เพลงชอบคืนนี้

ใครมาใหม่เชิญทางนี้ก่อน ทักทาย ทดลองโพส
syaoran
โพสต์: 267
ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ ก.ย. 06, 2009 8:42 pm
ที่อยู่: นครสวรรค์
ติดต่อ:

พุธ ม.ค. 06, 2010 8:18 pm

รูปภาพ

เพลงชอบคืนนี้  ( แด่พระแม่มารี )
ประพันธ์ใหม่ โดย: syaoran

ชอบคืนนี้ (ชอบคืนนี้ )ที่สุดเลย (ที่สุดเลย)
ที่ๆคุ้นเคย พิเศษมากมาย
เมื่อมีพระแม่ข้างกาย  ร่วมสวดด้วยกัน
ลูกหัวใจล่องลอย.... เหมือนอยู่ในฝัน.......

เวลาที่ลูกนั้นห่างแม่ ลูกคิดถึงแม่อย่างมากมาย
ก็ได้แต่ภาวนาส่งกระแสหัวใจ ไปหาพระแม่อยู่ทุกๆวัน
และในเวลาที่พ้นผ่าน เฝ้ารอ แค่เพียงได้พบพระแม่
สุขใจที่สุด อุ่นใจที่สุด เมื่อเราได้อยู่ใกล้ๆกัน อย่างคืนนี้ (เวลานี้)

ชอบคืนนี้ (ชอบคืนนี้ )ที่สุดเลย (ที่สุดเลย)
ที่ๆคุ้นเคย พิเศษมากมาย
เมื่อมีพระแม่ข้างกาย ร่วมสวดด้วยกัน
ลูกหัวใจล่องลอย.... เหมือนอยู่ในฝัน.....

ได้สวดภาวนาก็ลืมทุกอย่างไป  คล้ายโลกมีแค่สองเรา
นี่คือค่ำคืน ที่ลูกรอคอย สดใสยิ่งกว่าทุกครั้งมา
ไม่มีคืนใดจะสวยกว่า ในช่วงเวลาที่ฉันมีเธอ
สุขใจที่สุด อุ่นใจที่สุด เมื่อเราได้อยู่กับพระแม่ อย่างคืนนี้

ชอบคืนนี้ (ชอบคืนนี้ ) ที่สุดเลย (ที่สุดเลย)
ที่ๆคุ้นเคย พิเศษมากมาย
เมื่อมีพระแม่ข้างกาย ร่วมสวดด้วยกัน
ลูกหัวใจล่องลอย.....เหมือนอยู่ในฝัน.....

ชอบคืนนี้ (ชอบคืนนี้ ) ที่สุดเลย (ที่สุดเลย
) ที่ๆคุ้นเคย พิเศษมากมาย
เมื่อมีพระแม่ข้างกาย ร่วมสวดด้วยกัน
ลูกหัวใจล่องลอย..... เหมือนอยู่ในฝัน.....

ชอบคืนนี้ (ชอบคืนนี้ )ที่สุดเลย (ที่สุดเลย)
ที่ๆคุ้นเคย พิเศษมากมาย
เมื่อมีพระแม่ข้างกาย ร่วมสวดด้วยกัน
ลูกหัวใจล่องลอย.... เหมือนอยู่ในฝัน.....
จบแล้วร้อง
วันทามารีอา วันทามารีอา วันทามารีอา
ราชินีแห่งสายประคำศักดิ์สิทธิ์ องค์พระจิตอยู่ชิดในดวงวิญญาณ
ทรงเปี่ยมล้นด้วยหรรษทาน มารดาแห่งพระเจ้า
พรหมจารีย์ที่รักและทรงเมตตา ที่พึ่งพาหลบภัยของเราคนบาป
ทรงสั่งสอนให้สวดค่ำเช้า สายประคำนำชีวา
(รับ) วันทามารีอา วันทามารีอา วันทามารีอา

ราชินีแห่งสายประคำประเสริฐ งามบรรเจิดจิตเพริศพิไลแพรวพราย
ความมลทินไม่มีกล้ำกราย ขอถวายพร
โดยอาศัยซึ่งสายประคำสูงส่ง จะมั่นคงสวดทุกๆวันเวลา
ทดแทนขอเชยบาปชั่วช้า เพื่อสันติในโลกา

วันทามารีอา เปี่ยมด้วยหรรษทาน
พระเจ้าสถิตกับท่าน ผู้มีบุญกว่าหญิงใดใด
และพระเยซูโอรสของท่าน ทรงบุญหนักหนา
สันตะมารีอามารดาองค์พระเจ้า
โปรดภาวนาเพื่อเราคนบาป บัดนี้และเมื่อจะตาย
บัดนี้ และเมื่อจะตาย อาแมน
Ave Maria, gratia plena,
Dominus tecum.
Benedicta tu in mulieribus
et benedictus fructus ventris tui Jesus.
Sancta Maria Mater Dei
Ora pro nobis peccatoribus
nunc et in hora mortis nostrae. Amen

Hail Mary full of grace
the Lord is with Thee'
Blessed art Thou among women
and Blessed is the fruit of thy womb,Jesus
Holy Mary mother of God,
Pray for us sinners now,
and at the hour of our death. Amen.

Hail Mary full of grace,
the Lord is with you,
Blessed are you among women,
and Blessed is the fruit of your womb,Jesus
Holy Mary mother of God,
Pray for us sinners now,
and at the hour of our death. Amen.
และสวดสายประคำพระแม่ สวดเท่าไหร่ก็ได้ตามใจคุณ




เงื่อนไขของผมมีแค่นี้เองครับ
1.นักร้องและผู้ประสานเสียงเพลง เป็นผู้หญิงทั้งหมด น้ำเสียงระดับโซปราโน และโทนเนอร์ เท่านั้น
2.เครื่องดนตรีที่ใช้เล่นเป็นเครื่องดนตรีประเภทสาย,ประเภทเป่า
3. คนที่นำไปทำ ผมขอแค่ถ่ายวีดีโอแล้วลงที่เว็บ  youtube เพื่อให้ทุกคนได้ดูไงครับ
สามข้อเท่านั้นเอง อยากให้ร้องเพลงนี้ในตัวโบสถ์ดูจัง ผมปรับปรุงแต่งขึ้นมาใหม่นะ ร้องที่หน้าถ้ำพระกุมารก็ได้ครับผม

...


เพลงมีอิทธิพลกับจิตใจมนุษย์มากมาย อย่างเช่นเพลงนี้

กลูมมี่ ซันเดย์เป็นเพลงที่แต่งขึ้นโดยนักกวีชาวฮังการีผู้หนึ่ง ชื่อว่า "วันอาทิตย์ที่แสนเศร้า" แต่งโดยหนุ่มฮังกาเรียนนามเรสโซ เซเรสส์ (Reszo Seress)

มันเริ่มมาจากเมื่อเดือนธันวาคม ปี1932 เรสโซเป็นที่เป็นนักแต่งเพลงยากจน เขาพยายามหาเลี้ยงชีพอยู่ในนครปารีส แต่ก็ไม่เป็นผลสำเร็จ เพราะเพลงแต่ละเพลงของเขาไม่ได้รับความสนใจ อีกทั้งคนรักของเขาก็ไม่เห็นดีเห็นงามด้วยจนทะเลาะกันอยู่หลายครั้ง ในที่สุดในวันหนึ่ง ทั้งคู่ก็ต้องถึงคราวแยกทางกัน

ด้วยเหตุนี้ ในวันอาทิตย์วันหนึ่ง มันเป็นวันฝนตก เรสโซที่ทั้งหดหู่และเศร้าหมองด้วยเหตุการณ์ต่างๆก็ได้แต่งเพลงนี้ขึ้นในวันนั้น ซึ่งเป็นการบรรเลงทำนองด้วยเปียโน เขาใช้เวลาเพียง 30 นาทีก็ประพันธ์เพลงเสร็จ จากนั้นจึงได้ส่งไปยังสำนักพิมพ์ต่างๆแต่ก็ยังไม่ได้รับการยอมรับ

และสุดท้ายก็มีสำนักพิมพ์บทประพันธ์แห่งหนึ่งรับไว้ นี่เป็นจุดเริ่มต้นของโศกนาฏกรรมที่เกิดขึ้นหลังจากเพลงนี้ได้ถูกเผยแพร่ไปยังมหานครต่างๆทั่วโลก...

ที่กรุงเบอร์ลิน เยอรมันนี ชายหนุ่มคนหนึ่งได้ขอให้วงดนตรีเล่นเพลงกลูมมี่ซันเดย์ให้ฟัง หลังจากนั้น เขากลับบ้านและระเบิดศีรษะด้วยปืนรีวอลเวอร์หลังจากบ่นกับญาติๆว่าเขารู้สึกกดดันอย่างรุนแรงกับท่วงทำนองเพลงที่เขาไม่อาจลบมันออกไปได้

สัปดาห์ต่อมาที่กรุงเบอร์ลินสาวผู้ช่วยร้านขายของแขวนตัวตายอยู่ในแฟลตที่พัก พบบทเพลงกลูมมี่ซันเดย์อยู่ที่ห้องของเธอด้วย

สองวันหลังจากนั้น เลขานุการิณีในนิวยอร์กได้ฆ่าตัวตายด้วยแก๊ส ในจดหมายลาตายได้ขอร้องให้เล่นเพลงนี้ในงานศพของเธอด้วย

สัปดาห์ถัดมา ชาวนิวยอร์กอีกรายเป็นชายวัย 82 ได้กระโดดหน้าต่างอพาร์ตเมนท์ชั้น 7 ลงมาตาย โดยก่อนตายเขาได้เล่นเพลงนี้

ในเวลาไล่เลี่ยกัน วัยรุ่นกรุงโรมก็กระโดดสะพานฆ่าตัวตายหลังจากที่ได้ฟังเพลงมรณะนี้เช่นเดียวกัน

ไม่นานนักเจ้าหน้าที่รัฐบาลผู้หนึ่งก็ได้ยิงตัวตายหลังจากที่ได ้อ่านเนื้อเพลงนี้ รายต่อมาเป็นเด็กหญิงคนหนึ่งที่พยายามกินยาพิษเมื่อได้ยินเพลงน ี้จากเครื่องเล่นแผ่นเสียง
ที่ภัตตาคารแห่งหนึ่งในกรุงบูตาเบส ชายคนหนึ่งก็ได้ยิงตัวตายในขณะที่เพลงนี้กำลังบรรเลงอยู่ และรายอื่นๆอีกมากมาย...

และผู้ประพันธ์เพลงนี้เองก็ต้องเจอชะตากรรมอันเลวร้าย เมือคิดจะไปคืนดีกับคนรัก แต่ในเวลาต่อมาเขาก็รู้ว่า คนรักของเขาได้กินยาพิษฆ่าตัวตายไปแล้ว ที่ข้างร่างของเธอคือแผ่นกระดาษบทเพลงกลูมมี่ซันเดย์นั่นเอง

รัฐบาลฮังการีได้สั่งห้ามไม่ให้เปิดเพลงนี้ออกอากาศ แต่เหตุการณ์นี้ก็ยังเกิดในที่อื่นๆอีก เช่นที่ประเทศอังกฤษ ซึ่งทางบีบีซีก็ได้ถูกสั่งห้ามเปิดเพลงนี้เช่นกัน แต่ในสหรัฐอเมริกา ถึงแม้จะเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้น ก็ตัดสินใจที่จะไม่ทำอย่างรัฐบาลอังกฤษและฮังการี

โดยสรุปแล้วการฆ่าตัวตายนั้นได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับเพลงนี้ประม าณ 200 รายทั่วโลก
และในปี 1968 ชาวอังกฤษคนหนึ่งก็ได้กระโดดจากชั้น 8 ของอาคารแห่งหนึ่ง เขาคือ เรสโซ เซเรสส์ ซึ่งไม่สามารถแต่งเพลงได้อีกหลังจากการแต่งทำนองเพลง "วันอาทิตย์ที่แสนเศร้า"
และนี่เองคือที่มาสำหรับบทเพลงแห่งความตายที่มีชื่อว่า "วันอาทิตย์ที่แสนเศร้า" หรือ "gloomy sunday"


เพลง "วันอาทิตย์ที่แสนเศร้า"
แต่งโดย ลาฟโร จาร์วัว
ทำนองโดย เรสโซ เซเรสส์
ได้ยินว่าเป็นเพลงต้องห้าม(บทเพลงแห่งความตาย) ถูกห้ามเปิดทั้งในฮังการีและอังกฤษ มีส่วนเกี่ยวข้องกบการตายของคนถึง 200 คน

