เรื่อง “ กระแสเรียก “ ( 1-9 ตอน )

ใครมาใหม่เชิญทางนี้ก่อน ทักทาย ทดลองโพส
ตอบกลับโพส
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 5937
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

จันทร์ ก.ค. 18, 2022 6:31 pm

เรื่อง "กระแสเรียก" ตอนที่(1) (A Vocation Story)

โดย ซิสเตอร์ลินน์ มารี (Sister Lynne Marie Simonich, OSF)
คณะนักบุญฟรังซิสแห่งกางเขนศักดิ์สิทธิ์ แปลและเรียบเรียงโดย กอบกิจ ครุวรรณ

ดิฉันปฏิญาณตนตลอดชีพต่อพระเจ้าที่จะถือความยากจน, ความบริสุทธิ์, และการนอบน้อมเชื่อฟัง
อะไรเป็นแรงบันดาลใจให้ดิฉันตัดสินใจบวชเป็นซิสเตอร์คณะฟรังซิสกันหรือคะ?

ตอนเด็กๆ เราไปวัดกันทั้งครอบครัว คุณพ่อคุณแม่ของดิฉันเป็นคนศรัทธามาก คุณพ่อทำงานเป็น
คนขุดแร่เหล็ก ส่วนคุณแม่เป็นแม่บ้าน บ้านของเราตั้งอยู่ที่ไอรอนวู้ด (Ironwood) รัฐมิชิแกน
เป็นท้องถิ่นที่เป็นธรรมชาติและเงียบสงบ ดิฉันและพี่น้องทุกคนเรียนชั้นประถมจนจบชั้นมัธยมปลาย
ในโรงเรียนคาทอลิกของคณะภคินีฟรังซิสกันเพื่อการกุศล (Franciscan Sisters of Christian Charity
) เมืองแมนิโทว็อก รัฐวิสคอนซิน

ดิฉันจำไม่ได้ว่าเคยคิดจะเป็นซิสเตอร์ตอนที่เรียนอยู่ในชั้นประถมบ้างไหม แต่ที่จำได้แน่คือตอนที่
เรียนอยู่ในชั้นมัธยม ดิฉันสังเกตเห็นว่าซิสเตอร์ที่โรงเรียนดูมีความสุขมากกันทุกคน ดิฉันรู้สึกว่ามี
กระแสเรียกเป็น “ซิสเตอร์” อย่างชัดเจนขณะที่เรียนอยู่ในชั้นมัธยม 4 เมื่อร่วมเข้าเงียบเรื่องกระแสเรียก
ที่ทางโรงเรียนจัดขึ้น

ดิฉันจำได้ว่าได้เข้าไปในวัดใหญ่มหึมาที่เงียบสงบ ดิฉันคุกเข่าอยู่ข้างรูปปั้นแม่พระและสวดวิงวอนขอ
ให้พระแม่ช่วยทูลพระบุตรปล่อยดิฉันเป็นอิสระ! ดิฉันไม่อยากเข้าอาราม! ดิฉันพยายามเพิกเฉยต่อ
กระแสเรียกอย่างสุดฤทธิ์ แต่กระแสเรียกก็ยังคงดังก้องอยู่ในใจ ถูกแล้ว ดิฉันรู้ว่าตัวเองอยากทำ
กิจการบางอย่างเพื่อช่วยเหลือผู้อื่นอยู่เสมอ และแม้ดิฉันเป็นคนชอบสวดภาวนาก็จริง แต่จะต้องเป็น
ซิสเตอร์ด้วยหรือ?

พระเจ้าทรงอดทนกับดิฉันมากทีเดียว เพราะดิฉันใช้เวลาถึงสองปีก่อนจะตัดสินใจเข้าอารามที่แมนิโทว็อก
หลังจากจบมัธยมปลาย หลังจากที่ดิฉันเข้าอารามได้เพียง 2 สัปดาห์ ดิฉันรู้สึกสับสนและเศร้าใจมาก
เมื่อทราบข่าวคุณพ่ออายุ 48 ปีเสียชีวิตอย่างกะทันหัน — ดิฉันครุ่นคิดอย่างหนักว่าจะช่วยคุณแม่
ในวัย 47 ปีได้อย่างไร;

พระเจ้าทรงเรียกดิฉันเป็นซิสเตอร์จริงๆ หรือต้องการให้ดิฉันอยู่ช่วยที่บ้านมากกว่า? และดิฉันก็ทราบ
คำตอบมาจากปากของคุณแม่เอง เมื่อดิฉันถามขึ้นว่า “คุณแม่ต้องการให้ดิฉันอยู่บ้านหรือไม่?”
คุณแม่ตอบว่า “ลูกต้องมีชีวิตของตัวเองและทำในสิ่งที่รู้สึกว่าจะต้องทำ” ดิฉันเชื่อว่าคำตอบของคุณแม่
เกิดจากความความเชื่อที่มั่นคงของท่าน เสริมด้วยพระพลานุภาพที่เข้มแข็งของพระจึงทำให้คุณแม่
สามารถให้คำตอบเช่นนี้ได้
นับถึงวันนี้ ดิฉันใช้ชีวิตเป็นซิสเตอร์มามากกว่า 50 ปีแล้ว!

เมื่อตอนที่ดิฉันปฏิญาณตนตลอดชีวิตในปี 1978 ดิฉันได้รับเครื่องหมาย 3 สิ่ง ได้แก่

1) ดอกกุหลาบ แทนความเจ็บปวดและความสวยงามของชีวิต

2) ไม้กางเขน คือการรับ ‘พระเยซูเป็นศูนย์กลางชีวิตของดิฉัน’ และ

3) แหวน แทนคำสัญญาว่า ‘ดิฉันได้เลือกที่จะรักษาคำปฏิญาณนี้ตลอดไป’

*****************
โปรดติดตามตอนที่ (2)ในวันพรุ่งนี้
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 5937
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

จันทร์ ก.ค. 18, 2022 6:38 pm

เรื่อง"กระแสเรียก" ตอนที่ (2)(The Story of Vocation)

จาก https://soeurs-de-la-presentation-de-ma ... ion-story/ 2022
, แปลและเรียบเรียงโดย กอบกิจ ครุวรรณ

เป็นเรื่องกระแสเรียกของซิสเตอร์ 8 ท่าน “คณะภคินีพระนางมารีย์แสดงองค์” ในสหรัฐฯ และฟิลิปปินส์

ก่อนอื่น ขอทำความเข้าใจเกี่ยวกับคณะนี้โดยสังเขปดังนี้

“คณะภคินีพระนางมารีย์แสดงองค์” (The Sisters of Presentation of Mary) ก่อตั้งขึ้น
เมื่อปี ค.ศ.1796 ในจังหวัดอาร์แดช (Ardèche) ทางตอนใต้ของฝรั่งเศส โดยบุญราศี
‘รีวีเอร์’ Anne-Marie Rivier (1768–1838) วัตถุประสงค์ดั้งเดิมคือต้องการให้สตรีวัยรุ่นได้
รับการศึกษา ปัจจุบันคณะฯ นี้ดำเนินงานอยู่ใน 18 ประเทศ, 5 ทวีป

ภคินีของคณะปฎิญาณตนเช่นเดียวกับนักบวชคาทอลิกทั่วไป คือถือความยากจน, ความบริสุทธิ์
และการนอบน้อมเชื่อฟัง. ชาวคณะอุทิศตนรับใช้ผู้อื่นโดยมีเป้าหมายสูงสุดคือการใกล้ชิดกับพระเจ้า
ด้วยการรับใช้ผู้อื่นโดยมีพระนางมารีย์เป็นต้นแบบ คณะนี้มีกิจกรรมที่แตกต่างไปจากคณะภคินีอื่น ๆ
คือ การจัดเข้าเงียบช่วงวันสุดสัปดาห์สำหรับฆราวาสชายหญิงที่สนใจเรื่องกระแสเรียก นอกจากนั้น
สตรีฆราวาสยังสามารถมีประสบการณ์ทดลองใช้ชีวิตในอารามร่วมกันกับภคินีของคณะด้วย

