‘โยเซฟ’ในขณะควบคุมงาน
ต้นฉบับศาสตร์แห่งการบริหารจัดการ
‘โยเซฟ’ เป็นอีกบุคคลหนึ่งในประวัติศาสตร์เมื่อประมาณ 4000 ปีก่อน เป็นผู้ที่มีชื่อเสียงและมีวิถีชีวิตที่น่าสนใจมาก วิถีชีวิต วิธีการคิด และวิธีการทำงานของ‘โยเซฟ’ ทำให้นักวิชาการทางด้านการบริหารจัดการ ได้เรียนรู้ถึงหลักการจัดการเบื้องต้น และนำหลักการต่าง ๆที่‘โยเซฟ’ได้ใช้ในการบริหารบ้านเมือง มาเรียบเรียงเผยแพร่เป็นตำราทางการบริหารจัดการในโลกตะวันตก จนเป็นหลักบริหารจัดการพื้นฐานของยุคปัจจุบัน
‘โยเซฟ’ เป็นบุตรชายคนรองสุดท้ายในบรรดาบุตรทั้ง 12 คน ของ ‘ยาโคบ’ บรรพบุรุษของประเทศอิสราเอล ชีวิตตั้งแต่วัยเด็กจนเติบใหญ่ผ่านความทุกข์ยาก จนถึงกับถูกขายไปเป็นทาสในอียิปต์ ตั้งแต่อายุ 14-15 ปี แต่ด้วยลักษณะท่าทีในการมองโลกในแง่ดี เป็นคนมีความคิด รักการเรียนรู้ และ รับผิดชอบหน้าที่การงาน จึงทำให้เขาพัฒนาตนเองจนได้รับแต่งตั้งเป็นหัวหน้าคนงาน ของข้าราชการระดับสูงในอียิปต์ในเวลาเพียงไม่กี่ปี
แต่ต่อมาก็ถูกใส่ร้ายป้ายสีจนถูกนำตัวไปขังลืมไว้ในคุก
แม้‘โยเซฟ’จะอยู่ในคุกก็มองโลกในแง่ดี รับผิดชอบหน้าที่การงาน จนเป็นที่ไว้วางใจของพัศดี และได้รับมอบหมายให้เป็นหัวหน้านักโทษ จนกระทั่งมีโอกาสได้รู้จักนักโทษที่เคยเป็นข้าราชการคนสนิทของกษัตริย์ฟาโรห์แห่งอียิปต์
‘โยเซฟ’ให้ความช่วยเหลือนักโทษคนนี้ได้กลับเข้าไปทำงานในตำแหน่งเดิม แต่นักโทษคนนั้นก็ลืม ปล่อยให้เขาต้องติดคุกต่อไปอีกหลายปี
จนที่สุด‘พระเจ้า’ทรงเห็นว่าถึงเวลาที่พระองค์จะต้องช่วยเหลือ‘โยเซฟ’ จึงให้เกิดมีฝันแก่กษัตริย์ฟาโรห์
ครั้งแรก “กษัตริย์ฟาโรห์ทรงยืนอยู่ที่ริมฝั่งแม่น้ำไนล์ มีโคอีกเจ็ดตัวอ้วนพีงามน่าดูขึ้นมาจากแม่น้ำไนล์นั้น กินใบอ้ออยู่ แล้วมีโคอีกเจ็ดตัวซูบผอมน่าเกลียด ตามขึ้นมาจากแม่น้ำไนล์ มายืนอยู่กับโคอ้วนพีที่ชายฝั่งแม่น้ำไนล์ และโคที่ซูบผอมน่าเกลียดก็กินโคอ้วนพีทั้งเจ็ดตัวนั้นเสีย”
ครั้งที่สองฝันว่า “ต้นข้าวรวงเดียวมีรวงข้าวเจ็ดรวงเป็นข้าวเมล็ดเต่งงามดี แล้วมีรวงข้าวอีกเจ็ดรวงงอกขึ้นมาภายหลังเป็นข้าวลีบและเกรียมเพราะลมตะวันออก รวงข้าวลีบเจ็ดรวงนั้นได้กลืนกินรวงข้าวงามดีนั้นเสีย” (ปฐมกาล 41:1-7)
