เปลี่ยนคนรักให้เป็นเพื่อน (เรื่องดีดี ที่อยากให้อ่าน)
- St. AnGeLA MeriCi
- โพสต์: 286
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ก.ย. 05, 2005 12:50 pm
เปลี่ยนคนรักให้เป็นเพื่อน
เมื่อถึงวันหนึ่งที่ความสัมพันธ์ของคนสองคนที่เคยรักกันที่สุดต้องสะดุดหยุดลงด้วยเหตุผลกลใดก็ตาม
คนเคยรักกัน จะเปลี่ยนแปรสถานภาพเป็น คนอื่น ที่เฉยชา ห่างเหิน และไม่เข้าใจกันเลยเชียวหรือ
เป็นไปได้หรือไม่ที่ทั้งคู่จะเปลี่ยนมาเป็น เพื่อนที่ดีต่อกันและถ้าเป็นเช่นนั้นได้จริงจะดีอย่างไร
เราเคยได้ยินอยู่เสมอ ๆ ว่า คู่รักที่แตกหักเลิกรากันไปแล้วจะไม่ค่อยพูดคุยสุงสิงกัน เจอหน้าหรือเดินสวนกันอย่างมากก็แค่ทักทาย ไม่มีการพูดคุยถามไถ่กันมากกว่านั้น หรือบางคู่แทบจะไม่ยอมมองหน้ากันอีกเลย ทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้านั้นอยู่ติดกันเป็นปาท่องโก๋
แต่ถ้าลองพิจารณาดูให้ดีแล้ว ถ้าไม่มีสาเหตุใดร้ายแรงถึงขั้นต้องเลิกคบกันไปเลย เราก็น่าจะยังคบหาเป็นเพื่อนกับคนที่เคยรักกันได้ แถมน่าจะเป็นเพื่อนที่ดีกว่าเพื่อนคนอื่นเสียด้วยซ้ำไป
ลองมาปรับความคิดใหม่ เปลี่ยนคนที่เคยรักให้เป็นเพื่อนเสียน่าจะดีกว่าไหม
คนพิเศษที่ได้เรียนรู้กันแล้ว
คนรักคือคนที่พร้อมจะเป็นทุกสิ่งทุกอย่างของกันและกัน เป็นคู่ชีวิตร่วมทุกข์ร่วมสุขกันไปตราบจนชีวิตจะหาไม่ โดยเฉพาะในทางกฎหมาย เมื่อผ่านการจดทะเบียนสมรสแล้ว ถือว่าคนสองคนนั้นเป็นบุคคลคนเดียวกันเลยทีเดียว
แล้วที่จะเป็นเช่นนั้นได้แสดงว่าจะต้องใช้เวลาเรียนรู้จนเข้าใจซึ่งกันและกันเป็นอย่างดีมาแล้ว ซึ่งในขณะที่ความรักยังสดใสคงไม่มีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งคิดว่าเป็นการสูญเสียหรือสิ้นเปลืองเวลาแต่อย่างใด
แต่ทว่าวันหนึ่งเมื่อสัมพันธภาพขาดสะบั้นลง จะมีใครคิดบ้างไหมว่า ช่วงเวลาที่ได้เรียนรู้ซึ่งกันและกันจนรู้จักกันอย่างลึกซึ้งนั้น จะเป็นช่วงเวลาที่สูญเสียไปโดยเปล่าประโยชน์
หากเขาไม่เหมาะที่จะเป็นคนรักของเราจริง ๆ ก็น่าจะยังพอคบหาสมาคมเป็นเพื่อนฝูงกันต่อไปได้ไหมเพราะเราต่างก็ได้ใช้เวลาศึกษาตัวตนกันมาแล้วระยะหนึ่ง
ทุกวันนี้ หลายคนเฝ้าเสาะหาเพื่อนใหม่ ผู้คนจำนวนมากเลือกหาวิธีการที่จะได้พบได้รู้จักผู้คนใหม่ ๆ เพื่อมาเป็นเพื่อน ทั้ง ๆ ที่เมื่อรู้จักกันแล้วก็ต้องมาศึกษาเรียนรู้กันอีกตั้งมากมาย
