oasisman เขียน:ค่อยข้าง งง เลยทีเดียวครับ
สวัสดีครับ คุณ
oasisman
เบื้องต้นขอต้อนรับคุณ
oasisman เข้าสู่ดินแดนแห่งพันธสัญญา และการดำเนินชีวิตตาม
พระหรรษทานของพระเป็นเจ้า...
ศาสนาเป็นเรื่องของ
ความเชื่อ ความศรัทธา และการศึกษา ครับ จะมีอย่างใดอย่างหนึ่ง
นั้นคงเข้าถึง
"แก่น" ของแต่ละศาสนายากยิ่ง
oasisman เขียน:มาถึงเห็นคนเอามือแตะฟองน้ำแล้วแปะหัว ผมก็ทำตาม
คาทอลิกเรานั้นเมื่อก่อนที่เราจะเข้าโบสถ์ เราจะเอานิ้วแตะที่น้ำเสก ที่ชุบอยู่กับฟองน้ำ
แล้วทำสัญลักษณ์
เดชะพระนาม พระบิดา และพระบุตร และพระจิต อาแมน...
เรียก
พระตรีเอกนุภาพ
"ไม่ใช่เอามือแตะฟองน้ำแล้วแปะหัว" ครับ ... มันยิ่งใหญ่มากกว่าความคิดตื้น ๆ เช่นนั้น
ทางพุทธเรียก สิ่งเหล่านี้ว่า ...
"สมาธิ" ทางอิสลามเรียก
“ยัซกุรูน” ทางคาทอลิกเราก่อน
เข้าโบสถ์ถึงต้องทำสัญลักษณ์ ที่ว่าเพื่อให้เราเตรียมพร้อม เพื่อระลึกตัว และมีสมาธิในการ
ใช้เวลาพูดคุยกับพระเจ้า ไงครับ ซึ่งทุกศาสนามีกุศโลบายธรรม ที่ต่างกันไปแต่มีจุดหมาย
เดียวกัน คือ การเตรียมตัวให้พร้อม และมีสมาธิ ทางพุทธอาจจะเป็นการถอดรองเท้า กราบ
พระแบบเบญจางคประดิษฐิ์(เพื่อระลึกถึงสิ่งสูงสุดทั้ง 5 คือ พระรัตนตรัย คือ พระพุทธ พระ
ธรรม พระสงฆ์ และปูชนียสถาน ปูชนียวัตถุที่เกี่ยวกับพระรัตนตรัย) ส่วนในทางทางอิสลาม
ต้องมีการทำความสะอาดร่างกาย ก่อนเข้ามัสยิดละหมาด คือ การชำระล้างมือ ปาก จมูก
ใบหน้า แขน ศีรษะ หู และเท้า...ทุกศาสนามีเหมือนกัน
นั่นคือการแสดงความเคารพ ยำเกรง ... และคนต่างศาสนนิก ที่เข้ามาควรให้เกรียติ และ
ทำความเข้าใจ อย่างน้อย ๆ
ควรมีภูมิปัญญาเบื้องต้น ก่อนที่จะเดินเข้าในโบสถ์
เพราะโบสถ์ไม่ใช่ที่สาธารณะ แต่เป็นที่ของพระเจ้า
ถ้าเป็นพี่น้องมุสลิม
นครมักกะฮ์ ที่ใช้เป็นที่ประกอบพิที่หัจญ์ ถือเป็น
แผ่นดินหะรอม
(แผ่นดินต้องห้าม) จะไม่ให้พี่น้องต่างศาสนิกเข้าในพื้นที่ดังกล่าวเลย
oasisman เขียน:
เข้าไปให้นั่งก็นั่ง ให้ยืนก็ยืน ให้คุกเข่าก็ทำตาม แต่ เค้าร้องเพลงกันอะ ผมก็ไม่รู้จะร้องอะไร - -"
พอ นั่ง ๆ ยืน ๆ
การนั่ง ยืน และคุกเข่า และร้องเพลง เป็นภาคพิธีกรรม การนั่ง ยืน และคุกเข่า เพื่อเป็น
การพลีกรรม ทรมานตนเอง และเพื่อเตือนให้คริสชนรู้ว่า ไม่ว่าเราจะยิ่งใหญ่เพียงใดใน
โลกมนุษย์ แต่เราต่ำต้อยเสมอเมื่ออยู่ต่อหน้าพระองค์
เพลงที่ขับร้องนั้น คริสตชนเราใช้เวลาทั้งชีวิต ตั้งแต่แรกเกิด เด็กจะซึมซับเพลง ต้องมี
การเรียนคำสอน เรียนขับร้องเพลง ทางพิธีกรจะบอกให้เปิดหนังสือเพลงหน้าไหน ซึ่ง
เดี๋ยวนี้โบสถ์ใหญ่ ๆ ใน กทม. และต่างจังหวัด มีป้ายไฟบอก ขอให้คุณ
oasisman มองไป
ที่ด้านหน้าจะมีจอไฟ(ทั้งด้านซ้ายและขวา) บทเพลงในศาสนาคริสต์ เป็นบทเพลงที่
