เรื่องดีๆ จากหนังสือสรรสาระ (ชุดที่ 13 )
โพสต์แล้ว: เสาร์ ก.ค. 02, 2022 6:39 pm
อีกฟากของผืนฟ้า ตอนที่ ( 1 )
เรื่องจริงจากหนังสือสรรสาระ ฉบับเดือนกุมภาพันธ์ 2551 โดย ฟาราห์ อาห์เมดี
(Farah Ahmedi) ร่วมกับ Tamim Ansary และจากกูเกิ้ล 2565 โดย กอบกิจ ครุวรรณ
ฟาราห์ อาห์เมดี เกิดปี 2530 ในกรุงคาบูล อัฟกานิสถาน เรื่องราวชีวิตของเธอเป็นยิ่งกว่านวนิยาย
เรื่องของเธอชนะการแข่งชันในรายการ “Good Morning America's Story of My Life” ในปี 2548
ชะตาชีวิตของฉันถึงจุดพลิกผันเมื่อโรงเรียนเพิ่งเปิดเทอมได้ไม่กี่วันในปี 2537 ฉันตื่นนอนราว 8 โมงเช้า
วันนั้นขณะที่ทุกคนในบ้านยังนอนอุตุกันอยู่ ฉันเป็นเด็กอายุ 7 ขวบชั้นประถม 2 ชอบไปโรงเรียนมาก
เพราะครูมีเรื่องสนุก ๆ มาเล่าให้นักเรียนฟังทุกวัน
ฉันได้เรียนรู้โลกภายนอกที่กว้างกว่าแถว ๆ บ้าน ไกลกว่ากรุงคาบูลบ้านเกิด ทุกวัน ฉันเฝ้ารอว่าครูจะ
สอนเรื่องอะไร เช้าวันนั้น ความกระตือรือร้นก็เร่งเร้าให้ฉันประมาทจนเดินไปสู่ความหายนะ
พอย่างเท้าออกจากบ้าน ฉันคิดว่าวันนี้จะไปทางลัด เพราะถ้าเดินตัดป่าละเมาะก็จะถึงโรงเรียนเร็วขึ้น
อีกหน่อย ฉันจึงเลือกเดินทางนี้
ทันใดนั้น ฉันรู้สึกมีเปลวไฟแปลบเข้าที่ใบหน้า พร้อมกับดินที่เหยียบอยู่เคลื่อนตัวอย่างรุนแรง ตามมา
ด้วยเศษดินที่สาดเข้าใส่ราวกับห่าฝน จากนั้นก็จำอะไรไม่ได้เลย...
รู้ตัวอีกทีก็พบว่าตัวเองนอนอยู่ในโรงพยาบาลท้องถิ่นที่แทบไม่ได้รักษาอะไรให้เลยนอกจากใช้
แอลกอฮอล์เทใส่แผลที่น่ากลัว และเจ็บปวดแสนสาหัส ญาติพี่น้องทุกคนรายรอบเตียงที่ฉันนอนอยู่
แต่ไม่มีใครปริปากบอกว่าเกิดอะไรขึ้น
วันต่อมา ฉันรวบรวมความกล้าก้มลงดูขา 2 ข้าง จึงเห็นว่าขาแปรสภาพเป็นแผลเหวอะหวะ ถึงตอนนี้
ญาติ ๆ จึงพูดขึ้นว่า
“หนูเหยียบกับระเบิด”
ฉันพักรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลในคาบูล 40 วัน ระหว่างนั้น หมอใจดีกับฉันมาก แต่ก็รักษาได้
ตามมีตามเกิด เพราะไม่มียา อุปกรณ์ หรือเครื่องมือทางการแพทย์ที่จำเป็นใด ๆ เนื่องจากก่อนหน้านั้น
ประเทศอัฟกานิสถานอยู่ในภาวะสงครามหลายปี เริ่มจากกองทัพรัสเซียรุกรานในปี 2522 และจัดตั้ง
กลุ่ม ”มูจาฮีดีน” ที่พยายามควบคุมกรุงคาบูล หลังจากรัสเซียถอนกำลังออกไปในปี 2532 รัฐบาล
ใช้เวชภัณฑ์ทุกอย่างจนหมดเกลี้ยง และไม่มีเงินไปซื้อของใหม่จากต่างประเทศมาทดแทน
ทุก 3 เดือนจะมีองค์กรด้านมนุษยธรรมจากเยอรมนีมาที่คาบูลเพื่อคัดเลือกผู้ป่วยเด็กจำนวนหนึ่ง
ไปรักษาที่เยอรมนี คณะแพทย์ที่รักษาฉันบอกพ่อแม่ว่า “เราไม่สามารถรักษาฟาราห์ได้ อนุญาต
ให้คนเยอรมันพาตัวลูกสาวคุณไปรักษาเถอะ นี่คือโอกาสรอดครั้งสุดท้ายของเด็ก”
พอได้ยินคำพูดของหมอ ฉันรู้สึกกลัวมาก ตอนนั้นฉันแค่ 7 ขวบ ฉันจึงบอกว่า “หนูไม่ยอมไปคนเดียว
ต้องให้แม่ไปด้วย”
หมอใจดีมาพูดกับฉันสองต่อสองว่า “ไปกับคนเยอรมันเถอะ เพราะเขาจะได้รักษาขาของหนู
ให้หาย พอกลับมา หนูจะได้ใส่รองเท้าส้นสูงเดินไปเดินมา”
พอเจ้าหน้าที่เยอรมันมาถึง หมอใจดีก็ชี้มาที่ฉันพร้อมกับบอกว่า “รายนี้อาการหนักที่สุด”
ฉันรู้สึกโชคดีที่ได้รับเลือก หมอเยอรมันจะรักษาฉันให้หาย
แล้วฉันก็จะได้ใส่รองเท้าส้นสูงสมดังที่ใฝ่ฝัน
โปรดติดตามตอนที่ (two) ในวันพรุ่งนี้
เรื่องจริงจากหนังสือสรรสาระ ฉบับเดือนกุมภาพันธ์ 2551 โดย ฟาราห์ อาห์เมดี
(Farah Ahmedi) ร่วมกับ Tamim Ansary และจากกูเกิ้ล 2565 โดย กอบกิจ ครุวรรณ
ฟาราห์ อาห์เมดี เกิดปี 2530 ในกรุงคาบูล อัฟกานิสถาน เรื่องราวชีวิตของเธอเป็นยิ่งกว่านวนิยาย
เรื่องของเธอชนะการแข่งชันในรายการ “Good Morning America's Story of My Life” ในปี 2548
ชะตาชีวิตของฉันถึงจุดพลิกผันเมื่อโรงเรียนเพิ่งเปิดเทอมได้ไม่กี่วันในปี 2537 ฉันตื่นนอนราว 8 โมงเช้า
วันนั้นขณะที่ทุกคนในบ้านยังนอนอุตุกันอยู่ ฉันเป็นเด็กอายุ 7 ขวบชั้นประถม 2 ชอบไปโรงเรียนมาก
เพราะครูมีเรื่องสนุก ๆ มาเล่าให้นักเรียนฟังทุกวัน
ฉันได้เรียนรู้โลกภายนอกที่กว้างกว่าแถว ๆ บ้าน ไกลกว่ากรุงคาบูลบ้านเกิด ทุกวัน ฉันเฝ้ารอว่าครูจะ
สอนเรื่องอะไร เช้าวันนั้น ความกระตือรือร้นก็เร่งเร้าให้ฉันประมาทจนเดินไปสู่ความหายนะ
พอย่างเท้าออกจากบ้าน ฉันคิดว่าวันนี้จะไปทางลัด เพราะถ้าเดินตัดป่าละเมาะก็จะถึงโรงเรียนเร็วขึ้น
อีกหน่อย ฉันจึงเลือกเดินทางนี้
ทันใดนั้น ฉันรู้สึกมีเปลวไฟแปลบเข้าที่ใบหน้า พร้อมกับดินที่เหยียบอยู่เคลื่อนตัวอย่างรุนแรง ตามมา
ด้วยเศษดินที่สาดเข้าใส่ราวกับห่าฝน จากนั้นก็จำอะไรไม่ได้เลย...
