ประวัตินักบุญอย่างย่อเดือนกันยายน (วันที่16-30 )

ใครมาใหม่เชิญทางนี้ก่อน ทักทาย ทดลองโพส
ตอบกลับโพส
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 5937
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

ศุกร์ ก.ย. 16, 2022 4:20 pm

ฉลองนักบุญ วันที่ ๑๖ กันยายน
นักบุญคอร์เนลีอุส และนักบุญซีเปรียน
St. Cornelius and St. Cyprian

คอร์เนลีอุสได้รับเลือกเป็นพระสันตะปาปาในปี ๒๕๑ ซึ่งขณะนั้นเป็นช่วงเวลาที่พระศาสนจักร
ถูกเบียดเบียนโดยจักรพรรดิเดซีอุส ภารกิจอย่างแรกของท่านนอกเหนือจากการถูกคุกคาม
จากเจ้าหน้าที่โรมันอยู่เสมอแล้ว ก็คือยุติการแตกแยกที่เกิดจากคู่แข่งของท่าน โนวาเชียน
ผู้ได้ชื่อว่าเป็นปฏิปักษ์พระสันตะปาปาคนแรก ท่านจัดประชุมสังคายนาเพื่อรับรองว่าท่านเป็น
ผู้สืบตำแหน่งที่ชอบธรรมของนักบุญเปโตร

ความขัดแย้งที่เกิดขึ้นนั้นสืบเนื่องจากผลของการเบียดเบียน มีปัญหาว่าพระศาสนจักรสามารถ
ให้อภัยและยอมรับผู้ประกาศละทิ้งความเชื่อไปแล้วให้กลับสู่พระศาสนจักรได้หรือไม่?

สังฆราชกลุ่มหนึ่งยืนยันว่าศาสนจักรไม่สามารถยอมรับผู้ทิ้งความเชื่อกลับมาได้ ส่วนอีกกลุ่มเห็น
ควรว่าต้อนรับกลับมาได้ คอร์เนลิอุสออกกฤษฎีกาประกาศว่าพวกคนเหล่านั้นจะได้รับการต้อนรับ
กลับมาและให้มีการชดใช้โทษบาปแต่พอเพียง

ในปี ๒๕๓ ท่านถูกขับไล่โดยจักรพรรดิกาลลัส และเสียชีวิตด้วยความยากลำบากที่ได้รับ
ท่านได้รับการยกย่องในฐานะมรณสักขี

นักบุญซีเปรียนแห่งคาร์เธจมีความสำคัญเป็นรองเพียงนักบุญออกัสติน ในฐานะปิตาจารย์แห่ง
ศาสนจักรแอฟริกัน ท่านเป็นเพื่อนสนิทของพระสันตะปาปาคอร์เนลีอุส และสนับสนุนพระองค์
ในการต่อสู้กับโนวาเชียน และสนับสนุนความเห็นให้ต้อนรับพวกทิ้งความเชื่อกลับคืนมาได้

ท่านเกิดมาในครอบครัวคนนอกศาสนาที่ร่ำรวยในปี ๑๙๐ และได้รับการศึกษาแบบกรีกคลาสสิค
และวาทศิลป์ ท่านกลับใจเมื่ออายุ ๕๖ ปีและบวชเป็นพระสงฆ์หนึ่งปีให้หลัง อีกสองปีต่อมา
ท่านก็ได้เป็นพระสังฆราช งานเขียนของท่านมีความสำคัญอย่างมากโดยเฉพาะในเรื่องว่าด้วย
ความเป็นหนึ่งเดียวของศาสนจักรคาทอลิก ท่านถือว่าความเป็นหนึ่งเดียวนี้มีพื้นฐานอยู่ที่
อำนาจของสังฆราช และอำนาจสูงสุดคืออำนาจของพระสันตะปาปา

ในหนังสือ "ความเป็นหนึ่งเดียวของศาสนจักรคาทอลิก" นักบุญซีเปรียนเขียนว่า
"ท่านไม่อาจมีพระเจ้าเป็นบิดา หากท่านไม่มีศาสนจักรเป็นมารดา ... พระเจ้าเป็นหนึ่ง
พระคริสต์เป็นหนึ่ง และพระศาสนจักรของพระองค์เป็นหนึ่ง หนึ่งในความเชื่อและหนึ่งในผู้คน
ที่รวมกันอย่างกลมกลืน เหมือนความเป็นหนึ่งเดียวของร่างกายที่แข็งแรง ... ถ้าเราเป็นทายาท
ของพระคริสต์ขอให้เราอยู่ในสันติสุขของพระคริสต์ ถ้าเราเป็นลูกของพระเจ้าก็ขอให้เราเป็นผู้รักสันติ"

ในระหว่างการเบียดเบียนของจักรพรรดิเดซิอุส ท่านซีเปรียนเห็นว่าเป็นการฉลาดรอบคอบกว่า
ที่จะซ่อนตัวและนำฝูงแกะของท่านอย่างลับๆ แทนที่จะรับมงกุฎรุ่งเรืองของการเป็นมรณสักขี
ซึ่งการตัดสินใจดังนี้เปิดช่องให้ศัตรูว่าร้ายท่าน

อย่างไรก็ตาม ในวันที่ ๑๔ กันยายน ๒๕๘
ท่านได้เป็นมรณสักขีระหว่างการเบียดเบียนของจักรพรรดิวาเลอเรียน

CR. : Sinapis
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 5937
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

อาทิตย์ ก.ย. 18, 2022 10:06 pm

ฉลองนักบุญ วันที่ ๑๗ กันยายน
นักบุญโรเบิร์ต เบลลาร์มีน
St. Robert Bellarmine

โรเบิร์ต เบลลาร์มีน ชาวเยอรมัน เป็นนักเทววิทยาและคาร์ดินัลเป็นหนึ่งในนักบุญผู้ยิ่งใหญ่
ของคณะเยสุอิต ท่านยังได้รับการประกาศเป็นนักปราชญ์ของพระศาสนจักรและเป็นองค์อุปถัมภ์
ของครูคำสอนด้วย

ท่านเกิดที่เมือง Tuscan ในแคว้น Montepulciano เมื่อวันที่ ๔ ตุลาคม ๑๕๔๒ ลุงของท่านเป็น
พระคาร์ดินัล ซึ่งต่อมาภายหลังได้เป็นพระสันตะปาปา พระนาม มาร์เซลลุส ที่ ๒ ในวัยหนุ่ม
ท่านได้รับการศึกษาจากคณะเยสุอิต ซึ่งเวลานั้นเพิ่งได้รับการอนุมัติเป็นคณะนักบวชเพียง ๒ ปี
ก่อนท่านเกิด

เดือนกันยายน ปี ๑๕๖๐ ท่านสมัครเข้าคณะเยสุอิต และศึกษาปรัชญาที่โรมเป็นเวลา ๓ ปีจากนั้น
ทำหน้าที่สอนวิชามนุษยศาสตร์จนกระทั่งถึงปี ๑๕๖๗ จึงเริ่มศึกษาเทววิทยาจนจบในปี ๑๕๖๙
ในปีสุดท้ายของการศึกษา ท่านได้รับการอบรมเป็นพิเศษเรื่องความผิดพลาดของโปรเตสแตนท์

ท่านรับศีลบวชที่เบลเยี่ยม ที่นั่น การเทศน์ของท่านดึงดูดผู้ฟังจำนวนมากทั้งคาทอลิกและ
โปรแตสแตนท์ ในปี ๑๕๗๖ ท่านกลับมาอิตาลีและรับตำแหน่งวิชาการเพื่อรับมือความคิดเห็น
ขัดแย้งทางเทววิทยาผลงานเขียนของท่าน "ข้อโต้แย้ง" (Disputations) เป็นงานปกป้องความเชื่อ
คาทอลิกที่ถือว่าคลาสสิค

ในช่วงปี ๑๕๘๕-๙๐ ท่านได้เป็น "บิดาชีวิตฝ่ายจิต" ของวิทยาลัยโรมัน ท่านทำหน้าที่ผู้แนะนำชีวิต
ภายในให้นักบุญอลอยซีอุส กองซากา ในระยะสุดท้ายของชีวิต และท่านดำเนินการจัดพิมพ์
พระคัมภีร์ภาษาละตินฉบับทางการ ตามความต้องการของสังคายนาเทรนต์

ปลายศตวรรษที่ ๑๖ ท่านได้เป็นที่ปรึกษาของพระสันตะปาปาเคลเมนต์ ที่ ๘ พระสันตะปาปาตั้ง
ท่านเป็นคาร์ดินัลในปี ๑๕๙๙ ทรงประกาศว่าท่านเป็นผู้ทรงภูมิที่สุดของพระศาสนจักร ท่านมี
บทบาทในวิวาทะระหว่างคณะดอมินิกันกับเยสุอิตเรื่องพระหรรษทาน พระสันตะปาปาแต่งตั้งท่าน
ให้เป็นอัครสังฆราชแห่งคาปัว

การทำหน้าที่ของท่านที่คาปัวเป็นตัวอย่างที่ซื่อสัตย์ต่อจิตตารมณ์การปฏิรูปและข้อกำหนดของ
สังคายนาเทรนต์ ท่านเป็นตัวเลือกในตำแหน่งพระสันตะปาปาถึง ๒ สมัยติดต่อกัน แต่ท่านไม่ต้องการ

ต้นศตวรรษที่ ๑๗ ท่านยืนหยัดเพื่ออิสรภาพของพระศาสนจักรเมื่อถูกโจมตีในเวนิสและอังกฤษ
ท่านพยายามที่จะต่อรองให้เกิดสันติระหว่างวาติกันกับเพื่อนสนิทของท่าน กาลิเลโอกาลิเลอีในเรื่อง
จุดยืนทางวิทยาศาสตร์ว่าโลกและจักรวาลหมุนรอบดวงอาทิตย์

ท่านลาออกจากการทำหน้าที่เนื่องด้วยปัญหาสุขภาพในฤดูร้อนปี ๑๖๒๑ สองปีก่อนหน้านั้น ท่าน
เขียนข้อคิดคำนึงถึงวาระสุดท้ายของชีวิตในหนังสือชื่อ "ศิลปะแห่งการตายอย่างดี" ในหนังสือเล่มนี้
ท่านอธิบายว่าการเตรียมตัวตายเป็นงานที่สำคัญที่สุดของชีวิต เพราะสภาวะของวิญญาณก่อนตาย
จะกำหนดเป้าหมายนิรันดรของบุคคลนั้น

ท่านเสียชีวิตในวันที่ ๑๗ กันยายน ๑๖๒๑ พระสันตะปาปาปีโอ ที่ ๑๑
ประกาศตั้งท่านเป็นนักบุญและเป็นนักปราชญ์พระศาสนจักรในปี ๑๙๓๑

CR : Sinapis
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 5937
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

อาทิตย์ ก.ย. 18, 2022 10:08 pm

ฉลองนักบุญ วันที่ ๑๘ กันยายน
นักบุญโยเซฟแห่งคูแปร์ติโน
St. Joseph of Cupertino

ท่านเป็นรหัสนิก (mystic) ที่มีชื่อเสียงว่าสามารถเหาะได้ บิดาของท่าน ซึ่งเป็นช่างไม้ยากจน
ตายก่อนที่ท่านจะเกิด มารดาผู้ไม่สามารถจ่ายหนี้สิน ต้องสูญเสียบ้านของตน ได้ให้กำเนิดท่าน
ในรางหญ้าของเมืองคูแปร์ติโน อิตาลี เมื่อวันที่ ๑๗ มิถุนายน ๑๖๐๓

