สารจากพระบิดา ถึง คุณพ่อมิเซล โรดริกย์ ( 1 -10 ตอน)
โพสต์แล้ว: อาทิตย์ ม.ค. 16, 2022 11:10 pm
(หนังสือ) สารจากพระบิดา ถึง คุณพ่อมิเชล โรดริกย์
ตอนที่ (1) คุณพ่อมิเชล อัครสาวกยุคสุดท้าย
คุณพ่อมิเชลเล่าเรื่องราวชีวิตของคุณพ่อ
คุณพ่อเป็นน้องคนเล็กสุด จากเด็กทั้งหมด 23 คนในครอบครัว ตอนที่คุณพ่ออายุ สามขวบ
พระเป็นเจ้าพูดคุยกับท่านโดยใช้ภาษาและบทสนทนาทั่วไปในการพูดคุยกับเด็กที่มีอายุเพียงแค่
สามขวบ คุณพ่อจำได้ว่าตอนนั้นกำลังนั่งอยู่ใต้ต้นไม้และได้พูดคุยกับพระเป็นเจ้าว่า "ใครเป็น
คนสร้างต้นไม้หรือ
พระองค์ตอบ "เราเป็นคนสร้าง" เด็กน้อยมิเชลก็ถามคำถามมากมายที่เกี่ยวกับโลก จักรวาล
และตัวเองจนเข้าใจว่าสิ่งต่างๆที่สร้างขึ้นและมีอยู่เกิดขึ้นจากพระเป็นเจ้า คุณพ่อได้ยินเสียงพูด
ของพระบิดาจนกระทั่งอายุ หกขวบ และยังบอกกับคุณพ่ออีกว่า จะได้เป็นพระสงฆ์ คุณพ่อได้รู้จัก
บาปและ(ปีศาจ)ปีศาจเป็นครั้งแรก ท่านเห็นปีศาจควบคุมการกระทำของคนผู้หนึ่ง มันชักจูงความคิด
การกระทำ และการเคลื่อนไหวซึ่งคนๆนั้นมีจิตใจเย็นชาปิดกั้นความรักของพระเจ้า ท่านเห็นปีศาจ
ตนนั้นขยับมือ ขา และ ใบหน้าของคนผู้นั้นท่านถามพระเจ้าด้วยความตกใจว่า "นี้มันอะไรกัน"
พระเจ้าตอบท่านว่า " นั่นคือ(ปีศาจ)ปีศาจที่ควบคุมผู้ที่ตกอยู่ในบาป"
"บาปคืออะไร" "มนุษย์ทำบาปทุกครั้งเมื่อพวกเขากระทำสิ่งที่ขุ่นเคืองพระทัยเรา ขุ่นเคืองต่อพี่น้อง
ชายหญิง ขุ่นเคืองความตั้งใจของเรา และไม่เชื่อฟังคำสอนของเรา"
คุณพ่อเองก้อเคยทำบาปโกหกพ่อ แม่ ตอนนั้นพ่อยังเด็กเกินไปที่จะแก้บาป พ่อเลยต้องรอให้ถึงวันนั้น พ่อ
รู้สึกผิดต่อพระบิดา แต่พระองค์ทรงใจดี พระองค์ยังคงตรัสกับพ่อ
ตอนคุณพ่ออายุประมาณ 4-5 ขวบ ท่านได้รถบรรทุกของเล่นทำจากบล็อกไม้มีล้อสี่ล้อที่ทำจาก
ฝาขวด คุณพ่อชอบมาก วันหนึ่งขณะเล่นรถบรรทุกอยู่หน้าบ้านท่านได้ยินเสียงของพระเป็นเจ้าตรัส
กับท่าน "มิเชล"
"ครับ" คุณพ่อตอบรับแต่ยังคงจดจ่ออยู่กับรถของเล่น
"ลูกจะได้ออกเดินทางในวันหนึ่ง"
"อะไรคือการเดินทาง เหรอครับ"
"ลูกจะได้ไปที่อื่น"
"แม่ไม่ได้ไปด้วยเหรอครับ"
"ใช่แล้ว"
"โอ้ " แล้วท่านก้อเล่นรถต่อ สารฉบับนี้ทำให้คุณพ่อสงสัยแต่ครู่เดียวท่านก็เลิกใส่ใจ แต่แล้วคำพูด
ของพระบิดาเกิดขึ้นกับพ่อจริงๆในปี ค.ศ. 2017 - 2019 คุณพ่อได้เดินทางไปยังประเทศแคนาดา
และ สหรัฐฯ เพื่อไปเทศน์ และเข้าเงียบโดยที่คุณแม่ของท่านไม่ได้ไปด้วย...
