สงสัยเรื่องผีหรือวิญญาณครับ
-
- โพสต์: 1029
- ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ มิ.ย. 13, 2010 9:53 pm
ว่าตามทฤษฏีทางคาทอลิกเชื่อว่าคนเราเมื่อตายแล้ว
1. ทำดีขึ้นสวรรค์
2. ทำชั่ว (จนกระทั่งวาระสุดท้ายแล้วก็ยังไม่เชื่อในพระเจ้า) ก็ตกนรก
3. มีทั้งดีทั้งชั่วก็ไปไฟชำระ่ก่อน จนสะอาดก็ได้ไปหาพระเจ้า
ที่มาหลอกหลอนคือพวกปีศาจ ไม่ใช่วิญญาณคนที่ตายไปแล้ว
วิญญาณบางส่วนที่มาปรากฏให้คนเห็นคือวิญญาณได้รับอนุญาตแล้ว
มักจะมาขอให้เราสวดภาวนาให้ หรือขอให้เราขอมิสซาให้พวกเขา
เพื่อช่วยให้พวกเขาพ้นจากไฟชำระเร็วขึ้น
1. ทำดีขึ้นสวรรค์
2. ทำชั่ว (จนกระทั่งวาระสุดท้ายแล้วก็ยังไม่เชื่อในพระเจ้า) ก็ตกนรก
3. มีทั้งดีทั้งชั่วก็ไปไฟชำระ่ก่อน จนสะอาดก็ได้ไปหาพระเจ้า
ที่มาหลอกหลอนคือพวกปีศาจ ไม่ใช่วิญญาณคนที่ตายไปแล้ว
วิญญาณบางส่วนที่มาปรากฏให้คนเห็นคือวิญญาณได้รับอนุญาตแล้ว
มักจะมาขอให้เราสวดภาวนาให้ หรือขอให้เราขอมิสซาให้พวกเขา
เพื่อช่วยให้พวกเขาพ้นจากไฟชำระเร็วขึ้น
มีคนบอกว่า ที่บ้านสวนยอแซฟเวลากลางคืนมีเสียงแปลก ๆ น่ากลัว เพราะอยู่ติดกับสุสาน บางคนได้เสียงคนเดินผ่าน เสียงคนคุยกัน แต่พอออกจากห้องมาดูกลับไม่เห็นอะไร หรือไม่ก็เสียงคนเดินแบบโดนโซ่ล่ามที่ขาเสียงโซ่ลากพื้น น่ากลัวจังเลย แบบนี้เป็นวิญญาณหรือปีศาจครับ ที่บ้านผู้หว่านก็มีคนเจอเหมือนกัน ขนาดซิสเตอร์ที่ไปพักยังเจอมากับตัว เห็นจะ ๆ เลย ถ้าเป็นฆราวาสทั่วไปอาจจะจับไข้หัวโกร๋นไปแล้ว
-
- ~@
- โพสต์: 8259
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 9:56 pm
- ที่อยู่: Bangkok
เจี๊ยบไปบ้านผู้หว่านได้ยินแต่เสียงหมาหอน (เกือบหอนตอบ 555) เสียงมาจากสุสาน แต่เฉยๆงับ
-
- โพสต์: 1413
- ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ก.ย. 02, 2008 11:18 am
- ที่อยู่: ต.กรอกสมบูรณ์ อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี
ทำไมถึงไม่ยอมไปเกิดหล่ะ? หรือว่า...ตรงที่นั้น...คือที่ชอบ ที่ชอบ เลยชอบวนเวียนอยู่ที่ตรงนั้นsupernova เขียน:คาทอลิกเชื่อเรื่องผีหรือวิญญาณมั้ยครับ อยากเช่นคนพุทธที่บอกว่าคนนั้นตายแล้วแต่วิญญาณไปยังวนเวียนอยู่บริเวณป่าช้า ไม่ยอมไปเกิด อะไรทำนองนี้นะครับ