วันอาทิตย์ที่แสนเศร้า
วันอาทิตย์นี้ช่างแสนเศร้า ฉันไม่สามารถจะล้มตัวลงนอนได้
ต้องใช้ชีวิตอยู่กับความมืดที่ไม่มีวันจบสิ้น
ดอกไม้ขาวหล่าวนั้น จะไม่ช่วยให้เธอฟื้นขึ้นมาได้ (ขอบอกก่อนนิดนึงว่า ชาวตะวันตกเวลางานศพเค้าจะมาไว้อาลัยคนตายด้วยดอกไม้สีขาว)
ไม่แม้กระทั้งที่ที่รถสีดำคันนั้นพาเธอไป (รถขนศพเมืองนอกเค้าจะเป็นเหมือนลิมูซีนคันเล็กสีดำ)
หล่าวเทวดาทั้งหลายจะไม่มีวันคืนเธอกลับมาหาฉันได้
พวกเค้าจะโกรธมั๊ยถ้าฉันจะไปหาเธอแทน (หมายความว่า ถ้าเทวดาคืนเธอมาไม่ได้ ฉันก็จะฆ่าตัวตายไปหาเธอเอง)
วันอาทิตย์ที่แสนเศร้า
วันอาทิตย์นี้ช่างแสนเศร้า ฉันอยู่แต่ในความมืดมานานพอแล้ว
ฉันและหัวใจของฉันได้ตัดสินใจที่จะจบทุกอย่างแล้ว
อีกไม่นานฉันก็จะห้อมล้อมไปด้วยธูปเทียนและคำภาวนา ฉันรู้ว่ามันเศร้า
แต่อย่าร้องไห้ไปเลย เพราะว่านี่เป็นสิ่งที่ฉันต้องการทำ
ความตายสำหรับฉันไม่ใช่ความฝัน เพราะว่าฉันจะได้สัมผัสเธออีกครั้ง
ด้วยลมหายใจสุดท้ายของฉัน ฉันจะอยู่เคียงข้างเธอ
วันอาทิตย์ที่แสนเศร้า
นั่นเป็นเพียงแค่ความฝัน
ฉันตื่นขึ้นมาเห็นเธออยู่เคียงข้างในใจของฉัน
ฉันหวังว่าความฝันของฉันนั้นไม่ได้ทำให้เธอเศร้า
เพราะหัวใจของฉันกำลังบอกเธอว่า ฉันต้องการเธอมากแค่ไหน
วันอาทิตย์ที่แสนเศร้า
------------------------------------------------

Sunday is gloomy, my hours are slumberless
Dearest the shadows I live with are numberless
Little white flowers will never awaken you
Not where the black coach of sorrow has taken you
Angels have no thought of ever returning you
Would they be angry if I thought of joining you?
Gloomy Sunday
Gloomy is Sunday, with shadows I spend it all
My heart and I have decided to end it all
Soon therell be candles and prayers that are sad I know
Let them not weep let them know that Im glad to go
Death is no dream for in death Im caressing you
With the last breath of my soul Ill be blessing you
Gloomy Sunday
Dreaming, I was only dreaming
I wake and I find you asleep in the deep of my heart, here
Darling, I hope that my dream never haunted you
My heart is telling you how much I wanted you
Gloomy Sunday
syaoran
โพสต์: 267
ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ ก.ย. 06, 2009 8:42 pm
ที่อยู่: นครสวรรค์
ติดต่อ:

พุธ ม.ค. 06, 2010 8:32 pm

รูปภาพ

Clock tower The First Fear.

เรื่องราวทั้งหมดเรื่มต้นในเดือนกันยายน เด็กสาว 4 คนซึ่งทั้ง 4 เป็นเด็กกำพร้าเหมือนกัน ได้ถูกรับตัวมาเป็นบุตรบุญธรรม โดยนาง Mary Barrows ซึ่งเธอเองก็ได้คำสั่งตกทอดมาจากสามี นาย Simon Barrows ให้ไปรับตัวเธอทั้ง 4 คน ให้มาอยู่ที่คฤหาสน์ในป่าแห่งหนึ่งซึ่งตัดขาดจากโลกภายนอก



ร่างของคน 5 คน ค่อยๆก้าวเดินไปตามทางขรุขระอย่างช้าๆ



ล็อตเต้ : ลอร์ล่า เดินเร็วๆเข้า พวกเราต้องไปให้ถึงตัวคฤหาสน์ก่อนพระอาทิตย์ตกนะ

1 ในกลุ่มเด็กสาวตะโกนบอกเพื่อนของเธอให้รีบตามมา ขณะที่เด็กสาวในชุดเดรสยาวสีม่วงค่อยๆเดินไปขนาบข้างกับ MR. Barrow ชื่อของเธอคือ "เจนิเฟอร์ ซิมสัน"

เจนิเฟอรืมิใช่เด้กกำพร้าแต่กำหนด หากแต่เธอเคยอยุ่กับพ่อ 2 คน จนกระทั่งวันหนึ่งพ่อของเธอก็หายสาปสูญไปหลังจากไปตรวจอาการคนไข้รายหนึ่ง เขาไม่เคยกลับมาหาเธออีกเลย



เจนิเฟอร์ : คุณนาย Barrow คะ ที่นั้นพวกเราจะได้ใช้ชีวิตกันอย่างมีความสุขจริงๆรึเปล่าคะ

เธอถามหญิงสาววัยกลางคน ด้วยความกังวลถึงชีวิตเธอหลังจากนี้

คุณนายแบร์โรว์ : เธอถามเป็นครั้งที่ 5 แล้วนะจ๊ะเด็กน้อย แน่นอนจ๊ะที่นั้นมีทุกอย่างเพรียบพร้อมสำหรับเจ้าหญิงน้อยๆของฉันทั้ง 4 คน พวกเธอจะรักมันทันทีที่ได้เห็นจ๊ะ



คุณนายแบร์โรว์ : นั่นไงจ๊ะ เห็นไหม

คฤหาสน์เก่าคร่ำคร่าแต่ดูสวยงามราวกับภาพเขียนที่เธอเคยเห็นสมัยเด้กก้ไม่ปาน แต่สิ่งที่สะดุดตาของเจนิเฟอร์ที่สุดคือ หอคอยนาฬิกาที่ตั้งตระหง่านอย่างมั่นคง ราวกับไม่แยแสผู้ใดอยู่ ณ ที่แห่งนั้น แต่เธอกลับรู้สึกแปลกอย่างบอกไม่ถูก ราวกับกำลังจะมีอะไรบางอย่างรอเธออยู่ที่นั้น



แต่บางทีเธออาจจะคิดไปเองก็เป็นได้

ณ ภายในคฤหาสน์ หลังจากที่ทุกคนเก็บข้าวของเสร็จและมารวมตัวกันที่ห้องนั่งเล่น

ลอร์ล่าห์ : ว้าว ที่นี่ใหญ่ยังกับวังเลยว่าไหม

แอน : นั้นสิเนอะ ขนาดแค่ห้องรับแขกยังมดหฬารขนาดนี้แหน่ะ

คุณนายแบร์โรว์ : เดี๋ยวฉันมานะจ๊ะเด็กๆ พวกเธอรอกันอยู่ที่นี่นะจ๊ะ

เด็กสาวทั้ง 4 ต่างนั่งรอคุณนายแบร์โรว์ ตามที่เธอสั่งไว้ แต่เมื่อเวลาผ่านไปนานจนผิดปกติ ทำให้เจนิเฟอร์รู้สึกผิดปกติเธอจึงตัดสินใจว่าจะออกไปตามหาคุณนายแบร์โรว์ ท่ามกลางเสียงคัดค้านของเพื่อนๆ

แต่ในที่สุดเจนิเฟอร์ก็ออกจากห้องไปตามหาคุณนายแบร์โรว์โดยไม่ฟังเสียงของเพื่อนเธอทันที

ทันทีที่เจนิเฟอร์ก้าวออกจากห้องไป เสียงกรีดร้องของ 1 ในเพื่อนๆของเธอก็ดังขึ้น

เธอจึงหันกลับไปยังห้องนั่งเล่นทันที แต่เมื่อๆไปถึงเธอกลับไม่พบเงาของเพื่อนๆเธอเลย และที่ผิดปกติที่สุดคือห้องทั้งห้องนั้นมืดสนิทราวกับไม่เคยมีใครอยู่ที่นี้มาก่อน

ด้วยความกังวลเจนิเฟอร์จึงรีบ ออกตามหาคุณนายแบร์โรว์ต่อทันที

ห้องแรกที่เธอเข้าไปสำรวจคือห้องนอนของคุณนายแบร์โรว์ ที่นี้เองก็ไม่มีแม้แต่เงาของเพื่อนๆ หรือคุณนายเลยแม้แต่น้อย มีเพียงนกแก้วที่ถูกขังอยู่ในกรงจ้องมองมาทางเธอด้วยสายตาเศร้าสร้อย

ด้วยความสงสารเจนิเฟอร์จึงเปิดกรงออกเพื่อให้มันได้ออกมาบินเล่น แต่มันกลับพุ่งเข้าใส่เธอหมายจะทำร้ายเจนิเฟอร์ด้วยความโชคดีที่เธอหลบมันทัน ทำให้เธอมีโอกาสเอาผ้าห่มจากที่นอนขึ้นมารวบมันไว้ได้ทำให้ในสิ้นพิษสงไปทันที

เจนิเฟอร์สังเกตเห็นว่าที่โต๊ะเครื่องแป้งมีกรอบรูปแตก จึงหยิบมาดูเป็นภาพของอะไรสักอย่างคล้ายเด็กแต่เนื่องจากภาพมัวเกินไปเธอจึงไม่ได้สนใจมันต่อ แต่ที่เธอสะดุดใจคือขวดน้ำหอมตกอยู่ไม่ห่างจากโต๊ะเครื่องแป้งนัก เธอจึงหยิบมันขึ้นมาดมดู

"นี้มันกลิ่นเดียวกับ กลิ่นของคุณนายแบร์โรว์เลยนี่นา" เธอคิดก่อนจะเก็บมันใส่กระเป๋าไป เพราะคิดว่าคุณนายคงทำตกไว้

หลังจากออกจากห้องนอนมา มีเสียงน้ำไหลออกมาจากห้องน้ำ ทำให้เจนิเฟอร์รู้สึกแปลกใจและสงสัยว่ามีใครใช้หรือลืมปิดน้ำหรือเปล่า

เธอจึงเปิดเข้าไปดู ก่อนจะเห็นเงาของใครบางคนอยู่หลังม่านห้องน้ำ เมื่อเธอเปิดผ้าม่านดูเธอก็ตกใจสุดขีดเมื่อร่างที่ไร้ลมหายใจของ"ลอร์ล่า"ถูกมัดแขวนไว้กับฝักบัว เลือดไหลนองเต็มอ่างพร้อมส่งกลิ่นคาวคละคลุ้ง

แต่ยังที่เจนิเฟอรืจะได้ทันทำอะไร ไกรกรรยักษ์ก็พุ่งขึ้นมาจากอ่างตรงเข้าใส่เธอทันที

เจนิเฟอร์มีสติพอที่จะเบี่ยงตัวหลบ และพบว่าเจ้าของกรรไกรยักษ์นั้นคือ ชายร่างเล็กรูปร่างหน้าตาผิดมนุษย์ มันแสยะยิ้มน่าเกลียดเกินกว่าที่นษุย์จะบรรยายได้ว่า นี่คือคน หรืออมนุษย์กันแน่

เจนิเฟอร์รีบตะเกียกตะกายออกจากห้องน้ำทันที เธอวิ่งกลับไปยังห้องนอนของคุณนายแบร์โรว์เพื่อจะล็อคห้องไว้ไม่ให้มนุษย์กรรไกรเข้ามาได้ แต่เธอโชคร้ายห้องนี้ไม่มีสลักล๊อกห้อง เธอหันซ้ายหันขวาอย่างตื่นตกใจก่อนตัดสินใจมุดหลบไปใต้เตียง

โชคดีที่เจ้ามือกรรไกรตามเธอเข้ามาติดๆ ไม่เห็นเธอมันจะเดินไปยังห้องอื่นๆเพื่อหาของเล่นชิ้นใหม่ของมันต่อไป