ตอนคุณพ่ออายุ 6 ขวบ คุณพ่อได้ยินคนเรียกชื่ออีกครั้งตอนที่เล่นอยู่นอกบ้าน "มิเชล มิเชล"
แต่ท่านไม่รู้ว่าเสียงนั้นมาจากพระเจ้า ท่านหันไปมองรอบๆแต่ไม่มีใครอยู่แถวนั้นเลยท่านเดินกลับไป
หาคุณแม่ "แม่ครับเรียกผมหรือเปล่า"
"เปล่าจ้ะ"
"มีคนเรียกผม"
"ไม่มีใครเรียก ออกไปเล่นข้างนอกเถอะ" คุณพ่อก็เลยเดินออกมา แต่ก็ได้ยินคนเรียกชื่ออีก
"มิเชล มิเชล" เสียงนั้นเหมือนเรียกมาจากที่ไกลๆ ท่านจึงเดินกลับเข้าไปในบ้านอีกครั้ง
"แม่ครับ แม่เรียกผมหรือเปล่าผมได้ยินคนเรียกน่ะแม่"
"ไม่มีหรอกออกไปเล่นเถอะ" ท่านก็ออกมาเล่นนอกบ้านและมีเสียงเรียกท่านอีกเป็นครั้งที่สาม คุณแม่
ท่านบอกว่า"ถ้าหากลูกได้ยินเสียงเรียกอีกให้ลูกตอบไปว่า ข้าแต่พระเจ้าโปรดตรัสมาเถืด ข้ารับใช้
ของพระองค์กำลังฟังอยู่"
ตอนที่คุณพ่ออายุ 6 ขวบ พระเป็นเจ้าชักชวนคุณพ่อให้ฟังเสียงของพระองค์ผ่านทางพระวาจา
แทนการสนทนาด้วยเสียงกับคุณพ่อเสียงของพระองค์แตกต่างจากเสียงที่ได้ยินตอนอายุ สามขวบ...
วันหนึ่งท่านได้วิ่งไปหาคุนแม่ด้วยความกลัว "แม่ครับ ผมเจอตัวอะไรไม่รู้น่าเกลียด น่ากล้ว
สูงประมาณ 15 ฟุต ปรากฏตัวอยู่ในสวน อสูรกายตัวนั้นคือ(ปีศาจ)ปีศาจ
"ไม่ต้องกลัว" คุณแม่กล่าว "เรามาสวดสายประคำกัน" ตอนนั้นคุณพ่อเห็นว่า การสวดสายประคำทำ
ให้อสูรกายตัวนั้นกลับสู่นรกดังเดิม...
ในปีที่ผ่านมาคุณพ่อของท่านชื่อเออมิลต้องทรมานจากการหายใจลำบากแต่ว่าคุณพ่อก็ไม่เคย
เห็นคุณพ่อของท่านต่อต้านหรือต่อว่าพระองค์เพียงเพราะความเจ็บป่วยปอดของเออร์มิลต้องการ
ออกซิเจนอย่างมากแต่เครื่องช่วยหายใจไม่มีทุกคนในครอบครัวจะเปิดประตูและหน้าต่างเอาไ
ว้เพราะลมเย็นๆจะมีออกซิเจนเยอะ ทุกคนในครอบครัว 23 คนยอมทนหนาวเพื่อให้ เออร์มิลหายใจ
ดีขึ้น คุณพ่อมิเชลถามพระเจ้าว่า "ทำไมพ่อของผมถึงต้องเป็นโรคนี้ด้วย"
พระเป็นเจ้าตอบคุณพ่อว่า "ลูกจำที่เราพูดคุยกับลูกเกี่ยวกับบาปกำเหนิดและส่งผลให้ร่างกายเรา
เจ็บป่วยได้ไหม นี้แหละคือผลจากบาปกำเหนิด"
"แต่ทำไมต้องเป็นโรคมะเร็งด้วย"
พระเจ้าตอบ "ความอ่อนแอในร่างกายทำให้เขาพ่ายแพ้ต่อโรค แต่นั่นไม่ใช่ความผิดของเขาหรอก"
