“ด้วยดวงใจอันเร่าร้อน” ( ตอนที่ 31-37 )

ใครมาใหม่เชิญทางนี้ก่อน ทักทาย ทดลองโพส
ตอบกลับโพส
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 5937
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

อาทิตย์ ก.ค. 10, 2022 3:36 pm

❤️ "ด้วยดวงใจอันเร่าร้อน" 🔥 ตอนที่ ( 31 )
โดย เฮนรี่ เจ. เอ็ม. นูเวน, แปลและเรียบเรียงโดย มงซินญอร์วิษณุ ธัญญอนันต์

: การออกไปสู่พันธกิจ "จงไป และ ประกาศ "

ในการถวายบูชาขอบพระคุณจะจบลงท้ายด้วยพันธกิจ " เวลานี้ท่านจะไปและประกาศ !"
มิสซาสิ้นสุดแล้วจงไปสนองพระโองการของพระเจ้าเถิด ภาษาละตินใช้คำว่า
" อีเต มิสซา อิสท์ / Ite Missa est" เป็นคำที่บาดหลวง หรือดีเคินกล่าวสรุปในการบูชา
ขอบพระคุณ แปลตามตัวอักษรคือ "จงไป นี่คือพันธกืจของท่าน "....
สิ่งสำคัญที่ต้องรับรู้อย่างดีเกี่ยวพันธกิจของพวกเรานั้น ประการแรกก็คือ กับบุคคลที่
พวกเราประกาศ พวกเขาจะต้องไม่เป็นคนแปลกหน้าสำหรับพวกเรา พวกเขารู้จักพวกเรา
ชื่นชอบพวกเรา แม้ว่าเคยได้ยินได้ฟังเกี่ยวกับพระเยซูคริสต์แต่ว่ายังขาดกำลังใจ พันธกิจนี้
สิ่งแรกก็เพื่อตัวพวกเราเองใช่สิ่งง่ายและสะดวกใจ ข้าพเจ้าเองพบว่าบ่อย ๆ ครั้ง เมื่อข้าพเจ้า
พูดถึงพระเยซูคริสต์กับบุคคลที่ข้าพเจ้ารู้จักดีถือว่าเป็นเรื่องยากกว่าเวลาที่ข้าพเจ้าพูดกับบุคคล
ที่ไม่เคยมายุ่งเกี่ยวกับหนทาง ชีวิตความเป็นอยู่ของข้าพเจ้า แบบพิเศษ ๆ ยิ่งกว่านั้นข้าพเจ้า
ยังรู้สึกว่า ที่ตรงนั้นยังคงอยู่ซึ่งการท้าทายอันใหญ่หลวง อย่างไรก็ตามประสบการณ์อันเที่ยงแท้
ของพวกเรานั้น ถูกท้าทายจากบิดา มารดาของพวกเรา จากคนรักคู่ครอง จากลูกหลาน จาก
พี่ๆ น้อง ๆ ผู้ซึ่งรู้จัก.....
บ่อยครั้ง พวกเรามักได้ยินว่า " เออ ! เป็นเขาอีกแล้ว เออ ! เป็นเธออีกแล้ว พวกเรารู้ดีว่า
หมายถึงอะไร ทั้งเขาและพวกเราเคยเห็นความตื่นเต้นอันนี้มาก่อนแล้ว ได้ยินได้ฟังมาแล้ว
และก็จะผ่านไป... เหมือนครั้งก่อน ๆ " บ่อยครั้งสิ่งนี้เป็นความจริงอยู่มากทีเดียว พวกเขาจะ
ต้องมาวางใจกับพวกเราทำไมในขณะที่พวกเราวิ่งกลับบ้านด้วยความตื่นเต้น ? พวกเขาจะ
ยึดถือเรื่องราวของพวกเราอย่างจริงจังกันทำไม ? พวกเราไม่ใช่บุคคล หรือประเด็นที่พวกเขา
ต้องมามอบหมาย ความไว้วางใจ พวกเราไม่ได้แตกต่างอะไรมากมายกับสมาชิกอื่น ๆ
ในครอบครัวหรือเพื่อน ๆ คนอื่น ยิ่งกว่านั้นในโลกนี้เต็มไปด้วยเหตุการณ์เรื่องเล่าสารพัด
ข่าวลือ นักเทศน์ นักสอนธรรมะ ก็ดูเหมือนว่ามีเหตุมีผลดีในการให้คำตอบในความสงสัย
ของพวกเขา บุคคลเหล่านั้น ที่ไม่ได้ไปร่วมการถวายบูชาขอบพระคุณกับพวกเรา ก็ใช่ว่าจะดีขึ้น
หรือเลวไปกว่าพวกเรา พวกเขาได้ยิน ได้ฟังเรื่องราวของพระเยซูคริสต์ บางคนได้รับศีลล้างบาป
บางคนเคยไปวัดไปวาระยะหนึ่ง หรือไปตั้งนานมาแล้ว ที่สุดเรื่องราวของพระเยซูคริสต์ก็คงเป็น
เพียงแค่เรื่องเล่าเรื่องหนึ่ง พระศาสนจักร เรื่องของวัดวา กลายเป็นภาระ การร่วมการถวายบูชา
ของพระคุณกลายเป็นเพียงแค่พืธี ๆ หนึ่ง เป็นเพียงแค่ที่ ที่ หนึ่ง ที่ทุกอย่างจะกลายเป็นความทรงจำ.....


