พระมหาทรมาน (ตอนที่21-35) (ชุดที่2)
โพสต์แล้ว: อังคาร มี.ค. 22, 2022 3:47 pm
เรื่อง “พระมหาทรมาน” ตอนที่ (21)
จากนิมิตของบุญราศี ภคินี เอ็มเมริช ระหว่างวันที่ 18 ก.พ. - 6 เม.ย.1823
และเมล กิบสัน นำมาสร้างเป็นภาพยนตร์ในปี 2003, แปลและย่อเรื่องโดย กอบกิจ ครุวรรณ
(+)การสวมมงกุฎหนามและ “นี่คือคน คนนั้น”
หลังจากพระมารดาและกลุ่มสตรีใจศรัทธารวบรวมพระโลหิตที่เสาหลักและบริเวณโดยรอบแล้ว
ก็ออกจากศาลกลางเมืองและเข้าไปอยู่ในบ้านเล็กหลังหนึ่งที่ดิฉันไม่รู้จักเจ้าของบ้าน อาคารพัก
ทหารยามที่พระเยซูทรงถูกสวมมงกุฎหนาม มีลานและทางเดินเป็นวงกลม ที่กลางลานมีซากเสาหลัก
อยู่ต้นหนึ่ง ที่ด้านบนปรับเป็นที่นั่งเตี้ยอยู่แล้ว พวกเดนคนนำเศษหินและเศษกระเบื้องมาปูทับบนที่นั่ง
กระชากถอดฉลองพระองค์เสมือนเป็นการเปิดบาดแผลใหม่ ก่อนจะผลักลากพระองค์ไปประทับบน
ที่นั่งที่เตรียมไว้และวางมงกุฎลงบนพระเศียรโดยให้ส่วนที่มีหนามยาวที่สุดอยู่ด้านล่าง มงกุฎสาน
จากไม้หนาม 3 ก้านขดเป็นวงกลม พวกเขามัดไม้หนามทั้งสามให้ติดกับด้านหลังของพระเศียรอย่าง
แน่นหนา หลังจากนั้นก็นำต้นอ้อขนาดใหญ่มาเสียบไว้ในพระหัตถ์ข้างหนึ่ง
พวกเขาบรรจงจัดแต่งอย่างจริงจังราวกับกำลังทำพิธีสวมมงกุฎแต่งตั้งพระองค์เป็นกษัตริย์ให้ดูสมจริง
จากนั้นก็ฉวยไม้อ้อจากพระหัตถ์ตีลงไปอย่างแรงที่มงกุฎหนาม แล้วก็แสร้งเข้ามาคุกเข่าเบื้องหน้า
พูดว่า “กษัตริย์ของชาวยิว ทรงพระเจริญ” (ยน 19:3) พวกเขาทรมานพระองค์ในลักษณะนี้ประมาณ
ครึ่งชั่วโมงขณะที่ทหารโรมันที่รายล้อมอยู่ปรบมือส่งเสียงเชียร์อย่างสนุกสนาน
เพชฌฆาตนำพระเยซูกลับไปที่จวนของปิลาตอีกครั้งหนึ่ง พระองค์ทรงสวมมงกุฎหนามและมีต้นอ้อ
เสียบอยู่ในพระหัตถ์ที่มัดติดกัน พลธนูพาพระเยซูขึ้นไปหาปิลาต ทุกคนจึงมองเห็นพระองค์ได้เต็มตา
พวกเขาเงียบกริบขณะที่พระองค์ทรงเงยพระเศียรที่มีมงกุฎหนามทอดพระเนตรไปยังพวกเขา
ปิลาตชี้ไปทางพระองค์และร้องขึ้นว่า “Ecce homo! นี่คือ คนคนนั้น!”(ยน 19:5)
บรรดาหัวหน้าพระสมณะและผู้ติดตามร้องตะโกนว่า "เอาไปตรึงกางเขน ๆ!" (ยน 19:6) ปิลาตจึงพูดว่า
“พวกท่านยังไม่พอใจอีกหรือ? แต่ทุกคนร้องตะโกนซ้ำว่า "เอาไปตรึงกางเขน! ๆ" ปิลาตจึงสั่งให้ทหาร
เป่าแตรเพื่อให้ทุกคนเงียบและกล่าวว่า “ท่านทั้งหลาย จงนำเขาไปตรึงกางเขนกันเองเถิด เพราะเรา
