สันติสุขในพระคริสต์
โพสต์แล้ว: จันทร์ ต.ค. 10, 2005 7:52 pm
ช่วงนี้ที่บ้านมีปัญหาเยอะมากๆ
คุณแม่ไม่สบายโดยไม่ทราบสาเหตุ ต้องใช้เงินรักษา ที่บ้านค่อนข้างลำบาก
เอกสารการไปราชการชายแดนของคุณพ่อหายไปจากต้นสังกัด ทำให้ต้องถูกหักบำนาญเดือนละ 3 พันไปตลอดชีวิต
น้องสาวทำวิทยานิพนธ์เสร็จ มหาลัยบอกว่า ระเบียบเรื่องการทำวิทยานิพนธ์แล้วไม่ต้องสอบคอมพรีเอนชั่นอนุมัติไม่ทัน (เตะถ่วงเรื่องกัน2 ปีกว่า)
สรุปว่า คนที่ทำวิทยานิพนธ์ก็ต้องสอบคอมพรีด้วย และจะต้องสอบ 7 วิชาภายใน 1 อาทิตย์ โดยไม่ได้เตรียมตัวล่วงหน้าเลย
และถ้าสอบไม่ผ่าน ก็จะไม่จบ ทั้งๆที่เรียนครบแล้ว และทำวิทยานิพนธ์เลือดตาแทบกระเด็นกว่าจะเสร็จ
(ถ้าคนทำวิทยานพนธ์จะต้องสอบคอมพรีด้วย แล้วจะทำไปทำไม สู้สอบคอมพรีอย่างเดียวไม่ดีรึ)
ไม่รู้อะไรเรื่องแย่ๆมันเข้ามาพร้อมๆกัน เครียดมากๆ
เครียดที่สุดก็คือเรื่องที่เกิดกับครอบครัว โดยที่เราช่วยอะไรไม่ได้เลย
เมื่อวันเสาร์ก็เลยไปร้องไห้กับพระมารดานิจจานุเคราะห์
พอลุกออกจากวัด สันติสุขมันท่วมท้นเข้ามาอย่างประหลาด
เหมือนแม่พระทรงรับเอาภาระและความกังวลออกไป
ดีใจที่ได้รู้จักพระคริสต์ค่ะ
ไม่ว่าชีวิตจะเลวร้ายยังไง ก็ยังมีความหวังใจว่าจะมีผู้ที่ห่วงใยและพร้อมที่จะดูแลช่วยเหลือเรา
ถ้าเป็นเมื่อก่อน เรคงไม่คิดจะไปร้องไห้หน้าพระประธานในโบสถ์
แล้วก็คงเครียดต่อไปอีกเป็นเดือนแหงๆ
เมื่อวานไปซ้อมดับเพลิง เสร็จแล้วก็ทะเลาะกับเพื่อน
ตอนนั้นโกรธแบบจะเลิกคบแล้วอ่ะค่ะ
ก็ไปจอดรถที่ร้านส้มตำ แล้วตะโกนในใจว่า
"ปล่อยชั้นเดี๋ยวนี้นะ เจ้าซาตาน ชั้นต้องการเข้าใกล้พระเจ้า
ในนามพระเยซูคริสต์ จงไปให้พ้นเดียวนี้!"
