น.โฟสตินา โควัลสกา ธรรมทูตพระเมตตาของพระเจ้า (26-50 )
โพสต์แล้ว: พุธ ก.ย. 07, 2022 8:16 pm
หนังสือ "นักบุญโฟสตินา โควัลสกา ธรรมทูตพระเมตตาของพระเจ้า ตอนที่ (26)
แปลจากต้นฉบับ ภาษาอังกฤษ ของซิสเตอร์โซเฟีย มีคาเลนโก
: หลังการเข้าเงียบซิสเตอร์ได้รับจดหมาย จากทางบ้านซึ่งแจ้งมาว่ามารดากำลังป่วยขั้นวิกฤติ
และขอพบเธออีกสักครั้ง เธอจากบ้านมาได้ 13 ปีแล้ว ตั้งแต่ฤดูใบไม้ร่วง ปี 1922 ข่าวนี้ทำให้
เธอเศร้าสะเทือนใจมาก เธออยากพบมารดาที่รักยิ่งของเธอ แต่เธอฝากเรื่องนี้ไว้ในพระหัตถ์
ของพระเจ้า และน้อมรับพระประสงค์ของพระองค์โดยสิ้นเชิง
วันที่ 15 กุมภาพันธ์ วันฉลองศาสนนามของเธอ คุณแม่อธิการได้มอบจดหมายฉบับที่สอง
จากครอบครัวให้เธอ และอนุญาตให้เธอกลับบ้านตามความปรารถนา สุดท้ายของมารดา
ซิสเตอร์โฟสตินาออกเดินทางจากวิลนีอุสเย็นวันนี้ เธอถวายคืนนี้ทั้งคืนวอนขอพระเจ้าให้
ประทานพระหรรษทาน แก่มารดาที่ป่วยหนักของเธอ และให้ความทุกข์ทรมานของนางได้รับ
อานิสงส์เติมที่....
เธอมาถึงโกลกอเวียตส์เวลาสองทุ่มของวันรุ่งขึ้น เธอทักทายมารดาตามธรรมเนียมว่า
"ขอสรรเสริญพระเยซูคริสตเจ้า" เธอคุก เข่าลงข้างเตียงมารดา กล่าวว่า "แม่จะลุกขึ้นเดินได้อีก
ลูกอยากคุยกับแม่" มารดาของเธอก็ชันกายลุกขึ้นนั่งบนเตียง พอแม่เห็นหน้าเธอแม่ก็หายป่วยทันที
ซิสเตอร์โฟสตินาเห็นบิดาของเธอภาวนา เธอรู้สึกละอายใจไม่น้อย และยอมรับว่าหลายปี
ที่ใช้ชีวิตในอาราม เธอยังไม่สามารถภาวนาได้จริงใจ และร้อนรนเท่าบิดาเลย ด้วยเหตุนี้เธอ
จึงขอบคุณพระเจ้าอยู่เนือง ๆ ที่ประทานบิดา มารดา ผู้เป็นแบบอย่างที่ดีให้แก่เธอ เธอเล่าถึง
การเยี่ยมครอบครัวครั้งนี้อย่างซื่อ ๆ ว่า :
โอ ! ทุกอย่างช่างเปลี่ยน แปลงไปจนจำไม่ได้ในช่วงสิบปีมานี้ ! ช่วงเวลาที่บ้านหมดไปกับ
การวิสาสะกับแขกผู้มาเยือนจำนวนไม่น้อยที่อยากมาพบปะพูดคุยกับดิฉัน บ่อยครั้งที่นับได้
ถึง 25 คน พวกเขาตั้งอกตั้งใจฟังดิฉันเล่าชีวประวัตินักบุญ ดิฉันรู้สึกเหมือนว่าบ้านของเรา
เป็นบ้านของพระจริง ๆ เพราะทุกเย็นเราคุยกันแต่เรื่องพระเรื่องเจ้า พอคุยกันจนหายอยากแล้ว
เธออยากปลีกวิเวกอยู่เงียบ ๆ ในตอนเย็น เธอก็ย่องออกไปอยู่ในสวนเพื่อสนทนากับพระตามลำพัง
แม้เรื่องแค่นี้ก็กลับทำไม่สำเร็จ พี่น้องของเธอจะมาตามให้เธอเข้าบ้านทันที แต่เธอก็เข้าบ้าน
เพื่อพักผ่อน เธอขอให้น้องชายร้องเพลงให้ฟังเนื่องจากน้อง ๆ ของเธอเสียงดีกันทุกคน แถมน้อง
คนหนึ่งสีไวโอลิน อีกคนเล่นแมนโดลินด้วย ระหว่างนี้แหละที่เธอสามารถทุ่มเทจิตใจภาวนาได้
โดยไม่ต้องหลบเลี่ยงพวกเขา....
มีเรื่องที่ซิสเตอร์ต้องใช้ความพยายามสักหน่อยคือต้องจูบเด็ก ๆ พวกผู้หญิงที่เธอรู้จักหอบ
ลูกจูงหลานมา แล้วขอให้เธออุ้มเด็ก ๆ และจูบเด็ก ๆ ด้วย เธอถือโอกาสฝึกฝนฤทธิ์กุศลไปในตัว
เนื่องจากเด็กหลายคนมอมแมมมาก แต่เพื่อปราบความรู้สึกของตัวเอง และไม่แสดงท่าทีรังเกียจ
เธอจึงจูบเด็กมอมแมมเหล่านี้ซ้ำ มีเด็กคนหนึ่งเป็นโรคตาที่เยิ้มด้วยหนองเธออุ้มเด็กคนนั้น
แล้วจูบที่ดวงตาที่ติดเชื้อของเด็กคนนั้นถึงสองครั้ง และขอให้พระเจ้ารักษาตาของเด็กให้หาย......