ในวันที่เกิดพายุขนาดใหญ่หิมะตกหนาถึง 5 ฟุต เออร์มิลเริ่มจะมีอาการแย่หายใจไม่ออก
คุณแม่ท่านได้กล่าวกับพี่ชายท่านให้ไปตามบาทหลวงมาที่บ้าน พระสงฆ์เดินเข้ามาในห้องนอน
เออร์มิลเพื่อมอบศิลเจิมคนไข้และสวดภาวนาให้เขา พระสงฆ์เดินออกมาหาแม่ท่านและหัวเราะออกมา
"ท่านหัวเราะทำไม" คุณแม่ถาม
"เขายังไม่ตายหรอกเพราะเขายังเล่าเรื่องตลกให้พ่อฟังอยู่เลย"
เออร์มิล มีชีวิตอยู่ต่ออีกสองปี...จากเหตุการณ์นี้พระบิดาทำให้คุณพ่อมิเชลเข้าใจอย่างลึกซึ้งถึงพลัง
การเป็นคริสตชน
ยิ่งคุณพ่อมิเชลเติบโตขึ้นท่านก็พบเจอ(ปีศาจ)ปีศาจมากขึ้น มันสิงในบ้านของคุณพ่อ พี่สาว
และพี่ชายไปหาพระสงฆ์ประจำชุมชนวัดขอให้ท่านมาเสกบ้านให้ด้วย พระสงฆ์เปิดประตูบ้านเข้าไป
(ปีศาจ)ปิศาจก็ส่งเสียงคำรามน่ากลัวทำให้พระสงฆ์วิ่งหนีไป พวกพี่ น้องของคุณพ่อ ได้ไปขอร้อง
พระสังฆราชให้มาขับไล่แทน (ปีศาจ)ปีศาจก็แผดเสียงร้องน่ากล้วอีกครั้งทำให้พระสังฆราชร้องลั่น
ออกมาว่า "พ่อทำไม่ได้ พ่อทำไม่ได้ "
ตอนคุณพ่อมีอายุ 7 ปี ในตอนพระอาทิตย์ตกดินวันหนึ่ง คุณแม่ใช้ให้ท่านไปให้อาหารเป็ด
" แม่ครับ" แม่อยากให้ผมออกไปให้อาหารเป็ดจริงๆหรือครับ"
"ใช่ ลูกทำได้อยู่แล้ว "
"แม่ครับแต่ว่ามันจะมืดแล้ว เจ้า(ปีศาจ)ปิศาจมันจะจับตัวผม "
" ไม่ต้องกลัว " คุณแม่ปลอบ เกอเวส เป็นพี่ชายคุณพ่อรับอาสาจะไปด้วยกัน ทั้งสองกำลังจะเข้าไป
ใกล้บริเวณลำน้ำ ทันใดนั้นแผ่นดินตรงเท้าของคุณพ่อและพี่ชายก็แยกออกจากกัน มีมือประหลาด
เหมือนสัตว์โผล่ออกมาจากรอยแยกนั้น แล้วจับขาคุณพ่อไว้พร้อมกับดึงท่านให้ลงมาใต้ดิน เกอเวส
จับมือคุณพ่อแล้วออกแรงดึงคุนพ่อขึ้นมาแต่ก็ไม่สามารถสู้แรงมันได้คุนพ่อคิดในใจว่า "ผมไม่รอดแล้ว"
ท่านนึกถึงพระแม่มารีย์แล้วร้องตะโกนออกมาว่า " พระแม่มารีย์ พระชนนีแห่งพระเจ้าได้โปรดช่วยลูกด้วย "
ทันใดนั้นก็มีแรงดึงมหาศาลฉุดคุณพ่อขึ้นมา ทั้งสองจึงรีบวิ่งกลับเข้าบ้าน
" ไม่ต้องให้พวกผมไปให้อาหารเป็ดอีกแล้วนะ" ทั้งสองคนตะโกนบอก
" เรามาสวดสายประคำกัน "
หลังจากคุณพ่อของท่านเสียชีวิตคนในครอบครัวได้หารือกันว่าต้องหาทางกำจัด (ปีศาจ)
