
เมื่อพูดถึงกระแสเรียก ความรู้สึกภายในคือ พระพรที่ได้รับ ไม่ใช้สิทธิ หันกลับไปยังจุดเริ่มต้นของกระแสเรียก ซิสเตอร์ยอมรับว่า เริ่มจากครอบครัว พ่อ-แม่ เป็นตัวอย่างในการช่วยงานวัดทุกครั้ง และซิสเตอร์ยังจำเหตุการณ์ที่ประทับใจ เมื่อตอนเขียนจดหมายมาสมัตรเข้าอารามได้ดี ซิสเตอร์บอกจุดประสงค์และเรียนอธิการให้ทราบว่า ตนเองเป็นชาวเวียตนามอพยพ บอกอายุ การศึกษา และครอบครัว ประมาณ 5 วันผ่านไป มีจดหมายทางอารมาส่งมา เปิดออกอ่าน มีใจความว่า
" ฉันขอขอบใจหนูมากๆ นะค่ะ ที่มีน้ำใจดี ฉันในนามหมูคณะที่นี้อ่านจดหมายของหนูแล้ว เห็นว่าเขียนซื่อๆ ดีตรงไปตรงมา สำหรับพระเจ้าของเรานั้น ไม่มีใครเป็นคนต่างชาติ เพราะเราต่างมีความเชื่อเดียวกัน ฉันยินดีรับหนูมาอยู่ด้วย เพราะหนูเป็นลูกของพระ มีวิญญาณที่บริสุทธิ์ พระเยซูได้ไถ่แล้ว พระเยซูรักหนูนะค่ะ สุดท้าย ขอพระเยซูและแม่มารีอา ได้อวยพรความตั้งใจดีของหนูเสมอ "
ด้วยความรัก
ซิสเตอร์เซราฟีนา บุญชุบ จารย์อุปการะ อธิการิณี
ซิสเตอร์นั่งอ่านหลายรอบทีเดียวดีใจมากเลย แต่จะบอกพ่อ แม่ อย่างไรดี เพราะเคยพูดแล้ว แต่ยังไม่ได้รับคำตอบจากท่านทั้งสองเลย จดหมายทางอารามมาแล้ว ดีใจจังเลยๆ
กระแสเรียกขั้นต้นของซิสเตอร์สำเร็จได้ เพราะได้รับความช่วยเหลือจากคุณพ่อยวง บัปติสตา พรทวี โสรินทร์ ท่านพามาดูตัว และอนุญาตให้ไปอยู่ที่วัด เพื่อรับการอบรมก่อนเข้าอารามที่กาฬสินธุ์ ประมาณ 2 เดือน และพามาส่งเข้าอาราม วันที่ 24 เมษายน 1989 เข้าเวลา 6.45 หลังมิสซาเช้า และได้รับชื่อ "เฟเดลิส" ตามนักบุญของคณะที่ฉลองในวันนั้น ท่านเป็นมรณสักขีองค์หนึ่งของคณะกาปูชินชาย ชื่อของท่านแปลว่า "ซื่อสัตย์" มีคุณพ่อพรทวี และคุณพ่อวัชรินทร์ ต้นปรึกษา ส่งเข้าประตูอาราม วันนั้นดูยิ่ใหญ่จริงๆ เสียงปรมมือต้อนรับจากบรรดาซิสเตอร์และมอบดอกไม้ให้ คุณพ่อพรทวี บอกแม่อธิการว่า "ผมขอฝากลูกสาวด้วยนะคับ กระแสเรียกเริ่มแต่เช้าตรู่" เหมือนนางมารีอามักดาลา ที่ออกไปคูหาเพื่อนมัสการพระเยซูเจ้า แต่ได้พบพระเยซูกลับเป็นขึ้นมา นำความยินดีมาสู่เธอมากที่สุด จิตใจของซิสเตอร์เวลานั้นก็เช่นกัน ภาพเหล่านี้ยังอยู่ในความทรงจำเสมอ
เวลาที่มีความท้อถอย ซิสเตอร์ได้คิดถึงวันแรกที่ก้าวเข้าอาราม มีความยินดีภายในลึกๆ บอกตรงๆ ว่า ในชีวิตนักบวชของซิสเตอร์ คลื่นลูกท้อ กับคลื่นลูกรัก ยินดีจะมีจังหวะในชีวิตเสมอ มีหลายครั้งหลายครา ขอลากลับ เพราะไม่อยากเดินต่อข้างหน้า แต่ทุกครั้ง อธิการบอกว่าไปสวดก่อน แล้วค่อยกลับมาหาใหม่ ไปสวดก้ไป และการทดลองก็ผ่านไป อีกไม่นานก็ผ่านมา จนถึงอยู่ได้ทุกวันนี้ล่ะนะ
