เรื่องจริง “ จากการสวดสายประคำ”

ใครมาใหม่เชิญทางนี้ก่อน ทักทาย ทดลองโพส
ตอบกลับโพส
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 5937
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

พฤหัสฯ. มี.ค. 03, 2022 11:25 pm

เรื่องจริง " อย่ายอมแพ้ "

🗣️ เรื่องจริงเล่าโดย Carolyn D. Susin เมือง Martinez รัฐแคลิฟอร์เนีย
จากหนังสือ 101 Inspirational Stories of the Rosary เรื่อง " Don't Give Up "

✍️ แปลโดย กอบกิจ ครุวรรณ

เรา (wedding) แต่งงานมาได้ 10 ปีแล้วแต่ยังไม่มีบุตร 6 ปีแรกหลังการแต่งงาน
ทุกปีเราไปแสวงบุญในช่วงพักร้อนที่ประเทศอิตาลี และในการแสวงบุญปีที่ 6 ระหว่างที่เราอยู่
ในวัดนักบุญมาร์โก เมืองฟลอเร้นซ์ มีพระสงฆ์องค์หนึ่งพูดกับเราเป็นภาษาอิตาเลียนว่า ดิฉันตั้ง
ครรภ์ไม่ได้ และแนะนำให้ดิฉันสวดขอพระกุมาร ดังนั้นดิฉันจึงได้ทำนพวารสวดขอพระกุมารแห่ง
กรุงปราก และทำนพวารวอนขอพระ มารดานิจจานุเคราะห์...
4 ปีต่อมาดิฉันไปแสวงบุญกับกลุ่มคาทอลิกที่ประ เทศไอร์แลนด์ ระหว่างที่อยู่บน✈️เครื่องบิน
ดิฉันสวดสายประคำ 15 ทศ ซึ่งเป็นสิ่งที่ดิฉันพยายามสวดอยู่ทุกวัน แต่ระหว่างที่สวดอยู่บน
เครื่อง✈️บินวันนั้น ดิฉันหลับตาและเห็นทารกคนหนึ่งในครรภ์ ดิฉันรู้สึกตกตะลึง และเล่าเรื่องนี้
ให้สามีภรรยาคู่หนึ่งที่เดินทางไปด้วยกัน ดิฉันหวังว่าสิ่งที่เห็นคงเป็นเครื่องหมายอย่างหนึ่งแต่ก็
ไม่ได้ตั้งความหวังไว้มากนัก อย่างไรก็ตาม หนึ่งเดือนให้หลังดิฉันก็ได้ตั้งครรภ์จริงๆ และต่อมา
ก็ได้ให้กำเนิดลูกชายชื่อ มาร์ค แอนโทนี ซึ่งขณะนี้อายุได้ 8 เดือนครึ่ง...
ดิฉันเป็นคนทำสายประคำ(ลูกปัด) และมีเรื่องเกี่ยวกับสายประคำ ที่ได้สัมผัสชีวิตของวัยรุ่น
บางคนรวมทั้งพระสงฆ์องค์หนึ่งด้วย หลังจากที่เราแต่งงานได้ 1 ปี คุณพ่อเจ้าวัดได้ขอให้เราช่วย
สอนนักเรียนที่เตรียมรับศีลกำลังซึ่งมีพระสงฆ์บวชใหม่องค์หนึ่งสอนและดูแลอยู่...
ขณะที่เรากำลังเตรียมเข้าเงียบค้างคืนให้นักเรียนวัยรุ่น 40 คนอยู่นั้น ดิฉันได้ตัดสินใจจะทำ
(ลูกปัด) สายประคำด้วยมือให้นักเรียนแต่ละคน คุณพ่อโทนี่พระสงฆ์ผู้รับผิดชอบไม่สู้จะเห็นด้วยกับ
ความคิดของดิฉันและคิดว่าพวกนักเรียนคงไม่ชอบสายประคำกันนัก และยืนยันว่าตนมิใช่พระสงฆ์
แนวแม่พระ อย่างไรก็ตามดิฉันยังคงดำเนินการต่อไปตามที่คิดไว้...
ดิฉันสอนพวกเขาให้รู้จักการสวดสายประคำระหว่างการเข้าเงียบ พวกเขาตื่นเต้นกันมาก
และไม่เชื่อว่าดิฉันได้ใช้เวลามากกว่า 50 ชั่วโมงเพื่อทำสายประคำให้พวกเขา คํ่าวันนั้นมีนักเรียน
หญิงคนหนึ่งขอให้ดิฉันอยู่กับเธอต่อเพื่อจะได้สวดสายประคำด้วยกันจนครบ เธอสวดตามแผ่น
กระดาษ หนังสือคู่มือทุกขั้นตอนเพราะเธอไม่เคยสวดสายประคำมาก่อน..
สัปดาห์ต่อมา ไม่มีการสอนเรื่องศิลกำลังเพราะนักเรียนอยู่ระหว่างการเข้าเงียบ เราจึงไม่คาดว่า
จะได้รับการติดต่อจากพระสงฆ์ อย่างไรก็ตาม ประมาณกลางสัปดาห์นั้นเอง ดิฉันได้รับโทรศัพท์
เป็นคุณพ่อโทนี่ที่โทรมาแต่ก็ไม่พูดอะไรจนดิฉันแปลกใจและถามท่านว่ามีเหตุการณ์ผิดปกติเกิดขึ้นหรือ
คุณพ่อถามว่าดิฉันรู้จัก นักเรียน(ผู้ชาย)ชายคนหนึ่งที่อยู่ในชั้นเรียนนั้นหรือไม่ เมื่อดิฉันได้ยินชื่อของเขา
ก็ตอบว่ารู้จักดี ท่านจึงพูดต่อไปว่าเขาประสบอุบัติเหตุทาง รถยนต์ ดิฉันจึงถามคุณพ่อว่าเขาอยู่ใน
โรงพยาบาล หรือเสียชีวิตไปแล้ว...
คุณพ่อโทนี่อึกอักอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพูดต่อว่า "ก็เพราะเรื่องนี้แหละ..." พ่อจึงรีบโทรฯหาเธอทันทีที่
ทราบข่าวอุบัติเหตุ เรื่องก็คือเด็กคนนั้นอยู่ใน(รถ)รถกับเพื่อนวัยรุ่นอีก 3 คนขณะเกิดเหตุ รถพังทั้งคัน
แต่เด็กทั้ง👨‍👨‍👦‍👦สี่คนเดินออกจากรถได้โดยไม่มีใครได้รับบาดเจ็บเลย จากนั้นคุณพ่อก็พูดต่อว่า
พวกเขา 👨‍👨‍👦‍👦 บอกพ่อว่า คุณพ่อครับตอนนั้นผมมีสายประคำอยู่ด้วย...
นักเรียนคน(ผู้ชาย)นั้นรู้สึกว่าจะต้อง (โทร)โทรศัพท์แจ้งเรื่องที่เกิดขึ้นให้คุณพ่อโทนี่ทราบทันที
โดยเฉพาะต้องบอกให้คุณพ่อทราบว่าเขามี(ลูกปัด)สายประคำอยู่กับตัวด้วย คุณพ่อโทนี่ไม่ได้พูดอะไรอีก
แต่ดิฉันคิดว่าสายประคำ และ พระนางมารีย์คงได้เปลี่ยนความคิดของคุณพ่อตั้งแต่วันนั้น.....

:s005:
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 5937
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

พฤหัสฯ. มี.ค. 03, 2022 11:28 pm

เรื่องจริง " แม่พระในสมรภูมิรบที่คูเวต "

🗣️ เรื่องจริงเล่าโดย Veronica M. Hairgrove เมือง Beaumont รัฐนิวยอร์ก
จากหนังสือ 101 Inspirational Stories of the Rosary
เรื่อง " The Blessed Mother in Kuwait"

✍️ แปลโดย กอบกิจ ครุวรรณ

คุณพ่อสอน👸ดิฉันให้รู้จักสวดสายประคำตั้งแต่เมื่อดิฉันมีอายุได้ 6 ขวบ ตอนนั้นดิฉันรู้สึกทึ่ง
เมื่อเห็นคุณพ่อ " เล่นกับ (ลูกปัด)เม็ดของสายประคำ " ที่จริงท่านมิได้เล่นสายประคำเลย หลังจากที่
ดิฉันเรียนรู้ถึงความสำคัญของการสวดสายประคำที่ทรงพลัง...
พระนางมารีย์ไม่เพียงแต่ช่วยเหลือดิฉันในการดำเนินชีวิตเท่านั้น แต่พระนางยังได้ช่วยชีวิตของ
ลูกชาย👮ดิฉันและเพื่อนๆ ของเขาอีกหลายคน ดิฉันเป็นพยานถึงอัศจรรย์หลายครั้งที่เกิดขึ้นจาก
สายประคำ แต่จะขอแบ่งปันเรื่องหนึ่งดังนี้..
ตอนนั้น แรนดี้👮ลูกชายคนเล็กเป็นทหารประจำการอยู่ในสมรภูมิรบ " พายุทะเลทราย " ในคูเวต
ดิฉันรู้สึกเป็นห่วงในความปลอดภัย ภัยของลูกชายเป็นอย่างมาก ระหว่างที่เขาไปประจำการอยู่ที่นั่น
ดิฉันได้ไปร่วมประชุมกับสภาสตรีของสังฆมณฑลรัฐเท็กซัสที่เมืองซานแองเจโล และเมื่อพระคุณเจ้า
ราโบรเกอร์ทราบว่าลูกชาย 👮คนเล็กของดิฉันอยู่ในสมรภูมิรบที่คูเวต พระคุณเจ้า และ ดิฉันก็ได้
ตัดสินใจที่จะสวดสายประคำด้วยกัน....
เราทั้งสองเริ่มสวดสายประคำตั้งแต่ 5 ทุ่มจนถึง ตี4 ของคํ่าคืนนั้น...
สองสัปดาห์ต่อมา ดิฉันได้รับ(จดหมาย)จดหมายจากลูกชาย 👮เรนตี้เขียนมาเล่าว่า " ตอนตีสอง
มีลูกกระสุนปืนปลิวว่อนอยู่เหนือศีรษะของผมและเพื่อนๆ ผมได้ยินเสียงกระสุนปืนแหวกอากาศข้ามศีรษะ
ไปมาอย่างชัดเจน อยู่นานทีเดียว ผมรู้สึกกลัวมากและเริ่มสวดภาวนา จากนั้นก็รู้สึกสงบและมั่นใจว่า
จะไม่เป็นอะไร ผมยังได้ยินเสียงหนึ่งดังขึ้นมาว่า ผมจะไม่ได้รับอันตราย เป็นเสียงที่ดังมาจากท้องฟ้า "....
เหตุการณ์ที่ลูกชายเล่าถึงนั้น ตรงกับคํ่าคืนและช่วงเวลาเดียวกันกับที่พระคุณเจ้า และดิฉันกำลัง
สวดภาวนาอยู่พอดี ! ดิฉันเชื่อว่าเป็นเสียงของแม่พระที่กล่าวกับ👮 แรนดี้นั่นเอง...
ดิฉันเอาจดหมาย (จดหมาย)ไปให้พระคูณเจ้าอ่านในที่ประชุมของพวกเรา ทุกคนที่ได้ยินต่างรู้สึก
ประทับใจ และเชื่อว่าเป็นเสียงของพระนางมารีย์ พระแม่ดูเเลเราทุกคน ขอให้พระแม่พิทักษ์รักษาเราไว้
ใต้เสื้อคลุมของพระนางและนำเราไปหาพระบุตรของพระนางด้วยเทอญ ...👍🤟🙏

🥀🥀🥀🥀🥀🥀🥀🥀🥀🥀
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 5937
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

เสาร์ มี.ค. 12, 2022 10:21 am

เรื่องจริง : 🙏 ความศรัทธาเหนือหมู่ก้อนเมฆ

เรื่องจริงเล่าโดย : John W. Duiker เมือง Narre Warren South รัฐ วิคตอเรีย ออสเตรเลีย
จาก หนังสือ 101 Inspirational Stories of the Rosary เรื่อง " Devotion above the Clouds "

แปลโดย กอบกิจ ครุวรรณ

ในเดือน มิถุนายน 2002 ผมเพิ่งแต่งงานที่ ออสเตรเลียและได้วางแผนที่จะไปดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์
ในลักษณะของการแสวงบุญที่ เมดูกอร์ เจ และที่ลูร์ด นับเป็นพระพรสูงส่งที่สามารถใช้เวลาวิเศษ
เช่นนี้ในพระหัตถ์ของพระเยซูคริสต์ภายใต้การชี้นำของพระมารดา การใช้เวลาในสถานที่แสวงบุญ
ช่วยเพิ่มความศรัทธาการสวดสายประคำกับเราทั้งสองอย่างมาก....
ระหว่างเที่ยวบินขากลับจากเมืองแฟรงก์เฟิร์ตไปยังสิงคโปร์นั้นใช้เวลาบิน 13 ชม. ผมรู้สึก
อึดอัดเป็นอย่างมากเพราะเป็นคนสูง 185 ซม. และได้ที่นั่งตรงกลาง ด้านซ้ายมือเป็นที่นั่งของภรรยา
ที่ติดกันกับหน้าต่าง ด้านขวาเป็นสุภาพบุรุษร่างยักษ์ที่นั่งอยู่ติดกับทางเดินกลางเครื่อง ผมนั่งกระสับ
กระส่ายอดรนทนไม่ไหวและหันไปกระซิบกับภรรยาว่า "ผมคิดว่าผมคงจะทนอยู่ในสภาพเช่นนี้นาน
ถึง 13 ชม.ไม่ไหวเป็นแน่ "....
ภรรยาผมไม่ตอบอะไร เธอใช้มือหยิบสายประคำจากกระเป๋าถือและเริ่มสวดให้ผม
ผมทำตามโดยเอาสายประคำออกมาสวดบ้างเพื่อสวดขอให้รู้สึกว่ามีอากาศหายใจได้บ้าง....
หลังจากที่สวดไปได้ 10 เม็ดแรก ก็รู้สึกว่าความเครียดได้อันตรธานหายไป และมีจิตใจที่สงบ
ผมสวดขอให้สุภาพบุรุษที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ผมเอาแขนที่วางทาบติดอยู่กับไหล่ และหน้าอกของผมออกไป
หนุนที่ด้านหลังศีรษะของเขา ซึ่งไม่นานต่อมาเขาก็เปลี่ยนท่าเป็นเอาขาออกไปยังบริเวณทางเดิน
กลางเครื่องโดยที่ยังใช้แขนหนุนศีรษะอยู่....
ผมหันไปยิ้มให้กับภรรยาอย่างเป็นสุข และเราทั้งสองก็ได้สวดถวายเกียรติแด่พระเยซูคริสต์
โดยผ่านทางแม่พระขณะที่เรากำลังบินอยู่เหนือก้อนเมฆ....

:s002: :s002:
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 5937
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

จันทร์ มี.ค. 21, 2022 11:21 pm

🙏 อย่ากลัว...ที่จะสวดภาวนาผ่านทางพระนางมารีย์ !

โดย : เอลิซาเบท วัวนีเอร์
((2)ตอนจบ )

แปลโดย : กอบกิจ ครุวรรณ
(ตอนที่ (1))

เรื่องนี้เกิดขึ้นในสวรรค์ เมื่อพระเยซูเจ้าเรียกเปโตรไปพบและตรัสถามว่า "เมื่อวานตอนคํ่า
เราเดินผ่านไปเห็นผู้ที่ผ่านการคัดเลือกเข้าสวรรค์และประหลาดใจที่มีหลายคนดูเหมือนจะมี
คุณสมบัติ ไม่ตรงตามที่สวรรค์บัญญัติไว้...เธอแน่ใจหรือว่าได้ตรวจเฝ้าประตูเข้าสวรรค์ไว้
เป็นอย่างดีในตอนกลางคืน ?"...
เมื่อถูกถามเช่นนั้น
เปโตรก็กลับไปปฏิบัติงานของตนด้วยความระมัดระวังเป็นพิเศษ และตรวจดูประตูสวรรค์
ทุกบานว่าได้ลง กลอนใส่กุญแจปิดอย่างแน่นหนาก่อนจะเลิกงานในตอนเย็นสองสามวันต่อมา
เปโตรก็ถูกเรียกไปพบ และก็ถูกถามเช่นเดิมอีกครั้งหนึ่ง ดังนั้นเปโตรจึงได้ตัดสินตรวจสอบ
อีกรอบหนึ่งหลังการเลืกงานแล้ว...
วันรุ่งขึ้น เปโตรขอเข้า เฝ้าพระเยซูเจ้าทูลว่า " พระอาจารย์ครับ " ผมมีคำตอบอธิบาย
สิ่งที่เกิดขึ้นแล้ว การปฏิบัติงานในตอนกลางวัน ทุกอย่างเป็นปกติไม่มีปัญหาใด ๆ แต่หลัง
จากที่ผมปิดประตูใส่กุญแจตอนเลิกงานแล้ว ตอนกลางคืนผมเห็นพระมารดาของพระองค์
ทรงเปิดหน้าต่างทุกบานทิ้งไว้..."
บางครั้ง การเล่าถึงความลี้ลับแห่งความรักโดยใช้เรื่องขำขันก็ทำให้เข้าใจกันได้ง่ายที่เดียว !
เรื่องสั้นที่เล่ามานี้ เป็นสิ่งที่เล่ากันสืบต่อมาตั้งแต่พระศาสน จักรในสมัยแรก เพื่อให้ทุกคนทราบว่า
ดวงหทัยของพระมารดาคือที่พักพิงที่ปลอดภัยที่สุดสำหรับผู้ที่ทราบว่าตนเป็นคนบาป
และไม่คู่ควรกับพระเยซูคริสตเจ้า....