โปรดติดตาม ตอนที่ ( 32 ) ในวันต่อไป
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 5937
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

จันทร์ ก.ค. 11, 2022 7:15 pm

❤️ "ด้วยดวงใจอันเร่าร้อน" 🔥 ตอนที่ ( 32 )
โดย เฮนรี่ เจ. เอ็ม. นูเวน, แปลและเรียบเรียงโดย มงซินญอร์วิษณุ ธัญญอนันต์

การออกไปสู่พันธกิจ "จงไป และ ประกาศ "

ทำไมหรือ ? เหตุผลมิใช่อยู่ที่การถวายบูชาขอบพระคุณเท่านั้น แต่การเจริญชีวิตแห่งศีลมหาสนิท
ต่างหากเล่าที่ทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างแตกต่างแต่ละวัน แต่ละอึดใจของแต่ละวัน จะมีความทุกข์เจ็บปวด
ในความสูญเสียสิ่งต่าง ๆ ของพวกเรา และพวกเรายังมีโอกาสที่จะฟังพระวาจาซึ่งเรียกร้องให้พวกเรา
ต้องเลือกชีวิตที่สูญเสียต่าง ๆ อันเป็นหนทางนำไปสู่สิริมงคล แต่ละวันเช่นเดียวกัน พวกเราพบความเป็น
ไปได้ที่จะเชื้อเชิญคนแปลกหน้าเข้ามาในบ้านของพวกเรา และปล่อยให้พวกเขาหักขนมปังสำหรับ
พวกเรา การเฉลิมฉลองการถวายบูชาขอบพระคุณเป็นบทสรุปแก่พวกเราในชีวิตแห่งความเชื่อทั้งหมด
ที่พวกเราหมายถึง และพวกเราต้องกลับบ้านเพื่อเจริญชีวิตเยี่ยงสิ่งนั้นให้นานแสนนาน และอย่างเต็มเ
ปี่ยมในทุกวิถีทางที่พวกเราสามารถกระทำ นี่แหละคือ ความยาก เพราะว่าทุกคนที่อยู่ที่บ้านรู้จักตัว
พวกเราเป็นอย่างดี พวกเขารู้ถึงการขาดความมานะอดทน ความอิจฉาริษยา ความขุ่นข้องหมองใจ
ของพวกเรา แหละรู้ทุกแง่ทุกมุมในชีวิตของพวกเรา นอกนั้นก็ยังอาจรวมถึงการแตกหักแห่งมิตรภาพ
ความล้มเหลวแห่งคำมั่นสัญญา การรักษาความซื่อสัตย์จริงใจ ความจริงจังต่อข้อผูกมัด พวกเรา
สามารถพูดได้เต็มปากเต็มคำหรือไม่ว่า พวกเราพบพระองค์บนถนน และรับพระกาย พระโลหิตของ
พระองค์ จนทำให้พวกเราเจริญชีวิตในพระเยซูคริสต์ ? ทุกคนที่บ้านอยากและพร้อมที่จะพิสูจน์ชีวิต
พวกเราว่าจะไปได้แค่ไหน ! หรือ ความตั้งใจของพวกเราจะไปได้กี่นํ้ากัน ? ...

พระเยซูคริสต์ปรากฏองค์แก่ซีมอน ซีมอนมีความเชื่อมากยิ่งกว่าศิษย์สองคนเป็นไหน ๆ
เพราะสองคนนั้นสิ้นหวังจึงไม่ได้อยู่กับพวกเขาเหล่านั้น แต่เขาเดินหนีกลับบ้าน ทั้งสองไม่ได้
พูดอะไรมากนัก นอกจากยืนยันอีกครั้งว่า พระองค์ทรงมีพระชนม์อยู่จริง ๆ ....