โยเซฟเริ่มเห็นภาพนิมิตตั้งแต่อายุ ๗ ขวบ และทำให้ท่านมักลืมตัวจนไม่รับรู้กับสิ่งรอบข้าง
ทำให้เพื่อนๆ พากันล้อเลียน เรียกท่านว่า "เจ้าปากอ้า" ท่านเป็นคนอารมณ์ฉุนเฉียวง่ายและอ่าน
หนังสือแทบไม่ออก คนอื่นจึงคิดว่าท่านทึ่มและไม่อาจเอาดีทางไหนได้ นอกจากนั้น ท่านมักเข้า
ภวังค์นานๆ จนทำให้ไม่สามารถทำกิจการเฉพาะหน้า ดังนั้น ไม่ว่าท่านจะได้งานอะไรก็จะตกงาน
อย่างรวดเร็ว

ในที่สุด ท่านได้รับหน้าที่ดูแลรางอาหารสัตว์ในอารามฟรังซิสกันใกล้เมืองคูแปร์ติโน พวกภราดา
ของอารามสังเกตเห็นถึงความศักดิ์สิทธิ์และนิสัยชอบทำพลีกรรม ความถ่อมตนและนบนอบของท่าน
จึงให้ท่านเรียนเตรียมเป็นพระสงฆ์ ท่านเป็นนักเรียนที่ไม่ค่อยได้เรื่อง แต่ในการสอบไล่ผู้สอบได้
ถามคำถามที่บังเอิญเป็นเรื่องที่ท่านรู้อย่างดีท่านจึงสอบผ่านและได้รับศีลบวชเป็นพระสงฆ์

ในไม่ช้าผู้คนก็ตระหนักว่าแม้ท่านจะรู้น้อยในเรื่องทางโลกและมีปัญหาด้านการเรียนรู้ แต่ท่านได้
รับพระพรความรู้เรื่องชีวิตฝ่ายจิต ซึ่งทำให้ท่านสามารถไขปัญหายากๆ ทางเทววิทยาได้

ตลอดเวลา ๓๕ ปีของชีวิตการเป็นสงฆ์ ท่านไม่สามารถทำมิสซาต่อหน้าผู้คนได้จนจบ เพราะร่าง
ท่านจะลอยขึ้นเมื่อเข้าฌาน ซึ่งเกิดขึ้นเกือบทุกครั้งที่ท่านทำมิสซา ท่านถูกย้ายอารามเรื่อยๆ
เพราะสาเหตุเข้าฌานจนทำอะไรก็ไม่เสร็จ และมีข้อกล่าวหาจากพี่น้องนักบวชที่อิจฉาพระพรของท่าน
อย่างไรก็ตาม ท่านมอบตนให้กับพระญาณสอดส่องของพระเจ้าตลอดเวลา

ท่านเสียชีวิตในวันที่ ๑๘ กันยายน ๑๖๖๓ และถูกประกาศเป็นนักบุญ
โดยพระสันตะปาปาเคลเมนต์ ที่๑๓ ในปี ๑๗๖๗ ท่านเป็นองค์อุปถัมภ์ของ
ผู้เดินทางเครื่องบิน และนักเรียนที่เตรียมตัวสอบ

CR. : Sinapis
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 5937
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

จันทร์ ก.ย. 19, 2022 9:29 pm

ฉลองนักบุญ วันที่ 19 กันยายน
นักบุญเอมิลี เดอ โรดาต์
St. Emily de Rodat

เอมิลีเกิดในปี ๑๗๘๗ ที่เมืองโรเดซ ประเทศฝรั่งเศส ท่านได้รับการศึกษาที่ Villefranceh
และทำงานเป็นครูสอนหนังสือ เมื่ออายุ ๑๘ ปีท่านเห็นลูกหลานคนยากจนจำนวนมากไม่ได้ไป
โรงเรียน จึงเปิดโรงเรียนเพื่อพวกเขา สอนหนังสือให้โดยไม่คิดค่าใช้จ่าย

ท่านมีความสนใจชีวิตนักบวช แต่หลังจากทดลองเข้าอยู่ในอารามคณะนักบวชสามสี่คณะเป็น
เวลาสั้นๆ ท่านก็ตระหนักว่าตนเองไม่ได้มีกระแสเรียกของคณะนักบวชที่มีอยู่ในเวลานั้น

ท่านอุทิศชีวิตเพื่อการสอนคนจน และรวบรวมหญิงสาวอื่นๆ มาช่วยสอนพวกเด็กที่ทวีจำนวนมาก
ขึ้นเรื่อยๆ หญิงสาวเหล่านี้ต่อมาได้เป็นกลุ่มเริ่มต้นของคณะนักบวชครอบครัวศักดิ์สิทธิ์แห่ง
วิลเลฟรางเช (Congregation of the Holy Family of Villefranche)

นักบวชคณะนี้นอกจากสร้างโรงเรียนเพื่อคนจนแล้วยังใส่ใจดูแลผู้สูงวัย นักโทษ และเด็กกำพร้า
ซิสเตอร์บางคนเป็นผู้พิศเพ่งภาวนาและใช้เวลาตลอดชีวิตเพื่อการภาวนาและนมัสการพระเจ้า

ท่านเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งเมื่อวันที่ ๑๙ กันยายน ๑๘๕๒ ในเวลาที่ท่านเสียชีวิต มีองค์กรการกุศล
ที่ท่านก่อตั้งทั้งหมด ๓๘ แห่ง พระสันตะปาปาปีโอ ที่ ๑๒ ประกาศตั้งท่านเป็นนักบุญในปี ๑๙๕๐

CR. : Sinapis
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 5937
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

พุธ ก.ย. 21, 2022 8:19 pm

ฉลองนักบุญ วันที่ ๒๐ กันยายน
นักบุญอันดรูว์ คิม แตกอน และเปาโล ชอง ฮาซัง
Sts. Andrew Kim Taegon, Paul Choñg Hasang

คริสตศาสนามาสู่ประเทศเกาหลีโดยทางหนังสือที่ถูกนำผ่านพรมแดนจีน ในปี ๑๗๘๔
ชุมชนชาวเกาหลีกลุ่มเล็กกลุ่มหนึ่งที่ได้กลับใจเพราะสิ่งที่ได้อ่านพบในหนังสือ ส่งบุคคลหนึ่ง
ในกลุ่มไปเมืองปักกิ่งเพื่อรับศีลล้างบาป

ในครึ่งศตวรรษต่อมากลุ่มคริสตชนเกาหลีก็เติบโตอย่างรวดเร็ว พวกเขาได้รับการอภิบาล
ด้านศีลศักดิ์สิทธิ์จากพระสงฆ์ ๒ องค์จากจีน จนกระทั่งถึงปี ๑๘๓๖ ภายหลังการวอนขอ
อยู่นานหลายปีพระสงฆ์ธรรมทูตฝรั่งเศสก็ถูกส่งมาที่เกาหลี

ปลายศตวรรษที่ ๑๘ เป็นต้นมา เกิดการเบียดเบียนข่มเหงคริสตศาสนาถึง ๖ ครั้งใหญ่ๆ
มีมรณสักขีหนึ่งหมื่นคนหลั่งเลือดเพราะความเชื่อ พระสงฆ์ธรรมทูตจากฝรั่งเศสรวมอยู่ใน
จำนวนมรณสักขีเหล่านี้ด้วย

นักบุญอันดรูว์ คิม แตกอน และเปาโล ชอง ฮาซัง เป็นผู้นำศาสนจักรคาทอลิกในเกาหลี
คิม แตกอน เกิดในครอบครัวฐานะดีของเกาหลีพ่อแม่ของท่านกลับใจถือคริสตศาสนา
เมื่อท่านอายุ ๑๕ ปี ท่านเดินทางกว่าพันไมล์เพื่อเข้าเรียนที่บานเณรและได้เป็นพระสงฆ์
พื้นเมืองเกาหลีคนแรก ท่านถูกทรมานและถูกตัดศีรษะในปี ๑๘๔๖

ชอง ฮาซัง เป็นผู้นำฆราวาสที่ปกป้องความเชื่อต่อหน้ารัฐบาลเกาหลี และรวบรวมคริสตชน
ระหว่างการถูกกดขี่ ให้กำลังใจพวกเขาให้มั่นคงในความเชื่อ พระสันตะปาปาเกรกอรี ที่ ๑๐
ทรงตอบรับต่อคำวิงวอนโดยตรงของท่าน พระองค์ประกาศรับรองพระศาสนจักรเกาหลีและ
ส่งพระสงฆ์จำนวนมากขึ้นมาทำงานธรรมทูต ท่านเป็นมรณสักขีในปี ๑๘๓๙

CR. : Sinapis

😇 นักบุญมรณสักขีชาวเกาหลี

ชุมชนคาทอลิกเกาหลีได้ถูกเบียดเบียนครั้งสำคัญใน ค.ศ. 1839, 1846 และ 1866 ทำให้มี
ผู้พลีชีวิตที่ทราบชื่ออย่างน้อย 8,000 คน ถูกประหารเพราะถูกกล่าวหาว่านับถือศาสนาผิด

ในจำนวนนี้มีบาดหลวงชาวเกาหลี คิม เตกอน และครูคำสอนฆราวาสชาวเกาหลี ปอล ชุง ฮาซาง
มรณสักขีส่วนใหญ่เป็นฆราวาสซื่อๆ ทั้งชาย – หญิง แต่งงาน – โสด ผู้สูงอายุและเยาวชน

นักบุญสมเด็จพระสันตะปาปายอห์น ปอล ที่ 2 ได้เสด็จกรุงโซล ทำพิธีสถาปนานักบุญ 103 องค์
วันที่ 6 พฤษภาคม ค.ศ. 1984

🩸 บรรดามรณสักขี
– มีบิชอปอิมแบร์ต ชาวฝรั่งเศส
– บาดหลวงธรรมทูต 2 องค์ ชื่อโมบัง และกัสตอง
ปอล ชุง ฮาซาง ผู้นำฆราวาสชาวเกาหลี (ค.ศ. 1795-1839 อายุ 44 ปี) ทำงานสร้างพระศาสนจักร
ยุคแรกๆ เดินทางเข้าออกประเทศจีน จนทำให้กรุงโรมรับทราบพระศาสนจักรเกาหลี จนทำให้
กรุงโรมรับทราบพระศาสนจักรเกาหลี เมื่อวันที่ 9 กันยายน ค.ศ. 1831 ได้เรียนเตรียมบวชเป็น
บาดหลวง แต่ถูกจับและถูกประหารก่อนเป็นบาดหลวง
– บางคนตายในคุก บางคนถูกตรึงกางเขน บางคนถูกตัดศีรษะ
วันที่ 24 พฤษภาคม ค.ศ. 1839, 20 กรกฎาคม ค.ศ. 1839, 7 มีนาคม ค.ศ. 1866
มรณสักขีแห่งเกาหลี มีจำนวนมากเป็นอันดับที่ 4 และฉลองวันที่ 20 กันยายน

++++++++++
บิชอป วีระ อาภรณ์รัตน์
9 กันยายน ค.ศ. 2018

CR. : https://www.cmdiocese.org/web/20712
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 5937
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

พุธ ก.ย. 21, 2022 8:24 pm

ฉลองนักบุญ วันที่ ๒๑ กันยายน
นักบุญมัทธิว อัครสาวก
St. Matthew, Apostle

มัทธิวเป็นคนเก็บภาษี ท่านติดตามเป็นอัครสาวกของพระเยซูและได้เขียนถึงชีวิตและ
ภารกิจของพระองค์ แม้เราจะไม่ทราบถึงรายละเอียดชีวิตของท่าน แต่เรื่องของพระเยซูคริสต์
ที่ท่านเขียน ซึ่งถือกันว่าเป็นพระวรสารฉบับแรก มีคุณค่าอย่างยิ่งต่อพระศาสนจักร
โดยเฉพาะการยืนยันว่าพระเยซูเป็นพระเมสสิยาห์

