เราพบว่าในพระคัมภีร์ พระเยซูเจ้าทำสิ่งอัศจรรย์มากมายหลายครั้ง
แต่ในยุคปัจจุบันที่มนุษย์นับถือศาสนาวิทยาศาสตร์ การอัศจรรย์ถูกมองว่าคือเรื่องงี่เง่า งมงาย หลอกลวง จนถึงขนาดพระสงฆ์บางท่านเองเมื่อเทศน์ในมิสซาก็พยายามตีความการอัศจรรย์ในพระคัมภีร์ของพระเยซูไปในทำนองว่าเป็นเพียงเรื่องเปรียบเทียบในเรื่องศีลธรรมคำสอน ไม่ใช่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงตามข้อความที่นักบุญทั้ง4ได้เล่า
เช่นการทวีขนมปัง ก็เทศน์ว่า เป็นเพราะประชาชนทุกคนซ่อนอาหารไว้ พอพระเยซูเริ่มแบ่งอาหาร คนเลยเริ่มเอาอาหารที่ซ่อนไว้ออกมาจนคน5000คน แบ่งคนอื่นด้วยกินกันได้อิ่ม ไม่ใช่เพราะพระเยซูเพิ่มจำนวนมันในฐานะพระเจ้าที่สามารถสร้างได้ทุกอย่าง
อยากเชิญชวนทุกท่านแบ่งปันกันในหัวข้อนี้ครับ
ท่านมองการอัศจรรย์หรือเรื่องเหนือธรรมชาติอย่างไร
เรื่องเหนือธรรมชาติ
ไม่ใช่เรื่องผิดธรรมชาติ/เป็นไปไม่ได้
ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่า "เหนือ"ธรรมชาติ
(SuperNatural)
ถ้าเราบอกว่าการทวีขนมปังสมัยพระเยซูเจ้า ไม่ใช่การทวีขนมปังจริง
แล้วเราจะอธิบายอัศจรรย์อื่นๆที่ยังคงเกิดขึ้นในพระศาสนจักร
หลังจากนั้นจนถึงปัจจุบันว่าอย่างไร?
ถ้ามีคนถามว่า ทำไมถึงเป็นไปได้?
ผมก็จะยืนยันความเชื่อครับว่า "พระเจ้าทรงเป็นปฐมของทุกสิ่ง"
สิ่งที่พระองค์ทำได้ย่อมเหนือกว่า วิทยาการต่างๆที่มนุษย์คิดค้นทั้งในอดีต ปัจจุบัน และอนาคต
(เช่นเดียวกับ การปฎิสนธิเดชะพระจิตเจ้าผ่านพระนางพรหมจารีย์
ก็เป็นเหตุการณ์ที่สูงส่ง และลึกล้ำ ยิ่งกว่าการผสมเทียมใดๆที่วิทยาศาสตร์ได้คิดขึ้น)
ไม่ใช่เรื่องผิดธรรมชาติ/เป็นไปไม่ได้
ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่า "เหนือ"ธรรมชาติ
(SuperNatural)
ถ้าเราบอกว่าการทวีขนมปังสมัยพระเยซูเจ้า ไม่ใช่การทวีขนมปังจริง
แล้วเราจะอธิบายอัศจรรย์อื่นๆที่ยังคงเกิดขึ้นในพระศาสนจักร
หลังจากนั้นจนถึงปัจจุบันว่าอย่างไร?
ถ้ามีคนถามว่า ทำไมถึงเป็นไปได้?