เพราะตามที่คาดคนพุทธบอกไว้ว่าวิญญาณอาจไปไหนไม่ได้เพราะติดสถานที่และยังมีบุญไม่พอครับและบางแห่งมีอาคมของคนมีวิชากั้นไว้ทำให้ไปไหนไม่ได้ไว้เก็บเป็นที่ฝึกวิชา บ้างบางตนเพราะรอคนที่เคยทำกรรมกันไว้บางตนรอพระมาปล่อยวิญญาณเพราะตอนตายทำพิธีบางอย่างไม่ถูกต้องครับผมแต่ที่หมาหอนนั้นวิทยาศาสตร์บอกว่าเพราะแถวนั้นมีคลื่นความถี่ที่ทำให้หมาแสบแก้วหูความซึ่งตรงตามที่ว่ายิ่งมีออโรร่าเยอะก็จะทำให้มีความคลื่นถี่ยิ่งสูงแต่วิทยาศาสตร์บอกไม่ได้ว่าทำไมต้องเป็นตรงป่าช้า หรือตรงที่คนตายแบบตายโหงอะไรงั้นอะนะครับดังนั้นถ้าให้ดีคนพุทธก็จะสวดมนต์แผ่เมตตาไปให้เขาครับผม คนคริสเขาว่าการสวดภาวนานั้นก็แผ่เมตตาไปให้คนที่ล่วงลับไปแล้วถึงจะเรียกไฟชำระหรือนรกก็ตามแต่ผมเล่งเห็นว่ามันคล้ายกับการแผ่เมตตาของคนผู้ครับแต่ใช้นามของพระเยซูผู้ไถ่แทนครับ ผมก็สวดมนต์ภาวนาประจำครับ(คนพุทธเชื่อว่ายิ่งได้บุญจากการนั่งสมาธิคนที่ล่วงลับหรือคนที่ยังเป็นอยู่เขาก็จะได้บุญมากครับ)
-
- โพสต์: 51
- ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. ก.พ. 03, 2011 12:57 am
น่ากลัวจังเลยครับ ผมเคยเจอว่าประมาณในฝันเจอผีมาหลอก เป็นมา2ครั้ง เวลาเป็นมันหายใจไม่ออก มันจุกไปหมดเลย เขาว่ากันว่าโดนผีอำ แต่ผมยังพอรู้สึกตัวเดชะพระนามพระเยซูเจ้าไล่มันไป มันก็ยอมไป อันนี้คงเป็นปีศาจแน่เลยถึงกลัว
-
- โพสต์: 1413
- ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ก.ย. 02, 2008 11:18 am
- ที่อยู่: ต.กรอกสมบูรณ์ อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี
Hotty2539 เขียน:เพราะตามที่คาดคนพุทธบอกไว้ว่าวิญญาณอาจไปไหนไม่ได้เพราะติดสถานที่และยังมีบุญไม่พอครับและบางแห่งมีอาคมของคนมีวิชากั้นไว้ทำให้ไปไหนไม่ได้ไว้เก็บเป็นที่ฝึกวิชา บ้างบางตนเพราะรอคนที่เคยทำกรรมกันไว้บางตนรอพระมาปล่อยวิญญาณเพราะตอนตายทำพิธีบางอย่างไม่ถูกต้องครับผมแต่ที่หมาหอนนั้นวิทยาศาสตร์บอกว่าเพราะแถวนั้นมีคลื่นความถี่ที่ทำให้หมาแสบแก้วหูความซึ่งตรงตามที่ว่ายิ่งมีออโรร่าเยอะก็จะทำให้มีความคลื่นถี่ยิ่งสูงแต่วิทยาศาสตร์บอกไม่ได้ว่าทำไมต้องเป็นตรงป่าช้า หรือตรงที่คนตายแบบตายโหงอะไรงั้นอะนะครับดังนั้นถ้าให้ดีคนพุทธก็จะสวดมนต์แผ่เมตตาไปให้เขาครับผม คนคริสเขาว่าการสวดภาวนานั้นก็แผ่เมตตาไปให้คนที่ล่วงลับไปแล้วถึงจะเรียกไฟชำระหรือนรกก็ตามแต่ผมเล่งเห็นว่ามันคล้ายกับการแผ่เมตตาของคนผู้ครับแต่ใช้นามของพระเยซูผู้ไถ่แทนครับ ผมก็สวดมนต์ภาวนาประจำครับ(คนพุทธเชื่อว่ายิ่งได้บุญจากการนั่งสมาธิคนที่ล่วงลับหรือคนที่ยังเป็นอยู่เขาก็จะได้บุญมากครับ)
