รวมเรื่องสั้น คติสอนใจ ( ชุดที่1 )

ใครมาใหม่เชิญทางนี้ก่อน ทักทาย ทดลองโพส
ตอบกลับโพส
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 5937
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

พฤหัสฯ. ก.ย. 22, 2022 8:33 pm

( 1 )

(เรื่องสั้น)
"การให้ความช่วยเหลือผู้อื่น"
เค้าเรื่องจาก https://www.moralstories.org/ เรื่อง “Helping Others”
โดย กอบกิจ ครุวรรณ

กาลครั้งหนึ่ง มีหนุ่มคนหนึ่งเป็นคนมีน้ำใจดีแต่ยากไร้ วันหนึ่งขณะที่เขากำลังแบก
ไม้มัดใหญ่เดินผ่านป่า เขาพบชายชราคนหนึ่งหิวโซอยู่ เขาอยากให้อาหารชายชรา
คนนั้นมาก แต่ตัวเขาเองก็ไม่มีอาหารเช่นกัน เขาจึงเดินต่อไป ระหว่างทางเขาก็เห็น
กวางตัวหนึ่งกระหายน้ำมาก เขาอยากจะให้น้ำกับมัน แต่ตัวเขาเองก็ไม่มีน้ำดื่มเช่นกัน
เขาจึงจำต้องเดินทางต่อไปโดยไม่ได้ให้ความช่วยเหลือใด ๆ

หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็พบชายคนหนึ่งที่ต้องการจะใช้ไม้ต่อเติมสร้างที่พักแรม แต่ชาย
คนนั้นไม่มีไม้อีกแล้วเพื่อใช้สร้างเพิงส่วนที่เหลือซึ่งเป็นส่วนที่สำคัญ เมื่อทราบปัญหาของ
เขาแล้ว หนุ่มน้อยก็ได้มอบไม้ที่แบกอยู่ให้ ขณะเดียวกันชายคนนั้นก็ได้ให้อาหารและน้ำ
แก่เขาเป็นการแลกเปลี่ยน เมื่อได้รับอาหารและน้ำแล้ว เขาก็เดินย้อนกลับไปให้น้ำแก่กวาง
และให้อาหารแก่ชายชราตามลำดับ ทำให้กวางและชายชรามีความสุขมาก หลังจากนั้นเขา
ก็เดินกลับบ้านอย่างมีความสุข

สองวันต่อมา หนุ่มคนนี้เกิดเดินพลัดตกเนินเขาในป่าที่เขาเคยพบกวางและชายชรา เขารู้สึก
เจ็บปวดมากและขยับตัวไม่ได้ อย่างไรก็ตาม ชายชราที่เขาเคยช่วยมาก่อนได้ยินเสียงร้องขอ
ความช่วยเหลือ เมื่อเห็นเขานอนเจ็บอยู่ก็รีบเข้ามาช่วยพยุงตัวและช่วยจนเขาปีนกลับขึ้นไป
บนเนินอีกครั้งหนึ่งโดยที่ยังมีบาดแผลที่ขาอยู่ไม่น้อย ครู่ต่อมา กวางที่เขาเคยให้น้ำผ่านมาพอดี
เห็นบาดแผลของเขาก็รีบไปหาสมุนไพรมาช่วยรักษาแผลให้ และไม่นานต่อมา เขาก็หายเป็นปรกติ

ทั้งสามดีใจมากเพราะต่างก็ได้รับโอกาสให้ความช่วยเหลือซึ่งกันและกัน

***************************
จบบริบูรณ์
แก้ไขล่าสุดโดย rosa-lee เมื่อ จันทร์ พ.ค. 01, 2023 9:43 pm, แก้ไขไปแล้ว 2 ครั้ง.
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 5937
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

พฤหัสฯ. ก.ย. 22, 2022 8:37 pm

( 2 )

(เรื่องสั้น)
"ดัดนิสัยลาเกียจคร้าน"
เค้าเรื่องจาก https://www.moralstories.org/ เรื่อง “Lazy Donkey”
โดย กอบกิจ ครุวรรณ

โบล่าเป็นคนใจดีและเป็นเจ้าของลาตัวหนึ่ง มันเป็นลาเกียจคร้านและมักจะหาวิธีเลี่ยงงาน
อยู่เสมอ ครั้งหนึ่ง ขณะกลับจากตลาด โบล่าจูงลาเดินกลับบ้าน โดยให้ลาบรรทุกกระสอบ
เกลือผูกติดอยู่บนหลัง ระหว่างทาง ทั้งสองต้องเดินข้ามลำธารเล็ก ๆ สายหนึ่ง แต่ขณะที่
กำลังเดินลุยน้ำข้ามลำธารอยู่นั้น ขาของลาเกิดลื่นสะดุดล้มลงในสายน้ำ กระสอบเกลือจึง
เปียกโชกไปทั่ว และเมื่อตั้งหลักเดินต่อไปได้ ลาก็เข้าใจทันทีว่า น้ำหนักที่บรรทุกอยู่บนหลัง
ของมันเบาลงไปมาก

2-3 วันต่อมา ขณะที่ทั้งสองเดินข้ามลำธารเดิม ลาที่ได้เรียนรู้เทคนิคแล้วก็จงใจใช้วิธีการ
ล้มตัวลงในลำธารอีก ครั้งนี้โบล่าไม่พอใจกับพฤติกรรมของมันเป็นอย่างมาก เพราะทราบ
ดีว่าลาจงใจล้มตัวลงในลำธารและทำให้เขาสูญเงินในการขายเกลือไปไม่น้อยถึงสองครั้ง
เขาจึงตัดสินใจจะให้บทเรียนกับลาในครั้งต่อไป

วันรุ่งขึ้นแทนที่เขาจะให้ลาบรรทุกถุงเกลือ เขาให้มันบรรทุกถุงผ้าฝ้ายที่หนักพอ ๆ
กับถุงเกลือแทน ลาไม่ได้ตระหนักถึงการเปลี่ยนแปลงนี้เพราะบนหลังของมันยังคง
มีน้ำหนักเหมือนเดิม และดังนั้น

ขณะข้ามลำธาร เมื่อมันล้มตัวลงในลำธารอีกครั้งหนึ่ง ทำให้ผ้าฝ้ายในถุงดูดซับน้ำไว้
อยู่ไม่น้อย มันรู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างมากเมื่อมันพยายามลุกขึ้นและพบว่าไม่สามารถ
ขยับตัวได้เลย โบล่าจึงให้บทเรียนกับมันด้วยการปล่อยให้มันอยู่ในสภาพกึ่งจมน้ำ
อยู่ครู่ใหญ่ ก่อนจะออกแรงช่วยให้มันขยับตัวจนยืนได้และข้ามลำธารกลับไปด้วยกัน

***************************
จบบริบูรณ์
แก้ไขล่าสุดโดย rosa-lee เมื่อ เสาร์ ม.ค. 07, 2023 8:54 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 5937
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

พฤหัสฯ. ก.ย. 22, 2022 8:40 pm

( 3 )

(เรื่องสั้น)
"ลิงกับเเมว" เค้าเรื่องจาก https://www.moralstories.org/
เรื่อง “The Monkey and Cats” โดย กอบกิจ ครุวรรณ

หลังงานเลี้ยงใหญ่งานหนึ่ง มีแมว 2 ตัวจ้องไปที่เค้กขนาดใหญ่ก้อนหนึ่งบนโต๊ะที่ไม่มีคนเฝ้า
ทันใดนั้น แมวตัวหนึ่งก็กระโดดไปคว้าเค้กก้อนนั้นไว้ ขณะที่อีกตัวหนึ่งก็กระโดดตามมาติด ๆ
และอ้างว่า “เค้กเป็นของฉัน ฉันเห็นก่อน” แต่แมวตัวแรกไม่ยอมให้พร้อมกับพูดว่า
“ไปให้พ้น ฉันคว้าได้ก่อน เค้กก็ต้องเป็นของฉัน”

หลังจากโต้เถียงกันครู่ใหญ่ ที่สุดแมวทั้งสองเปลี่ยนเป็นเริ่มใช้กำลังต่อสู้กัน ครู่ต่อมา
มีลิงตัวหนึ่งผ่านมาเห็นการต่อสู้ของทั้งสองจึงพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ดังว่า “หยุดต่อสู้กันได้แล้ว
พวกแกนี่เป็นแมวโง่จริง ให้ลิงอย่างฉันช่วยสิ ฉันรับประกันจะแบ่งเค้กให้เธอทั้งสองอย่าง
ยุติธรรมโดยไม่ลำเอียง”

แมวจึงหยุดต่อสู้กันและส่งก้อนเค้กให้ลิง หลังจากลิงพิจารณาดูก้อนเค้กอยู่ครู่หนึ่ง มันก็เริ่ม
แบ่งก้อนเค้กออกเป็นสองส่วน เสร็จแล้วลิงก็พิจารณาดูเค้กทีละก้อนอย่างถี่ถ้วนและส่ายหัว
พลางพูดว่า “โอ้! ก้อนนี้ใหญ่กว่าอีกก้อนหนึ่งตรงนี้” แล้วมันก็ใช้ปากกัดส่วนที่ใหญ่กว่าไป
จนเต็มปาก หลังจากนั้นก็เริ่มพิจารณาเค้กทั้งสองอีกครั้งหนึ่ง และพบว่าเค้กทั้งสองก้อนก็
ยังคงไม่เท่ากันอีก มันจึงใช้ปากจัดการกับก้อนที่ใหญ่กว่าเช่นครั้งก่อน และทำเช่นนั้นในครั้ง
ต่อ ๆ มาเพราะไม่เคยมีครั้งใดเลยที่เค้กทั้งสองก้อนมีขนาดเท่ากัน ดังนั้น ไม่นานเค้กทั้งสองก้อน
ก็ถูกลิงแปรสภาพไปอยู่ในท้องของมันจนไม่เหลือซาก แล้วมันก็เดินพุงกางจากไปพร้อมกับพูดว่า
“รู้หรือยังล่ะ พวกแกเป็นแมวโง่จริง ๆ”

***************************
จบบริบูรณ์
แก้ไขล่าสุดโดย rosa-lee เมื่อ เสาร์ ม.ค. 07, 2023 8:55 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 5937
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

พฤหัสฯ. ก.ย. 22, 2022 8:44 pm

( 4 )

(เรื่องสั้น)
"สามัคคีคือพลัง"
เค้าเรื่องจาก https://www.moralstories.org/ เรื่อง “Unity is Strength”
โดย กอบกิจ ครุวรรณ

กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีนกเขาฝูงหนึ่งบินไปหาอาหารทุกวันโดยมีจ่าฝูงเป็นผู้นำ
วันหนึ่งพวกมันบินไปไกลและเหนื่อยมากแต่ก็ยังไม่พบอาหาร จ่าฝูงขอให้พวกมันอดทน
บินต่อไปจนกว่าจะหมดแรง โชคดีที่ไม่นานต่อมา มีนกเขาในฝูงตัวหนึ่งเร่งความเร็วบินแซง
จ่าฝูงเพราะมันเห็นข้าวเปลือกตกกระจายอยู่ใต้ต้นไทรด้านที่มันบินอยู่ มันรีบบินลงไปโดยมี
นกเขาทั้งฝูงบินตามลงไปและเริ่มจิกกินข้าวเปลือกอย่างหิวโหย

ทันใดนั้น ก็มีตาข่ายตกลงมาจากไทรต้นนั้น นกเขาทั้งฝูงจึงติดอยู่ในตาข่าย ขณะเดียวกัน
พวกมันก็เห็นนายพรานถือกระบองใหญ่ในมือเดินปรี่ตรงเข้ามา นกเขาต่างกระพือปีกบินขึ้นลง
โดยมีตาข่ายคลุมทับอยู่อย่างสิ้นหวัง อย่างไรก็ตาม จ่าฝูงไม่ได้บินขึ้นลงเช่นนกตัวอื่น มันสงบ
สติครุ่นคิดอย่างรวดเร็วถึงสิ่งที่ควรทำ และโดยไม่รอช้า มันก็สื่อให้นกทุกตัวในฝูงเตรียมพร้อม
ที่จะบินขึ้นอย่างเต็มกำลังพร้อมกันโดยแบกตาข่ายไปด้วย

อึดใจต่อมา ทันทีที่จ่าฝูงส่งสัญญาณ นกเขาทั้งฝูงก็บินขึ้นสูงพร้อมกันโดยพาตาข่ายลอยตาม
ขึ้นไปด้วย นายพรานถึงกับตกตะลึงมองตาค้างกับสิ่งที่เกิดขึ้น เขาเห็นนกทั้งฝูงกระพือปีกขึ้นลง
เป็นจังหวะโดยพร้อมเพรียงกัน พวกมันบินขึ้นไปสูงมากทั้งที่มีตาข่ายทับอยู่ จากนั้นจ่าฝูงก็นำ
พวกมันร่อนลงบนเนินเขาใกล้วัดที่มีหนูตัวหนึ่งเป็นสหายของนกฝูงนี้อาศัยอยู่