รู้ตัวอีกทีก็พบว่าตัวเองนอนอยู่ในโรงพยาบาลท้องถิ่นที่แทบไม่ได้รักษาอะไรให้เลยนอกจากใช้
แอลกอฮอล์เทใส่แผลที่น่ากลัว และเจ็บปวดแสนสาหัส ญาติพี่น้องทุกคนรายรอบเตียงที่ฉันนอนอยู่
แต่ไม่มีใครปริปากบอกว่าเกิดอะไรขึ้น
วันต่อมา ฉันรวบรวมความกล้าก้มลงดูขา 2 ข้าง จึงเห็นว่าขาแปรสภาพเป็นแผลเหวอะหวะ ถึงตอนนี้
ญาติ ๆ จึงพูดขึ้นว่า
“หนูเหยียบกับระเบิด”
ฉันพักรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลในคาบูล 40 วัน ระหว่างนั้น หมอใจดีกับฉันมาก แต่ก็รักษาได้
ตามมีตามเกิด เพราะไม่มียา อุปกรณ์ หรือเครื่องมือทางการแพทย์ที่จำเป็นใด ๆ เนื่องจากก่อนหน้านั้น
ประเทศอัฟกานิสถานอยู่ในภาวะสงครามหลายปี เริ่มจากกองทัพรัสเซียรุกรานในปี 2522 และจัดตั้ง
กลุ่ม ”มูจาฮีดีน” ที่พยายามควบคุมกรุงคาบูล หลังจากรัสเซียถอนกำลังออกไปในปี 2532 รัฐบาล
ใช้เวชภัณฑ์ทุกอย่างจนหมดเกลี้ยง และไม่มีเงินไปซื้อของใหม่จากต่างประเทศมาทดแทน
ทุก 3 เดือนจะมีองค์กรด้านมนุษยธรรมจากเยอรมนีมาที่คาบูลเพื่อคัดเลือกผู้ป่วยเด็กจำนวนหนึ่ง
ไปรักษาที่เยอรมนี คณะแพทย์ที่รักษาฉันบอกพ่อแม่ว่า “เราไม่สามารถรักษาฟาราห์ได้ อนุญาต
ให้คนเยอรมันพาตัวลูกสาวคุณไปรักษาเถอะ นี่คือโอกาสรอดครั้งสุดท้ายของเด็ก”
พอได้ยินคำพูดของหมอ ฉันรู้สึกกลัวมาก ตอนนั้นฉันแค่ 7 ขวบ ฉันจึงบอกว่า “หนูไม่ยอมไปคนเดียว
ต้องให้แม่ไปด้วย”
หมอใจดีมาพูดกับฉันสองต่อสองว่า “ไปกับคนเยอรมันเถอะ เพราะเขาจะได้รักษาขาของหนู
ให้หาย พอกลับมา หนูจะได้ใส่รองเท้าส้นสูงเดินไปเดินมา”
พอเจ้าหน้าที่เยอรมันมาถึง หมอใจดีก็ชี้มาที่ฉันพร้อมกับบอกว่า “รายนี้อาการหนักที่สุด”
ฉันรู้สึกโชคดีที่ได้รับเลือก หมอเยอรมันจะรักษาฉันให้หาย
แล้วฉันก็จะได้ใส่รองเท้าส้นสูงสมดังที่ใฝ่ฝัน
โปรดติดตามตอนที่ (two) ในวันพรุ่งนี้