แล้วคนที่เราได้เรียนรู้แล้ว แถมยังเคยคิดหรือเตรียมการเอาไว้ว่าเขาจะเป็นคนที่เราจะใช้ชีวิตคู่ร่วมทุกข์ร่วมสุขกันไปตลอดชีวิตล่ะ เราจะทิ้งเขาไปเหมือนขยะที่ไม่มีคุณค่าใด ๆ เลยหรือ
เดี๋ยวนี้แม้แต่ขยะก็ยังนำกลับมารีไซเคิลทำประโยชน์อื่นได้เลย นับประสาอะไรกับคนคนหนึ่ง แถมยังเป็นคนที่เราเคยรู้จักลึกซึ้งเป็นอย่างดีด้วย
การสูญเสียเขาจากความเป็นคนรักอาจจะเป็นความสูญเสียที่ยิ่งใหญ่ แต่การทิ้งเขาไปเปล่า ๆ น่าจะถือเป็นความสูญเสียที่มากมายพอสมควรสำหรับคนที่รู้จักกันอย่างดีแล้ว
เลิกคิดอย่างคนรัก
เมื่อครั้งเป็นคนรักกัน แน่นอนว่าเราต้องตั้งความหวังในตัวเขาไว้มากมาย แถมบางอย่างอาจสูงเลิศเลอเสียด้วยซ้ำไป แต่เมื่อไม่ได้เป็นคนรักกันแล้ว เราก็ไม่ได้ไปคาดหวังให้เขาเป็นอย่างโน้นอย่างนี้ตามที่เราต้องการอีกต่อไป จึงน่าจะปรับเปลี่ยนมาเป็นเพื่อนกันได้ไม่ยาก
ไม่ว่าเขาจะมาสายปล่อยให้เรารอจนก้นชา หรือทำตัวเปิ่นเฉิ่มอย่างไรก็ตาม เราก็ไม่ได้รู้สึกรู้สมอะไรเหมือนครั้งที่เป็นคนรักกันแล้ว
ลองคิดดูว่าใครจะไปเสียหน้าถ้าเพื่อนพูดจาไร้สาระเมื่ออยู่ต่อหน้าธารกำนัล ใครจะไปเดือดร้อนกับเพื่อนที่ใส่เสื้อยับเหมือนไม่ได้รีดหรือผมยุ่งกระเซิงตลอดเวลากันเล่า แม้แต่วันสำคัญหรือโอกาสพิเศษ
ถ้าตอนที่รักกันอยู่ละก็ เราคงจะทั้งเสียใจ ทั้งโกรธ ทั้งอะไรต่ออะไรอีกหลายอย่างผสมปนเปกันเป็นค็อกเทลรสชาติไม่ได้เรื่องอยู่ในหัวใจ แต่พอเขากลายเป็นเพื่อนแล้ว ถึงจะลืมอย่างไรก็ช่าง เพื่อนลืมก็ทวงเอาได้ตรง ๆ เลย ไม่เห็นต้องคิดมาก
คนเคยใกล้ชิดที่รู้ใจกว่า
คนรักกันย่อมเป็นคนที่ใกล้ชิดกันมาก ๆ หรืออย่างน้อยก็ใกล้ชิดกว่าคนอื่นในบางแง่มุม ซึ่งไม่ได้หมายความถึงเฉพาะความสัมพันธ์ทางร่างกาย แต่หมายรวมถึงความเข้าใจในจุดละเอียดอ่อนเล็ก ๆ น้อย ๆ ทางอารมณ์และความรู้สึกบางประการที่คนทั่ว ๆ ไปไม่เข้าใจ หรือไม่แม้แต่จะเคยรับรู้
แม้ว่าเพื่อนที่มีอยู่จะสนิทสนมกันมาก หรือเป็นเพื่อนที่คอยรับรู้เรื่องราวของเราทุกเรื่องก็ตาม แต่จะมีสักกี่คนที่คอยง้องอน ดูแลเอาใจใส่ หรือแม้แต่คอยปรนนิบัติพัดวีให้
ที่สำคัญก็คือ เพื่อนมักไม่รู้รายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ เหล่านั้น เพื่อนมักไม่รู้หรอกว่าเวลาเราเศร้าควรทำอย่างไร เวลาเสียใจเรื่องนี้ต้องทำอย่างโน้น เวลาเสียใจเรื่องโน้นต้องทำอย่างนั้น แต่แฟนหรือคนรักผ่านกระบวนการการเรียนรู้มาแล้วด้วยประสบการณ์โดยตรง จุดนี้จึงน่าจะเป็นข้อได้เปรียบ
เป็นที่ปรึกษาได้ทุกเรื่อง
เพื่อนที่เปลี่ยนสถานะมาจากแฟนเก่าที่เลิกรากันไปแล้วมักจะเป็นที่ปรึกษาที่ดี โดยเฉพาะเรื่องของหัวใจและความรัก เพราะเขาเองเคยอยู่ในสถานะเช่นนั้นด้วยตัวเองมาแล้ว ดังนั้นเมื่อเขาเปลี่ยนมาเป็นเพื่อน ก็ลองแต่งตั้งให้เขาเป็นที่ปรึกษาปัญหาหัวใจเสียเลยเพื่อที่เราจะได้ทำความเข้าใจกับความสัมพันธครั้งต่อ ๆ ไปได้ง่ายขึ้น
ปัญหาที่ที่ปรึกษาคนนี้ถนัดนักหนาเห็นจะเป็นเรื่องเกี่ยวกับสัมพันธ์ภาพระหว่างชายหนุ่มกับหญิงสาว ที่เราอาจจะไปพบพานซ้ำรอยเข้าอีกเป็นรอบที่ 20 หลังจากเลิกราจากเขาไปแล้ว แต่ก็ยังคงแก้ปัญหาด้วยตัวเองไม่ได้ หรือวิเคราะห์ฝ่ายตรงข้ามไม่ถูกต้องเสียที
จึงจำเป็นต้องใช้แฟนเก่าที่เปลี่ยนมาเป็นเพื่อนคนนี้ให้คุ้ม และก็คุ้มจริง ๆ เพราะเขาจะรู้ปัญหาและสถานการณ์ดีราวกับเป็นแม่ของเราก็ไม่ปาน ยิ่งเรื่องทะเลาะเบาะแว้งกับแฟนใหม่หรือหนุ่มรายใหม่ของเราละก็
บางครั้งไม่ต้องเล่ารายละเอียดมากมาย แค่เกริ่นนำเพียงคร่าว ๆ เท่านั้นเพื่อนคนนี้ก็เข้าใจละเอียดราวกับว่าไปนั่งอยู่ในเหตุการณ์กับเราและแฟนใหม่ด้วยอย่างนั้นเลย
ที่สำคัญเขายังสามารถแนะนำเราได้อย่างดีว่า
เมื่อถึงวันหนึ่งที่ความสัมพันธ์ของคนสองคนที่เคยรักกันที่สุดต้องสะดุดหยุดลงด้วยเหตุผลกลใดก็ตาม
คนเคยรักกัน จะเปลี่ยนแปรสถานภาพเป็น คนอื่น ที่เฉยชา ห่างเหิน และไม่เข้าใจกันเลยเชียวหรือ
เป็นไปได้หรือไม่ที่ทั้งคู่จะเปลี่ยนมาเป็น เพื่อนที่ดีต่อกันและถ้าเป็นเช่นนั้นได้จริงจะดีอย่างไร
เราเคยได้ยินอยู่เสมอ ๆ ว่า คู่รักที่แตกหักเลิกรากันไปแล้วจะไม่ค่อยพูดคุยสุงสิงกัน เจอหน้าหรือเดินสวนกันอย่างมากก็แค่ทักทาย ไม่มีการพูดคุยถามไถ่กันมากกว่านั้น หรือบางคู่แทบจะไม่ยอมมองหน้ากันอีกเลย ทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้านั้นอยู่ติดกันเป็นปาท่องโก๋
แต่ถ้าลองพิจารณาดูให้ดีแล้ว ถ้าไม่มีสาเหตุใดร้ายแรงถึงขั้นต้องเลิกคบกันไปเลย เราก็น่าจะยังคบหาเป็นเพื่อนกับคนที่เคยรักกันได้ แถมน่าจะเป็นเพื่อนที่ดีกว่าเพื่อนคนอื่นเสียด้วยซ้ำไป
ลองมาปรับความคิดใหม่ เปลี่ยนคนที่เคยรักให้เป็นเพื่อนเสียน่าจะดีกว่าไหม
คนพิเศษที่ได้เรียนรู้กันแล้ว
คนรักคือคนที่พร้อมจะเป็นทุกสิ่งทุกอย่างของกันและกัน เป็นคู่ชีวิตร่วมทุกข์ร่วมสุขกันไปตราบจนชีวิตจะหาไม่ โดยเฉพาะในทางกฎหมาย เมื่อผ่านการจดทะเบียนสมรสแล้ว ถือว่าคนสองคนนั้นเป็นบุคคลคนเดียวกันเลยทีเดียว
แล้วที่จะเป็นเช่นนั้นได้แสดงว่าจะต้องใช้เวลาเรียนรู้จนเข้าใจซึ่งกันและกันเป็นอย่างดีมาแล้ว ซึ่งในขณะที่ความรักยังสดใสคงไม่มีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งคิดว่าเป็นการสูญเสียหรือสิ้นเปลืองเวลาแต่อย่างใด
แต่ทว่าวันหนึ่งเมื่อสัมพันธภาพขาดสะบั้นลง จะมีใครคิดบ้างไหมว่า ช่วงเวลาที่ได้เรียนรู้ซึ่งกันและกันจนรู้จักกันอย่างลึกซึ้งนั้น จะเป็นช่วงเวลาที่สูญเสียไปโดยเปล่าประโยชน์
หากเขาไม่เหมาะที่จะเป็นคนรักของเราจริง ๆ ก็น่าจะยังพอคบหาสมาคมเป็นเพื่อนฝูงกันต่อไปได้ไหมเพราะเราต่างก็ได้ใช้เวลาศึกษาตัวตนกันมาแล้วระยะหนึ่ง
ทุกวันนี้ หลายคนเฝ้าเสาะหาเพื่อนใหม่ ผู้คนจำนวนมากเลือกหาวิธีการที่จะได้พบได้รู้จักผู้คนใหม่ ๆ เพื่อมาเป็นเพื่อน ทั้ง ๆ ที่เมื่อรู้จักกันแล้วก็ต้องมาศึกษาเรียนรู้กันอีกตั้งมากมาย
แล้วคนที่เราได้เรียนรู้แล้ว แถมยังเคยคิดหรือเตรียมการเอาไว้ว่าเขาจะเป็นคนที่เราจะใช้ชีวิตคู่ร่วมทุกข์ร่วมสุขกันไปตลอดชีวิตล่ะ เราจะทิ้งเขาไปเหมือนขยะที่ไม่มีคุณค่าใด ๆ เลยหรือ
เดี๋ยวนี้แม้แต่ขยะก็ยังนำกลับมารีไซเคิลทำประโยชน์อื่นได้เลย นับประสาอะไรกับคนคนหนึ่ง แถมยังเป็นคนที่เราเคยรู้จักลึกซึ้งเป็นอย่างดีด้วย
การสูญเสียเขาจากความเป็นคนรักอาจจะเป็นความสูญเสียที่ยิ่งใหญ่ แต่การทิ้งเขาไปเปล่า ๆ น่าจะถือเป็นความสูญเสียที่มากมายพอสมควรสำหรับคนที่รู้จักกันอย่างดีแล้ว
เลิกคิดอย่างคนรัก
เมื่อครั้งเป็นคนรักกัน แน่นอนว่าเราต้องตั้งความหวังในตัวเขาไว้มากมาย แถมบางอย่างอาจสูงเลิศเลอเสียด้วยซ้ำไป แต่เมื่อไม่ได้เป็นคนรักกันแล้ว เราก็ไม่ได้ไปคาดหวังให้เขาเป็นอย่างโน้นอย่างนี้ตามที่เราต้องการอีกต่อไป จึงน่าจะปรับเปลี่ยนมาเป็นเพื่อนกันได้ไม่ยาก
ไม่ว่าเขาจะมาสายปล่อยให้เรารอจนก้นชา หรือทำตัวเปิ่นเฉิ่มอย่างไรก็ตาม เราก็ไม่ได้รู้สึกรู้สมอะไรเหมือนครั้งที่เป็นคนรักกันแล้ว
ลองคิดดูว่าใครจะไปเสียหน้าถ้าเพื่อนพูดจาไร้สาระเมื่ออยู่ต่อหน้าธารกำนัล ใครจะไปเดือดร้อนกับเพื่อนที่ใส่เสื้อยับเหมือนไม่ได้รีดหรือผมยุ่งกระเซิงตลอดเวลากันเล่า แม้แต่วันสำคัญหรือโอกาสพิเศษ
ถ้าตอนที่รักกันอยู่ละก็ เราคงจะทั้งเสียใจ ทั้งโกรธ ทั้งอะไรต่ออะไรอีกหลายอย่างผสมปนเปกันเป็นค็อกเทลรสชาติไม่ได้เรื่องอยู่ในหัวใจ แต่พอเขากลายเป็นเพื่อนแล้ว ถึงจะลืมอย่างไรก็ช่าง เพื่อนลืมก็ทวงเอาได้ตรง ๆ เลย ไม่เห็นต้องคิดมาก
คนเคยใกล้ชิดที่รู้ใจกว่า
คนรักกันย่อมเป็นคนที่ใกล้ชิดกันมาก ๆ หรืออย่างน้อยก็ใกล้ชิดกว่าคนอื่นในบางแง่มุม ซึ่งไม่ได้หมายความถึงเฉพาะความสัมพันธ์ทางร่างกาย แต่หมายรวมถึงความเข้าใจในจุดละเอียดอ่อนเล็ก ๆ น้อย ๆ ทางอารมณ์และความรู้สึกบางประการที่คนทั่ว ๆ ไปไม่เข้าใจ หรือไม่แม้แต่จะเคยรับรู้
แม้ว่าเพื่อนที่มีอยู่จะสนิทสนมกันมาก หรือเป็นเพื่อนที่คอยรับรู้เรื่องราวของเราทุกเรื่องก็ตาม แต่จะมีสักกี่คนที่คอยง้องอน ดูแลเอาใจใส่ หรือแม้แต่คอยปรนนิบัติพัดวีให้
ที่สำคัญก็คือ เพื่อนมักไม่รู้รายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ เหล่านั้น เพื่อนมักไม่รู้หรอกว่าเวลาเราเศร้าควรทำอย่างไร เวลาเสียใจเรื่องนี้ต้องทำอย่างโน้น เวลาเสียใจเรื่องโน้นต้องทำอย่างนั้น แต่แฟนหรือคนรักผ่านกระบวนการการเรียนรู้มาแล้วด้วยประสบการณ์โดยตรง จุดนี้จึงน่าจะเป็นข้อได้เปรียบ
เป็นที่ปรึกษาได้ทุกเรื่อง
เพื่อนที่เปลี่ยนสถานะมาจากแฟนเก่าที่เลิกรากันไปแล้วมักจะเป็นที่ปรึกษาที่ดี โดยเฉพาะเรื่องของหัวใจและความรัก เพราะเขาเองเคยอยู่ในสถานะเช่นนั้นด้วยตัวเองมาแล้ว ดังนั้นเมื่อเขาเปลี่ยนมาเป็นเพื่อน ก็ลองแต่งตั้งให้เขาเป็นที่ปรึกษาปัญหาหัวใจเสียเลยเพื่อที่เราจะได้ทำความเข้าใจกับความสัมพันธครั้งต่อ ๆ ไปได้ง่ายขึ้น
ปัญหาที่ที่ปรึกษาคนนี้ถนัดนักหนาเห็นจะเป็นเรื่องเกี่ยวกับสัมพันธ์ภาพระหว่างชายหนุ่มกับหญิงสาว ที่เราอาจจะไปพบพานซ้ำรอยเข้าอีกเป็นรอบที่ 20 หลังจากเลิกราจากเขาไปแล้ว แต่ก็ยังคงแก้ปัญหาด้วยตัวเองไม่ได้ หรือวิเคราะห์ฝ่ายตรงข้ามไม่ถูกต้องเสียที