ยังมีหลายต่อหลายวิธีเหลือเกินที่พระเยซูคริสต์ปรากฏองค์ให้พวกเรารู้ว่า พระองค์ทรงชีวิตอยู่
การถวาย และร่วมบูชาขอบพระคุณนั้น คือสิ่งที่เกิดขึ้นในหลายต่อหลายรูปแบบเกินกว่าที่พวกเรา
อาจคิดได้ พระเยซูคริสต์ผู้มอบปังแก่พวกเรา พระองค์สัมผัสหัวใจของคนอื่น ๆ อีกมากมายก่อน
หน้าพวกเรา พระองค์ได้พบพวกเราที่ถนนตั้งนานมาแล้ว พระองค์เรียกคน ๆ หนึ่งโดยขานชื่อของ
เธอและนางเองก็รู้ว่านั่นคือพระองค์ พระอาจารย์ พวกเรายังมีเรื่องราวของพวกเราที่จะเล่า และ
เป็นเรื่องสำคัญมากที่พวกเราต้องบอกพวกเขาแต่ว่านั่นไม่ใช่เรื่องเล่าธรรมดา ๆ อย่างเดียวเท่านั้น
พวกเรามีพันธกิจที่ต้องกระทำให้สำเร็จไป เป็นสิ่งดีที่พวกเราตื่นเต้นกับเรื่องนั้น แต่ก่อนอื่นหมด
พวกเราต้องฟังคนอื่นเสียก่อนว่าเขาพูดอะไร จากนั้นพวกเราจึงเล่าเรื่องของพวกเรา
อันนำมาซึ่งความยินดีโสมนัส ......


โปรดติดตาม ตอนที่ ( 33 ) ในวันต่อไป
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 5937
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

จันทร์ ก.ค. 18, 2022 6:03 pm

❤️ "ด้วยดวงใจอันเร่าร้อน" 🔥 ตอนที่ ( 33 )
โดย เฮนรี่ เจ. เอ็ม. นูเวน, แปลและเรียบเรียงโดย มงซินญอร์วิษณุ ธัญญอนันต์

การออกไปสู่พันธกิจ "จงไป และ ประกาศ "

ทุกอย่างที่กระทำทั้งหมดนี้ ชี้ถึงลักษณะชีวิตกลุ่ม ชีวิตหมู่คณะ เพื่อนสองคนที่สามารถเล่า
ให้แก่กันและกันฟัง ถึงความเร่าร้อนในใจของพวกเขา กำลังเริ่มเข้าสู่มิตรภาพใหม่กับบุคคลอื่น ๆ
มิตรภาพนี้ตั้งอยู่บนฐานแห่งความชิดสนิทสัมพันธ์ ซึ่งเขาทั้งสองได้รับประสบการณ์โดยตรง
ความสนิทสัมพันธ์ของเขากับพระเยซูคริสต์เป็นการเริ่มต้นชีวิตกลุ่ม ชีวิตหมู่คณะอย่างแท้จริง
แต่นี่เป็นเพียงแค่ขั้นเริ่มต้น เขาทั้งสองจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องไปพบกับบุคคลอื่น ๆ ผู้ที่มีความเชื่อ
ในการกลับคืนชีพของพระองค์เช่นเดียวกัน พวกเขาจำเป็นต้องฟังเรื่องราวของบุคคลอื่น ซึ่ง
ประสบการณ์ของเรื่องราวในแต่ละคนนั้นย่อมแตกต่างจากคนอื่น ๆ และการพบพระเยซูคริสต์นั้น
ก็เกิดขึ้นได้ในหลายหนทาง และหลายวิถีทางซึ่งพระจิตของพระองค์ทำงานในท่ามกลางประชากร
ของพระองค์...

อาจเป็นสิ่งง่ายที่จะบรรยายถึงพระเยซูคริสต์ให้แคบลง เพื่อให้พระองค์เป็นพระเยซูคริสต์
ของพวกเรา ประสบการณ์ความรักของพระองค์ต่อพวกเรา การรู้จักพระองค์ตามวิถีทางของพวกเรา
แต่พระเยซูคริสต์ละจากพวกเราไปเพื่อที่จะส่งพระจิตของพระองค์แก่พวกเรา และพระจิตของพระองค์
ทรงเป่าลมเหนือพวกเราไปในทิศทางที่พระองค์ต้องการ ชีวิตกลุ่ม หรือชีวิตหมู่คณะแห่งความเชื่อ
เป็นที่ที่รวบรวมเรื่องราวมากมายที่ถูกเล่าสู่กันฟัง เกี่ยวกับวิถีทางของพระเยซูคริสต์ เรื่องเล่าเหล่านั้น
จะแตกต่างกันในแต่ละบุคคล แต่ว่าขณะที่พวกเรายังคงตั้งอกตั้งใจฟังนั้น พระจิตจะเผยแสดงพระองค์
เองผ่านทางบุคคลมากมาย ทั้งในคำพูด การสนทนา หรือแม้แต่ในความเงียบ โดยผ่านการเผชิญหน้า
หรือการเชื้อเชิญ ทั้งในความอ่อนละมุน หรือในความแกร่ง พร้อมกับน้ำตา หรือในรอยยิ้ม พวกเรา
อาจหยั่งรู้ได้ว่าพวกเราเป็นของกันและกัน เหมือนร่างกายเดียวกันที่ถูกถักทอสานไว้
โดยพระจิตของพระเยซูคริสต์ .....