เจนิเฟอร์ที่ตั้งสติได้แล้วเธอรีบดันตัวออกมาจากใต้เตียง พลางหวาดกลัวถึงชะตากรรมที่อาจจะเกิดกับเพื่อนๆที่เหลือของเธอ เธอจึงตัดสินใจตามหาทุกคนอีกครั้งเพื่อหลบหนีไปด้วยกัน

ก่อนออกจากห้องเจนิเฟอร์ได้หยิบเสื้อคลุมสีดำทีแขวนอยู่กับราวแขวนเสื้อและเนื้อแฮมในตู้เย็นติดตัวไปด้วย เพราะอากาศที่นี่เริ่มเย็นลงแล้วบางทีเธออาจจำเป็นต้องใช้มัน

เจนิเฟอร์ออกวิ่งไปตามทางในคฤหาสน์อย่างหวาดกลัวที่จะเจอกับมือกรรไกรอีก แต่โชคดีที่เธอไม่พบมันเลย

เจนิเฟอรืวิ่งเข้ามายังห้องลับที่เธอบังเอิญพบกุญแจตกอยู่หน้าห้อง เมื่อเธอไขเข้าไปเธอก็พบกับ ภาพวาดขนาดใหญ่ เหมือนพิธีกรรมอะไรบางอย่างที่น่ากลัว ดูเหมือนมันจะกล่าวถึงทางลับอะไรบางอย่าง

แต่สิ่งที่สะดุดใจของเธอคือรูปปั้นปีศาจในภาพ มันช่างตึรงตาเธอเหลือเกิน

เมื่อเธอเดินเข้าไปอีกเธอก็พบโต๊ะหนังสือมีข้อความเขียนทิ้งไว้จับใจความบางอย่างที่เกี่ยวกับหอคอยนาฬิกา แต่เธอไม่เข้าใจว่ามันเกี่ยวกับพิธีกรรมในรูปนี้อย่างไร

เมื่อไม่มีเบาะแสที่เกี่ยวกับเพื่อนๆที่ชั้น 1 เจนิเฟอร์จึงออกเดินขึ้นไปยังชั้น 2 ต่อทันที และเมื่อเธอไปถึงห้องนั่งเล่นชั้น 2 เธอพบคุณนายแบร์โรว์ยืนอยู่ ท่าทางของคุณแบร์โรว์ดูไม่ตื่นตกใจเลย

บางทีเธออาจจะยังไม่รู้เรื่องฆาตกรโรคจิตเข้ามาในบ้านของเธอแน่ๆ

เจนิเฟอร์รีบวิ่งเข้าไปหาแบร์โรวืก่อนจะเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ฟัง

คุรนายแบร์โรว์ บอกกับเจนิเฟอร์ว่าไม่ต้องตกใจ เพื่อนของเธอปลอดภัยดี และยื่นแก้วน้ำมาให้เธอ

"ดื่มซะจะได้ใจเย็นลงแม่หนูน้อยของฉัน"แบร์โรว์กล่าว อย่างมีไมตรี

เมื่อเจนิเฟอร์ดื่มน้ำ เธอก็รู้สึกวิงเวียนก่อนจะหมดสติไป

"ทำไมกัน" เธอกล่าว ภาพสุดท้ายที่เธอเห็นคือรอยยิ้มเหี้ยมเกรียมของคุณนายแบร์โรว์



เจนิเฟอร์รู้สึกตัวอีกครั้งในห้องขัง มีใครบางคนอยู่กับเธอในนี้ด้วยทำให้เธอตกใจก่อนจะถามว่าเขาเป็นใคร

ชายที่ท่าทางสติไม่สมประกอบไม่ตอบ เขาพูดแค่ว่า"อาหาร หิวเหลือเกิน" ก่อนที่จะพุ่งเข้าใส่เจนิเฟอร์

เธอคว่าแฮมที่หยิบติดตัวมาด้วยปาไปอีกทางเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของชายคนนั้น

ชายคนนั้นกินแฮมอย่างตะกละตะกรามราวกับไม่มีอะไรตกถึงท้องมาหลายวัน

เจนิเฟอร์รวบรวมความกล้าอีกครั้งถามว่าเขาเป็นใคร

ชายคนนั้นตอบสั้นๆว่าเขาชื่อ ไซมอน แบร์โรว์

เจนิเฟอร์ตกใจกับสิ่งที่ได้ยิน หากชายเสียสติคือคุณผู้ชายแบร์โรว์ที่ต้องการรับพวกเธอมาเลี้ยง แล้วทำไมเขาถึงถูกจับมาขังได้ และท่าทางไม่ได้เพิ่งถูกขังแต่ จากการสังเกตผมเผ้ากลิ่นตัวและความอ่อนแอของร่างกาย ท่าทางชายคนนี้ถูกขังมาหลายปีพอดู

แล้วเรื่องที่คุณนายแบร์โรว์บอกพวกเธอนั้นเป็นเรื่องโกหกยังงั้นเหรอ "เพื่ออะไรกัน"

"เจนิเฟอร์" เสียงๆหนึ่งดังขึ้นที่ข้างนอกรง เมื่อเจนิเฟอรืหันไปทางต้นเสียงเธอก็พบกับล็อตเต้



ล็อตเต้ ได้ขโมยกุญแจมาเปิดห้องให้เธอออกมา ก่อนจะรีบคะยั้นคะยอให้พวกเราออกจากที่นี้ก่อนจะสายเกินไป

แต่เจนิเฟอร์มัวหันไปดูร่างของไซมอน ทำให้ล็อตเต้วิ่งนำเธอไปจากห้องนั้นก่อน

แต่สิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากนั้น คือ ล็อตเต้เผชิญหน้ากับมิสซิสแบร์โรวือย่างจังพร้อมกับปืนช๊อตกันในมือ

"กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด" ล้อตเต้กรีดร้องก่อนที่เสียงมัจจุราชจะดังขึ้น

"ปัง!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!" เจนิเฟอร์ที่รู้สึกตัว ก็ตกใจกหับสิ่งที่เกิดขึ้นที่ด้านนอกห้อง

คุณนายแบร์โรว์หัวเราะชอบใจ กอ่นจะบอกว่าเจนิเฟอร์หนีไปไหนไม่รอดหรอก เธอจะต้องมาเป็นของเล่นให้ลูกชายของฉัน หรือไม่ก็ตายตามนังหัวแดงนี่ไปอีกคน 555555+

เจนิเฟอร์กัดฟันด้วยความโกรธ และเสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับลีอตเต้ แต่ในขณะนั้นเธอสังเกตเห็นท่อนไม้วางอยู่ที่หน้าประตูเธอก้คิดแผนการณ์หลบหนีออกทันที

เธอรีบหลบไปที่มุมประตูพยยามทำตัวให้ลีบที่สุดก่อนจะจับไม้ไว้มั่น เมื่อมิสซิสแบร์โรว์เข้ามา เธอก็ฟาดไม้ใส่ที่ท้ายทอยของคุณนายอย่างจังก่อนจะวิ่งหนีออกมาทันที

เธอพบว่าที่นี้เป็นกระท่อมด้านนอกคฤหาสน์ เธอจึงวิ่งกลับเข้าไปในคฤหาสน์ทันที เพื่อตามหา"แอน" เพื่อนคนสุดท้ายที่อาจจะเหลือรอดอยู่

เจินเฟอร์วิ่งเข้าไปในคฤหาสน์อีกครั้ง เธอวิ่งไปตามห้องต่างๆ อย่างหวาดกลัว แต่โชคร้ายเธอดันไปเจอเจ้ามันนษย์กรรไกรอีกครั้ง

เจนิเฟอร์หนีตายขึ้นไปยังชั้น 2 ของคฤหาสน์ บันไดที่ผุพังทำให้เธอหนียากขึ้นทุกๆก้าว ขณที่เจ้ากรรไกรตามเธอมาติดๆ

ขณะที่มันกำลังจะจับเธอได้อีกแค่นิดเดียวพื้นก็ถล่มลงไปด้านล่างเพราะ พื้นผุ

เจนิเฟอรืโชคดีที่เธอคว้าพื้นอีกฝั่งไว้ได้ แต่เจ้ากรรไกรกลับพลาดตกลงไปที่ชั้นล่าง

เจนิเฟอร์ปีนขึ้นมาอีกครั้งก่อนจะพบกับรูปปั้นตามภาพที่เธอเห็นในห้องลับ ตกอยุ่ที่หน้าห้องๆหนึ่งซึ่งดูเหมือนถูกปิดตายอยู่

"บางทีเจ้านี้ อาจจะช่วยไขปริศนาทั้งหมดว่ามันเกิดอะไรที่นี้ก็เป็นได้" เจนิเฟอร์คิด เธออุ้มรูปปั้นไว้แน่นก่อนมองดูห้องที่ถูกปิดตายอย่างสงสัย เหมือนอะไรบางอย่างดลใจเธอหยิบท่อนไม้มากระแทกที่ผนังดูมันกลับผุทะลุไปถึงอีกฝากของห้องทันที

เจนิเฟอร์ค่อยๆมุดเข้าไปเพื่อสำรวจว่ามีอะไรภายใน เธอก็เจอกระเป๋าเครื่องมือแพทย์ตกอยู่ ที่กระเป๋าเขียนชื่อเจ้าของไว้ว่า

"วิลเลี่ยม วิมสัน"

เจนิเฟอร์เข่าอ่อนทันที นี่มันชื่อพ่อของเธอ และแล้วสายตาของเธอก็เหลือบไปเห็นโครงกระดูกที่มุมห้อง

ใช่แล้วชุดนั้น คือชุดที่พ่อสวมครั้งสุดท้ายที่เธอได้เห็นพ่อของเธอ

เจนิเฟอร์กรีดร้องก่อนจะโผเข้าไปหาโครงกระดูกนั้นแล้วร่ำไห้อย่างเสียใจ

ในมือของพ่อเธอกำสมุดบันทึกไว้ มีข้อความเขียนไว้ว่า

" นี้ก็ผ่านมาหลายวันแล้ว อากาศในห้องนี้คงจะหมดลงในไม่ช้านี้แน่ๆ

ผมขอฝากบันทึกเรื่องราวชิ้นสุดท้ายให้กับผู้ที่พบมันได้อ่าน ว่าเกิดอะไรขึ้น ณ ที่แห่งนี้

ผมได้ถูกเรียกตัวให้มาทำคลอดครรภของ Mrs. แบร์โรว์ ตามคำเชิญ

แต่น่าตกใจเมื่อเด็กที่คลอดออกมามีรูปร่างผิดมนุษย์อย่างเห็นได้ชัด

น่าแปลกที่เด็กๆพวกนี้ นอกจากรุปร่างแล้วยังมีนิสัยอันร้ายกาจอีกด้วย

พระเจ้าช่วย เด็กนรก 2 คนนั้นมันกัดมือผมจนขาด ไม่สิต้องเรียกซาตานถึงจะถูก

นับจากวันนั้นผมก็ถูกทารุณราวกับเป็นของเล่นไม่เว้นแต่ละวัน

ผมไม่มีทางต่อกรพวกมันได้เลย เพราะแม้แต่มิสซิสแบร์โรว์ก็ดูท่าทางรักใคร่พวกมันอย่างเสียสติ

ท่านไซมอนที่ขัดขวางพวกมัน ก้ถูกคุรนายจับขังจนเป็นบ้าไปเหมือนกัน

แต่สิ่งที่ผมรู้อย่างเดียวที่พอจะมีประโยชน์ได้คือ

พวกมันแพ้เสียงของนาฬิกา มิน่าล่ะหอคอยนาฬิกาแห่งนี้ถึงไม่เคยดังอีกเลยนับจากวันนั้น

แต่มันคงไม่มีประโยชน์กับผมอีกแล้ว ทำไมผมถึงต้องมาเจอกับเรื่องร้ายๆพรรค์นี้ด้วย

ผมแค่อยากหาเงินไปเลี้ยงดูลูกของผมเท่านั้นเอง

แสงเทียนสุดท้ายในชีวิตของผม

เจนิเฟอร์

เจนิเฟอร์

เจนิเฟอร์...."

