข่าวดีเถิด” (มก 1:15 )
ซึ่งการเชื้อเชิญ ให้สำนึกผิด กลับคืนดีกับพระเจ้านี้ บรรดาประกาศกก็ได้กระทำตลอดมา ซึ่งถือเป็นการเตรียมจิตใจมนุษย์ให้รับพระอาณาจักรของพระเจ้า
พระ เยซูเจ้าไม่ได้เพียงแต่ทรงเตือนมนุษย์ให้สำนึกผิด เพื่อละทิ้งบาปและกลับมาหาพระเจ้าอย่างแท้จริงเท่านั้น แต่ยังทรงรับคนบาปและช่วยให้ได้กลับคืนดีกับพระบิดาด้วย นอกจากนั้นพระองค์ได้ทรงรักษาคนเจ็บป่วย เพื่อแสดงถึงอำนาจของพระองค์ที่สามารถอภัยบาปได้ และในที่สุดพระองค์ได้สิ้นพระชนม์เพราะบาปของมนุษย์ และได้ทรงกลับคืนชีพเพื่อจะทำให้เราเป็นผู้ศักดิ์สิทธิ์ เพราะเหตุนี้ ในคืนที่ทรงถูกทรยศและเริ่มการรับพระทรมาน พระองค์ได้ทรงตั้งการถวายบูชาแห่งพันธสัญญาใหม่ด้วยพระโลหิต เพื่ออภัยบาปของมนุษย์ และเมื่อทรงกลับคืนชีพแล้ว ได้ทรงประทานพระจิตมายังบรรดาอัครสาวก เพื่อให้พวกเขามีอำนาจที่จะอภัยหรือไม่อภัยบาป และให้รับหน้าที่ประกาศให้มนุษย์ทั้งหลายได้สำนึกผิดและรับการอภัยบาปในพระ นามพระองค์ ( เทียบ ลก 24,47 )
พระเจ้าเท่านั้นทรงอภัยบาปได้ (เทียบ มก2:7) พระเยซูเจ้าทรงเป็นพระบุตรของพระเจ้า พระองค์ทรงตรัสถึงพระองค์เองว่า “บุตรแห่งมนุษย์มีอำนาจอภัยบาปได้บนแผ่นดินนี้” (มก 2:10 ) และทรงใช้อำนาจนี้ของพระเจ้า “บาปของเจ้าได้รับการอภัยแล้ว” ( มก 2:5; ลก 7:48 ) ยิ่งกว่านั้นพระองค์ทรงประทานอำนาจเช่นนี้ให้มนุษย์เพื่อใช้ในนามของพระองค์ ( เทียบ ยน 20:21-23 ) ซึ่งอำนาจนี้แสดงออกชัดเจนที่สุด ในถ้อยคำที่พระองค์ทรงรับสั่งกับนักบุญเปโตรว่า “เราจะมอบกุญแจอาณาจักรสวรรค์ให้ ทุกสิ่งที่ท่านจะผูกบนแผนดินนี้จะผูกไว้ในสวรรค์ด้วย ทุกสิ่งที่ท่านจะแก้ในแผ่นดินนี้ ก็จะแก้ในสวรรค์ด้วย” ( มธ 16:19 )
คำ ว่า “การผูกและการแก้” หมายความว่า ผู้ใดที่ท่านจะตัดออกจากการมีชีวิตร่วมกันก็จะถูก ตัดออกจากการมีชีวิตร่วมกันกับพระเจ้า ผู้ใดที่ท่านจะรับเข้าไว้ใหม่ในการมีชีวิตร่วมกัน พระเจ้าก็จะทรงรับไว้เช่นเดียวกัน การคืนดีกับพระศาสนจักรไม่อาจแยกออกจากการคืนดีกับพระเจ้าได้
ดัง นั้นในวันพระจิตเจ้าเสด็จมา นักบุญเปโตรได้ประกาศการอภัยบาปด้วยศีลล้างบาปว่า “ท่านทั้งหลายจงกลับใจเถิด แต่ละคนจงรับศีลล้างบาป เดชะพระนามของพระเยซูคริสตเจ้า เพื่อจะได้รับการอภัยบาป” ( กจ 2:38 ) และเหตุนี้เองที่พระศาสนจักรไม่เคยละเลยที่จะเชิญมนุษย์ทั้งหลายให้กลับใจ ละทิ้งบาป และประกาศเรื่องที่พระคริสตเจ้าทรงมีชัยชนะเหนือบาป ด้วยพิธีศีลอภัยบาป