การถวายบูชาขอบพระคุณ และศีลมหาสนิทเป็นพันธกิจอยู่ตลอดเวลา บูชาขอบพระคุณ และ
ศีลมหาสนิทปลดปล่อยพวกเราให้เป็นอิสระจากความรู้สึกอัมพาต ต่อการสูญเสียสิ่งต่าง ๆ บูชา
ขอบพระคุณและศีลมหาสนิทเผยแสดงพระจิตของพระเยซูคริสต์ในพวกเรา และประทานพละกำลัง
ให้พวกเราออกไปสู่โลก เพื่อนำข่าวดีแก่คนยากจน นำแสงสว่างสู่คนตาบอด นำอิสรภาพให้แก่
เชลยและผู้ถูกจองจำ และป่าวประกาศให้ทุกคนรู้ว่า พระเจ้าเผยแสดงพระเมตตา และความ
โปรดปรานของพระองค์สู่มวลมนุษย์ทุกคนอีกครั้งหนึ่ง แต่อย่าลืมว่าพวกเราไม่ได้ถูกส่งออกไป
ทำพันธกิจคนเดียว พวกเราถูกส่งออกไปพร้อมกับ พี่น้อง ชาย หญิง ของพวกเรา ผู้ที่รับรู้เช่นเดียวกัน
กับพวกเราว่า พระเยซูคริสต์เจริญชีวิตอยู่ในท่ามกลางพวกเรา....


โปรดติดตาม ตอนที่ ( 34 )ในวันต่อไป
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 5937
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

จันทร์ ก.ค. 18, 2022 6:08 pm

❤️ "ด้วยดวงใจอันเร่าร้อน" 🔥 ตอนที่ ( 34 )
โดย เฮนรี่ เจ. เอ็ม. นูเวน, แปลและเรียบเรียงโดย มงซินญอร์วิษณุ ธัญญอนันต์

การออกไปสู่พันธกิจ "จงไป และ ประกาศ "

กระบวนการที่เป็นไปอย่างต่อเนื่องจากการถวายบูชาขอบพระคุณ และศีลมหาสนิท คือ กระบวน
การจากความชิดสนิทสัมพันธ์ไปสู่ชีวิตกลุ่ม ชีวิตหมู่คณะ จากนั้นจึงมุ่งไปยังศาสนบริการ ประสบการณ์
แห่งการชิดสนิทสัมพันธ์อันแรกของพวกเราคือการส่งพวกเราไปยังพี่น้อง ชาย หญิง เพื่อจะได้แบ่งปัน
เรื่องราวของพวกเราแก่พวกเขา และสร้างพระกายแห่งความรักร่วมกับพวกเขา ดังนั้นจากสภาพชีวิตกลุ่ม
ชีวิตหมู่คณะ พวกเราจึงสามารถก้าวไปได้ในทุกทิศทุกทาง และไปถึงทุก ๆ บุคคล....

ความรู้สึกชอบความเป็นปัจเจกนิยมของข้าพเจ้า ชอบทำอะไรด้วยตัวคนเดียว และให้ประสบความ
สำเร็จเป็นการส่วนตัว ทั้งความคิด และความโน้มเอียงเหล่านี้เข้ามาชักดึงล่อลวงข้าพเจ้าครั้งแล้วครั้งเล่า
เพื่อข้าพเจ้าจะได้อ้างและอวดได้ว่าพันธกิจแก่งศาสนบริการเหล่านั้นเป็นผลงานและเพื่อตัวข้าพเจ้าเอง
อย่าลืมว่าพระเยซูคริสต์ไม่ได้เทศน์ประกาศสอนข่าวดี และรักษาคนเจ็บด้วยตัวคนเดียว พระองค์ได้
สร้างชีวิตกลุ่มหรือหมู่คณะโดยการเรียกอัครสาวกทั้งสิบสอง พระเยซูคริสต์ทรงเรียกพวกเราอย่างต่อเนื่อง
พระองค์ไม่ปรารถนาให้พวกเราออกไปทำงานตัวคนเดียว พระองค์ส่งพวกเราไปพร้อม ๆ กัน ที่ละสองคน
และไม่ใช่เพื่อตัวเอง หรือโดยพวกเราเอง ดังนั้น พวกเราจึงสามารถเป็นพยานในฐานะบุคคลที่เป็นร่างกาย
เดียวกันในความเชื่อ พวกเราถูกส่งออกไปเพื่อสอน เพื่อรักษา เพื่อให้กำลังใจ เพื่อหยิบยื่นความหวังให้กับ
ชาวโลก พันธกิจเช่นนี้ มิใช่งานที่ใช้ความสามารถเฉพาะตัว หรือความเก่ง แต่ว่าเป็นการแสดงออกถึง
ความเชื่อของพวกเรา ทั้งหมดเหล่านี้มาจากพระองค์ผู้เดียว ผู้ซึ่งนำพวกเราเข้าไว้ด้วยกัน....