- salvation7
- Defender of lawS
- โพสต์: 522
- ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ ต.ค. 31, 2010 1:05 am
- ติดต่อ:
เชื่อไม่เชื่อก็อย่าลบลู่น๊ะค่ะ เพราะตอนที่อยู่หอของโรงเรียน ตึกเพิ่งสร้างใหม่ ก็ใกล้ ๆ สุสานศานติคาม นี่หล่ะ สมัยก่อนกลางคืนอยู่หอคนเดียวก็มีเสียงก๊อกแก๊ก แต่ไม่ค่อยดัง แบบ 2 ครั้งที่จะเล่านี่เลย แต่ถ้าคิดอีกแบบคือ ตึกสร้างใหม่โครงสร้างยังไม่เข้าที่ เป็นไปได้ที่พื้นดิน ตัวตึก เคลื่อนตัวตามสภาพ (เหมือนเวลาขึ้นสะพานสูง ๆๆ ใครสังเกตุว่าพื้นสะพานเป็นฟันปลา นั้นหล่ะ สำหรับยืดหยุ่นตามสภาพภูมิอากาศ ภูมิศาสตร์ ฯลฯ)
ครั้งที่ 1 ขึ้นตึกปิดประตูเหล็ก ตอนนั้นก็อยู่กับน้องฝึกหัด (แอสปิรันต์) ก็ขนลุกไปเลย ปกติไม่เคยเจอหรือสัมผัส แต่เหตุการณ์วันนั้นกำลังปิดประตูเหล็ก ต่างคนก็ต่างได้ยินเสียง เหมือนใครเคาะเหล็กของประตูอีกฝั่ง น้องเค้าก็บอกว่า ได้ยินเสียงไหม เราก็ อืมม์ พอครั้งที่สอง ได้ยินเสียงไหมค่ะ พร้อมสะกิดเราอยากแรง... เราก็ อืมม์ (ในใจคิดว่าห้องตากผ้า ไม้แขวนกระทบกับราวแขวนที่เป็นสแตนเลส) กำลังจะล๊อคกุญแจกำลังจะเสร็จแล้ว น้องก็บอกว่าได้อีกไหมค่ะ ย้ำอีกหลายรอบ เราก็ อืมม์ พอคราวนี้ ปิดประตูเสร็จเดินไปดูพร้อมกัน ห้องตากผ้าไม่มี... ไปถึงประตูอีกฝั่งก็...ปรากฎว่าไม่มีใคร เห่อๆๆ ..... รีบเข้ามาสวดสายประคำ นั่งสมาธิเลย
ครั้งที่ 2 เดินเข้ามาห้องทีวี กำลังเดินผ่านประตู ก็ได้ยินเสียงก๊อกแก๊ก กระทบกับสแตนเลส (เสียงก๊อกแก๊ก เหมือนเสียงกุญแจหรือเหล็ก สะกิดกับราวสแตนเลส) อีกแล้ว ทั้ง ๆ ที่เราเดินก็ไม่ได้ชิดประตู เดินกลางทางเลย มองไปก็ไม่พบผู้ใด เห่อๆๆๆ ขนที่แขน พร้อมเพียงกัน Stand up เลย เห่อๆๆ
หาคำตอบได้ไหมหล่ะ 555+
หลังจากเหตุการณ์นี้ผ่านไปไม่นานน้องคนหนึ่ง (แอสปิรันต์) หยิบขวดน้ำ ขวดหนึ่งในห้องเราน้ำเททิ้งตรงรางน้ำ น้องเค้าคงไม่ทราบว่าน้ำอะไร เราก็อยู่อีกฝั่งหนึ่ง เดินไปถึงน้ำเทหมดขวดแล้ว.... (น้ำนั้นคือน้ำเสก....) บอกคงไม่ทันแล้วหล่ะ จากนั้นก็ไม่ได้ใส่ใจอะไร กลางดึกออกมาไม่ได้ยินเสียงแล้ว... และสังเกตุหลายครั้งเวลาออกมากลางดึก ก็ไม่ได้ยินไปอีกนาน..... ปัจจุบันนี้ไม่รู้ว่ายังมีเสียงอีกหรือเปล่า...