ชัยชนะเหนือบาปนั้น ก่อนอื่นเห็นชัดเจนในศีลล้างบาป เมื่อเรารับศีลล้างบาปมนุษย์เก่าของเราก็ถูกตรึงกางเขนไปพร้อมกับพระคริสต เจ้า ชีวิตแห่งบาปได้ถูกทำลายไป เราไม่เป็นทาสของบาปอีก ต่อไป แต่จะกลับคืนชีพกับพระคริสตเจ้าแล้วดำรงชีวิตเพื่อพระเจ้า ( เทียบ รม 6:4-10 ) ด้วยเหตุนี้ พระศาสนจักรจึงประกาศยืนยันว่า “ศีลล้างบาปมีแต่พิธีเดียวเพื่ออภัยบาป”
ในพิธีบูชาขอบพระคุณ การถวายบูชาขอบพระคุณเป็นเครื่องหมายถึง การรับทรมานของ พระคริสตเจ้า เป็นพระกายและพระโลหิตที่ทรงพลีเพื่ออภัยบาปของเรา ซึ่งพระศาสนจักรถวายแด่พระเจ้าอีกครั้งเพื่อความรอดของโลก ความจริงการที่พระคริสตเจ้าประทับในศีลมหาสนิทและถูกถวายเป็น “เครื่องบูชาเพื่อการกลับคืนดีของเรา” เพื่อให้เรา“รวมกันเข้าเป็นหนึ่งเดียว” ด้วยอานุภาพของพระจิต
นอกจาก นี้พระเยซูคริสตเจ้า เมื่อทรงมอบอำนาจที่จะอภัยบาปให้แก่บรรดาอัครสาวกและผู้สืบภารกิจต่อไป ได้ทรงตั้งศีลอภัยบาปในพระศาสนจักร เพื่อสัตบุรุษที่ตกในบาปหลังจากรับศีลล้างบาปแล้วจะได้กลับคืนดีกับพระเจ้า อาศัยพระหรรษทานที่ได้รับใหม่ ด้วยว่าพระศาสนจักรนั้นมี “ทั้งน้ำและน้ำตา คือ น้ำศีลล้างบาปกับน้ำตาแห่งความสำนึกผิด” ( นักบุญอัมโบรซีโอ )
การคืนดีกับพระเจ้าและพระศาสนจักรของผู้สารภาพบาป
เนื่องจากการทำบาป เป็นการทำให้เคืองพระทัยพระเจ้า ซึ่งเป็นการทำลายมิตรภาพกับพระองค์ ความสำนึกผิดจึง “มุ่งเป็นประการสุดท้ายที่จะรักตอบพระเจ้า และมอบถวายตัวเรากับพระองค์อย่าง สิ้นเชิง” ฉะนั้นคนบาปที่เริ่มสำนึกผิด อาศัยพระหรรษทานของพระเจ้าก็กลับมาหาพระบิดาผู้ “ทรงรักเราก่อน” ( 1 ยน 4:19 ) กลับมาหาพระคริสตเจ้าซึ่งทรงมอบพระองค์เพราะเห็นแก่เรา และกลับมาหา พระจิตเจ้าซึ่งเราได้รับในชีวิต
ศีล อภัยบาปกับส่วนประกอบต่าง ๆ ของศีลอภัยบาป
เมื่อคริสตชนได้ทำบาป หากปรารถนารับศีลอภัยบาป ก่อนอื่นจะต้องกลับมาหาพระเจ้าอย่างแท้จริง การกลับใจเช่นนี้ประกอบด้วยความเป็นทุกข์ถึงบาปและความตั้งใจจะเปลี่ยนแปลง ชีวิตใหม่ และจะต้องแสดงออกมาด้วยการสารภาพบาปซึ่งกระทำต่อพระศาสนจักร ด้วยการชดเชยบาปและเปลี่ยนแปลงชีวิตใหม่ พระเจ้าทรงอภัยบาปอาศัยพระศาสนจักรซึ่งให้พระสงฆ์เป็นผู้กระทำหน้าที่นี้
1.ความ เป็นทุกข์ถึงบาป
