อัครสาวกนิรนามแห่งความรัก ( 4 ตอน )

ใครมาใหม่เชิญทางนี้ก่อน ทักทาย ทดลองโพส
ตอบกลับโพส
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 5937
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

ศุกร์ มี.ค. 11, 2022 9:46 pm

……อัครสาวนิรนามแห่งความรัก……

แปลและรวบรวมโดย : กอบกิจ ครุวรรณ ((4)ตอนจบ )

ตอนที่ (1):
โยอาคิม เหงียน ทัน วัน เกิดวันที่ 15 มีนาคม ค.ศ.1928 ที่หมู่บ้านงามเกียว ฮานอย
เวียดนามเหนือ และรับศีลล้างบาปในวันรุ่งขึ้น ครอบครัวของเขาเป็นคริสตังใจศรัทธา
"วัน" มีพี่ชายชื่อ "เลียต" และน้องสาวชื่อ "เล" พ่อบ้านชื่อโยอาคิม เตรียด เป็นช่างตัดเสื้อ
ส่วนแม่บ้านชื่อ "อันนา เมิง" เป็นชาวนาและเป็นหมอตำแยของหมู่บ้าน...
" วัน" มีใบหน้ารูปไข่ โหนกแก้มสูง ผมสั้น หูกาง และอมยิ้มอยู่เสมอ เขามีนัยน์ตาขี้เล่น
ที่มองตรงมายังตาของเราอย่างอ่อนโยนแสดงถึงความรักที่มุ่งมั่น เป็นนัยน์ตาที่หรี่เล็กคล้าย
เชิญชวนเราให้เข้าสู่พระรหัสธรรมแห่งความรัก อะไรคือเปลวเพลิงแห่งดวงวิญญาณที่ลุก
โชติช่วงอยู่เบื้องหลังนัยน์ตาดำคู่นี่หรือ?...
หนูน้อย "วัน" เป็นเด็กร่าเริง มีเหตุผล หัวแข็งและศรัทธาร้อนรน คุณแม่สอน "วัน"
ให้รู้จักคำว่า เยซู มารีย์ โยเซฟ ตั้งแต่เมื่อเขาเริ่มหัดพูด หนูน้อย "วัน" ไม่ยอมเข้านอนก่อน
การสาดพร้อมกันตอนคํ่า และขอให้คุณแม่ปลุกเพื่อสวดภาวนาด้วยกันทุกเช้า หนูน้อย "วัน"
รับศีลมหาสนิทครั้งแรกตั้งแต่อายุ 6ขวบ และเกือบจะถูกปฏิเสธเพราะตัวเล็กมาก หลังจากนั้น
เขาก็แสดงเจตจำนงให้ทุกคนทราบว่าเขาจะเป็นพระสงฆ์เมื่อโตขึ้น ผู้คนจึงตั้งสมญาเขาว่า
"นักบุญกระเป๋า"....
"วัน" และครอบครัวประสบเคราะห์กรรมครั้งแรกเมื่อ "เลียต" พี่ชายคนโตตาบอด ผู้เป็นพ่อ