(ไม่แน่ใจเรื่องข้อความแต่มันเขียนประมาณนี่แหละงิงิ มันขึ้นไวอ่านไม่ค่อยทัน 555+)

เจนิเฟอร์วางโครงกระดูกของพ่อเธอลงนอน ก่อนยืนขึ้นและตามหาแอนต่อไป

เจนิเฟอร์วิ่งไปตามห้องต่างๆ จนกระทั่งเจอห้องพิธี มันคล้ายกับในรูปที่ห้องลับมาก

เธอสังเกตรูปปั้นในมือ ก่อนที่จะเอามันไปวางในแท่นพิธีตามแบบรูปที่เห็นในห้องลับ

แล้วทางลับที่พื้นก็เปิดออก

เจนิเฟอร์มองดูเบื้องล่าง ก่อนจะตัดสินใจปืนลงไปสู่ความมืดมิดเบื้องล่างทันที



เมื่อมาถึงด้านล่าง เธอพบว่าที่นี้เป็นถ้ำใต้ดินที่ลึกมากๆ มีกลิ่มกำมะถันและน้ำมันคละคลุ้งไปทั่วบริเวณ

ระหว่างที่มองดูรอบๆนั้น เจนิเฟอร์สังเกตเห็นเงาของมิสซิสแบร์โรว์เดินลึกเข้าไปในถ้ำ เธอรีบตามไปอย่างเงียบๆ

แต่ที่นั้นมีหมาเฝ้ายามอยู่ทำยังไงดี ?

เจนิเฟอร์นึกได้ว่าเธอพกน้ำหอมและเสื้อคลุมของมิสซิสแบร์โรว์ติดมือมาด้วย เธอจึงคลุมเสื้อนั้นใส่ไว้และฉีดน้ำหอมไปจนทั่ว

ทำให้เธอผ่านหมาเฝ้ายามโง่ๆมาได้อย่างปลอดภัย

เจนิเฟอรืเดินไปตามทางก่อนจะเห็นร่างของล๊อตเต้นอนอยู่ที่สุดห้อง

เลือดของเธอไหลออกจากปากแผลที่ถูกยิงไม่หยุด

เจนิเฟอร์รีบเข้าไปดูล็อตเต้ ลีอตเต้ยังมีลมหายใจอยุ่แต่มันช่างแผ่วเบาเหลือเกิน

ล๊อตเต้ลืมตามาดูเธอดีใจที่เห็นเจนิเฟอร์ยังปลอดภัย เธอจึงรวบรวมกำลังเฮือกสุดท้ายบอกถึงเรื่องหอคอยนาฬิกามีสวิททำงานอยู่ มันอาจจะช่วยจัดการเจ้ามนุษย์กรรไกรได้

แล้วลีอตเต้ก็สิ้นลมไปในอ้อมแขนเรา

เจนิเฟอรืไม่มีเวลาแม้แต่เสียใจ เธอจะต้องจบเรื่องนี้ให้เร็วที่สุดเพื่อเพื่อนและพ่อของเธอ

เธอเดินไปตามทาง ที่มีแสงสลัวจากเชิงเทียนเรียงรายไปตามผนังถ้ำ

เธอไม่พบเงาของมิสซิสแบร์โรว์อีกเลย หากแต่เธอพบกับม่านสีแดงสดเหมือนเลือดขนาดใหญ่ขึ่งอยู่ ณ ปลายถ้ำ

เจนิเฟอรืเปิดผ้าม่านออกด้วยความสงสัย แต่เธอต้องโทษตัวเองที่ทำยังงั้น เพราะหลังผ้าม่านสีแดงคือ

ร่างของเด็กทารกยักษ์รูปร่าง หน้าตาน่าเกลียดน่ากลัวมองเธออยุ่

ไม่ต้องเดาก้น่าจะรู้มันคืออสูรกายอีกตัวที่เขียนอยู่ในบันทึกของพ่อเธอแน่นอน

ร่างของทารกยักษ์ลืมตาจ้องมองเจนิเฟอร์ มันยิ้มล่าอย่างดีใจก่อนจะพุ่งมืออันใหญ่โตมาหมายจะจับเธอ

แต่เจนิเฟอร์ก็หลบออกมาได้ เจนิเฟอร์หนีย้อนมาทางเดินอย่างไม่คิดชีวิต

แต่เพราะแรงสั่นสะเทือนจากร่างใหญ่โตของทารกยักษ์ ทำให้ทางเดินพังลง

เจนิเฟอรืไม่มีทางอื่นนอกจากลุยน้ำแล้วปีนผนังถ้ำออกไปอีกทาง

ระหว่างที่ปีนอยู่นั้น เจ้าทารกยักษ์ก็คืบคลานมาหาเธอช้าๆ จนเกือบจะถึงตัวเจนิเฟอร์

เพราะแรงปีนป่ายของเจนิเฟอร์ทำให้ขาเธอปัดไปโดนถึงน้ำมันกลิ้งตกไปกระแทกเชิงเทียนด้านล่าง

ทำใหเกิดลุกไฟกลิ้งไปยังทารกยักษ์ เพราะกำมะถันที่เข้มข้นในถ้ำทำให้เกิดแรงระเบิดขึ้น ร่างของทารกยักษ์ไหม้เป็นจุณต่อหน้าเจนิเฟอร์ทันที

ไม่มีเวลาดีใจ เพราะแรงระเบิดทำให้ถ้ำถล่มลงมาเรื่อยๆ

เจนิเฟอร์จึงวิ่งไปตาทางอย่างไม่คิดชีวิต จนกระทั่งเจอลิฟตืที่สุดทาง เธอรีบกดมายังชั้น 2 ทันที

ทันทีที่เจนิเฟอร์ออกมาจากลิฟต์สลิงของลิฟต์ก็ขาดทันทีก่อนตกลงไปสู่เบื้องล่าง

เธอรอดมาได้ราวกับปาฎิหารย์อีกครั้ง แต่เมื่อเธอเงยหน้าขึ้นมา เธอก็สั่นสะท้านไปทั่วร่าง

เพราะมิสซิสแบร์โรว์อยืนอยุ่ต่อหน้าของเธอ

"นังหมูสกปรก แนคิดผิดจริงๆที่เลือกเด้กเหลือขออย่างแกมาเป็นของเล่นให้ลูกฉัน"

"แกฆ่าแดน แกต้องตายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย"

มิสซิสแบร์โรว์พุ่งเข้าใส่เจนิเฟอร์พร้อมีดในมือ ทำให้เกิดการยื้อยุดฉุดกระฉากขึ้นแต่เพราะเจนิเฟอร์มีแรง(จากความสด)มากกว่า ทำให้เธอผลักมิสซิสแบร์โรว์ล้มไปได้ก่อนเธอจะวิ่งหนีออกมาที่ระเบียงด้านนอกอีกครั้ง

พร้อมกับเสียงกรีดร้องอย่างเกรี้ยวกราดของแบร์โรว์

"บ็อบบี้อยู่ไหน จัดการนังนั้นซะมันฆ่าแดน อย่าปลอดให้มันรอดไปได้"

สายฝนฝาดกระหน่ำใส่ราวกับจะแกล้งเธอ เจนิเฟอร์มองไม่เห็นหนทางที่จะไปต่อเลย เธอกำลังจนมุมอีกครั้ง

"เจนิเฟอร์ "เสียงของแอนดังขึ้นเหนือแหวเธอ เจนิเฟอรืเงยหน้าขึ้นกับพบว่า ด้านบนคือหอคอยนาฬิกานั้นเอง

แอนรีบชี้มือให้เธอปีนบันไดขึ้นมาทันที(จริงๆแอนไม่ได้ถูกกล่าวถึงในเกมอีกเลย เพราะถูกฆ่าไม่ต้นก็กลางเกม อันนี้เป็นส่วนเสริมในบาง Rank ตอนจบเท่านั้นที่แอนจะรอดไปกับเรา)

เจนิเฟอร์รีบปีนบันไดตามที่แอนบอกทันที แต่เมื่อปีนมาถึงครึ่งทางมิสซิสแบร์โรว์ก็ตามมาทันและจับขาของเจนิเฟอร์ไว้

เกิดการยื้อยุดฉุดกระฉากอีกครั้ง แต่เจนิเฟอร์อาศัยความได้เปรียบจากการอยุ่ด้านบน กระแทกส้นเท้าใส่หน้าอกของมิสซิสแบร์โรว์เต็มแรงทำให้ มิสซิสแบร์โรว์ร่วงลงมากระแทกพื้นตายทันที

แอนและเจนิเฟอร์มองดูร่างที่ไม่ไหวติงเบื้องล่าง อย่างโล่งอก

"ทุกอย่างจบแล้วสินะ " แอนกล่าว

แต่พวกเธอคิดผิด เมื่อร่างของเจ้ากรรไกร"บ็อบบี้" พุ่งมาจากเงามืดใส่แอน จนแอนผลัดตกจากหอคอยนาฬิกาไปตายทันที

เจนิเฟอร์กรีดร้องอย่างตื่นตกใจ เมื่อเจ้ามือกรรไกรสาวเท้าเข้ามาใกล้เธออย่างช้าๆ

เจนิเฟอร์หมดทางหนี เธอถอยหลังไปจนชิดผนังอย่างสิ้นหวัง แต่ขณะนั้น

มือเธอก้ไปสัมผัสกับคันบังคับเปิดกลไกของหอคอยนาฬิกา เธอไม่รอช้า

เจนิเฟอร์กดสวิต์อย่าแรง เสียงนาฬิกาตีบอกเวลาทันทีเธออุดหูทันทีเพราะเสียงสะท้อนที่ดังก้องไปทั่วหอนาฬิกา

เนื่องจากหอคอยเป็นส่วนบนสุดและอยุ่ใกล้ระฆังบอกเวลาทำให้เสียงดังกว่าปกติ เมื่อเจ้ากรรไกรได้เจอกับสภาพแบบนั้น

มันก็ทิ้งกรรไกรอุดหูอย่างทรมาณ ประหนึ่งจะขาดใจตาย

เจนิเฟอร์อาศัยจังหวะนั้นวิ่งเข้าไปผลักเจ้ามนุษย์กรรไกรให้ตกจากหอคอยไปทันที

ร่างของเจ้ามนุษย์กรรไกร กระแทกพื้นอย่างแรงก่อนสิ้นใจตายไม่ไห่งจากศพของแอนนัก



เจนิเฟอร์เดินออกไปยังหน้าประ๖หอคอย เธอจ้องมองสายฝนอย่างเหม่อลอย

ฝนค่อยๆซาลง และแล้วแดดของเช้าวันใหม่ก็สาดส่องมาที่เธอ

ราวกับช่วยชำระล้างฝันร้ายที่เกิดขึ้นนี่ให้ลบเลือนไปกับสายฝนที่หยุดลง



บางทีนี้อาจจะเป็นสัญญาณถึงการมีชีวิตใหม่อีกครั้งก็เป็นได้







หรือมันอาจจเป็นจุดเริ่มต้นกับฝันร้ายครั้งใหม่กันแน่


รูปภาพ


ดูท่าทางมิลลา โจโววิชจะถูกโฉลกกับหนังจากวิดีโอเกมเป็นพิเศษ หลังจาก Resident Evil ทั้งสามภาค เธอยังสนใจจะเข้าสู่โลกของเกมอีกครั้งใน Clock Tower โดยจะรับบทประกบบริททานี่ สโนว์ครับ ขณะที่ Resident Evil เป็นหนังสยองขวัญผสมแอ็คชั่น Clock Tower เป็นหนังแนวเชือดสยอง เป็นเรื่องราวของตัวร้ายที่ชื่อว่ามนุษย์กรรไกร ซึ่งใช้กรรไกรยักษ์ฆ่าคน และสนุกในการไล่ล่าเหยื่อ อลิสสา แบรอน (สโนว์) ซึ่งเป็นนางเอกของเรื่องต้องหาทางเอาตัวรอดจากการถูกตามล่า พร้อมกับๆ ไขปมปริศนาของครอบครัว

หนังจะเปิดกล้องพฤศจิกายนนี้ จากบทของเอริก พอพเพน และ กำกับโดยมาร์ติน ไวสซ์ ซึ่งทั้งคู่เคยร่วมงานกันใน The Hills Have Eyes II ครับ




Credits : เจไดยุทธ : http://www.j-hero.com/board/index.php?showtopic=5204
ภาพประจำตัวสมาชิก
เจนจิรา
โพสต์: 1168
ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ ธ.ค. 21, 2008 12:13 am

พุธ ม.ค. 06, 2010 8:37 pm

wow เกมส์ โปรด เรา เอามาทำเป็นหนัง แล้วหรอนี่ จะ ทำได้ดีเหมือน resident evil กะ silent hill ใหม หนอ ถ้าเอา เรื่อง fatal fram มาทำนี้คงสยอง มากๆ เลย ค่ะ
ภาพประจำตัวสมาชิก
Mobster
โพสต์: 1623
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 30, 2007 8:02 pm
ที่อยู่: Bangkok
ติดต่อ:

พุธ ม.ค. 06, 2010 8:44 pm

เกมโปรดผมเลยนะนี่

แต่อยากให้ภาคGhost Head(ของอเมริกา=ภาค2)มาทำหนังก่อนอะ
แบบว่าชอบAlyssaอย่างแรง(สาวผมบ็อบ หากใส่แว่นหละสุดยอดดด)
ภาพประจำตัวสมาชิก
เจนจิรา
โพสต์: 1168
ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ ธ.ค. 21, 2008 12:13 am

พุธ ม.ค. 06, 2010 8:50 pm

Grey Cat =^. .^= เขียน: เกมโปรดผมเลยนะนี่

แต่อยากให้ภาคGhost Head(ของอเมริกา=ภาค2)มาทำหนังก่อนอะ
แบบว่าชอบAlyssaอย่างแรง(สาวผมบ็อบ หากใส่แว่นหละสุดยอดดด)
she มีสอง บุคคลิก ใช่ใหม ค่ะ ชาย กะหญิง
syaoran
โพสต์: 267
ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ ก.ย. 06, 2009 8:42 pm
ที่อยู่: นครสวรรค์
ติดต่อ:

พุธ ม.ค. 06, 2010 9:28 pm

Fatal Frame 4 trailer (Wii) ลองเล่นดูยังครับ jackysan
สำหรับคนไม่รู้จัก ลองอ่านรายละเอียดรับผม

Fatal Frame 1)
      ณ คฤหาสน์ฮิมูโระ แห่งตระกูลฮิมูโระ ที่นี้มีลานพิธีกรรมและศาลเจ้าลับอยู่ ศาลเจ้าเชือก ที่ใต้คฤหาสน์แห่งนี้มีประตูสู่นรกตั้งอยู่ และทุกปี เหล่านักบวชจะพามิโกะเชือกมาทำพิธีบูชายัญเพื่อผนึกประตูนรกแห่งนี้ ทุกอย่างดำเนินการมาอย่างปรกติ จนกระทั้งถึงเวลาของมิโกะ คิริเอะ เธอถูกเลี้ยงดูมาเพื่อเป็นมิโกะเชือก และถูกพามายังคฤหาสน์แห่งนี้เพื่อรอเวลา... แต่สิ่งที่เหล่านักบวชไม่คาดคิดมาก่อนก็ได้เกิดขึ้น เมื่อมีแขกชายหนุ่มผู้หนึ่งปรากฎขึ้น และคิริเอะได้ตกหลุมรักเขา เหล่านักบวชจึงรีบหาทางแก้ไขอย่างเร่งด่วน ด้วยการเก็บชายอันเป็นต้นต่อแห่งปัญหา(เราสามารถถ่ายภาพเขาได้ที่บนสะพานเหนือบ่อน้ำ) แต่นั้นกลับกลายเป็นการสร้างปัญหาที่ยิ่งใหญ่กว่านั้นขึ้นมาอีก เพราะถึงเหล่านักบวชบอกมิโกะคิริเอะว่าชายคนนั้นกลับบ้านเกิดไปอย่างเร่งด่วน แต่คิริเอะไม่เชื่อและรู้ดีว่าเกิดอะไรขึ้นกับเขา จิตใจที่ควรจะบริสุทธิ์จึงแปดเปื้อน(มิโกะที่เข้าทำพิธีต้องมีจิตใจที่จะอุทิศตนในการบูชายัญ แต่เธอกลับมีความรู้สึกเสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับเขา เธอต้องการแค่มีชีวิตอยู่กับเขาเท่านั้น) และนั้นจึงทำให้พิธีกรรมล้มเหลว ประตูนรกเปิดออก ความมืดเข้าครอบงำวิญญาณของคิริเอะ เปลี่ยนเธอให้กลายเป็นปีศาจร้าย แต่โชคดีที่จิตใจส่วนหนึ่งของเธอสามารถหลบหนีออกไปได้ เด็กหญิงคิริเอะจึงพยายามขอความช่วยเหลือเพื่อที่จะหยุดตัวเธออีกคนหนึ่งให้ได้ และเหล่านักบวชก็ทำสำเร็จ สามารถสะกดเธอโดยใช้กระจกศักดิ์สิทธิ์ลงได้... ชั่วคราว...




(Fatal Frame 2)
      ณ หมู่บ้านลึกลับกลางป่า ที่แห่งนี้มีความเชื่อประหลาดเกี่ยวกับฝาแฝด พวกเขาเชื่อว่าที่จริงแล้ว ฝาแฝดคือคนๆเดียวกัน แต่แยกออกเป็นสองเมื่อตอนเกิดออกมาชมโลก ดังนั้น หากสามารถทำให้ฝาแฝดทั้งสองกลับเป็นหนึ่งได้ จะเกิดการปลดปล่อยพลังงานมหาศาลออกมา ซึ่งพวกชาวบ้านจะใช้พลังงานนั้นในการผนึกประตูนรก ส่วนฝาแฝดที่ตายไปจะไม่ได้ตายจริงๆ แต่จะเปลี่ยนรูปร่างเป็นผีเสื้อสีเลือด(Crimson Butterfly) และอาศัยอยู่รอบๆหมู่บ้าน ซึ่งทุกอย่างก็ดำเนินมาด้วยดี คู่ฝาแฝดตระกูลคิริว อากาเนะและอาซามิ สามารถทำพิธีกรรมได้สำเร็จ(แต่นั้นก็ทำให้อากาเนะกลายเป็นเด็กไร้อารมณ์ไป ผู้เป็นพ่อซึ่งเป็นช่างทำตุ๊กตาจึงสร้างตุ๊กตาอาซามิขึ้นมาเป็นเพื่อนอากาเนะ ซึ่งดูเหมือนจะดีขึ้นเพราะอากาเนะเริ่มแสดงความรู้สึกอีกครั้ง แต่นั้นกลายเป็นสิ่งที่ผิด เพราะวิญญาณร้ายของอาซามิได้เข้าสิ่งตุ๊กตา และเริ่มบงการอากาเนะพร้อมทั้งดูดพลังชีวิตของเธอด้วย โยชิทาสุ ผู้เป็นพ่อจึงต้องหาทางแก้ไขอย่างเร่งด่วน ด้วยคำแนะนำของวิญญาณดีของอาซามิที่กลายเป็นผีเสื้อ คือต้องทำลายตุ๊กตาทิ้งซะ แต่นั้นก็สายไปเสียแล้ว โยชิทาสุถูกอากาเนะสังหารก่อนจะทำได้สำเร็จ...)
      ต่อมาถึงคิวของฝาแฝดตระกูลทาจิบานา อิซุคิและมูซุคิ แต่พิธีกรรมของพวกเขาล้มเหลว ด้วยความช็อคทำให้เส้นผมของอิซุคิกลายเป็นสีขาว เมื่อเขารู้ว่าคู่แฝดคู่ต่อไปที่จะถูกบูชายัญก็คือ ฝาแฝดตระกูลคุโรซาวะ ยาเอะและซาเอะ เขาไม่ต้องการให้เด็กสาวทั้งสองต้องมาพบกับโศกนาฎกรรมเช่นเขา เขาจึงวางแผนขอความช่วยเหลือจากเพื่อนของเขา มูนาคาตะ เรียวโซ ในการช่วยเหลือฝาแฝดทั้งสอง ซึ่งเรียวโซก็มาตามคำขอ โดยมีอาจารย์มาคาเบะ เซย์จิโร่ ตามมาด้วย เขาสนใจในพิธีกรรมโบราณและได้ยืมกล่องถ่ายวิญญาณจาก Dr.อะโซ คุนิฮิโกะ มาด้วย(อัจฉริยะมากเลยนะที่ทำกล้องถ่ายวิญญาณออกมาหลายรุ่นหลายแบบ อุปกรณ์เสริมเพียบ! แต่ไม่เคยประกอบให้เสร็จไปเลย ลำบากเราต้องมาตามเก็บตามประกอบทีหลัง) และเขาก็ได้ลงมือตรวจสอบหมู่บ้านทันที และนั้น เขาก็ถูกชาวบ้านจับตัว เพื่อจะทำให้เขากลายเป็น คุซาบิ พิธีกรรมลับในการสร้างวิญญาณที่แข็งแกร่งอย่างยิ่ง โดยพวกเขาเชื่อว่า ผู้ที่จะเป็นคุซาบิ ยิ่งได้รับความทรมาณมากเท่าใหร่ก่อนตาย ก็จะยิ่งมีพลังมากขึ้นเท่านั้น และอาจารย์เซย์จิโร่ก็ถูกบูชายัญเพื่อกลายเป็นคุซาบิ แต่โชคดีที่อาจารย์เซย์จูโร่ได้ส่งจดหมายให้เรียวโซก่อนที่จะถูกจับ ให้เขาออกจากหมู่บ้านไปก่อน และเขาก็ทำตามที่อาจารย์บอกเป็นอย่างดี เขาจึงรอดพ้นจากการกลายเป็นตัวสำรองของคุซาบิ
      และแล้ววันแห่งโชคชะตาก็มาถึง ยาเอะและซาเอะได้รับรู้ความจริงเกี่ยวกับพิธีกรรมจากอิซุคิ ยาเอะไม่ต้องการเสียซาเอะ จึงคิดหนีออกจากหมู่บ้านพร้อมกับซาเอะ โดยอิซุคิจะทำหน้าที่ดึงความสนใจของชาวบ้านให้ ทั้งสองสามารถหลบหนีออกจากหมู่บ้านได้สำเร็จโดยผ่านทางลับใต้ต้นไม้เก่าแก่ แต่แล้วโชคชะตาก็เล่นตลก เมื่อซาเอะผลัดหลงกับยาเอะ และถูกชาวบ้านจับตัวได้ เธอคิดว่ายาเอะต้องมาช่วยเธอแน่นอน เพราะเธอและยาเอะได้สัญญากันว่าจะอยู่ด้วยกัน แต่เมื่อเธอกลับมาที่หมู่บ้าน เธอพบว่าอิซุคิได้ตายเสียแล้ว เธอเศร้าเสียใจเป็นอย่างมาก แต่ก็ไม่นาน เพราะชาวบ้านจัดการทำพิธีกรรมด้วยตัวเอง โดยการโยนเธอตกลงไปยังนรก... และนั้นก็กลายเป็นสิ่งที่เลวร้ายอย่างที่สุด เพราะนั้นทำให้ประตูนรกเปิดออก ความมืดแพร่เข้าครอบงำหมู่บ้านทันที ร่วมทั้งการกลับมาของเธอและเขา ซาเอะและคุซาบิ... แต่ซาเอะก็ยังรอคอย รอคอยวันที่ฝาแฝดของเธอจะกลับมา...
      ทางด้านยาเอะ เธอรีบตามซาเอะกลับหมู่บ้านทันที หวังจะช่วยเหลือเธอให้ได้ แต่ ณ ที่ๆเป็นที่ตั้งของหมู่บ้าน กลับกลายเป็นทุ่งโล่งที่ไม่มีอะไรอยู่เลย เธอเสียใจมากที่ไม่สามารถช่วยเหลือคนที่เธอรักมากที่สุดไว้ได้ ทำให้ความทรงจำของเธอถูกปิดผนึกลง เป็นเวลาเดียวกับที่เรียวโซกลับมายังหมู่บ้านนี้อีกครั้งเพื่อทำตามสัญญาที่ได้ให้ไว้กับอิซุคิ แต่เมื่อเขามาถึง เขากลับพบยาเอะเพียงคนเดียว เขาจึงรับเธอกลับไปกับเขาด้วย... และทั้งคู่ก็แต่งงานกัน...