(at)ซิสเตอร์ แคลร์ กาญอง (Sr. Claire Gagnon)

ดิฉันทำงานที่ศูนย์จิตวิญญาณมารี โยแซฟ (Marie Joseph Spiritual Center) ในรัฐเมน ทำหน้าที่
เป็นผู้จัดจารีตพิธีกรรม, เตรียมบทสวดเช้า-ค่ำ และเลือกบทเพลงขับร้องในจารีตพิธีประจำวัน,
เป็นผู้อำนวยการฝ่ายจิตวิญญาณให้กับผู้ที่ปรารถนาจะมีชีวิตจิตที่ลึกซึ้งกับพระเจ้า และเป็น
ผู้อำนวยการดูแลศูนย์เข้าเงียบของคณะ

ที่จริงงานต่าง ๆ ที่ดิฉันปฏิบัติหน้าที่อยู่นี้ ไม่เคยอยู่ในสมองของดิฉันเลยตอนที่ดิฉันเป็นวัยรุ่นและ
เมื่อเริ่มเป็นผู้ใหญ่ ช่วงก่อนเข้านวกสถาน ดิฉันมีชีวิตที่สดใสทีเดียว ดิฉันทำงานให้กับธนาคาร 2 แห่ง
คือทำงานแผนกออมทรัพย์ให้กับธนาคารหนึ่ง และแผนกสินเชื่อให้กับอีกธนาคารหนึ่ง ดิฉันทำเงิน
ได้มากและมีเงินออมก้อนใหญ่, ช่วงนั้น ดิฉันพบปะผู้คนมากมาย อีกทั้งกำลังเรียนวิชาการธนาคาร
ขั้นสูงเพื่อรับตำแหน่งเป็นผู้บริหาร แต่ที่สุดดิฉันก็ไม่ได้เรียนจนจบเนื่องจากดิฉันเปลี่ยนวิถีชีวิตและ
หันมาเป็นซิสเตอร์แบบสายฟ้าแลบ!

ก่อนเข้านวกสถาน ดิฉันทำกิจกรรมของชุมชนวัดประจำเขตและได้ตั้งกลุ่มร้องเพลงพื้นบ้านที่นั่น
ช่วงนั้น ดิฉันคบหากับชายหนุ่มหลายคน และโดยเฉพาะกับหนุ่มรูปหล่อคนหนึ่ง เราทั้งสองต่าง
วางแผนอนาคตร่วมกันอย่างจริงจัง มีการเตรียมกำหนดการวันหมั้น, วันแต่งงานและเรื่องการมีบุตร
(ชาย 6 คนพร้อมกับตั้งชื่อล่วงหน้าตามลำดับดังนี้ : คริสโตเฟอร์, ไบรอัน, พอล, เจฟฟรีย์, โจเซฟ และปีเตอร์)
เราเตรียมซื้อที่ดินแปลงหนึ่งเพื่อจะปลูกบ้านสำหรับครอบครัว แต่แล้ว… “สุนัขล่าเนื้อจากสวรรค์”
(The Hound of Heaven) หรืออีกนัยหนึ่งคือ “องค์พระผู้เป็นเจ้า” ทรงคว้าตัวดิฉันไว้และสหายหนุ่ม
สุดหล่อของดิฉันก็กลายเป็นอดีตคนรักไป

เรื่องกลับตาลปัตรได้อย่างไรน่ะหรือ? ฉากชีวิตใหม่ของดิฉันเริ่มต้นจากการที่ดิฉันมีเพื่อนสนิท
คนหนึ่งเป็นซิสเตอร์อยู่ใน “คณะภคินีพระนางมารีย์แสดงองค์” เธอขอให้ดิฉันช่วยจัดแสดงดนตรี
ให้กับกลุ่มคนที่จะมาเข้าเงียบในวันหยุดสุดสัปดาห์ซึ่งซิสเตอร์ของคณะฯ จัดขึ้นที่ศูนย์เข้าเงียบ
“ Marie Joseph Spiritual Center” ดิฉันตอบตกลงโดยมีข้อแม้ว่าดิฉันสามารถไปเดินเล่นที่ชายหาด
ใกล้เคียงได้ในช่วงเวลาที่พวกเขาเข้าเงียบกัน เพราะดิฉันไม่ต้องการจะเข้าร่วมกิจกรรมเข้าเงียบใด ๆ
กับพวกเขา ดิฉันต้องการเพียงจะไปเดินเล่นที่ชายหาดและแสดงดนตรีเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม เช้าวันเสาร์นั้นในเดือนกันยายนปี 1973 ซิสเตอร์ที่เป็นเพื่อนของดิฉันเดินมาบอกดิฉันว่า
“คุณแม่เจ้าคณะแขวงขอคุยกับเธอหน่อย
(ตอนนั้น ดิฉันไม่รู้ด้วยซ้ำว่า “เจ้าคณะแขวง” แปลว่าอะไรหรือเป็นใคร?)

คำตอบของฉันคือ "ทำไมหรือ?"
เพื่อนดิฉันตอบว่า: "โอ้ คุณแม่ฯ แค่อยากจะคุยด้วยหน่อยเท่านั้นแหละ!"
ดิฉันทำท่างง ๆ ถามต่อไปว่า: “จริงหรือ? ทำไมหรือ? แต่ฉันไม่มีอะไรจะพูดกับเธอเลยนะ”

แล้วก็เกิดเรื่องจนได้! เมื่อดิฉันไปพบคุณแม่เจ้าคณะแขวงที่ห้องทำงานของท่าน
คุณแม่ฯ มี "100 เหตุผล" หว่านล้อมให้ดิฉันเข้าอาราม ส่วนดิฉันก็ตอบโต้ด้วย
"101 เหตุผล" ว่าทำไมดิฉันไม่ควรเข้าอาราม --- ท่านคิดว่าใครชนะหรือ? --- คำตอบคือ
พระเป็นเจ้าทรงมีวิธีการของพระองค์

หลังจากที่ดิฉันเดินไปตามชายหาดในตอนบ่ายวันนั้น ดิฉันมีความรู้สึกแปลก ๆ อยู่ในใจ
และในคืนนั้นเอง ดิฉันคงจะพูดไม่ได้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นในความฝันของดิฉันเป็นเหมือนกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับ
โยเซฟให้รับ’มารีย์’ เป็นภรรยา จึงมิใช่เรื่องแปลกที่เช้าวันรุ่งขึ้น ดิฉันพบตัวเองเดินเข้าไปขอพบ
“คุณแม่เจ้าคณะแขวง” ในห้องทำงานของท่านอีกครั้งหนึ่ง

เมื่ออยู่ต่อหน้าคุณแม่ฯ ดิฉันขอให้ท่านส่งกระดาษให้ดิฉันแผ่นหนึ่งเพราะดิฉันต้องการเขียนใบสมัคร
เข้าเป็นนวกเณรีในคณะที่ท่านสังกัดอยู่... และ 4 เดือนต่อมาดิฉันก็ได้เข้ามาอยู่ในนวกสถานของคณะ