โปรดติดตาม ตอนที่ (27 ) ในวันต่อไป
แปลจากต้นฉบับ ภาษาอังกฤษ ของซิสเตอร์โซเฟีย มีคาเลนโก
: หลังการเข้าเงียบซิสเตอร์ได้รับจดหมาย จากทางบ้านซึ่งแจ้งมาว่ามารดากำลังป่วยขั้นวิกฤติ
และขอพบเธออีกสักครั้ง เธอจากบ้านมาได้ 13 ปีแล้ว ตั้งแต่ฤดูใบไม้ร่วง ปี 1922 ข่าวนี้ทำให้
เธอเศร้าสะเทือนใจมาก เธออยากพบมารดาที่รักยิ่งของเธอ แต่เธอฝากเรื่องนี้ไว้ในพระหัตถ์
ของพระเจ้า และน้อมรับพระประสงค์ของพระองค์โดยสิ้นเชิง
วันที่ 15 กุมภาพันธ์ วันฉลองศาสนนามของเธอ คุณแม่อธิการได้มอบจดหมายฉบับที่สอง
จากครอบครัวให้เธอ และอนุญาตให้เธอกลับบ้านตามความปรารถนา สุดท้ายของมารดา
ซิสเตอร์โฟสตินาออกเดินทางจากวิลนีอุสเย็นวันนี้ เธอถวายคืนนี้ทั้งคืนวอนขอพระเจ้าให้
ประทานพระหรรษทาน แก่มารดาที่ป่วยหนักของเธอ และให้ความทุกข์ทรมานของนางได้รับ
อานิสงส์เติมที่....
เธอมาถึงโกลกอเวียตส์เวลาสองทุ่มของวันรุ่งขึ้น เธอทักทายมารดาตามธรรมเนียมว่า
"ขอสรรเสริญพระเยซูคริสตเจ้า" เธอคุก เข่าลงข้างเตียงมารดา กล่าวว่า "แม่จะลุกขึ้นเดินได้อีก
ลูกอยากคุยกับแม่" มารดาของเธอก็ชันกายลุกขึ้นนั่งบนเตียง พอแม่เห็นหน้าเธอแม่ก็หายป่วยทันที
ซิสเตอร์โฟสตินาเห็นบิดาของเธอภาวนา เธอรู้สึกละอายใจไม่น้อย และยอมรับว่าหลายปี
ที่ใช้ชีวิตในอาราม เธอยังไม่สามารถภาวนาได้จริงใจ และร้อนรนเท่าบิดาเลย ด้วยเหตุนี้เธอ
จึงขอบคุณพระเจ้าอยู่เนือง ๆ ที่ประทานบิดา มารดา ผู้เป็นแบบอย่างที่ดีให้แก่เธอ เธอเล่าถึง
การเยี่ยมครอบครัวครั้งนี้อย่างซื่อ ๆ ว่า :
โอ ! ทุกอย่างช่างเปลี่ยน แปลงไปจนจำไม่ได้ในช่วงสิบปีมานี้ ! ช่วงเวลาที่บ้านหมดไปกับ
การวิสาสะกับแขกผู้มาเยือนจำนวนไม่น้อยที่อยากมาพบปะพูดคุยกับดิฉัน บ่อยครั้งที่นับได้
ถึง 25 คน พวกเขาตั้งอกตั้งใจฟังดิฉันเล่าชีวประวัตินักบุญ ดิฉันรู้สึกเหมือนว่าบ้านของเรา
เป็นบ้านของพระจริง ๆ เพราะทุกเย็นเราคุยกันแต่เรื่องพระเรื่องเจ้า พอคุยกันจนหายอยากแล้ว
เธออยากปลีกวิเวกอยู่เงียบ ๆ ในตอนเย็น เธอก็ย่องออกไปอยู่ในสวนเพื่อสนทนากับพระตามลำพัง
แม้เรื่องแค่นี้ก็กลับทำไม่สำเร็จ พี่น้องของเธอจะมาตามให้เธอเข้าบ้านทันที แต่เธอก็เข้าบ้าน
เพื่อพักผ่อน เธอขอให้น้องชายร้องเพลงให้ฟังเนื่องจากน้อง ๆ ของเธอเสียงดีกันทุกคน แถมน้อง
คนหนึ่งสีไวโอลิน อีกคนเล่นแมนโดลินด้วย ระหว่างนี้แหละที่เธอสามารถทุ่มเทจิตใจภาวนาได้
โดยไม่ต้องหลบเลี่ยงพวกเขา....
มีเรื่องที่ซิสเตอร์ต้องใช้ความพยายามสักหน่อยคือต้องจูบเด็ก ๆ พวกผู้หญิงที่เธอรู้จักหอบ
ลูกจูงหลานมา แล้วขอให้เธออุ้มเด็ก ๆ และจูบเด็ก ๆ ด้วย เธอถือโอกาสฝึกฝนฤทธิ์กุศลไปในตัว
เนื่องจากเด็กหลายคนมอมแมมมาก แต่เพื่อปราบความรู้สึกของตัวเอง และไม่แสดงท่าทีรังเกียจ
เธอจึงจูบเด็กมอมแมมเหล่านี้ซ้ำ มีเด็กคนหนึ่งเป็นโรคตาที่เยิ้มด้วยหนองเธออุ้มเด็กคนนั้น
แล้วจูบที่ดวงตาที่ติดเชื้อของเด็กคนนั้นถึงสองครั้ง และขอให้พระเจ้ารักษาตาของเด็กให้หาย......
โปรดติดตาม ตอนที่ (27 ) ในวันต่อไป