ผมก็จะยืนยันความเชื่อครับว่า "พระเจ้าทรงเป็นปฐมของทุกสิ่ง"
สิ่งที่พระองค์ทำได้ย่อมเหนือกว่า วิทยาการต่างๆที่มนุษย์คิดค้นทั้งในอดีต ปัจจุบัน และอนาคต
(เช่นเดียวกับ การปฎิสนธิเดชะพระจิตเจ้าผ่านพระนางพรหมจารีย์
ก็เป็นเหตุการณ์ที่สูงส่ง และลึกล้ำ ยิ่งกว่าการผสมเทียมใดๆที่วิทยาศาสตร์ได้คิดขึ้น)
แก้ไขล่าสุดโดย Zion เมื่อ อังคาร ม.ค. 24, 2012 9:44 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
-
- ~@
- โพสต์: 12724
- ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 2:28 pm
- ที่อยู่: Thailand
ผมมองว่า ไม่มีสิ่งใดที่พระเจ้าจะทรงกระทำไม่ได้
การเหนือธรรมชาติ ก็คือ เหนือธรรมชาติมนุษย์
มนุษย์ไม่มีทางเข้าใจและอธิบายได้ แม้ว่า จะพยายามพึ่งวิทยาศาสตร์ที่มนุษย์คิดขึ้นเองในการอธิบาย
ก็จะหาคำตอบไม่ได้ในบางเรื่องเช่นกัน
"วิถีของพระเจ้าสูงกว่ามนุษย์" เราไม่มีทางเข้าใจอะไร 100 เปอร์เซ็นต์ครับ
การเหนือธรรมชาติ ก็คือ เหนือธรรมชาติมนุษย์
มนุษย์ไม่มีทางเข้าใจและอธิบายได้ แม้ว่า จะพยายามพึ่งวิทยาศาสตร์ที่มนุษย์คิดขึ้นเองในการอธิบาย
ก็จะหาคำตอบไม่ได้ในบางเรื่องเช่นกัน
"วิถีของพระเจ้าสูงกว่ามนุษย์" เราไม่มีทางเข้าใจอะไร 100 เปอร์เซ็นต์ครับ
ผมคิดว่า หากมีพระสงฆ์ที่พยายามจะอธิบายอัศจรรย์ที่พระเยซูเจ้าทรงกระทำให้ออกมาในแนวอื่น ก็คงมีแค่เรื่องการทวีขนมปังเรื่องเดียว ซึ่งอาจจะอธิบายในแนวสังคมวิทยา และจิตวิทยาได้ ที่ว่าพอคนเห็นการแบ่งปัน ทุกคนที่มีอาหารเก็บไว้กับตัวเอง ก็เริ่มนำออกมาแบ่งปันจนเพียงพอแก่ทุกคน แต่อัศจรรย์อื่น ๆ ก็ยังมีอีกมากที่อธิบายไม่ได้ เช่น การปลุกคนตายให้กลับคืนชีพ การเปลี่ยนน้ำให้เป็นเหล้าองุ่น การเดินบนทะเล การรักษาคนตาบอด การรักษาคนง่อย การรักษาคนโรคเรื้อน ฯลฯ สิ่งเหล่านี้เกินความสามารถของมนุษย์ แต่บางครั้งพระเจ้าทรงสำแดงการอัศจรรย์นี้ผ่านทางบรรดาผู้ศักดิ์สิทธิ์ด้วย
ผมเคยอ่านประวัตินักบุญบางองค์ ท่านก็สามารถทวีจำนวนอาหารให้มากขึ้นได้เหมือนกัน เช่น นักบุญยอห์นบอสโก ท่านต้องเลี้ยงดูเด็กจำนวนมาก บางครั้งอาหารมีไม่พอ แต่ก็สามารถแจกให้เด็กทุกคนทานได้จนอิ่มแล้วยังมีเหลืออีกด้วย