ขอให้ทุกท่านรับทราบว่า “สุนัขล่าเนื้อจากสวรรค์” (พระเป็นเจ้า) ไม่เคยทรงปล่อยผู้ใดหลุดรอดไปได้
เมื่อพระองค์ทรงเรียกผู้นั้น และดิฉันก็ไม่เคยเสียใจในการตอบรับการเรียกของพระองค์เลย

**********************
โปรดติดตามตอนที่ (3)ในวันพรุ่งนี้
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 5937
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

จันทร์ ก.ค. 18, 2022 6:44 pm

เรื่อง"กระแสเรียก" ตอนที่ (3) (The Story of Vocation)

จาก https://soeurs-de-la-presentation-de-ma ... ion-story/ 2022 ,
แปลและเรียบเรียงโดย กอบกิจ ครุวรรณ

(at)ซิสเตอร์ เฮ็นรี่ แบรตรังด์ (Sr. Henri Bertrand)

ตั้งแต่เล็กเมื่อเรียนอยู่ในชั้นประถมศึกษา ดิฉันชอบความสวยงามของวัด, เทียน, เครื่องหอม,
เพลงในวัด, “อาเว มารีอา”, “ปังแห่งเทพเทวา” เมื่อเริ่มเรียนชั้นมัธยมต้น ซิสเตอร์ผู้สอนคำสอน
ให้พวกเราทำโปสเตอร์เกี่ยวกับเทศกาลทางศาสนา ดิฉันพบภาพซิสเตอร์ท่านหนึ่งในนิตยสาร
คาทอลิก ของคุณแม่ ดิฉันจึงตัดเอาภาพนั้นไปทำโปสเตอร์พร้อมกับเขียนคำบรรยายใต้ภาพว่า
“ซิสเตอร์กำลังสวดภาวนา”

ก่อนส่งโปสเตอร์ ซิสเตอร์ผู้สอนบอกนักเรียนในห้องว่า ให้นักเรียนวางโปสเตอร์ที่จะส่งของแต่ละคน
ไว้บนโต๊ะของตน จากนั้นให้พิจารณาภาพโปสเตอร์ของตนโดยไตร่ตรองกับชีวิตของตัวเองด้วย
ดิฉันจึงพิจารณาดูภาพซิสเตอร์ที่จะส่งพร้อมกับสวดภาวนาและตั้งคำถามกับตัวเองว่า “ตัวฉันเอง
อยากจะเป็นซิสเตอร์บ้างไหม?”
ก่อนจบชั้นมัธยม ซิสเตอร์คนเดิมบอกนักเรียนว่า มีนวกสถานของ “คณะภคินีพระนางมารีย์แสดงองค์
” ที่เมืองกอร์แฮม (Gorham) รัฐนิวแฮมป์เชียร์ และมีเพื่อนสนิทของดิฉัน 4 คนตกลงจะไปเข้านวกสถาน
นี้แล้ว เมื่อกลับถึงบ้านดิฉันจึงไปถามความเห็นคุณแม่ ซึ่งคุณเเม่ก็เห็นด้วยกับดิฉัน แต่ต้องให้คุณพ่อ
เห็นด้วย เพราะคุณพ่อเป็นคนจัดการด้านการเงินของบ้าน

เมื่อดิฉันถามคุณพ่อเกี่ยวกับการจะไปเข้านวกสถานฯ ท่านตอบว่า “ไม่มีทาง! ลูกจะอยู่แต่ในกลุ่มเพื่อน
ผู้หญิงด้วยกันตั้ง 4 ปีไม่ได้เด็ดขาด ถ้าลูกอยากบวชเป็นภคินี ลูกจะต้องรู้จักชีวิตทำงานและรู้จักคบกับ
เด็กหนุ่มก่อน หลังจากนั้นลูกจึงค่อยตัดสินใจอีกทีว่า ยังอยากจะไปบวชเป็นภคินีหรือไม่”

ดังนั้นดิฉันจึงทำตามคำแนะนำของคุณพ่อ เริ่มจากไปหางานทำและได้งานที่ห้างซูเปอร์มาร์เก็ต
“ Woolworth's” ที่เมืองแมนเชสเตอร์ รัฐนิวแฮมป์เชียร์ หลังจากทำงานได้ไม่นาน ดิฉันก็รู้จักหนุ่ม
คนหนึ่งซึ่งไม่นานต่อมาเราก็เป็นแฟนกัน เขาเสนอจะให้แหวนแก่ดิฉันเพื่อแสดงถึงความจริงใจ
แต่ดิฉันบอกเขาว่าดิฉันขอมีประสบการณ์ชีวิตในอารามภคินีก่อน

หลังจากดิฉันทดลองใช้ชีวิตในอารามสองปี เขาก็ถามถึงการตัดสินใจของดิฉัน ซึ่งดิฉันตอบเขาไปว่า
ดิฉันมีความสุขกับชีวิตการเป็นภคินี และไม่ขัดข้องใด ๆ เลยหากเขาจะนัดเที่ยวกับคุณเชอร์ลี่ (Shirley)
เพราะเธอน่าจะเป็นคู่ครองที่ดีสำหรับเขา เขาผู้นั้นซึ่งบัดนี้กลายเป็นอดีตแฟนของดิฉันทำตาม และพวกเขา
ทั้งสองก็มีความสุขมากในชีวิตแต่งงานและมีครอบครัวที่ดี

ส่วนดิฉันก็มีความสุขมากกับหน้าที่การงานต่าง ๆ ที่ได้รับมอบหมายในชีวิตการเป็นภคินี หลังจากผ่านไป
4 ปี ดิฉันอดประหลาดใจไม่ได้เมื่อเห็น ‘จานีน’ (Jeannine) น้องสาวของดิฉันก็ตามมาเข้านวกสถานที่
ดิฉันอยู่ด้วย เพราะดิฉันไม่เคยพูดคุยกับเธอเกี่ยวกับชีวิตการเป็นภคินีของดิฉันเลย ฉันจึงถามเธอว่า
“น้องจานีน จ๊ะ, มีอะไรดลใจให้น้องเข้าอารามหรือ”
เธอตอบดิฉันด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ ว่า “น้องอ่านจดหมายทุกฉบับที่พี่เขียนถึงคุณพ่อคุณแม่
และน้องก็รู้สึกประทับใจกับความสุขที่พี่ได้รับ นี่คือเหตุผลที่น้องอยากเป็นภคินี
เพราะตัวน้องเองก็อยากมีความสุขเหมือนกับพี่ค่ะ”

**********************
โปรดติดตามตอนที่ (4)ในวันพรุ่งนี้
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 5937
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

พุธ ก.ค. 20, 2022 11:38 pm

เรื่อง "กระแสเรียก" ตอนที่ (4)(The Story of Vocation)

จาก https://soeurs-de-la-presentation-de-ma ... ion-story/ 2022 ,
แปลและเรียบเรียงโดย กอบกิจ ครุวรรณ

(at)ซิสเตอร์ มารี เมย์ เลาซิเออร์ (Sr. Marie May Lausier) พระเยซูทรงยึดครองหัวใจของดิฉัน
ตั้งแต่วันที่ดิฉันรับศีลมหาสนิทครั้งแรก! และดิฉันก็ซื่อสัตย์ต่อรักแท้ครั้งแรกของดิฉันตั้งแต่นั้น
เป็นต้นมา ดิฉันมีความสุขกับการร่วมพิธีมิสซาทุกวัน ความรักของดิฉันต่อพระเยซูในศีลมหาสนิท
กลายเป็นศูนย์ กลางของชีวิตดิฉันอยู่จนทุกวันนี้