พระวรสารเล่าถึงเหตุการณ์ที่ท่านพบกับพระเยซู ท่านเป็นคนเก็บภาษีให้กับพวกโรมันที่
ปกครองดินแดนยูเดียในศตวรรษแรก พวกชาวยิวดูถูกและเกลียดชังผู้ทำหน้าที่นี้เพราะถือว่า
ทำงานให้ผู้กดขี่พวกเขา และบ่อยครั้ง พวกคนเก็บภาษีก็เบียดบังเงินเข้ากระเป๋าตัวเอง

พระเยซูคงจะพบท่านแถวบริเวณบ้านของเปโตรในคาเปอร์นาอุม ใกล้ทะเลสาบกาลิลี
พระองค์เห็นท่านนั่งอยู่ที่ด่านเก็บภาษี เอ่ยกับท่านว่า "จงตามเรามาเถิด" ท่านลุกขึ้น
ติดตามพระองค์

การที่พระเยซูทรงเรียกมัทธิวให้มาอยู่ในกลุ่มผู้ติดตามใกล้ชิดพระองค์เป็นเครื่องหมาย
ของภารกิจสากลของพระเมสสิยาห์ เรื่องนี้เป็นเหตุให้ผู้นำชาวยิวประหลาดใจ พวกเขาถาม
ศิษย์ของพระองค์ว่า"ทำไมอาจารย์ของท่านรับประทานร่วมกับคนเก็บภาษีและคนบาป
" คำตอบของพระเยซูบ่งบอกถึงเป้าหมายพันธกิจของพระองค์ "เราไม่ได้มาเพื่อผู้ชอบธรรม
แต่มาเพื่อคนบาป"

มัทธิวเป็นพยานถึงการกลับคืนชีพของพระคริสต์ การเสด็จสู่สวรรค์ของพระองค์ และวันพระจิต
เสด็จลงมา ท่านบันทึกคำสั่งที่พระองค์ให้กับอัครสาวกว่า "จงไปสั่งสอนนานาชาติล้างบาปพวกเขา
ในพระนามพระบิดา พระบุตรและพระจิต จงสอนพวกเขาให้ถือตามทุกอย่างตามที่เราได้สั่งสอนพวกท่าน"

เช่นเดียวกับอัครสาวก ๑๑ ใน ๑๒ องค์ ธรรมประเพณีถือว่านักบุญมัทธิวตายด้วยการเป็นมรณสักขี
ขณะประกาศพระวรสารในดินแดนใกล้กับอียิปต์

CR. : Sinapis
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 5937
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

พฤหัสฯ. ก.ย. 22, 2022 8:17 pm

ฉลองนักบุญ วันที่ ๒๒ กันยายน
นักบุญโมริก และสหาย
St. Maurice and Companions

ท่านเป็นสมาชิกคนหนึ่งของกองทหาร Theban ซึ่งเป็นกองกำลังโรมันที่ประกอบ
ไปด้วยทหารคริสตชนจากแอฟริกา ทหารกองร้อยนี้ถูกเรียกมาเพื่อปราบขบถ
ใน Aaunum ใกล้กับประเทศสวิตเซอร์แลนด์เมื่อปี ๒๘๗

มีตำนาน ๒ เรื่องที่เล่าถึงการเป็นมรณสักขีของท่านและสหาย ตามตำนาน พวกทหาร
ในกองกำลังนี้ได้รับคำสั่งให้เข้าร่วมในพิธีบูชายัญของชนต่างศาสนา หรือไม่ก็ได้รับ
คำสั่งให้ทำร้ายและเข่นฆ่า พวกชาวคริสต์บางคนในท้องถิ่น แต่ทหาร ๖,๖๐๐ นายของ
โมริกปฏิเสธที่จะทำทั้งสองอย่างนั้น และเพื่อลงโทษ

ต่อการขัดขืนคำสั่ง ทหารลำดับที่สิบทุกคนของกองกำลังจึงถูกประหาร
แต่เมื่อทหารที่เหลือยังปฏิเสธที่จะทำตามคำสั่งอีก พวกเขาก็ถูกประหารทุกคน

CR. : Sinapis
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 5937
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

เสาร์ ก.ย. 24, 2022 7:19 pm

ฉลองนักบุญ วันที่ ๒๓ กันยายน
นักบุญปีโอแห่งปีเอเตรลชีนา
St. Pio of Pietrelcina

ท่านเป็นพระสงฆ์คณะฟรังซิสกัน ซึ่งรู้จักกันในนาม ปาเดรปีโอ (คุณพ่อปีโอ) ท่านมีชื่อเสียง
ในความสุภาพถ่อมตน ยอมรับความทุกข์ทรมานและมีอัศจรรย์หลายอย่างเกิดเนื่องจากท่าน

ท่านเกิดในปี ๑๘๘๗ บิดามารดา กราซิโอและมารีอา ตั้งชื่อท่านว่า ฟรานเชสโก ฟอร์จิโอเน
ท่านมีพี่น้อง ๗ คน แต่สองคนตายแต่ยังเล็ก บิดามารดาดูแลลูกทุกคนอย่างเอาใจใส่ ให้พวกเขา
ไปร่วมมิสซาทุกวัน ร่วมสวดสายประคำในครอบครัว และทำพลีกรรมใช้โทษบาปเสมอๆ

ฟรานเชสโกตัดสินใจแต่ยังเล็กว่าจะสละชีวิตให้พระเจ้า เมื่ออายุ ๑๐ ปีท่านได้รับแรงบันดาลใจ
จากตัวอย่างของภราดากาปูชินคนหนึ่ง ท่านบอกบิดามารดาว่า
"ผมอยากเป็นภราดาและมีหนวดเคราอย่างนั้นด้วย" บิดาของฟรานเชสโกไปอเมริกา ทำงานส่งเสีย
ให้ลูกชายได้เรียนหนังสือเพื่อเขาจะสามารถเข้าเป็นนักบวชได้

วันที่ ๒๒ มกราคม ๑๙๐๓ ฟรานเชสโกได้สวมชุดเครื่องแบบฟรังซิสกันเป็นครั้งแรก ท่านได้รับชื่อ
ใหม่ว่า ปีโอ ซึ่งเป็นชื่อภาษาอิตาเลียนสำหรับปีอุส ตามพระสันตะปาปาปีอุส ที่ ๕ ท่านปฏิญาณตัว
ในอีก ๔ ปีต่อมา และได้รับศีลบวชเป็นพระสงฆ์ในฤดูร้อนปี ๑๙๑๐ หลังจากนั้นเพียงเล็กน้อย
ท่านก็ได้รับสติกมาตา บาดแผลของพระคริสต์อยู่บนร่างกายของท่าน

นอกจากบาดแผลลึกลับเหล่านี้ คุณพ่อปีโอยังต้องทรมานกับปัญหาด้านสุขภาพที่ทำให้ท่านต้อง
แยกออกจากหมู่คณะในช่วงหกปีแรกของชีวิตสงฆ์ ในปี ๑๙๑๖ ท่านสามารถเข้ามาใช้ชีวิตกลุ่มได้
ที่บ้านคณะใน San Giovanni Rotondo ที่ซึ่งท่านจะอยู่จนตลอดชีวิต ท่านทำหน้าที่สอนและ
เป็นผู้แนะนำชีวิตฝ่ายจิตแทนพวกภราดาที่ถูกเรียกตัวไปร่วมในสงครามโลกครั้งที่ ๑

ในระหว่างปี ๑๙๑๗ และ ๑๙๑๘ คุณพ่อปีโอทำงานในหน่วยพยาบาลของกองทัพอิตาลี ท่านมอบ
ถวายตัวเองให้เป็น "เหยื่อ" ทางจิตวิญญาณ เพื่อให้สงครามยุติท่านขอยอมรับความทุกข์ทรมาน
เป็นคำภาวนาเพื่อสันติภาพ รอยแผลของพระคริสต์ปรากฏบนร่างกายท่านอีกครั้ง บาดแผลเหล่านี้
จะอยู่กับท่านไปตลอดเวลาอีก ๕๐ ปี

ชื่อเสียงด้านความศักดิ์สิทธิ์และอัศจรรย์ของท่านเริ่มดึงดูดผู้คน แต่ผู้นำศาสนจักรบางคนประกาศ
ปฏิเสธท่าน และห้ามท่านทำงานอภิบาลในปี ๑๙๓๑ แต่พระสันตะปาปาปีโอ ที่ ๙ ยกเลิกการห้ามนี้
ใน ๒ ปีให้หลัง และผู้สืบตำแหน่งต่อจากพระองค์ พระสันตะปาปาปีโอ ที่ ๑๒ กลับส่งเสริมให้มีการ
จาริกแสวงบุญไปยังที่พำนักของท่าน

คุณพ่อปีโอเป็นที่รู้จักในการเพียรทนรับความทุกข์ สวดภาวนาเสมอ และเร่าร้อนในการแนะนำ
ชีวิตฝ่ายจิต ท่านยังสนับสนุนการสร้างโรงพยาบาลขนาดใหญ่ชื่อ "บ้านบรรเทาทุกข์"

ท่านสิ้นใจในปี ๑๙๖๘ และถูกประกาศเป็นนักบุญในปี ๒๐๐๒

CR. : Sinapis


🕊 อัศจรรย์ของพระจิตเจ้าในยุคของเราในการสารภาพบาปเป็นพระองค์เองที่ฟังและยกโทษ 1/2

📖 ยอห์น 20:22
พระเยซูเจ้าตรัสดังนี้แล้ว พระองค์ทรงเป่าลมเหนือเขาทั้งหลาย ตรัสว่า
“จงรับพระจิตเจ้าเถิด ท่านทั้งหลายอภัยบาปของผู้ใด
บาปของผู้นั้นก็ได้รับการอภัย ท่านทั้งหลายไม่อภัยบาปของผู้ใด
บาปของผู้นั้นก็ไม่ได้รับการอภัยด้วย”

พระจิตเจ้าได้ประทานพระพรให้แต่ละคนแตกต่างกัน ผู้ที่พระองค์ประทานพระพรให้คือผู้รับใช้
ของพระองค์ ที่จะใช้ของประทานในการเสริมสร้างพระศาสนจักรและตามพระประสงค์ ซึ่งมีทั้ง
ฆารวาส นักบวช และทั้งบรรดานักบุญ และบุคคลหนึ่งที่ได้รับพระพรในการ “ฟังแก้บาป” นี้อย่าง
เต็มเปี่ยม คือพระสงฆ์ชาวอิตาลี นักบุญคุณพ่อปีโอผู้มีรอยแผลศักดิ์สิทธิ์

🕊 คุณพ่อปีโอคือใคร

คุณพ่อปีโอ ผู้ได้รับรอยแผลคล้ายแผลที่พระเยซูเจ้าได้รับเป็นพันธกิจที่พระเป็นเจ้าทรงมอบหมาย
ให้เป็นผู้ประกาศความรัก ความเมตตา แผนการการช่วยวิญญาณมนุษย์ให้รอดด้วยอีกวิธีหนึ่ง

🩸 (“รอยแผลศักดิ์สิทธิ์” ได้เคยปรากฏแก่นักบุญฟรันซิส อัสซีซี (ค.ศ.๑๑๘๑-๑๒๒๖) สมัยศตวรรษที่ ๑๒
ผู้ก่อตั้งคณะนักบวชฟรันซิสกัน และคณะภราดาน้อยกาปูชิน)�� ท่านมีชีวิตอยู่ในยุคสมัยของ
พวกเรานี้เอง คือในช่วงค.ศ.1887-1968 และท่านได้รับการประกาศเป็นนักบุญเมื่อ ค.ศ.2002 นี้เอง