รู้สึกผิดหวังมาก ๆ และไม่ยอมรับที่ลูกคนโตกลายเป็นคนพิการ จากนั้นก็ไม่เป็นอันทำมาหากิน
และหมกมุ่นอยู่แต่ในบ่อนการพนัน ตัวของ"วัน" เองก็ต้องออกจากโรงเรียนเมื่อป่วยหนักเพราะ
ถูกครูผู้สอนลงโทษอย่างไร้ความปราณี......
พฤษภาคม 1935 ขณะที่"วัน"มีอายุย่างเข้า 7 ขวบ คุณแม่ซึ่งสังเกตเห็นความปรารถนาอย่าง
แรงกล้าที่จะเป็นพระสงฆ์ของเขา จึงตัดสินใจส่ง"วัน"ไปอยู่กับคุณพ่อโยเซฟ นัง ซึ่งเป็นคุณพ่อเจ้าวัด
ในเขตฮูบัง ห่างจากฮานอยทางเหนือประมาณ 50 กม. และจากนั้นชีวิตวัยเด็กของ"วัน"ก็ปิดฉากลง
ทั้งนี้เพราะเพื่อน ๆ อิจฉาเขาเมื่อคุณพ่อเจ้าวัดเรียกเขาว่า เบ็นจามิน และให้เพื่อน ๆ ดูเขาเป็นตัวอย่าง
ในด้านคุณธรรม นอกจากนั้นครูสอนคำสอนก็เกลียดเขาและหาเรื่องตีเขาทุกวัน บางวันก็ให้อดข้าว
และห้ามรับศีลมหาสนิท และยึดสายประคำส่วนตัวซึ่งเป็นสิ่งเดียวที่เขามีอยู่....
" ผมได้รับของขวัญแห่งความรัก"
ต่อมาเกิดข้าวยากหมากแพงพ่อ แม่ของ"วัน"ไม่สามารถส่งเสียเขาได้อีกต่อไป เขาถูกคุณพ่อ
เจ้าวัดใช้งานอย่างหนักและให้อยู่ในความดูแลของกลุ่มครูคำสอนที่โหดร้ายจนเขา มีสภาพเหมือนทาษ
เมื่อทนไม่ไหวจริง ๆ เขาจึงหนีกลับบ้าน แต่พ่อและแม่ของเขาไม่เชื่อว่าเขาถูกทารุณฯ พ่อและแม่ส่งเขา
กลับไปยังแดนนรกที่ฮูบังอีก "วัน"ตัดสินใจหนีอีกครั้งและหาเลี้ยงชีพด้วยการให้บริการเล็ก ๆ น้อย ๆ
แก่ผู้คนตามท้องถนน และกลายเป็นขอทานตามถนนที่ บัก นินท์ พ่อแม่และเครือญาติตัดหางปล่อยวัดเขา
เมื่อคำพูดให้ร้ายของคุณพ่อเจ้าวัดรู้กันไปทั่วหมู่บ้าน อย่างไรก็ตามท่ามกลางชีวิตที่มืดมิดนั้นเองก็ปรากฏ
มีแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์......