ร้องไม่ยาก การแต่งด้วยโน๊ตไม่ซับซ้อน มีคีย์เดียว ร้องตามเค้าไม่กี่ครั้งก็ติดหู เข้าใจ
ง่าย คำร้อง ทำนองส่วนใหญ่ มีทั้งที่แต่งโดยบาทหลวง ซิสเตอร์ ในไทย และแปลมา
จากคำร้อง ทำนอง จากต่างประเทศ เช่น อิตาลี ,ฝรั่งเศส และภาษาละติน
oasisman เขียน:
แล้วคนอื่นก็ไปต่อคิวกินขนมปังกนแต่ผมไม่ได้ไปต่อกิน ลำบากดีเหมือนกันครับ
ไม่ใช่การต่อคิวกินขนมปัง ครับ เป็นแก่นของคริสตชน ในพิธีบูชามิสซาเหล่าคริสตชน
(ซึ่งทุกศาสนา ทุกผู้คนที่เข้าร่วมควรให้เกียรติสูงสุด และสงบเสงี่ยม ในช่วงเวลาดัง
กล่าว) แผ่นปังนั้นแทนพระกายของพระเยซูเจ้า ที่มอบให้มนุษย์ทุกคน ในศาสนาคริสต์
นิกายโรมันคาทอลิก เราเชื่อว่าพระเยซู คือ บุตรของพระเป็นเจ้า คือ พระเจ้าแท้และ
มนุษย์แท้ พระองค์ทรงพลีร่างกายของพระองค์เพื่อไถ่บาปมวลให้แก่มนุษยชาติ
ซึ่งพิธีมิสซาภาคถวาย เอามาจาก
Last Supper หรือ
พระกระยาหารค่ำมื้อสุดท้าย
ซึ่งเป็นพระกระยาหารที่พระเยซูประทานแด่ สานุศิษย์ทั้ง 12 องค์
แ่ก่น ของ
พิธีมิสซา อยู่ที่หัวใจ 2 เรื่องครับ
1. การแก้บาป ก่อนที่คริสตชน จะเข้าร่วมพิธีมิสซา ตรงนี้ คนต่างศาสนาหลายท่านมี
ความเข้าใจที่ผิด ชอบแซวว่า "คนคริสต์นี่ดีนะ ทำบาปแล้วก็แก้ได้" จริง ๆ แล้ว บาป
นั้นก็เหมือนกับ
กรรม ในทางศาสนาพุทธ ซึ่งไม่สามารถ
ตัดกรรม ได้...
เพียงแต่พิธีกรรม
ต้องการให้ระลึก และรู้สึกตัว ว่าเราได้ทำอะไรลงไป และตระหนัก
ในสิ่งที่ทำไปว่าผิดพระบัญญัติของศาสนา และจะไม่ทำสิ่งนั้นอีก พร้อมยินดีชดใช้
โทษ ในสิ่งที่ทำไป ซึ่งตรงนี้พระสงฆ์จะมอบกิจใช้โทษบาป ให้ผู้ที่แก้บาป ได้ทำ ซึ่ง
ส่วนใหญ่ เป็นการสวดภาวนา
2. การออกไปรับศีลมหาสนิท ก่อนออกพิธีกรในโบสถ์จะประกาศออกไมค์ ชัดเจนว่า
เป็น
พิธีที่สงวนไว้สำหรับคริสตชนที่เตรียมตัวดีแล้วเท่านั้น (คือ ไม่ใช่คริสตชนทุกคน
จะไปรับได้ เค้าใช้คำว่า
"คริสตชนที่เตรียมตัวดีแล้วเท่านั้น" ซึ่งถ้าแม้เราเป็นคริสตชน
แต่ไม่ไ้ด้เตรียมตัวให้ดี แล้วออกไปรับศีล ทางคาทอลิกเราเรียก
"ทุรจารศีล")
การรับศีล หมายถึง การรับพระกายของพระคริสตเจ้า เข้ามาอยู่ในกายของเรา ซึ่งจะ
เป็นสิ่งที่ย้ำเตือนเหล่าคริสตชน ในการรักษาศีล ทำตัวให้เป็นคนดี รู้จักการให้ และ
สำคัญคือ การให้อภัย ทำตนเองให้มีคุณค่าต่อสังคม และผู้คนรอบข้าง
oasisman เขียน:
วันนี้เค้าพูดถึงนักบุญ 2 คนนะครับ
เป็นช่วงที่พระสงฆ์ เทศน์ ซึ่งส่วนใหญ่จะเอามาจากพระวรสาร ที่เป็นบทอ่าน ณ สัปดาห์
นั้น ๆ ซึ่งแล้วแต่กุศโลบาย หรือจิตวิทยาของพระสงฆ์แต่ละท่าน ตรงนี้ทางพุทธก็เหมือน
กัน การที่พระเทศน์ ก็มีสไตล์ที่่ต่างกัน
ศาสนาทุกศาสนา สอน ใ้ห้คนทุกคนเป็นคนดี สอนให้รู้จักการให้ การอยู่ร่วมกับผู้อื่น
อย่างสันติสุข และการให้อภัยซึ่งกันและกัน...