(Fatal Frame 3)
      ณ ที่แห่งหนึ่ง ได้มีการก่อสร้างคฤหาสน์ขึ้น แต่แล้วก็ได้เกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้น เมื่อคฤหาสน์ที่สร้างเกิดพังทลายลง หัวหน้าช่างก่อสร้างจึงคิดหาทางแก้ไขสถานการณ์ดังกล่าว ด้วยการบูชายัญเหล่าช่างไม้ของตนให้เป็นวิญญาณคุ้มครองประจำเสาฐานของคฤหาสน์ และท้ายที่สุด เขาก็ได้บูชายัญตัวเขาเองเป็นเสาหลักของคฤหาสน์ และ ณ คฤหาสน์แห่งนี้ ก็ได้มีพิธีกรรมบูชายัญเพื่อความเจริญรุ่งเรือง โดยการนำหญิงสาวพรมจรรย์ สักรายทั้งตัว และนำไปตอกติดกับต้นไม้เพื่อรับสิ่งเลวร้ายเขาไปในตัวหญิงสาวเหล่านั้นแทนเจ้าบ้าน คฤหาสน์แห่งนี้จึงเจริญรุ่งเรือง หญิงสาวที่จะใช้บูชายัญจะถูกพามาที่คฤหาสน์แห่งนี้ตั้งแต่ยังเด็ก ต้องอาศัยอยู่ในคฤหาสน์ที่ห้ามบุรุษเข้าอย่างเด็ดขาด แต่แล้วเวลาแห่งความรุ่งโรจน์ก็เป็นอันจบลง เมื่อหญิงสาวที่จะต้องถูกบูชายัญนั้น เกิดตกหลุมรักพี่ชายของเด็กสาวมิโกะคนใหม่ที่เพิ่งเข้ามา และสิ่งที่ตามมาก็คือคำสาปแช่งที่น่ากลัว ดึงคฤหาสน์ทั้งหลังให้เข้าไปติดอยู่ในช่องว่างแห่งความมืด...

(Fatal Frame 1)

      วันคืนผ่านไป มูนาคาตะ เรียวโซ และ ยาเอะ ได้ให้กำเนิดลูกสาวที่แสนน่ารัก มิโคโตะ ทั้งสามคนได้ย้ายเข้ามายังคฤหาสน์ฮิมูโระ เนื่องจากเรียวโซสนใจสิ่งที่เกิดขึ้นในคฤหาสน์แห่งนี้ และต้องการทำการศึกษาอย่างละเอียด ในขณะที่มิโคโตะก็พบกับเพื่อนเล่น เนื่องจากคฤหาสน์มีบริเวณที่กว้างมาก เด็กๆจึงนิยมเล่นไล่จับ(ผสมเล่นซ้อนหา)ภายในบ้านกันอย่างสนุกสนาน จนกระทั้งวันหนึ่ง วันแห่งฝันร้าย... มิโคโตะพบกล้องของ Dr.อะโซ ที่เรียวโซได้รับมาก่อนที่ Dr.อะโซจะตายอย่างมีปริศนา และเอาไปเล่นกับพวกเด็กๆ สิ่งที่ตามมาคือ ทั้งเธอและเหล่าเพื่อนๆหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย ยาเอะโทษว่าเป็นความผิดของเธอที่ปล่อยให้มิโคโตะเอากล้องไปเล่น (พลังวิญญาณของยาเอะไม่สัมพันธ์กับกล้อง จึงทำให้เธอไม่สามารถควบคุมมันได้ และทำให้ยาเอะต้องพบกับสิ่งที่เธอไม่อยากเห็น และเธอคิดว่าการที่มิโคโตะหายตัวไป เป็นเพราะเอากล้องไปเล่นแล้วเจอสิ่งที่ไม่ควรเจอเข้า) ด้วยความเศร้าโศกเสียใจเป็นอย่างมาก(และอาจนึกถึงเหตุการณ์เลวร้ายในอดีตออกด้วย) ทำให้เธอไม่สามารถจะมีชีวิตต่อไปได้อีก เธอจึงได้ตัดสินใจที่จะฆ่าตัวตายโดยการผูกคอตนเองกับต้นซากุระภายในคฤหาสน์แห่งนั้น... (ยาเอะเป็นวิญญาณร้ายธรรมดา ในขณะที่ซาเอะกลายเป็นสุดยอดแห่งฝันร้าย ช่างเป็นฝาแฝดที่แตกต่างกันจริงๆ TwT") ทางด้านเรียวโซก็โชคร้ายไม่แพ้กัน เพราะเขาดันไปจ๊ะเอ๋กับคิริเอะเข้า ไม่ต้องบอกก็น่าจะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น... แต่ทุกอย่างก็ยังไม่เลวร้ายไปซะทั้งหมด เมื่อมิโคโตะ เด็กน้อยปรากฎตัวขึ้นอีกครั้ง โดยในมือของเธอถือกล้องไว้แน่น(น่าจะใช้สู้ผีมานะ) เธอจึงถูกรับเลี้ยงโดยตระกูลฮินาซะคิ เพื่อนสนิทของพ่อของเธอ แล้วเธอก็ได้ลืมเลื่อนเหตุการณ์เลวร้ายไป กล้องของเธอก็ถูกส่งต่อไปยังลูกสาวของเธอ มิยูคิ ซึ่งเธอก็มีพลังวิญญาณเช่นกัน และท้ายที่สุดก็ถูกส่งต่อไปยังมาฟุยุ ลูกชายคนโตของเธอ (พลังวิญญาณของมิยูคิก็ไม่สัมพันธ์กับกล้อง จึงทำให้เธอมีปัญหาและท้ายที่สุดก็เสียชีวิตลง)



(Fatal Frame 2)
      มาคิมูระ มาซุมิ เดินทางตามหาหมู่บ้านที่หายสาปสูญไปตามตำนาน และเขาก็พบหมู่บ้านว่ามีอยู่จริง และติดค้างอยู่ในหมู่บ้าน ไม่สามารถหาทางออกได้ อีกทางด้านหนึ่ง ในโลกภายนอก ทีมค้นหาพยายามค้นหามาซุมิที่หายสาปสูยไปอย่างลึกลับ แต่หลังจากค้นหาได้สิบวัน ทีมค้นหาก็ล้มเลิก แต่คนรักของเขา ซูโด มิยาโกะ ยังไม่ยอมแพ้ เธอยังคงค้นหาคนรักของเธอต่อไป ละได้หลงเข้ามายังหมู่บ้านแห่งนี้ และในที่สุด เธอก็พบคนรักของเธอ แต่โชคร้ายที่เธอบาดเจ็บทำให้ไม่สามารถขยับตัวได้ มาซุมิจึงอาสาจะหาทางออกและพาเธอหนีออกจากหมู่บ้านต้องสาปให้ได้ และเขาก็พบมัน ทางลับใต้ต้นไม้ใหญ่ แต่สิ่งที่รอเขาอยู่กับเป็นคุซาบิ... แต่อย่างน้อยเขาก็ยังรักษาสัญญาที่ให้ไว้กับมิยาโกะ โดยการกลับมาหาเธอ และทำให้เธอเป็นเหมือนเขาด้วยเช่นกัน...



(Fatal Frame 1)
      คณะเดินทางของนักเขียนนิยายชื่อดัง ทาคามิเนะ จุนเซ และเหล่าผู้ช่วย โอกาทะ โคจิ และ ฮิราซาคะ โทโมเอะ ได้เดินทางมายังคฤหาสน์ฮิมูโระเพื่อทำการเก็บข้อมูลสำหรับเขียนนิยายเรื่องใหม่ แต่แล้วพวกเขากลับต้องมาติดอยู่ภายในคฤหาสน์ และลางร้ายก็เริ่มต้นขึ้น เมื่อโคจิถูกฆ่าอย่างเหี้ยมโหด แขน ขา และคอถูกดึงออกจากร่างกาย การตายของโคจิมีผลกระทบต่อโทโมเอะเป็นอย่างมาก ที่จริงแล้วเธอมีสัมผัสที่หกค่อนข้างรุนแรง และเธอสัมผัสมันได้ก่อนจะเข้ามาในคฤหาสน์ แต่เธอคิดว่ามาทำงานจึงยอมเข้าไป และสิ่งที่เธอพบในคฤหาสน์คือผู้หญิงในชุดกิโมโนสีขาว มีเชือกผูกอยู่ที่คอ ขา และมือทั้งสองข้าง และเธอก็ได้พบกับคิริเอะน้อย คิริเอะน้อยขอความช่วยเหลือจากเธอในการหยุดตัวเธออีกคนหนึ่ง แต่โทโมเอะสติแตกเกินกว่าจะทำได้สำเร็จ สิ่งที่เธอทำได้มีเพียงบอกกล่าวเรื่องนี้ให้จุนเซก่อนที่เธอจะกลายเป็นเหยื่อรายต่อไป จุนเซได้รับข้อมูลจากโทโมเอะ พบว่า ถ้าอยากจะหลุดพ้นจากคำสาป เขาต้องทำการหาชิ้นส่วนของกระจกศักดิ์สิทธิ์ที่แตกออกเป็นห้าส่วนตอนเกิดแผ่นดินไหวเมื่อไม่นานมานี้ แต่ช่างน่าเศร้า... เขาถูกคิริเอะฆ่าตายก่อนที่จะได้รวบร่วมชิ้นส่วนของกระจกครบ...
      ฮินาซะคิ มาฟุยุ ได้เดินทางมายังคฤหาสน์ฮิมูโระ เพื่อตามหาอาจารย์ทาคามิเนะ จุนเซ ที่หายสาปสูญไป โดยเขาได้พกเอากล้องถ่ายวิญญาณมากับเขาด้วย แต่ทุกอย่างมันก็สายเกินไปซะแล้ว... และที่นี้ เขาได้พบกับคิริเอะ คิริเอะไม่สังหารเขาเพราะเขาเหมือนคนรักของเธอเป็นอย่างมาก เธอจึงใช้พลังวิญญาณของเธอดึงเวลาภายในคฤหาสน์ให้ย้อนกลับไปยังวันวานอันแสนสุข เพื่อให้มาฟุยุเป็นตัวแทนของคนที่เธอรักอย่างหมดหัวใจ...
      หลังจากที่มาฟุยุหายสาปสูญไปอีกคน ฮินาซะคิ มิคุ จึงได้เดินทางมายังคฤหาสน์ฮิมูโระ เพื่อตามหาพี่ชายที่หายสาปสูญไปอีกคนด้วย และที่นี้ เธอได้พบกับฝันร้ายที่ยิ่งกว่าจะจินตนาการได้ สำหรับคิริเอะ เธอคือตัวเกะกะที่จะมาแย่งคนรักของเธอไป จึงคิดจะจัดการไปให้พ้นทางเสีย แต่สิ่งที่เธอไม่ได้คาดคิดไว้ก็คือ มิคุมีพลังวิญญาณที่สามารถเข้ากับกล้องถ่ายวิญญาณได้ จึงทำให้เธอสามารถป้องกันตัวจากเหล่าวิญญาณได้ และด้วยความช่วยเหลือของคิริเอะน้อย ในที่สุด มิคุก็สามารถรวบรวมเศษชิ้นส่วนของกระจกศักดิ์สิทธ์ได้สำเร็จ และทำการสะกดคิริเอะไว้เช่นเดิม
      (ถามหน่อยฮะ ตอนจบภาคแรกนี้ มิคุสามารถช่วยมาฟุยุได้สำเร็จหรือเปล่าฮะ เพราะเนื้อเรื่องในภาค3 มาฟุยุตัดสินใจจะอยู่ด้วยกันกับคิริเอะ ซึ่งทำให้มิคุเสียใจเป็นอย่างมาก และสูญเสียความทรงจำในช่วงนี้ไป แต่สิ่งที่ติดค้างอยู่ในใจ นั้นก็คือ การถ่ายรูป เธอจึงไปสมัครเป็นผู้ช่วยของ คุโรซาวะ เรย์)



(Fatal Frame 2)
      ฝาแฝดตระกูลอามาคุระ(เดิมชื่อ อะโซ แต่ไม่ทราบว่าด้วยเหตุใดจึงได้เปลี่ยนนามสกุลเป็น อามาคุระ หลังจากที่ Dr.อะโซ คุนิฮิโกะเสียชีวิต ส่วนอันนี้ไม่รู้ว่าจริงหรือเปล่านะ อ่านจากในเว็ปที่แปลจากเว็ปญี่ปุ่นอีกที พ่อของมิโอะและมายุก็เป็นหนึ่งในผู้โชคร้ายที่ติดอยู่ในหมู่บ้านนี้เช่นกันและเสียชีวิตลง แต่แม่ของพวกเธอไม่ได้บอกเรื่องนี้ บอกเพียงแค่ว่า เสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุ เนื้อเรื่องนี้อาจพบในเวอร์ชั่น GC นะ เพราะสำหรับภาคนี้จะมีฉากจบ 4 โดย 3 แบบแรกเหมือนเวอร์ชั่น PS2 และแบบสุดท้ายสำหรับเครื่อง GC โดยเฉพาะ) มิโอะและมายุ ได้แอบมานั่งคุยกันยัง "ฐานทัพลับ" ที่เล่นสมัยเด็กๆของพวกเธอ ที่นี้ มายุได้พบกับผีเสื้อสีเลือด และนำทางฝาแฝดทั้งสองไปยังหมู่บ้านที่หายสาปสูญ ที่นี้ มายุได้ถูกซาเอะสิงร่าง และคิดว่ามิโอะคือยาเอะ ฝาแฝดของเธอที่ทิ้งเธอไปเมื่อนานมาแล้ว สำหรับมิโอะ เธอได้พบกล้องถ่ายวิญญาณที่มาคาเบะ เซย์จิโร่ ทิ้งไว้ เธอใช้มันในการป้องกันตัวเองและตามหาฝาแฝดของเธอ มายุ และในที่สุด เธอก็สามารถหามายุพบ แต่ว่า...