หนูรู้สึกประหลาดใจที่เห็นนกทั้งฝูงกลับที่พักโดยมีตาข่ายทับอยู่ นกจ่าฝูงจึงอธิบายให้สหายหนู
เข้าใจว่า พวกมันติดกับดักตาข่ายของนายพรานและต้องการให้มันช่วย สหายหนูซึ่งมีจิตใจงาม
ไม่ทราบว่าจะช่วยได้อย่างไร นกจ่าฝูงจึงบอกให้หนูค่อย ๆ ใช้ฟันที่แหลมคมกัดแทะตัดตาข่ายที
ละช่อง และราว 1 ชั่วโมงต่อมานกเขาทั้งฝูงก็เป็นอิสระอีกครั้งหนึ่ง

***************************
จบบริบูรณ์
แก้ไขล่าสุดโดย rosa-lee เมื่อ เสาร์ ม.ค. 07, 2023 8:56 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 5937
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

พฤหัสฯ. ก.ย. 22, 2022 8:49 pm

( 5 )

(เรื่องสั้น)
"วัฎจักรของความโกรธ"
ถอดความจาก https://www.moralstories.org/
เรื่อง “This was bound to happen” โดย กอบกิจ ครุวรรณ

เช้าวันหนึ่ง ขณะที่นักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จอย่างสูงคนหนึ่งกำลังจะเปิดประตูรถ
ที่จอดอยู่หน้าบ้านเพื่อไปทำงาน มีสุนัขจรจัดตัวหนึ่งนอนอยู่ใต้รถวิ่งออกมากัดขาของเขา!
นักธุรกิจโกรธมาก ก้มตัวลงคว้าก้อนหินขว้างใส่สุนัขตัวนั้น แต่ก้อนหินพลาดเป้าและสุนัข
ก็วิ่งเตลิดหนีไปได้โดยไม่ได้รับบาดเจ็บใด ๆ

เมื่อไปถึงที่ทำงาน นักธุรกิจที่ยังหัวเสียอยู่เพราะถูกสุนัขกัดได้เรียกประชุมผู้จัดการ
แผนกต่าง ๆ ระหว่างการประชุม นักธุรกิจผู้นี้ระบายความโกรธใส่ผู้จัดการแผนกที่เข้า
ร่วมประชุม หลังจากนั้น ผู้จัดการแต่ละแผนกต่างก็ระเบิดอารมณ์ใส่รองผู้จัดการแผนกของตน
และรองผู้จัดการของแต่ละ แผนกขณะประชุมกับพนักงานในรับผิดชอบก็ได้แสดงความกริ้ว
โกรธต่อพนักงานที่อยู่ในระดับ ล่างลงไปเป็นลำดับ นี่คือปฏิกิริยาห่วงโซ่ของการแสดง
อารมณ์เสียที่เริ่มจากผู้มีอำนาจสูงสุดไปจนถึงพนักงานที่อยู่ระดับล่างสุดขององค์กร

หลังเลิกงานเมื่อกลับถึงบ้าน แม้แต่พนักงานบริษัทระดับล่างสุด ขณะที่ภรรยาของเขามาเปิด
ประตูให้และถามเขาว่า “ทำไมวันนี้กลับบ้านช้า” ก็ได้รับคำตอบที่ชวนให้เกิดอารมณ์บูดว่า
“ฉันไม่ได้ไปเล่นฟุตบอลที่ทำงานนะเธอ!” คำตอบที่ไร้เยื่อใยเช่นนี้ทำให้ผู้เป็นภรรยารู้สึก
โกรธขึ้นมาบ้าง และไประบายกับลูกชายที่กำลังดูทีวีหลังจากกลับจากโรงเรียนว่า
“ปิดทีวีเดี๋ยวนี้นะ! ไปอาบน้ำและทำการบ้านได้แล้ว!”

ลูกชายที่กำลังดูรายการโปรดทางทีวีอยู่ รู้สึกโกรธขึ้นมาทันที ปิดทีวีด้วยความอึดอัดใจและ
เดินไปสูดอากาศที่หน้าต่าง พลันก็เหลือบเห็นสุนัขจรจัดตัวหนึ่งกำลังจ้องมองมาที่เขา ลูกชาย
ที่รู้สึกหงุดหงิดอยู่แล้วจึงเดินออกมานอกบ้านและระบายอารมณ์ด้วยการก้มตัวลงคว้าหินก้อน
โตขว้างใส่สุนัชตัวนั้น มันถูกก้อนหินขว้างใส่อย่างจัง กระโจนหนีพลางส่งเสียงร้องด้วย
ความเจ็บปวด และสุนัขที่เจ็บตัวนั้นก็คือตัวที่กัดนักธุรกิจเช้าวันนั้นเอง

***************************
จบบริบูรณ์
แก้ไขล่าสุดโดย rosa-lee เมื่อ เสาร์ ม.ค. 07, 2023 8:56 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 5937
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

เสาร์ ก.ย. 24, 2022 6:10 pm

( 6 )

พ่อแม่ชาวแคนาดาพาลูก 4 คน เดินทางท่องโลก หลังรู้ว่าลูก 3 คน กำลังจะตาบอด!

4 ปีก่อน ลูกสาวคนโตของครอบครัว (ปัจจุบันอายุ 11 ปี) ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรค
จอประสาทตาเสื่อมที่ถ่ายทอดทางพันธุกรรม ที่คนไทยมักเรียกว่า โรคอาร์พี ซึ่งจะทำ
ให้ผู้ป่วยค่อยๆ สูญเสียการมองเห็น

ต่อมาไม่นานลูกคนที่ 3 อายุ 7 ขวบ และคนที่ 4 อายุ 5 ขวบ ก็ถูกตรวจพบว่ามีอาการเดียวกัน
โดยตอนนี้ทั้ง 3 คนเริ่มมีปัญหาการมองเห็นในเวลากลางคืน

หลังจากรู้ว่าการมองเห็นของลูกทั้งสามคน จะค่อยๆ เสื่อมถอยและมืดมิดไปในที่สุด
พวกเขาต้องการให้ลูกๆ เริ่มเรียนรู้อักษรเบรลล์ แต่ความจริงที่ว่าตอนนี้เด็กๆ ยังสามารถ
มองเห็นได้อยู่ ผู้เชี่ยวชาญจึงแนะนำให้เด็กๆ อ่านหนังสือภาพและรับรู้ข้อมูลจากสื่อต่างๆ
ให้ได้มากที่สุด เพื่อเก็บเป็นคลังข้อมูลที่เป็นประโยชน์ในวันที่มองไม่เห็น

แทนที่จะให้ลูกๆ เห็นโลกผ่านสื่อ ครอบครัวนี้ตัดสินใจออกเดินทางรอบโลก เพื่อให้เด็กๆ
“ได้เห็นว่าโลกสวยงามแค่ไหน ฉันอยากให้ในหัวของพวกเขาเต็มไปด้วยทิวทัศน์แสนสวยงาม
เพื่อที่จะจดจำมันไปอีกแสนนาน”

ทริปแห่งความทรงจำของครอบครัวเริ่มขึ้นเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา
(หลังจากเลื่อนมาเกือบ 2 ปีเพราะการระบาดของโควิด) ทั้งหมดออกเดินทางจากเมืองควิเบก
ประเทศแคนาดา และมีกำหนดจะกลับบ้านในเดือนมีนาคมปีหน้า โดยตอนนี้พวกเขากำลัง
เก็บเกี่ยวความทรงจำร่วมกันอยู่ที่เกาะบาหลี ประเทศอินโดนีเซีย

พวกเขาบันทึกการเดินทางครั้งนี้ผ่านเพจเฟซบุ๊ก "Le monde plein leurs yeux" โดยไม่นานมานี้
ขณะเดินทางอยู่ในมองโกเลีย แม่ของเด็กๆ เขียนเล่าว่า ลูกชายคนเล็กของเธอได้ถามคำถามที่ทำ
ให้เธอเจ็บปวด แม้จะเคยผ่านประสบการณ์จากลูกสองคนแรกมาแล้ว

“ตาบอดหมายถึงอะไร?
.
ภายใต้รอยยิ้ม ทุกคนต่างมีความทุกข์เป็นของตัวเอง
นี่อาจเป็นอีกหนึ่งในล้านเหตุผล ว่าทำไมเราถึงควรมีความเห็นอกเห็นใจในเพื่อนมนุษย์

และหากวันนี้เรายังมองเห็น อย่าลืมให้ความสำคัญกับความงดงามรอบตัว
มันคือสิ่งที่มีคุณค่ามากๆ😇
#empathy
.
ข้อมูล
เพจ Le monde plein leurs yeux
แก้ไขล่าสุดโดย rosa-lee เมื่อ เสาร์ ม.ค. 07, 2023 8:57 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 5937
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

พฤหัสฯ. ก.ย. 29, 2022 4:21 pm

( 7 )

มีควายอยู่ตัวหนึ่ง.. เขายาวและสง่างามมาก
วันหนึ่ง.. เขาควายเกิดแทงเข้าไปในตัวของมัน
พอดีมีอีกาตัวหนึ่งบินผ่านมาเลยถามควายว่า...
อีกา : ทำไมถึงไม่ตัด "เขา" ออกละ
ควาย : ไม่เอาไม่ตัดเพราะ "รักเขามาก"
อีกา : แต่ยิ่งรักมาก แกก็ยิ่งเจ็บมากนะ

อยู่มาวันหนึ่งควายคิดถึงคำพูดของอีกา จึงลองทำตามที่อีกาบอก
โดยการตัดเขาออก อีกาบินผ่านมาเห็นอีกเลยถามควายไปอีกว่า

อีกา : เป็นยังไงบ้างหลังจากที่ตัดเขาออกแล้ว
ควาย : ยังไม่ค่อยชินเท่าไรเลย!!
อีกา : แล้วที่ตัดเขาออกแล้ว ยังเจ็บอยู่ไหมละ
ควาย : ไม่เจ็บเท่าตอนที่มีเขาอยู่แล้วละ..
อีกา : เห็นไหมละ ไม่มีเขาเราก็อยู่ได้ ก็แค่ยังไม่ชินเท่านั้นเอง
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า…
“ถ้ามีเขาแล้วมันท มาน ลองตัด เขาออกดูบ้าง...เผื่อมันจะดีขึ้น” #คิดกลับด้าน🍂🍁
แก้ไขล่าสุดโดย rosa-lee เมื่อ เสาร์ ม.ค. 07, 2023 8:57 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 5937
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

พฤหัสฯ. ก.ย. 29, 2022 4:49 pm

( 8 )