ปิศาจที่อยู่กับพวกเขามานานคนในครอบครัวไม่มีอำนาจที่จะไล่มันออกไปจึงตัดสินใจเผาบ้านทิ้ง
คุณพ่อบอกกับคนในครอบครัวว่า " ผมจะเป็นคนจุดไฟเผาบ้านเอง" คุณพ่อเทน้ำมันลงไปในหลุม
ที่ขุดไว้แล้วจุดไม้ขีดไฟโยนลงไปในหลุม พอไฟลุกก็มีลมแรงพัดเปลวไฟให้ดับลง คุณพ่อจึงจุดไม้ขีด
ก้านทีสองแต่ก็ไม่ติด คุณพ่อจึงภาวนาต่อพระแม่มารีย์ จุดไฟครั้งที่สามว่าขอให้ไฟเผาบ้านนี้ จากนั้น
ไฟก็ลุกโชน คุณพ่อวิ่งผ่านเปลวไฟออกมาก็เหมือนมีมือยื่นออกมาจับตัวคุณพ่อ...คุณแม่เห็นดังนั้นจึง
(สวด)สวดภาวนา ถึงพระหฤทัยอันศักดิ์สิทธิ์ยิ่งของพระเยซูคริสต์เจ้า ทันใดนั้นมือไฟทียื่นออกมาก็
หายกลับเข้าไปในบ้านที่ลุกไหม้...
ครอบครัวคุณพ่อได้ไปเริ่มต้นชีวิตใหม่อีกหมู่บ้านหนึ่ง แต่(ปีศาจ)ปิศาจก็หาวิธีที่จะมาอยู่กับ
คุณพ่ออีก คุณพ่อต้องทนทุกข์กับความเจ็บปวดใต้ผิวหนังอย่างมาก คุณแม่ท่านพาไปหาหมอรักษา
แต่หมอบอกว่า หมอยังไม่เคยเจอโรคแบบนี้เกิดกับเด็กอายุน้อยขนาดนี้ เพราะโรคนี้จะเกิดกับผู้สูง
อายุที่ใกล้เสียชีวิตเท่านั้น หมอให้ยามากินแต่อาการไม่ดีขึ้น มันเหมือนมีแมงมุมตัวใหญ่อยู่ใน
ร่างกาย แต่ถ้าพ่อเอนตัวอยู่บนเตาเผาไม้ พ่อรู้สึกดีขึ้น รู้สึกว่าร่างกายพ่อเมื่ออยู่ใกล้ความร้อนสิ่งที่
อยู่ในตัวพ่อมันตายไป แต่ตัวพ่อไม่รู้สึกร้อนเลย มันแปลก มากๆ คุณแม่ก็งงเช่นกัน วันหนึ่งคุณแม่
เข้ามาหาตอนที่คุณพ่อกำลังร้องไห้เพราะความเจ็บปวดมาก
" ฟังแม่นะ พระเป็นเจ้าไม่ได้ทรงกระทำสิ่งนี้ มันไม่ปกติแล้ว "
" ผมรู้ครับแม่ แต่มันอยู่ในตัวผมผมไม่รู้ว่ามันคืออะไร" งั้นเรามาสวดภาวนาแล้วมองไปที่พระหฤทัย
ศักดิ์สิทธิ์ยิ่งของพระเยซูเจ้านะลูก " ท่านทั้งสองสวดภาวนาต่อหน้ารูปพระพระเยซูเจ้า " ทีนี้มองไปที่
ดวงหทัยอันนิรมลของพระแม่มารีย์ เราจะขอพระแม่ให้ลูกหลับเพื่อให้พระเยซูเจ้ารักษาลูก "
แล้วท่านทั้งสองก็สวดภาวนาขอแล้วก็หลับไป คุณพ่อตื่นขึ้นมาในเช้าวันรุ่งขึ้นพบว่าร่างกายของท่าน
หายเป็นปกติไม่เจ็บปวดอีกแล้ว และสิ่งนั้นที่อยู่ในตัวของคุณพ่อได้ร่วงหล่นบนที่นอน คุณแม่
และคุณพ่อได้ถอดผ้าปูที่นอนออกแล้วเผาทิ้ง...
หลังจากนั้นไม่นานคุณพ่อก็ได้รับศีลมหาสนิทเป็นครั้งแรก.....