ชีวิตที่ดำรงไว้เยี่ยงศีลมหาสนิทนั้นคือ ชีวิตแห่งพันธกิจเสมอ พวกเราเจริญชีวิตในโลกที่คร่ำครวญ
โลกที่ต้องบ่นต่อว่าต่อขานภายใต้ความสูญเสียต่าง ๆ นา ๆ สงครามที่ไร้ความเมตตาปรานี ทำลายล้าง
ผู้คน ประเทศชาติ ไม่รู้เท่าไรมาแล้ว ความอดอยากหิวโหยคร่าชีวิตประชากรนับไม่ถ้วน อาชญากรรมและ
ความรุนแรงรุกเข้ามาในชีวิตมนุษย์เป็นล้าน ๆ คน พวกเขาต้องตกอยู่ในสภาพความหวาดผวา หวาดกลัว
และระแวงกันและกัน โรคมะเร็ง โรคเอดส์ อหิวาตกโรค มาลาเรีย และ โรคอื่น ๆ มากมาย ซึ่งผลาญชีวิต
และร่างกายมนุษย์ไม่รู้จักเท่าไรมาแล้ว ทั้งแผ่นดินไหว น้ำท่วม อุบัติเหตุ และ ความหายนะอื่น ๆ ที่ปรากฏ
มากมายบนหน้าหนังสือพิมพ์ บนจอโทรทัศน์ และ ทางเครื่องมือสื่อหลากหลาย ความสูญเสียต่าง ๆ ที่อยู่
ในโลกนี้ไม่มีวันสิ้นสุดลง เพื่อนมนุษย์ของพวกเราจำนวนมาก ถึงแม้ว่าจะไม่ใช่ส่วนใหญ่ก็ตาม กำลังเดิน
อยู่บนพื้นผิวดาวเคราะห์นี้ด้วยใบหน้าโศกเศร้า และ คอตก พวกเขาสนทนากันและกันเพียงบางครั้ง
บางคราวเท่านั้น "ความหวังของพวกเราที่พอจะมีอยู่บ้าง บัดนี้ก็สูญเสียไปหมดแล้ว "......


โปรดติดตาม ตอนที่ ( 35 )ในวันต่อไป
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 5937
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

จันทร์ ก.ค. 18, 2022 6:12 pm

❤️ "ด้วยดวงใจอันเร่าร้อน" 🔥 ตอนที่ ( 35 )
โดย เฮนรี่ เจ. เอ็ม. นูเวน, แปลและเรียบเรียงโดย มงซินญอร์วิษณุ ธัญญอนันต์

การออกไปสู่พันธกิจ "จงไป และ ประกาศ "