นอกจากความศักดิ์สิทธิ์ในการดำเนินชีวิตนักบวชที่เคร่งครัด และความรักอันลึกซึ้งต่อพระผู้เป็นเจ้า
อย่างยิ่งแล้ว ท่านมีชื่อเสียงด้านการหยั่งรู้ความคิดและอนาคต พระพรการรักษา และหลักฐานพยาน
บุคคลหลายครั้งได้ยืนยันว่า ท่านอยู่สองสถานที่ในเวลาเดียวกัน (Bilocation) ซึ่งเป็นมหัศจรรย์อย่างหนึ่ง
และ ท่านคือ 1ในบรรดานักบุญของคริสตศาสนานิกายโรมันคาทอลิคที่มี “ของประทาน” จากพระจิตเจ้า
ในเรื่องของ “การฟังสารภาพบาป” ของสัตบุรุษ

ท่านจึงเป็นบาดหลวงที่มีคนขอต่อคิวเพื่อสารภาพบาปมากที่สุด มีผู้ประเมินตัวเลขไว้ว่าคุณพ่อปีโอ
โปรดศีลอภัยบาปสัตบุรุษมากถึง ๒ ล้านคน ในระยะเวลา ๕๑ ปี และต่อไปนี้คือการอัศจรรย์ที่พระจิตเจ้า
ได้ทรงกระทำผ่านผู้รับใช้ของพระองค์

🕊 พระพรที่โด่งดังไปทั่วโลก

ระหว่าง ค.ศ. ๑๙๑๘-๒๓ คุณพ่อปีโอฟังแก้บาปนาน ๑๕-๑๙ ชั่วโมงทุกๆ วัน จนคุณพ่ออธิการต้อง
จำกัดเวลาฟังแก้บาปของคุณพ่อให้น้อยลง ค.ศ. ๑๙๔๐-๕๐ คุณพ่อปีโอจึงฟังแก้บาปลดลงเหลือ ๕-๘ ชั่วโมง
ในแต่ละวัน ในเวลาเช้าคุณพ่อปีโอจะโปรดศีลอภัยบาปสตรีที่ห้องฟังแก้บาปภายในวัด ส่วนเวลาบ่าย
สัตบุรุษชายจะมาแก้บาปในห้องแต่งตัวพระสงฆ์หลังวัด โดยนั่งพูดคุยกันอย่างเปิดเผยตามลำพังสองคน
คุณพ่อปีโอจะปรกมือทั้งสองบนบ่าของผู้สำนึกผิดที่มาขอคืนดีกับพระเป็นเจ้า

หลังสงครามโลกครั้งที่ ๒ มีสัตบุรุษมาแก้บาปกับคุณพ่อปีโอเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนทำให้เกิดความวุ่นวายขึ้น
สัตบุรุษจะตั้งแถวแต่เช้ามืดคอยคุณพ่อปีโอมาฟังแก้บาป เมื่อมีคนเพิ่มมากขึ้น หลายครั้งผู้มายืนรอ
คุณพ่อปีโอเกือบทั้งวันจำนวนหนึ่งจะไม่ได้พบคุณพ่อปีโอ คนเหล่านั้นก็จะมาเข้าแถวรออีกครั้งในวันรุ่งขึ้น
และเป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะได้ลำดับตามเดิมที่ได้เมื่อวันวาน เช่น สมมุติว่าคนหนึ่งรอเป็นคนที่ ๔ ของวันก่อน
อาจจะอยู่ในลำดับที่ ๑๓ ของวันรุ่งขึ้น

เมื่อเกิดปัญหาในการเข้าคิวมากขึ้น ทางคณะและโบสถ์จึงจำเป็นต้องจัดระเบียบในเรื่องนี้
คุณพ่อเคลเมนต์ นอยเบาเออร์ มหาธิการคณะที่กรุงโรม ขออนุญาตใช้ “บัตรคิวแก้บาป” คุณพ่อเคลเมนต
รู้สึกว่าการใช้บัตรคิวให้ความรู้สึกว่าวัดเป็นโรงภาพยนตร์มากกว่าสถานที่ภาวนา แต่ก็ได้รับการจูงใจว่า
จำเป็นที่จะต้องใช้วิธีนี้เพื่อลดความขัดแย้ง ในเวลาต่อมาผู้จะมาแก้บาปกับคุณพ่อปีโอจะต้องไปลงทะเบียน
โดยแยกระหว่างคนในท้องที่และผู้แสวงบุญจากต่างถิ่น และเพื่อไม่ให้มีการซื้อขายบัตรคิวผู้แก้บาปต้อง
เซ็นต์ชื่อในบัตรต่อหน้าพระสงฆ์ที่ออกบัตร โดยพระสงฆ์จะลงนามและระบุวันที่ออกบัตรไว้ด้วย

🔥 พระพรการพูดภาษาต่างๆและการเข้าใจภาษาต่างๆเหมือนในวันเปนเตกอสเต

📖 กิจการ 2:1-13 วันเปนเตกอสเต
เมื่อวันเปนเตกอสเตมาถึง บรรดาศิษย์ทุกคนมาชุมนุมในสถานที่เดียวกัน ทันใดนั้นมีเสียงจากฟ้า
เหมือนเสียงลมพัดแรงกล้าทุกคนที่อยู่ในบ้านได้ยิน เขาเห็นเปลวไฟลักษณะเหมือนลิ้นแยกไปอยู่เหนือศีรษะ
ของเขาแต่ละคน ทุกคนได้รับพระจิตเจ้าเต็มเปี่ยม และเริ่มพูดภาษาอื่น ๆ ตามที่พระจิตเจ้าประทานให้พูด
ขณะนั้นที่กรุงเยรูซาเล็มมีชาวยิวผู้เลื่อมใสศรัทธาในพระเจ้ามาจากทุกชาติทั่วโลก เมื่อประชาชนได้ยิน
เสียงนี้ จึงมาชุมนุมกันจำนวนมาก รู้สึกฉงนสนเท่ห์เพราะแต่ละคนได้ยินคนเหล่านี้พูดภาษาของตน
และประหลาดใจอย่างยิ่ง กล่าวว่า “ ทุกคนที่กำลังพูดอยู่นี้เป็นชาวกาลิลีมิใช่หรือ แล้วทำไมเราแต่ละคน
จึงได้ยินเขาพูดภาษาท้องถิ่นของเราเล่า เราชาวปาร์เธีย ชาวมีเดีย และชาวเอลาม บางคนอาศัยอยู่
ในเขตเมโสโปเตเมีย แคว้นยูเดีย แคว้นคัปปาโดเซีย แคว้นปอนทัสและแคว้นเอเชีย แคว้นฟรีเจียและ
แคว้นปัมฟีเลีย บางคนมาจากประเทศอียิปต์และเขตของประเทศลิเบีย รอบ ๆ เมืองไซรีน บางคนมาจาก
กรุงโรม ทั้งชาวยิวและผู้กลับใจเข้านับถือลัทธิยิวบางคนเป็นชาวเกาะครีตและชาวอาหรับ พวกเราได้ยิน
คนเหล่านี้ประกาศกิจการอันยิ่งใหญ่ของพระเจ้าเป็นภาษาของเรา” ทุกคนประหลาดใจและฉงนสนเท่ห์
พูดกันว่า “นี่หมายความว่าอย่างไร”

โดยปรกติ เฉพาะผู้ที่ใช้ภาษาอิตาเลียนได้คล่องแคล่วเท่านั้นที่จะได้รับอนุญาตให้แก้บาปกับคุณพ่อปีโอ
แม้จะเป็นที่รู้จักทั่วไปว่าคุณพ่อปีโอมี “พระพรด้านภาษา” สามารถเข้าใจสิ่งที่ชาวอเมริกันและรัสเซียซึ่ง
ไม่พูดภาษาอิตาเลียนสื่อสารได้ดีอย่างน่าอัศจรรย์ บางครั้งจึงมีชาวอเมริกันและรัสเซียมาแก้บาปกับคุณพ่อปีโอด้วย

ปลายปี ค.ศ. ๑๙๒๐ มารีอา ไพล์ ได้รบเร้า เซเน ซึ่งเป็นพี่สะใภ้ให้มาแก้บาปกับคุณพ่อปีโอ ครั้งแรกเธอ
ไม่ยินยอมเพราะเกรงว่าจะสื่อความหมายไม่เข้าใจเธอแสดงความรู้สึกหลังจากได้แก้บาปกับคุณพ่อปีโอว่า
“ดิฉันพูดภาษาอังกฤษและคุณพ่อพูดภาษาอิตาเลียน แต่เราต่างเข้าใจกันและกันได้ดี ดิฉันเดินออกจากห้อง
ฟังแก้บาปด้วยความงงงวย” บางครั้งคุณพ่อปีโอยังพูดภาษาบางภาษาเป็นวลี ทั้งๆ ที่ไม่เคยเรียนภาษานั้น
ดังเช่นที่ได้ฟังแก้บาปพระสงฆ์ชาวสวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งใช้ภาละติน

อย่างไรก็ตามคุณพ่อปีโอมักจะฟังแก้บาปเฉพาะผู้ที่ใช้ภาษาอิตาเลียน หากมีผู้ที่ใช้ภาษาละตินมา
ขอแก้บาปคุณพ่อจะขอให้พวกเขาไปแก้บาปกับพระสงฆ์ผู้มีการศึกษาสูงกว่าตน

แต่นั้นไม่ใช่ปัญหา เพราะถ้าเป็นความตั้งใจจริงที่จะสารภาพบาป และเป็นพระประสงค์ของพระเจ้า
คุณพ่อปีโอก็ยินดีจะฟังแก้บาป อเดลเลียเด ไพล์ เป็นคริสตศาสนิกชนที่ไม่ใช่คาทอลิก เมื่ออเดลเลียเด
ได้เปรยกับลูกสาวว่า “แม่อยากจะคุกเข่าในที่ฟังแก้บาปเพื่อสารภาพความผิดจัง! แต่แม่พูดภาษาอิตาเลียน
ไม่เป็น!” เมื่อมารีอา ไพล์ ได้เล่าเรื่องนี้ให้คุณพ่อปีโอฟังคุณพ่ออุทานว่า “หากเธอประสงค์จะแก้บาป
ภาษาไม่เป็นปัญหาพ่อช่วยดูแลเรื่องนี้ได้!”