ดิฉันเป็นลูกคนที่เจ็ดในครอบครัวที่มีพี่น้อง 16 คน (ผู้ชาย 11 คน) ทุกท่านคงเข้าใจกันว่า บางครั้ง
ดิฉันคงจะเบื่อกับการอยู่กับพวกผู้หญิงด้วยกันใช่ไหมคะ! ความจริง จุดเด่นของครอบครัวของเรา
คือความศรัทธา, การสวดภาวนา, การร้องเพลงที่สนุกสนานควบคู่ไปกับการทำงานหนัก
พระนางมารีย์เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตครอบครัวของเรา ดิฉันจำได้ว่าตั้งแต่ตอนที่ยังเป็นเด็ก ดิฉันรู้สึก
เบิกบานใจกับการสวดสายประคำทุกค่ำคืน และรู้สึกว่าพระแม่มารีย์ชักจูงด้วยความอ่อนโยนให้
ดิฉันทราบว่าดิฉันเป็นบุตรีที่มีพระแม่เป็นผู้นำ

ช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของชีวิตดิฉันเกิดขึ้นเมื่อดิฉันเห็นความทุกข์แสนสาหัสของลูกพี่ลูกน้องที่
สามีเสียชีวิตกะทันหันหลังจากอยู่กินกันมา 10 ปี

ดิฉันได้ยินเสียงเธอร่ำไห้คร่ำครวญถึงสามีที่จากไปกับคุณแม่ของดิฉันเป็นเวลานานหลายชั่วโมง
หลังจากเธอลาจากไปแล้ว ดิฉันก็เข้าไปนั่งพูดคุยกับคุณแม่บ้าง เราพูดกันถึงเรื่องความรักของสามีภรรยา
ซึ่งทำให้ดิฉันมั่นใจตั้งแต่นั้นมาว่า ดิฉันจะขอมอบหัวใจให้แก่ความรักที่เป็นนิรันดร์เท่านั้น! จากนั้นดิฉัน
ก็สัญญาต่อพระเยซูเจ้าและเปลี่ยนวิถีชีวิตของดิฉันตามแนวทางของพระองค์

พระญาณเอื้ออาทรของพระองค์ในลำดับต่อมาเกิดขึ้นขณะที่ดิฉันเหลือเวลาเรียนระดับชั้นมัธยมปลาย
อีก 2 ปีและก็ไม่ทราบว่าจะเรียนต่อที่อื่นได้อย่างไรเนื่องจากเมืองที่ดิฉันอยู่เป็นเมืองเล็กและไม่มีสถาน
ศึกษาสูงให้เลือก คุณพ่อเจ้าวัดรู้สึกเป็นกังวลแทน และไม่นานต่อมา ท่านได้แนะนำนวกสถานของ
“ คณะภคินีพระนางมารีย์แสดงองค์” ที่ดิฉันไม่เคยรู้จักมาก่อนเลย เป็นนวกสถานที่อยู่ไกลจาก
บ้านถึง 350 ไมล์

ที่สุด ดิฉันตัดสินใจไปเรียนต่อที่นั่นด้วยความวางใจในญาณเอื้ออาทร ก่อนหน้านั้นขณะที่ดิฉันเรียน
ชั้นมัธยมปีสุดท้าย แอนน์-มารี ลูกพี่ลูกน้องของดิฉันแทบจะอดใจรอที่จะไปเข้าในนวกสถานนี้ไม่ไหว
และคอยกระตุ้นให้ดิฉันไปด้วยกันกับเธอ ดิฉันรู้ว่าดิฉันเป็นของพระเจ้า ดิฉันชอบภคินีทุกท่านที่ดิฉันรู้จัก
เพราะพี่สาวคนโตของดิฉันก็เป็นภคินีด้วย

อย่างไรก็ตาม ตัวดิฉันเอง ไม่เคยใส่ใจกับการเป็นภคินีเลย! ช่างเป็นการตัดสินใจที่ลำบากใจเสียจริง!
แต่ที่สุดดิฉันก็ก้าวต่อไปด้วยความวางใจในพระญาณเอื้ออาทร! ดิฉันแทบหัวใจสลายในวันที่ต้องออก
จากบ้านไป และก็เป็นการจากบ้านไปตลอดชีวิต! ส่วน แอนน์ มารี ที่กระหายจะเข้านวกสถานนั้น
ปรากฏว่า เธอลาออกตั้งแต่ก่อนการปฏิญาณตนครั้งแรก! ทุกวันนี้ ดิฉันเข้าใจแล้วว่า พระผู้เป็นเจ้า
ทรงใช้แอนน์ มารี เป็นเครื่องมือของพระองค์เพื่อนำดิฉันมาเข้าคณะนี้

ดิฉันชอบวิถีชีวิตการเป็นภคินีของคณะ หลังจากอยู่ในคณะนี้ได้ 2-3 เดือน ดิฉันก็ตระหนักว่าดิฉันไม่รู้จัก
‘มารี รีวีเอร์’ (Marie Rivier) สตรีผู้ก่อตั้งคณะนี้เลย ดิฉันจึงเริ่มศึกษาชีวประวัติของเธอจากแผ่นพับเล็กๆ
และนั่นคือทุกสิ่งที่ดิฉันทราบเกี่ยวกับผู้ก่อตั้งคณะในขณะนั้น! ดิฉันไม่รู้เลยว่า หลายปีนับจากวันนั้น
ตัวดิฉันเองจะกลายเป็นผู้สืบค้นเอกสารสำคัญในฝรั่งเศสเพื่อเขียนถึงพระพรพิเศษของคุณแม่ฯ
ผู้ก่อตั้งคณะ ชีวิตของคุณแม่ฯ ก็คือวิถีชีวิตของดิฉันขณะที่อยู่ในนวกสถาน ดิฉันรักเธอ, รักจิตวิญญาณ
และความกล้าหาญของเธอ ความฝันของเธอคือการประกาศพระวรสารไปทั่วโลก ซึ่งบัดนี้ก็เป็นความฝัน
ของดิฉันด้วย! ทุกวันนี้ เธอเดินอยู่เคียงข้างดิฉันอย่างเป็นรูปธรรม บางครั้งเธอก็ซ่อนตัวอยู่ในเงาเคียง
ข้างดิฉัน
งานที่ดิฉันได้รับมอบหมายเป็นงานที่แทบจะไม่มีผู้ใดคาดได้! เพราะหลังจากที่ดิฉันทำหน้าที่เป็นครู
ผู้สอนได้ 15 ปี ดิฉันก็ขลุกอยู่กับเรื่องของพระสังคายนาวาติกันที่ 2 ดิฉันเดินทางไปกรุงโรมเพื่อช่วย
งานสมัชชาพิเศษของคณะในปี 1969 ซึ่งเป็นประสบการณ์หนึ่งเดียวในการเข้าถึงสายโลหิตแห่งชีวิต
ของคณะร่วมกับคุณแม่มหาธิการิณีของคณะ

ต่อมา ดิฉันเป็นผู้เปิดบ้านภาวนา “Rivier House of Prayer” ในรัฐเมน และเป็นผู้นำโครงการ
“การรื้อฟื้นการปฏิญาณตน” (Tertianship) ซึ่งมีระยะเวลา 10 ปีสำหรับภคินีในคณะ ดิฉันเป็นผู้วาง
รากฐานให้ “สมาคมฆราวาสเข้าเงียบรีวีเอร์” (Lay Association with Rivier Retreat) ตามรูปแบบ
การฝึกจิตวิญญาณของนักบุญอิกญาซิโอ (St. Ignatius Spiritual Exercises) ซึ่งนับถึงปัจจุบันมีผู้คน
มากกว่า 3,000 คนผ่านการฝึกชีวิตจิตตามแนวทางที่กล่าวมานี้