พักเบรคตอนที่(1) พรุ่งนี้ติดตามต่อตอนที่ (2) (ไว้เจอกันใหม่)
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 5937
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

อังคาร มี.ค. 22, 2022 3:40 pm

🙏 อย่ากลัว...ที่จะสวดภาวนาผ่านทางพระนางมารีย์ !

โดย : เอลิซาเบท วัวนีเอร์
((2)ตอนจบ )

แปลโดย : กอบกิจ ครุวรรณ
(ตอนที่ (2)ตอนจบ )

พระเยซูคริสตเจ้าทรงมีพระประสงค์ให้เราทุกคนมีโอกาสเข้าสวรรค์ได้ จึงได้ประทาน
พระนางมารีย์พรหม จารีเป็นพระมารดาของชาว เรา ดังที่นักบุญเบอร์นาร์ดได้กล่าวไว้
ในบทภาวนาที่รู้จักกันดีว่า "เราไม่เคยได้ยินเลยว่า ผู้ที่มาขอความคุ้มครอง หรือ สวดวิงวอน
ผ่านทางพระนางเคยถูกทอดทิ้ง " พระนางมารีย์จึงทรงเป็น " ประตูสวรรค์ที่เปิดรับอยู่เสมอมิใช่หรือ?..
ขอให้เราอย่าเข้าใจผิดว่า พระบุตรและพระ มารดามีความคิดเห็นขัดแย้งกัน และดังนั้น
พระนางจึงต้องเข้าช่วยผ่อนหนักให้เป็นเบาเพื่อเราจะได้เข้าสวรรค์ได้ ! การคิดเช่นนี้เป็นการ
ขาดความเคารพต่อพระนางผู้ทรงมีดวงหทัยแนบสนิทกับพระหฤทัยขององค์พระผู้ไถ่ พระองค์
ทรงมีพระประสงค์ และทรงพอพระทัยประทานพระราชอำ นาจให้พระมารดาของพระองค์เสริม
ความรักและความเอื้ออาทรของพระองค์ต่อเรามนุษย์ สิ่งที่พระมารดาทรงกระทำด้วยการเสนอ
คำวิงวอนเพื่อเรา มิใช่เป็น การหลีกเลี่ยงกฎเกณฑ์การเข้าสวรรค์ แต่เป็นการกระ ทำที่สอดคล้อง
อย่างเหมาะสมของผู้ที่มีจิตใจเป็นมารดา...
ดังนั้น ขอให้เราอย่าได้คิดว่าพระนางมารีย์เป็นพระมารดาของเราโดยตำ แหน่งเท่านั้น
แต่ให้เรารู้จักอาศัยพระนางอย่างเต็มที่ในการเสนอคำวิงวอนเพื่อเรา ในฐานะที่พระนางทรงเป็น
พระมารดาแห่งพระศาสน จักร และเป็นมารดาของเราแต่ละคน ผู้ทรงให้กำเนิดชีวิตศักดิ์สิทธิ์แก่เรา
พระนางผู้ทรงได้รับพระหรรษทานอย่างล้นเหลือ จึงสามารถเปลี่ยนทุกสิ่งที่ผู้เป็นมารดาในโลกนี้
ให้แก่เราเป็นสิ่งเหนือธรรมชาติดังนั้นสมเด็จพระสันตะปาปา ยอห์นปอลที่ 2 จึงตรัสว่า "จงอย่ากลัว..
ที่จะรับพระนางมารีย์ไว้ในหัวใจ และจงพูดกับพระนางอยู่เสมอว่า " กายใจของลูกทั้งหมดเป็นของ
พระนางมารีย์ พระมารดาของลูก.......

:s005: :s005:
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 5937
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

ศุกร์ มี.ค. 25, 2022 11:52 am

🌄 การกลับใจเพราะแม่พระเหรียญอัศจรรย์ 🌻

เรื่องจริงโดย : Anne Marie Jacques (มี(2)ตอน)

แปลโดย : กอบกิจ ครุวรรณ
(ตอนที่ (1) )

อัลฟองซ์ ราติสบอนน์ เป็นทายาทของครอบครัวนายธนาคารชาวยิวที่เมือง
สตราสบูรก์ ประเทศฝรั่งเศส ขณะที่ยังเป็นเด็กอยู่ เธโอดอร์ พี่ชายได้กลับใจเป็นคาทอลิก
และต่อมาได้บวชเป็นพระสงฆ์ ครอบครัวของอัลฟองซ์จึงตัดความสัมพันธ์กับเธโอดอร์โดนสิ้นเชิง
อัลฟองซ์เองก็ตัดสินใจจะไม่พูดถึงพี่ชายคนนี้ตลอดชีวิต...
หลายปีต่อมา ขณะที่อยู่ในกรุงโรมอัลฟองซ์ได้พบกับกุสตาโว เพื่อนเก่าที่เคยเรียนหนังสือ
ด้วยกัน ทั้งสองรื้อฟื้นสัมพันธภาพในอดีตต่อกัน ขณะที่พบกันนั้น กุสตาโวอยู่กับน้องสาวและ
พี่ชายคนหนึ่งชื่อ บารอง ซึ่งก็ได้กลับใจเป็นศาสนาคาทอลิกและเป็นเพื่อนสนิทกับเธโอดอร์พี่ชาย
ของอัลฟองซ์ด้วย อัลฟองซ์กับบารองจึงสนิมสนมกันอย่างรวดเร็ว แต่อัลฟองซ์ยังคงเกลียด
ศาสนาคาทอลิกเช่นเดิม ระหว่างการสนทนาอัลฟองซ์มักพูดจาเย้ยหยันและเสียดสีศาสนาคาทอลิค
ที่สุด บารองสุดจะทนพฤติกรรมของอัลฟองซ์จึงได้พูดท้าให้เขาสวม "เหรียญแม่พระอัศจรรย์ "
ที่คอเป็นเวลา 1 เดือน และให้เขาสัญญาว่าจะสวดบท "โปรดระลึกเถิด" ทุกเช้า และทุกคํ่าด้วย...
อัลฟองซ์รู้สึกมึนงงกับการถูกท้าทายโดยไม่คาดคิดมาก่อนจนพูดไม่ออก บารองพูดต่อไปว่า
"แม้ผมจะรู้ดีว่าการท้าทายของผมสำหรับคุณดูเป็นเรื่องตลก แต่เหรียญนี้มีความสำคัญกับผมมาก
ผมขอร้องให้คุณรับคำท้านะอัลฟองซ์ "
และก็ด้วยพระพรที่ไหลหลั่งลงมาเป็นพิเศษ อัลฟองซ์ซึ่งดูเหมือนกำลังตกอยู่ในภวังค์ยอมให้น้องสาว
ตัวน้อยของบารองคล้องเหรียญรอบคอให้ เขาหัวเราะพร้อมกับพูดติดตลกว่า "ตอนนี้ผมเป็นคาทอลิก
ผู้แพร่ธรรมแล้วนะ ! " หลังจากนั้นบารองไม่รอช้ารีบติดต่อเพื่อนๆที่เป็นคาทอลิกให้ช่วยกันสวดภาวนา
เพื่อการกลับใจของอัลฟองซ์...
ไม่นานต่อมา ทั้งสองพบกันอีกบนถนนหน้าพระวิหารนักบุญ อันเดรีย แห่ง
ฟรัตเต ที่กรุงโรม ขณะนั้นบารองกำลังช่วยเตรียมจัดงานศพของเพื่อนสนิทคนหนึ่งที่วัด เขาจึงขอให้
อัลฟองซ์รอเขาในวัดระหว่างที่เขาไปติดต่อจัดเตรียมพิธีงานศพกับฤษีในอาราม เมื่อเสร็จธุระแล้วก็
กลับเข้ามาในวัด และพบอัลฟองซ์คุกเข่าอยู่ต่อหน้าพระแท่นนักบุญมีคาแอล กำลังร้องไห้สะอื้นอยู่
และมีน้ำตาไหลนองหน้า เขาขอร้องให้พาไปหาพระสงฆ์เพื่อสารภาพบาป ! เขาเล่าถึงสิ่งที่เกิดขึ้นดังนี้:...