อัศจรรย์เช้าวันอาทิตย์
. . . . . .
.
ชายไร้บ้านคนหนึ่งนอนอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ตรงทางเข้าโบสถ์ คุณพ่อวิลสันนั่งลงข้างเขาถามว่า
“จะเข้าร่วมพิธีมิสซากับพ่อไหม นี่เป็นครั้งที่สามของพ่อแล้วสำหรับวันนี้” เขาตอบว่า
“ไม่ล่ะครับ ผมจะอยู่ตรงนี้ ฟังเพลงที่ร้องในโบสถ์ ก็ช่วยเยียวยาผมได้ครับ”
.
คุณพ่อวิลสันแปลกใจ ถามด้วยความเป็นห่วงว่า “มีอะไรที่ต้องรักษาหรือ?” คนไร้บ้านดึงขา
กางเกงขึ้น เผยให้เห็นผิวหนังบนขาของเขาที่เป็นรอยแตกน่ากลัว ราวกับโดนลมและ
ความหนาวเหน็บโบยกระหน่ำมานาน...
.
“ผมชื่อสเทเฟน เหมือนกับสเทเฟนในพระคัมภีร์ไบเบิล ที่ถูกหินขว้างน่ะครับ” เขาเอ่ยชื่อตัวเอง
ด้วยรอยยิ้ม “บางครั้งตอนอากาศเย็นมาก ๆ ผิวของผมก็รู้สึกเหมือนกำลังถูกขว้างด้วยก้อนหิน
เลยทีเดียว” สเทเฟนพูดพลางหัวเราะ ทั้ง ๆ ที่กำลังพูดถึงความเจ็บปวด - - เขาไม่มีเงินมากพอที่
จะหาหมอโรคผิวหนัง มีเพียงยาที่เหลือเพียงก้นขวดเท่านั้น เขาล้วงออกมาจากเป้สะพายหลังเก่า ๆ
ของเขาโชว์ให้ดู “ยาตัวนี้ช่วยได้ แต่ก็แพงมาก”
.
คุณพ่อวิลสันจึงมอบเงินให้สเทเฟนเก็บไว้ซื้อยา แล้วพวกเขาก็สวดภาวนาร่วมกัน...
.
ไม่กี่นาทีต่อมา เจ้าหน้าที่ตำรวจนายหนึ่งได้เดินเข้ามาในโบสถ์ ตรงไปหาสเทเฟน เขารีบลุกขึ้นมานั่ง
ตัวตรง เตรียมพร้อมที่จะพบกับความยุ่งยาก คุณพ่อวิลสันเองก็ขยับตัวเพื่อบอกเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า
ชายคนนี้ไม่เป็นอันตราย ตำรวจเดินมาหยุดยืนที่หน้าสเทเฟน แล้วยื่นแจ็กเก็ตตัวใหม่เอี่ยมที่เพิ่งซื้อมา
ให้กับเขา “ทำตัวให้อบอุ่นไว้นะ”
.
สเทเฟนยิ้มเจิดจ้า กล่าวขอบคุณเจ้าหน้าที่ตำรวจนายนั้นไม่หยุดปาก แล้วรีบถอดเสื้อตัวเก่าที่ขาด
และสกปรกออก ใส่ตัวใหม่แทนทันที
.
คุณพ่อวิลสัน เดินเข้าโบสถ์เพื่อเตรียมตัวประกอบพิธีมิสซา เขาคิดในใจว่าคงไม่ต้องสวดอ้อนวอน
ขอการอัศจรรย์ปาฏิหาริย์ใดอีก - - เพราะ “...ฉันได้เห็นแล้วในวันนี้”
. . . . .
.
บทอ่านประจำวันอาทิตย์นี้ (25 กันยายน 2022) มาจากพระวรสารตามคำบอกเล่าของนักบุญลูกา
(ลก 16:19-31) พระเยซูเจ้าตรัสกับชาวฟาริสี เล่าเรื่องเศรษฐีผู้หนึ่ง แต่งกายหรูหราด้วยเสื้อผ้า
เนื้อดีราคาแพง จัดงานเลี้ยงใหญ่ทุกวัน คนยากจนผู้หนึ่งชื่อลาซารัส นอนอยู่ที่ประตูบ้านของ
เศรษฐีผู้นั้น เขามีบาดแผลเต็มตัว อยากจะกินเศษอาหารที่ตกจากโต๊ะของเศรษฐี แต่ไม่เคย
ได้รับความเอื้อเฟื้อนั้น...
.
วันหนึ่ง ลาซารัส-คนยากจนผู้นี้ตาย ขึ้นไปอยู่กับทูตสวรรค์ ส่วนเศรษฐีคนนั้นตายไป ถูกทรมาน
อยู่ในเปลวไฟ เมื่อเขามองเห็นลาซารัส ก็ตะโกนบอกทูตสวรรค์สั่งลาซารัส ใช้ปลายนิ้วไปจุ่มน้ำ
มาแตะลิ้นเขาซึ่งกำลังร้อนเร่าเพราะโดนแผดเผาอยู่ในไฟนิรันดร์ แต่เมื่อถูกปฏิเสธว่าเป็นไปไม่ได้
เพราะอยู่คนละแดน ไม่สามารถข้ามไปมา เศรษฐีจึงขออีกว่า ให้ส่งลาซารัสไปยังบ้านของเขา
เตือนพี่น้องอีกห้าคนว่าอย่ามายังสถานที่ทรมานแห่งนี้เลย... เศรษฐีคิดว่า ถ้าเป็นผู้ตายไปบอก
พวกเขาจะ 'เชื่อ' และ 'กลับใจ'
.
ทูตสวรรค์ตอบว่า มีคำสอนอยู่แล้ว ก็จงเชื่อฟัง ถ้าไม่เชื่อฟังคำสอนเหล่านั้น แม้ใครที่กลับคืนชีวิต
จากบรรดาผู้ตายไปเตือน เขาก็จะไม่เชื่อ!
.
เรื่องนี้มีนัยที่ซ่อนและสอนหลายประเด็น แต่ที่เห็นชัดและง่ายต่อการเข้าใจที่สุด ก็คือ การเน้นให้เรา
เห็นถึงลักษณะของผู้ไม่เชื่อ ซึ่งเมื่อตายไปก็จะอยู่อย่างทรมานในแดนตรงข้ามกับสวรรค์ - -
.
‘เศรษฐี’ ในที่นี้ ไม่ได้หมายถึงเศรษฐีร้อยล้านพันล้าน หากเป็นเพียงสัญลักษณ์หนึ่งของผู้ที่มองเห็น
แต่คุณค่าของวัตถุ ทรัพย์สิน จนเกิดการสะสม, มี แต่ไม่ยอมแบ่งปัน - - ‘เศรษฐี’ จึงหมายถึงใครก็ได้
คนทั่วไปอย่างเราที่ไม่ต้องร่ำรวย แต่หากมีใจโลภ หวงแหน ไม่ช่วยเหลือผู้อื่นที่ยากลำบากกว่า
ทั้งที่อยู่ในฐานะที่ช่วยได้ ก็ถือว่า เป็นผู้ไม่เชื่อต่อคำสอน จะมีจุดจบเช่นเดียวกับ‘เศรษฐี’นั่นเอง!
.
อีกลักษณะของผู้ไม่เชื่อที่เราเห็นจาก ‘เศรษฐี’ ในเรื่องนี้ก็คือ ไม่สำนึกรู้สึกตัว - - หากเรากลับใจ
สำนึกในผิดบาป ขณะยังอยู่บนโลกนี้ พระเจ้าก็อาจจะให้อภัย แต่เมื่อตกไปสู่แดนคนตายแล้ว เมื่อนั้น
ก็ถึงวาระสิ้นสุดของการกลับใจ - - ‘เศรษฐี’แม้จะตายไปแล้ว อยู่ในแดนที่ถูกลงโทษ กลับไม่รู้สึกตัวสำนึก
ยังติดอยู่ในศักดิ์ศรีฐานะ ใช้ลาซารัสซึ่งคิดว่าเป็นผู้ต่ำต้อยกว่าตน ไปจุ่มน้ำมาแตะลิ้น หรือให้ไปบ้าน
เตือนพี่น้องของตัวเอง...
.
ในโลกปัจจุบัน เรามีคนแบบ‘เศรษฐี’ มากมาย และบางครั้ง เราก็เผลอเป็นเสียเอง... ยิ่งโดยเฉพาะเมื่อมี
ตำแหน่งหน้าที่ทางสังคมที่สูงส่งกว่าคนอื่น เราก็หลงอยู่ในวังวนแห่งศักดิ์ศรีนั้นอย่างง่ายดาย ยึดติด
สะสม และไม่แบ่งปัน...
.
หากเรากำลังเดินตามรอย‘เศรษฐี’ - - จงกลับใจ! จดจำแบบอย่างของคุณพ่อวิลสันที่ไม่หลงลืมหน้าที่
ของตัวเอง ช่วยเหลือและยอมให้คนไร้บ้านได้พักพิง, นายตำรวจที่ไม่ระเริงในอำนาจ
มอบเสื้อแจ็กเก็ตตัวใหม่เอี่ยมให้กับคนไร้บ้านได้อบอุ่น
.
พวกเขาสร้างอัศจรรย์เช้าวันอาทิตย์ด้วยความเชื่อ โดยไม่ต้องรอให้คนตายกลับมาเตือน!
.
ปะการัง
.
[ สุขสันต์วันพระเจ้า ]

.
ฝากติดตามเพจ
https://www.facebook.com/pakarangWriter/
แก้ไขล่าสุดโดย rosa-lee เมื่อ เสาร์ ม.ค. 07, 2023 8:58 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 5937
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

เสาร์ ต.ค. 08, 2022 10:04 pm

( 9 )

(+)เรื่องสั้น
ความสุขของคนจน
ถอดความจาก https://www.moralstories.org/ เรื่อง “The Poor Man’s Wealth”
โดย กอบกิจ ครุวรรณ

รามจันและเปรมจันเป็นเพื่อนบ้านกัน รามจันค่อนข้างยากจน เขามีอาชีพเป็นชาวนา
ส่วนเปรมจันเป็นเศรษฐีเจ้าที่ดินให้เช่ามากมาย อย่างไรก็ตาม แม้รามจันจะมีเงินไม่มาก
เขาใช้ชีวิตที่เรียบง่าย ไม่รีบเร่งและมีความสุข กลางคืนเขาไม่เคยพะวงเรื่องปิดประตูหน้า
ต่างบ้านเลย และก็นอนหลับสนิททุกคืน
เปรมจันเป็นคนเครียด ทุกคืนก่อนเข้านอน เขาจะตรวจตราปิดประตูหน้าต่างบ้านทุกบาน
กระนั้นก็ดี เขาแทบไม่เคยนอนหลับอย่างเต็มอิ่มเลย เขากังวลอยู่เสมอว่าจะมีคนมาเปิดตู้เซฟ
และขโมยเงินทองของเขาไป และดังนั้น เขาจึงอิจฉาที่เห็นรามจันไม่เคยเดือดเนื้อร้อนใจและมี
ใบหน้าที่ยิ้มแย้มแจ่มใสอยู่เสมอ

อยู่มาวันหนึ่ง เปรมจันไปหารามจันที่บ้าน มอบเงินสดให้จำนวนหนึ่งและบอกว่า
“เพื่อนรัก ฉันมีทรัพย์สมบัติมากมาย แต่เห็นเพื่อนยังยากจนอยู่ ฉันจึงอยากจะมอบเงินในถุงนี้ให้
เพื่อนรับเงินนี้ไว้เถอะจะได้ใช้ชีวิตได้ตามสบายไม่ต้องห่วงหน้าพะวงหลังอีกต่อไป”

รามจันรับถุงเงินไว้ด้วยความยินดีและมีความสุขอยู่ตลอดทั้งวัน คืนวันนั้น รามจันเข้านอนตามปกติ
แต่นอนไม่หลับ ตอนดึกเขารู้สึกเป็นกังวลกับเงินในถุงมาก จนต้องลุกขึ้นไปปิดประตูหน้าต่างบ้าน
ทุกบาน แต่ก็ยังนอนไม่หลับอยู่ดี จิตใจยังคงเป็นกังวลถึงถุงเงินที่วางอยู่ข้างตัว สรุปคือตลอดคืนนั้น
เขานอนไม่หลับและไม่มีความสุขเลย

เช้าวันรุ่งขึ้น รามจันรีบนำถุงเงินไปคืนเปรมจัน กล่าวว่า “เพื่อนรัก ฉันยากจนมีเงินไม่มากก็จริง
แต่เงินที่เพื่อนให้มานี้ แย่งเอาความสุขที่ฉันเคยมีไปหมด เมื่อคืนฉันนอนไม่หลับเลยเพราะเป็นกังวลว่า
จะมีโจรมาปล้นเอาเงินไป กรุณารับเงินคืนไปด้วยครับ”

***************************
แก้ไขล่าสุดโดย rosa-lee เมื่อ เสาร์ ม.ค. 07, 2023 8:58 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 5937
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

พุธ ต.ค. 12, 2022 5:44 pm

( 10 )

(+)เรื่องสั้น
การตรวจสอบผลงานของเด็กหนุ่ม
ถอดความจาก https://www.moralstories.org/ เรื่อง “Boy’s Job Appraisal”
โดย กอบกิจ ครุวรรณ

หลายปีมาแล้ว เด็กหนุ่มคนหนึ่งเดินเข้าไปในร้านขายของชำและขออนุญาตใช้โทรศัพท์
ของเจ้าของร้านซึ่งเป็นโทรศัพท์รุ่นเก่าที่ต้องใช้มือหมุนหมายเลขและตั้งอยู่ใกล้เจ้าของร้าน
ดังนั้นเจ้าของร้านจึงได้ยินการสนทนาของเด็กหนุ่มกับคู่สนทนาดังนี้

เด็กหนุ่ม: 'คุณป้าครับ กรุณาให้ผมทำงานตัดหญ้าที่สนามหน้าบ้านนะครับ?
ผู้หญิง: (ปลายสาย): 'ป้ามีคนตัดหญ้าที่สนามหน้าบ้านเสร็จเรียบร้อยแล้วค่ะ'
เด็กหนุ่ม: 'คุณป้าครับ คราวหน้ากรุณาจ้างผมเป็นคนตัดนะครับ ผมคิดค่าตัดเพียงครึ่งเดียว
ของคนที่ตัดให้คุณป้านะครับ'
ผู้หญิง: ฉันพอใจมากกับผลงานของคนที่เพิ่งตัดหญ้าให้นะคะหนู
เด็กหนุ่ม: (แสดงสีหน้าที่มุ่งมั่นจริงจังมากขึ้น): 'คุณป้าครับ ผมจะกวาดสนามหญ้ารวมทั้งขอบถนน
และทางเท้าของป้าให้สะอาดเอี่ยมด้วยนะครับ แล้วคุณป้าก็จะมีสนามหญ้าที่สวยที่สุด
ในเขตปาล์มบีชเลยนะครับ'
ผู้หญิง: ไม่หรอกจ้ะ ขอบคุณมากนะหนู

เด็กน้อยยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ขณะวางที่ตอบรับโทรศัพท์กลับไว้ที่เดิม ขณะเดียวกัน เจ้าของร้านฯ
ที่ได้ยินการสนทนาทั้งหมดก็เดินไปพูดกับเด็กหนุ่ม
เจ้าของร้าน: 'พ่อหนุ่มน้อย... ฉันชอบวิธีการทำงานและความมีน้ำใจของเธอ ก็เลยอยากจะเสนองาน
ให้เธอทำ ตกลงไหม?'
เด็กหนุ่ม: 'ไม่ล่ะครับ ขอบคุณมาก'
เจ้าของร้าน: แต่เมื่อกี้ฉันได้ยินเธออยากได้งานทำมากเลยไม่ใช่หรือจ๊ะ
เด็กหนุ่ม: ไม่ใช่หรอกครับ ผมมีงานตัดหญ้าอีกที่หนึ่งแล้วครับ แต่ที่ผมขอใช้โทรศัพท์ที่นี่ก็เพราะ
ผมอยากทราบผลงานที่ผมเพิ่งทำเสร็จไปแล้วเท่านั้น ความจริงผมเป็นคนตัดหญ้าที่สนามหน้าบ้าน
ของคุณป้าเองแหละครับ!'