ดิฉันทำงานอยู่ในทีมระดับเจ้าคณะภาคเป็นเวลา 13 ปี โดยอยู่ในอาศรมในรัฐเคนตักกี้ 2 ปี และมี
ส่วนร่วมในการจัดให้มี “การเฝ้าศีลมหาสนิทอย่างต่อเนื่อง” ในรัฐเมนรวมทั้งในเขตชุมชนวัดอื่น ๆ
ดิฉันยังเป็นผู้ให้คำแนะนำวิญญาณ (spiritual direction), บรรยายเรื่องเกี่ยวกับพระนางมารีย์
งานเหล่านี้แสดงให้เห็นถึงจิตวิญญาณที่กระตือรือร้นของผู้ก่อตั้งคณะที่น่าทึ่งจริงๆ! และเป็นงานที่
ผู้ใหญ่ของคณะมอบหมายให้ดิฉันทำเพื่อพระสิริมงคลอันยิ่งใหญ่ของพระเป็นเจ้า ผู้ทรงเป็นผู้กำหนด
ชีวิตของดิฉัน! ดิฉันเชื่อว่ายังมีงานอื่นอีกมากรอดิฉันอยู่! ขอให้เป็นไปตามน้ำพระทัยของพระองค์!
ทุกสิ่งเพื่อพระเป็นเจ้า! ทุกสิ่งดำเนินไปด้วยความรักอันศักดิ์สิทธิ์!
(Tout pour Dieu! Tout par le Saint Amour! : All for God! All through Holy Love!)

***************************
โปรดติดตามตอนที่ (5)ในวันพรุ่งนี้
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 5937
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

พุธ ก.ค. 20, 2022 11:41 pm

เรื่อง "กระแสเรียก" ตอนที่ (5)(The Story of Vocation)

จาก https://soeurs-de-la-presentation-de-ma ... ion-story/ 2022 ,
แปลและเรียบเรียงโดย กอบกิจ ครุวรรณ

(at)ซิสเตอร์ มารี เมย์ เลาเซียร์ (Sr. Marie May Lausier, pm) :

มิชชันนารีตลอดกาล!

ดิฉันเชื่อมั่นว่ามีกระแสเรียกเป็นภคินีตั้งแต่เมื่อเรียนอยู่ในโรงเรียนอนุบาลและคุ้นเคยกับซิสเตอร์
”คณะพระนางมารีย์แสดงองค์.” นับแต่นั้นมา ดิฉันก็ไม่เคยคิดไขว้เขวเป็นอย่างอื่นเลย

แอฟริกาดึงดูดดิฉันเช่นกันตั้งแต่วัยเด็กเมื่อได้ชมภาพยนตร์ชีวิตมิชชันนารีที่นั่น อย่างไรก็ตาม
เนื่องจากดิฉันมีคุณป้าเป็น “ชีลับ” ใน “คณะภคินีพระโลหิตประเสริฐ” (Sisters of the Precious Blood)
และหลังจากที่ได้พูดคุยกับคุณป้า ดิฉันก็รู้สึกอยากเป็น“ชีลับ” แบบคุณป้าด้วย ที่สุด ดิฉันรู้สึกสับสน
ไม่แน่ใจว่าควรจะเป็นภคินีประเภทซิสเตอร์ที่ทำงานกับบุคคลภายนอกหรือประเภท “ชีลับ” ที่ใช้ชีวิต
อยู่แต่ในอารามเท่านั้น!

เมื่ออายุได้ 18 ปี ดิฉันเกือบจะเลือกเป็นมิชชันนารีฆราวาสทำงานในแอฟริกา แต่ด้วยความช่วยเหลือ
จากภคินีท่านหนึ่งใน “คณะพระนางมารีย์แสดงองค์” ที่โรงเรียนที่ดิฉันเรียนอยู่ ทำให้ดิฉันเข้าใจว่า
คณะที่ภคินีสังกัดอยู่นั้นมีทุกสิ่งตรงกับที่ดิฉันอยากเป็นอยู่แล้ว หรือพูดอีกนัยหนึ่งคือ ตรงกับสิ่งที่
พระเป็นเจ้าทรงเลือกสำหรับดิฉัน เพราะมีทั้งการใช้ชีวิตแบบ “ชีลับ” และทำงานมิชชันนารีประกาศ
พระศาสนาด้วย นอกจากนั้นดิฉันยังคงใฝ่ฝันที่จะทำงานในแอฟริกาอยู่เสมอ และทุกครั้งที่โอกาสเปิด
ดิฉันก็จะแสดงความปรารถนานี้ให้ผู้ใหญ่ของคณะรับทราบ

ก่อนการปฏิญาณตนตลอดชีพในปี 1968 ผู้ใหญ่ของคณะถามดิฉันว่าดิฉันเต็มใจที่จะไปทำงานใน
ประเทศอื่นหรือไม่ คำตอบของดิฉันคือเต็มใจไป ดิฉันจึงได้มาทำงานในประเทศไอร์แลนด์ซึ่งมี
กำหนดเวลาไว้ 2 ปี และที่สุดดิฉันก็ได้ทำงานอย่างมีความสุขในประเทศนี้นานถึง 11 ปี! หลังจากนั้น
ผู้ใหญ่ของคณะขอให้ดิฉันไปทำงานในประเทศอังกฤษ — ดิฉันรู้สึกผิดหวังเพราะอยากไปแอฟริกา
มากกว่า อย่างไรก็ตามดิฉันตอบตกลงเพราะเชื่อว่าเป็นพระประสงค์ของพระเจ้า และดิฉันก็มีความสุข
กับการทำงานในอังกฤษอีก 13 ปี! เมื่อดิฉันแสดงความประสงค์จะไปทำงานที่แอฟริกาอยู่อีก ผู้ใหญ่
บอกให้ดิฉันยุติได้แล้ว ดิฉันจึงวางมือด้วยความเศร้าเพราะจิตใจของดิฉันยังคงอยากเป็นมิชชันนารีอยู่!

สองปีต่อมา มีโทรศัพท์มาขอให้ดิฉันไปทำงานที่ประเทศแคเมอรูน แอฟริกาตะวันตก ดิฉันแทบไม่เชื่อหู
ตนเองเมื่อได้ยิน! ขณะนั้น ดิฉันอายุ 56 ปีแล้ว ดิฉันจะรับงานนี้ไหมคะ? -- รับแน่นอน เพราะดิฉันรอมา
33 ปีแล้วที่จะได้ไปแอฟริกา และตอนนี้ก็จะได้ไปสมใจจริง ๆ ดิฉันได้แต่อธิษฐานภาวนาขอบพระคุณ
พระเจ้าอย่างสิ้นสุดจิตใจ ดิฉันขอให้พระองค์ประทานทุกสิ่งที่จำเป็นเพื่อปฏิบัติงานที่พระองค์ทรงมอบ
ให้ ดิฉันทำงานที่แคเมอรูน 18 ปี : ใช้ชีวิตร่วมกับคนจน, ช่วยงานชุมชนวัดหลายแห่ง และดูแลสตรีสาว
ของคณะฯ ที่อยู่ในขั้นตอน “ผู้สมัครบวช” (postulants), รวมทั้งนวกเณรี และภคินีที่มีอาวุโสไม่มากนัก
ในปี 2013 ดิฉันกลับไปอเมริกาเนื่องจากปัญหาสุขภาพ อย่างไรก็ตาม ในปี 2015 ดิฉันได้รับมอบหมาย
งานพิเศษในการทำงานในบ้านพักคนชราของคณะ

ดิฉันกล้าพูดอย่างเต็มปากว่า แม้ชีวิตประจำวันของดิฉันจะขึ้นๆ ลงๆ บ้าง แต่ดิฉันก็มีความสุขมาก
และจะไม่ขอเปลี่ยนสิ่งใดเลยไปจากสิ่งที่พระเจ้าได้ทรงวางแผนให้ ขอสรรเสริญพระองค์ พระเจ้าข้า!

