เรื่องเล่าจากวิญญาณในนรก

ใครมาใหม่เชิญทางนี้ก่อน ทักทาย ทดลองโพส
ตอบกลับโพส
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 5937
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

เสาร์ เม.ย. 24, 2021 11:16 am

เรื่องเล่าจากวิญญาณในนรก เนื้อเรื่องน่าสนใจมากอยากให้ติดตาม
มีทั้งหมด 3 ตอน
!!เรื่องเล่าจากวิญญาณในนรก!!

ตอนที่1: นี่เป็นเรื่องจริงเกิดขึ้นในประเทศเยอรมันประมาณ65ปีมาแล้ว(2002ลบ1937)

คลาล่าและแอนเนทรู้จักกันตั้งแต่เป็นสาวโสด คาทอลิคทำงานเป็นลูกจ้างบรืษัทแห่งหนึ่งในประเทศเยอรมัน
ถึงแม้ว่าทั้งสองไม่ค่อยสนิทกัน ก็คบเป็นเพื่อนแลกเปลี่ยนความคิดกัน และในที่สุดก็เปิดเผยเรื่องส่วนตัวกัน
ในสายตาของคนทั่วไปคลาร่า เป็นคนเคร่งศาสนา และถือเป็นหน้าที่รับผิดชอบในการตักเตือนให้คำแนะนำ
แก่แอนเนท เมื่อเธอประพฤติตัวไม่เรียบร้อย

เวลาผ่านไป แฮนด์แต่งงานและลาออกจากบริษัทในปี1937 คลาร่าไปพักร้อนที่ทะเล สาป การ์ดา
ประมานกลางเดือนกันยายนเธอได้รับจดหมายจากแม่เธอบอกว่า"แอนเนทได้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุรถชนกัน
ฝังศพเมื่อวานนี้่ที่วอลด์ไฟฮอฟ" คลาร่าได้ทราบข่าวด้วยความตกใจกลัวเพราะเพื่อนเธอไม่ค่อยศรัทธา
ยังไม่พร้อมที่จะปรากฏตัวต่อหน้าพระเจ้าได้สิ้นใจอย่างปัจจุบันทันด่วนแล้ววิญญาณของเธอจะรอดไหม?

วันรุ่งขึ้นคลาร่าไปวัดฟังมิสชารับศีลมหาสนิทและสวดภาวนาอย่างเร่าร้อนอุทิศให้เพื่อนเธอ
สิบนาทีหลังเที่ยงคืนได้เกิดปรากฏการณ์เหนือธรรมชาติ

"คลาร่า อย่าสวดให้ฉันเลย! ฉันอยู่ในนรกถ้าฉันเล่าเรื่องนี้อย่างละเอียดให้เธอฟังอย่า คิดว่าเพื่อมิตรภาพของเรา
ในที่นี้เราไม่รักใคร ฉันเล่าเพราะโดนบังคับความจริงฉันอยากให้เธอมาอยู่ที่นี่กับฉันตลอดชั่วนิรันดร์'


"สิ่งที่ฉันพูดนี้อาจทำให้เธอโกรธ แต่ที่นี่เราทุกคนคิดเช่นนั้น เรายึดมั่นในความเลว ที่เธอเรียกว่าความชั่ว แม้ว่าเราทำบางสิ่งดีงาม เหมือนที่ฉันทำในขณะนี้ เปิดหูเปิดตาเธอให้เข้าใจเรื่องนรก ไม่ใช้เพราะฉันมีความปรารถนาดีต่อเธอ"

"เธอจำได้ไหมเมื่อ 4 ปีก่อน ตอนนั้นเธอมีอายุ 23 ปี และได้ทำงานที่บริษัทครึ่งปีแล้ว ฉันเพิ่งเริ่มงานและเธอช่วยสอนงานให้ฉัน ฉันก็ชมว่าเธอเป็นคนที่มีความรักต่อเพื่อนมนุษย์ ที่นี่เราไม่ยอมรับความดีของใคร"

"เธอจำได้ไหมสิ่งที่ฉันได้บอกเธอเกี่ยวกับชีวิตวัยรุ่นของฉัน บัดนี้ฉันกำลังใช้โทษบาปเจ็บปวดทรมานอย่างแสนสาหัส"