กิจการที่สำคัญที่สุดของผู้สารภาพบาปก็คือ ความเป็นทุกข์ถึงบาป
ความเป็นทุกข์ถึงบาป คือ “การที่จิตใจมีความทุกข์เสียใจที่ได้กระทำบาป พร้อมทั้งตั้งใจจะไม่ทำบาปอีก” แท้จริง “เราจะเข้าพระอาณาจักรของพระคริสตเจ้าได้ก็ด้วยการเปลี่ยนแปลงจิตใจอย่าง สิ้นเชิง การเปลี่ยนจิตใจนี้จะทำให้เราคิด วินิจฉัย และดำเนินชีวิตเพราะเห็นแก่ความศักดิ์สิทธิ์และความรัก ซึ่งในวาระสุดท้ายนี้พระเจ้าได้ทรงสำแดงในพระบุตร และได้ประทานแก่เราอย่างสมบูรณ์” ( เทียบ ฮบ 1:2; คส 1:19; อฟ 1:23 ) ฉะนั้น จะมีความสำนึกผิดอย่างแท้จริงได้ ก็ต้องมีความทุกข์ถึงบาปในจิตใจดังที่กล่าวมานี้ หมายความว่า การกลับใจต้องมีผลถึงภายในจิตใจของมนุษย์ ทำให้เขามีความเข้าใจ ลึกซึ้งและเลียนแบบองค์พระคริสตเจ้ายิ่งขึ้นทุกวัน
2.การสารภาพบาป
การ สารภาพบาปที่เกิดจากความทุกข์ถึงบาป และความรู้จักตนเองอย่างแท้จริงต่อหน้า
พระเจ้า ถือเป็นส่วนหนึ่งของศีลอภัยบาป อย่างไรก็ตาม การสำรวจภายในจิตใจและการสารภาพภายนอกนั้นต้องทำโดยอาศัยความสว่างจากพระ เจ้า การสารภาพบาปเรียกร้องให้ผู้สารภาพเปิดใจของตนแก่พระสงฆ์ผู้ฟังแก้บาป และเรียกร้องให้พระสงฆ์ได้วินิจฉัยเรื่องฝ่ายวิญญาณในนามของพระคริสตเจ้า อาศัยอำนาจที่จะผูกและแก้ คือ อำนาจที่จะอภัยบาปหรือไม่อภัยบาปให้
3.การ ชดเชยบาป
การกลับใจอย่างแท้จริงจะสมบูรณ์ก็ต้องชดเชยบาป เปลี่ยนแปลงชีวิตและชดเชยความเสียหาย
ตามกิจการที่ก่อขึ้น แต่วิธีและขนาดของการชดเชยจะต้องเหมาะสมแก่ผู้สารภาพแต่ละคน เพื่อเขาจะได้สร้างระเบียบที่ได้ทำให้เสียไปขึ้นใหม่ และจะได้เป็นโอกาสบำบัด แก้ไขในความผิด ความอ่อนแอของเขาได้ ดังนั้นกิจใช้โทษบาปที่พระสงฆ์กำหนดนั้นจะต้องเป็นเครื่องมือที่ช่วยบำบัด แก้ไขเขาได้อย่างแท้จริง และจะต้องเป็นโอกาสรื้อฟื้นชีวิตด้วยวิธีการใดวิธีหนึ่ง
4.การอภัย บาป
คนบาปที่แสดงให้ศาสนบริกรของพระศาสนจักรเห็นว่ากลับใจด้วยการ สารภาพบาป พระเจ้าก็อภัยบาปให้ด้วยเครื่องหมายที่เรียกว่า การอภัยบาป และดังนี้ศีลอภัยบาปจึงเกิดขึ้น ตามที่พระบิดาได้ทรงกำหนดให้สภาพมนุษย์และพระเมตตาแห่งพระผู้ไถ่ของเรา ปรากฏมา ในรูปที่มนุษย์สามารถเห็นได้ พระเจ้าทรงรื้อฟื้นพันธสัญญาที่ขาดหายไปและประทานความรอดให้เราโดยใช้ เครื่องหมายที่เราสามารถมองเห็นได้