แต่ไม่มีผู้ใดทำนายฝันของฟาโรห์ได้ จนข้าราชการที่เคยเป็นนักโทษคนนั้นจำได้ว่า ‘โยเซฟ’ที่เป็นผู้เคยทำนายฝัน จึงทูลต่อฟาโรห์ให้นำ‘โยเซฟ’ออกจากคุกและเขามีโอกาสเข้าไปรับราชการกับฟาโรห์ในต่ำแหน่งนายกรัฐมนตรีของอียิปต์
จากการทำนายฝันของ‘โยเซฟ’ ทำให้กษัตริย์ฟาโรห์รู้ล่วงหน้าว่า ตั้งแต่นี้ต่อไปอียิปต์จะมีความอุดมสมบูรณ์อีก 7 ปี หลังจากนั้นทั่วทั้งโลกจะเกิดกันดารอาหารร้ายแรง จะไม่มีฝนตกในที่ต่าง ๆเลยติดต่อกันเป็นเวลา 7 ปี
และด้วยการรู้เหตุการณ์ดังกล่าวล่วงหน้า จึงมีเพียงอียิปต์ประเทศเดียวที่เตรียมการกักตุนข้าวเปลือกไว้มากที่สุด ผู้คนจากทั่วทั้งโลกจึงต้องเดินทางมาซื้อข้าวเปลือกจากประเทศอียิปต์ ทำให้ในสมัยนั้นประเทศอียิปต์มีความเจริญรุ่งเรืองสูงสุดกว่าอาณาจักรใดๆ ซึ่งปัจจุบันเรายังคงเห็นเค้าโครงความเจริญรุ่งเรืองในอดีตของอียิปต์ได้
นั่นเป็นเพราะความสามารถทางการบริหารจัดการภายใต้ภาวะกฤตของนายกรัฐมนตรีอียิปต์ที่มีชื่อว่า‘โยเซฟ’
สิ่งที่นักวิชาการตะวันตกทุกวันนี้ได้ลอกเลียนการทำงานของ‘โยเซฟ’ ปรับแนวคิดดังกล่าวออกมาเป็นหลักการและทฤษฎีต่างๆทางการบริหาร
ตัวอย่างหลักการในการบริหารเพียงหนึ่งเรื่อง คือ การวางแผน การลงมือทำการตรวจสอบ
และการแก้ไขสิ่งที่ผิดพลาด (Plan, Do, Check and Act: PDCA)
1. การทำงานจะต้องมีแผนการดำเนินงาน (Plan)
จะเห็นได้ว่า‘โยเซฟ’ได้รู้ล่วงหน้าว่าจะเกิดการกันดารอาหารร้ายแรงขึ้นติดต่อกันหลายปี และก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์ดังกล่าว เขาได้วางแผนสั่งการให้ประชาชนเพาะปลูกข้าวในช่วงที่ปีอุดมสมบูรณ์ให้มากที่สุด
เขาดำเนินการสำรวจพื้นที่หัวเมืองต่าง ๆทั่วอาณาจักรอียิปต์ เพื่อให้เข้าใจสภาพความเป็นจริงของแต่ละพื้นที่ เพื่อเตรียมการรองรับเหตุการณ์กันดารที่จะมาถึง เขาได้วางแผนการสะสมข้าวเปลือกโดยออกกฎหมายเก็บภาษีข้าวหนึ่งในห้าส่วนของข้าวที่ผลิตได้จากทั่วประเทศอียิปต์
แม้ประชาชนจะไม่พอใจอยู่บ้าง แต่ก็ยินยอม เพราะช่วงเวลานั้นเป็นช่วงแห่งความอุดมสมบูรณ์ที่สุดของอียิปต์
จะเห็นได้ว่า‘โยเซฟ’ได้วางแผนอย่างมีความเข้าใจว่าสถานการณ์ต่าง ๆที่จะเกิดขึ้นเป็นอย่างไร ความสามารถของกำลังการผลิตของประเทศเป็นอย่างไร ประชาชนจะมีความสามารถในการเสียภาษีโดยยังคงมีความรู้สึกที่ดีได้มากน้อยเพียงใด และเขาต้องทำสิ่งใดเป็นการล่วงหน้า เพื่อให้ประเทศดำรงอยู่ได้ในช่วงเวลาที่จะมีความยากลำบาก