ครั้งที่ 1 ขึ้นตึกปิดประตูเหล็ก ตอนนั้นก็อยู่กับน้องฝึกหัด (แอสปิรันต์) ก็ขนลุกไปเลย ปกติไม่เคยเจอหรือสัมผัส แต่เหตุการณ์วันนั้นกำลังปิดประตูเหล็ก ต่างคนก็ต่างได้ยินเสียง เหมือนใครเคาะเหล็กของประตูอีกฝั่ง น้องเค้าก็บอกว่า ได้ยินเสียงไหม เราก็ อืมม์ พอครั้งที่สอง ได้ยินเสียงไหมค่ะ พร้อมสะกิดเราอยากแรง... เราก็ อืมม์ (ในใจคิดว่าห้องตากผ้า ไม้แขวนกระทบกับราวแขวนที่เป็นสแตนเลส) กำลังจะล๊อคกุญแจกำลังจะเสร็จแล้ว น้องก็บอกว่าได้อีกไหมค่ะ ย้ำอีกหลายรอบ เราก็ อืมม์ พอคราวนี้ ปิดประตูเสร็จเดินไปดูพร้อมกัน ห้องตากผ้าไม่มี... ไปถึงประตูอีกฝั่งก็...ปรากฎว่าไม่มีใคร เห่อๆๆ ..... รีบเข้ามาสวดสายประคำ นั่งสมาธิเลย
ครั้งที่ 2 เดินเข้ามาห้องทีวี กำลังเดินผ่านประตู ก็ได้ยินเสียงก๊อกแก๊ก กระทบกับสแตนเลส (เสียงก๊อกแก๊ก เหมือนเสียงกุญแจหรือเหล็ก สะกิดกับราวสแตนเลส) อีกแล้ว ทั้ง ๆ ที่เราเดินก็ไม่ได้ชิดประตู เดินกลางทางเลย มองไปก็ไม่พบผู้ใด เห่อๆๆๆ ขนที่แขน พร้อมเพียงกัน Stand up เลย เห่อๆๆ
หาคำตอบได้ไหมหล่ะ 555+
หลังจากเหตุการณ์นี้ผ่านไปไม่นานน้องคนหนึ่ง (แอสปิรันต์) หยิบขวดน้ำ ขวดหนึ่งในห้องเราน้ำเททิ้งตรงรางน้ำ น้องเค้าคงไม่ทราบว่าน้ำอะไร เราก็อยู่อีกฝั่งหนึ่ง เดินไปถึงน้ำเทหมดขวดแล้ว.... (น้ำนั้นคือน้ำเสก....) บอกคงไม่ทันแล้วหล่ะ จากนั้นก็ไม่ได้ใส่ใจอะไร กลางดึกออกมาไม่ได้ยินเสียงแล้ว... และสังเกตุหลายครั้งเวลาออกมากลางดึก ก็ไม่ได้ยินไปอีกนาน..... ปัจจุบันนี้ไม่รู้ว่ายังมีเสียงอีกหรือเปล่า...