**********************
โปรดติดตามตอนที่ (6)ในวันพรุ่งนี้
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 5937
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

จันทร์ ก.ค. 25, 2022 8:17 pm

เรื่อง "กระแสเรียก" ตอนที่ (6)(The Story of Vocation)

จาก https://soeurs-de-la-presentation-de-ma ... ion-story/ 2022
, แปลและเรียบเรียงโดย กอบกิจ ครุวรรณ

(at)ซิสเตอร์ ฮอลลี่ โกเทียร์ (Sr. Holly Gauthier, pm)

ดิฉันเชื่อว่าพระเป็นเจ้าทรงเตรียมจิตใจของดิฉันเป็นภคินีก่อนที่ดิฉันจะรู้ตัวเสียอีก คือตั้งแต่เมื่อ
ดิฉันยังเป็นเด็กเล็กอยู่ พระองค์ทรงจัดให้ดิฉันมีคุณพ่อคุณแม่ที่วิเศษทีเดียว ท่านทั้งสองเลี้ยงดู
ดิฉันในบรรยากาศคาทอลิกที่ศรัทธา แม้ว่าในตอนนั้นดิฉันยังไม่มีความคิดที่จะเป็นภคินีเลยก็ตาม

ดิฉันกับพี่น้องอีกสองคนมีประสบการณ์วัยเด็กที่พิเศษไม่เหมือนเด็กทั่วไป เนื่องจากคุณพ่อคุณแม่
ของดิฉันอุปการะเลี้ยงเด็กหลายคนในบ้านของเรา ตอนที่พวกเราเริ่มเข้าวัยรุ่น ท่านทั้งสองเลี้ยงดู
เด็ก ๆ มากกว่า 150 คน โดยมี 5 คนเป็นบุตรบุญธรรม ตอนนี้ดิฉันเชื่อว่าการเปิดบ้านเลี้ยงดูเด็กเป็น
จำนวนมากในครอบครัวเป็นการเตรียมจิตใจของดิฉันให้พร้อมกับการใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันเป็นหมู่คณะ

ตอนที่ดิฉันเป็นนักเรียนมัธยม คุณพ่อดิฉันเกือบเสียชีวิต นับเป็นเหตุการณ์ร้ายแรงสำหรับดิฉัน
และทุกคนในครอบครัว ตอนนั้น ดิฉันทำอะไรไม่ถูก ดิฉันได้แต่สวดอธิษฐานต่อพระเจ้าเป็นเวลานาน
และวางใจในพระองค์ซึ่งทำให้ดิฉันกลายเป็นคนศรัทธาและมีความเชื่อมั่นคงยิ่งขึ้น
ก่อนที่คุณพ่อจะล้มป่วย ดิฉันชอบใช้เวลาอยู่กับเพื่อนๆ มากที่สุด แต่หลังจากที่คุณพ่อหายป่วย ดิฉัน
รู้สึกได้ถึงการให้เวลากับพระ และระหว่างมิสซาในเช้าวันอาทิตย์วันหนึ่ง ดิฉันรู้สึกเปี่ยมไปด้วยความ
สงบสุข หัวใจของดิฉันรับรู้ได้ถึงความรักของพระและรู้สึกด้วยว่าดิฉันเป็นของพระองค์โดยสิ้นเชิง

ช่วงเวลาต่อมา
ระหว่างที่เรียนมหาวิทยาลัย ดิฉันมีความสุขกับการเรียน, การทำกิจกรรมในมหาวิทยาลัยและกิจกรรม
ของชุมชนวัด ดิฉันสนุกกับการใช้เวลากับเพื่อน, กับครอบครัว แต่ก็ยังรู้สึกว่ามีบางอย่างขาดหายไป
จนถึงฤดูใบไม้ผลิต่อมา ดิฉันมีโอกาสไปเข้าเงียบ และในการเข้าเงียบครั้งนั้น ดิฉันได้รับประสบการณ์
การสวดอธิษฐานที่ทรงพลังมากต่อพระนางมารีย์ พระมารดาของพระเยซูเจ้า นอกจากนั้น ดิฉันยังได้
เรียนรู้เกี่ยวกับ “บ้านแห่งการไตร่ตรอง” (House of Discernment) ของ “คณะพระนางมารีย์แสดงองค์”
เมื่อดิฉันอ่านข้อมูลต่างๆ เกี่ยวกับบ้านนี้ ดิฉันตัดสินใจทันทีว่าจะต้องไปทดลองใช้ชีวิตอยู่ในบ้านนี้เพื่อ
เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับชีวิตภคินี และไม่นานหลังจากสำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัย ดิฉันก็ได้เข้าไป
ใช้ชีวิตใน “บ้านแห่งการไตร่ตรอง” ด้วยความกระหายที่จะเรียนรู้และตอบรับพระประสงค์ของพระเช่นเดียว
กับพระนางมารีย์

ขณะที่อยู่ในบ้านฯ ดิฉันใช้ชีวิตและทำงานร่วมกับภคินีหลายท่านที่นั่นเป็นเวลา 2 ปี ในบ้านแห่ง
การไตร่ตรองนั้น ดิฉันได้เรียนรู้เกี่ยวกับตัวเองมากขึ้นรวมทั้งได้เรียนรู้วิธีการตรวจสอบว่า แรงบันดาลใจ
ที่เกิดขึ้นในจิตวิญญาณของดิฉันมาจากพระเจ้าหรือไม่ และจากการพูดคุยอย่างใกล้ชิดกับภคินีในบ้านฯ
ดิฉันเริ่มรู้สึกว่าตนเองก็มีกระแสเรียกเป็นภคินีเช่นกัน เพราะตัวดิฉันเองก็อยากจะเป็นคนใจศรัทธา
ร้อนรนและมีชีวิตที่สงบสุขล้ำลึกเช่นเดียวกับพวกเธอ

ฤดูร้อนปี 2000 หลังจากได้ใช้ชีวิตในบ้านแห่งการไตร่ตรองแล้ว ดิฉันก็ได้สมัครเข้า
“คณะพระนางมารีย์แสดงองค์” เวลาผ่านไปเร็วมากจนแทบไม่เชื่อว่าดิฉันอยู่ในคณะนี้ มากว่า 20 ปีแล้ว
ในฐานะซิสเตอร์ ดิฉันมีโอกาสนำผู้อื่นใกล้ชิดพระเยซูคริสต์มากขึ้น โดยการสอน, ทำงานกับเยาวชน
และเป็นอาสาสมัครทำงานกับคนยากจน ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ดิฉันดีใจมากที่ได้รับมอบหมายให้เป็น
ผู้อำนวยการด้านกระแสเรียก ซึ่งในการทำหน้าที่นี้ ดิฉันต้องเตือนตัวเองอยู่บ่อย ๆ ว่าเป็นองค์พระคริสต์
พระองค์เอง ผู้ทรงทำงานในตัวดิฉัน เป็นพระองค์ที่ทรงเรียกและตรัสในจิตใจของพวกเขา
ดังนั้นจึงมีอยู่หลายครั้งที่ดิฉันรู้สึกทึ่งทีเดียวกับการตอบรับที่เหลือเชื่อของพวกเขา