🕊 การหยั่งรู้ถึงสภาพวิญญาณของผู้มาสารภาพบาปอย่างน่าอัศจรรย์
📖 ฮีบรู 4:12
พระวาจาของพระเจ้าเป็นพระวาจาที่มีชีวิตและบังเกิดผล คมยิ่งกว่าดาบ สองคมใด ๆ แทงทะลุเข้าไป
ถึงจุดที่วิญญาณและจิตใจแยกจากกัน ถึงเส้นเอ็นและไขกระดูก วินิจฉัยความรู้สึกนึกคิดภายในใจได้
จึงไม่มีสรรพสิ่งใด ๆ ซ่อนเร้นไว้เฉพาะพระพักตร์ แต่ทุกสิ่งเปิดเผยอย่างชัดเจนต่อสายพระเนตรของ
พระผู้ซึ่งเราจะต้องทูลถวายรายงาน

คุณพ่อปีโอ ได้รับพระพรในการหยั่งรู้สภาพจิตใจและวิญญาณของผู้ที่มาสารภาพบาป หรือแม้แต่
รายละเอียดในบาปที่ตั้งใจปิดบังซ่อนเร้นก็ตาม ซึ่งสิ่งเหล่านี้ ได้ช่วยให้ผู้มาสารภาพบาป
ได้สารภาพบาปและสำนึกบาปอย่างสะอาดหมดจดอย่างแท้จริง

ตัวอย่างเช่นในกรณีของ คลาริเช บรูโน ซึ่งใช้เวลาแก้บาปไม่ถึง ๒ นาที ทันทีที่เธอเข้าไปในที่ฟัง
แก้บาป คุณพ่อปีโอจะกล่าวว่า “เดี๋ยวพ่อจะเป็นคนพูดเอง” จากนั้นคุณพ่อก็เริ่มท่องปากเปล่าถึงบาปต่างๆ
ของเธอตามลำดับ โดยจะหยุดชั่วขณะเพื่อให้เธอได้ตอบรับหรือปฏิเสธว่า ได้ทำบาปนั้นๆ หรือไม่? ซึ่งเธอ
ก็ตอบว่า “ค่ะ คุณพ่อ (ลูกได้ทำบาปนี้)” มีครั้งหนึ่งคุณพ่อปีโอพูดว่า “ลูกไม่อดทนและมักอารมณ์เสีย...
แต่ลูกก็สำนึกผิดในทันที” บรูโนจำได้ดีว่าเมื่อวันก่อนเธออารมณ์เสียกับบริกรในร้านอาหารและได้พึมพำ
กับตัวเองว่า “ฉันหวังว่าฉันได้สำนึกผิดที่ได้โมโหบริกรคนนี้” คุณพ่อปีโอย้ำว่า “พ่อบอกว่าลูกได้สำนึกผิด
ทันทีที่ได้โมโห” บรูโน บรรยายว่า “คุณพ่อปีโอไม่ได้ตั้งคำถาม แต่คุณพ่อเล่าให้ดิฉันฟังว่าดิฉันได้ทำบาป
อะไรไว้บ้าง!” มีครั้งหนึ่ง “ระหว่างที่กำลังสารภาพบาป ก่อนที่ดิฉันจะได้มีโอกาสเอ่ยปากขอคำแนะนำ
คุณพ่อปีโอก็ได้เตือนใจในสิ่งที่ตรงกับที่ดิฉันคิดว่าจะถาม” จากนั้นคุณพ่อก็โปรดบาปและปิด
“ช่องหน้าต่าง” ในห้องฟังแก้บาปและหันไปฟังแก้บาปรายต่อไปทันที เมื่อสารภาพบาปเรียบร้อยแล้ว
บรูโนออกจากวัด และรู้สึกว่า “ตัวเบา” และ “พบสันติสุขในพระเป็นเจ้าอย่างแท้จริง”

คุณพ่อปีโอ จะไม่ยินยอมฟังข้อแก้ตัวในการทำบาปของผู้มาสารภาพบาป และคุณพ่อจะรู้สึกหงุดหงิด
ทันทีหากผู้ใดจะอ้างว่า “สำหรับดิฉันคิดว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะ...” โดยไม่ยืนยันว่าตั้งใจจริงที่จะหลีกหนี
โอกาสบาป หรือหากผู้ใดพยายามแก้ตัวว่า “ผมทนไม่ไหว” คุณพ่อจะตบมือดังและกล่าวว่า
“ก่อนที่พระเป็นเจ้าจะอภัยบาปของลูก ลูกควรต้องเป็นทุกข์ถึงบาปและเสียใจอย่างแท้จริงก่อน...”

CR. : http://www.belongtothetruth.com/Miracle/padre_pio01.htm
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 5937
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

เสาร์ ก.ย. 24, 2022 7:42 pm

นักบุญ คุณพ่อ ปีโอ ต่อ…..

🕊 อัศจรรย์ของพระจิตเจ้าในยุคของเราในการสารภาพบาปเป็นพระองค์เองที่ฟังและยกโทษ 2/2

👁 ไม่มีบาปใดจะถูกปกปิดจากสายพระเนตรของพระเจ้าได้

บ่อยครั้งที่คุณพ่อปีโอล่วงรู้ในบางเหตุการณ์ที่ผู้สารภาพบาปตั้งใจจะปกปิด อัลเบิร์ด คาร์โดเน
รู้จักคุณพ่อปีโอจากคำบอกเล่าของเพื่อนบ้าน ตั้งแต่ปี ค.ศ. ๑๙๔๔ ขณะเขาอายุ ๑๘ ปี คาร์โดเน่
ไม่สามารถเปิดเผยชื่อเพื่อนเพราะเธอยังมีชีวิตอยู่ในขณะที่เขาได้เล่าเรื่องนี้ในเดือนมีนาคม ค.ศ. ๑๙๙๐
เธอเล่าว่า “ดิฉันได้ไปแก้บาปกับคุณพ่อปีโอ เมื่อบอกบาปเสร็จ ก่อนคุณพ่อจะโปรดบาปให้ คุณพ่อพูดว่า
‘ขอให้คิดว่ามีบาปอื่นอีกหรือไม่?' สตรีท่านนั้นยืนยันว่า ‘คุณพ่อคะ ดิฉันคิดว่าได้บอกบาปทุกข้อที่ได้
พิจารณาและคิดว่าได้สารภาพบาปทุกข้อครบแล้วค่ะ' คุณพ่อปีโอจึงพูดว่า ‘ถ้าเช่นนั้นขอให้ลูกเดิน
ไปที่เชิงไม้กางเขนบนภูเขา แล้วสวดบทวันทามารอา และบทข้าแต่พระบิดา อย่างละ ๑๕ บท' กิจ
ใช้โทษบาปไม่ใช่เป็นภาวนา แต่เป็นหนทางยากลำบากที่ต้องเดินขึ้นไปบนภูเขา เนื่องจากถนน
ไม่ดีเลย เมื่อเธอทำตามแล้ว ก็ได้กลับมาพบคุณพ่อปีโออีกครั้งและ คุณพ่อได้ถามอีกว่า
“เวลานี้ลูกจำบาปที่ลืมได้แล้วหรือยัง?” เธอกลับยืนยันอีกว่า “แต่คุณพ่อคะ ลูกได้บอกบาปทุกๆ
ข้อครบถ้วนแล้วค่ะ” คุณพ่อปีโอจึงเตือนว่า “ยังไม่ครบ ลูกยังไม่ได้บอกบาปบางข้อ ขอให้ลูกเดินขึ้นไป
บนภูเขาอีกครั้ง” เธอทำตามเป็นครั้งที่สอง และเมื่อยังนึกบาปที่ได้ลืมไปไม่ออกอยู่อีก เธอก็ต้องขึ้นไป
บนภูเขาเป็นครั้งที่สาม เมื่อเธอกลับมายังที่แก้บาป คุณพ่อปีโอถามซ้ำว่า “ตอนนี้ลูกนึกออกหรือยังว่า
ยังไม่ได้สารภาพบาปข้อใด?” คาร์โดเน่ตอบว่า “ไม่มีค่ะ คุณพ่อ ลูกไม่มีบาปข้อใดจะสารภาพอีก”
คุณพ่อปีโอจึงพูดด้วยน้ำเสียงดังว่า “ลูกหมายความว่าอะไร ลูกจำไม่ได้เลยหรือ? ลูกไม่รู้หรอกหรือว่า
เขาอาจจะเป็น พระสงฆ์ พระสังฆราช หรือแม้แต่จะเป็นพระคาร์ดินัลได้?” เธอทำหน้างง และคิดทบทวน
สักพักหนึ่ง จากนั้นก็เริ่มร้องไห้และพูดว่า “คุณพ่อคะ ลูกไม่เคยทราบว่าการทำแท้งเป็นบาป” คุณพ่อปีโอ
พูดต่อว่า “เป็นไปได้อย่างไรกันที่ลูกไม่รู้ว่าการทำแท้งเป็นบาป มันเป็นฆาตกรรมนะ” เธอจึงกล่าวต่อไปว่า
“ไม่มีใครรู้เรื่องนี้นอกจากดิฉันและแม่ แล้วคุณพ่อทราบได้อย่างไรว่าเขาอาจเป็นพระสงฆ์หรือ
พระคาร์ดินัลได้?” คุณพ่อปีโอเลี่ยงตอบไปว่า “การทำแท้งเป็นบาป และเป็นบาปหนักด้วย”

ครั้งหนึ่งชายคนหนึ่งไม่ซื่อสัตย์ต่อภรรยาได้ไปสารภาพบาปกับคุณพ่อปีโอและใช้คำพูดเลี่ยงว่า
“มีวิกฤติด้านจิตวิญญาณ” คุณพ่อปีโอผุดลุกขึ้นอย่างเร็ว และตะโกนด้วยความตกใจว่า
“วิกฤติด้านจิตวิญญาณในเรื่องอะไร? คุณได้ทำบาปหนักและพระเป็นเจ้าทรงเคืองพระทัยอย่างมาก
ไปให้พ้น!”

อีกครั้งหนึ่งคุณพ่อปีโอทำให้ เด็กหญิง มารีเอลลา ลอตติ ชาวเมืองโคเซนซา อายุ ๑๒ ปี ที่มา
สารภาพบาปต้องตกใจเมื่อคุณพ่อพูดกับเธอว่า “ไปซะ พ่อโปรดบาปให้ลูกไม่ได้ ลูกไม่ค่อยไปฟัง
มิสซาในวันอาทิตย์ และไม่สนใจเรียนคำสอน เพราะพ่อแม่พาลูกไปที่อื่น หากพ่อฟังลูกสารภาพบาปเบา
ที่เคยแก้เป็นประจำ ลูกก็จะละเลยไม่ใส่ใจในบาปสำคัญๆ แล้วก็จะไม่เกิดประโยชน์อะไร”

คุณพ่อโดมินิกได้เล่าให้ฟังเรื่องหนึ่งว่า เมื่อวันที่ ๔ มกราคม ค.ศ. ๑๙๔๙ มีชายสามคนมารอพบ
คุณพ่อปีโอที่ห้องแต่งตัวพระสงฆ์เพื่อขอให้คุณพ่อปีโอฟังสารภาพบาป คุณพ่อได้พูดว่า
“กลับบ้านไป พิจารณาบาปให้ดีเป็นทุกข์ถึงบาปที่ได้กระทำอย่างแท้จริง แล้วค่อยกลับมาแก้บาป”
ชายคนหนึ่งกล่าวกับเพื่อนว่า “ ผมสงสัยว่าผมได้ทำอะไรลงไป เหตุใดผู้ฟังแก้บาปจึงรู้ก่อน
ที่ผมจะอ้าปากพูดเสียอีก!”

