หน้า 1 จากทั้งหมด 1

ไม่มีใคร... พูดกับเราเลย

โพสต์แล้ว: ศุกร์ ม.ค. 18, 2013 9:22 am
โดย Dominic
ลูกที่รัก...ลูกมาวัด เพื่อฟังมิสซา จบแล้วก็กลับออกไป โดยไม่ได้พูดกับเราเลย... เราอยากคุยกับลูก แต่ลูกก็ไม่พูดกับเรา เราออกจากตู้ศีลลงไปหาลูกที่ม้านั่งในวัด แต่ลูกก็คิดว่า เราอยู่แต่ในตู้ศีลเท่านั้น...

ที่จริงเราออกไปต้อนรับลูก ตั้งแต่ลูกเดินอยู่หน้าวัด แล้วเดินเคียงข้างลูกเข้ามาวัด นั่งเบียดกับลูกอยู่ติดกับหัวใจลูกเลยล่ะ

ก่อนเริ่มมิสซา เราเห็นลูกท่องบทสวดประคำแข่งกันใหญ่ พยายามให้จบเร็วๆ ไม่เห็นลูกพูดกับเราเลย ลูกไม่รู้ตัวว่าลูกสวดคำอะไรออกไปบ้าง กำลังพูดอยู่กับใคร เขาอยู่ตรงไหน อยู่ห่างจากลูกกี่ก้าว เขาแต่งตัวอย่างไร รูปร่างเขาเป็นอย่างไร กำลังฟังลูกอยู่หรือเปล่า ลูกไม่รู้คำสวดของลูกด้วยซ้ำไป ก้มหน้าก้มตาร่ายเวทมนต์... เดี๋ยวก็อาแมน... เดี๋ยวก็อาแมน... วนเวียนท่องบทสวดอวดกันใหญ่

เราเวทนาลูก สงสารลูกจริงๆ พอถึงมิสซา ลูกก็ผุดลุกยืน ลุกนั่ง ลุกนั่งทำตามที่คนในวัดเขาทำกัน พระสงฆ์พูด ลูกก็พูดโต้ตอบไปตามตัวบท กฎข้อบังคับทำไปตามธรรมเนียมประเพณีของศาสนา ลูกไม่รู้ด้วยซ้ำไปว่า เราได้เสด็จมาบนแท่นบูชา เราตาย... และกลับคืนชีพต่อหน้าลูกขณะนั้นจริงๆ และเราได้ประทับอยู่ในศีลมหาสนิทก็เพื่อลูกเท่านั้น

เมื่อจบมิสซา เราเห็นหลายคนดีใจ รีบออกจากวัด เหมือนคนพ้นโทษ ทิ้งเราไว้ในวัดอย่างเคย ยังดีที่หันมาล่ำลาเราบ้างที่ตู้ศีล... ที่จริง... เราออกมายืนรออยู่นอกตู้ศีลแล้ว เราแต่งตัวเสียใหม่ ใส่ชุดออกนอกบ้าน เพราะรู้ว่า ประเดี๋ยวจะต้องมีคนมาชวนเราออกจากวัดไปกับเขา... เขาจะพาเราไปเยี่ยมบ้าน... เยี่ยมญาติของเขาที่ป่วยอยู่ที่บ้าน... เขาอยากให้เห็นความทุกข์ ความยากจนของเขา... แน่นอนเขาต้องการให้เราช่วย

ดังนั้น เขาจะต้องพาเราไปเขาแน่ๆ เราจึงไปยืนคอยอยู่กลางวัด... คนแล้วคนเล่า ต่างคนต่างเดินออกจากวัดไป... ไม่มีใครพูดกับเราเลย... จริงๆหรือนี่... ไม่แน่นะ... คนมาวัดตั้งเยอะ คงต้องมีสัก 10 คน ที่คิดถึงเราบ้าง

โอ... ตอนนี้เหลือคนในวัดอีก 5 คน เท่านั้น เรา...ชักหน้าถอดสี ปลอบใจตัวเองว่า คงไม่แต่งตัวมารอเก้อนะ แต่แล้วอีก 4 คน ก็เดินคุยกันพ้นประตูวัดไป... เรารีบก้าวไปหาคนสุดท้ายที่เหลืออยู่ เขาเดินจ้ำไปเกือบถึงประตูออกแล้ว เขาเอาหนังสือสวดไปเก็บ แล้วก็ไปคุกเข่าสวดที่รูปปั้นพระแม่ของเรา เราแอบไปอวยพรเขาอยู่ข้างหลัง เขาลุกขึ้นกลับหลังโค้งไหว้งามๆ มายังตู้ศีลอีกครั้งหนึ่ง เราถลาไปยืนรับไหว้เบื้องหน้าเขาทันที ด้วยรหัสธรรมล้ำลึก ที่เราแฝงพระวรกายกำบังมิให้ใครเห็น เหมือนกับที่ซ่อนเร้นพระกายของเราในศีลมหาสนิทนั่นแหละ เขาจึงมองไม่เห็นเรา

เขาจุ่มน้ำเสก... แล้วก็... เดินออกจากวัดไป... เป็นคนสุดท้าย เราน้ำตาคลอ... แต่งตัวมาคอยเก้อ... ไม่ใครพูดกับเราเลย... เรารู้สึกอับอาย ต่อหน้าเทวดาทั้งหลายที่รายล้อมอยู่รอบตู้ศีล มีนักบุญหลายองค์และพระแม่ของเราก็อยู่ที่นั่นด้วย...
บรรยากาศรอบตู้ศีลเงียบเหงาเหมือนเช่นเคย... เราเดินก้มหน้า กลับเข้าไปขังตัวเองในตู้ศีลอย่างเดิม... พลันได้ยินเสียงของพระแม่ของเราปลอบใจว่า... ทนรออีกหน่อยลูกแม่... อาทิตย์หน้าแม่จะพา... "คนที่ไม่ใจดำ" มาหาลูก...

อย่าทำกับพระ เหมือนพระองค์มีตัวตนเพียงเพราะบทภาวนาที่เราอยากให้พระองค์มีตัวตนเท่านั้น แต่รักพระองค์เฉกเช่นที่พระองค์ทรงรักเราด้วย เราคงอยากให้พระองค์เช็ดน้ำตาจากใบหน้าเรา แต่เราคงไม่อยากเช็ดน้ำตาจากพระพักตร์พระองค์หรอกใช่ไหม...

Re: ไม่มีใคร... พูดกับเราเลย

โพสต์แล้ว: อังคาร ม.ค. 22, 2013 9:10 pm
โดย rosa-lee
พระเยซูเจ้าข้า ลูกรักพระองค์ ขอให้ลูกมีความวางใจในพระองค์ มากขึ้น. :s005: :s005:

Re: ไม่มีใคร... พูดกับเราเลย

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ก.พ. 07, 2013 11:26 pm
โดย NIVNIX
พระเจ้าข้าลูกช่างเป็นคนบาปเหลือเกิน มีหลายครั้งที่ลูกเข้าโบสถ์แล้วไม่มีสมาธิกับการนมัสการ :s008: แต่พระองค์ก็ยังรักลูกเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลงไปเลยสักนิด พระองค์ทรงอยู่ข้างลูกเสมอ มีแต่ลูกที่บางครั้งไม่คิดถึงพระองค์ หลงไปกับสิ่งต่างๆบนโลก แต่พระองค์ก็ยังทรงรักลูกไม่เปลี่ยนแปลงไปสักนิดเดียว :s008:
ขอบพระคุณพระเจ้า พระบิดาที่แสนดีเสมอ :s002: