Belong to the Truth Jesus Christ

กรมที่ดิน - กทม.ยอมรับผิดคดีบ้านสีดำ - "รัตนา" ยุติศึก


ภาพประกอบจาก หนังสือพิมพ์เดลินิวส์

เมื่อวันที่ 6 ตุลาคม นายพินิจ จารุสมบัติ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค ได้หารือร่วมกับนายเสน่ห์ จามริก ประธานกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ กรณีนางรัตนา สัจจเทพ เจ้าของบ้านสีดำ ยืนยันความต้องการให้กรมที่ดินและ กทม.ลงโทษผู้กระทำผิด และเมื่อมีการลงโทษข้าราชการที่กระทำผิดแล้ว นางรัตนาจึงจะยอมรับการเยียวยาจากรัฐ

โดย นายพินิจ เปิดเผยว่า ตามที่มีคำสั่งอธิบดีกรมที่ดินเรื่องเพิกถอนรายการจดทะเบียนที่ดิน ลงวันที่ 5 ตุลาคม 2548 แสดงให้เห็นการยอมรับผิดของกรมที่ดิน และกรมที่ดินยืนยันว่าจะเร่งนำตัวคนผิดมาลงโทษโดยเร็วที่สุด

ด้านนายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร(กทม.) กล่าวว่า ในส่วนของกรุงเทพมหานคร แม้จะเคยสอบสวนข้อเท็จจริงมาแล้ว แต่พบว่าอาจจะมีข้อมูลหลักฐานที่ตกล่นหายไป ดังนั้นจะส่งหนังสือไปทาง ป.ป.ช.โดยตรง ถึงการปฏิบัติโดยมิชอบของเจ้าหน้าที่กทม. เพื่อที่ให้ป.ป.ช.สืบสวนทั้งหมด ขอยืนยันว่าจะดำเนินการเพื่อให้ความเป็นธรรมกับนางรัตนา นอกจากนี้ กทม.จะสรุปเรื่องนี้เพื่อเป็นบทเรียน เพื่อเป็นประโยชน์ต่อสังคม

นายเสน่ห์ จามริก ประธานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ แสดงความเห็นว่า ปัญหาดังกล่าวแม้จะถือว่าเป็นเรื่องส่วนตัวของนางรัตนา แต่เมื่อเป็นการกระทบต่อประชาชน ทางออกที่ได้จึงเป็นสัญญาณว่าระบบราชการจะต้องตระหนัก โดยเฉพาะกรมที่ดินยอมรับแล้วว่าเจ้าหน้าที่กระทำการโดยมิชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งจะเป็นต้นเรื่องในการสอบสวนหาผู้กระทำผิดและภาระต่อไป ทั้งนี้ในเรื่องการชดเชย หรือเยียวยา มีการตกลงชัดเจนว่าจะจัดหาบ้านใหม่ให้กับครอบครัวนางรัตนาตามที่ได้ไปหาไว้แล้ว ซึ่งเชื่อว่าจะไม่มีการเกี่ยงงอนในเรื่องของราคา เพราะนางรัตนาถือว่าเป็นผู้รับเคราะห์จากปัญหาที่เกิดจากระบบราชการกว่า 10 ปี

ขณะที่นางรัตนา กล่าวทั้งน้ำตาว่า เรื่องนี้ถือว่าจบแล้ว และขอบคุณทุกท่านที่ช่วยเหลือ และร่วมกันรับผิด รวมทั้งขอบคุณประชาชนทั้งประเทศที่ร่วมให้กำลังใจ จากนี้ไปก็จะรอคำสั่งจากผู้ว่าฯกทม. และจะแถลงข่าวที่ลานคนเมือง โดยขอฝากไปยังสื่อมวลชน และประชาชนที่ให้กำลังใจว่า ขอให้มาร่วมกันเพื่อยืนยันว่าเจ้าหน้าที่รับผิดแล้ว และจะเดินทางไปยังป.ป.ช.ด้วยกัน เพื่อยื่นหนังสือว่ากรมที่ดิน และกทม.ร่วมรับผิดแล้ว เรื่องทั้งหมดจบแล้ว แต่จะยังพักอยู่ที่ลานคนเมือง จนกว่าผู้ว่าฯกทม.จะนำหนังสือมาให้ด้วยตัวเอง

น่ายินดีครับที่ในสังคมยังมีคนยอมสู้ ถึงแม้ความหวังจะแทบมองไม่เห็น

ไม่ปล่อยให้ความอยุติธรรมในวงการราชการต้องดำเนินต่อไป

ผู้ที่เดือดร้อนคือ ประชาชาชนตาดำๆ

ผมติดตามข่าวนี้มานานครับ สุดท้ายพระเจ้าก็ทรงพระเมตตาต่อครอบครัวคุณรัตนา

ขอขอบพระคุณพระเป็นเจ้าที่ทรงพระกรุณา อัลเลลูยา

ดีครับที่พระเจ้าช่วยเหลือเจ้าของบ้านให้ชนะคดี ขอให้สู้ความยากจนต่อไปนะครับ เอาใจช่วย

เย้ มาดีใจด้วยครับ >:(

เป็นตัวอย่างที่ดีค่ะ เป็นนิมิตหมายอันดีว่า ประชาชนจะไม่ถูกทอดทิ้ง

อยากเห็นข้าราชการไทย ไม่เอารัดเอาเปรียบประชาชน

จนบางคนเบื่อที่จะเรียกร้องความเป็นธรรม

แต่ก็น้อยคนนักที่จะยอมต่อสู้จนถึงที่สุดเช่นกรณีนี้

เหอะๆ รู้เบื้องหลัง คุณเจ๊เนี่ย แล้วอาจไม่สงสารน้า
ได้ข่ามาว่าเจ๊แกจาเอาบ้านจากกทม.ราคาเป็นสิบล้านอ่า
ทั้งๆที่บ้านที่เจ๊ซื้อราคาล้านกว่าๆเองมั้ง

เราต้องต่อสู้เพื่อให้ได้มาซึ่งความยุติธรรม
คนดีพระย่อมคุ้มครองอยู่แล้วค่ะ
เราก็ยินดีกับครอบครัวนี้ด้วยเนอะคะ
^__^
. . . .

bouquet เขียน: เหอะๆ รู้เบื้องหลัง คุณเจ๊เนี่ย แล้วอาจไม่สงสารน้า
ได้ข่ามาว่าเจ๊แกจาเอาบ้านจากกทม.ราคาเป็นสิบล้านอ่า
ทั้งๆที่บ้านที่เจ๊ซื้อราคาล้านกว่าๆเองมั้ง

เขาอาจจะคิดว่านี่คือการชดเชยความทุกข์ที่เขาต้องทนรับจากการกระทะของข้าราชการก็ได้

bouquet เขียน: เหอะๆ รู้เบื้องหลัง คุณเจ๊เนี่ย แล้วอาจไม่สงสารน้า
ได้ข่ามาว่าเจ๊แกจาเอาบ้านจากกทม.ราคาเป็นสิบล้านอ่า
ทั้งๆที่บ้านที่เจ๊ซื้อราคาล้านกว่าๆเองมั้ง

หากพูดเป็นกลางๆแล้ว เจ๊แกก็ใช่ย่อยนะ แล้วแกตอนเริ่มต้นก็ไม่ลงให้กับเจ้าหน้าที่ด้วย หากยอมจ่าย(นิดหน่อย)เรื่องคงไม่บานปลายไปขนาดนี้ เจ้าหน้าที่เงินเดือนน้อยจะตาย น่าจะถือว่าช่วยๆกัน ต่างฝ่ายต่างไม่ลง เรื่องเลยยาวขนาดนี้ แต่ก็ยอมรับกว่าเจ๊แกก็ทรหดน่าดู แต่หากเป็นผม ยอมจ่ายตอนแรก แล้วเอาเวลาที่ต่อสู้กับเจ้าหน้าที่ ไปทำมาหากิน หรือเมคมันนี่ดีกว่า อันนี้ผมมองอีกมุมมองหนึ่งนะครับ

ขอพระอวยพรทุกท่านครับผม