2. การจัดการและการกระจายงานอย่างเหมาะสม (Do)
‘โยเซฟ’ได้สั่งให้มีการสะสมข้าวเปลือกที่เก็บมาได้ไว้ในหัวเมืองต่าง ๆโดยผลผลิตที่เกิดขึ้นในนารอบหัวเมืองใด ก็เก็บไว้ในหัวเมืองนั้น ไว้ตุนเป็นอาหารในหัวเมือง
‘โยเซฟ’กระทำการนี้เปรียบเสมือนวิธีการจัดระบบสินค้าคงเหลือเป็นอย่างดี
‘โยเซฟ’ไม่ได้ดำเนินการเก็บภาษีข้าวมาไว้ที่เมืองหลวงเพียงอย่างเดียว
เพราะการจัดเก็บข้าวมาไว้ยังเมืองหลวงที่เดียวนั้น อาจเกิดภาระปัญหาหลายอย่างเกิดขึ้น เช่น การจัดการรองรับปริมาณข้าวที่จำนวลมหาศาล ทำให้เกิดต้นทุนในการจัดเก็บข้าวที่มากขึ้น เพราะอาจต้องจัดสร้างสถานีที่เก็บข้าวนั้นขึ้นใหม่ การดำเนินการขนย้ายข้าวจากหัวเมืองต่าง ๆ อาจมีความสูญเสียเกิดขึ้นระหว่างการขนย้าย เป็นการจัดสรรที่จะไม่ได้ก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด
ยิ่งไปกว่านั้นเขาคำนึงถึงปัญหาทางด้านการเมืองด้วย เพราะการขนย้ายข้าวมาเก็บที่เมืองหลวง อาจทำให้เกิดความไม่ไว้วางใจระหว่างประชาชนในหัวเมือง กับผู้ปกครองราชอาณาจักรอียิปต์ เขาจึงสั่งให้ประชาชนสะสมข้าวไว้ในหัวเมืองของตน เพื่อให้ความมั่นใจว่าสิ่งที่พวกเขาให้กับหลวงจะตกกลับมาเป็นประโยชน์ต่อตัวประชาชนในพื้นที่นั้นเอง
การกระทำเช่นนี้ จึงเป็นการแบ่งเอาภาระงานไม่ให้งานไปกระจุกตัวที่ใดที่หนึ่ง ลดการสูญเสียที่ไม่จำเป็น เพราะถ้าหัวเมืองต้องการข้าวในอนาคตก็ไม่ต้องขนย้ายจากเมืองหลวงไปอีก เป็นการเล็งเห็นถึงระบบการขนส่ง หรือ Logistic ที่เราพูดกันในปัจจุบัน
จากการทำงานดังกล่าว ยังเป็นการส่งเสริมให้ประชาชนเกิดความรู้สึกอยากมีส่วนร่วมในความสำเร็จของงานนั้นด้วย ทำให้เกิดความจงรักภักดีต่อราชวงศ์อียิปต์เพิ่มขึ้นอีกด้วย
3. การควบคุมงานให้เป็นไปตามแผน (Check)
โครงการดำเนินการสะสมข้าวเปลือกของ‘โยเซฟ’ จะไม่สำเร็จหาก‘โยเซฟ’ไม่ได้รับรู้ข้อมูลการทำงานที่เกิดขึ้นในแต่ละหัวเมือง
ระบบในการตรวจสอบของ‘โยเซฟ’มีการดำเนินการจัดทำบัญชีข้าวของแต่ละหัวเมืองเก็บไว้