ตลอดหลายปีที่ผ่านมา ดิฉันเชื่อว่าการตอบรับกระแสเรียกเป็นภคินีเป็นพระพรที่ดลใจให้ดิฉันเปิดใจ
มากพอที่จะเห็นตัวตนที่แท้จริงของตนเอง การตอบรับกระแสเรียกของพระไม่ใช่เป็นเรื่องง่ายเสมอไป
แต่ทุกสิ่งเป็นไปได้ในพระพรของพระองค์ นอกจากนี้ ดิฉันยังตระหนักด้วยว่า พระเป็นเจ้าทรงมีพระประสงค์
ให้ดิฉันมีความสุข และทรงใช้พรสวรรค์ในตัวดิฉันนำความสุขให้กับตัวเองและผู้อื่น ในฐานะซิสเตอร์ของคณะ
ดิฉันเป็นจิ๊กซอว์ตัวหนึ่งในแผนการที่ยิ่งใหญ่ของพระ ดิฉันกับเพื่อนชาวคณะเลือกที่จะเดินตามพระอาจารย์
ไปทุกวันสู่อนาคต และสู่ทุกชีวิตด้วยความเต็มใจ และด้วยความมั่นใจว่าพระเป็นเจ้าจะประทับอยู่กับดิฉัน
ทุกย่างก้าวตลอดทางเดินของดิฉัน

**********************
โปรดติดตามตอนที่ (7)ในวันพรุ่งนี้
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 5937
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

จันทร์ ก.ค. 25, 2022 8:20 pm

เรื่อง "กระแสเรียก" ตอนที่ (7) (The Story of Vocation)

จาก https://soeurs-de-la-presentation-de-ma ... ion-story/ 2022 ,
แปลและเรียบเรียงโดย กอบกิจ ครุวรรณ

(at)ซิสเตอร์ เซซีล มอนดอร์ (Cecile Claire Marie Mondor, pm)

ดิฉันเกิดวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 1939 เป็นลูกสาวคนโตของครอบครัวคาทอลิกที่ศรัทธา ดิฉันมีพี่น้อง 5 คน
และเรียนตั้งแต่ชั้นประถมจนจบชั้นมัธยมปลายในโรงเรียนของ “คณะภคินีพระนางรีย์แสดงองค์”
ในรัฐนิวแฮมป์เชียร์ สหรัฐอเมริกา

เมื่อเป็นวัยรุ่น ดิฉันเคยคิดอยากเป็นภคินีแต่แล้วก็ได้สลัดความคิดนี้ออกไป หลังจากนั้นดิฉันก็เริ่มมีนัด
กับทหารอากาศหนุ่มคนหนึ่ง ปีสุดท้ายก่อนเรียนจบมหาวิทยาลัย มีซิสเตอร์ท่านหนึ่งตั้งคำถามเรื่องการ
เป็นภคินีกับดิฉันว่า “ดิฉันสวดเพื่อกระแสเรียกของตัวเองหรือเปล่า?” และเป็นคำถามนี้เองที่ได้จุดประกาย
ให้กับชีวิตของดิฉันตลอดไป!

ถูกแล้ว ดิฉันเข้านวกสถานวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 1959, รับเสื้อคณะวันที่ 15 สิงหาคมปีเดียวกัน,
ปฏิญาณตนครั้งแรกวันที่ 15 สิงหาคม 1961 และปฏิญาณตนตลอดชีพวันที่ 15 สิงหาคม 1966

ขณะเป็นนวเณรี ดิฉันถูกส่งไปสอนหนังสือเด็ก ๆ ระดับประถมและมัธยมต้นซึ่งเป็นงานที่ดิฉันรักมาก
และโดยอาศัยพระหรรษทานของพระ ดิฉันได้ทำงานสอนหนังสือในรัฐแมสซาชูเซตส์และรัฐเมนเป็น
เวลา 57 ปี! เริ่มแรกนักเรียนของดิฉันมีแต่ภคินีด้วยกัน แต่สุดท้ายผู้ที่เรียนกับดิฉันทุกคนเป็นฆราวาส
ดิฉันเป็นกำลังใจให้กับทั้งผู้ที่เป็นนักเรียนและครู ดิฉันถือเป็นพระพรยิ่งใหญ่ที่เป็นเครื่องมือทำให้
พวกเขารู้จักและรักพระเยซูเจ้าเป็นเวลาหลายปี

ทางคณะที่ดิฉันสังกัดได้จัดโปรแกรมช่วยยกระดับชีวิตทางจิตวิญญาณและชีวิตการอธิษฐาน
ภาวนาของดิฉันซึ่งเป็นพระพรยิ่งใหญ่ที่ดิฉันได้รับมาตลอดชีวิต

ทุกวันนี้ ดิฉันเป็นครูสำรองและเป็นอาสาสมัครให้กับสำนักงานของชุมชนวัดเพื่อเป็นประจักษ์พยานถึง
ความรักของดิฉันที่มีต่อพระเยซูเจ้า

*********************
โปรดติดตามตอนที่ (8)ในวันพรุ่งนี้
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 5937
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

จันทร์ ก.ค. 25, 2022 8:23 pm

เรื่อง "กระแสเรียก" ตอนที่ (8) (The Story of Vocation)

จาก https://soeurs-de-la-presentation-de-ma ... ion-story/ 2022 ,
แปลและเรียบเรียงโดย กอบกิจ ครุวรรณ

ซิสเตอร์ เอพริล มีโร (Sr. April Mireau, pm)

กระแสเรียกเป็นภคินีของดิฉันเป็นเรื่องที่มีประวัติสืบต่อกันมาหลายชั่วอายุคน ดิฉันเกิดในตระกูลที่มี
บรรพบุรุษเป็นคนศรัทธาแรงกล้า และเติบโตขึ้นมาในชุมชนวัดที่สัตบุรุษเป็นคนศรัทธาและมีความรัก
ที่อบอุ่นต่อกัน เมื่อดิฉันมีอายุพอรู้ความแล้ว ดิฉันจึงได้เรียนรู้ว่า ประสบการณ์ชีวิตความรักครั้งแรก
ที่หอมหวานของดิฉันมีต้นกำเนิดมาจากความรักของพระผู้เป็นเจ้าที่ประทานความรักที่หวานชื่นให้ดิฉัน
โดยผ่านทางครอบครัวและบุคคลที่อยู่รอบข้างนั่นเอง

เมื่อดิฉันโตขึ้น ดิฉันเริ่มเข้าใจมากขึ้นว่า ‘ความรักของพระ’ ที่ดิฉันได้รับอยู่นั้นไม่ต้องการเป็นเพียงเพื่อน
ที่ดีที่สุดของดิฉันเท่านั้น แต่ยังเป็นศูนย์กลางชีวิตของดิฉันด้วย ดิฉันจึงกระหายที่จะให้พระเจ้าประทับอยู่
ในหัวใจและทรงเป็นผู้นำทางดิฉันตลอดไป

ช่วงเวลาที่ดิฉันเรียนในโรงเรียนมัธยมและในรั้วมหาวิทยาลัย ดิฉันมีประสบการณ์การเข้าเงียบและอ่าน
หนังสือที่หล่อเลี้ยงความศรัทธาอย่างสม่ำเสมอ ประสบการณ์ที่ดีเหล่านี้ช่วยให้ดิฉันรู้จักเลือกสิ่งที่ดีสำหรับ
อนาคต ดังนั้นการมีอนาคตเป็นภคินีจึงเป็นทางเลือกแรกที่ดิฉันใฝ่ฝันไว้ แต่ก็มิใช่เป็นทางเลือกเดียว
เพราะขณะที่เรียนอยู่ในมหาวิทยาลัย ดิฉันได้พบกับชายหนุ่มคนหนึ่งและเราก็มีความสัมพันธ์ที่ดีมากต่อกัน