"ตามแผนการของพ่อ แม่ ฉันไม่ควรจะกำ เหนิดมาโชคร้ายนำฉันเข้ามาในโลกเมื่อฉันเกิดพี่สาวสองคนมีอายุ 14 และ15 ปี" "ถ้าฉันไม่ได้เกิดฉันก็คงจะไม่ต้องฉีกตัวเองออกเป็นชิ้นๆในขณะนี้ฉันต้องเจ็บปวดทรมานอย่างแสนสาหัส! ฉันจะมีความสุขมากทีเดียวถ้าฉันสามารถทิ้งการกำเนิดได้เหมือนเสื้อผ้าไหม้เป็นขี้เถ้ากระจายหายไปในความว่างเปล่า แต่ฉันจะต้องเป็นอยู่ต่อไปเพราะฉันได้ทำลายวิญญาณของฉันพินาศหายนะด้วยการตัดสินใจของฉันเอง"

"ในวัยหนุ่มสาวพ่อแม่ฉันได้ออกจากบ้านนอกเข้ากรุงคบหาสมาคมกับคนนอกศาสนาและเลิกเข้าวัดเขาทั้งสอง
รู้จักกันที่งานเต้นรำและหลังจากคบกันเป็นเวลาหนึ่งปีครึ่งก็ต้องแต่งงานกัน"

"เนื่องจากการรับศีลสมรสพระพรของพระเข้าในน้ำเสกสถิตย์อยู่กับคู่สมรส แม่ได้ไปฟังมิสซาวันอาทิตย์ปีละ2ครั้ง
ท่านไม่เคยสอนฉันสวดเอาใจใส่แต่ชีวิตทางโลกถึงแม้นว่าฐานะครอบครัวเราอยู่ในเกณฑ์ดี"

"การสวด การฟังมิสซา การเรียนคำสอน น้ำเสก และวัดไม่ถูกกับฉันเลย ฉันเกลียดสิ่งเหล่านี้เท่าๆกับคนที่ไปวัดโดยทั่วไปฉันเกลียดหมดทุกคน และทุกสิ่ง'

"หลายสิ่งหลายอย่างทรมานเรา ความรู้ทุกชนิดที่ได้รับในวาระสุดท้าย ความทรงจำทุกสิ่งในชีวิตเป็นดาบไฟ
ทิ่มแทงดวงวิญญาณเรา ในความทรงจำแต่ละวันเรามองเห็นพระหรรษทานของพระเจ้าถูกเหยียดหยาม
หรือไม่สนใจใยดีสิ่งนี้ย่อมเจ็บปวดทรมานยิ่งนัก!! เรากินไม่ได้นอนไม่หลับ เดินไม่ได้ถูกล่ามโซ่ไว้ ร้องโหยหวน
และ ขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน เรามองดูชีวิตหายนะของเราอย่างน่าหวาดกลัวสยองขวัญเต็มไปด้วยความเกลียดขังและ
ความเจ็บปวดทรมานอย่างแสนสาหัส เธอได้ยินไหม? ณ สถานที่แห่งนี้เราดื่มด่ำในความเกลียดเหมือนดื่มนำ้
เหนือสิ่งอื่นใดเราเกลียดพระเจ้า ฉันถูกบังคับอธิบายให้เธอเข้าใจ โดยที่ฉันไม่ได้สมัครใจ"

"ในสวรรค์นักบุญทั้งหลายรักพระเจ้าและเห็นพระพักตร์ของพระองค์ช่างสวยงามน่ารักหาที่สุดมิได้
ฉะนั้นความสุขในสวรรค์ไม่สามารถอธิบายเป็นคำพูดได้ ความรู้นี้ทำให้เราบ้าระห่ำโมโหฉุนเฉียว
ในโลกมนุษย์รู้จักพระเจ้าโดยธรรมชาติ และการเผยแสดง และรักพระองค์โดยไม่ถูกบังคับ ฉันพูดสิ่งนี้
อย่างขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน คนที่มีความเชื่อรำพึงถึงพระคริสตเจ้าบนไม้กางเขนในไม่ช้าก็จะรักพระองค์"