ฉะนั้นอาศัยศีลอภัยบาป พระบิดาทรงต้อนรับลูกที่กลับมาหาพระองค์, พระคริสตเจ้าทรงอุ้มแกะที่หายไปขึ้นแบกบนบ่าและนำกลับคอก, และพระจิตเจ้าทรงบันดาลให้พระวิหารของพระองค์กลับศักดิ์สิทธิ์ไป และทรงเข้าพำนักอย่างสมบูรณ์ยิ่งขึ้น
ความจำเป็นและ ประโยชน์ของศีลอภัยบาป
“คุณค่าทั้งมวลของศีลอภัยบาปนั้นประกอบด้วยการทำ ให้เราคืนสู่พระหรรษทานของพระเจ้า และรวมเราไว้กับพระองค์ด้วยมิตรภาพที่ใกล้ชิด” ( คำสอนโรมัน II ข้อ 5,18 ) จุดหมายและผลของ ศีลศักดิ์สิทธิ์จึงเป็นการกลับคืนดีกับพระเจ้า “สันติสุขและความสบายใจของมโนธรรมพร้อมกับความบรรเทาใจฝ่ายจิตที่ให้ชีวิต” จะเกิดตามมาในผู้ที่รับศีลอภัยบาปด้วยจิตใจที่สำนึกผิดและมีความพร้อมรับทาง ศาสนา ( DS 1674 ) ที่จริงศีลแห่งการคืนดีกับพระเจ้าจะก่อให้เกิด “การกลับเป็นขึ้นมาฝ่ายจิต” ที่แท้จริง คืนศักดิ์ศรีและพระพรของชีวิตในฐานะที่เป็นบุตรพระเจ้า ซึ่งสิ่งที่มีค่าที่สุดคือ มิตรภาพกับพระเจ้า ( เทียบ ลก 15:32 )
ศีล ศักดิ์สิทธิ์นี้ทำให้เราคืนดีกับพระศาสนจักร บาปได้ทำให้การมีชีวิตร่วมกันฉันท์พี่น้องเกิด การแตกแยก ศีลอภัยบาปได้ช่วยซ่อมแซม และบูรณะการมีชีวิตร่วมกันนี้
สภาพบาดแผล ที่บาปได้ทำแก่ชีวิตของแต่ละคนและต่อส่วนรวมนั้น มีชนิดต่างๆ ฉันใดในการเยียวยาที่ศีลอภัยบาปได้หยิบยื่นแก่ชีวิตเราก็มีชนิดต่างๆ ฉันนั้น ผู้ที่ทำบาปหนักขาดจากความรักของพระเจ้า เมื่อรับศีลอภัยบาปก็กลับมีชีวิตที่ได้สูญเสียไป ส่วนผู้ที่ทำบาปเบาเพราะความอ่อนแอนั้น เมื่อรับศีลอภัยบาปบ่อยครั้ง ก็ได้รับกำลังเพื่อบรรลุอิสระภาพของผู้เป็นบุตรพระเจ้าอย่างสมบูรณ์
ศีล อภัยบาปจึงไม่ใช่เป็นการประกอบพิธีซ้ำๆ ซากๆ หรือเป็นวิธีการฝึกทางจิตวิทยาอย่างหนึ่งเท่านั้น แต่เป็นการพยายามอย่างไม่ลดละที่จะทำให้พระหรรษทานของศีลล้างบาปเกิดผล สมบูรณ์ เพื่อว่า “เมื่อเราแบกความตายของพระเยซูเจ้าไว้ในร่างกายของเรา ชีวิตของพระองค์จะได้ปรากฏอยู่ใน ตัวเรายิ่งวันยิ่งมากขึ้น” ( เทียบ 2 คร 4:10 ) ในการสารภาพบาปนั้นผู้ที่สารภาพบาปเบาจึงควรพยายามกระทำตนให้เหมือนพระคริสต เจ้า และตั้งใจฟังเสียงขององค์พระจิตให้มากยิ่ง ๆ ขึ้น และเพื่อทำให้ ศีลอภัยบาปได้ผลสมบูรณ์ในชีวิตคริสตชน จำเป็นที่ศีลนี้จะต้องหยั่งรากลงในชีวิตของเขาและกระตุ้นเตือนให้ดำเนิน ชีวิตรับใช้พระเจ้าและเพื่อนมนุษย์อย่างร้อนรนยิ่งขึ้นอีกด้วย
ศาสนบริกรของศีลอภัยบาป