พักเบรคตอนที่(1) พรุ่งนี้ติดตามต่อตอนที่ (2) (ไว้เจอกันใหม่)
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 5937
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

ศุกร์ มี.ค. 11, 2022 9:52 pm

……อัครสาวกนิรนามแห่งความรัก ……

แปลและรวบรวมโดย : กอบกิจ ครุวรรณ ( (4)ตอนจบ)

ตอนที่ (2):
ระหว่างมิสซาเที่ยงคืนฉลองพระคริสตสมภพ "วัน"ซึ่งขณะนั้นมีอายุได้ 12 ขวบก็ได้รับพระพร
ยิ่งใหญ่ เขาเขียนบันทึกเรื่องนี้ในภายหลังว่า "ขณะนั้นจิตใจของผมโศกเศร้าและหนาวเหน็บ
อย่างที่สุด มีแต่พระเยซูเจ้าเท่านั้นที่เป็นความหวังของผม และแล้วเวลาที่ผมเฝ้าอดทนรอก็
มาถึงคือเวลาที่ผมไปรับศีลมหาสนิท ความสุขเปี่ยมล้นบังเกิดขึ้นจนผมบังคับตัวเองไม่ได้
ผมได้พบกับขุมทรัพย์ แห่งชีวิตที่แท้จริงแล้ว..ในบัดดลนั้นเอง จิตวิญญาณของผมเปลี่ยนไป
โดยสิ้นเชิง ผมไม่กลัวความทุกข์ทรมานใด ๆ อีกต่อไป พระเยซูเจ้าได้ประทานพันธกิจให้กับ
ผมแล้ว พระองค์ทรงเปลี่ยนความทุกข์ทรมานของผมเป็นความสุขเพราะผมได้รับของขวัญแห่ง
ความรักในโอกาสพระคริสตสมภพแล้ว !...
หลังจากนั้นผมใช้เวลาในการสวดภาวนาและคิดไตร่ตรองเป็นเวลา 1 วัน ผมกลายเป็นคนใหม่
กลับไปขอคืนดีกับพ่อแม่ จากนั้นก็ไปหาคุณพ่อเจ้าวัดที่ฮูบังเพื่อ "เอาชนะความเกลียดชังด้วย
ความรัก" ครั้งนี้"วัน" ได้รวมกลุ่มเด็กเล็ก ๆ ที่นั่นและตั้ง "กลุ่มเทวดาแห่งการต่อต้าน" เพื่อปกป้อง
พวกเขาจากการถูกเด็กที่โตกว่ากลั่นแกล้งและจากการปกครองอย่างไร้ยางอายของพวกครูสอน
คำสอน ……ไม่นานต่อมาในช่วง
คริสตสมภพปี 1941 "วัน"ได้รับจดหมายจากเพื่อนนัก เรียน ในบ้านเณรเล็กเพื่อนแจ้งให้เขาทราบว่า
มีที่ว่างที่บ้านเณรให้เขามาอยู่กับเขาได้ อนิจจาเมื่อเขาย้ายเข้ามาในบ้านเณรได้เพียง 1ปี บ้านเณร
ก็ปิดตัวลงเมื่อถูกทหารญี่ปุ่นบุกและทิ้งระเบิดมิชชันนารีคณะโดมินิกัน รับเขาไว้และให้เขาเรียนต่อ
ทำให้เขาพบกระแสเรียกที่จะเป็นชาวคณะพระมหาไถ่ต่อมา....
22 มิถุนายน 1944 ขณะนั้นเขามีอายุ 16 ปี คณะมหาไถ่ที่ฮานอยอนุญาตให้เขาเข้ารับการศึกษา
ได้แต่เนื่องจากครอบครัวเขาพังทลายเพราะการกระทำของบิดาจึงไม่สามารถส่งให้เขาเรียนได้ และ
เขาก็ไม่ต้องการเป็นพระสงฆ์อีกต่อไป คณะพระมหาไถ่จึงรับเขาไว้ในฐานะคนรับใช้ซึ่งเป็นข้อเสนอที่
เขารับไว้ด้วยความปลาบ ปลื้ม !...
เหตุใดเขาจึงเลิกการเป็นพระสงฆ์กลางคันทั้งที่เคยเป็นเป้าหมายสูงสุดของเขาเสมอมา ?
ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะพระอาจารย์เจ้าทรงขอให้เขาเปลี่ยนความคิด พระองค์ทรงมีแผนให้เขาโดยผ่าน
ทางน้ำเสียงที่อ่อนหวานของนักบุญเทเรซาองค์น้อยนั่นเอง....
ระหว่างฤดูร้อนปี 1942 ขณะที่เขากำลังศึกษาอยู่ที่วัดนักบุญเทเรซาแห่งพระกุมารเยซูใกล้กับ
พรมแดนประเทศจีนอยู่นั้น ในบัดดลใจของเขารู้สึกเหมือนกับ "มีปั้มน้ำทำงาน" แจ้งให้เขาทราบว่า
หนทางสู่ความศักดิ์สิทธิ์ที่เขากำลังมุ่งอยู่นั้นไม่เหมาะกับเขา เขาสวดภาวนาขอให้พระนางพรหมจารีมารีย์
ประทานเครื่องหมายอย่างหนึ่งให้เขาทราบ และเมื่อเข้าไปในห้องอ่านหนังสือที่นั่น เขาได้สุ่มหยิบหนังสือ
ขึ้นมาเล่มหนึ่งชื่อ"เรื่องของวิญญาณดวงหนึ่ง" หลังจากที่ได้อ่านอยู่ครู่หนึ่งเขาก็ดื่มด่ำกับเนื้อหาของหนังสือ
จนวางไม่ลง จากนั้นเขาก็ได้เลือกนักบุญเทเรซาเป็น "พี่สาวแห่งจิตวิญญาณ" ของเขา " น้องวันคะ เธอมี
จิตวิญญาณเป็นพระสงฆ์โดยไม่จำเป็นต้องเป็นพระสงฆ์"