นี่แหละคือโลกที่พวกเราถูกส่งออกไป เพื่อเจริญชีวิตเยี่ยงศีลมหาสนิท นั่นคือ เจริญชีวิตด้วยหัวใจ
เร่าร้อน พร้อมกับการเปิดหู เปิดตา ของพวกเรา ดูเหมือนว่าพันธกิจของพวกเราจะเป็นไปไม่ได้
เพียงแค่คนกลุ่มเล็ก ๆ ที่พบพระองค์บนถนน ในสวนสาธารณะ หรือ ชายหาด พวกเราจะไปทำอะไร
ได้กับโลกที่มีความมืดมน และความรุนแรง ?
ธรรมล้ำลึกแห่งความรักของพระเจ้ายังคงเผยแสดงในท่ามกลาง คนยากจน คนเจ็บป่วย คนหิวโหย
บรรดานักโทษผู้ต้องขัง ผู้อพยพ ผู้ลี้ภัย ผู้ไร้ถิ่นฐาน และทุกคนที่มีชีวิตอยู่ในความกลัว ความหวาดระแวง
การผวาสั่นเทา....
พวกเราควรรับรู้อย่างดีว่า พันธกิจของพวกเรานั้นไม่ใช่แค่เพียงออกไปและประกาศแก่คนอื่น ๆ ว่า
พระเยซูคริสต์ทรงคืนพระชนม์ชีพแล้วเท่านั้น.....
คำว่า พันธกิจก็คือความหมายแห่ง "การให้อย่างพิเศษ" แต่แท้จริง ความหมายของคำนี้อีกอย่างหนึ่ง
คือ " การรับ " เช่นกัน ถ้าเป็นจริงอย่างที่ว่า คือ พระจิตของพระเยซูคริสต์ทรงปัดเป่าพวกเราไปในที่
ที่พระองค์ต้องการ ทุกคนที่ได้รับพระคุณของพระจิต ก็คือผู้ที่จะต้องมอบพระจิตนี้ต่อไป คิดกันและปฏิบัติกัน
ในระยะยาว พันธกิจย่อมเป็นไปได้เสมอเพียงแต่ว่ามีความสมดุลระหว่าง การรับ และ การให้ ผู้รับการเอา
ใจใส่ต้องสมดุลกับผู้เอาใจใส่ พวกเราถูกส่งไปยังคนป่วย คนกำลังจะตาย คนพิการ นักโทษ ผู้ลี้ภัย ฯลฯ
เพื่อจะนำข่าวดีแห่งการกลับคืนชีพของพระเยซูคริสต์ไปยังพวกเขา แต่ว่าในไม่ช้า พวกเราจะรู้สึกหมดไฟ
และพันธกิจที่กำลังทำนั้นชะงักงัน มีอุปสรรคถ้าหากพวกเราไม่ได้รับพระจิตของพระเยซูคริสต์ เพื่อนำ
ความหวังเหล่านั้นไปสู่บุคคลที่พวกเราถูกส่งไปหา......
พระจิตองค์นี้แหละเป็นพระจิตแห่งความรักทรงซ่อนเร้นพระองค์เองในความยากจน ความบอบช้ำ
แตกสลาย ด้วยเหตุนี้ ทำไม่พระเยซูคริสต์จึงตรัสว่า "เป็นความสุขแท้แห่งพระพรแก่เขาเหล่านั้น ผู้ยากจน
ผู้ถูกกดขี่ข่มเหงรังแก และผู้ที่โศกเศร้า " และนี่แหละเป็นศาสนบริการของพวกเรา ปราศจากการให้
และการรับอย่างสมบูรณ์ ทั้งพันธกิจ และ ศาสนบริการ อาจจะกลับตาลปัตร เปลี่ยนเปึนความรุนแรงอย่าง
ง่ายดาย ถ้าหากคนหนึ่งให้อย่างเดียว และอีกคนเป็นเพียงแค่รับอย่างเดียว ในไม่ช้า ผู้ให้นั้นกลายเป็นผู้
กดขี่มีอำนาจ ส่วนผู้รับนั้นกลายเป็นเหยื่อเคราะห์กรรม แต่ว่าเมื่อผู้ให้รู้จักรับ และผู้รับรู้จักให้ พวกเรา
เรียกว่า " วงเวียนแห่งความรัก " ซึ่งเกิดขึ้นในชีวิตกลุ่ม ในหมู่คณะแห่งการเป็นศิษย์ของพระเยซูคริสต์
และสามารถเติบโตยิ่ง ๆ ขึ้น ขยายความกว้างออกไปเท่า ๆ กับโลกนี่แหละ....

โปรดติดตาม ตอนที่ ( 36 )ในวันต่อไป
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 5937
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

จันทร์ ก.ค. 18, 2022 6:18 pm

❤️ "ด้วยดวงใจอันเร่าร้อน" 🔥 ตอนที่ ( 36 )
โดย เฮนรี่ เจ. เอ็ม. นูเวน, แปลและเรียบเรียงโดย มงซินญอร์วิษณุ ธัญญอนันต์

การออกไปสู่พันธกิจ "จงไป และ ประกาศ "