บางครั้งมีผู้มาขอแก้บาปกับคุณพ่อปีโอโดยไม่ได้นัดล่วงหน้าคุณพ่อปีโอ มานดาโต
พระสงฆ์คณะฟรันซิสกัน จากเมืองยอนเคอร์ รัฐนิวยอร์ค ได้กลับมาเยี่ยมบ้านเกิดที่ปีเอเตรลชีนา
ในเดือนตุลาคม ค.ศ. ๑๙๘๙ เมื่อ “พระสงฆ์ผู้สูงอายุ” ซึ่งเป็นผู้เล่าเรื่องนี้ได้มาขอแก้บาปกับคุณพ่อปีโอ
และ หลายปีก่อนได้กล่าวหาว่าคุณพ่อปีโอเป็น “พระสงฆ์กำมะลอ” วันหนึ่งน้องเขยของคุณพ่อมานดาโต
ชวนท่านให้ไป ซาน โจวันนี ด้วยกัน คุณพ่อมานดาโตปฏิเสธโดยให้เหตุผลว่า
“ไม่มีเงินค่ารถ และคุณก็รู้ดีว่าพ่อไม่ศรัทธาในความศักดิ์สิทธิ์ของคุณพ่อปีโอเลย” เมื่อน้องเขยอาสา
จะจ่ายค่าเดินทางให้ ผู้ช่างสงสัยจึงตอบตกลงที่จะร่วมเดินทางไปด้วย

หลังมิสซา คุณพ่อมานดาโต “หมดข้อสงสัย” และได้ขอพบคุณพ่อปีโอ เมื่อทราบว่าต้องรับ “บัตรคิว”
และรออีกหลายวันคุณพ่อจึงเดินฝ่าสัตบุรุษเข้าไปยังห้องแต่งตัวพระสงฆ์ คุณพ่อปีโอกำลังนั่ง มือทั้งสอง
ปิดหน้า และอยู่ในภวังค์แห่งการภาวนา คุณพ่อมานดาโต ยืนรออยู่ในความสงบหลายนาที ก่อนจะ
พูดออกไปว่า “คุณพ่อครับ ผมมาขอพบคุณพ่อ” โดยที่ไม่ได้หันมาดูหรือเปลี่ยนอิริยาบท คุณพ่อปีโอ
เรียกชื่อคุณพ่อมานดาโตและพูดว่า “ผมกำลังรอพบคุณพ่ออยู่ คุณพ่อไม่เชื่อว่าผมเป็นสงฆ์ของ
พระเป็นเจ้าไม่ใช่หรือ?” ผู้ที่เคยเป็นคนช่างสงสัยรู้สึกสับสนว่าคุณพ่อปีโอทราบได้อย่างไรว่าเขา
คิดอย่างไรกับคุณพ่อ เขาจึงขอสารภาพบาปกับคุณพ่อปีโอ

คุณพ่อปีโอเป็นผู้หนึ่งที่รู้กันว่าถวายมิซซาอย่างตั้งใจและสุภาพนอบน้อมมาก
จากรูปเหล่านี้แม้ไม่ได้เคลื่อนไหวแต่เราได้เห็นดวงตาอันมุ่งมั่นและท่าทีที่อ่อนน้อมต่อ
พระกายพระเยซูในศีลมหาสนิทอย่างมาก

🕊 พระจิตเจ้าทรงทราบดีกว่าเราว่าวิธีการไหนเหมาะกับใคร

บางครั้งคุณพ่อปีโอใช้คำพูดรุนแรงกับผู้มาสารภาพบาป ครั้งหนึ่งคุณพ่อได้กล่าวกับชายที่มา
แก้บาปว่า “ ช่างชั่วช้าน่าเวทนา! วิญญาณคุณแปดเปื้อนด้วยบาปเป็นที่พอใจของผีปีศาจ” หรือบางครั้ง
คุณพ่อจะพูดว่า “ เจ้าชั่วช้า คุณต้องตกนรกแน่นอน!” เมื่อมีคนทักท้วงว่าเหตุใดคุณพ่อจึงใช้วาจา
หยาบคายและไม่สุภาพเช่นนั้น คุณพ่อปีโออธิบายว่า “พ่อจะไม่อ่อนโยนกับผู้ที่มีราคี หาก เขาไม่
ตั้งใจจริงที่จะละทิ้งบาป ” คุณพ่อยังให้เหตุผลกับคุณพ่ออธิการในเรื่องเดียวกันนี้ว่า
“ผมปฏิบัติต่อดวงวิญญาณตามความเหมาะสมต่อพระพักตร์พระเป็นเจ้า”

เกือบทุกคนที่คุณพ่อปีโอไล่ออกจากที่ฟังแก้บาปโดยไม่ยอมโปรดบาปให้ก็จะสำนึกในความ
เที่ยงธรรม และความเหมาะสมที่จะได้รับการปฏิบัติเช่นนั้นจากพระสงฆ์ และที่สุดพวกเขาจะกลับมา
ขอแก้บาปด้วยจิตใจที่สำนักผิดอย่างแท้จริง ชายคนหนึ่งหลังจากที่คุณพ่อปีโอปฏิเสธที่จะโปรดบาป
ให้เขาถึง ๓ ครั้งกล่าวว่า “ เดี๋ยวนี้ผมเข้าใจมากขึ้นแล้ว ขอขอบคุณพระคุณพระเป็นเจ้าที่ให้คุณพ่อปีโอ
ใช้อำนาจในการโปรดบาปที่มั่นคงและเที่ยงธรรมดุจบิดายืนหยัดให้ผมสำนักผิดและ
เป็นทุกข์ถึงบาปอย่างแท้จริง”

อีกคนหนึ่งที่ได้รับการปฏิเสธเช่นกันได้แสดงความรู้สึกว่า “คุณพ่อปีโอช่วยผมให้ได้เข้าใจลึกซึ้ง
ถึงความสำคัญของการไปสารภาพบาป พระพรของศีลอภัยบาป และการรับศีลมหาสนิทบ่อยๆ
คุณพ่อทำให้ผมสำนึกว่าเมื่อใดที่ผมได้ทำบาปหนัก เมื่อนั้นผมได้ทำผิดต่อพระเป็นเจ้าและจะ
ไม่เป็นที่พอพระทัยของพระองค์”

⚖️ พระเจ้าทรงเที่ยงธรรมเสมอ
📖 ยอห์น 5:14
ต่อมา พระเยซูเจ้าทรงพบชายผู้นั้นอีกในพระวิหาร จึงตรัสแก่เขาว่า “ท่านหายเป็นปกติแล้ว
อย่าทำบาปอีก มิฉะนั้น เหตุร้ายกว่านี้จะเกิดขึ้นแก่ท่าน” ชายผู้นั้นจากไป แล้วบอกกับชาวยิวว่า
พระเยซูเจ้าทรงเป็นผู้รักษาเขาให้หายป่วย

เหตุการณ์ต่อไปนี้เป็นตัวอย่างของผู้ที่คุณพ่อปีโอได้ปฏิเสธที่จะโปรดศีลอภัยบาปให้ ระหว่าง
เทศกาลมหาพรตของปี ค.ศ. ๑๙๕๐ คุณพ่ออัลแบร์โต ดาโปลิโต กำลังเทศน์ในเมืองซาเลนโตก็ได้
มีพระสงฆ์พื้นเมืองคนหนึ่งเข้ามาแสดงความห่วงใยว่าคุณพ่อปีโอใช้วาจาก้าวร้าวกับลูกวัดคนหนึ่ง
ของท่าน ซึ่งตาบอดและได้ไปพบคุณพ่อปีโอที่ ซาน โจวันนี หวังว่าคุณพ่อจะช่วยให้เขามองเห็น
ได้อีกครั้งหนึ่ง(คุณพ่อปีโอมีพระพรในการรักษาด้วย) คุณพ่อปีโอเรียกชายตาบอดคนนั้นว่า
“เจ้าคนลามก” และปฏิเสธที่จะฟังแก้บาปให้ ชายคนนั้นกลับไปด้วยความโกรธจัด เขาสาปแช่ง
และให้วาจาสบถต่างๆ

คุณพ่ออัลแบร์โตได้เรียกชายตาบอดคนนั้นมาพบ หลังจากที่ตั้งคำถามได้ไม่นาน ก็ยอมรับ
อย่างน่าชื่นตาบานโดยไม่รู้สึกสะทกสะท้านว่าตนได้กินอยู่หลับนอนกับเพื่อนหญิงคนหนึ่งโดยไม่ได้
ทำพิธีถูกต้องตามธรรมเนียมคริสตชน เมื่อคุณพ่ออัลแบร์โต อธิบายว่าการมีเพศสัมพันธ์กับหญิง
โดยไม่ได้ทำพิธีศีลกล่าวเป็นการประพฤติผิดพระบัญญัติพระเป็นเจ้า ข้อที่ ๖ ชายคนนั้นพยายาม
อ้างเหตุผลว่าตน “อายุยังน้อย” การไม่มีเพศสัมพันธ์เลยคงเป็นเรื่องผิดปรกติและเป็นไปไม่ได้
คุณพ่ออัลแบร์โตจึงบอกชายตาบอดไปว่า “พ่อพูดได้เพียงว่าคุณพ่อปีโอเป็นผู้ที่ได้รับเลือกสรรพิเศษ
จากพระเป็นเจ้าคุณพ่อเป็นดังนักบุญองค์หนึ่ง เมื่อคุณไปขอแก้บาปคุณพ่อได้ไล่คุณกลับไปและ
ไม่ยอมโปรดบาปให้นั้นทั้งๆ ที่คุณยังไม่ได้บอกบาป เป็นเพราะพระเป็นเจ้าได้ประทานพระหรรษทาน
ให้คุณพ่อได้เห็นขุมนรกที่ดวงวิญญาณของคุณตกอยู่ในสภาวบาป คุณเดินทางไปที่
ซาน โจวันนี โรตอนโด ตั้งใจจะขอพระหรรษทานให้สายตามองเห็นได้ ทั้งๆ ที่วิญญาณของคุณมี
บาปหนัก นี่เป็นเหตุผลที่คุณพ่อปีโอเรียกคุณว่า “เจ้าคนลามก” และไล่คุณกลับไปเพื่อกระตุ้นเตือน
ให้คุณได้รู้สำนึกและจะได้กลับใจมาหาพระเป็นเจ้า”

เมื่อได้ฟังคุณพ่ออัลแบร์โตอธิบายเช่นนี้ ชายตาบอดกลับไปด้วยความเดือดดาล สองสามวันต่อมา
เขาสำนึกและเสียใจที่ได้ทำบาป จึงได้ไปพบคุณพ่ออัลแบร์โตอีกครั้งและตัดสินใจจะแต่งงานกับ
ภรรยาลับโดยจัดพิธีตามธรรมเนียมคริสตชน คุณพ่ออัลแบร์โตจึงได้โปรดศีลอภัยบาปให้

คุณพ่อปีโอพูดเสมอๆ ว่า “คุณน่าจะรู้ว่ามันยากลำบากแค่ไหนสำหรับพ่อที่จะไม่โปรดศีลอภัยบาป
แก่ผู้ที่มาขอแก้บาป พ่อคิดว่าพ่อยอมให้มนุษย์ในโลกนี้ตำหนิดีกว่าสักวันหนึ่งพ่อจะถูกพระเป็นเจ้าต่อว่า
เมื่อพ่อจากโลกนี้ไปพบพระองค์!”