ไม่พบว่าเขามีความผิดประการใด ”(ยน 19:6) บรรดาพระสงฆ์ตอบว่า “พวกเรามีกฎหมาย และตาม
กฎหมายนั้น เขาต้องตาย เพราะตั้งตนเป็นบุตรของพระเจ้า” (ยน 19:7) คำพูดที่ว่า “บุตรของพระเจ้า”
ทำให้ปิลาตรู้สึกหวาดหวั่นและพาพระเยซูเข้าไปในห้องหนึ่งก่อนจะถามพระองค์ว่า
“ท่านมาจากไหน?”(ยน 19:9) แต่พระองค์ไม่ตรัสตอบ ปิลาตจึงพูดขึ้นว่า “... ท่านไม่รู้หรือว่า
เรามีอำนาจจะปล่อยท่านก็ได้ จะตรึงกางเขนท่านก็ได้”(ยน 19:10) พระองค์จึงตรัสว่า
“ท่านไม่มีอำนาจใดเหนือเราเลย ถ้าท่านมิได้รับอำนาจนั้นมาจากเบื้องบน…”(ยน 19:11)
ความที่ปิลาตเป็นคนไม่เด็ดขาดทำให้คลอเดียเป็นกังวล เธอจึงส่งสารเตือนให้เขาระลึกถึงคำสัญญา
ที่ให้ไว้ เขาตอบสารของเธอแบบคลุมเครือ คือให้เป็นการตัดสินใจของเทพเจ้า ศัตรูของพระเยซูทราบ
ข่าวว่า คลอเดียกำลังหาทางช่วยพระองค์อยู่ จึงรีบกระจายข่าวไปในหมู่ฝูงชนว่า พรรคพวกของพระเยซู
เกลี้ยกล่อมคลอเดียซึ่งจะมีผลถึงการปล่อยตัวของพระองค์ และพระองค์ก็จะเข้าร่วมกับพวกโรมัน
นำความหายนะมาสู่กรุงเยรูซาเล็ม และทำลายล้างชาวยิว
เนื่องจากปิลาตทำอะไรไม่ถูกจึงเข้าไปในอีกห้องหนึ่งตามลำพังพร้อมกับส่งคนไปตามพระเยซู
ปิลาตมองดูสภาพที่น่าหดหู่ของพระองค์ อุทานขึ้นในใจว่า “เป็นไปได้หรือที่เขาจะเป็นพระเจ้า?”
จากนั้นก็ให้พระองค์ทรงสาบานว่าพระองค์ทรงเป็นกษัตริย์ที่ชาวยิวรอคอยตามพระสัญญา
พระองค์ตรัสตอบว่า “อาณาจักรของเราไม่ได้เป็นของโลกนี้” (ยน 18:36) ที่สุดพระองค์ทรงประกาศว่า
พระองค์ทรงเป็น “บุตรแห่งมนุษย์” ที่จะเสด็จมาพิพากษาตัวเขาด้วยความเป็นธรรมในวันสุดท้าย
ปิลาตทั้งหวาดกลัวและกริ้วเมื่อได้ยินพระดำรัสของพระองค์ เดินกลับไปที่นอกชานประกาศว่า
จะปล่อยพระเยซูเจ้า แต่พวกเขาร้องตะโกนว่า “ถ้าท่านปล่อยผู้นี้ไป ท่านก็ไม่เป็นมิตรของพระจักรพรรดิ
ผู้ใดตั้งตนเป็นกษัตริย์ ก็เป็นศัตรูของพระจักรพรรดิ”(ยน 19:12) บางคนก็พูดขึ้นว่า พวกเขาจะกล่าวโทษ
ปิลาตต่อจักรพรรดิในฐานที่เป็นผู้ก่อความปั่นป่วนงานฉลองของพวกเขา และให้ปิลาตตัดสินใจทันที
เพราะพวกเขาจะต้องเข้าไปในพระวิหารก่อนสี่ทุ่มคืนนั้น
ปิลาตไม่สามารถสยบฝูงชนได้ จึงให้ทหารนำน้ำมาล้างมือต่อหน้าทุกคน กล่าวว่า
“ข้าพเจ้าไม่ขอเกี่ยวข้องกับโลหิตของผู้นี้ เรื่องนี้เป็นธุระของท่าน” (มธ 27:24)
ประชาชนจากทุกภาคส่วนร้องตะโกนตอบว่า “ขอให้เลือดของเขาตกเหนือเรา
และเหนือลูกหลานของเราเถิด!” (มธ 27:25)