ชีวิตของคุณพ่อจะเป็นอย่างไรหลังจากที่ได้รับศิลฯ ครั้งเเรก
อ่านต่อในตอนที่ (2) พรุ่งนี้
ตอนที่ (1) คุณพ่อมิเชล อัครสาวกยุคสุดท้าย
คุณพ่อมิเชลเล่าเรื่องราวชีวิตของคุณพ่อ
คุณพ่อเป็นน้องคนเล็กสุด จากเด็กทั้งหมด 23 คนในครอบครัว ตอนที่คุณพ่ออายุ สามขวบ
พระเป็นเจ้าพูดคุยกับท่านโดยใช้ภาษาและบทสนทนาทั่วไปในการพูดคุยกับเด็กที่มีอายุเพียงแค่
สามขวบ คุณพ่อจำได้ว่าตอนนั้นกำลังนั่งอยู่ใต้ต้นไม้และได้พูดคุยกับพระเป็นเจ้าว่า "ใครเป็น
คนสร้างต้นไม้หรือ
พระองค์ตอบ "เราเป็นคนสร้าง" เด็กน้อยมิเชลก็ถามคำถามมากมายที่เกี่ยวกับโลก จักรวาล
และตัวเองจนเข้าใจว่าสิ่งต่างๆที่สร้างขึ้นและมีอยู่เกิดขึ้นจากพระเป็นเจ้า คุณพ่อได้ยินเสียงพูด
ของพระบิดาจนกระทั่งอายุ หกขวบ และยังบอกกับคุณพ่ออีกว่า จะได้เป็นพระสงฆ์ คุณพ่อได้รู้จัก
บาปและ(ปีศาจ)ปีศาจเป็นครั้งแรก ท่านเห็นปีศาจควบคุมการกระทำของคนผู้หนึ่ง มันชักจูงความคิด
การกระทำ และการเคลื่อนไหวซึ่งคนๆนั้นมีจิตใจเย็นชาปิดกั้นความรักของพระเจ้า ท่านเห็นปีศาจ
ตนนั้นขยับมือ ขา และ ใบหน้าของคนผู้นั้นท่านถามพระเจ้าด้วยความตกใจว่า "นี้มันอะไรกัน"
พระเจ้าตอบท่านว่า " นั่นคือ(ปีศาจ)ปีศาจที่ควบคุมผู้ที่ตกอยู่ในบาป"
"บาปคืออะไร" "มนุษย์ทำบาปทุกครั้งเมื่อพวกเขากระทำสิ่งที่ขุ่นเคืองพระทัยเรา ขุ่นเคืองต่อพี่น้อง
ชายหญิง ขุ่นเคืองความตั้งใจของเรา และไม่เชื่อฟังคำสอนของเรา"
คุณพ่อเองก้อเคยทำบาปโกหกพ่อ แม่ ตอนนั้นพ่อยังเด็กเกินไปที่จะแก้บาป พ่อเลยต้องรอให้ถึงวันนั้น พ่อ
รู้สึกผิดต่อพระบิดา แต่พระองค์ทรงใจดี พระองค์ยังคงตรัสกับพ่อ
ตอนคุณพ่ออายุประมาณ 4-5 ขวบ ท่านได้รถบรรทุกของเล่นทำจากบล็อกไม้มีล้อสี่ล้อที่ทำจาก
ฝาขวด คุณพ่อชอบมาก วันหนึ่งขณะเล่นรถบรรทุกอยู่หน้าบ้านท่านได้ยินเสียงของพระเป็นเจ้าตรัส
กับท่าน "มิเชล"
"ครับ" คุณพ่อตอบรับแต่ยังคงจดจ่ออยู่กับรถของเล่น
"ลูกจะได้ออกเดินทางในวันหนึ่ง"
"อะไรคือการเดินทาง เหรอครับ"
"ลูกจะได้ไปที่อื่น"
"แม่ไม่ได้ไปด้วยเหรอครับ"
"ใช่แล้ว"
"โอ้ " แล้วท่านก้อเล่นรถต่อ สารฉบับนี้ทำให้คุณพ่อสงสัยแต่ครู่เดียวท่านก็เลิกใส่ใจ แต่แล้วคำพูด
ของพระบิดาเกิดขึ้นกับพ่อจริงๆในปี ค.ศ. 2017 - 2019 คุณพ่อได้เดินทางไปยังประเทศแคนาดา
และ สหรัฐฯ เพื่อไปเทศน์ และเข้าเงียบโดยที่คุณแม่ของท่านไม่ได้ไปด้วย...