-
- โพสต์: 1413
- ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ก.ย. 02, 2008 11:18 am
- ที่อยู่: ต.กรอกสมบูรณ์ อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี
ม่าย ด้าย ลบ ลู๋
ตัวเราแต่ละคนก็เป็นดวงวิญญาณเช่นกัน วันนี้เวลาบนโลกนี้ของเรายังไม่หมด พระยังคงให้เวลาเราทุกคนได้ดำเนินชีวิตอยู่ในโลกนี้ ให้เราได้สร้างบุญกุศล แต่เมื่อเวลาบนโลกนี้ของเราหมดลง เวลาที่เราจะได้สร้างบุญกุศลก็หมดลงด้วย แล้วเราจะให้ความสนใจในเรื่องของจิตวิญญาณจนมากเกินไปทำไม ในเมื่อเราเองก็เป็นจิตวิญญาณ สู้ใช้เวลาที่มีอยู่ในขณะนี้ดำเนินชีวิตตามคำสอนของพระเยซูเจ้าจะดีกว่า
ประสพการณ์เรื่องวิญญาณของพี่ก็มีเยอะแยะ แต่เมื่อไตร่ตรองดูแล้ว มันไม่ใช่เรื่องที่เราจะมาให้ความสำคัญว่าเชื่อหรือไม่ว่ามีผีหรือวิญญาณ หรือ คาทอลิกเชื่อเรื่องผีหรือวิญญาณมั้ย
แต่ถ้าเปลี่ยนคำถามเป็น เชื่อเรื่องพระเยซูคริสต์หรือพระเป็นเจ้ามั๊ย จะดีกว่านะคะ เพราะคำถามอย่างนี้ชวนเราให้คิดถึงพระ คิดถึงแต่สวรรค์บ้านแท้นิรันดรของพระบิดาผู้พระทัยดี
มัวแต่คิดว่า เชื่อเรื่องผีหรือวิญญาณมั๊ย ทั้งที่เราเองก็คือดวงวิญญาณดวงหนึ่งที่ยังมีร่างกาย มันก็เหมือนกับคำถามว่า เชื่อเรื่องคนหรือมนุษย์มั๊ย หน่ะค่ะ
อยากให้ คุณ supernova เข้าไปอ่านเรื่อง "ความลับน่าอัศจรรย์ของวิญญาณ..." บ้างจังค่ะ
ตามนี้นะคะ กดเลยค่ะ viewforum.php?f=17
ตัวเราแต่ละคนก็เป็นดวงวิญญาณเช่นกัน วันนี้เวลาบนโลกนี้ของเรายังไม่หมด พระยังคงให้เวลาเราทุกคนได้ดำเนินชีวิตอยู่ในโลกนี้ ให้เราได้สร้างบุญกุศล แต่เมื่อเวลาบนโลกนี้ของเราหมดลง เวลาที่เราจะได้สร้างบุญกุศลก็หมดลงด้วย แล้วเราจะให้ความสนใจในเรื่องของจิตวิญญาณจนมากเกินไปทำไม ในเมื่อเราเองก็เป็นจิตวิญญาณ สู้ใช้เวลาที่มีอยู่ในขณะนี้ดำเนินชีวิตตามคำสอนของพระเยซูเจ้าจะดีกว่า
ประสพการณ์เรื่องวิญญาณของพี่ก็มีเยอะแยะ แต่เมื่อไตร่ตรองดูแล้ว มันไม่ใช่เรื่องที่เราจะมาให้ความสำคัญว่าเชื่อหรือไม่ว่ามีผีหรือวิญญาณ หรือ คาทอลิกเชื่อเรื่องผีหรือวิญญาณมั้ย
แต่ถ้าเปลี่ยนคำถามเป็น เชื่อเรื่องพระเยซูคริสต์หรือพระเป็นเจ้ามั๊ย จะดีกว่านะคะ เพราะคำถามอย่างนี้ชวนเราให้คิดถึงพระ คิดถึงแต่สวรรค์บ้านแท้นิรันดรของพระบิดาผู้พระทัยดี
มัวแต่คิดว่า เชื่อเรื่องผีหรือวิญญาณมั๊ย ทั้งที่เราเองก็คือดวงวิญญาณดวงหนึ่งที่ยังมีร่างกาย มันก็เหมือนกับคำถามว่า เชื่อเรื่องคนหรือมนุษย์มั๊ย หน่ะค่ะ