1. พระศาสนจักรประกอบพิธีศีลอภัยบาป โดยพระสังฆราชและพระสงฆ์ ซึ่งเตือนสัตบุรุษให้กลับใจด้วยการประกาศพระวาจาของพระเจ้า อีกทั้งประกาศยืนยันและให้อภัยบาปแก่มนุษย์ในพระนามของพระคริสตเจ้า และด้วยอานุภาพขององค์พระจิต
ในการประกอบพิธีศีลอภัยบาป พระสงฆ์ปฏิบัติโดยร่วมเป็นหนึ่งเดียวกับพระสังฆราช และมีส่วนในอำนาจและหน้าที่ของท่าน ซึ่งเป็นผู้กำหนดระเบียบเกี่ยวกับเรื่องศีลอภัยบาป ( สังฆธรรมนูญเรื่องพระศาสนจักร ข้อ 26 )
2.ศาสนบริกรผู้มีอำนาจสำหรับ ศีลอภัยบาป คือ พระสงฆ์ที่มีอำนาจจะอภัยบาปตามกฎหมายของ
พระศาสนจักร อย่างไรก็ตาม พระสงฆ์ทุกองค์แม้ที่ยังไม่ได้รับอนุญาตให้ฟังแก้บาปสามารถอภัยบาปให้แก่ผู้ สารภาพบาปที่ใกล้จะเสียชีวิตได้อย่างสมบูรณ์และถูกต้อง
สรุป
บาป เป็นการทำเคืองพระทัยพระเจ้า เป็นการแยกตัวออกจากการมีส่วนร่วมชีวิตกับพระองค์
ในเวลาเดียวกัน ยังทำลายการมีส่วนร่วมกับพระศาสนจักร เพราะเหตุนี้ การกลับใจนำมาซึ่งการอภัยของพระเจ้าและการคืนดีกับพระศาสนจักร ซึ่งถูกแสดงออกและทำให้สำเร็จทางพิธีกรรม โดยอาศัย ศีลล้างบาปและการคืนดี ( เทียบ พระศาสนจักร ข้อ 11 )
มนุษย์ถูกสร้างให้มีศักดิ์ศรีและมีฐานะ เป็นบุตรพระเจ้า พระองค์ปรารถนาให้ชีวิตของมนุษย์ได้
บรรลุถึงความ รอดของพระองค์ แต่ด้วยความอ่อนแอมนุษย์ได้ปฏิเสธและเลือกจะทำตามใจปรารถนาของตนเอง บาปจึงเป็นอุปสรรคแห่งความก้าวหน้าในความสัมพันธ์กับพระองค์ และผลแห่งบาปยังได้นำความเลวร้ายยุ่งเหยิงมาสู่ชีวิตมนุษย์มากมาย แต่กระนั้น ด้วยความรักและพระเมตตาพระเจ้าไม่ทรงทอดทิ้งมนุษย์ ตรงข้ามทรงปรารถนาให้มนุษย์ได้ฟื้นฟูคืนความสัมพันธ์กับพระองค์ขึ้นใหม่ อาศัย องค์พระเยซูคริสตเจ้า และผ่านทางศีลอภัยบาปพระองค์ได้ทรงนำมนุษย์ที่สำนึกผิด ให้กลับมาสู่หนทางความรักของพระองค์ คืนศักดิ์ศรีในชีวิตพระหรรษทาน นำความหวังความยินดีมาสู่ชีวิตมนุษย์อีกครั้ง
ศีลอภัยบาปจึงเป็น เครื่องหมายและเครื่องมือแห่งความรัก และพระเมตตาที่พระเจ้าทรงแสดงถึงความรักที่ปราศจากเงื่อนไข และความซื่อสัตย์ของพระองค์ที่ทรงปรารถนาให้มนุษย์ทั้งมวลได้เข้าสู่ หนทางความรอดของพระองค์ และในเวลาเดียวกันเป็นแนวทางและจิตตารมณ์ที่พระองค์ประทานให้มนุษย์ได้ ดำเนินชีวิตเป็นประจักษ์พยาน ถึงพระเจ้าองค์ความรักและเมตตาด้วยการอภัยให้แก่กันและกันในชีวิตประจำวัน ของเราด้วย
ที่มา
http://www.catholic.or.th/spiritual/art ... /le08.html