พระศาสนจักรในปัจจุบันไม่ได้ปฏิเสธอัศจรรย์ แต่พระศาสนจักรยังต้องการอัศจรรย์ เป็นต้น พระศาสนจักรในประเทศไทย เรามีบุญราศีถึง 8 องค์ เราต้องการอัศจรรย์แท้จริงเพื่อที่พระศาสนจักรจะได้แต่งตั้งท่านเหล่านี้ให้เป็นนักบุญ แล้วเราก็ยังมีข้ารับใช้พระเจ้าอีก 1 องค์เป็นพระสงฆ์ซาเลเซียนชาวอิตาเลียน ท่านทำงานและตายในเมืองไทย ท่านเหล่านี้จำเป็นต้องมีอัศจรรย์ เราจึงต้องวอนขอพระพรจากพระเจ้าผ่านทางการวอนขอของท่านเหล่านี้ คงไม่มีพระสงฆ์ไทยคนไหนที่กล้าพูดว่าไม่ต้องการอัศจรรย์ เพราะถ้าไม่มีอัศจรรย์ก็ไม่มีนักบุญที่เป็นคนไทย
ผมเคยอ่านประวัตินักบุญบางองค์ ท่านก็สามารถทวีจำนวนอาหารให้มากขึ้นได้เหมือนกัน เช่น นักบุญยอห์นบอสโก ท่านต้องเลี้ยงดูเด็กจำนวนมาก บางครั้งอาหารมีไม่พอ แต่ก็สามารถแจกให้เด็กทุกคนทานได้จนอิ่มแล้วยังมีเหลืออีกด้วย
พระศาสนจักรในปัจจุบันไม่ได้ปฏิเสธอัศจรรย์ แต่พระศาสนจักรยังต้องการอัศจรรย์ เป็นต้น พระศาสนจักรในประเทศไทย เรามีบุญราศีถึง 8 องค์ เราต้องการอัศจรรย์แท้จริงเพื่อที่พระศาสนจักรจะได้แต่งตั้งท่านเหล่านี้ให้เป็นนักบุญ แล้วเราก็ยังมีข้ารับใช้พระเจ้าอีก 1 องค์เป็นพระสงฆ์ซาเลเซียนชาวอิตาเลียน ท่านทำงานและตายในเมืองไทย ท่านเหล่านี้จำเป็นต้องมีอัศจรรย์ เราจึงต้องวอนขอพระพรจากพระเจ้าผ่านทางการวอนขอของท่านเหล่านี้ คงไม่มีพระสงฆ์ไทยคนไหนที่กล้าพูดว่าไม่ต้องการอัศจรรย์ เพราะถ้าไม่มีอัศจรรย์ก็ไม่มีนักบุญที่เป็นคนไทย
แก้ไขล่าสุดโดย Andreas เมื่อ พฤหัสฯ. ม.ค. 26, 2012 8:56 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
- ~@Little lamb@~
- Defender of lawS
- โพสต์: 9396
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:00 pm
- ติดต่อ:
คิดว่าทำไมหลาย ๆคนถึงคิดว่า อัศจรรย์มีแต่ในอดีต
คิดว่าทำไมหลาย ๆคนถึงคิดว่า อัศจรรย์ต้องเกิดกับนักบุญเท่านั้น
คิดว่าทำไมหลาย ๆคนถึงคิดว่า เป็นเรื่องต้องห้าม ห้ามพูดหรือเอ่ยถึง
ในเมื่อความเชื่อของศาสนาเรา ก็ทำอัศจรรย์มาตั้งแต่สร้างโลก จนตลอดทุกยุคทุกสมัย
แม้แต่การแต่งตั้งนักบุญ ก็ยังต้องมีอัศจรรย์ยืนยัน
แล้วทำถึงต้องห้าม ต้องหวาดกลัว กลายเป็นว่า
เราต้องหวาดกลัวเวลาเกิดอัศจรรย์กับเรา ต้องห้ามเล่า ต้องเก็บไว้กับตัว
ต้องอย่าทำตัวโดดเด่น เดี่ยวจะโดนเพ่งเล็ง ทำไมจุดไฟแล้วต้องเอาไปซ้อนในถัง