วิธีการนี้เป็นแก่นแท้ของการเจริญชีวิตเยี่ยงศีลมหาสนิท ซึ่งจะทำให้วงเวียนแห่งความรักเติบโตขึ้น
การเข้าไปสู่ความชิดสนิทสัมพันธ์อย่างลึกซึ้งกับพระเยซูคริสต์ และการสร้างชีวิตกลุ่มพร้อม ๆ กับ
บุคคลที่รับรู้ว่าพระองค์ยังทรงชีวิต พวกเราสามารถออกไป และอยู่ร่วมกับผู้เดินทางที่รู้สึกโดดเดี่ยว
อีกหลายต่อหลายคน และช่วยเหลือพวกเขาให้พบว่า พวกเขาเช่นเดียวกันที่มีพระพรแห่งความรักที่
จะต้องเอามาแบ่งปันกัน พวกเขาจะไม่หวาดกลัวอีกต่อไป.....
ไม่ใช่ทุกคนที่จะฟังพวกเรา แต่จะมีเพียง สอง สาม คนที่จะเชื้อเชิญพวกเราเข้าไปสู่ชีวิตของพวกเขา
และร่วมทานอาหารโต๊ะเดียวกันกับเขา และนาน ๆ ครั้งที่จะมีความเป็นไปได้ที่พวกเราอาจมอบปังทรง
ชีวิตแก่เขา และช่วยรักษาหัวใจที่บอบช้ำแตกสลายของเขาให้คืนสู่สภาพเดิม พระเยซูคริสต์เองไม่ได้
รักษาความเจ็บป่วยให้แก่ทุกคน และไม่ได้เปลี่ยนแปลงชีวิตให้ทุกคนเช่นกัน เพราะว่าบุคคลเหล่านั้น
ไม่เชื่อในการเปลี่ยนแปลงชีวิตชนิดถอนรากถอนโคน มีความเป็นไปได้ที่พวกเขาไม่ได้มอบ
ความไว้วางใจ ขณะที่พวกเขาพบคนแปลกหน้า....
ประสบการณ์เช่นนี้มีอยู่จริง และยังคงดำเนินต่อไปสำหรับบุคคลที่เจริญชีวิตเยี่ยงศีลมหาสนิท พวกเขา
เห็นอย่างจริงจังว่านี่คือ พันธกิจของเขา ซึ่งท้าทายอย่างมิหยุดหย่อนต่อเพื่อนร่วมเดินทางของเขาที่เลือก
คุณค่าแท้จริงในชีวิต แทนที่จะเลือกความขุ่นเคืองใจ และโกรธแค้น เลือกทางแห่งความหวังแทนที่
ซึมเศร้าอยู่กับความสิ้นหวัง การท้าทายอันนี้ที่ถูกยอมรับแม้เพียงแค่สอง สาม ครั้งเท่านั้น แต่เพียง
พอแล้ว ที่ทำให้ พวกเขาเจริญชีวิตอย่างเห็นคุณค่ายิ่งขึ้น การเห็นรอยยิ้มบนคราบน้ำตา ก็คือการ
เป็นพยานถึง อัศจรรย์อันหนึ่ง อัศจรรย์แห่งความชื่นชมโสมนัส....

บางครั้ง หรือเฉพาะโอกาสสำคัญ ๆ การถวายบูชาขอบพระคุณถูกถวายในลักษณะมโหฬาร และ
สง่างามในมหาวิหาร หรือพระวิหารต่าง ๆ แต่บ่อยครั้งการบูชาขอบพระคุณถูกถวายแบบเรียบง่ายเป็น
" เหตุการณ์เล็ก ๆ " ที่มีแต่สัตบุรุษสัก สอง สาม คนร่วมด้วย บางครั้งถวายที่ห้องนั่งเล่นในห้องเล็ก ๆ
ในเรือนจำ แม้แต่ห้องใต้หลังคา โดยที่คนกลุ่มใหญ่ หรือผู้ที่กำลังกระทำกิจกรรมใหญ่โตในโลกมอง
ไม่เห็น บางครั้ง บูชาขอบพระคุณถูกถวายในที่ลับ ปราศจากอาภรณ์ เทียนไข กำยาน บางครั้งบูชา
ขอบพระคุณถูกถวายในรูปแบบที่เรียบง่ายที่สุด จนบุคคลภายนอกอื่น ๆ ไม่รู้ด้วยซ้ำไปว่ากำลังมีการ
ถวายบูชาขอบพระคุณที่นั่น แต่ไม่ว่าจะเป็นการถวายบูชาขอบพระคุณใหญ่ การถวายบูชา
ขอบพระคุณเล็ก การถวายบูชาขอบพระคุณแบบฉลอง หรือการถวายบูชาขอบพระคุณที่ถวายแบบ
เงียบ ๆ เหล่านี้ ก็คือเหตุการณ์อันเดียวกัน เผยแสดงความหมายเดียวกัน คือ ชีวิตมีพลังเหนือความตาย
และ ความรักมีพลังมากกว่าความกลัว....