การทดลองที่หนักสำหรับซิสเตอร์คือ เป็นคนที่รักพ่อ แม่มาก อยู่ข้างนอกก็ติดพ่อติดแม่นั้นแแหละ เวลาจะไปไหนต้องไปด้วยเสมอ มีน้อยครั้งที่ไม่ได้ไป และเมื่อ 5 ปีที่ผ่านมา เมื่อทราบว่าพ่อมีเนื้องอกแกนกลางสมอง ทางครอบครัว แม่ และพี่น้องพยายามช่วยชีวิตพ่อสุดความสามารถล่ะค่ะ ตัดสินใจให้พ่อผ่าตัดกัน แต่ตัวซิสเตอร์เองรู้ว่าจะสูญเสียพ่อที่รักอย่างแน่นอน เวลาที่พ่อป่วย ครอบครัวเราต้องกระโจนลงสู่ความลำบากอีกครั้ง แม่โทรมาขอคำภาวนาเสมอ แม่บอกดรคของพ่อ ไม่ใช้กินเงิน แต่สูบเงินเลยละ แถมต้องเฝ้าทั้งกลางวันกลางคืน เพราะต้องช่วยพ่อ ช่วงแรกๆ ของปีที่ผ่าตัด พ่อมีภาวะไข้ ขึ้นๆ ลงๆ ซิสเตอร์ยอมรับว่าปีเหล่านี้ลำบากใจจริงๆ ปีแห่งน้ำตาก็ว่าได้ ใจหนึ่งอยากออกจากนักบวช ไปช่วยดูแลพ่อแทนแม่
ได้เขียนจดหมายบอกแม่ว่า ถ้าไม่ไหวให้บอก ลูกจะลาออกไปดูแลพ่อเอง
แต่แม่สุดจะดีจริงๆ พอได้รับจดหมายโทรมาบอกว่า ซิสเตอร์ไม่ต้องออกมาหรอก แม่และพี่ลำบากพอแล้ว แม่ไม่อยากให้ซิสเตอร์ออกมาลำบากอีกคน แม่ถวายซิสเตอร์แด่พระแล้ว ขอให้สวดให้แม่และพี่ จะได้มีสุขภาพดีดูแลพ่อในเวลานี้ และขอให้ซิสเตอร์เป็นลูกที่ดีของพระเสมอนะ
ซิสเตอร์ก็ตอบ ค่ะ ทุกวันจิตใจซิสเตอร์อยู่ที่ครอบครัว แม้ตัวอยู่ในอาราม ช่วงนั้นสิ่งเดียวที่พยายามทำใจได้คือ " สวดภาวนา " และนิ่งๆ ทุกครั้งที่มีความคิดถึงครอบครัว สิ่งที่ทำมอบถวายแด่พระเยซูเจ้าและแม่พระ ณ ที่นี้ อยากจะขอบพระคุณพระองค์ที่ประทานหมู่คณะที่นี้ ให้กับชีวิตซิสเตอร์ ช่วงที่ซิสเตอร์ยากลำบากพี่น้องและคุณแม่อธิการให้กำลังใจและสวดให้เสมอ ตรงจุดนี้เองที่ทำให้กระแสเรียกมั่นคง จนถึงวันนี้ และที่สำคัญคือ พระวาจา ทุกๆวัน ซิสเตอร์ไม่เคยที่จะไม่อ่าน ซิสเตอร์ผ่านความทุกข์ได้เพราะพระวาจา
ช่วงที่อ่านบ่อยที่สุดคือ ยอห์น บทที่ 18 เป็นต้นไปจนถึงบทที่ 20 ทำไมต้องอ่านบทมหาทรมาน เพราะตรงกับภาวะจิตใจของซิสเตอร์ที่ต้องการคำตอบนะค่ะ
ซิสเตอร์ได้ประสบการณ์ฝ่ายจิตใจมากมาย และทำให้เข้าใจถึงชีวิตตัวเองได้ดี สิ่งที่เล่านี้ไม่ได้ต้องการอวดตัวเองหรือครอบครัว แต่เพื่อจะประกาศถึงพระศิริมงคลของพระเจ้าให้โลกรู้ว่า
เมื่อเราเชื่อในพระองค์เต็มที่ พระก็จะทำงานสร้างสรรค์ของพระองค์ ในชีวิตได้ 100 เปอร์เซ็นต์ และเมื่อผ่านเหตุการณ์ต่างๆ เหล่านี้มา การมองและการเข้าใจชีวิตจะเติมโตและกว้างขึ้น
ขอเพียงอย่าหนี แต่ยอมกระโจนลงสู่ภาวะลำบากด้วยความวางใจ และรักเท่านั้น ทุกสิ่งจะอุบัติขึ้นมาใหม่ อยากทิ้งบทเพลงนี้ ไว้ในใจ คือ " ความยินดีเปี่ยมล้นในใจฉัน ดังดอกไม้ผลิบานแย้มกลีบออก เหตุเพราะความขื่นข่มเมื่อวันก่อน พระบันดาลเปลี่ยนเป็นพระคุณ พระพร "
ด้วยความเคารพและภาวนาให้
จากหนังสืออนุสรณ์ 25 ปี แห่งพระพร คณะซิสเตอร์กลารีส กาปูชิน อารามราชินีแห่งสันติภาพ 1986-2011
### วันนี้เอาเรื่องเดียวก่อนนะคับ เดี๋ยวว่างๆๆๆ จะพิมพ์ลงอีก จะได้เป็นพระพรกับทุกๆ คนที่ได้อ่านคับ