ตอนคุณพ่ออายุ 6 ขวบ คุณพ่อได้ยินคนเรียกชื่ออีกครั้งตอนที่เล่นอยู่นอกบ้าน "มิเชล มิเชล"
แต่ท่านไม่รู้ว่าเสียงนั้นมาจากพระเจ้า ท่านหันไปมองรอบๆแต่ไม่มีใครอยู่แถวนั้นเลยท่านเดินกลับไป
หาคุณแม่ "แม่ครับเรียกผมหรือเปล่า"
"เปล่าจ้ะ"
"มีคนเรียกผม"
"ไม่มีใครเรียก ออกไปเล่นข้างนอกเถอะ" คุณพ่อก็เลยเดินออกมา แต่ก็ได้ยินคนเรียกชื่ออีก
"มิเชล มิเชล" เสียงนั้นเหมือนเรียกมาจากที่ไกลๆ ท่านจึงเดินกลับเข้าไปในบ้านอีกครั้ง
"แม่ครับ แม่เรียกผมหรือเปล่าผมได้ยินคนเรียกน่ะแม่"
"ไม่มีหรอกออกไปเล่นเถอะ" ท่านก็ออกมาเล่นนอกบ้านและมีเสียงเรียกท่านอีกเป็นครั้งที่สาม คุณแม่
ท่านบอกว่า"ถ้าหากลูกได้ยินเสียงเรียกอีกให้ลูกตอบไปว่า ข้าแต่พระเจ้าโปรดตรัสมาเถืด ข้ารับใช้
ของพระองค์กำลังฟังอยู่"
ตอนที่คุณพ่ออายุ 6 ขวบ พระเป็นเจ้าชักชวนคุณพ่อให้ฟังเสียงของพระองค์ผ่านทางพระวาจา
แทนการสนทนาด้วยเสียงกับคุณพ่อเสียงของพระองค์แตกต่างจากเสียงที่ได้ยินตอนอายุ สามขวบ...
วันหนึ่งท่านได้วิ่งไปหาคุนแม่ด้วยความกลัว "แม่ครับ ผมเจอตัวอะไรไม่รู้น่าเกลียด น่ากล้ว
สูงประมาณ 15 ฟุต ปรากฏตัวอยู่ในสวน อสูรกายตัวนั้นคือ(ปีศาจ)ปีศาจ
"ไม่ต้องกลัว" คุณแม่กล่าว "เรามาสวดสายประคำกัน" ตอนนั้นคุณพ่อเห็นว่า การสวดสายประคำทำ
ให้อสูรกายตัวนั้นกลับสู่นรกดังเดิม...
ในปีที่ผ่านมาคุณพ่อของท่านชื่อเออมิลต้องทรมานจากการหายใจลำบากแต่ว่าคุณพ่อก็ไม่เคย
เห็นคุณพ่อของท่านต่อต้านหรือต่อว่าพระองค์เพียงเพราะความเจ็บป่วยปอดของเออร์มิลต้องการ
ออกซิเจนอย่างมากแต่เครื่องช่วยหายใจไม่มีทุกคนในครอบครัวจะเปิดประตูและหน้าต่างเอาไ
ว้เพราะลมเย็นๆจะมีออกซิเจนเยอะ ทุกคนในครอบครัว 23 คนยอมทนหนาวเพื่อให้ เออร์มิลหายใจ
ดีขึ้น คุณพ่อมิเชลถามพระเจ้าว่า "ทำไมพ่อของผมถึงต้องเป็นโรคนี้ด้วย"
พระเป็นเจ้าตอบคุณพ่อว่า "ลูกจำที่เราพูดคุยกับลูกเกี่ยวกับบาปกำเหนิดและส่งผลให้ร่างกายเรา
เจ็บป่วยได้ไหม นี้แหละคือผลจากบาปกำเหนิด"
"แต่ทำไมต้องเป็นโรคมะเร็งด้วย"
พระเจ้าตอบ "ความอ่อนแอในร่างกายทำให้เขาพ่ายแพ้ต่อโรค แต่นั่นไม่ใช่ความผิดของเขาหรอก"
ในวันที่เกิดพายุขนาดใหญ่หิมะตกหนาถึง 5 ฟุต เออร์มิลเริ่มจะมีอาการแย่หายใจไม่ออก
คุณแม่ท่านได้กล่าวกับพี่ชายท่านให้ไปตามบาทหลวงมาที่บ้าน พระสงฆ์เดินเข้ามาในห้องนอน
เออร์มิลเพื่อมอบศิลเจิมคนไข้และสวดภาวนาให้เขา พระสงฆ์เดินออกมาหาแม่ท่านและหัวเราะออกมา
"ท่านหัวเราะทำไม" คุณแม่ถาม