***************************
แก้ไขล่าสุดโดย rosa-lee เมื่อ เสาร์ ม.ค. 07, 2023 8:59 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 5937
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

พุธ ต.ค. 12, 2022 5:46 pm

( 11 )

(+)เรื่องสั้น
คนสามประเภท
ถอดความจาก https://www.moralstories.org/ เรื่อง “The Three Types of People”
โดย กอบกิจ ครุวรรณ

ครูคนหนึ่งหยิบตุ๊กตา 3 ตัวขึ้นมาจากกระเป๋าถือและส่งให้นักเรียนคนหนึ่งพร้อมกับบอก
ให้เขาตรวจหาว่าตุ๊กตาแต่ละตัวมีอะไรที่แตกต่างกัน เพราะถ้าดูเผิน ๆ ตุ๊กตาทั้ง 3 ตัวมีรูปร่าง
ขนาด และใช้วัสดุทำเหมือนกัน
หลังจากนักเรียนคนนั้นพิจารณาดูตุ๊กตาแต่ละตัวอย่างละเอียดก็พบว่า ตุ๊กตาตัวแรกมีรูเล็ก ๆ
อยู่ที่หูทั้งสองข้าง, ตัวที่ 2 มีรูที่หูและที่ปาก, และตัวที่ 3 มีรูที่หูข้างเดียว
หลังจากนั้น นักเรียนก็ขอให้ครูจัดเข็มมาให้ 1 เล่ม และเมื่อได้เข็มมาแล้ว เขาก็สอดเข็มเข้าไป
ในรูหูของตุ๊กตาตัวที่ 1 และเมื่อเอียงตุ๊กตาขึ้น เข็มก็จะลอดไปโผล่ออกที่หูอีกข้างหนึ่งได้, ตุ๊กตา
ตัวที่ 2 เมื่อสอดเข็มเข้าไปแล้วเข็มก็จะไปโผล่ออกทางปากได้, ส่วนตุ๊กตาตัวที่ 3 สอดเข็มเข้าไปได้
แต่ไม่ทะลุออกไปที่อื่น
เมื่อนักเรียนแก้ปัญหาได้แล้ว ก็รู้สึกงงกับข้อแตกต่างของตุ๊กตาทั้งสาม จึงขอให้ครูช่วยให้ความกระจ่าง
ในเรื่องนี้ ครูจึงอธิบายว่า

ตุ๊กตาตัวแรก หมายถึงคนที่ทำเป็นตั้งใจฟังเราพูดด้วยความรักและห่วงใย ทั้งที่จริง เป็นคนเสแสร้ง
ไม่จริงใจ และเมื่อเดินจากเราไปแล้ว “เข็มก็ออกมาจากหูอีกข้างหนึ่ง” คือเป็นคนที่ไม่ได้ใส่ใจใด ๆ
อย่างแท้จริงกับสิ่งที่เราพูดเลย พึงระวังให้ดีเมื่อคบกับคนประเภทนี้

ตุ๊กตาตัวที่สองหมายถึงคนที่ฟังเราพูดทุกเรื่อง และขณะที่ฟังก็ทำเหมือนกับว่า เป็นคนที่รักและห่วงใย
เราเช่นกัน แต่แล้ว “เข็มจะหลุดออกมาทางปาก” ผู้นั้นก็จะนำสิ่งที่ได้ยินโดยเฉพาะสิ่งที่เป็นความลับไป
นินทาให้คนอื่นฟัง หรือหาประโยชน์ส่วนตัวจากความลับของเรา

ส่วนตุ๊กตาตัวที่สาม เข็มไม่ทะลุออกไปที่อื่น หมายถึงคนฟังที่รู้จักเก็บความลับ เป็นคนซื่อสัตย์และไว้ใจได้
และนี่คือคนที่เราควรคบไว้เป็นเพื่อนแท้

**************************
แก้ไขล่าสุดโดย rosa-lee เมื่อ เสาร์ ม.ค. 07, 2023 8:59 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 5937
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

พุธ ต.ค. 12, 2022 5:49 pm

( 12 )

เด็กชายรูดี้ชอบเดินเล่น คุณแม่จึงพาเขาไปเดินที่ชายหาด แต่เขาไม่ชอบเดินกลับทางเดิม
ทว่าบางครั้งก็เลี่ยงไม่ได้ อย่างเช่นครั้งนี้ ซึ่งนั่นจะทำให้เขาเริ่มหงุดหงิด ฉุนเฉียวและสูญเสียการ
ควบคุมตัวเอง
เขาจะร้องเสียงดังลั่น จนรบกวนคนอื่นในบริเวณนั้น และบ่อยครั้งที่คนจะมองมาอย่างไม่ชอบใจนัก
พร้อมส่งสายตาเชิงตำหนิผู้เป็นแม่ว่าเลี้ยงลูกอย่างไรถึงดื้ออย่างนี้ หรือทำไมปล่อยให้ลูกส่งเสียง
รบกวนคนอื่น...
.
ปกติเธอจะรับมือได้ แต่บางทีก็เกินจะรับไหว - - อย่างเช่น ครั้งนี้ที่ถนนริมหาด รูดี้เริ่มแผลงฤทธิ์ลงไป
นอนบนพื้น ชายแปลกหน้าที่กำลังวิ่งออกกำลังกายผ่านมาพอดี เขาเห็นคุณแม่กำลังหมดหนทาง
เหนื่อยล้า ทำอะไรไม่ถูก ดูเหมือนเขาจะเข้าใจเหตุการณ์ พยายามยื่นมือเข้ามาช่วย
.
เขาถามอย่างเป็นมิตรว่า เด็กชายชื่ออะไรครับ? เธอตอบว่า “รูดี้ แต่เขาคงไม่เข้าใจสิ่งที่คุณพูดหรอกค่ะ
เขาเป็นโรคออทิสติก”
.
ออทิสติกเป็นโรคที่เกิดจากความผิดปกติของสมองตั้งแต่เกิด ส่งผลต่อพัฒนาการด้านสื่อสาร ชายแปลกหน้า
พยักหน้ารับรู้ บอกว่า “ไม่มีปัญหา” แล้วเขาก็ลงไปนอนบนพื้นกับรูดี้ คุยเล่นกับเขา ในที่สุด ทั้งสองก็ลุกขึ้นยืน...
เขาเดินจูงมือรูดี้ ชวนคุยทั้งแม่ลูก พาไปส่งถึงที่รถ!
.
คุณแม่ของรูดี้บอกว่า ชายแปลกหน้าที่ต่อมาทราบชื่อว่าเอียน เป็นฮีโร่ของเธอในเช้าวันนั้น ทำให้เธอรอดพ้น
เหตุการณ์ที่น่ากังวลใจมาได้...
. . . . .
.
นิโคลเป็นโรคแพ้ภูมิตัวเอง ส่งผลต่อหัวใจ ต่อมไทรอยด์ และระบบภูมิคุ้มกัน ซึ่งบางครั้งทำให้เธอหมดสติ
ชัก และมีอาการคล้ายสโตรค - - แล้วมันก็เกิดขึ้นในวันหนึ่งขณะทำงาน เธอถูกส่งไปโรงพยาบาล เข้าห้อง
ฉุกเฉินทันที โชคดีที่ทีมแพทย์และพยาบาลช่วยชีวิตเธอไว้ได้
.
แต่เมื่อตอนจะกลับบ้าน นิโคลพบว่าเสื้อโค้ทตัวโปรดของเธอที่ใส่ในวันเกิดเหตุนั้นถูกตัดขาดเป็นริ้ว
เธอเข้าใจดีว่า ทางโรงพยาบาลจำเป็นต้องทำเช่นนั้นเพื่อช่วยชีวิตเธออย่างเร่งด่วน - -
.
เมื่อกลับถึงบ้านเธอจึงสั่งตัวใหม่ทันที เพราะจำเป็นต้องใช้เพื่อความอบอุ่น แต่จู่ ๆ ก็มีพัสดุไปรษณีย์
มาถึงเธอ เธอแปลกใจไม่คิดว่าของที่เพิ่งสั่งจะมาเร็วเช่นนั้น เมื่อเปิดดู เธอถึงกับตะลึงยิ่งกว่าเดิม!
.
เพราะมันเป็นเสื้อโค้ตแบบเดียวกัน, สีเดียวกัน แล้วยังไซส์เดียวกับตัวโปรดของเธอที่ถูกตัดขาด! แล้ว
ใครเป็นคนส่งมาให้เธอ? เธอโทรถามเพื่อน ๆ คนใกล้ชิดรอบตัวที่รู้เหตุการณ์ในวันนั้น และรู้ว่าเธอ
ใส่เสื้อโค้ทตัวไหน แต่ทุกคนก็พลอยประหลาดใจไปด้วย ไม่มีใครรู้เรื่องนี้เลย...
.
ในที่สุด นิโคลก็โทรถามอเมซอน (ซึ่งเป็นร้านที่ส่งเสื้อโค้ทตัวนี้มา) แต่ทางอเมซอนก็ไม่สามารถ
ให้ชื่อผู้สั่งซื้อได้ นอกจากบอกแค่ว่าเป็นผู้ชาย เธอจึงเอ่ยถามทุกชื่อของคนที่เธอรู้จักและเกี่ยวข้อง
กับเหตุการณ์นี้ แต่ก็ไม่ตรงกับชื่อของผู้สั่งซื้อเลย...
.
นิโคลเลยเล่าเรื่องนี้ทางเฟซบุ้ก ด้วยหวังว่าจะรู้ว่าผู้สั่งซื้อเป็นใคร เธออยากขอบคุณจากใจด้วยตัวเอง...
. . . . .
.
โลกนี้จะดีไม่น้อย ถ้ามีคนแปลกหน้าอย่างเอียน หรือคนแปลกหน้าลึกลับที่ไม่เปิดเผยตัว-อยู่ทุกที่
ทั่วไปมากกว่านี้... เพราะบางครั้ง มันเป็นไปไม่ได้ที่เราจะรอให้คนรู้จักหรือเพื่อนสนิทมาช่วยในบาง
สถานการณ์ที่ยุ่งยากได้ทันท่วงที!
.
คนแปลกหน้าที่เดินผ่านไปมาบนทุกถนนที่เราเดินไปนั้นต่างหาก ที่จะเป็น ‘ฮีโร่’ให้เราได้- - แค่ไม่ตัดสิน
พ่อแม่, ไม่ตำหนิเด็กอย่างรูดี้ เพียงแค่เอ่ยปากถาม “เป็นอะไรหรือเปล่า?”, “สบายดีไหม” หรือเพียงแค่
อยากช่วยเหลือด้วยการส่งความอบอุ่นผ่านมาทางเสื้อโค้ท- -
.
เพียงแค่นั้น คุณก็ได้เริ่มต้นสร้างความเปลี่ยนแปลงให้โลกนี้แล้ว...
.
ปะการัง

.
[ ขอพระเจ้าประทานพรแด่ 'คนแปลกหน้า' ให้กลายเป็น 'ฮีโร่' ของกันและกัน ]

.
ฝากติดตามเพจ
https://www.facebook.com/pakarangWriter/
แก้ไขล่าสุดโดย rosa-lee เมื่อ เสาร์ ม.ค. 07, 2023 9:00 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 5937
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

ศุกร์ ต.ค. 14, 2022 8:58 pm

( 13 )

(+)เรื่องสั้น
เรียนรู้ที่จะชื่นชม
ถอดความจาก https://www.moralstories.org/ เรื่อง “Learn to Appreciate”
โดย กอบกิจ ครุวรรณ

กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีชายคนหนึ่งเป็นคนใจดี เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่และชอบช่วยเหลือผู้คน
โดยไม่หวังสิ่งตอบแทน วันหนึ่งขณะเดินไปตามถนนที่เต็มไปด้วยฝุ่น เขาเห็นกระเป๋าใส่เงิน
ใบหนึ่งตกอยู่ที่ข้างถนนจึงหยิบขึ้นมา เมื่อเปิดดูก็พบว่าเป็นกระเป๋าเปล่าไม่มีอะไรในกระเป๋า
ใบนั้นเลย ทันใดนั้นก็มีผู้หญิงคนหนึ่งกับตำรวจเดินตรงเข้ามาที่เขา หลังจากนั้นตำรวจก็นำ
ตัวเขาไปสอบสวนที่สถานีตำรวจ
ผู้หญิง : คุณเก็บเงินไปซ่อนไว้ที่ไหน
ผู้ชายที่ถูกสอบสวน : เป็นกระเป๋าเปล่า ไม่มีเงินเลยครับ
ผู้หญิงร่ำไห้ : ได้โปรดคืนเงินให้ด้วย เพราะพรุ่งนี้ฉันต้องใช้เงินนี้ชำระค่าเล่าเรียนของลูกชาย
คนเดียวของฉัน
ผู้ชายที่ถูกสอบสวนสังเกตว่าผู้หญิงคนนั้นสะอึกสะอื้นพูดด้วยความจริงใจ และดูเหมือนเธอจะ
เป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวที่น่าสงสารด้วย เขาจึงเอาเงินทั้งหมดที่ติดตัวมาส่งให้ผู้หญิงไป กล่าวว่า
“ผมคืนเงินให้แล้วนะครับ ต้องขออภัยด้วยที่ก่อเรื่องยุ่งยากให้คุณ”