อยากให้ คุณ supernova เข้าไปอ่านเรื่อง "ความลับน่าอัศจรรย์ของวิญญาณ..." บ้างจังค่ะ
ตามนี้นะคะ กดเลยค่ะ viewforum.php?f=17
คำว่าไม่ได้ลบหลู่นี่บางทีอาจจะหมายถึงเกรงใจนะครับ
มีคริสตังคนหนึ่ง ติดเหล้าจัดอยู่มาวันหนึ่งพี่แกหักดิบเพื่อจะทำงาน ปรากฏว่าวันแรกที่แกทำงานนั้นและเป็นวันแรกที่แกไม่จิบเหล้าแก้กระหาย พี่แกชักในที่ทำงาน บรรดาพี่น้องชาวไทยใจศรัทธาทั้งหลายก็บอกว่าเจ้าที่แรง เพราะเจ้าของที่ซึ่งเป็นต่างชาติไม่ยอมตั้งศาลเซ่นวักตักแตนเจ้าที่เจ้าทางเสียที
ครั้นพี่คริสตังของเราฟื้นได้สติขึ้นมา พี่น้องชาวไทยใจศรัทธาทั้งหลายก็มารุมกระหน่ำบอกเล่าว่าน้องน่าจะไปไหว้เจ้าที่เจ้าทางขอขมาเสียนะ พี่คริสตังของเราก็ตัดสินใจโอเคทำตามที่บรรดาพี่น้องชาวไทยใจศรัทธาทั้งหลายว่ามา
ข้าพเจ้าเห็นว่าพี่แกเป็นคริสตัง แต่ไม่เคยเห็นพี่แกที่วัดเลย ก็เลยไปบอกแกว่าขอมิซซาดีกว่าแล้วก็ไม่ต้องไปขอขมาลาโทษเจ้าที่เจ้าทางอะไรหรอก เพราะว่าเพราะเจ้าสร้างทุกสิ่งแล้ว จะหาเจ้าที่ใหนมาหญ่ายยยยกว่าอีกเล่า พร้อมกับเชิญชวนพี่แกให้ไปวัดด้วยกันในวันรุ่งขึ้นเพราะเป็นวันอาทิตย์พอดี
พี่คริสตังคนนั้นก็ทำหน้าแหยๆ กระสับกระส่ายเมื่อคุยกับข้าพเจ้า พี่แกบอกว่ามิซซาก็ขอให้ที่บ้านขอให้แล้ว ส่วนเจ้าที่เราก็ไม่ลบหลู่ แล้วพี่แกก็ลาหายไป
ข้าพเจ้าเห็นพี่แกอีกทีก็คือวันที่พี่แกเตรียมข้าวของไปเซ่นเจ้าที่เรียบร้อยแล้ว หลังจากนั้นก็ไม่ได้พบพี่แกอีกเลย
ข้าพเจ้าจึงได้ข้อสรุปว่า ข้าพเจ้าจะไม่พูดคำว่าไม่เชื่อแต่ก็ไม่ลบหลู่อีก เพราะคำว่าไม่ลบหลู่บางที่มันหมายถึงว่า "เกรงใจ" ซึ่งลึกๆก็คือนึกกลัวและเกรงว่ามันจะหักคอจิ้มน้ำพริกตามบริบทวัฒนธรรมไทยที่เราๆท่านๆเติบโตมา ข้าพเจ้าจึงใช้คำว่า ข้าพเจ้าเชื่อว่ามันมีอยู่ แต่ข้าพเจ้าไม่เกรงกลัวมัน เพราะพ่อกรูหย่ายยยยคับโลกอยู่แล้ว อาแมน
มีคริสตังคนหนึ่ง ติดเหล้าจัดอยู่มาวันหนึ่งพี่แกหักดิบเพื่อจะทำงาน ปรากฏว่าวันแรกที่แกทำงานนั้นและเป็นวันแรกที่แกไม่จิบเหล้าแก้กระหาย พี่แกชักในที่ทำงาน บรรดาพี่น้องชาวไทยใจศรัทธาทั้งหลายก็บอกว่าเจ้าที่แรง เพราะเจ้าของที่ซึ่งเป็นต่างชาติไม่ยอมตั้งศาลเซ่นวักตักแตนเจ้าที่เจ้าทางเสียที
ครั้นพี่คริสตังของเราฟื้นได้สติขึ้นมา พี่น้องชาวไทยใจศรัทธาทั้งหลายก็มารุมกระหน่ำบอกเล่าว่าน้องน่าจะไปไหว้เจ้าที่เจ้าทางขอขมาเสียนะ พี่คริสตังของเราก็ตัดสินใจโอเคทำตามที่บรรดาพี่น้องชาวไทยใจศรัทธาทั้งหลายว่ามา
