“ทหารผู้อ่อนโยน”
โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. เม.ย. 15, 2021 10:59 pm
......ทหารผู้อ่อนโยน (ตอนที่ 1)
โดยทาเนีย ไดเอตต์;
จากหนังสือสรรสาระ ฉบับเดือนกรกฎาคม 2548/2005,
รวบรวมและเรียบเรียงโดย กอบกิจ ครุวรรณ
.......ฉันยังจำได้เมื่อไปถึงมืองอาเด็ก การเดินทางเป็นดั่งฝันร้าย รถเคลื่อนขบวนตั้งแต่ตอนบ่ายที่ร้อนอบอ้าวของวันวานและมาถึงวันรุ่งขึ้น พวกเราแออัดกันอยู่ในตู้รถไฟและต้องนั่งซ้อนตักกัน อากาศอับชื้นอุดอู้ เด็ก ๆ เริ่มอาเจียน ผู้หญิงคนหนึ่งคุมสติไม่อยู่ ทหารยามชาวญี่ปุ่นเดินมาตบหน้าเธออย่างแรงหลายฉาด
ขณะนั้นเป็นปี 2485/1942 พวกญี่ปุ่นเพิ่งบุกชวา ฉันกับแม่ถูกกวาดต้อนไปพร้อมกับผู้หญิงและเด็กอื่น ๆ และกำลังถูกส่งไปค่ายกักกักแห่งหนึ่งในมลายู (มาเลเซีย)
ระหว่างช่วงสองปีที่แสนนานนั้น เมืองอาเด็กเป็นบ้านของเรา และในเวลานั้นเราได้พบทหารญี่ปุ่นผู้โหดเหี้ยมหลายคน ได้ยินแต่เสียงตะคอกที่ฟังไม่รู้เรื่องและความโกรธเกรี้ยวโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัวของพวกญี่ปุ่น บัดนี้ส่วนใหญ่กลายเป็นเพียงความทรงจำที่เลือนราง ฉันจำได้เลา ๆ ว่าเคยถูกทหารญี่ปุ่นเข้ามาตบหน้าเพราะฉันไม่โค้งคำนับเมื่อเขาขี่จักรยานผ่านมา และทหารญี่ปุ่นอีกคนเอาขนมให้เด็ก ๆ ก่อนตบหน้าแม่ของเด็กอย่างสุดแรงเนื่องจากผู้เป็นแม่ไม่ได้โค้งคำนับเขา แต่บังอาจยิ้มให้เขาด้วยความรู้คุณ แต่มีทหารคนหนึ่งที่ฉันจำได้เป็นอย่างดี เป็นทหารคนเดียวที่ฉันจะไม่มีวันลืม เขาชื่อทากาชิ เขาแตกต่างจากทหารญี่ปุ่นคนอื่นมาก
วันหนึ่งส้วมที่ค่ายเต็ม พวก“ผู้หญิงที่แข็งแรง” ซึ่งหมายถึงผู้หญิงอายุระหว่าง 15-25 ปีที่พอจะทำงานหนักได้ถูกเกณฑ์ให้ไปขุดร่องที่ใช้แทนส้วม เราตรากตรำขุดร่องอยู่นานนับเดือน งานหนักแสนหนัก แดดก็ร้อนเปรี้ยงโดยเฉพาะสำหรับผู้หญิงที่ไม่เคยทำงานใช้แรงและขาดอาหาร ทุกวันเราทำงานกันจนถึงเวลาอาหารกลางวัน มีทหารญี่ปุ่นคนหนึ่งนอนอยู่ใต้ร่มไม้คอยเฝ้ากำชับให้เราทำงานแข็งขัน วันหนึ่งยามคนเดิมหายไป มีทากาชิมาแทน เขาตัวเล็กและท่าทางไม่ได้เป็นคนสำคัญ
ตอนแรกเราก้มหน้าก้มตาทำงานกันตามปกติโดยไม่ใส่ใจเขา ทว่าทากาชิไม่มัวนอนอยู่ใต้ต้นไม้เหมือนยามคนก่อน เขาเดินไปตามร่องดินทุกร่องและขบขันที่เห็นพวกเราไต่บันไดเชือกเพื่อขึ้นลงร่อง เขาพยายามคุยกับเราแต่ไม่ประสบความสำเร็จเท่าใดนักเพราะเราพูดภาษาญี่ปุ่นไม่ได้ และเขาก็พูดภาษามาเลย์ได้งู ๆ ปลา ๆ
เมื่อถึงเวลาเที่ยง เราหยุดพักกินอาหารกลางวันหนึ่งชั่วโมง อาหารที่เรากินมีเพียงขนมปังแป้งมันสำปะหลังแห้ง ๆ สีเทาเปื้อนจุดดำ ๆ และเนื้อเหนียวเหมือนยาง