หลังจากผู้หญิงคนนั้นเดินออกจากสถานีตำรวจไปแล้ว ตำรวจยังคงสอบปากคำชายคนนั้นต่ออีก
ครู่ใหญ่ก่อนจะปล่อยตัวไป ส่วนผู้หญิงหลังจากที่เดินจากไปได้สักครู่ เธอก็ตรวจนับเงินและมีความสุข
มากเมื่อพบว่า มีเงินเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่าของเงินที่เคยมีอยู่ในกระเป๋าสตางค์ใบที่ตกหายไป

วันรุ่งขึ้น ขณะที่ผู้หญิงคนเดิมกำลังเดินไปที่โรงเรียนเพื่อไปชำระค่าเล่าเรียนของลูกชาย เธอสังเกตว่า
มีชายร่างผอมคนหนึ่งเดินตามเธออยู่ เธอคิดว่าเขาอาจเป็นคนร้ายปล้นเงินของเธอ เธอจึงเดินเข้าไป
หาตำรวจที่ยืนอยู่ใกล้ ๆ ซึ่งก็เป็นตำรวจคนเดียวกับที่พาเธอไปที่โรงพักเมื่อวาน จากนั้นเธอก็บอก
ตำรวจว่ามีผู้ชายร่างผอมคนหนึ่งกำลังเดินตามเธออยู่ แต่ทันใดนั้น ทั้งเธอและตำรวจก็ต้องตกใจ
เมื่อเห็นชายร่างผอมคนนั้นล้มลง และเมื่อทั้งสองวิ่งไปที่ชายคนนั้น ก็พบว่าเป็นชายคนเดียวกันที่ถูกจับ
ตัวไปสอบสวนเรื่องขโมยเงินในกระเป๋าเมื่อวันวาน

ชายคนนั้นเป็นคนผอมและดูท่าทางอ่อนเพลียมาก ส่วนผู้หญิงก็รู้สึกสับสนกับสิ่งที่เกิดขึ้น ตำรวจจึง
เล่าเรื่องทั้งหมดให้ผู้หญิงคนนั้นว่า “ที่จริงเมื่อวาน ชายผู้นี้ไม่ได้คืนเงินของคุณหรอก เงินที่เขาส่ง
ให้คุณนั้น เป็นเงินส่วนตัวของเขาเอง เขาเป็นคนดี เมื่อทราบว่า คุณทำเงินหายและเป็นเงินที่มีค่ามาก
เพื่อใช้เป็นค่าเล่าเรียนของลูกชาย เขารู้สึกสงสารจับใจและให้เงินที่ติดตัวมาทั้งหมดให้คุณครับ”

จากนั้น ตำรวจและผู้หญิงก็ช่วยกันพยุงชายคนนั้นลุกขึ้นยืน แล้วชายคนนั้นก็กล่าวอย่างสุภาพว่า
“โปรดนำเงินของผมไปชำระค่าเล่าเรียนของลูกชายคุณเถิด เมื่อสัก 10 นาทีมานี้ ผมเห็นคุณเดิน
ไปตามเส้นทางที่จะไปที่โรงเรียน ผมจึงเดินตามคุณไปเพื่อให้แน่ใจว่าจะไม่มีคนร้ายขโมยเงินค่าเล่า
เรียนของลูกชายคุณเท่านั้นแหละครับ” เมื่อได้ยินคำอธิบาย ผู้หญิงคนนั้นถึงกับพูดไม่ออก
เช็ดน้ำตาและกล่าวขอบคุณชายคนนั้นด้วยความซาบซึ้ง

**************************
แก้ไขล่าสุดโดย rosa-lee เมื่อ เสาร์ ม.ค. 07, 2023 9:00 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 5937
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

ศุกร์ ต.ค. 21, 2022 10:08 pm

( 14 )

#ผมเกือบเป็นมือปืนยิงเด็กนักเรียนในโรงเรียน I was almost a School Shooter

🌼 Aaron Stark แอรอน สตาร์ก
กับเสี้ยววินาที ที่เกือบเอาปืนมายิงนักเรียน

แอรอน เริ่มเล่าประวัติตัวเองว่าพ่อแม่เป็นพวกหัวรุนแรง ก้าวร้าวและติดยา ย้ายที่อยู่ไปเรื่อย ๆ
เขาเองต้องย้ายโรงเรียน 30-40 แห่ง เหมือนต้องไปโรงเรียนใหม่ ทุก 2 สัปดาห์

" ผมไม่มีครอบครัวที่มั่นคง ผมไม่เคยได้รับการช่วยเหลือ ผมจะตัวเหม็นมากเพราะไม่ได้อาบน้ำ
หรือไม่เคยมีเสื้อผ้าใหม่ ๆ เสื้อผ้าของผมทุกตัวจะสกปรกและขาดวิ่น ทุกครั้งที่ผมไปโรงเรียนใหม่
ผมก็จะโดนกลั่นแกล้งรอบใหม่ พวกนั้นจะเดินมาหาผมและยิงผมด้วยฉมวก เหมือนผมเป็นวาฬ
หรือทิ้งอาหารลงมาบนหัวผม เพราะเขาบอกว่าผมอ้วนเกินไป “

🌼 ถูก bully ทั้งนอกบ้าน ในบ้าน

คนรอบตัวแอรอน มักบอกว่าเขาไร้ค่า และเมื่อใครสักคนถูกตีตราว่าไร้ค่าบ่อยครั้ง
เขาจะเชื่ออย่างนั้น และจะทำทุกอย่าง เพื่อให้ทุกคนเห็นด้วยตามนั้น

ดังนั้นเขาจึงติดยา เกเร และก้าวร้าวอย่างมาก พฤติกรรมเป็นที่เอือมระอาของทุกคน

แอรอนถูกพ่อแม่ไล่ออกจากบ้านตอนอายุ 15 และอาศัยตามถนน เนื่องจากมีปัญหาเวลา
พ่อแม่เมาแล้วมักทะเลาะกัน

วันหนึ่งเมื่อถูกตำรวจส่งตัวกลับบ้านในสภาพที่มีแผลที่แขนราวกับกรีดแขนตัวเอง
แม่ที่ไม่เจอมานาน กลับพูดว่า

“วันหลังอยากจะฆ่าตัวตายแบบนี้อีก ชั้นจะหามีดคมๆให้ จะได้เหมือนจริงกว่านี้”

วินาทีนั้น หัวใจที่ชอกช้ำอยู่แล้วถึงขั้นใจสลาย..

🌼 วินาทีสร้างซาตาน

หลังได้ยินคำพูดแม่ เขาก็คิดว่า “ทุกสิ่งทุกอย่างมันพังหมดแล้ว และชีวิตนี้ไม่มีอะไรจะเสีย”

และคำว่า “ไม่มีอะไรจะเสีย” นี่แหละ ที่เขาคิดว่าทำอะไรก็ได้ทุกสิ่งเพราะไม่ต้องสนใจอะไรอีกต่อไป

“ ผมตัดสินใจว่า สิ่งที่ผมจะทำ ต้องบ่งบอกถึงความโกรธแค้นและเกรี้ยวกราดอย่างรุนแรง ผมไป
หาปืนมากระบอก ผมวางแผนกำลังจะไปกราดยิงที่โรงเรียน หรือไม่ก็ที่โรงอาหารในห้าง ผมไม่สนว่า
จะเป็นที่ไหน ไม่เกี่ยวกับผู้คน ผมสนแค่การสร้างความสูญเสียให้มากทึ่สุด เร็วที่สุด และง่ายสุด
เพราะเป้าหมายทั้งสองแห่งไม่มีการป้องกันใดๆ”

🌼 แสงสว่างในปลายอุโมงค์

แต่ในเช้าวันที่เขาเตรียมปืนเพื่อไปยิงเด็กนักเรียนนั้น เพื่อนบ้านคนหนึ่งจู่ๆ ก็มาชวนกินข้าว
และถามว่าเป็นไรบ้าง

“ ช่างน่าขอบคุณ ที่ผมไม่ได้อยู่คนเดียวในความมืด เพื่อนที่ดีที่สุดช่วยผมไว้ เขาแค่นั่งลงข้าง ๆ
แล้วถามว่า กินข้าวไหม แล้วดูหนังกัน

เขาเห็นผมเป็นคน

เมื่อบางคนเห็นคุณเป็นคน ในเวลาที่คุณเองไม่คิดว่าคุณเป็น มันเปลี่ยนโลกทั้งใบ “

🌼 ซาตานในหัวหายไป จากคำพูดเพียงประโยคเดียว

แอรอนเล่าว่า “ ผมหยุดชะงัก พร้อมๆกับความคิดอยากฆ่าคนทั้งโลกเพื่อแก้แค้นที่หายไป
คำพูดเขาหยุดผมจากความโหดร้ายในวันนั้น ด้วยความเมตตา

ถ้าคุณเห็นใครอยู่ในสถานการณ์แบบนั้น คนที่ต้องการความรัก จงให้ความรักกับเขา ให้ความรัก
กับคนที่คุณรู้สึก ว่าควรได้รับน้อยที่สุด เพราะเขาเป็นคนที่ต้องการมันที่สุด “

หลังออกมาพูดเรื่องนี้ เขาก็ตกงานเพราะนายจ้างไม่ชอบประวัติเดิมและหางานทำยากขึ้น แต่เขาก็
ไม่เสียใจที่ออกมาพูดเพื่อให้สังคมเข้าใจ

ปัจจุบันแอรอนเป็นพ่อลูกสี่และเป็นนักพูดให้กำลังใจ

*** นพ สุทธิพงษ์ ตรีรัตน์ ถอดความและเรียบเรียงจาก TedTalk รายการที่เชิญเพื่อนคนที่ชวนแอรอน
ทานข้าว ก่อนเกิดเหตุการณ์สังหารหมู่ มาฟังแอรอนพูดในวันนั้นด้วย
vdo ต้นฉบับ https://www.youtube.com/watch?v=azRl1dI-Cts

#sociopath #antisocial #กราดยิง #schoolshootings
แก้ไขล่าสุดโดย rosa-lee เมื่อ เสาร์ ม.ค. 07, 2023 9:01 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 5937
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

พฤหัสฯ. ต.ค. 27, 2022 7:06 pm

( 15 )

มาร์ครู้สึกหงุดหงิดรำคาญ กับเสียงวิจารณ์ของคนบางคน - -
.
เมื่อเดือนก่อน เขาได้เลี้ยงอาหารคนไร้บ้าน โดยนั่งทานร่วมโต๊ะเดียวกัน ซึ่งชายไร้บ้านคนนี้
ต้องการงานทำ เช่นทำความสะอาดร้านเพื่อแลกกับอาหารและน้ำดื่ม ไม่ใช่แค่ขอเงิน - -
มาร์คเลยเลี้ยงข้าวชายคนนั้นและใช้เวลาสนทนากับเขา แต่คนกลับหาว่ามาร์คทำไปเพื่อ
เรียกร้องความสนใจ!
.
มาร์คบอกว่าคนพวกนี้ไม่รู้จักตัวตนที่แท้จริงของเขา ไม่รู้อดีตของเขา ไม่รู้ว่าชีวิตที่ผ่านมา
ได้ทำให้เขาเป็นแบบที่เป็นทุกวันนี้ เขาจึงอยากเล่าให้ฟัง - - “ไม่ใช่ว่าผมต้องการอธิบายเรื่อง
ของตัวเอง แต่ผมเหนื่อยที่จะฟังคนวิจารณ์ผิด ๆ”
.
ตอนมาร์คอายุ 5 ขวบ คุณพ่อได้หย่ากับคุณแม่ คุณพ่อเปลี่ยนชื่อของเขา ปกปิดซ่อนเขาเพื่อ
ไม่ให้คุณแม่ตามหาเจอ ครั้นคุณพ่อพบกับผู้หญิงคนใหม่ที่จะเป็นแม่เลี้ยงของมาร์ค เธอบอก
ชัดเจนว่าจะไม่เลี้ยงลูกที่ไม่ใช่ลูกของเธอเอง หลังจากนั้น มาร์คก็ถูกทางรัฐนำตัวไป เพราะ
คุณพ่อไม่ต้องการ เลิกกับแม่เลี้ยงและยอมยกลูกไปให้พ้นทาง โดยบอกกับเจ้าหน้าที่ของรัฐว่า
มาร์คไม่มีญาติคนใดที่ยังมีชีวิตอยู่...
.
ตอน 10 ขวบ มาร์คถูกส่งไปยังบ้านพักชั่วคราวหลังแล้วหลังเล่า ไม่มีใครต้องการรับอุปการะ
เด็กวัย 10 ขวบ เขาต้องการทารกเกิดใหม่ทั้งนั้น หลายปีที่มาร์คอาศัยนอนในห้องที่ต้องยัดเยียดกัน
เหมือนปลากระป๋องมากกว่า 10 คน มีเสื้ออยู่ 3 ชุดที่ใส่วนไป มาร์คจำได้ว่า เขาไม่ได้กินข้าวเป็นวัน
หรือบางครั้งนานถึง 3 วัน!
.
มาร์คไม่เคยฉลองวันคริสต์มาส, ไม่เคยทานมื้อค่ำวันขอบคุณพระเจ้า ไม่ต้องพูดถึงงานเลี้ยงวันเกิด
เขาตื่นมาทุกเช้าด้วยการสวดภาวนาขอให้เกิดปาฏิหาริย์ - - เขายังจำได้ถึงความเดียวดาย ไม่มีใคร
ที่เขาจะหันไปซบหน้าได้ ไหล่อ่อนล้าพิงกำแพง ไม่มีแม้สักคนเดียวที่จะอยู่ในซอกมุมเปล่าเปลี่ยวนั้นกับเขา...
.
มาร์คเป็นอิสระตอนอายุ 16 เขาทำงานพาร์ทไทม์ถึง 4 แห่ง ในขณะที่ไปเรียนเต็มเวลา เขาได้รู้รสชาติ
ความยากลำบากที่ต้องหาเงินส่งเสียดูแลตัวเอง บางวันไม่มีกิน บางทีก็ไม่มีหลังคาคลุมหัว
ต้องดิ้นรนเพื่ออยู่รอด - -