โปรดติดตาม ตอนที่ ( 37 ) (บทสรุป) ในวันต่อไป
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 5937
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

จันทร์ ก.ค. 18, 2022 6:23 pm

❤️ "ด้วยดวงใจอันเร่าร้อน" 🔥 ตอนที่ ( 37 ) ตอนสุดท้าย
โดย เฮนรี่ เจ. เอ็ม. นูเวน, แปลและเรียบเรียงโดย มงซินญอร์วิษณุ ธัญญอนันต์

: บทสรุป

คำว่า " บูชาขอบพระคุณ " (EUCHARIST) มีความหมายตามตัวอักษร คือ "การขอบพระคุณ"
ชีวิตศีลมหาสนิท ก็คือ ผู้ที่เจริญชีวิตในความสำนึกรู้คุณ หรือกตัญูญู เรื่องราวของเพื่อนสองคน
ที่กำลังเดินไป ณ ตำบลเอมมาอูส ซึ่งเป็นเหตุการณ์เดียวกันกับเรื่องราวในชีวิตของพวกเราเหมือนกัน
เรื่องราวนั้นแสดงออกถึงการสำนึก รู้คุณ แม้ว่าจะไม่ใช่ท่าทีแบบชัดเจนต่อชีวิตก็ตาม พระเยซูคริสต์
มอบการถวายบูชาขอบพระคุณ และศีลมหาสนิทให้พวกเรา เพื่อพวกเราจะสามารถเลือกหนทางแห่ง
ความสำนึกบุญคุณ และแสดงความกตัญญู นี่คือตัวเลือก ที่ตัวพวกเราเองนั้นแหละจะต้องตัดสินใจ
ไม่มีใครมาเลือกให้พวกเรา ในการถวายบูชาขอบพระคุณนั้น จะกระตุ้นและผลักดันพวกเราให้วิงวอน
ขอพระเจ้าในความเมตตากรุณาของพระองค์ รวมทั้งการฟังพระวาจาของพระเจ้า การเชื้อเชิญ
พระเยซูคริสต์ ให้เข้ามาในบ้านของพวกเรา การเข้าสู่ความชิดสนิทสัมพันธ์กับพระองค์อย่าง
แนบแน่น และการประกาศข่าวดี ให้แก่ชาวโลก....

สุดท้าย การถวายบูชาขอบพระคุณ พิธีมิสซา ศีลมหาสนิท จะต้องเป็นสิ่งสูงส่งศักดิ์สิทธิ์ นี่คือ
พระพรที่พวกเราไม่อาจจะประดิษฐ์ หรือสรรสร้างขึ้นมาได้ เพื่อตัวของพวกเราเองแต่เป็นการถวายบูชา
ขอบพระคุณที่ต้อง "ถูกรับ" นี่คือการ "มอบให้" แบบอิสระ ฉะนั้นต้อง "ถูกน้อมรับ" แบบอิสระเช่นกัน
และนี่แหละคือตัวเลือกที่มีอยู่ พวกเราอาจจะเลือกโดยปล่อยให้คนแปลกหน้าเดินทางในหนทางของเขา
ต่อไป หรืออาจจะเลือกให้เขาพักอยู่กับพวกเรา ! พวกเราสามารถเชื้อเชิญพระองค์ให้เข้ามาในส่วนลึก ๆ
ภายในชีวิตของพวกเรา โดยปล่อยให้พระองค์สัมผัสทุกส่วนในชีวิตความเป็นอยู่ของพวกเรา และที่สุด
พระองค์จะเปลี่ยนความขุ่นเคืองใจของพวกเราให้กลับไปสู่ดวงจิตที่สำนึกรู้คุณและกตัญญู พวกเราจะพบว่า
ทุกสิ่งทุกอย่างเริ่มเปลี่ยนเป็นสิ่งใหม่ ชีวิตของพวกเราที่ดูว่าตํ่าต้อยไร้ค่ากลับกลายเป็นเรื่องอันแสนยิ่งใหญ่
และมีคุณค่ามากมายนัก นี่เป็นส่วนหนึ่งของงานที่ลํ้าลึก ซึ่งอยู่ในแผนการของความรอดของพระเจ้า
ไม่มีอะไรเลยที่เกิดขึ้นโดยความบังเอิญ หรือเป็นไปตามอารมณ์ หรือไร้ประโยชน์คุณค่า ทุกอย่างมีคุณค่า
มีความหมายลึกซึ้งแม้ว่าเหตุการณ์เล็กนิดเดียวที่แทบจะไม่มีความหมายได้เกิดขึ้นแม้เพียงครั้งเดียว
ถ้าหากพูดออกมาในภาษาแห่งความเชื่อ ความหวัง และเหนืออื่นใด ในความรัก นี่คือศีลมหาสนิท ชีวิตที่อยู่
ในทุกสิ่งทุกอย่าง ซึ่งทำให้พวกเรากล่าวออกมาเพียงแต่อย่างเดียวในคำคำเดียวนั่นคือ
"ขอขอบพระคุณพระองค์ " ผู้ร่วมเดินทางกับพวกเราบนถนนแห่งชีวิต....

🌾🍁🌿🌼🌾🍁🌿🌼🌾


:s005: :s005:
ตอบกลับโพส