จบตอนที่(1) ติดตามตอนที่ (2)ในวันพรุ่งนี้ (บ๊ายบาย)
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 5937
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

อาทิตย์ มี.ค. 27, 2022 8:41 pm

🌄 การกลับใจเพราะแม่พระเหรียญอัศจรรย์ 🌻

เรื่องจริงโดย : Anne Marie Jacques (มี(2)ตอน)

แปลโดย : กอบกิจ ครุวรรณ
(ตอนที่ (2) ตอนจบ )

" ผมรออยู่ในวัดได้ไม่นาน ทันใดนั้นเอง ในหัวของผมเกิดว้าวุ่นอย่างหนัก ผมเงยหน้าขึ้น
ก็มองไม่เห็นอะไรเลยนอกจากที่ด้านหนึ่งของพระแท่นดูดแสงสว่างทั้งหมดไปรวมอยู่ที่นั่น
และที่ใจกลางของความสว่าง ไสวนั้นเอง ผมแลเห็นพระ นางพรหมจารีมารีย์สวมอาภรณ์เจิดจรัส
พระนางเปี่ยมด้วยความสง่างามและอ่อนหวานเหมือนกับภาพบน เหรียญฯมี่ผมใส่คล้องคออยู่"...
" มีพลังบางอย่างที่ผมไม่อาจขัดขืนได้นำผมให้เข้าไปใกล้ จากนั้นพระนางพรหมจารีย์ทำ
สัญญาณให้ผมคุกเข่าลงและทำให้ผมเข้าใจว่า เท่านี้ก็พอแล้ว ! พระนางไม่ได้กล่าวอะไรเลย
ให้แต่ผมก็เข้าใจได้ทั้งหมด "...
อัศจรรย์ที่เกิดขึ้นขณะที่อัลฟองซ์ราติสบอนน์ มีอายุ 27 ปี และกำลังเตรียมตัวทำงานเป็น
หุ้นส่วนในธนาคารของคุณลุงคนหนึ่ง อัลฟองซ์เพิ่งหมั้นหมายกับสาวสวยที่เป็นลูกพี่ลูกน้องกัน
แต่เนื่องจากคู่หมั้นเพิ่งมีอายุเพียง 16 ปีจึงมีการตกลงให้เลื่อนงานแต่ง งานออกไปก่อน ด้วยเหตุนี้
อัลฟองซ์จึงเดินทางไปท่องเที่ยวในยุโรปและพบกับเพื่อนเก่าที่กรุงโรมในวันนั้น.
อัลฟองซ์ทราบดีว่า การกลับใจเป็นคาทอลิกหมายถึงการที่เขาจะสูญเสียความหวังและผล
ประโยชน์ทางโลกทั้งหมดตามแผนที่ได้วางไว้ แต่สิ่งเหล่านี้หาได้หยุดยั้งความตั้งใจของเขาไม่
เขาเขียนบันทึกในภายหลังว่า....
"..ผมพร้อมที่จะเผชิญหน้ากับทุกสิ่งและผมต้อง การรับศีลล้างบาปทันทีพวกเขาพยายามชักจูง
ให้ผมเลื่อนเวลาออกไป ผมจึงอุทานขึ้นว่า " จะให้ผมรอต่อไปได้อย่างไร คิดดูสิ ชาวยิวเมื่อได้ยิน
อัครสาวกเทศน์สอนแล้วก็ขอรับศีลล้างบาปทันที แล้วนี่พวกคุณจะให้ผมรอต่อไปอีกหรือ ทั้งที่ผม
ได้ยินเสียงของพระราชินีแห่งคณะอัครสาวก !...
11 วันต่อมา อัลฟองซ์ ราติสบอนน์ก็ได้รับศีลล้างบาป ศีลมหาสนิท และศีลกำลัง หลังจากนั้น
ก็ได้ยกเลิกการหมั้น อัลฟองซ์สมัครเข้าบ้านเณรและได้รับศีลบวชเป็นพระสงฆ์ใน ปี 1847
ท่านมีความปรารถนาแรงกล้าที่จะใช้ชีวิตที่เหลือทำงาน และสวดภาวนาเพื่อการกลับใจของเพื่อน
ชาวยิวและมุสลิม อัลฟองซ์ร่วมมือกับเธโอเดอร์พี่ชายตั้ง คณะภคินีแม่พระแห่งไซออนที่เน้นการ
สวดภาวนาตามจิตตารมณ์ที่กล่าวมานี้ ต่อมาอ้ลฟองซ์และพี่ชายได้ย้ายภคินีของคณะไปที่แผ่นดิน
ศักดิ์สิทธิ์ และสร้างอารามขึ้น 2 หลัง โรงเรียน 1 หลัง และสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าอีก 2 แห่ง
ท่านปฏิบัติภาร กิจอยู่ที่นั่นร่วมกับสหาย (คุณพ่อแห่งไซออน) และมรณภาพในปี 1884...
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 5937
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