“ผมเปลี่ยนอารมณ์คับแค้นนั้นให้เป็นพลังงาน และกลายเป็นคนแบบทุกวันนี้...”
มาร์คกล่าวด้วยน้ำเสียงภาคภูมิใจ
.
“ใช่! ผมเลี้ยงอาหารคนไร้บ้าน และใช้เวลากว่าชั่วโมงพูดคุยเพื่อรู้จักเขาให้ดีขึ้น ผมยังเคยพาเขา
ไปซื้อยา แปรงสีฟัน ยาสีฟัน แชมพู สบู่ ที่ตัดเล็บ ที่โกนหนวด ผมซื้อเสื้อชุดใหม่ให้เขา รองเท้าใหม่
และแจ๊คเก็ต นอกเหนือจากนั้น ยังหาทางให้เขาได้มีหลังคาคลุมหัวและมีเงินใช้...
.
เพราะผมเข้าใจดีว่า มันรู้สึกอย่างไรที่ไม่รู้เลยว่าอาหารมื้อต่อไปจะมาจากไหนหรือมาถึงเมื่อไหร่
ผมรู้ดีว่า มันรู้สึกอย่างไรเมื่อหิวโหย อ่อนล้า และสิ้นหวัง ผมรู้ดีว่ายามตกต่ำอับโชคเป็นอย่างไร
และผมรู้ดียิ่งกว่าใครว่ามันว้าเหว่เจ็บปวดแค่ไหน เมื่อโลกหันหลังให้เรา...”
. . . . .
.
อันที่จริง มาร์คไม่จำเป็นต้องบอกเล่าให้ใครฟัง เพราะคนที่คอยวิจารณ์-พูดคำร้าย-ตัดสินคนอื่นนั้น
ย่อมไม่มีหัวใจอ่อนโยนที่จะรับฟังหรือพร้อมจะเข้าใจ แต่การบอกเล่าของมาร์คจะเป็นเรื่องราวที่ดี
สำหรับเรา นอกจากได้เรียนรู้การเห็นอกเห็นใจซึ่งกันและกันแล้ว ชีวิตที่แสนยากของมาร์คยังบอกเราว่า...
.
บางครั้ง เมื่อโลกหันหลังให้กับเรา ความพ่ายแพ้ผิดหวังที่กดทับหนักแน่น จนทำให้รู้สึกเหมือนถูกฝังลึก
อยู่ใต้ดิน-ยากฟื้นคืนมาอีกครั้ง... แท้จริงแล้ว เราแค่ถูกหว่านลงใต้ดินชั่วคราว เพื่องอกงามขึ้นเป็นคน
ใหม่ ที่แข็งแรงกว่าเดิมเท่านั้นเอง...
.
มาร์คเป็นตัวอย่างที่ดี มิเพียงแข็งแรงกว่าเดิม แต่ยังแข็งแกร่งมากพอที่จะห่วงใยดูแลเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน!
.
ปะการัง
.
[ ขอพระเจ้าอวยพรให้ทุกครั้งที่เราจมลึกใต้ดินคือการกลับมางอกงามใหม่ ]
.
ภาพ/ที่มา : Mark Anthony

..
ฝากติดตามเพจ
https://www.facebook.com/pakarangWriter/
แก้ไขล่าสุดโดย rosa-lee เมื่อ เสาร์ ม.ค. 07, 2023 9:01 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 5937
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

พฤหัสฯ. ต.ค. 27, 2022 7:10 pm

( 16 )

เช้าวันจันทร์ที่แสนเร่งรีบ วุ่นวาย ท่ามกลางความสับสนและหนาแน่นของรถบนถนน มอเตอร์ไซค์
พุ่งออกมาจากปากซอย จังหวะเดียวกับที่รถกระบะคันหนึ่งเร่งเพื่อให้พ้นไฟแดง เขาเบรกทัน
แต่มอเตอร์ไซค์เสียหลักล้มบนถนน วูบแรก ขณะอยู่ในรถกระบะ เขาโพล่งออกมาว่า
“ขับรถประสาอะไร!”
.
แต่เมื่อเปิดประตูลงจากรถ อะไรบางอย่างวูบเข้าควบคุมความหงุดหงิดได้ทัน เขาเปลี่ยนน้ำเสียง
และคำพูดเสียใหม่ “เจ็บไหมครับ?” คนขับมอเตอร์ไซค์ที่ตอนแรกทำสีหน้าไม่พอใจ ก็เริ่มคลายลง
ตอบว่า “นิดหน่อย” ชายขับรถกระบะถามอีกว่า “ให้ผมไปส่งโรงพยาบาลไหม?” พลางเข้าไปช่วย
ยกมอเตอร์ไซค์ เขาส่ายหน้าบอก”ไม่เป็นไร... ผมสายแล้ว ต้องรีบไป”
.
ไม่ถึงห้านาที ทั้งคู่ต่างก็แยกย้าย... นี่ถ้าเกิดใส่อารมณ์ตวาดไปตั้งแต่ตอนแรก เรื่องอาจยืดเยื้อ
บานปลายกลายเป็นวิวาท ทั้ง ๆ ที่ไม่มีการชนกันแต่อย่างใด...
. . . . .
.
“เชื่อมั้ย... แค่ขึ้นลิฟต์มาไม่กี่ชั้น ฉันก็ได้ยินพนักงานบริษัทอื่นซุบซิบนินทาเพื่อนร่วมงานของเขาแล้ว
... แย่จัง!”
.
ทุกเช้าเมโลดี้จะเข้ามาพร้อมกับเสียงบ่นอย่างนั้นเสมอ จนเป็นเรื่องปกติสำหรับทุกคน แต่เช้าวันหนึ่ง
เธอเดินเข้ามาด้วยท่าทีเงียบขรึมซึมเศร้า ทุกคนรู้ว่าไม่ปกติ จนเมื่อดอม-เพื่อนร่วมงานอาวุโส
เจอเธอที่ห้องกาแฟ จึงเอ่ยปากทักถาม...
.
“เมื่อเช้ามีคนนินทาหนู” เมโลดี้เริ่มระบายความในใจ

“ที่ไหน...” ดอมแปลกใจ “ในลิฟต์เหรอ”

เธอพยักหน้า - - ดอมนึกภาพลิฟต์ขนาดใหญ่นั้น ที่บรรจุได้เกือบสิบคน เมโลดี้คงอยู่ด้านในสุด
ของลิฟต์ และเพราะเธอตัวเล็ก ผู้คนบดบังเธอหมด คนนินทาซึ่งอยู่ด้านหน้าเลยมองไม่เห็นเธอ

“คนในบริษัทเราหรือที่นินทาเธอ?”

“ค่ะ” เธอพยักหน้ารับน้อย ๆ “เขาบอกว่า ที่หนูได้เลื่อนตำแหน่งนั้น เป็นเพราะเอาใจเจ้านายเก่ง
ไม่ใช่เพราะฝีมือตัวเอง เขาว่าหัวหน้างานบ่นปวดหัวที่ต้องคอยแก้ไขงานของหนูตลอด...”
.
เมโลดี้กลุ้มใจอยู่หลายวัน สีหน้าเคร่งเครียด ถึงขั้นน้อยใจ คิดลาออกจากงาน...
.
โชคดี! ไม่กี่วันต่อมา เมโลดี้เองเล่าด้วยใบหน้ายิ้มแย้มว่า เธอเข้าใจผิด คิดว่าคนในลิฟท์นินทา
เธอ แท้จริงแล้ว เขาพูดถึงเพื่อนที่ทำงานอีกบริษัท ไม่ได้เกี่ยวกับเธอเลยแม้แต่น้อย...
. . . . .
.
ใครคนหนึ่งเคยกล่าวว่า - -
.
ถ้าคุณมีเงิน 86,400 บาท และมีคนขโมยเงินคุณไป 60 บาท คุณจะทุ่มเงินทั้งหมด 86,340 บาท
สำหรับการแก้แค้นเอาคืนเจ้าหัวขโมยนั้นไหม? หรือช่างมัน - ใช้ชีวิตของเราเดินหน้าต่อไป...
.
เราทุกคนต่างมี 86,400 วินาทีในแต่ละวัน อย่าให้ความคิดลบ-คำพูดร้าย-เรื่องกวนใจ แค่ 60 วินาที
ของใครมาทำลายอีก 86,340 วินาทีที่เหลือ - - ชีวิตของเรายิ่งใหญ่กว่าเรื่องเล็กน้อยเหล่านั้น!
. . . . .
.
หากชายคนขับรถกระบะควบคุมอารมณ์ไม่ได้ในไม่กี่นาทีสำคัญนั้น เขาอาจจะสูญเสียเวลาอีกหลาย
นาทีของเวลาทั้งวัน และอาจยืดเยื้อกลายเป็นคดีความ หรือบาดแผลจากการทะเลาะวิวาทและ
ต้องนอนโรงพยาบาลอีกหลายวัน!
.
เมโลดี้เองก็เช่นกัน หูเบาและเอาใจใส่กับคำนินทาทั้งที่ไม่รู้แน่ชัด ทำให้เสียเวลาหลายวันไปกับ
ความกลัดกลุ้มน้อยใจ ความสุขถูกขโมยไปด้วยมือเธอเอง!
.
จำไว้ว่า เราไม่สามารถมีวันดี ๆ ได้ทุกวัน, แต่เราสามารถเผชิญวันร้าย ๆ ด้วยทัศนคติที่ดีได้ทุกวัน!
.
ปะการัง
.
[ ขอพระเจ้าเสริมกำลังให้มีใจที่ดีและแข็งแรง ]

..
ฝากติดตามเพจ
https://www.facebook.com/pakarangWriter/
แก้ไขล่าสุดโดย rosa-lee เมื่อ เสาร์ ม.ค. 07, 2023 9:02 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 5937
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

พฤหัสฯ. พ.ย. 03, 2022 9:01 pm

( 17 )