บัญชีข้าวเหล่านั้นไม่ได้จัดเพียงบันทึก ว่ามีจำนวนข้าวที่เก็บได้เท่าไร แต่น่าจะได้จดบันทึกไว้อย่างละเอียดว่าข้าวเปลือกที่เก็บได้เป็นการเก็บมาจากนาของใคร และเก็บมาเมื่อไร การจัดทำข้อมูลและการรวบรวมบันทึกข้อมูลของแต่ละเมืองจะต้องถูกนำเสนอเป็นรายงานกลับไปที่เมืองหลวง
‘โยเซฟ’จึงต้องได้รับรู้ข้อมูลการทำงานของคนในแต่ละเมืองเป็นอย่างดี และข้อมูลเหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งในการสั่งการแก้ไขปัญหาต่าง ๆถือได้ว่าเป็นระบบการจัดการฐานข้อมูลที่เป็นระบบอย่างมาก เพราะข้าวที่จัดเก็บนั้นมีจำนวนมากมายมหาศาล
4. การแก้ไขปรับปรุงงานให้เป็นไปตามแผน (Act)
การทำงานทุกงานของ‘โยเซฟ’มีการสำรวจและตรวจสอบออย่างเป็นระบบ เขาจัดการแก้ไขปัญหาทุกอย่างได้เป็นอย่างดี ประสบความสำเร็จในเรื่องที่จะต้องสะสมเสบียงอาหาร
หากงานอะไรก็ตามที่มีขนาดใหญ่ แต่ไม่ได้มีการวางแผนงานที่ดี การลงมือทำงานอย่างเป็นระบบ มีการควบคุมตรวจสอบให้เป็นไปตามระบบ และมีการดำเนินการแก้ไขอย่างทันเวลาแล้ว งานขนาดใหญ่เหล่านั้นอาจไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร หรืออาจเกิดการสูญเสียอย่างมหาศาล
ระบบการบริหารจัดการที่ได้เรียนรู้จาก‘โยเซฟ’ เป็นบทเรียนที่มีค่าที่เรียนรู้มาจากอดีตเชื่อแน่ว่าหาก‘โยเซฟ’ อยู่ในยุคสมัยปัจจุบันเขาน่าจะเป็น CEO ระดับชาติ หรือเป็นกูรูทางด้านการบริหารจัดการที่มีชื่อเสียงอีกคนหนึ่ง
ดร.กิตติพันธ์ คงสวัสดิ์เกียรติ ผู้อำนวยการศูนย์ศึกษาสาทรธานี
ผู้อำนวยการฝ่ายธุรกิจไซเบอร์
ผู้จัดการโครงการ MBA
มหาวิทยาลัยรังสิต
(รองศาสตราจารย์ด้านบริหารธุรกิจ,
Touro University International, USA
ศาสตราจารย์ด้านการเงินและการจัดการความเสี่ยง,
Open System Leadership University, USA)
http://groups.google.com/group/christia ... 5a5e9b2e8a#
ต้นฉบับศาสตร์แห่งการบริหารจัดการ : บทเรียนจากโยเซฟ โดย...
-
- โพสต์: 1413
- ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ก.ย. 02, 2008 11:18 am
- ที่อยู่: ต.กรอกสมบูรณ์ อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี
- salvation7
- Defender of lawS
- โพสต์: 522
- ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ ต.ค. 31, 2010 1:05 am
- ติดต่อ:
อิอิ ขอบคุณสำหรับความรู้ใหม่ ๆๆ