_______
จบตอนที่(21)
------->โปรดติดตามตอนต่อไป
จากนิมิตของบุญราศี ภคินี เอ็มเมริช ระหว่างวันที่ 18 ก.พ. - 6 เม.ย.1823
และเมล กิบสัน นำมาสร้างเป็นภาพยนตร์ในปี 2003, แปลและย่อเรื่องโดย กอบกิจ ครุวรรณ
(+)การสวมมงกุฎหนามและ “นี่คือคน คนนั้น”
หลังจากพระมารดาและกลุ่มสตรีใจศรัทธารวบรวมพระโลหิตที่เสาหลักและบริเวณโดยรอบแล้ว
ก็ออกจากศาลกลางเมืองและเข้าไปอยู่ในบ้านเล็กหลังหนึ่งที่ดิฉันไม่รู้จักเจ้าของบ้าน อาคารพัก
ทหารยามที่พระเยซูทรงถูกสวมมงกุฎหนาม มีลานและทางเดินเป็นวงกลม ที่กลางลานมีซากเสาหลัก
อยู่ต้นหนึ่ง ที่ด้านบนปรับเป็นที่นั่งเตี้ยอยู่แล้ว พวกเดนคนนำเศษหินและเศษกระเบื้องมาปูทับบนที่นั่ง
กระชากถอดฉลองพระองค์เสมือนเป็นการเปิดบาดแผลใหม่ ก่อนจะผลักลากพระองค์ไปประทับบน
ที่นั่งที่เตรียมไว้และวางมงกุฎลงบนพระเศียรโดยให้ส่วนที่มีหนามยาวที่สุดอยู่ด้านล่าง มงกุฎสาน
จากไม้หนาม 3 ก้านขดเป็นวงกลม พวกเขามัดไม้หนามทั้งสามให้ติดกับด้านหลังของพระเศียรอย่าง
แน่นหนา หลังจากนั้นก็นำต้นอ้อขนาดใหญ่มาเสียบไว้ในพระหัตถ์ข้างหนึ่ง
พวกเขาบรรจงจัดแต่งอย่างจริงจังราวกับกำลังทำพิธีสวมมงกุฎแต่งตั้งพระองค์เป็นกษัตริย์ให้ดูสมจริง
จากนั้นก็ฉวยไม้อ้อจากพระหัตถ์ตีลงไปอย่างแรงที่มงกุฎหนาม แล้วก็แสร้งเข้ามาคุกเข่าเบื้องหน้า
พูดว่า “กษัตริย์ของชาวยิว ทรงพระเจริญ” (ยน 19:3) พวกเขาทรมานพระองค์ในลักษณะนี้ประมาณ
ครึ่งชั่วโมงขณะที่ทหารโรมันที่รายล้อมอยู่ปรบมือส่งเสียงเชียร์อย่างสนุกสนาน
เพชฌฆาตนำพระเยซูกลับไปที่จวนของปิลาตอีกครั้งหนึ่ง พระองค์ทรงสวมมงกุฎหนามและมีต้นอ้อ
เสียบอยู่ในพระหัตถ์ที่มัดติดกัน พลธนูพาพระเยซูขึ้นไปหาปิลาต ทุกคนจึงมองเห็นพระองค์ได้เต็มตา
พวกเขาเงียบกริบขณะที่พระองค์ทรงเงยพระเศียรที่มีมงกุฎหนามทอดพระเนตรไปยังพวกเขา
ปิลาตชี้ไปทางพระองค์และร้องขึ้นว่า “Ecce homo! นี่คือ คนคนนั้น!”(ยน 19:5)
บรรดาหัวหน้าพระสมณะและผู้ติดตามร้องตะโกนว่า "เอาไปตรึงกางเขน ๆ!" (ยน 19:6) ปิลาตจึงพูดว่า
“พวกท่านยังไม่พอใจอีกหรือ? แต่ทุกคนร้องตะโกนซ้ำว่า "เอาไปตรึงกางเขน! ๆ" ปิลาตจึงสั่งให้ทหาร
เป่าแตรเพื่อให้ทุกคนเงียบและกล่าวว่า “ท่านทั้งหลาย จงนำเขาไปตรึงกางเขนกันเองเถิด เพราะเรา
ไม่พบว่าเขามีความผิดประการใด ”(ยน 19:6) บรรดาพระสงฆ์ตอบว่า “พวกเรามีกฎหมาย และตาม