🕊 คุณพ่อปีโอไม่ได้มีแต่ด้านเข้มงวดโดยปรกติท่านอ่อนโยนต่อทุกคน

เราไม่อาจสรุปได้ว่าจากเหตุการณ์ข้างต้นที่คุณพ่อปีโอแสดงปฏิกิริยาต่อต้านผู้มาขอแก้บาปที่
ไม่ได้สำนึกผิดอย่างแท้จริง เป็นลักษณะนิสัยที่แท้จริงของคุณพ่อ สัตบุรุษส่วนใหญ่พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า
คุณพ่อปีโอใจดีและอ่อนโยน หลายคนเมื่อได้ยินเรื่องราวที่น่าตกใจเกี่ยวกับคุณพ่ออาจจะรู้สึกกลัวที่
จะเข้ามาแก้บาปกับคุณพ่อ จึงทำให้หลายครั้งคุณพ่อปีโอต้องปลอบสัตบุรุษที่มีท่าทีเกร็งว่า
“ทำใจให้สบาย สงบจิตใจเสียก่อน”

โจ ปีเตอร์สัน ยังจำได้ดีว่า บางครั้งคุณพ่อปีโอจะวางแขนบนไหล่ของสัตบุรุษชายซึ่งตกใจกลัว
ขณะที่เขาบอกบาป

กราซิลเอลลา มานดาโต จำได้ว่าครั้งแรกที่เธอแก้บาปกับคุณพ่อปีโอเธอรู้สึกประหม่า
“ดิฉันกลัวมากจนพูดไม่ออก คุณพ่อปีโอจึงเป็นคนพูดบาปทุกข้อที่ดิฉันได้กระทำ” ดังนั้นอาจกล่าวได้ว่า
ส่วนใหญ่ คุณพ่อปีโอจะเป็นผู้ฟังแก้บาปที่ดีและผู้ให้คำปรึกษาที่ดี่เยี่ยม

หากพิจารณาให้ดีก็เป็นเรื่องน่าแปลกที่คุณพ่อปีโอไม่เคยว่างเว้นจากการรบกวนของผู้ที่คลั่งไคล้
ในตัวคุณพ่อ แม้ระหว่างโปรดศีลอภัยบาปอยู่จะมี “คนศรัทธา” จำนวนมากเข้ามาขัดจังหวะในห้องฟัง
แก้บาป ขอให้คุณพ่ออวยพรศาสนภัณฑ์ หรือให้อวยพรในเรื่องต่างๆ ที่ตนปรารถนา การที่คุณพ่อระงับ
อารมณ์ได้แม้จะถูกรบกวนมากเพียงนี้ย่อมพิสูจน์ให้เห็นถึงจิตใจที่มั่นคงของคุณพ่อ
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 5937
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

เสาร์ ก.ย. 24, 2022 7:46 pm

ฉลองนักบุญ วันที่ ๒๔ กันยายน
บุญราศีอันตน มาร์ติน สโลมเช็ค
Blessed Anton Martin Slomshek

มาร์ติน สโลมเช็ค เกิดเมื่อวันที่ ๒๖ พฤศจิกายน ๑๘๐๐ ที่เมือง Ponikva ประเทศสโลวีเนีย
ท่านเป็นชาวสโลวีเนียคนแรกที่เป็นบุญราศีท่านมีชื่อเสียงในฐานะนักการศึกษา เอาใจใส่
ชาวสโลวีเนียที่ไม่รู้หนังสือเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์ในช่วงต้นศตวรรษที่ ๑๙

ช่วงเวลานั้น ระบบการศึกษาของชาวสโลวีเนียถูกระงับโดยกฎหมายบังคับของจักรวรรดิออสเตรีย
ซึ่งห้ามพวกเขาใช้ภาษาและวัฒนธรรมท้องถิ่น ทำให้ชาวสโลวีเนียปราศจากโรงเรียน ตำราและ
หนังสือพิมพ์

ในฐานะสังฆราช ท่านมาร์ติน สโลมเช็คได้ฟื้นฟูโรงเรียนในสโลวีเนียและก่อตั้งระบบการศึกษา
โดยให้คริสตศาสนาคาทอลิกและประวัติศาสตร์สโลวักเป็นพื้นฐาน ท่านเขียนตำราจำนวนมาก
เริ่มให้มีนิตยสารรายสัปดาห์ ท่านเขียนหนังสือและบทความเกี่ยวกับทุกประเด็นที่ท่านเห็นว่าจะ
ช่วยพัฒนาสติปัญญาประชาชนของท่าน ท่านตั้งสมาคมเพื่อส่งเสริมวรรณกรรมคาทอลิก
ตั้งองค์กรเพื่อฟื้นฟู วัฒนธรรมคาทอลิกบนพื้นฐานความเป็นชาติสโลวีเนีย

ท่านเป็นคนเรียบง่ายและถ่อมตน มีความบริสุทธิ์เหมือนเด็ก และเป็นที่รักของพระสงฆ์และสัตบุรุษ
ท่านเคยกล่าวว่า "ตอนข้าพเจ้าเกิด มารดาวางข้าพเจ้าบนเตียงปูด้วยฟาง ข้าพเจ้าจึงไม่ปรารถนา
อะไรมากกว่านั้น เมื่อตายขอแต่เพียงให้อยู่ในสภาวะพระหรรษทานและมีค่าควรแก่ความรอด"

ท่านเสียชีวิตเมื่อวันที่ ๒๔ กันยายน ๑๘๖๒ ในมาริบอร์ ประเทศสโลวีเนีย
และได้รับประกาศเป็นบุญราศีในวันที่ ๑๙ กันยายน ๑๙๙๙ โดยพระสันตะปาปายอห์น ปอล ที่ ๒

CR. : Sinapis
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 5937
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

อาทิตย์ ก.ย. 25, 2022 4:57 pm

ฉลองนักบุญ วันที่ ๒๕ กันยายน
นักบุญแฮร์มาน คอนตราตุส
St. Hermann Contractus

ท่านเกิดเมื่อวันที่ ๑๘ กุมภาพันธ์ ปี ๑๐๑๓ ที่ Altshausen (สวาเบีย) ท่านพิการแต่กำเนิด
ไม่สามารถเคลื่อนไหวได้โดยปราศจากคนช่วยเหลือ ท่านอุตสาหะเรียนอ่านเขียนด้วย
ความยากลำบากเป็นที่สุดแล้วด้วยความตั้งใจมุ่งมั่น สติปัญญาอันเฉลียวฉลาดของท่าน
ก็เป็นที่ประจักษ์แก่คนรอบข้าง

บิดาของท่าน เคาท์ Wolverad II เห็นความฉลาดปราดเปรื่องของลูกชาย จึงได้ส่งแฮร์มานน้อย
ซึ่งขณะนั้นอายุ 7 ปีให้ไปอยู่กับฤษีคณะเบเนดิกติน บนเกาะ Reichenau ในเยอรมันตอนใต้
แฮร์มานใช้ชีวิตบนเกาะนั้นตลอดชีวิต ท่านปฏิญาณตัวเป็นนักพรตในอารามเมื่อปี ๑๐๔๓

นักศึกษาจากทั่วยุโรปหลั่งไหลมายังอารามฤษีบนเกาะเพื่อเรียนรู้จากท่าน ท่านยังมีชื่อเสียง
ในคุณธรรมและความศักดิ์สิทธิ์ด้วย

ท่านได้เขียนบันทึกลำดับเหตุการณ์หนึ่งพันปีแรกของคริสตศาสนา ท่านเป็นนักคณิตศาสตร์
นักดาราศาสตร์ และกวี ท่านยังเขียนเพลงสรรเสริญแม่พระ
Salve Regina และ Alma Redemptoris Mater

ท่านสิ้นใจบนเกาะแห่งนั้นเมื่อวันที่ ๒๑ กันยายน ๑๐๕๔

CR. : Sinapis
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 5937
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

จันทร์ ก.ย. 26, 2022 7:04 pm

ฉลองนักบุญ วันที่ ๒๖ กันยายน
นักบุญคอสมาและดาเมียน
Sts. Cosmas and Damian

ท่านทั้งสองเป็นพี่น้องฝาแฝด เกิดในครอบครัวคริสตชนในอาระเบียในศตวรรษที่ ๓
พวกท่านอยู่ในแคว้นที่มีชายแดนติดตุรกีและซีเรีย ทั้งสองท่านเป็นแพทย์ที่มีชื่อเสียง
ในการรักษาผู้คนโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย

ความเมตตาและตัวอย่างชีวิตของท่านทั้งสองทำให้มีคนกลับใจถือคริสตศาสนามากมาย
พวกท่านได้รับการยกย่องอย่างสูงในชุมชนคริสตชนแห่งเอเชียไมเนอร์ดังนั้น เมื่อเกิดการ
เบียดเบียนคริสตศาสนาในยุคจักรพรรดิดีโอคลีตุสในครึ่งหลังของศตวรรษที่ ๓ พวกท่าน
จึงเป็นเป้าหมายแรกๆ ที่ถูกกำจัด

ในปี ๒๘๗ พวกท่านถูกจับและถูกบังคับให้ปฏิเสธความเชื่อในพระคริสต์ พวกท่านไม่ยอม
ทำตาม จึงได้รับทัณฑ์ทรมานหลายชนิด รวมทั้งถูกตรึงกางเขน แต่พวกท่านก็ยังมีชีวิตอยู่
ผู้ทรมานพวกท่านเห็นว่าไม่มีทางใดที่จะบังคับให้พวกท่านปฏิเสธความเชื่อได้จึง
ตัดศีรษะท่านทั้งสองในที่สุด

Cr : Sinapis
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 5937
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

พฤหัสฯ. ก.ย. 29, 2022 4:11 pm

ฉลองนักบุญ วันที่ ๒๗ กันยายน
นักบุญวินเซนต์ เดอ ปอล
St. Vincent de Paul

เราไม่ทราบปีเกิดแน่ชัดของนักบุญวินเซนต์ เดอ ปอล แต่คาดว่าอยู่ระหว่างปี ๑๕๗๖
และ ๑๕๘๑ ท่านเกิดมาในครอบครัวยากจนทางตะวันตกเฉียงใต้ของฝรั่งเศส แต่ได้รับ
พระพรด้านสติปัญญา ท่านเรียนเทววิทยาตั้งแต่อายุ ๑๕ ปี ต่อมา หลังจากได้รับศีลบวช
เป็นพระสงฆ์ในปี ๑๖๐๐ ท่านทำหน้าที่เป็นครูสอนนักเรียนในเมืองตูลูส

ระหว่างการเดินทางในทะเลปี ๑๖๐๕ ท่านถูกโจรสลัดตุรกีจับและขายเป็นทาส ท่านทำงาน
ทาสอยู่จนถึงปี ๑๖๐๗ ผู้เป็นนายทาสซึ่งกลับใจเพราะการเทศน์สอนของท่าน ได้ช่วยท่าน
หลบหนีออกจากตูนิเซีย ท่านพำนักที่โรม ใช้เวลาศึกษาค้นคว้า พร้อมกับทำหน้าที่ผู้อบรม
และแนะนำชีวิตฝ่ายจิตให้ลูกหลานตระกูลชนชั้นสูงของฝรั่งเศส

แรกเริ่มนั้น วินเซนต์เลือกเป็นพระสงฆ์เพราะต้องการจะมีชีวิตมั่นคงสะดวกสบาย แต่ได้เกิด
การเปลี่ยนแปลงในจิตใจเมื่อท่านฟังแก้บาปชาวนาใกล้ตายคนหนึ่ง แล้วด้วยความรู้สึก
เห็นใจ คนจน ท่านเริ่มภารกิจก่อตั้งสถาบันช่วยเหลือพวกเขาทั้งทางวัตถุและจิตใจ

ท่านตั้งคณะพระสงฆ์เพื่องานธรรมทูตในปี ๑๖๒๕ เพื่อประกาศพระวรสารแก่คนชนบท
และส่งเสริมกระแสเรียกพระสงฆ์ที่กำลังขาดแคลน ไม่นานหลังจากนี้ท่านร่วมทำงานกับ
นักบุญหลุยส์ เดอ มาริลลัค (Louise de Marillac) เพื่อตั้งองค์กรธิดาเมตตาธรรม ซึ่งเป็น
คณะนักบวชหญิงคณะแรกที่ทำงาน กับคนจน คนป่วย และนักโทษ ภายใต้การบริหารของ
นักบุญหลุยส์คณะได้รวบรวมเงินบริจาคให้ท่านวินเซนต์ใช้แจกจ่ายแก่ผู้จำเป็น

การช่วยเหลือยังเผื่อแผ่ไปถึงครอบครัวที่มีเด็กๆ ถูกทอดทิ้ง สถานพยาบาลผู้สูงวัย และอาคาร
ที่คนจน ๔ หมื่นคนต้องพักอาศัยร่วมกัน ท่านยังพยายามช่วยเหลือผู้อพยพ และช่วยคนที่ถูก
ขายเป็นทาสในต่างประเทศด้วย