จึงจำเป็นต้องใช้แฟนเก่าที่เปลี่ยนมาเป็นเพื่อนคนนี้ให้คุ้ม และก็คุ้มจริง ๆ เพราะเขาจะรู้ปัญหาและสถานการณ์ดีราวกับเป็นแม่ของเราก็ไม่ปาน ยิ่งเรื่องทะเลาะเบาะแว้งกับแฟนใหม่หรือหนุ่มรายใหม่ของเราละก็
บางครั้งไม่ต้องเล่ารายละเอียดมากมาย แค่เกริ่นนำเพียงคร่าว ๆ เท่านั้นเพื่อนคนนี้ก็เข้าใจละเอียดราวกับว่าไปนั่งอยู่ในเหตุการณ์กับเราและแฟนใหม่ด้วยอย่างนั้นเลย
ที่สำคัญเขายังสามารถแนะนำเราได้อย่างดีว่า
- Good Nanny
- ~@
- โพสต์: 227
- ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ เม.ย. 13, 2005 10:32 pm
- ที่อยู่: BKK
เฮ้อ~~~~~~~~~~~~
เคยพยายามนะแต่ทำไม่ได้ :(
เคยพยายามนะแต่ทำไม่ได้ :(
- St. AnGeLA MeriCi
- โพสต์: 286
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ก.ย. 05, 2005 12:50 pm
คือว่า ทำไม่ได้เหมือนกัน แต่ถ้าเจอโดยบังเอิญก้อทักทายเหมือนกันนะ *ok
- King Zadin
- โพสต์: 419
- ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ พ.ค. 13, 2005 3:53 am
- ติดต่อ:
ตอนนี้ก็พยายามอยู่ตอนแรกก็กะจะเลิกคบกันไปเลย เหตุผลที่อยากเลิกก็เพราะคิดว่าถ้ายังเจอหน้ากันอยู่ก็ยากที่จะตัดใจ ยิ่งเห็นเค้ามีคนใหม่ก็ปวดใจ แต่คิดๆดูคิดว่าคบกันต่อไปดีกว่าเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน
-
- โพสต์: 1159
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ มิ.ย. 13, 2005 2:03 pm
ช่วงพยายามตัดใจต้องอยู่ห่าง ๆ ให้นึกถึงข้อเสียของเขาที่ทำให้เราปวดใจ แต่อย่าไปเกลียดเขา
พอคิดว่าเราสามารถนึกถึงเขาได้โดยที่ตัวเองไม่รู้สึกอะไรแล้ว ก็ไปทักทาย พูดคุย กันอย่างเพื่อนได้เหมือนเดิม
พอคิดว่าเราสามารถนึกถึงเขาได้โดยที่ตัวเองไม่รู้สึกอะไรแล้ว ก็ไปทักทาย พูดคุย กันอย่างเพื่อนได้เหมือนเดิม
-
- โพสต์: 1159
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ มิ.ย. 13, 2005 2:03 pm
น้อง King
ตอนนี้วัดแม่พระฟาติมา ดินแดง กลับมาคึกคักแล้วนะ วันธรรมดา ก็ยังมีสีสัน ว่าง ๆก็มาเที่ยวนะจ๊ะ
ตอนนี้วัดแม่พระฟาติมา ดินแดง กลับมาคึกคักแล้วนะ วันธรรมดา ก็ยังมีสีสัน ว่าง ๆก็มาเที่ยวนะจ๊ะ
- ~@Little lamb@~
- Defender of lawS
- โพสต์: 9396
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:00 pm
- ติดต่อ:
จะเป็นเพื่อนกันได้ก็ต่อเมื่อเรา
หมดความรู้สึกรัก(แบบแฟน)และเกลียด(ที่ทิ้งเรา)แล้วเท่านั้นคะ