กฎหมายนั้น เขาต้องตาย เพราะตั้งตนเป็นบุตรของพระเจ้า” (ยน 19:7) คำพูดที่ว่า “บุตรของพระเจ้า”
ทำให้ปิลาตรู้สึกหวาดหวั่นและพาพระเยซูเข้าไปในห้องหนึ่งก่อนจะถามพระองค์ว่า
“ท่านมาจากไหน?”(ยน 19:9) แต่พระองค์ไม่ตรัสตอบ ปิลาตจึงพูดขึ้นว่า “... ท่านไม่รู้หรือว่า
เรามีอำนาจจะปล่อยท่านก็ได้ จะตรึงกางเขนท่านก็ได้”(ยน 19:10) พระองค์จึงตรัสว่า
“ท่านไม่มีอำนาจใดเหนือเราเลย ถ้าท่านมิได้รับอำนาจนั้นมาจากเบื้องบน…”(ยน 19:11)
ความที่ปิลาตเป็นคนไม่เด็ดขาดทำให้คลอเดียเป็นกังวล เธอจึงส่งสารเตือนให้เขาระลึกถึงคำสัญญา
ที่ให้ไว้ เขาตอบสารของเธอแบบคลุมเครือ คือให้เป็นการตัดสินใจของเทพเจ้า ศัตรูของพระเยซูทราบ
ข่าวว่า คลอเดียกำลังหาทางช่วยพระองค์อยู่ จึงรีบกระจายข่าวไปในหมู่ฝูงชนว่า พรรคพวกของพระเยซู
เกลี้ยกล่อมคลอเดียซึ่งจะมีผลถึงการปล่อยตัวของพระองค์ และพระองค์ก็จะเข้าร่วมกับพวกโรมัน
นำความหายนะมาสู่กรุงเยรูซาเล็ม และทำลายล้างชาวยิว
เนื่องจากปิลาตทำอะไรไม่ถูกจึงเข้าไปในอีกห้องหนึ่งตามลำพังพร้อมกับส่งคนไปตามพระเยซู
ปิลาตมองดูสภาพที่น่าหดหู่ของพระองค์ อุทานขึ้นในใจว่า “เป็นไปได้หรือที่เขาจะเป็นพระเจ้า?”
จากนั้นก็ให้พระองค์ทรงสาบานว่าพระองค์ทรงเป็นกษัตริย์ที่ชาวยิวรอคอยตามพระสัญญา
พระองค์ตรัสตอบว่า “อาณาจักรของเราไม่ได้เป็นของโลกนี้” (ยน 18:36) ที่สุดพระองค์ทรงประกาศว่า
พระองค์ทรงเป็น “บุตรแห่งมนุษย์” ที่จะเสด็จมาพิพากษาตัวเขาด้วยความเป็นธรรมในวันสุดท้าย
ปิลาตทั้งหวาดกลัวและกริ้วเมื่อได้ยินพระดำรัสของพระองค์ เดินกลับไปที่นอกชานประกาศว่า
จะปล่อยพระเยซูเจ้า แต่พวกเขาร้องตะโกนว่า “ถ้าท่านปล่อยผู้นี้ไป ท่านก็ไม่เป็นมิตรของพระจักรพรรดิ
ผู้ใดตั้งตนเป็นกษัตริย์ ก็เป็นศัตรูของพระจักรพรรดิ”(ยน 19:12) บางคนก็พูดขึ้นว่า พวกเขาจะกล่าวโทษ
ปิลาตต่อจักรพรรดิในฐานที่เป็นผู้ก่อความปั่นป่วนงานฉลองของพวกเขา และให้ปิลาตตัดสินใจทันที
เพราะพวกเขาจะต้องเข้าไปในพระวิหารก่อนสี่ทุ่มคืนนั้น
ปิลาตไม่สามารถสยบฝูงชนได้ จึงให้ทหารนำน้ำมาล้างมือต่อหน้าทุกคน กล่าวว่า
“ข้าพเจ้าไม่ขอเกี่ยวข้องกับโลหิตของผู้นี้ เรื่องนี้เป็นธุระของท่าน” (มธ 27:24)
ประชาชนจากทุกภาคส่วนร้องตะโกนตอบว่า “ขอให้เลือดของเขาตกเหนือเรา
และเหนือลูกหลานของเราเถิด!” (มธ 27:25)
_______
จบตอนที่(21)
------->โปรดติดตามตอนต่อไป