เหมือนความโกรธมันค่อยๆละลายไป
ขับรถจากหนองงูเห่าไปหาเพื่อนที่สี่แยกบ้านแขก ตอนนี้ก็ดีกันแล้วในระดับนึง
เมื่อก่อนเราก็รู้นะคะว่า การให้อภัยเป็นสิ่งที่ดี
แต่ว่าเราไม่เคยทำได้เลยสักที
นี่เรากลับให้อภัยเพื่อนได้ แม้ว่าเพื่อนจะไม่ได้ขอโทษเราสักคำ
คนบาปอย่างเรา ถ้าไม่มีพระคริสต์ เราคงไม่มีสันติสุขอย่างนี้
ขอบพระคุณพระเจ้าในทุกกรณีค่ะ
ไม่ว่าปัญหาต่างๆจะคลี่คลายหรือไม่ แต่เรรู้ว่าพระบิดาเจ้าทรงมองดูอยู่
แม่พระทรงช่วยเสนอวิงวอนให้อยู่ตลอด
เรจะมีสันติสุข แม้ในยามทุกข์ยากค่ะ ^^
คุณแม่ไม่สบายโดยไม่ทราบสาเหตุ ต้องใช้เงินรักษา ที่บ้านค่อนข้างลำบาก
เอกสารการไปราชการชายแดนของคุณพ่อหายไปจากต้นสังกัด ทำให้ต้องถูกหักบำนาญเดือนละ 3 พันไปตลอดชีวิต
น้องสาวทำวิทยานิพนธ์เสร็จ มหาลัยบอกว่า ระเบียบเรื่องการทำวิทยานิพนธ์แล้วไม่ต้องสอบคอมพรีเอนชั่นอนุมัติไม่ทัน (เตะถ่วงเรื่องกัน2 ปีกว่า)
สรุปว่า คนที่ทำวิทยานิพนธ์ก็ต้องสอบคอมพรีด้วย และจะต้องสอบ 7 วิชาภายใน 1 อาทิตย์ โดยไม่ได้เตรียมตัวล่วงหน้าเลย
และถ้าสอบไม่ผ่าน ก็จะไม่จบ ทั้งๆที่เรียนครบแล้ว และทำวิทยานิพนธ์เลือดตาแทบกระเด็นกว่าจะเสร็จ
(ถ้าคนทำวิทยานพนธ์จะต้องสอบคอมพรีด้วย แล้วจะทำไปทำไม สู้สอบคอมพรีอย่างเดียวไม่ดีรึ)
ไม่รู้อะไรเรื่องแย่ๆมันเข้ามาพร้อมๆกัน เครียดมากๆ
เครียดที่สุดก็คือเรื่องที่เกิดกับครอบครัว โดยที่เราช่วยอะไรไม่ได้เลย
เมื่อวันเสาร์ก็เลยไปร้องไห้กับพระมารดานิจจานุเคราะห์
พอลุกออกจากวัด สันติสุขมันท่วมท้นเข้ามาอย่างประหลาด
เหมือนแม่พระทรงรับเอาภาระและความกังวลออกไป
ดีใจที่ได้รู้จักพระคริสต์ค่ะ
ไม่ว่าชีวิตจะเลวร้ายยังไง ก็ยังมีความหวังใจว่าจะมีผู้ที่ห่วงใยและพร้อมที่จะดูแลช่วยเหลือเรา
ถ้าเป็นเมื่อก่อน เรคงไม่คิดจะไปร้องไห้หน้าพระประธานในโบสถ์
แล้วก็คงเครียดต่อไปอีกเป็นเดือนแหงๆ
เมื่อวานไปซ้อมดับเพลิง เสร็จแล้วก็ทะเลาะกับเพื่อน
ตอนนั้นโกรธแบบจะเลิกคบแล้วอ่ะค่ะ
ก็ไปจอดรถที่ร้านส้มตำ แล้วตะโกนในใจว่า
"ปล่อยชั้นเดี๋ยวนี้นะ เจ้าซาตาน ชั้นต้องการเข้าใกล้พระเจ้า
ในนามพระเยซูคริสต์ จงไปให้พ้นเดียวนี้!"
เหมือนความโกรธมันค่อยๆละลายไป
ขับรถจากหนองงูเห่าไปหาเพื่อนที่สี่แยกบ้านแขก ตอนนี้ก็ดีกันแล้วในระดับนึง
เมื่อก่อนเราก็รู้นะคะว่า การให้อภัยเป็นสิ่งที่ดี
แต่ว่าเราไม่เคยทำได้เลยสักที
นี่เรากลับให้อภัยเพื่อนได้ แม้ว่าเพื่อนจะไม่ได้ขอโทษเราสักคำ
คนบาปอย่างเรา ถ้าไม่มีพระคริสต์ เราคงไม่มีสันติสุขอย่างนี้
ขอบพระคุณพระเจ้าในทุกกรณีค่ะ
ไม่ว่าปัญหาต่างๆจะคลี่คลายหรือไม่ แต่เรรู้ว่าพระบิดาเจ้าทรงมองดูอยู่
แม่พระทรงช่วยเสนอวิงวอนให้อยู่ตลอด
เรจะมีสันติสุข แม้ในยามทุกข์ยากค่ะ ^^