หยุดพักเบรคตอนที่ (2) พรุ่งนี้ ติดตามต่อ ตอนที่ (3)(ไว้เจอกันใหม่)
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 5937
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

อาทิตย์ มี.ค. 13, 2022 3:31 pm

……อัครสาวกนิรนามแห่งความรัก……

แปลและรวบรวมโดย : กอบกิจ ครุวรรณ ( (4)ตอนจบ)

ตอนที่ (3):
นักบุญเทเรซาสนทนากับ"วัน"เป็นเวลาหลายปี จนถึงวันที่เธอพูดกับเขาแทนพระเยซูเจ้าว่า
เขาจะไม่ได้เป็นพระสงฆ์ ข้อความนั้นทำให้เขาถึงกับผงะและร้องไห้สะอึกสะอื้นอยู่พักใหญ่
เธอปลอบใจเขาและพูดเบา ๆ ว่า "น้องวันคะเธอมีจิตวิญญาณเป็นพระสงฆ์โดยไม่จำเป็นต้อง
เป็นพระสงฆ์ กระแสเรียกของเธอคือ การเป็น อัครสาวกนิรนามแห่งความรัก "...
เรื่องของเขาไม่จบเพียงเท่านี้ ในปี 1944 เขาได้รับพระพรพิเศษสนทนากับองค์พระเยซูเจ้า
เป็นเวลานานถึง หนึ่งปีครึ่ง เขาเล่าถึงเรื่องนี้ว่า "ขณะนั้นผมรู้สึกว่ากำลังดำดิ่งเข้าสู่ความรักและ
หายตัวไปในพระหฤทัยของพระเยซูเจ้า และในพระมหากรุณาที่กว้างใหญ่สุดประมาณนั้น
พระองค์ทรงขอให้เขาเล่าถึงสิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวันของเขาพระองค์ทรงมี
พระประสงค์ให้เขาเล่าถึงปัญหาที่เกิดขึ้นกับเพื่อน พี่น้อง รวมถึงความทุกข์ในใจของเขา พระองค์
ตรัสว่าทุกสิ่งที่เกิดขึ้นกับเขาล้วนมีคุณค่าต่อความรักของพระองค์ พระองค์ตรัสว่าผู้ที่มีความรัก
จะไม่ปิดบังสิ่งใดเลยกับพระองค์ผู้เป็นที่รักของเขา"....
คํ่าวันหนึ่งในเดือนมิถุนายน 1945 ก่อนสงครามโลกครั้งที่สองจะสิ้นสุดลงไม่นาน เขาได้รับ
การประจักษ์อย่างฉับพลันอีกครั้ง "ผมเเลเห็นพระเยซูเจ้าเสด็จมาหา พระองค์ทรงเปี่ยมด้วยความรัก
และพระมหากรุณา ผมรู้สึกว่าตัวเองเป็นเด็กเล็ก ๆ คนหนึ่ง ทันใดนั้นก็มีฝูงชนรุกฮือเข้ามา มีทั้งผู้ชาย
ผู้หญิง และเด็ก พวกเขาต่างร้องตะโกนด่าแช่งขว้างปาก้อนหินเข้าใส่พระเยซูเจ้าที่ทรงกอดตัวผมไว้
แนบพระอุระ และทั้งที่พระองค์ทรงได้รับบาดเจ็บอยู่นั้น พระองค์ทรงมองดูพวกเขาด้วยความรัก !
พระองค์ตรัสกับผมว่า ลูกเอ๋ยจงสวดภาวนาให้มาก ๆ จงทำพลีกรรม และจงช่วยพวกเขาให้รอดและ
ร่วมมาเป็นหนึ่งเดียวกับเรา....
พระองค์ทรงเชื้อเชิญเขาเป็น "อัครสาวแห่งความรัก" และเดินตามทางสายเล็กแห่งชีวิตจิต
วิญญาณของนักบุญเทเรซาด้วยความวางใจและสละตนเอง พระองค์ทรงขอให้เขาอุทิศชีวิตเพื่อช่วย
วิญญาณต่าง ๆ รอดได้โดยการภาวนาและพลีกรรม เขามีท่าทางร่าเริง ยิ้มแย้มแจ่มใสพร้อมที่จะรับใช้
ผู้อื่นอยู่เสมอทั้งที่กำลังทนทุกข์ทรมานอยู่ภายในและตั้งสมญานามให้กับตัวเองว่า "ผู้ไถ่บาปน้อย"
เขายอมเป็นเหยื่อแห่งความรักด้วยความสมัครใจเช่นเดียวกับนักบุญฟรังซิสอัสซี ซี หรือ มาร์ธ โรแบ็ง
ชาวฝรั่งเศสผู้ได้รับการประจักษ์ส่วนตัวจากแม่พระและพระเยซูเจ้าเธอมีความศรัทธามากต่อศีลมหาสนิท
และร่วมในพระมหาทรมานทุกวันศุกร์ตั้งแต่ปี 1931 จนถึงแก่กรรมในปี 1981 เธอเป็นเสมือนคนเสียสติ
ในสายตาของมนุษย์แต่เป็นผู้มีความลํ้าลึกในสายตาของผู้มีความเชื่อ.....