(Fatal Frame 3)
      คุโรซาวะ เรย์ ช่างภาพอิสระ เธอสูญเสียคนรักของเธอ อาโชอุ ยู ไปกับอุบัติเหตุ ด้วยความเศร้า เธอจึงทุ่มเวลาให้งาน จนกระทั้งวันหนึ่ง เธอถูกว่าจ้างให้ไปถ่ายภาพในคฤหาสน์ร้างแห่งหนึ่ง ซึ่งที่นั้น เธอได้ถ่ายภาพของคนรักที่น่าจะตายไปแล้วของเธอ เธอวิ่งตามคนรักของเธอทันที และพริบตา เธอก็ได้มายืนอยู่หน้าคฤหาสน์แห่งหนึ่ง และพบกับวิญญาณอาฆาตที่แสนน่ากลัว หญิงสาวที่ร่างกายเต็มได้ด้วยรอยสัก และที่นั้น เธอยังได้พบกับ ทาคิงาวะ โยชิโนะ หญิงสาวเพียงคนเดียวที่รอดชีวิตจากอุบัติเหตุเครื่องบินตก แต่เธอกลับไม่ได้ดีใจเลย กลับกัน เธอรู้สึกเป็นทุกข์ที่มีเพียงเธอคนเดียวที่รอดชีวิต อีกทั้งโรงพยาบาลที่เธอพักอยู่ก็ไม่ค่อยเต็มใจรับเธอเข้ามาในความดูแลเลย จิตใจที่บอบช้ำมาพาเธอมายังคฤหาสน์แห่งนี้ และสิ่งที่ช็อคเรย์มากที่สุดเมื่อเธอกลับมาสู่โลกแห่งความเป็นจริง นั้นก็คือร่างกายของโยชิโนะที่เต็มได้ด้วยรอยสักประหลาด และทันทีที่รอยสักเหล่านั้นเต็มตัวเธอ โยชิโนะก็ได้หายไปต่อหน้าต่อตาเธอ สิ่งนั้นทำให้เธอกังวลเป็นอย่างมาก เพราะบนร่างกายของเธอ ก็ปรากฎรอยสักประหลาดนั้นเช่นกัน ไม่ใช่แต่เธอเท่านั้น ฮินาซะคิ มิคุ เด็กสาวที่มาเป็นผู้ช่วยและพักอาศัยอยู่กับเธอด้วยก็มีรอยสักเช่นกัน อีกทั้ง ฝันร้ายได้ดึงเธอกลับไปยังเหตุการณ์สยองขวัญ เหตุการณ์ที่เธออยากจะลืมมันไป และในฝันร้ายนั้น เธอก็ได้พบกับ มูนาคาตะ มาฟุยุ พี่ชายของเธอด้วย นอกจากพวกเธอแล้ว ยังมี อามาคุระ เคย์ นักศึกษามหาวิทยาลัย(ลูกพี่ลูกน้องกับมิโอะและมายุ) ที่สนใจเรื่องตำนานและนิทานพื้นบ้าน ติดร่างแหแห่งฝันร้ายในครั้งนี้ด้วย...
      และยิ่งเธอสืบค้นไปมากเท่าไหร่ เธอก็ต้องยิ่งประหลาดใจมากขึ้นเท่านั้น เมื่อเธอเจอรูปถ่ายของชายที่น่าจะเป็นคนรักของเธอในคฤหาสน์ ย้อนกับไปเมื่อหลายสิบปีก่อน!?
      (ภาค 3 มีฉากจบสองแบบ ขึ้นอยู่กับว่าคุณรู้เรื่องของชายคนรักของเรย์ กับหญิงสาวผู้เต็มได้ด้วยรอยสักหรือไม่)

----------------------------------------------------------------------------------------------------------

ลำดับเหตุการณ์นี้ เราเขียนเองจากการเล่นเกมกับอ่านบทสรุป(Gamefaqs.com) พออ่านดูแล้ว เหตุการณ์ส่วนใหญ่มันลิงค์ถึงกันเลยแฮะ (โดยเฉพาะภาค 1 กับ 2) แต่ภาค 3 ยังไม่ค่อยสมบูรณ์ ตอนนี้รอซื้อเวอร์ชั่นอังกฤษก่อนแล้วจะมาเขียนภาค 3 ต่อ

จาก http://www.pocketonline.net/board/view.php?id=7804
ภาพประจำตัวสมาชิก
Mobster
โพสต์: 1623
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 30, 2007 8:02 pm
ที่อยู่: Bangkok
ติดต่อ:

พุธ ม.ค. 06, 2010 9:32 pm

jacky เขียน:
Grey Cat =^. .^= เขียน: เกมโปรดผมเลยนะนี่

แต่อยากให้ภาคGhost Head(ของอเมริกา=ภาค2)มาทำหนังก่อนอะ
แบบว่าชอบAlyssaอย่างแรง(สาวผมบ็อบ หากใส่แว่นหละสุดยอดดด)
she มีสอง บุคคลิก ใช่ใหม ค่ะ ชาย กะหญิง
ช่าย Bates กับ Alyssa

แต่ไม่ใช่2บุคลิก แต่นั่นคือพี่ชายฝาแฝดของเธอ
(ถ้าเอาเรื่องย่อมาลงจะเป็นการSpoilไปไหมน้า แต่หนังไม่ได้ทำภาคนี้นี่นา
และเกมนี้ก็นานแล้ว)

ถ้าจำไม่ผิดนะ(ภาคGhost Head)

ประมาณว่าหมอตระกูลMaxwellเก่งมาก แต่ด้วยคำสาป ถ้าเกิดูกแฝดให้ไปฝังทั้งเป็น
หมอพ่อเลี้ยงของAlyssaที่อิจฉาหมอMaxwelอยู่
จึงชวนลุงPhilipแอบไปขุดเอาAlyssaและBatesขึ้นมา สรุปAlyssaยังมีชีวิตและเจอรูปปั้นต้องคำสาป
เลยส่งรูปปั้นไปให้หมอMaxwelหมายจะBalckMail แต่ได้ทำให้หมอMaxwelเสียสติ
ด้วยการสำนึกและสงสารจึงเลี้ยงดูAlyssaเป็นต่นมา

ต่อมาหลายปี(จนAlyssaโตขึ้น อย่างน้อยก็ม.ปลาย)
สิ่งหนึ่งที่พวกเขารู้กันคือพี่ชายฝาแฝดของAlyssa(Bates)จะเข้าสิงเธอเวลาเธอตกใจสุดขีด หากไม่มีเครื่องรางป้องกัน
Shanonลูกจริงๆของหมอพ่อเลี้ยงของAlyssa(แต่แม่แยกทางกัน)
เกิดอิจฉาและแค้นที่หมอพ่อของตนไม่สนใจตัวเอง
จึงแอบไปฆ่าAshellyโดยไวรัสที่พ่อเธอคิดลูกสาวPhilipตอนเธอกลับจากโรงเรียน
แล้วแยกศพเป็นชิ้นส่วนส่งไปที่บ้านPhilipพร้อมรูปปั้นต้องคำสาป
โชคร้ายที่Stephanyลูกสาวคนเล็กของPhilipเปิดก่อน วิญญาณร้ายจึงสิงร่างStephanyนำร่างของพี่สาวไปไว้ส่วนต่างๆของบ้าน
และในวันเดียวกันนั้น Alyssaก็มาค้างบ้านลุงPhilipพอดี

และเหตุการณืในเกมผ่านไปด่านที่1(ขออุบอิบว่าทำยังไง)
Alyssaเผารูปปั้นนั้น วิญญาณร้ายออกจากร่างStephany เธอฟื้นอีกทีที่ร.พ.(ด่าน2)
เธอ(ในร่างสิงของBates)ได้ทำใหรูปว่า ไวรัสที่พ่อของเธอคิด นั้นทำให้คนเป็นZombie

ด่านที่3(ด่านจบ) บทสรุป(จบRank A เพราะเรื่องนี้สามารถจบหลายแบบ แบบAคือสมบูรณ์สุด)
Philip,Michael(ลูกชายคนโตรปหล่อของPhilip),พ่อแท้ๆและพ่อเลี้ยงAlyssa,Shanon---->ตายหมด

แต่Stephany,ป้าKatherine(ภรรยาPhilip),Alyssa(นางเอก),ตำรวจ(พระเอก),นักข่าวร่างบึกๆ(ย้ำว่าบึ๊กๆ)---->รอด

-----------------------
Fetal Framอ่านเรื่องแล้วหลอนดี(ภาค2อะปะ ประมาณว่าชัตเตอร์)
แต่Play2ม่ามีตังค์ซื้ออะ
แก้ไขล่าสุดโดย Anonymous เมื่อ พุธ ม.ค. 06, 2010 9:35 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
Man of Macedonia
โพสต์: 973
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ธ.ค. 04, 2006 9:33 pm
ที่อยู่: Virtusian's House of Prayer,Thailand
ติดต่อ:

พุธ ม.ค. 06, 2010 10:43 pm

มาหมายเหตุไว้ให้

CANTATE DOMINO คำอ่าน กันตาเต ดอมีโน แปล จงร้องเพลงถวายพระเจ้า
ALLELUIA คำอ่าน อัลเลลูยา แปล จงสรรเสริญพระเจ้า
DOMINUS TECUM คำอ่าน ดอมีนูส เตกุม แปล พระเจ้าสถิตกับท่าน

: xemo017 :
ภาพประจำตัวสมาชิก
เจนจิรา
โพสต์: 1168
ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ ธ.ค. 21, 2008 12:13 am

พุธ ม.ค. 06, 2010 10:44 pm

ขอบคุณค่ะ พี่น้องแห่ง สำนัก โรมัน
† † † Hiruma Ryuichi † † †
โพสต์: 605
ลงทะเบียนเมื่อ: เสาร์ ก.ย. 05, 2009 3:19 pm
ที่อยู่: พเนจร
ติดต่อ:

พุธ ม.ค. 06, 2010 10:48 pm

spoile กันหมดเลยอ่าาา

- -'
ภาพประจำตัวสมาชิก
Mobster
โพสต์: 1623
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 30, 2007 8:02 pm
ที่อยู่: Bangkok
ติดต่อ:

พุธ ม.ค. 06, 2010 10:59 pm

††† Ryuichi ††† เขียน: spoile กันหมดเลยอ่าาา

- -'
แหะแหะ แต่เค้ามิได้Spoileหนังนะ

แค่เกมภาคเดี๊ยวภาคเดียว ^ ^!
อันตน
~@
โพสต์: 4164
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ ก.ค. 06, 2005 6:50 pm
ที่อยู่: ภูเก็ต

พุธ ม.ค. 06, 2010 11:14 pm

ย๊าว ยาว ขี้เกียจอ่านเลยอ่า
ภาพประจำตัวสมาชิก
Valkyrie Zero Number
โพสต์: 2081
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ส.ค. 27, 2007 4:11 am

พุธ ม.ค. 06, 2010 11:56 pm

ไม่ใช่สาวกเกมแนวนี้ แต่ชอบอ่านเนื้อเรื่อง อิอิ
syaoran
โพสต์: 267
ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ ก.ย. 06, 2009 8:42 pm
ที่อยู่: นครสวรรค์
ติดต่อ:

พฤหัสฯ. ม.ค. 07, 2010 9:36 pm

รูปภาพ


รูปภาพ 

syaoran
โพสต์: 267
ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ ก.ย. 06, 2009 8:42 pm
ที่อยู่: นครสวรรค์
ติดต่อ:

พฤหัสฯ. ม.ค. 07, 2010 9:43 pm

รูปภาพ+รูปภาพ

เหมือนไหมล่ะครับ ทุกท่านชาว newmana
ภาพประจำตัวสมาชิก
Mobster
โพสต์: 1623
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 30, 2007 8:02 pm
ที่อยู่: Bangkok
ติดต่อ:

พฤหัสฯ. ม.ค. 07, 2010 9:59 pm

ตัวจริงพี่LL
รูปภาพ


เหมือนมั้ยหละ อิอิ
(หลบทันมั้ยเนี่ย อิอิ)
แก้ไขล่าสุดโดย Anonymous เมื่อ ศุกร์ ม.ค. 08, 2010 12:43 am, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
Batholomew
~@
โพสต์: 12724
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 2:28 pm
ที่อยู่: Thailand

พฤหัสฯ. ม.ค. 07, 2010 10:04 pm

อาแมน
ภาพประจำตัวสมาชิก
A Sheep
โพสต์: 1131
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ ธ.ค. 24, 2008 5:44 pm

พฤหัสฯ. ม.ค. 07, 2010 10:09 pm

Grey Cat =^. .^= เขียน: แฉ!!!!

