เจน รัสเซล ดาราอกภูเขาไฟสะท้านใจหนุ่มสมัยสงครามโลกครั้งที่สอง จบชีวิตลงแล้วเมื่อวันจันทร์ ด้วยอายุ 89 ปี
มหาเศรษฐีผู้อำนวยการสร้าง โฮเวิร์ด ฮิวจ์ เป็นผู้ค้นพบดาราสาวเจ้าของหน้าอกไซส์ 38-D และนำเธอมาแสดงหนังคาวบอย The Outlaw ภาพถ่ายที่เธอเอนร่างอยู่บนกองฟาง ใส่เสื้อเปิดไหล่ข้างหนึ่ง พร้อมกับโชว์ร่องอกล้นหลาม เป็นภาพเซ็กซี่สุด ๆ สมัย 70 ปีที่แล้ว ทำให้เซ็นเซอร์สั่งห้ามฉายหนังอยู่ถึง 3 ปีกว่าจะได้ออกฉายวงจำกัดในปี 1943
ระหว่างสงครามโลกครั้งที่สอง เธอกลายเป็นสาวพินอัพขวัญใจจีไอ ทั้งถ่ายภาพในชุดวาบหวิวและชุดว่ายน้ำ ฮิวจ์ใช้ความสามารถด้านวิศวกรรม ออกแบบยกทรงพิเศษให้เธอ และเมื่อเขาซื้อสตูดิโอ RKO ก็จับเธอเซ็นสัญญายาว 20 ปี
รัสเซลเป็นดาราดังตั้งแต่หนังเรื่องที่สาม The Paleface ที่แสดงกับบ็อบ โฮป เธอแสดงหนังอีกหลายเรื่อง กับดาราดัง ๆ เช่น โรเบิร์ต มิตชัม, แฟรงก์ ซิเนตรา แต่นอกจากเรือนร่างของเธอแล้ว ตัวหนังถูกลืมไปอย่างรวดเร็ว นักวิจารณ์ล้วนโขกสับเธอ กระทั่งเรียกว่า "ราชินีหนังทื่อมะลื่อ"
หนังดังของเธออีกเรื่องคือ Gentlemen Prefer Blondes หนังเพลงปี 1953 ซึ่งแสดงกับมาริลีน มอนโร โดยมีภาคต่อ Gentlemen Marry Brunettes เมื่อปี 1955 โดยก่อนหน้านั้น เธอยังแสดงหนัง 3 มิติ The French Line ซึ่งโฆษณาว่า "เจน รัสเซล 3 มิติ จำเป็นต้องบอกมากกว่านี้ไหม"
อย่างไรก็ดี ในยุค 1960 เธอเลิกแสดงหนัง หันไปโชว์ตัวร้องเพลงในไนต์คลับ ทีวี และละครเพลง ตั้งคณะร้องเพลงสวด ในตอนที่อายุ 60 เธอก็ยังเป็นพรีเซนเตอร์โฆษณายกทรงสำหรับผู้หญิงอกใหญ่
แม้ได้ชื่อว่าเป็นเซ็กซ์ซิมโบล แต่รัสเซลก็แตกต่างจากราชินีพินอัพรายอื่น ๆ เช่น มาริลีน มอนโร หรือ ริตา เฮย์เวิร์ธ นั่นคือเธอไม่เคยมีเรื่องอื้อฉาวในชีวิตส่วนตัว เธอเกิดในครอบครัวที่เคร่งศาสนา ซึ่งอพยพจากรัฐมินนิโซตามาอยู่แอลเอ แม่ของเธอเป็นนักเทศน์ ผู้สร้างโบสถ์ไว้หลังบ้าน สมัยวัยรุ่น รัสเซลเคยใจแตก กระทั่งเคยทำแท้งเถื่อน ซึ่งส่งผลให้เธอไม่สามารถมีลูกได้ แต่เธอก็ยังเป็นคริสเตียนที่เปี่ยมศรัทธา
"เจนพยายามจะเปลี่ยนใจฉันให้มีศรัทธาต่อศาสนา ในขณะที่ฉันพยายามแนะนำให้เธอรู้จักซิกมันด์ ฟรอยด์" มาริลีน มอนโร กล่าวถึงตอนที่แสดงหนังด้วยกัน
รัสเซลพูดอยู่เสมอถึงความขัดแย้งระหว่างศรัทธาของเธอกับภาพลักษณ์ และแสดงความเสียใจที่เคยทำแท้ง หย่าร้าง และติดเหล้า
โฮเวิร์ด ฮิวจ์ ได้ชื่อว่าชอบมีสัมพันธ์สวาทกับดาราสาวที่เขาปลุกปั้น แต่รัสเซลเป็นข้อยกเว้น เธอแต่งงานกับควอเตอร์แบ็กอเมริกันฟุตบอล บ็อบ วอเตอร์ฟิลด์ แม้จะหย่าร้างแต่ก็อยู่ด้วยกันนาน 24 ปี โดยมีบุตรบุญธรรม 3 คน เธอแต่งงานอีกสองครั้ง แต่สามีตายก่อนทั้งคู่
เธอเป็นผู้นำของ Hollywood Christian Group กลุ่มศึกษาไบเบิลและบำเพ็ญประโยชน์ เมื่อพบอุปสรรคในการรับบุตรบุญธรรม เธอก็ร่วมก่อตั้ง World Adoption International Agency ซึ่งช่วยจัดการรับเด็กจากต่างชาติ 40,000 กว่าคนมาเป็นบุตรบุญธรรม โดยเธอเป็นกรรมการอยู่ถึง 40 กว่าปี กระทั่งบั้นปลายของชีวิต เธอยังทำกิจกรรมต่าง ๆ อย่างกระตือรือร้นอยู่จน 2-3 สัปดาห์ก่อน
"คริสเตียนก็มีนมใหญ่ได้ จริงไหม" รัสเซลเคยให้สัมภาษณ์ไว้
ไทยโพสต์