"เขายังไม่ตายหรอกเพราะเขายังเล่าเรื่องตลกให้พ่อฟังอยู่เลย"
เออร์มิล มีชีวิตอยู่ต่ออีกสองปี...จากเหตุการณ์นี้พระบิดาทำให้คุณพ่อมิเชลเข้าใจอย่างลึกซึ้งถึงพลัง
การเป็นคริสตชน
ยิ่งคุณพ่อมิเชลเติบโตขึ้นท่านก็พบเจอ(ปีศาจ)ปีศาจมากขึ้น มันสิงในบ้านของคุณพ่อ พี่สาว
และพี่ชายไปหาพระสงฆ์ประจำชุมชนวัดขอให้ท่านมาเสกบ้านให้ด้วย พระสงฆ์เปิดประตูบ้านเข้าไป
(ปีศาจ)ปิศาจก็ส่งเสียงคำรามน่ากลัวทำให้พระสงฆ์วิ่งหนีไป พวกพี่ น้องของคุณพ่อ ได้ไปขอร้อง
พระสังฆราชให้มาขับไล่แทน (ปีศาจ)ปีศาจก็แผดเสียงร้องน่ากล้วอีกครั้งทำให้พระสังฆราชร้องลั่น
ออกมาว่า "พ่อทำไม่ได้ พ่อทำไม่ได้ "
ตอนคุณพ่อมีอายุ 7 ปี ในตอนพระอาทิตย์ตกดินวันหนึ่ง คุณแม่ใช้ให้ท่านไปให้อาหารเป็ด
" แม่ครับ" แม่อยากให้ผมออกไปให้อาหารเป็ดจริงๆหรือครับ"
"ใช่ ลูกทำได้อยู่แล้ว "
"แม่ครับแต่ว่ามันจะมืดแล้ว เจ้า(ปีศาจ)ปิศาจมันจะจับตัวผม "
" ไม่ต้องกลัว " คุณแม่ปลอบ เกอเวส เป็นพี่ชายคุณพ่อรับอาสาจะไปด้วยกัน ทั้งสองกำลังจะเข้าไป
ใกล้บริเวณลำน้ำ ทันใดนั้นแผ่นดินตรงเท้าของคุณพ่อและพี่ชายก็แยกออกจากกัน มีมือประหลาด
เหมือนสัตว์โผล่ออกมาจากรอยแยกนั้น แล้วจับขาคุณพ่อไว้พร้อมกับดึงท่านให้ลงมาใต้ดิน เกอเวส
จับมือคุณพ่อแล้วออกแรงดึงคุนพ่อขึ้นมาแต่ก็ไม่สามารถสู้แรงมันได้คุนพ่อคิดในใจว่า "ผมไม่รอดแล้ว"
ท่านนึกถึงพระแม่มารีย์แล้วร้องตะโกนออกมาว่า " พระแม่มารีย์ พระชนนีแห่งพระเจ้าได้โปรดช่วยลูกด้วย "
ทันใดนั้นก็มีแรงดึงมหาศาลฉุดคุณพ่อขึ้นมา ทั้งสองจึงรีบวิ่งกลับเข้าบ้าน
" ไม่ต้องให้พวกผมไปให้อาหารเป็ดอีกแล้วนะ" ทั้งสองคนตะโกนบอก
" เรามาสวดสายประคำกัน "
หลังจากคุณพ่อของท่านเสียชีวิตคนในครอบครัวได้หารือกันว่าต้องหาทางกำจัด (ปีศาจ)
ปิศาจที่อยู่กับพวกเขามานานคนในครอบครัวไม่มีอำนาจที่จะไล่มันออกไปจึงตัดสินใจเผาบ้านทิ้ง
คุณพ่อบอกกับคนในครอบครัวว่า " ผมจะเป็นคนจุดไฟเผาบ้านเอง" คุณพ่อเทน้ำมันลงไปในหลุม
ที่ขุดไว้แล้วจุดไม้ขีดไฟโยนลงไปในหลุม พอไฟลุกก็มีลมแรงพัดเปลวไฟให้ดับลง คุณพ่อจึงจุดไม้ขีด
ก้านทีสองแต่ก็ไม่ติด คุณพ่อจึงภาวนาต่อพระแม่มารีย์ จุดไฟครั้งที่สามว่าขอให้ไฟเผาบ้านนี้ จากนั้น
ไฟก็ลุกโชน คุณพ่อวิ่งผ่านเปลวไฟออกมาก็เหมือนมีมือยื่นออกมาจับตัวคุณพ่อ...คุณแม่เห็นดังนั้นจึง
(สวด)สวดภาวนา ถึงพระหฤทัยอันศักดิ์สิทธิ์ยิ่งของพระเยซูคริสต์เจ้า ทันใดนั้นมือไฟทียื่นออกมาก็
หายกลับเข้าไปในบ้านที่ลุกไหม้...