หยุดพักเบรคตอนที่ (3) พรุ่งนี้ ติดตามต่อ ตอนที่ (4) (ไว้เจอกันใหม่)
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 5937
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

อาทิตย์ มี.ค. 13, 2022 3:37 pm

…… อัครสาวกนิรนามแห่งความรัก……

แปลและรวบรวมโดย : กอบกิจ ครุวรรณ ( (4)ตอนจบ)

ตอนที่ (4) ตอนจบ
: ความเชื่อของ"วัน"ถูกทดลองใน คํ่าคืนที่ยาวนานเช่นเดียวกับ นักบุญผู้ยิ่งใหญ่ เป็นจำนวนมาก...

วันที่ 8 กันยายน 1946 วันปฏิญาณตนและในวันรุ่งขึ้นเขาเขียนในบันทึกว่า "หลังจากสนทนา
กับพระเยซูเจ้าเป็นครั้งสุดท้ายโดยที่พระองค์ตรัสแนะนำให้เป็นครั้งสุดท้ายแล้ว พระองค์ทรงปล่อยผม
ให้อยู่ในความมืดมิดตามล่าพังแต่ผู้เดียว"...
เช่นเดียวกับคุณแม่เทเรซาและบรรดานักบุญผู้ยิ่งใหญ่เป็นจำนวนมาก ความเชื่อของ"วัน"ถูก
ทดลองในคํ่าคืนที่ยาวนาน เขาถูกทอดทิ้งตามลำพัง ไม่มีเสียงตอบใด ๆ จากพระ จิตใจของเขาอ้างว้าง
เป็นล้นพ้น มีเพียงคุณพ่อบูเชร์ คุณพ่อวิญญาณที่เขาตั้งสมญาท่านว่า "เครื่องบรรเทาใจ" พูดให้กำลังใจเขา...
ในปี 1954 หลังจากกองทัพฝรั่งเศสพ่ายแพ้เวียดนามในสมรภูมิรบที่ เดียน เบียนฟู แล้ว ประเทศ
เวียดนามถูกแบ่งออกเป็น 2 ส่วนตามสนธิสัญญาเยนีวา เขาขอไปทำงานในเวียดนามเหนือ ซึ่งอยู่ภายใต้
การปกครองระบอบคอมมิวนิสต์ "เพื่อว่าอย่างน้อยก็คงจะมีใครสักคนหนึ่งที่รักพระผู้พระทัยดีในประเทศนี้ "
ไม่นานต่อมาในวันที่ 7 พฤษภาคม 1955 เขาถูกจับขังคุก....
หลังจากที่เขาถูกจับขังคุกนาน 5 เดือนและถูกสอบสวนวันแล้ววันเล่า "สภาพของเขาเป็นเหมือน
ซากศพที่หายใจได้ความรักเป็นสิ่งเดียวที่เขามี เขากลายเป็นเหยื่อขององค์ความรักและนี่คือความสุข
เพียงอย่างเดียวของเขา เป็นความสุขที่ไม่มีใครทำลายได้ " หลังจากนั้นเขาถูกย้ายไปอยู่ในคุกที่ฮานอย