เจ้าหน้าตำรวจเมืองบัฟฟาโล (รัฐนิวยอร์ก) ได้สังเกตเห็นเด็กหนุ่มคนหนึ่งกำลังพยายาม
ปั่นจักรยานไปโรงเรียน ทั้ง ๆ ที่แป้นบันไดที่ใช้วางเท้าคอยหลุดร่วงตลอดเวลา เขาเดิน
หาอะไรบางอย่างเพื่อมายึดมันไว้ชั่วคราว...
.
เจ้าหน้าที่ตำรวจเบเยอร์จึงบอกเขาว่า "ไม่ต้องห่วง เดี๋ยวจะให้เจ้าหน้าที่ของสถานีตำรวจ
ซ่อมให้" แล้วเธอก็ขับรถพาเขาไปส่งที่โรงเรียน...
.
หลังเลิกเรียน ทางสถานีตำรวจบัฟฟาโลได้เซอร์ไพรส์เด็กหนุ่มไนอาห์ด้วยจักรยานคันใหม่
ส่วนคันเก่านั้น ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจรับปากว่าจะซ่อมให้เช่นกัน - -
.
ไนอาห์ยิ้มน้อย ๆ อย่างมีความสุข ขณะที่ตำรวจชื่นชมเด็กหนุ่มคนนี้ ถึงความมุ่งมั่นที่จะไป
โรงเรียนให้ได้ ไม่ว่าจะเกิดปัญหายุ่งยากเพียงใดก็ตาม
.
หน้าที่ของตำรวจไม่ใช่คอยตามจับผู้ร้าย แต่ยังช่วยดูแลส่งเสริมให้เด็กหนุ่มคนหนึ่งได้เติบโต
อย่างถูกทิศทาง!
. . . . .
.
เจย์ตื่นแต่เช้ามืด ขณะขับรถไปทำงานตอนตี 3 รถเกิดเสียงดังกุกกัก และในที่สุดก็ไปต่อไม่ได้
เพราะยางแบน ฟ้ายังไม่สว่าง- - เขาจึงไม่สามารถติดต่อใครได้เลยในเวลานั้น...
.
โชคดี นายตำรวจฝาแฝดสองคนขับรถผ่านมาพอดี พวกเขาจอดถามและได้ลงมาช่วยเหลือเปลี่ยน
ยางให้ หลังจากเสร็จเรียบร้อย เจย์ยิ้มอย่างโล่งใจ และชวนถ่ายรูปด้วยกันเป็นที่ระลึก
. . . . .
.
ขณะที่โลกนี้ แม้บางคนจะไม่มีอะไรผิดแผกทางเผ่าพันธุ์ แต่ก็พยายามขัดแย้งในทุกเรื่องของความคิด
คอยตอกรอยแตกให้แยกห่าง พวกเขาต่างคิดว่าการกำจัดอีกฝ่ายหนึ่ง จะทำให้เกิดสังคมที่สงบสุข
แต่ในความเป็นจริง มันไม่สามารถเป็นไปได้...
.
เช้ามืดวันนั้น ตำรวจฝาแฝดได้เอ่ยคำพูดที่แสนอบอุ่นใจว่า “โลกทุกวันนี้เต็มไปด้วยความเกลียดชัง
อย่างน้อยที่สุด นี่คือสิ่งที่พวกเราทำได้...”
.
ไม่ว่าจะเป็นตำรวจที่เมืองบัฟฟาโล หรือตำรวจฝาแฝดคู่นี้ สิ่งที่พวกเขาทำได้และพยายามทำ คือ
ช่วยเหลือแบ่งปัน เป็นมิตร ปรารถนาดีต่อกัน - - ความแตกต่างจากผิวสี, ความไม่เท่าเทียมกัน
ของฐานะทางสังคม ไม่อาจแบ่งแยกใครได้ พวกเขารู้ดีว่า รอยร้าวนั้นสามารถซ่อมได้ด้วยกาวแห่ง
ความรักและความเข้าใจเท่านั้น - -
.
ศัตรูที่แท้จริง จึงไม่ใช่ผู้ที่อยู่ตรงข้าม, การต่อสู้ที่แท้จริง จึงเป็นการต่อสู้กับจิตใจของตัวเอง
ที่ต้องมองข้ามความต่าง และยอมรับในความไม่เหมือนกันนั้นให้ได้ และอาวุธเดียวที่ต้องวางลง
คือความเกลียดชังในใจ!
.
ปะการัง
.
[ ขอพระเจ้าประทานพรและทวีเพิ่มความรักในโลกที่เกลียดชัง ]

.
ภาพแรก/ที่มา : Buffalo Police Department
ภาพสอง/ที่มา : Jay Hunter

..
ฝากติดตามเพจ
https://www.facebook.com/pakarangWriter/
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 5937
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

จันทร์ ม.ค. 09, 2023 8:58 pm

( 18 )

มีมาร 3 ตน แอบเอาความสุขมนุษย์ไปซ่อน

แอบมาขโมยความสุขของมนุษย์ไป. แล้วก็ปรึกษากันว่าจะเอาไปซ่อนที่ไหนดี

มารตนที่ 1 พูดว่า
"ควรเอาไปซ่อนที่ภูเขาที่สูงที่สุดในโลก"

มารตนที่ 2 กล่าวว่า
"เพื่อนเอ๋ย มนุษย์นั้น ไม่กลัวความสูง
แต่ ก ลั ว ห า ย ใ จไ ม่ อ อ ก
เพราะสังเกตได้ว่าดำน้ำได้นิดเดียว
ก็ทะลึ่งพรวดขึ้นมาแล้ว
เพราะกลัวหายใจไม่ออก
แต่บนภูเขาอากาศดี
มนุษย์ชอบไปเที่ยวภูเขา
เอาไปซ่อนไว้ใต้บาดาลดีกว่า"

มารตนที่ 3 แย้งว่า
"อย่าเลยเพื่อนเอ๋ย มนุษย์มันเก่ง
สร้างเครื่องมือหาของในทะเลได้
หาของในอากาศได้ เดี๋ยวมันก็หาเจอ
แ ต่ สั ง เ ก ต ไ ด้ ว่ า
ตา ~ มนุษย์มองไปข้างนอก
หู ~ มนุษย์ก็ชอบฟังเสียงข้างนอก
จมูก ~ ชอบดมกลิ่นที่หอมบ้าง
ลิ้น ~ ชอบสรรหาของที่สวยงามและอร่อย
กาย ~ ชอบออกไปเที่ยวเล่นสถานที่ต่างๆ

เราควร เอาความสุขของมนุษย์
แอบเอาไปซ่อนไว้ ใ น ใ จ มั น ดี ก ว่ า
มนุษย์หาไม่เจอแน่ๆ เพราะว่ามนุษย์
ชอบหาความผิดของคนอื่น
ไม่ชอบขัดใจตัวเอง
ไม่ชอบดูจิตใจของตัวเอง"

มารทั้ง 3 ตน
ก็ตกลงความเห็นเป็นเช่นเดียวกัน
จึงเอาความสุขของมนุษย์
มาซ่อนไว้ที่ใจของมนุษย์เอง
ม นุ ษ ย์ ผู้ โ ง่ เ ข ล า
จึงออกไปแสวงหาความสุขทุกๆที่
หาเท่าไหร่ก็หาความสุขไม่พบ
หลายๆครั้งที่คิดว่าพบความสุข
แ ต่ ก ลั บ ไ ม่ ใ ช่

น้อยคนที่จะพบว่าความสุข
ที่ตนเฝ้าติดตามค้นหา
แท้จริงแล้วอยู่ที่💗ใจ💗ตนนั่นเอง...
ใยต้องออกไปหาความสุขที่อื่นเล่า

ซึ่งต่อให้หาเท่าไหร่
หากแต่ใจยังร้อนรุ่ม ไม่สงบ
ก็หาสุขนั้นไม่พบ เป็นเช่นนี้เอง..
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 5937
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

พฤหัสฯ. มี.ค. 02, 2023 9:14 pm

( 19 )


#ทานตัดชีวิต

"ที่เมืองจีนเขามีการเรี่ยไรเพื่อหล่อพระพุทธรูปองค์ใหญ่ พระท่านก็ไปประกาศเรี่ยไร
มีผู้หญิงคนหนึ่งที่มีอาชีพกวาดถนน เกิดศรัทธาอยากจะถวาย #ทั้งเนื้อทั้งตัวมีเงินอยู่
อีแปะเดียว #ตัดสินใจถวายร่วมด้วย

พระที่เรี่ยไรนั้นอยู่ในอารมณ์ไหนไม่รู้ เห็นว่าเงินมันน้อยเหลือเกินก็เลยโยนคืนให้

'จะเอาไปทำอะไร...ก็เอาไป บริจาคมาแค่นี้ พระองค์ใหญ่ตั้งหลายวา' ผู้หญิงคนนั้นก็ไม่รู้
จะทำอย่างไร ก็เลยเก็บอีแปะนั้นไว้

เมื่อพระท่านเรี่ยไร ได้ทองแดงทองเหลืองจำนวนมากพอที่จะหล่อพระแล้ว #ก็ปรากฏว่าหล่อไม่ติด

ครั้งแรกพอทุบเบ้าออกมาเนื้อทองแล่นไม่ทั่ว ต้องเริ่มต้นทำแบบใหม่ ครั้งที่สองก็เป็นแบบ
นั้นอีก ครั้งที่สามก็เป็นแบบนั้นอีก

หลวงพ่อเจ้าอาวาสท่านประสบการณ์สูง เรียกพวกลูกวัดและบรรดากรรมการวัดทั้งหมดมาสอบ
ถาม ว่าในช่วงที่ออกไปเรี่ยไรขอทองแดง ทองเหลืองจากชาวบ้าน มีเหตุอะไรผิดปกติบ้างหรือเปล่า

ท่านก็ไล่สอบถามพระไปทีละสาย ๆ จนไปเจอพระสายนี้

บอกว่ามีหญิงคนหนึ่งที่เขากวาดถนนอยู่ #เขาบริจาคมาหนึ่งอีแปะเห็นว่ามันน้อยไปก็เลยโยน
คืนให้ ปรากฏว่าหลวงพ่อเจ้าอาวาสพาพระทั้งวัดไปขอขมาแล้วขอเหรียญอีแปะนั้นคืน

เมื่อได้เหรียญอีแปะนั้นแล้ว ก็เอาใส่ลงไปเพื่อหล่อพระ ทุบแบบออกมา ปรากฏว่าเป็นองค์พระบริบูรณ์
สมบูรณ์ทุกประการ และที่อัศจรรย์ที่สุดก็คือ #อีแปะเหรียญนั้นไม่ละลาย #แต่ไปติดอยู่ตรงหน้าอก
พระตรงหัวใจพอดี

หลวงพ่อเจ้าอาวาสจึงขอรายละเอียด ปรากฏว่าผู้หญิงคนนั้นเขามีอาชีพกวาดถนน เงินเดือนแทบไม่พอ
ยาไส้

อีแปะเหรียญนั้นเขาซื้อข้าวต้มเปล่าได้ถ้วยเดียว และเป็นอาหารประจำวันของเขา #มันเป็นทานตัดชีวิตเลย

เพราะฉะนั้นอย่าคิดว่าแค่บาทเดียวนะจ๊ะ #มากพอที่พระจะปาราชิกเลย"

เก็บตกบ้านอนุสาวรีย์ ต้นเดือนกรกฎาคม ๒๕๕๒

โดย พระครูวิลาศกาญจนธรรม,ดร.
(พระอาจารย์เล็ก สฺธมฺมปญฺโญ) วัดท่าขนุน
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 5937
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

พุธ มี.ค. 29, 2023 11:00 pm

( 20 )

เรื่องสั้น
เรียนรู้ที่จะชื่นชม
ถอดความจาก https://www.moralstories.org/ เรื่อง “Learn to Appreciate”
โดย กอบกิจ ครุวรรณ

กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีชายคนหนึ่งเป็นคนใจดี เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่และชอบช่วยเหลือผู้คน
โดยไม่หวังสิ่งตอบแทน วันหนึ่งขณะเดินไปตามถนนที่เต็มไปด้วยฝุ่น เขาเห็นกระเป๋าใส่เงินใบ
หนึ่งตกอยู่ที่ข้างถนนจึงหยิบขึ้นมา เมื่อเปิดดูก็พบว่าเป็นกระเป๋าเปล่าไม่มีอะไรในกระเป๋าใบนั้นเลย
ทันใดนั้นก็มีผู้หญิงคนหนึ่งกับตำรวจเดินตรงเข้ามาที่เขา หลังจากนั้นตำรวจก็นำตัวเขาไปสอบสวน
ที่สถานีตำรวจ
ผู้หญิง : “คุณเก็บเงินไปซ่อนไว้ที่ไหน”

ผู้ชายที่ถูกสอบสวน “เป็นกระเป๋าเปล่า ไม่มีเงินเลยครับ”

ผู้หญิงร่ำไห้ :“ได้โปรดคืนเงินให้ด้วย เพราะพรุ่งนี้ฉันต้องใช้เงินนี้ชำระค่าเล่าเรียนของลูกชาย
คนเดียวของฉัน”

ผู้ชายสังเกตว่าผู้หญิงคนนั้นสะอึกสะอื้นพูดด้วยความจริงใจ และดูเหมือนเธอจะเป็นแม่เลี้ยง
เดี่ยวที่น่าสงสารด้วย เขาจึงเอาเงินทั้งหมดที่ติดตัวมาส่งให้ผู้หญิงไป กล่าวว่า “ผมคืนเงิน
ให้แล้วนะครับ ต้องขออภัยด้วยที่ก่อเรื่องยุ่งยากให้คุณ”

หลังจากผู้หญิงคนนั้นเดินออกจากสถานีตำรวจไปแล้ว ตำรวจยังคงสอบปากคำชายคนนั้น
ต่ออีกครู่ใหญ่ก่อนจะปล่อยตัวไป ส่วนผู้หญิงหลังจากที่เดินจากไปได้สักครู่ เธอก็ตรวจนับเงินและ
มีความสุขมากเมื่อพบว่า มีเงินเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่าของเงินที่เคยมีอยู่ในกระเป๋าสตางค์ใบที่ตกหายไป