ไม่งั้นนะคะ
ร้อยทั้งร้อย.....ทำใจคบเป็นเพื่อนกันไม่ได้หรอก
ยกเว้นว่า ต่างคนต่างรู้สึกจืดกับความรักนั่นแหละ
ถึงจะเป็นเพื่อนกันได้
ขืนฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งยังรู้สึก รัก/เกลียด อยู่นะคะ
คบเป็นเพื่อนแล้วเจ็บตัว เจ็บใจแน่นคะ หุ หุ หุ
หมดความรู้สึกรัก(แบบแฟน)และเกลียด(ที่ทิ้งเรา)แล้วเท่านั้นคะ
ไม่งั้นนะคะ
ร้อยทั้งร้อย.....ทำใจคบเป็นเพื่อนกันไม่ได้หรอก
ยกเว้นว่า ต่างคนต่างรู้สึกจืดกับความรักนั่นแหละ
ถึงจะเป็นเพื่อนกันได้
ขืนฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งยังรู้สึก รัก/เกลียด อยู่นะคะ
คบเป็นเพื่อนแล้วเจ็บตัว เจ็บใจแน่นคะ หุ หุ หุ
- Good Nanny
- ~@
- โพสต์: 227
- ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ เม.ย. 13, 2005 10:32 pm
- ที่อยู่: BKK
ก้อคงอย่างนั้นแหละค่ะพี่....
ถึงบอกว่ามันเป็นเรื่องไม่ง่ายอ่ะ...........
พูดแล้วเศร้าเจง เจง :'(
ถึงบอกว่ามันเป็นเรื่องไม่ง่ายอ่ะ...........
พูดแล้วเศร้าเจง เจง :'(
-
- โพสต์: 659
- ลงทะเบียนเมื่อ: เสาร์ ก.ย. 10, 2005 2:01 pm
- ที่อยู่: I believe in God...
เป็นเรื่องที่ทำใจได้ยากจริงๆ สำหรับบางคน ::)
- St. AnGeLA MeriCi
- โพสต์: 286
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ก.ย. 05, 2005 12:50 pm
ทำใจยากจริง ถ้าคนรักเก่าทำให้เราเสียใจมากๆ จนไม่สนิทใจที่จะพูดคุย ทั้งที่เมื่อก่อนก้อคุยอยู่กับเค้าทุกวัน เฮ้อ โพลไว้เอง ก้อทำใม่ได้เหมือนกันเพราะว่าโดยหักหลัง เจ็บ... แต่ต้องลืมให้ได้นะ เพราะว่าจะได้ไม่ต้องทุกข์ใจไปมากกว่านี้ อีกทั้งคนที่รักเรายังมีอีกเยอะนะจ๊ะ
ถ้าเลิกกันด้วยดีก้อดีไป แต่ถ้าเลิกกันไม่ดีก้อ....forget but forgive นะจ๊ะ
ถ้าเลิกกันด้วยดีก้อดีไป แต่ถ้าเลิกกันไม่ดีก้อ....forget but forgive นะจ๊ะ
มันก็ทำได้อยู่อะครับ แต่ทั้งสองฝ่ายต้องให้ความร่วมมือและ ชัดเจนที่จะทำด้วย
เพราะจะว่าไปมันก็เสียดายความรู้สึกที่ดีๆ นะครับ ;D
แถมคนบางคน พอเป็นเพื่อนแล้วทำให้เกิดความรู้สึกดีๆต่อกันมากกว่าตอนเป็นคนรักซะอีกนะครับ :P
???แต่ถ้ารู้สึกไม่แน่ใจในความรู้สึก ก็ตัดไปก่อนดีกว่าเดี๋ยวจะกลายเป็นไปให้ความหวังกันอีก