"แต่คนที่พระเจ้า ผู้ทรงไว้ซึ่งความยุติธรรม พิพากษาในชั่วโมงสุดท้ายเพื่อลงอาชญาเนื่องจากวิญญาณ
เขาหมดสิ้นความรอดแล้วคนนั้นจะเกลียดพระองค์สื้นสุดกำลังสิ้นสุดจิตใจอันชั่วร้ายของเขา พวกเรา
ได้ตายด้วยความตั้งใจอย่างแน่วแน่แยกตัวออกจากพระเจ้า บัดนี้เธอคงเข้าใจว่าทำไมนรกจึงเป็นอยู่
ตลอดกาลเพราะจิตใจของเราจะไม่มีวันเปลี่ยนเมื่อเราสิ้นใจ เราได้ตัดสินใจเลือกวิถีชีวิตของเรา
ความดื้อด้านจะอยู่กับเราตลอดไปโดยบังคับฉันต้องพูดเพิ่มเติมว่าแม่กระนั่นก็ตาม พระเจ้าทรงมีเมตตา
ต่อเราฉันต้องยืนยันหลายๆสิ่ง ขัดใจฉันเกือบสำลัก อ้วกออกมา"

"พระเจ้าทรงเมตตาต่อเราโดยไม่ปล่อยเราตามปรารถนาทำชั่วในโลกจนถึงที่สุด ถ้าเป็นเช่นนั้นเราก็จะทำผิด
เพิ่มขึ้นและเจ็บปวดทรมานมากกว่านี้ พระองค์ทรงตัดชีวิตเราสั้นลง ฉะนั้นอุบัติเหตุจึงได้เกิดขึ้นกับฉัน
บัดนี้พระองค์ทรงแสดงพระเมตตาต่อเราโดยให้เราอยู่ในเหวพระเพลิงห่างไกลจากพระองค์
ทุกก้าวที่เราเข้าใกล้พระองค์เราจะเจ็บปวดทรมานทวีขึ้น เหมือนอย่างที่เธอเข้าใกล้เตาไฟในโลก"

"ครั้งหนึ่งระหว่างเดินเล่นเธอตกใจเมื่อฉันพูดว่าสอง สามวันก่อนรับศีลมหาสนิทครั้งแรกพ่อบอกฉันว่า"แอนเนท
ลูกรักสิ่งสำคัญคือเสื้อผ้าสีขาวอันสวยงามของลูก อย่างอื่นเป็นแต่พิธีภายนอกเท่านั้น" ฉันรู้สึกละอายใจเพราะความ ห่วงใยของเธอ แต่บัดนี้ฉันดูหมิ่นสบประมาท ศิลมหาสนิท"

"สิ่งสำคัญคือเราไม่ได้รับอนุญาตให้รับศิลจนกว่าเรามีอายุครบ 12 ปีพอถึงอายุนั้นฉันก็ได้เพลิดเพลินกับ
ความสนุกสนานทางโลกสุดเหวี่ยง แล้วการทิ้งพระศาสนาง่ายนิดเดียวสำหรับฉัน ฉะนั้นฉันไม่เห็นความสำคัญ
ของการรับศีลมหาสนิทครั้งแรก เราโมโหมากที่เด็กรับศิลเมื่ออายุครบ 7 ปี เราพยายามสุดความสามารถชักชวน
คนให้เข้าใจว่าเด็กๆอายุขนาดนั้นยังไร้เดียงสา เขาทั้งหลายต้องรู้จักทำบาปหนักก่อนแล้วแผ่นสีขาวจะได้ ไม่
ทำให้โครงการของเราฉิบหาย เหมือนความเชื่อ ความวางใจและความรักต่อพระเจ้า และเพื่อนมนุษย์
โอ้สิ่งเหล่านี้! ที่ได้รับในวันรับศิลล้างบาป ยังสถิตย์อยู่ในดวงใจของเขาทั้งหลายอย่างมีชีวิตชีวา"

จบตอนที่ 1
ตอบกลับโพส