วันรุ่งขึ้น ขณะที่ผู้หญิงคนเดิมกำลังเดินไปที่โรงเรียนเพื่อไปชำระค่าเล่าเรียนของลูกชาย เธอสังเกตว่า
มีชายร่างผอมคนหนึ่งเดินตามเธออยู่ เธอคิดว่าเขาอาจเป็นคนร้ายปล้นเงินของเธอ เธอจึงเดินเข้าไป
หาตำรวจที่ยืนอยู่ใกล้ๆ ซึ่งก็เป็นตำรวจคนเดียวกับที่พาเธอไปที่โรงพักเมื่อวาน จากนั้นเธอก็บอก
ตำรวจว่ามีผู้ชายร่างผอมคนหนึ่งกำลังเดินตามเธออยู่ แต่ทันใดนั้น ทั้งเธอและตำรวจก็ต้องตกใจเมื่อ
เห็นชายร่างผอมคนนั้นที่อยู่ไม่ไกลล้มลง และเมื่อทั้งสองวิ่งไปที่ชายคนนั้น ก็พบว่าเป็นชายคนเดียวกัน
กับที่ถูกจับตัวไปสอบสวนเรื่องขโมยเงินในกระเป๋าเมื่อวาน

ชายคนนั้นเป็นคนผอมและดูท่าทางอ่อนเพลียมาก ส่วนผู้หญิงก็รู้สึกสับสนกับสิ่งที่เกิดขึ้น ตำรวจจึง
เล่าเรื่องทั้งหมดให้ผู้หญิงคนนั้นว่า “ที่จริงเมื่อวาน ชายผู้นี้ไม่ได้คืนเงินของคุณหรอก เงินที่เขาส่ง
ให้คุณนั้น เป็นเงินส่วนตัวของเขาเอง เขาเป็นคนดี เมื่อทราบว่า คุณทำเงินหายและเป็นเงินที่มีค่ามาก
เพื่อใช้เป็นค่าเล่าเรียนของลูกชาย เขารู้สึกสงสารจับใจและให้เงินที่ติดตัวมาทั้งหมดให้คุณครับ”

จากนั้น ตำรวจและผู้หญิงก็ช่วยกันพยุงชายคนนั้นลุกขึ้นยืน แล้วชายคนนั้นก็กล่าวอย่างสุภาพว่า
“โปรดนำเงินของผมไปชำระค่าเล่าเรียนของลูกชายคุณเถิด เมื่อสัก 10 นาทีมานี้ ผมเห็นคุณเดิน
ไปตามเส้นทางที่จะไปที่โรงเรียน ผมจึงเดินตามคุณไปเพื่อให้แน่ใจว่าจะไม่มีคนร้ายขโมยเงินค่าเล่า
เรียนของลูกชายคุณเท่านั้นแหละครับ”

เมื่อได้ยินคำอธิบาย ผู้หญิงคนนั้นถึงกับพูดไม่ออก
เช็ดน้ำตาและกล่าวขอบคุณชายคนนั้นด้วยความซาบซึ้ง

************************
จบบริบูรณ์
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 5937
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

อาทิตย์ เม.ย. 30, 2023 8:00 pm

( 21 )

Keep Going
.
ถ้าเปรียบปัญหาอุปสรรคเป็นภูเขา เราทุกคนมักคิดว่า ภูเขาตรงหน้าเราใหญ่กว่าภูเขา
ของคนอื่นเสมอ นั่นเป็นเพราะเรายืนอยู่ใกล้ภูเขาของเราเอง จึงมองว่ามันใหญ่โตมโหฬาร!
.
“ภูเขาลูกนี้ของฉันข้ามลำบากจริง ๆ” โจเซฟเพื่อนรุ่นน้องชาวอเมริกันยืนยัน แต่เมื่อถามว่า
เรื่องราวเป็นอย่างไร เขากลับตอบไม่ชัดเจน - -

“ฉันเองก็ไม่แน่ใจว่า ปัญหาคืออะไรกันแน่... บางที ฉันรู้สึกว่าตัวเองน่าเบื่อหน่าย เหมือนไม่ใช่
ตัวตนของเรา บางครั้งก็รู้สึกอึดอัด ไม่ชอบตัวเองเอาเสียเลย”
.
โจเซฟเล่าว่า หลังจากเรียนจบ เขาได้เข้าทำงานที่อื่นมาแล้ว 2 บริษัท ก่อนจะลาออกมาทำที่
บริษัทเดียวกับผม เขาบอกว่าทุกที่ที่เข้าทำงาน เขาตั้งใจทำเต็มที่ เขาพยายามเป็นมิตรกับทุกคน
ทำทุกอย่างตามที่พวกเขาต้องการ ทำให้ทุกคนพึงใจ แต่แปลก! ในขณะที่ใคร ๆ ก็ชอบเขา
ที่ทำงานไม่มีปัญหาแต่อย่างใด... ทว่าเขาเองกลับไม่มีความสุข - ตื่นมาทุกเช้าไม่รู้สึกกระตือรือร้น
ไม่อยากไปทำงาน เขาเลยตัดสินใจลาออก - เปลี่ยนงานใหม่ เปลี่ยนผู้คนสิ่งแวดล้อมใหม่ นึกว่า
จะแก้ปัญหาได้ แต่ในที่สุด ก็กลับมาเป็นเหมือนเดิม แต่ละที่ทำงานได้ไม่เกิน 4-6 เดือน

“แล้วที่นี่เป็นยังไง” ผมหมายถึงบริษัทที่เราทำงานด้วยกันในตอนนั้น “...ก็เหมือนเดิมอีกใช่ไหม?”
เขาหัวเราะก่อนตอบว่า
“ใช่ ดูเหมือนจะเป็นเหมือนเดิมอีก”
“ถ้าอย่างนั้น ฉันว่าปัญหาทั้งหมดอยู่ที่ตัวนายมากกว่า นายต้องแก้ไขที่ตัวเอง”
.
ผมว่าปัญหาของโจเซฟอยู่ตรงที่เขาเข้าใจผิดคิดว่า การเอาชนะใจผู้อื่นได้นั้น คือการทำให้คน
รอบข้างพอใจ เขาพยายามทำให้ทุกคนมีความสุข ซึ่งเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะทำให้คนทั้งร้อยทั้งโลก
ชอบเขา – เขาเอาใจคนอื่นจนหนักเหนื่อย ในที่สุด ตัวเองก็ไปต่อไม่ไหว...

เพราะตามใจคนอื่นมากไป จึงตามหาใจตัวเองไม่พบ!
.
เมื่อย้อนมองดู- - เราหลายคนก็เป็นเช่นนั้น เราเผลอเป็นอย่างโจเซฟ เราพยายามที่จะเป็นตามที่
พ่อแม่ต้องการให้เป็น, เป็นตามที่เพื่อนฝูงอยากให้เราเป็น, หรือเป็นตามที่เจ้านายจะพอใจ...
ใช้ชีวิตตามที่คนอื่นคาดหวังให้เป็น - -จนกลายเป็นภูเขาหนักอึ้งทับอกเราเอง!
.
“บางครั้ง ปัญหาไม่ได้อยู่ที่ภูเขา” ผมบอกโจเซฟ “จำไว้ว่า นายไม่สามารถเปลี่ยนแปลงความคิด
คนอื่น บางเรื่องนายไม่จำเป็นต้องฟังหรือทำตาม นายไม่จำเป็นต้องพยายามเอาใจทุกคน- -
และนายไม่ต้องไปเคลื่อยย้ายหรือทุบทำลายภูเขาใดทั้งสิ้น แค่เดินข้ามผ่านไปเท่านั้นเอง”

ไม่ต้องเอาชนะภูเขา แต่ชนะใจเราเองก็พอ!

. ผมรู้จักแอนน์จากงานเลี้ยงปาร์ตี้คริสต์มาสของบริษัทเมื่อหลายปีก่อน... เธอเป็นลูกสาวของมาร์ค -
เพื่อนร่วมงานคนหนึ่ง แอนน์เป็นเด็กสาวที่มีพรสวรรค์ทางด้านร้องเพลง แถมมีน้ำเสียงใสไพเราะ
ใครต่อใครจึงคะยั้นคะยอให้เธอร้องเพลงในคืนนั้น - เพียงขึ้นมาประโยคแรก ผมและหลายคนใน
งานต่างตะลึงในเสียงสวรรค์ของเธอ - หลายคนบอกให้เธออัดเสียงร้องเพลงแล้วเผยแพร่ทาง YouTube
.
ในช่วงแรก ยอดจำนวนผู้ที่เข้าไปชมคลิปร้องเพลงของเธอ มีเพียงไม่กี่สิบคน เฉพาะเพื่อนและญาติสนิท
ที่รู้เท่านั้น – ผ่านไป 2-3 สัปดาห์ เริ่มมีคนทั่วไปเข้ามาฟังบ้าง หลายคนชมเสียงของเธอว่าไพเราะ แต่ก็มี
บางคน ที่แสดงความคิดเห็นในเชิงลบ บ้างตำหนิ บ้างเย้ยหยันเสียดสี จนเธอรับไม่ได้ เกือบเลิกล้ม
ความคิดที่จะร้องเพลง...
.
“อย่าสนใจเลย คนทั่วไปชอบแสดงความคิดเห็นทั้งนั้น โดยเฉพาะในอินเตอร์เน็ต ใคร ๆ ก็พูดได้
โดยไม่ต้องรับผิดชอบ... เขามีสิทธิ์ที่จะพูด แต่เราก็มีสิทธิ์ที่จะเลือกรับฟัง” มาร์คบอกกับแอนน์

“เราไม่สามารถทำให้ทุกคนชอบเราได้หรอก เพราะถ้าเราพยายามที่จะทำอย่างนั้น ทำให้ทุกคนมี
ความสุข ทำให้ทุกคนชอบ เราเองนั่นแหละที่จะไม่มีความสุข และจะไม่ชอบตัวเอง... ถ้าเราต้องการ
จะไปให้ถึงจุดหมายของเราเอง เราต้อง keep going เดินหน้าต่อไป อย่าเสียเวลากับคำพูดข้างทาง
ความคิดเห็นที่ไร้สาระไม่มีค่าเหล่านั้น”
.
มาร์คชอบจักรยานเป็นชีวิตจิตใจ บางวัน เขาก็ปั่นจักรยานไปทำงาน เขาจึงเล่าให้แอนน์ฟังว่า- -

“เมื่อตอนที่พ่อเริ่มหัดขี่จักรยานใหม่ ๆ บางครั้ง ขณะที่ขี่ไปข้างหน้า พ่อเกิดมีความรู้สึกกลัวขึ้นมา
กลัวเสียงคนที่เตือนว่าระวังโน่นนี่ คอยกังวลว่าจะล้ม พอคิดอย่างนั้น พ่อก็ล้มทันที เพราะเท้าจะ
หยุดปั่นโดยไม่รู้ตัว เมื่อไม่ปั่น มันก็ล้ม แต่ถ้า keep going ปั่นต่อไปเรื่อย ๆ เราก็จะไม่ล้ม...
หลักการง่าย ๆ แค่นั้นเอง”

. โจเซฟลาออกจากบริษัทที่ 3 ซึ่งเป็นบริษัทที่เราทำงานด้วยกัน แต่นั่นเป็นเพราะฐานะการเงินของ
บริษัทเริ่มง่อนแง่น ไม่ใช่ลาออกด้วยสาเหตุเดิม ๆ แบบที่ผ่านมา เขาย้ายไปอยู่บริษัทที่ 4 - แทบ
ไม่น่าเชื่อว่า แม้เมื่อผมกลับมาเมืองไทยหลายปีแล้ว โจเซฟยังคงทำงานที่บริษัทเดิม - - ผมเดาว่า
เขาคงเป็นผู้ชนะอย่างสมบูรณ์แบบแล้ว ไม่ใช่ภูเขาหรอกที่เขาเอาชนะมาได้ - แต่เขาชนะใจตัวเอง
ต่างหากล่ะ!
.
เป็นเพราะแอนน์ keep going เธอไม่คิดกลัวกังวลว่าจะล้ม จักรยานของเธอจึงปั่นไปข้างหน้า
ได้อย่างราบรื่น – ยอดจำนวนผู้เข้าชมคลิปเพลงที่เธอร้อง ล่าสุด เข้าสู่หลักหมื่นแล้ว (ณ ขณะนั้น) ...
.
บนเส้นทางชีวิตของเราก็ไม่ต่างกัน ไม่ว่าเป้าหมายข้างหน้าอยู่ที่ไหน อย่าสนใจเสียงนกเสียงกา
อย่าหยุดเสียกลางทาง - Keep going แล้วเราจะไม่ล้ม!
.
ปะการัง

.
[ ตัดต่อบางส่วนจากหนังสือ #ถ้าใจเราใกล้อะไรก็ไม่ไกล โดย #ปะการัง ]

ภาพ : แซน ดิเอโก, แคลิฟอร์เนีย, สหรัฐอเมริกา
.
. . . . . . . . .
.
แนะนำหนังสือเล่มใหม่ของ ป ะ ก า รั ง
*************************************
.
“เพราะโลกกลม สักวันหนึ่ง ความรักนั้น จะวนกลับมาหาเรา”
หนังสือรวมถ้อยคำและความเรียง สำหรับกำลังใจแห่งชีวิต โดย ปะการัง ,
พร้อมภาพประกอบสีสวยตลอดเล่ม โดย ภูพเยีย
. . . . .
.
ตอบกลับโพส