อังคาร มี.ค. 29, 2022 9:21 pm

เรื่องจริง : คํ่าคืนที่มืดมิด

เรื่องจริงเล่าโดย : Scott Robinson เมือง Spokane รัฐ วอชิงตัน
จากหนังสือ 101 Inspirational Stories of the Rosary เรื่อง " On a Dark Night "

แปลโดย : กอบกิจ ครุวรรณ

มีคนเคยบอกดิฉันว่า หากเราไม่มีเวลาสวดสายประคำหรือยังไม่อยากสวด ก็ขอให้มี
สายประคำติดตัวไว้เพราะลำพังการมีสายประคำติดตัวก็เป็นการสวดภาวนาและสามารถ
คุ้มครองป้องกันภัยเราได้แล้ว ดิฉันประสบเหตุในวันหนึ่งและได้พิสูจน์แล้วว่าสิ่งที่ได้ยินมา
นั้นเป็นความจริง...
ตั้งแต่เข้าวัยรุ่น ดิฉันคลุกคลีกับยาเสพติดจนกระทั่งยาเสพติดเป็นส่วนหนึ่งที่สำคัญ
ของชีวิตไปแล้ว ไม่ว่าดิฉันคิดจะเลิกเสพย์และมีความตั้งใจดีเพียงไร ไม่นานต่อมาดิฉันก็
จะกลับไปติดอยู่ในวังวนของการเสพย์ยาจนเป็นทาสของยาเสพติดอีก...
คํ่าคืนวันหนึ่งดิฉันตกอยู่ในสถานการณ์เข้าตาจน ดิฉันไม่มีเงินติดตัวเลยแต่ดิฉันก็
ขาดยาเสพติดไม่ได้ยิ่งกว่านั้นดิฉันยังทำตัวเป็นคนโง่อย่างที่สุดด้วยการเอาชีวิตของตนเข้า
แลกกับยาเสพติด...
ขณะนั้นดิฉันเดินอยู่บนท้องถนนไปตามย่านที่มีการซื้อขายยาเสพติด ดิฉันพบแก๊งค์
วัยรุ่นที่ขายยาที่ต้องการได้ พวกเขาพาดิฉันไปที่มุมห้องร้างมืดๆแห่งหนึ่ง พวกเขามีด้วยกัน
4-5 คน ดิฉันขอยาพวกเขา แต่พวกเขาขอดูเงินของดิฉันก่อน ซึ่งดิฉันไม่มีเงินเลย พวกเขา
เป็นนักเลงหัวไม้และไม่ชอบการถูกหลอกให้เสียเวลาฟรีๆ ดิฉันก็ไม่ ทราบว่าจะทำอย่างไร
พวกเขาหัวเสียมาก ผู้หญิงที่กร้านที่สุดในกลุ่มคนหนึ่งยื่นหน้าจนแทบจะชนหน้าของดิฉัน
ตะคอกให้ดิฉันเอาเงินสดออกมาทันที ดิฉันจึงเอามือล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกง ทำท่า
เหมือนกับกำลังหยิบเงินออกมา ดิฉันหยิบสิ่งที่มีอยู่ในกระเป๋ากางเกงซึ่งมีอยู่เพียงสิ่งเดียว
คือสายประคำ
ผู้หญิงกร้านคนนั้นเมื่อเห็นสายประคำหน้าถอดสีทันที และถอยหลังออกไป และพูดด้วย
เสียงที่ดังกร้าวขึ้นในทำนองว่าเธอไม่อยากข้องแวะกับดิฉัน " พวกแกอย่าไปยุ่งกับเขา "
ตอนนั้นหนุ่มคนหนึ่งที่ยืนอยู่ข้างๆ เตรียมพร้อมที่จะใช้มีดฆ่าดิฉันอยู่แล้ว แต่เสียงของเธอก็
คำรามอย่างหนักแน่นซํ้าขึ้นอีกครั้งหนึ่ง "ฉันบอกแล้วไงว่าอย่าไปยุ่งกับเธอ !"
จากนั้นเธอก็เดินไปรวมกับพวกเขาและพูดว่า " ไปเหอะ เราไปที่อื่นกันดีกว่า "..
แล้วพวกเขาก็พากันเดินจากไปทันที ปล่อยให้ดิฉันอยู่ตามลำพังในห้องที่มืดนั้น สายประคำ
ยังคงอยู่ในมือ ดิฉันอ้าปากค้างด้วยความงุนงง อำนาจของพระนางมารีย์และสายประคำอยู่ใน
จิตใจของดิฉันนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา.....
ตอบกลับโพส