ตัวจริงพี่LL
รูปภาพ


เหมือนมั้ยหละ อิอิ
(หลบทันมั้ยเนี่ย อิอิ)

ทำไมในรูปที่พี่แมวเทาเอามางามกว่าอะ


ล้อเล่นค่า อิอิ


สวยทั้งคู่ อิอิ
ภาพประจำตัวสมาชิก
เลย์
โพสต์: 1845
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ ส.ค. 05, 2009 12:27 am
ที่อยู่: ในอ้อมพระหัตถ์พระเป็นเจ้า
ติดต่อ:

พฤหัสฯ. ม.ค. 07, 2010 10:35 pm

ขอท่านนักบุญช่วยวิงวอนเทอญ.
กรอกสมบูรณ์
โพสต์: 1413
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ก.ย. 02, 2008 11:18 am
ที่อยู่: ต.กรอกสมบูรณ์ อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี

ศุกร์ ม.ค. 08, 2010 12:27 pm

อา...................า แมน.
อันตน
~@
โพสต์: 4164
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ ก.ค. 06, 2005 6:50 pm
ที่อยู่: ภูเก็ต

ศุกร์ ม.ค. 08, 2010 12:55 pm

Grey Cat =^. .^= เขียน: ตัวจริงพี่LL
รูปภาพ


เหมือนมั้ยหละ อิอิ
(หลบทันมั้ยเนี่ย อิอิ)
อา.....โถ้
syaoran
โพสต์: 267
ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ ก.ย. 06, 2009 8:42 pm
ที่อยู่: นครสวรรค์
ติดต่อ:

ศุกร์ ม.ค. 08, 2010 9:39 pm

ไม่เข้าใจ ทำไมต้องหลบด้วยล่ะครับ คนเราไม่ได้ตัดสินกันที่ภายนอก " ความงามที่แท้จริงอยู่ในหัวใจ"
แล้วผมว่า " ใครๆก็อยากดูดีกันทั้งนั้นแหละ " แต่พระผู้เป็นเจ้าไม่ได้ดูมนุษย์กันที่ภายนอกต่างหาก (ในวันตัดสินชี้ชะตา)
ทีสำคัญคือ 
† † † Hiruma Ryuichi † † †
โพสต์: 605
ลงทะเบียนเมื่อ: เสาร์ ก.ย. 05, 2009 3:19 pm
ที่อยู่: พเนจร
ติดต่อ:

ศุกร์ ม.ค. 08, 2010 10:31 pm

น่ายกย่องที่สุด

ถึงที้สุดเลยคับ ^ ^
syaoran
โพสต์: 267
ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ ก.ย. 06, 2009 8:42 pm
ที่อยู่: นครสวรรค์
ติดต่อ:

เสาร์ ม.ค. 09, 2010 8:52 pm

รูปภาพ
VS

รูปภาพ


พลังแห่งความมืดของจ้าวซาตานนั้นเกิดจากจิตด้านลบทุกชนิดโดยต้นกำเนิดนั้นมาจาก "มนุษย์" เป็นตัวแปรสำคัญ
ความคิดด้านลบคืออะไร? "ความอิจฉาริษยา ความโกรธ ความเกลียดชัง ความรักที่ผิดๆ" เช่น ไม่สมหวังในรักแล้วโทสะโมหะจิตในรักครอบงำตัวเอง จิตที่ชั่วร้ายนั้นเรียกว่า "หยิน" ในทางศาสนาจีนส่วนพลังแห่งความรักของพระเป็นเจ้านั้น พลังของเหล่าเทวดาเป็นแสงสว่าง ในทางศาสนาจีนเรียกว่า " หยาง "  ในตัวของ มนุษย์ นั้นมีอยู่ทั้ง 2 ชนิด  เวลาที่เราใครคนนึงแล้ว อบอุ่นหัวใจ มีความรู้สึกดีๆเมื่อยึดมั่นในตัวเทวดา นางฟ้า สวดภาวนา พลังของพระเจ้าจะทรงฤทธิ์ถาพลานุภาพยิ่งใหญ่ มากขึ้นกว่าเดิมเป็นหลายหมื่น หลายแสนเท่า ทวีคูณ

พลังแห่งความชั่วร้ายนั้นเมื่ออ่านศึกษาให้ละเอียดลงไป ในแง่ของพลังแล้ว ความมืดเกิดขึ้นได้ง่ายดายมากในตัว มนุษย์ มนุษย์นั้นมีกิเลสด้านมืดได้ง่ายมากๆ อย่าง มีใครมาชนเราเข้าเค้าเดินผ่านไปโดยไม่กล่าว " ขอโทษ "ในหัวของเราก็เกิดความรู้สึกด้านลบขึ้นมาในพริบตาแล้ว แม้พลังด้านมืดจิตชั่วร้ายจะมีพลังมากกว่าสักเพียงใดก็ไม่สามารถชนะพลังแห่งแสงสว่างได้เลย
เมื่อพลังแห่งพลังแห่งความมืดเติบโตมากขึ้น พลังแห่งความรักของพระเป็นเจ้าเองก็เติบโตขึ้นเช่นกัน แม้โลกจะมีแต่จิตชั่วร้ายมากมายอุบัติขึ้นทุกวัน ก็ตาม
พลังแห่งความศรัทธาจากคริสตชนที่ศรัทธาในพระเยซู พระบิดา พระแม่มารีย์ จะเป็นแสงสว่างที่ทำลายล้างให้ความมืดสูญหายไป ดังนั้นทุกท่านมาช่วยกันสวดสายประคำ ทุกๆสายให้กระหึ่มเถิดครับ
sinner
โพสต์: 2246
ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ มี.ค. 08, 2009 1:24 pm

เสาร์ ม.ค. 09, 2010 9:20 pm

ขอบคุณค่ะ อ่านแล้วรู้สึกดีจังค่ะ : emo045 : : xemo026 :
ภาพประจำตัวสมาชิก
Valkyrie Zero Number
โพสต์: 2081
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ส.ค. 27, 2007 4:11 am

เสาร์ ม.ค. 09, 2010 9:21 pm

ขออธิษฐานให้พระผู้เป็นเจ้ามอบแสงสว่างที่ขจัดความมืดให้สิ้นไปจากโลกและในจิตใจของมนุษย์ทุกคนด้วยเถิด

อาเมน
ภาพประจำตัวสมาชิก
เลย์
โพสต์: 1845
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ ส.ค. 05, 2009 12:27 am
ที่อยู่: ในอ้อมพระหัตถ์พระเป็นเจ้า
ติดต่อ:

เสาร์ ม.ค. 09, 2010 9:31 pm

พระศาสนจักรของพระเยซูเจ้า คือสิ่งเที่ยงแท้  : xemo026 :
ภาพประจำตัวสมาชิก
A Sheep
โพสต์: 1131
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ ธ.ค. 24, 2008 5:44 pm

เสาร์ ม.ค. 09, 2010 10:18 pm

syaoran เขียน:
มีใครมาชนเราเข้าเค้าเดินผ่านไปโดยไม่กล่าว " ขอโทษ "ในหัวของเราก็เกิดความรู้สึกด้านลบขึ้นมาในพริบตาแล้ว

อ่านแล้วสะดุดตรงประโยคนี้มากๆค่ะ

เพิร์ลก็เป็นนะค่ะ เช่นเวลาไปเดินตรงอนุเสาวรีย์

คนจะเยอะ ต่างคนก็ต่างรีบ แล้วพอเบียดกันไปเบียดกันมา

ก็เกิดการกระทบกระทั่งกันขึ้น (หมายถึงชนกันนะค่ะ  : xemo017 :)

แล้วพอคนที่มาชนเรา แล้วเขาไม่ขอโทษเรา

ตอนนั้นความรู้สึกมันอาจจะตะโกนออกไปว่า "พ่อ _ _ ตายเหรอ??"

รู้สึกแบบนั้นจริงๆนะค่ะ  : emo045 : : emo045 : : emo045 :



ขอบคุณมากๆค่ะ ต่อไปจะพยายามไม่โกรธแล้ว  : xemo026 :
ภาพประจำตัวสมาชิก
Ministry Of Men
โพสต์: 3972
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ เม.ย. 18, 2007 3:09 pm

เสาร์ ม.ค. 09, 2010 10:46 pm

A Sheep เขียน:
syaoran เขียน:
มีใครมาชนเราเข้าเค้าเดินผ่านไปโดยไม่กล่าว " ขอโทษ "ในหัวของเราก็เกิดความรู้สึกด้านลบขึ้นมาในพริบตาแล้ว

อ่านแล้วสะดุดตรงประโยคนี้มากๆค่ะ

เพิร์ลก็เป็นนะค่ะ เช่นเวลาไปเดินตรงอนุเสาวรีย์

คนจะเยอะ ต่างคนก็ต่างรีบ แล้วพอเบียดกันไปเบียดกันมา

ก็เกิดการกระทบกระทั่งกันขึ้น (หมายถึงชนกันนะค่ะ  : xemo017 :)

แล้วพอคนที่มาชนเรา แล้วเขาไม่ขอโทษเรา

ตอนนั้นความรู้สึกมันอาจจะตะโกนออกไปว่า "พ่อ _ _ ตายเหรอ??"

รู้สึกแบบนั้นจริงๆนะค่ะ  : emo045 : : emo045 : : emo045 :



ขอบคุณมากๆค่ะ ต่อไปจะพยายามไม่โกรธแล้ว  : xemo026 :
ลองขอโทษเค้าก่อนสิ เอาให้มันอายไปเลย โดยเฉพาะ ผู้ชายผู้หญิงชนกัน แล้วผู้หญิงเป็นฝ่ายขอโทษก่อน
ภาพประจำตัวสมาชิก
A Sheep
โพสต์: 1131
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ ธ.ค. 24, 2008 5:44 pm

อาทิตย์ ม.ค. 10, 2010 7:13 pm

Ministry Of Men เขียน:
A Sheep เขียน:
syaoran เขียน:
มีใครมาชนเราเข้าเค้าเดินผ่านไปโดยไม่กล่าว " ขอโทษ "ในหัวของเราก็เกิดความรู้สึกด้านลบขึ้นมาในพริบตาแล้ว

อ่านแล้วสะดุดตรงประโยคนี้มากๆค่ะ

เพิร์ลก็เป็นนะค่ะ เช่นเวลาไปเดินตรงอนุเสาวรีย์

คนจะเยอะ ต่างคนก็ต่างรีบ แล้วพอเบียดกันไปเบียดกันมา

ก็เกิดการกระทบกระทั่งกันขึ้น (หมายถึงชนกันนะค่ะ  : xemo017 :)

แล้วพอคนที่มาชนเรา แล้วเขาไม่ขอโทษเรา

ตอนนั้นความรู้สึกมันอาจจะตะโกนออกไปว่า "พ่อ _ _ ตายเหรอ??"

รู้สึกแบบนั้นจริงๆนะค่ะ  : emo045 : : emo045 : : emo045 :



ขอบคุณมากๆค่ะ ต่อไปจะพยายามไม่โกรธแล้ว  : xemo026 :
ลองขอโทษเค้าก่อนสิ เอาให้มันอายไปเลย โดยเฉพาะ ผู้ชายผู้หญิงชนกัน แล้วผู้หญิงเป็นฝ่ายขอโทษก่อน
เคยทำอะ แต่เขาก็ไม่หยุดที่จะฟัง

เดี๋ยวนี้พอเจอแบบนี้ก็เลย ช่างมัน
ตอบกลับโพส