ข้าพเจ้าเห็นว่าพี่แกเป็นคริสตัง แต่ไม่เคยเห็นพี่แกที่วัดเลย ก็เลยไปบอกแกว่าขอมิซซาดีกว่าแล้วก็ไม่ต้องไปขอขมาลาโทษเจ้าที่เจ้าทางอะไรหรอก เพราะว่าเพราะเจ้าสร้างทุกสิ่งแล้ว จะหาเจ้าที่ใหนมาหญ่ายยยยกว่าอีกเล่า พร้อมกับเชิญชวนพี่แกให้ไปวัดด้วยกันในวันรุ่งขึ้นเพราะเป็นวันอาทิตย์พอดี
พี่คริสตังคนนั้นก็ทำหน้าแหยๆ กระสับกระส่ายเมื่อคุยกับข้าพเจ้า พี่แกบอกว่ามิซซาก็ขอให้ที่บ้านขอให้แล้ว ส่วนเจ้าที่เราก็ไม่ลบหลู่ แล้วพี่แกก็ลาหายไป
ข้าพเจ้าเห็นพี่แกอีกทีก็คือวันที่พี่แกเตรียมข้าวของไปเซ่นเจ้าที่เรียบร้อยแล้ว หลังจากนั้นก็ไม่ได้พบพี่แกอีกเลย
ข้าพเจ้าจึงได้ข้อสรุปว่า ข้าพเจ้าจะไม่พูดคำว่าไม่เชื่อแต่ก็ไม่ลบหลู่อีก เพราะคำว่าไม่ลบหลู่บางที่มันหมายถึงว่า "เกรงใจ" ซึ่งลึกๆก็คือนึกกลัวและเกรงว่ามันจะหักคอจิ้มน้ำพริกตามบริบทวัฒนธรรมไทยที่เราๆท่านๆเติบโตมา ข้าพเจ้าจึงใช้คำว่า ข้าพเจ้าเชื่อว่ามันมีอยู่ แต่ข้าพเจ้าไม่เกรงกลัวมัน เพราะพ่อกรูหย่ายยยยคับโลกอยู่แล้ว อาแมน
-
- โพสต์: 300
- ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 19, 2007 11:40 am
ศาสนาคริสต์ มีความเชื่อเรื่องผีและวิญญาณครับ แต่ต่างจากความเชื่ออื่น ศาสนาคริสต์เชื่อว่าวิญญาณมี 2 ลักษณะ คือ วิญญานที่มาจากพระเจ้า และ ปิศาจ
วิญญาณคนที่ตายไปแล้วยังวนเวียนอยู่ไม่ไปไหน แสดงอิทธิฤทธิ์ หลอกหลอน ทำร้ายคน ศาสนาคริสต์ไม่เชื่อว่าเป็นวิญญาณของคน ๆ นั้นจริง ๆ ครับ แต่เชื่อว่านั่นเป็นผลงานของปิศาจ หรือ ที่สายโปรแตสแต้นท์ เรียก วิญญาณชั่ว ครับ
ส่วนวิญญาณที่มาจากพระเจ้านั้น เป็นวิญญาณที่ยอมรับว่าพระเยซูคริสตเจ้าเป็นพระบุตรของพระเจ้า ที่ลงมาเพื่อช่วยมนุษย์ให้พ้นจากคว่ามผิดบาปและอำนาจของปิศาจ ก็เป็นวิญญาณที่มาจากพระเจ้าครับ จากที่เคยได้ยินมา ไม่ค่อยพบวิญญาณประเภทนี้ ส่วนใหญ่จะเป็นการกระทำของปิศาจมากกว่า
วิญญาณคนที่ตายไปแล้วยังวนเวียนอยู่ไม่ไปไหน แสดงอิทธิฤทธิ์ หลอกหลอน ทำร้ายคน ศาสนาคริสต์ไม่เชื่อว่าเป็นวิญญาณของคน ๆ นั้นจริง ๆ ครับ แต่เชื่อว่านั่นเป็นผลงานของปิศาจ หรือ ที่สายโปรแตสแต้นท์ เรียก วิญญาณชั่ว ครับ
ส่วนวิญญาณที่มาจากพระเจ้านั้น เป็นวิญญาณที่ยอมรับว่าพระเยซูคริสตเจ้าเป็นพระบุตรของพระเจ้า ที่ลงมาเพื่อช่วยมนุษย์ให้พ้นจากคว่ามผิดบาปและอำนาจของปิศาจ ก็เป็นวิญญาณที่มาจากพระเจ้าครับ จากที่เคยได้ยินมา ไม่ค่อยพบวิญญาณประเภทนี้ ส่วนใหญ่จะเป็นการกระทำของปิศาจมากกว่า