หลังการตัดสินให้ถูกขังเดี่ยวเป็นเวลา 15 ปี....
มิถุนายน1956 เขาถูกส่งไปยังค่ายโมเชนที่ห่างจาก ฮานอย 50 กม. เขาอยู่ในสภาพพร้อมที่จะทำงาน
กับทุกคนแม้ว่าร่างกายจะอ่อนล้าก็ตาม เขามีชีวิตในค่ายกักกันเหมือนกับ "คุณพ่อเจ้าวัดน้อยองค์หนึ่ง"
"บ่อยครั้งผมสวดวอนขอพระเยซูเจ้าโปรดให้ผมเสียชีวิตในค่ายกักกันนี้ ทุกครั้งพระองค์ตรัสตอบว่า
"เราก็พร้อมที่จะทำตามความประสงค์ของเธอ เช่นเดียวกับที่เธอปฏิบัติตามความปรารถนาของเรา
แต่มีดวงวิญญาณอีกมากมายที่ยังต้องพึ่งพาความช่วยเหลือของเธอ เพราะหากไม่มีเธอละก็คงจะเป็นไป
ไม่ได้เลยที่เราจะเข้าถึงดวงวิญญาณเหล่านั้น เมื่อเป็นเช่นนี้เธอจะตัดสินใจเลือกทำอะไรเล่าลูกรัก
" ข้าแต่พระอาจารย์ผมขอให้พระองค์ตัดสินพระทัยแทนผมเถิด พระเจ้าข้า"....
สิงหาคม 1957 เขาถูกส่งตัวไปเข้าคุกซึ่ง ห่างจากฮานอย 150 กม. เขาถูกจับขณะที่พยายาม
หลบหนีไปเพื่อรับศีลมหาสนิท ทางการประกาศว่าเขาเป็น "คนหัวรั้นเกินกว่าจะดัดนิสัยได้"
เขาถูกขังคุกที่มืดสนิทเป็นเวลา 2 ปี ห้ามเยี่ยม และห้ามติดต่อทางจดหมาย ล่วงมาจนถึงเดือน
มิถุนายน 1959 เขาถูกลากตัวออกจากคุกมืด เขามีสภาพเหมือนโครงกระดูกที่มีผ้าขี้ริ้วห่ออยู่
เนื้อตัวสั่นเทาเพราะพิษไข้แต่จิตใจยังคงร้อนรนด้วยความรัก ....
"วัน" ป่วยเป็นโรคเหน็บชา และวัณโรค หลังจากทรมานในสภาพตรีฑูตเป็นเวลานาน
เขาก็ลาจากโลกนี้ไปด้วยวัย 31 ปี เมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม 1959 เวลา 12.00 น.

ที่สุดสาวกน้อยของพระเยซูเจ้าก็ได้พบกับนักบุญ เทเรซา "พี่สาวคนโต" ในพระหฤทัยของพระเยซูเจ้า
พี่สาวผู้เคยใฝ่ฝันจะเป็นมิชชันนารี คณะคาร์เมไลท์ที่ฮานอย บัดนี้ดวงวิญญาณของท่านทั้งสอง
เสวยสุขเฉพาะพระพักตร์พระเป็นเจ้าตลอดนิรันดร์แล้ว ! 🌾🎑
ตอบกลับโพส