ครอบครัวคุณพ่อได้ไปเริ่มต้นชีวิตใหม่อีกหมู่บ้านหนึ่ง แต่(ปีศาจ)ปิศาจก็หาวิธีที่จะมาอยู่กับ
คุณพ่ออีก คุณพ่อต้องทนทุกข์กับความเจ็บปวดใต้ผิวหนังอย่างมาก คุณแม่ท่านพาไปหาหมอรักษา
แต่หมอบอกว่า หมอยังไม่เคยเจอโรคแบบนี้เกิดกับเด็กอายุน้อยขนาดนี้ เพราะโรคนี้จะเกิดกับผู้สูง
อายุที่ใกล้เสียชีวิตเท่านั้น หมอให้ยามากินแต่อาการไม่ดีขึ้น มันเหมือนมีแมงมุมตัวใหญ่อยู่ใน
ร่างกาย แต่ถ้าพ่อเอนตัวอยู่บนเตาเผาไม้ พ่อรู้สึกดีขึ้น รู้สึกว่าร่างกายพ่อเมื่ออยู่ใกล้ความร้อนสิ่งที่
อยู่ในตัวพ่อมันตายไป แต่ตัวพ่อไม่รู้สึกร้อนเลย มันแปลก มากๆ คุณแม่ก็งงเช่นกัน วันหนึ่งคุณแม่
เข้ามาหาตอนที่คุณพ่อกำลังร้องไห้เพราะความเจ็บปวดมาก
" ฟังแม่นะ พระเป็นเจ้าไม่ได้ทรงกระทำสิ่งนี้ มันไม่ปกติแล้ว "
" ผมรู้ครับแม่ แต่มันอยู่ในตัวผมผมไม่รู้ว่ามันคืออะไร" งั้นเรามาสวดภาวนาแล้วมองไปที่พระหฤทัย
ศักดิ์สิทธิ์ยิ่งของพระเยซูเจ้านะลูก " ท่านทั้งสองสวดภาวนาต่อหน้ารูปพระพระเยซูเจ้า " ทีนี้มองไปที่
ดวงหทัยอันนิรมลของพระแม่มารีย์ เราจะขอพระแม่ให้ลูกหลับเพื่อให้พระเยซูเจ้ารักษาลูก "
แล้วท่านทั้งสองก็สวดภาวนาขอแล้วก็หลับไป คุณพ่อตื่นขึ้นมาในเช้าวันรุ่งขึ้นพบว่าร่างกายของท่าน
หายเป็นปกติไม่เจ็บปวดอีกแล้ว และสิ่งนั้นที่อยู่ในตัวของคุณพ่อได้ร่วงหล่นบนที่นอน คุณแม่
และคุณพ่อได้ถอดผ้าปูที่นอนออกแล้วเผาทิ้ง...
หลังจากนั้นไม่นานคุณพ่อก็ได้รับศีลมหาสนิทเป็นครั้งแรก.....
ชีวิตของคุณพ่อจะเป็นอย่างไรหลังจากที่ได้รับศิลฯ ครั้งเเรก
อ่านต่อในตอนที่ (2) พรุ่งนี้