ท่านได้รับความยกย่องต่อกิจการดีเหล่านี้แต่ท่านก็ยังคงความถ่อมตน ท่านใช้ประโยชน์จาก
ชื่อเสียงและสายสัมพันธ์เพื่อช่วยคนจนและทำให้พระศาสนจักรมั่นคง ในด้านข้อความเชื่อ
ท่านเป็นผู้ต่อต้านลัทธิเจนเซนอย่างแข็งขัน พวกเจนเซนเป็นเฮเรติกที่ปฏิเสธความเป็นสากล
ของความรักของพระ และไม่สนับสนุนการรับศีลมหาสนิท ท่านยังช่วยเหลือฟื้นฟูคณะนักบวช
หลายคณะในฝรั่งเศส

ท่านเสียชีวิตเมื่อวันที่ ๒๗ กันยายน ๑๖๖๐ พระสันตะปาปาเคลเมนต์ ที่ ๑๒
ประกาศตั้งท่านเป็นนักบุญในปี ๑๗๓๗ ในปี ๑๘๓๕ บุญราศีเฟรเดอริกโอซานัมเชิดชูท่าน
เป็นแรงบันดาลใจ ตั้งชื่อองค์กรคาทอลิกช่วยบรรทุกข์คนจน ตามชื่อของท่านว่า
“ สมาคมนักบุญวินเซนเดอปอล “

CR. : Sinapis
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 5937
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

พฤหัสฯ. ก.ย. 29, 2022 4:15 pm

ฉลองนักบุญ วันที่ ๒๘ กันยายน
นักบุญเวนเชสเลาส์
St. Wenceslaus

เวนเชสเลาส์เป็นผู้ครองแคว้นยุโรปภาคกลาง เสียชีวิตด้วยน้ำมือของน้องชายตนเอง
ในขณะพยายามส่งเสริมความเชื่อคาทอลิกในโบฮีเมีย ดินแดนบ้านเกิดของท่าน

ท่านเกิดในปี ๙๐๓ บิดาของท่าน ดุ๊กวราติสลอ (Wratislaw) เป็นคาทอลิก แต่มารดา
เจ้าหญิงดราโกเมอร์ (Dragomir) ถือศาสนาท้องถิ่น ภายหลัง พระนางวางแผนสังหาร
เวนเชสเลาส์และย่าของท่าน ลุดมิลล่า (Ludmilla)

ในวัยเยาว์ท่านได้รับการปลูกฝังด้านศาสนาอย่างมั่นคงจากย่าของท่าน รวมทั้งตัวอย่างที่ดี
ของบิดา ท่านไปศึกษาที่วิทยาลัยใกล้เมืองปราก แต่การเสียชีวิตของบิดา ทำให้เกิดวิกฤต
ด้านการเมือง ดราโกเมอร์มารดาของท่าน ซึ่งไม่เคยยอมรับความเชื่อคาทอลิกได้ใช้การตาย
ของสามีเป็นโอกาสทำลายศาสนาของพ่อแม่ของเขา พระนางถอดผู้เป็นคาทอลิกออกจาก
ตำแหน่งทางการเมือง ปิดวัด และห้ามสอนเรื่องความเชื่อ

ลุดมิลลาแม่สามีของดราโกเมอร์สนับสนุนให้เวนเชสเลาส์ยึดอำนาจจากแม่และปกป้องความเชื่อ
การดำเนินการดังนี้ทำให้ประเทศแตกแยกเป็น 2 ฝั่ง ฝั่งหนึ่งปกครองโดยเวนเชสเลาส์มีลุดมิลลาเ
ป็นที่ปรึกษา อีกฝั่งปกครองโดยโบเลสเลาส์ น้องชายของท่าน ซึ่งซึมซับความเกลียดชังคริสตศาสนา
จากแม่ไว้ในตัว

เวนเชสเลาส์ผู้ปรารถนาจะเป็นฤษีมากกว่าดุ๊กได้รับกำลังในการต่อสู้นี้ด้วยการสวดภาวนาจำศีล
อดอาหาร งานกิจเมตตา และคำสาบานถือความบริสุทธิ์ แต่ขณะเดียวกันนั้น แม่ของเขาก็วางแผน
สังหารลุดมิลล่าสำเร็จ นางถูกรัดคอในวัดเล็กส่วนตัว วันฉลองนักบุญลุดมิลล่าตรงกับ
วันที่ ๑๖ กันยายน

ดุ๊กแห่งโบฮีเมียยังต้องเผชิญกับการข่มขู่จากแคว้นต่างแดน ผู้รุกราน เจ้าชายราดิสเลาส์แห่งกูริมา
สั่งให้ท่านยอมส่งมอบอาณาจักรให้เวนเชสเลาส์หลีกเลี่ยงสงครามด้วยการท้าดวลตัวต่อตัว
กล่าวกันว่าเทวดา๒ องค์ช่วยปัดป้องหอกที่พุ่งใส่เวนเชสเลาส์ และเมื่อราดิสเลาส์เห็นดังนั้น
ก็คุกเข่ายอมแพ้ทันที

ในระหว่างครองราชย์เวนเชสเลาส์ได้รับพระธาตุนักบุญหลายองค์จากจักรพรรดิออตโต ที่ ๑
ผู้มอบตำแหน่ง "กษัตริย์เวนเชสเลาส์" ให้ท่าน แต่พวกขุนนางบางกลุ่มที่ไม่เห็นด้วยกับ :s005: จริยธรรม
เคร่งครัดของกษัตริย์นักบุญองค์นี้ ได้ผูกพันธมิตรกับดราโกเมอร์และโบเลสเลาส์

น้องชายของเวนเชสเลาส์เสนอตัวเป็นผู้เจรจาสันติภาพ เชิญเวนเชสเลาส์ให้มายังแคว้นของเขา
เพื่อเฉลิมฉลอง เมื่อเวนเชสเลาส์สวดภาวนาในวัดน้อยระหว่างการมาเยือน ทหารของโบเลสเลาส์
ก็บุกเข้าโจมตีทำให้ท่านบาดเจ็บ โบเลสเลาส์เป็นผู้ลงมือสังหารพี่ชายตนเองด้วยการพุ่งหอกทะลุร่าง

เวนเชสเลาส์เสียชีวิตในวันที่ ๒๘ กันยายน ปี ๙๓๕ จักรพรรดิอ็อตโตตอบโต้การเสียชีวิตของเวนเชสเลาส์
ด้วยการบุกโจมตีโบฮีเมียและทำสงครามรบสู้กับโบเลสเลาส์เป็นเวลาหลายปี พระองค์พิชิตดินแดนนี้
ได้ในที่สุด และบังคับให้โบเลสเลาส์ยกเลิกมาตรการต่อต้านคาทอลิกที่เขาและมารดาบังคับใช้

ไม่มีหลักฐานว่าดราโกเมอร์ซึ่งเสียชีวิตไม่นานหลังการสังหารเวนเชสเลาส์มีความสำนึกเสียใจหรือไม่
แต่โบเลสเลาส์สำนึกในบาปของตนเมื่อพบเจออัศจรรย์ที่หลุมฝังศพของพี่ชายเขา เขาย้ายร่างของ
เวนเชสเลาส์ไปที่อาสนวิหารเพื่อให้ผู้มีความเชื่อได้เคารพสักการะ

Cr : Sinapis
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 5937
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

พฤหัสฯ. ก.ย. 29, 2022 4:18 pm

ฉลองนักบุญ วันที่ ๒๙ กันยายน
อัครเทวดามีคาแอล กาเบรียล และราฟาแอล
Sts. Michael, Gabriel, Raphael, Archangels

มีคาแอล กาเบรียล และราฟาแอล เป็นทูตสวรรค์ที่มีชื่อกล่าวถึงในพระคัมภีร์ แต่ละท่านมี
บทบาทสำคัญในประวัติศาสตร์ความรอด

มีคาแอลเป็น "เจ้าชายแห่งกองทัพสวรรค์" เป็นผู้นำของปวงเทวดา ชื่อของท่านเป็นภาษาฮีบรู
หมายถึง "ใครเล่าจะเสมอเหมือนพระเจ้า?" และเป็นเสียงร้องยามทำสงครามของเทวดาฝ่ายดี
ที่สู้รบกับลูซีแฟร์และสมุนที่เป็นขบถต่อพระเจ้า ท่านถูกกล่าวถึง ๔ ครั้งในพระคัมภีร์คือในหนังสือ
ดาเนียล บทที่ ๑๐ และ ๑๒ ในจดหมายของยากอบและหนังสือวิวรณ์

กองกำลังทูตสวรรค์ของมีคาแอลกวาดไล่ลูซีแฟร์และจิตชั่วร้ายลงสู่นรก ดังนั้น จึงมีธรรมเนียม
เอ่ยนามท่านเพื่อปกป้องภัยจากซาตานและความชั่วทั้งหลาย ในปี ๑๘๙๙ พระสันตะปาปาลีโอ ที่ ๑๓
เห็นนิมิตของความชั่วร้ายที่จะรุกรานพระศาสนจักรและโลกในศตวรรษที่ ๒๐ จึงทรงกำหนดให้มีบทสวดขอ
การพิทักษ์คุ้มครองจากนักบุญมีคาแอลในตอนท้ายมิสซา

ธรรมประเพณีของคริสตชนยึดถือบทบาท ๔ ประการของนักบุญมีคาแอลคือ
๑. ต่อสู้กับซาตาน
๒. ช่วยเหลือผู้มีความเชื่อจากอำนาจของศัตรูโดยเฉพาะในเวลาใกล้ตาย
๓. เป็นผู้นำของประชากรพระเจ้า
๔. นำวิญญาณมนุษย์ไปรับการพิพากษา

“ข้าพเจ้าคือกาเบรียลผู้ยืนอยู่เบื้องเฉพาะพระพักตร์พระเจ้า” (ลก ๑:๑๙)

นักบุญกาเบรียล ซึ่งชื่อของท่านหมายถึง "พลังของพระเจ้า" ถูกกล่าวถึง ๔ ครั้งในพระคัมภีร์
เหตุการณ์สำคัญ ๒ ครั้งที่กล่าวถึงท่านในพระวรสารคือการประกาศถึงการถือกำเนิดของ
ยอห์น บัปติสต์ แก่บิดาของเขา เศคาริยาห์ และการที่พระวจนาตถ์จะทรงรับเอากายอยู่
ในครรภ์ของพระนางมารีย์

ธรรมประเพณีคริสตชนถือว่าท่านปรากฏต่อหน้านักบุญโยเซฟและพวกคนเลี้ยงแกะและช่วย
"เป็นกำลัง" ให้พระเยซูช่วงเวลาที่พระองค์ทุกข์ใจในสวนเกธเสมนี

"เราคือราฟาแอล หนึ่งในเจ็ดทูตสวรรค์ที่อยู่เบื้องพระพักตร์พระเจ้า" (ทบ ๑๒, ๑๕)

ราฟาแอล หมายถึง "พระเจ้าทรงบำบัดรักษา" ท่านถูกพระเจ้าส่งมาให้ช่วยรักษาอาการ
ตาบอดของโทบิยาห์ในหนังสือโทบิต โทบิตเป็นหนังสือเล่มเดียวที่กล่าวถึงท่าน หน้าที่ของท่าน
คือการเยียวยารักษาและแสดงภารกิจแห่งความเมตตา

ธรรมประเพณียังถือว่าราฟาแอลเป็นผู้ที่ลงมายังสระน้ำและช่วยรักษาบุคคลแรกที่ลงถึงสระ
หลังน้ำกระเพื่อม ตามคำเล่าในเหตุการณ์พระวรสารนักบุญยอห์น (ยน ๕:๑-๔)

Cr : Sinapis
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 5937
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

พุธ ก.ย. 06, 2023 10:52 pm

:s002: :s002: :s002:
ตอบกลับโพส