ศาสนาทุกศาสนาเป็นเรื่อง สุขุม คัมภีรภาพ (สุขุมลุ่มลึก)
"ด้วยเหตุนี้ เมื่อพระพุทธองค์ ทรงตรัสรู้ ทรงได้พิจารณาธรรมที่พระองค์ตรัสรู้
เป็นเวลา ถึง 7 สัปดาห์ ทรงเห็นว่าพระธรรมที่พระองค์ทรงบรรลุนั้นมีความละเอียด
อ่อน สุขุมคัมภีรภาพ ยากต่อบุคคลจะรู้ เข้าใจและปฏิบัติได้ ทรงเกิดความท้อพระทัย
ว่าจะไม่แสดงธรรมโปรดมหาชนแต่หลังจากพระองค์ได้ทรงพิจารณาอย่างลึกซึ้ง แล้ว
ทรงเห็นว่าบุคคลในโลกนี้มีหลายจำพวก บางพวกสอนได้ บางพวกสอนไม่ได้ เปรียบ
เสมือนบัว 4 เหล่า ดังนั้นแล้วจึงตัดสินใจที่จะแสดงธรรมเพื่อมวลมนุษยชาติต่อไป"
ดังนั้นการจะศึกษาศาสนาใดให้ถ่องแท้ และไม่เข้าใจแบบงู ๆ ปลา ๆ นั้นต้องใช้หลักง่าย ๆ
ที่เราเรียน มาแต่เด็ก ๆ คือ
สุ จิ ปุ ลิ คือ ฟัง คิด ถาม และ เขียน ครับ
oasisman เขียน:
ปล. ไปวัดอัครเทวดาราฟาเอลมา รอบ 6 โมงเช้า ตื่นตั้งแต่ตี 4 ครึ่ง บ้านอยู่ไกล T T
ความพยายามและความศรัทธา สูง ครับ
ขอพระเจ้าอวยพร ครับ
หากคุณ
oasisman มีความประสงค์ และมีความศรัทธาอยางแรงกล้า มีความเชื่อให้พระเจ้า
และมีความประสงค์จะเข้าเป็นคาทอลิก ผมแนะนำด้วยความจริงใจว่า ติอต่อไปหาคุณพ่อ
เจ้าอาวาท หรือ คุณพ่อปลัด ที่...
วัดอัครเทวดาราฟาแอล ปากน้ำ
โทรศัพท์
02-701-7046, 02-701-7047
http://www.raphael-church.com/index.php ... est01.html
อย่าเข้ามาศึกษาแบบคิดไปเอง แบบ...
"เอามือแตะฟองน้ำแล้วแปะหัว"
"การต่อคิวกินขนมปัง"
มันจะเป็น แบบ
อหิงสกกุมาร หรือ
องคุลิมาล คือ
คิดดี แต่ไปผิดทาง
จึงเห็นผิดเป็นชอบไล่ฆ่าคนนึกว่าคือการปลดปล่อย (หากไม่เคยอ่านประวัติท่าน เรียนเชิญ
ตาม Link นะครับ)
http://www.dharma-gateway.com/monk/grea ... e-marn.htm
โดย : ฟรังซิสโก ณัฐวุฒิ เดินทางทุกที่ ที่มีพระองค์