คิดว่าทำไมหลาย ๆคนถึงคิดว่า อัศจรรย์ต้องเกิดกับนักบุญเท่านั้น
คิดว่าทำไมหลาย ๆคนถึงคิดว่า เป็นเรื่องต้องห้าม ห้ามพูดหรือเอ่ยถึง
ในเมื่อความเชื่อของศาสนาเรา ก็ทำอัศจรรย์มาตั้งแต่สร้างโลก จนตลอดทุกยุคทุกสมัย
แม้แต่การแต่งตั้งนักบุญ ก็ยังต้องมีอัศจรรย์ยืนยัน
แล้วทำถึงต้องห้าม ต้องหวาดกลัว กลายเป็นว่า
เราต้องหวาดกลัวเวลาเกิดอัศจรรย์กับเรา ต้องห้ามเล่า ต้องเก็บไว้กับตัว
ต้องอย่าทำตัวโดดเด่น เดี่ยวจะโดนเพ่งเล็ง ทำไมจุดไฟแล้วต้องเอาไปซ้อนในถัง
ผมคิดว่าเรื่องราวต่างๆในพระคัมภีร์ที่จดบันทึกเรื่องราวที่เหนือธรรมชาติของพระเยซูเจ้า เป็นเรื่องจริงครับ ไม่มีสิ่งไหนที่พระเจ้ากระทำไม่ได้ ถ้าเราคิดแบบมนุษย์ก็อยากที่จะเป็นไปได้
แต่กับพระเจ้าไม่มีสิ่งไหนที่เป็นไปไม่ได้ ส่วนคนที่ไม่เชื่อ พูดยังไงก็ไม่เชื่อครับ ในยุคนี้เรื่องอัศจรรย์ก็ยังเกิดขึ้นอยู่เสมอ
แต่กับพระเจ้าไม่มีสิ่งไหนที่เป็นไปไม่ได้ ส่วนคนที่ไม่เชื่อ พูดยังไงก็ไม่เชื่อครับ ในยุคนี้เรื่องอัศจรรย์ก็ยังเกิดขึ้นอยู่เสมอ
-
- ~@
- โพสต์: 2546
- ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 10:54 pm
มองว่าเป็นสิ่งที่เกินสติปัญญาของมนุษย์จะเข้าใจ และเมื่อมนุษย์ที่เต็มไปด้วยความจองหองไม่เข้าใจก็จะรับไม่ได้ ก็เลยใช้ความรู้ที่มีเท่าหางอึ่งของตัวเองตัดสินว่าไม่จริง ทั้งๆที่มนุษย์รู้จักธรรมชาติของสากลจักรวาลไม่ถึง 1% ด้วยซ้ำ
ที่น่าสนใจคือ อัศจรรย์มักเกิดกับผู้เชื่อ หรืออีกนัยคือ ความเชื่อคือประตูสู่การมาของอัศจรรย์จากสวรรค์ คนที่ไม่เชื่อโดยมากเลยยิ่งไม่เจอและยิ่งไม่(กล้า)เชื่อต่อไป ส่วนคนที่เชื่อเจอไปแล้วก็ไม่รู้จะทำให้คนไม่เชื่อเจอบ้างได้อย่างไร
ผมเชื่อว่าข้อความในพระคัมภีร์เป็นเรื่องจิง ไม่มีอะไรที่พระเจ้าทำไม่ได้
อยากให้ทุกท่านเพิ่มพูนประจักษ์พยานส่วนตัว ในพระคริสต์ ผ่านการอ่านพระคัมภีร์ สวดอ้อนวอน เข้าโบสถ์ รับใช้งานของพระเจ้าและพี่น้อง
ประจักษ์พยานส่วนตัว จะทวี ความเชื่อ ความศรัทธา ของเรา
อยากให้ทุกท่านเพิ่มพูนประจักษ์พยานส่วนตัว ในพระคริสต์ ผ่านการอ่านพระคัมภีร์ สวดอ้อนวอน เข้าโบสถ์ รับใช้งานของพระเจ้าและพี่น้อง
ประจักษ์พยานส่วนตัว จะทวี ความเชื่อ ความศรัทธา ของเรา