โปรดติดตามตอนที่ (2)ในวันพรุ่งนี้
โดยทาเนีย ไดเอตต์;
จากหนังสือสรรสาระ ฉบับเดือนกรกฎาคม 2548/2005,
รวบรวมและเรียบเรียงโดย กอบกิจ ครุวรรณ
.......ฉันยังจำได้เมื่อไปถึงมืองอาเด็ก การเดินทางเป็นดั่งฝันร้าย รถเคลื่อนขบวนตั้งแต่ตอนบ่ายที่ร้อนอบอ้าวของวันวานและมาถึงวันรุ่งขึ้น พวกเราแออัดกันอยู่ในตู้รถไฟและต้องนั่งซ้อนตักกัน อากาศอับชื้นอุดอู้ เด็ก ๆ เริ่มอาเจียน ผู้หญิงคนหนึ่งคุมสติไม่อยู่ ทหารยามชาวญี่ปุ่นเดินมาตบหน้าเธออย่างแรงหลายฉาด
ขณะนั้นเป็นปี 2485/1942 พวกญี่ปุ่นเพิ่งบุกชวา ฉันกับแม่ถูกกวาดต้อนไปพร้อมกับผู้หญิงและเด็กอื่น ๆ และกำลังถูกส่งไปค่ายกักกักแห่งหนึ่งในมลายู (มาเลเซีย)
ระหว่างช่วงสองปีที่แสนนานนั้น เมืองอาเด็กเป็นบ้านของเรา และในเวลานั้นเราได้พบทหารญี่ปุ่นผู้โหดเหี้ยมหลายคน ได้ยินแต่เสียงตะคอกที่ฟังไม่รู้เรื่องและความโกรธเกรี้ยวโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัวของพวกญี่ปุ่น บัดนี้ส่วนใหญ่กลายเป็นเพียงความทรงจำที่เลือนราง ฉันจำได้เลา ๆ ว่าเคยถูกทหารญี่ปุ่นเข้ามาตบหน้าเพราะฉันไม่โค้งคำนับเมื่อเขาขี่จักรยานผ่านมา และทหารญี่ปุ่นอีกคนเอาขนมให้เด็ก ๆ ก่อนตบหน้าแม่ของเด็กอย่างสุดแรงเนื่องจากผู้เป็นแม่ไม่ได้โค้งคำนับเขา แต่บังอาจยิ้มให้เขาด้วยความรู้คุณ แต่มีทหารคนหนึ่งที่ฉันจำได้เป็นอย่างดี เป็นทหารคนเดียวที่ฉันจะไม่มีวันลืม เขาชื่อทากาชิ เขาแตกต่างจากทหารญี่ปุ่นคนอื่นมาก
วันหนึ่งส้วมที่ค่ายเต็ม พวก“ผู้หญิงที่แข็งแรง” ซึ่งหมายถึงผู้หญิงอายุระหว่าง 15-25 ปีที่พอจะทำงานหนักได้ถูกเกณฑ์ให้ไปขุดร่องที่ใช้แทนส้วม เราตรากตรำขุดร่องอยู่นานนับเดือน งานหนักแสนหนัก แดดก็ร้อนเปรี้ยงโดยเฉพาะสำหรับผู้หญิงที่ไม่เคยทำงานใช้แรงและขาดอาหาร ทุกวันเราทำงานกันจนถึงเวลาอาหารกลางวัน มีทหารญี่ปุ่นคนหนึ่งนอนอยู่ใต้ร่มไม้คอยเฝ้ากำชับให้เราทำงานแข็งขัน วันหนึ่งยามคนเดิมหายไป มีทากาชิมาแทน เขาตัวเล็กและท่าทางไม่ได้เป็นคนสำคัญ
ตอนแรกเราก้มหน้าก้มตาทำงานกันตามปกติโดยไม่ใส่ใจเขา ทว่าทากาชิไม่มัวนอนอยู่ใต้ต้นไม้เหมือนยามคนก่อน เขาเดินไปตามร่องดินทุกร่องและขบขันที่เห็นพวกเราไต่บันไดเชือกเพื่อขึ้นลงร่อง เขาพยายามคุยกับเราแต่ไม่ประสบความสำเร็จเท่าใดนักเพราะเราพูดภาษาญี่ปุ่นไม่ได้ และเขาก็พูดภาษามาเลย์ได้งู ๆ ปลา ๆ
เมื่อถึงเวลาเที่ยง เราหยุดพักกินอาหารกลางวันหนึ่งชั่วโมง อาหารที่เรากินมีเพียงขนมปังแป้งมันสำปะหลังแห้ง ๆ สีเทาเปื้อนจุดดำ ๆ และเนื้อเหนียวเหมือนยาง
โปรดติดตามตอนที่ (2)ในวันพรุ่งนี้