ต่อเมื่อนานๆไป แน่ใจแล้วค่อยมาคบกันใหม่เป็นเพื่อนกันทีหลังก็ได้
เพราะจะว่าไปมันก็เสียดายความรู้สึกที่ดีๆ นะครับ ;D
แถมคนบางคน พอเป็นเพื่อนแล้วทำให้เกิดความรู้สึกดีๆต่อกันมากกว่าตอนเป็นคนรักซะอีกนะครับ :P
???แต่ถ้ารู้สึกไม่แน่ใจในความรู้สึก ก็ตัดไปก่อนดีกว่าเดี๋ยวจะกลายเป็นไปให้ความหวังกันอีก
ต่อเมื่อนานๆไป แน่ใจแล้วค่อยมาคบกันใหม่เป็นเพื่อนกันทีหลังก็ได้
แก้ไขล่าสุดโดย mind เมื่อ จันทร์ ต.ค. 10, 2005 12:53 am, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
- fizzy vippie
- โพสต์: 371
- ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ ม.ค. 26, 2005 10:58 am
ถึงจะไม่ง่าย แต่มันก็ไม่ยากเกินจะพยายามนะคะ
พี่เองก็เคยมีประสบการณ์แบบนี้มากับแฟนเก่า
เราห่างกันไป แล้วเขาก็ไปมีคนอื่น แต่งงานมีลูกเสร็จเรียบร้อย
พอเจอกันอีกที ก็ไม่ได้โกรธ แต่ในใจลึกๆ ยังแอบคิดว่า
เรื่องมันไม่จริง เรายังจะเป็นเหมือนเดิม แต่ก็พยายามข่มใจเอาไว้
แต่พอนานๆเข้า เจอกันอีก หนหลังๆเนี่ย ก็ไม่มีความรู้สึกขัดๆแล้ว
คุยกันได้เหมือนเพื่อนกัน เพราะเคยสัญญาไว้ตั้งแต่เริ่มเป็นแฟนแล้ว
ว่าเราจะเป็นเพื่อนกัน ถ้าความสัมพันธ์แบบแฟนของเราไปไม่ยืด
(แต่ไม่รู้นะ รู้สึกเหมือนทางโน้น จะยัง guilty กับพี่อยู่เล็กๆเลย)
ของแบบนี้ต้องใช้เวลา ยังไงก็สวดเยอะๆ ฝากใจเราไว้กับพระ
ขอพระให้ประทานความบรรเทาใจให้เราด้วย แล้วจะรู้สึกดีขึ้นเอง
พี่เองก็เคยมีประสบการณ์แบบนี้มากับแฟนเก่า
เราห่างกันไป แล้วเขาก็ไปมีคนอื่น แต่งงานมีลูกเสร็จเรียบร้อย
พอเจอกันอีกที ก็ไม่ได้โกรธ แต่ในใจลึกๆ ยังแอบคิดว่า
เรื่องมันไม่จริง เรายังจะเป็นเหมือนเดิม แต่ก็พยายามข่มใจเอาไว้
แต่พอนานๆเข้า เจอกันอีก หนหลังๆเนี่ย ก็ไม่มีความรู้สึกขัดๆแล้ว
คุยกันได้เหมือนเพื่อนกัน เพราะเคยสัญญาไว้ตั้งแต่เริ่มเป็นแฟนแล้ว
ว่าเราจะเป็นเพื่อนกัน ถ้าความสัมพันธ์แบบแฟนของเราไปไม่ยืด
(แต่ไม่รู้นะ รู้สึกเหมือนทางโน้น จะยัง guilty กับพี่อยู่เล็กๆเลย)
ของแบบนี้ต้องใช้เวลา ยังไงก็สวดเยอะๆ ฝากใจเราไว้กับพระ
ขอพระให้ประทานความบรรเทาใจให้เราด้วย แล้วจะรู้สึกดีขึ้นเอง
แก้ไขล่าสุดโดย fizzy vippie เมื่อ จันทร์ ต.ค. 10, 2005 1:13 am, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.