แม้ดิฉันไม่เคยได้รับเครื่องหมายชัดเจนจากพระว่า พระองค์ทรงกำลังนำพาดิฉันไปในทิศทางใด แต่สุดท้าย
ดิฉันก็มาถึงจุดที่รู้ว่าจะต้องตัดสินใจเลือกทางเดินชีวิตแล้ว หลังจากดิฉันสวดภาวนาอย่างจริงจังและ
ไตร่ตรองอย่างถี่ถ้วน ดิฉันก็รู้สึกเป็นอิสระราวกับพระกำลังตรัสกับดิฉันว่า “เอพริล, เราประทานพระพร
ให้เธอสามารถเดินได้ 2 ทาง เธอมีอิสระที่จะเลือกเดินเส้นทางไหนก็ได้” และทันใดนั้นเอง ในส่วนลึก
ในตัวดิฉันก็มีคำตอบพร่ำพรูผุดขึ้นมา ดิฉันจึงตอบไปทันทีว่า “ดิฉันเลือกพระเยซู พระเจ้าผู้ทรงเป็นที่รัก
ของดิฉัน และจะไม่เลือกใครที่ไหนอีก!”

อย่างไรก็ตาม การที่จะยึดมั่นอยู่กับการตัดสินใจครั้งนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายเสมอไป ดิฉันเคยรู้สึกสงสัย
ถูกทดสอบ และรู้สึกเศร้าอยู่บ้าง แต่ทุกครั้ง ดิฉันก็สัมผัสได้ถึงการนำทางอย่างอ่อนโยนและเปี่ยมด้วย
ความรักของพระเยซูที่ประทับอยู่ในใจ พระองค์ประทับอยู่กับดิฉันในสิ่งต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวัน
รวมทั้งได้รับความรักของผู้คนรอบข้างที่หลั่งไหลความรักของพระองค์ให้กับดิฉัน

ในฐานะที่เป็นนางพยาบาล ดิฉันได้รับพระพร มีโอกาสสัมผัสพระเยซูผู้ทรงเป็นที่รักของดิฉันในร่างของ
ผู้ป่วยทุกคน และนี่คือความรักที่ดิฉันได้รับและดิฉันก็รักพระองค์เป็นการตอบแทน ดิฉันรู้สึกสำนึก
พระคุณพระองค์ผู้ทรงเรียกดิฉันเป็นเจ้าสาว และโปรดให้ดิฉันร่วมเดินทางไปกับเพื่อนภคินีในคณะ
พวกเรายืนหยัดเป็นกำลังใจให้แก่กันและกัน ร่วมใจกันมุ่งสู่ความศักดิ์สิทธิ์ที่สูงส่ง
ด้วยความกระตือรือร้นเพื่อพระเยซูเจ้า!

**********************
โปรดติดตามตอนที่ (9) ซึ่งเป็นตอนจบในวันพรุ่งนี้
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 5937
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

จันทร์ ก.ค. 25, 2022 8:27 pm

เรื่อง "กระแสเรียก" ตอนจบ (The Story of Vocation)

จาก https://soeurs-de-la-presentation-de-ma ... ion-story/ 2022
, แปลและเรียบเรียงโดย กอบกิจ ครุวรรณ

ซิสเตอร์ เอพริล ไฮเควียล (Sr. April Margarette Hiquial, pm)

“เรารู้จักเจ้าก่อนที่เราก่อร่างตัวเจ้าในครรภ์ และก่อนที่เจ้าคลอดจากครรภ์ เราก็ได้กำหนดตัวเจ้าไว้แล้ว
เราแต่งตั้งเจ้าเป็นผู้เผยพระวจนะให้แก่บรรดาประชาชาติ” (ยรม 1:5)

ข้อความจากพระคัมภีร์ที่กล่าวถึงนี้ดลใจให้ดิฉันค้นหาความหมายชีวิตของดิฉันว่า
“แผนงานของพระเจ้าสำหรับดิฉันคืออะไร”

ดิฉันเกิดเมื่อวันที่ 13 เมษายน 1992 ที่เมืองดาเวา (ฟิลิปปินส์) ดิฉันเป็นลูกสาวคนเดียวและมีพี่น้อง 3 คน
ตอนที่ดิฉันอายุได้ 5 ขวบ คุณแม่มักจะพาดิฉันไปรับพี่ชายที่โรงเรียนของซิสเตอร์ ทำให้ดิฉันรู้จักซิสเตอร์
“คณะพระนางมารีย์แสดงองค์” ที่ทำงานในโรงอาหาร ซิสเตอร์เป็นมิตรและใจดีกับดิฉันมาก เธอให้
ช็อกโกแลตดิฉันชิ้นหนึ่งทุกวันที่พบกัน ดิฉันรู้สึกประทับใจรอยยิ้มและเครื่องแบบที่เรียบง่ายแต่สะดุดตา
ซึ่งต่อมาได้กลายเป็นความใฝ่ฝันของดิฉัน

วันหนึ่งในเดือนธันวาคม 2006 เพื่อนคนหนึ่งเชิญดิฉันไปเยี่ยมชมอารามและเห็นการดำเนินชีวิตประจำวัน
ของซิสเตอร์ ดิฉันรู้สึกได้ถึงความสงบสุขในทันทีที่ย่างเท้าเข้าไปในอารามเป็นครั้งแรก นี่คือจุดเริ่มต้น
ของการเดินทางที่ดิฉันปรารถนาจะเรียนรู้มากขึ้นถึงชีวิตของซิสเตอร์ และชีวิตความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกับ
พระเยซูและพระนางมารีย์ เมื่อได้เรียนรู้มาพอสมควรแล้ว ดิฉันก็กระหายที่จะได้รับความสงบสุขนั้นเพราะ
ดิฉันตัดสินใจได้แล้วว่า “นี่คือชีวิตที่ดิฉันฝันถึง”

ขณะที่ดิฉันยังเป็นนักศึกษาอยู่ ดิฉันก็ทะนุถนอมกระแสเรียกที่จะเป็นซิสเตอร์ควบคู่ไปด้วย ดิฉันเป็น
ครูอาสาสมัครและร่วมพิธีมิสซาทุกวัน หลังจากได้รับปริญญาตรีสาขาจิตวิทยาแล้ว ดิฉันทำงานเป็นที่
ปรึกษาแนะแนวในโรงเรียนของคณะซิสเตอร์ 1 ปี

ในปีถัดมา (เมษายน 2013) ขณะที่ดิฉันยังคงทำงานอยู่ที่เดิม ดิฉันเริ่มหาคำตอบอย่างจริงจังกับคำถาม
ที่ว่า : “แผนงานของพระเจ้าสำหรับดิฉันคืออะไร” และในเดือนพฤษภาคม 2013 ดิฉันก็ได้สมัครเป็น
“ผู้สมัครบวช” (Postulant), เป็นนวกเณรีเมื่อวันที่ 25 เมษายน 2014 และปฏิญาณตนครั้งแรก
เมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม 2016

ขณะที่ดิฉันเขียนเรื่องของตัวเองอยู่นี้ ดิฉันอยู่ในปีที่สี่ของการปฏิญาณตนชั่วคราว ทุกวันดิฉันเฉลิมฉลอง
ความรักและความสัตย์ซื่อของพระเยซูเจ้าในฐานะซิสเตอร์รุ่นน้องของคณะ และยังคงรักษาความฝัน
ที่จะเป็นซิสเตอร์ที่ร่าเริงและซื่อสัตย์ยิ่งขึ้นจนตลอดชีวิต

*************************
จบบริบูรณ์

:s005: :s005:
ตอบกลับโพส