เขียนโดย คุณสนธิ สารธรรม
จะขอนำสาระสำคัญๆ ของสมณสารของโป๊ป เลโอ ที่ 13 มาย่อๆ ดังนี้ *มนุษย์ทุกคนมีความเสมอ
ภาคกัน *ค่าของมนุษย์อยู่ที่การเป็นคน และการมีคุณธรรม *มนุษย์เป็นบุตรของพระเจ้าและทายาท
สวรรค์ *พระเจ้าทรงอยู่ข้างคนจน *การใช้คนเยี่ยงทาสเป็นการหมิ่นศักดิ์ศรีของมนุษย์ *มนุษย์มี
ความแตกต่างกัน ตามธรรมชาติในหลายด้าน แต่ความแตกต่างนั้นมีคุณประโยชน์ต่อสังคมมนุษย์ *
ธรรมชาติผลักดัน ให้มนุษย์อยู่ร่วมกันเป็นสังคม เช่น ครอบครัว, สมาคม, สหภาพแรงงาน *ทุนและ
แรงงานเป็นปัจจัยสำคัญในการผลิต ธรรมชาติกำหนดให้คนทั้งสองชนชั้นต้องพึ่งพาอาศัยกันและกัน
*ศาสนามีบทบาทสำคัญยิ่งในการรวมมนุษยชาติให้เป็นหนึ่งเดียวกัน *มนุษย์ทุกคนมีสิทธิโดยธรรมชาติ
ที่จะเป็นเจ้าของทรัพย์สิน *มนุษย์ต้องใช้ทรัพย์สินในทางที่ถูกต้อง พร้อมที่จะแบ่งปันแก่ผู้ขัดสน
*มนุษย์มีเสรีภาพในการนับถือศาสนา *คนรวยต้องควบคุมตนมิให้โลภในข้างของเงินทองจนเกินไป
และกินอยู่อย่างประหยัด *ส่วนคนจนก็มิให้เอาใจใส่ หาความสุขด้านวัตถุมากจนให้ความสนใจแก่
เรื่องจิตวิญญาณน้อยเกินไป *การทำงานมิใช่สิ่งไร้เกียรติ พระเยซูเองยังเกิดมาเป็นลูกช่างไม้ ฯลฯ
สมณสาสน์ฉบับนี้ยังเสนอแนวทางให้ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องโดยตรงปฏิบัติ คือทุนและแรงงานฝ่ายหนึ่ง
โดยมีพระศาสนจักรเป็นคนกลางประสานทั้งสองฝ่าย ทุนกับแรงงานต้องเคารพเกียรติและสิทธิของกัน
และกัน ปฏิบัติหน้าที่ที่มีต่อกันอย่างครบถ้วน ส่วนผู้บริหารบ้านเมือง ไม่ใช่วางตัวเฉยต่อสถาน
การณ์อยุติธรรมที่เกิดขึ้น แต่ต้องหันหน้ามาทำหน้าที่รักษาผลประโยชน์ของคนทุกชนชั้นอย่างเสมอหน้ากัน
หมายความว่า นายทุนพร้อมกับเจ้าหน้าที่ของบ้านเมือง เลิกนำเอาทฤษฎีเศรษฐศาสตร์ของสำนักคลาสสิก
มาปฏิบัติในชีวิต เศรษฐกิจของสังคม ได้แก่ลัทธิเสรีนิยมนั่นเอง ซึ่งปล่อยให้เอกชนมีเสรีภาพในกิจกรรม
ทางเศรษฐกิจ การแข่งขันอย่างเต็มที่ ตลอดจนการจ่ายค่าจ้างต่ำสุดแก่ผู้ขายแรงงาน เพื่อกำไรสูงสุดของ
คนชั้นกลาง โดยที่รัฐบาลเข้าแทรกแซงน้อยที่สุด ทฤษฎีนี้ได้สร้างความลำบากยากเข็ญแก่แรงงาน ส่วน
แรงงานก็ต้องหันหลังให้กับลัทธิสังคมนิยมของมาร์กซ์ นี่เป็นสมณสาสน์ที่โป๊ป เลโอ ที่ 13 ออกมาเพื่อ
สกัดกั้นลัทธิอุบาทว์คอมมิวนิสต์ ซึ่งยังไม่ทันโผล่หัวให้เห็นชัดนัก เมื่อร้อยปีที่แล้ว เพราะยังเป็นเพียงปรัชญา
ไม่มีอำนาจทางการเมืองสนับสนุน พระองค์เพียงแค่ "ไหว้ครู" (มวยไทย) เท่านั้น
พอระฆังยกแรกดังขึ้นในปี 1917 เมื่อพรรคบอลเซวิคโดยการนำของเลนิน เข้ายึดอำนาจในรัสเซีย
ก็เริ่มใช้วิชามารหัวแดงลัทธิสังคมนิยมคอมมิวนิสต์ โป๊ป เลโอ ที่ 13 ยังมิทันได้ต่อกรกับมารหัวแดง
ก็มรณภาพเสียก่อนในปี 1903 ขณะมีพระชนมายุ 93 พรรษา จึงเป็นหน้าที่ของโป๊ปองค์ต่อๆ มา ปะทะกัน
ถึง 73 ปีเศษ เจ้า "มารหัวแดง" จึงล่มสลายไป เป็นที่สะใจของคนทั้งโลก โป๊ป เลโอ ที่ 13 ยังได้ออก
สมณสาสน์สำคัญอีกฉบับหนึ่งชื่อ Humanum Genus เพื่อต่อต้านสมาคมลับฟรีเมซอน (FREEMASON)
ซึ่งพระองค์ถือเป็นมารสำคัญอีกตัวหนึ่ง เรียกกันว่า "มารหัวดำ" เป็นมารพระศาสนาโดยเฉพาะ วัตถุประสงค์
สำคัญคือต้องการทำลายนักบวชและศาสนาคริสต์ "มารหัวแดง" มีอายุแค่ 73 ปีเศษก็สิ้นท่า แต่ "มารหัวดำ"
เหนือชั้นกว่า คือ เกิดเมื่อปี 1717 ว่ากันว่าหนังเหนียวสุดๆ (มารหัวแดงเกิดเมื่อปี 1917 หลังมารหัวดำ
200 ปีพอดี)
ในปี 1738 โป๊ป เคลเมนต์ที่ 12 ประณามฟรีเมซอน และห้ามชาวคาทอลิกร่วมสมาคมมาโซนิก
นอกจากโป๊ป เบเนดิกต์ที่ 14, ปีโอที่ 7, ปีโอที่ 9 และ เลโอ ที่ 13 ก็ประกาศคว่ำบาตรสมาคมลับฟรีเมซอน
เช่นเดียวกัน ในปัจจุบันสมณกระทรวงว่าการพระสัจธรรมความเชื่อในปี 1983 ระบุว่า ใครก็ตามเข้าเป็น
สมาชิกมาโซนิก ถือว่ากระทำบาปข้ออุกฉกรรจ์ มีสมาชิกสมาคมลับฟรีเมซอนทั่วโลกอยู่ประมาณ 6 ล้านคน
แต่อยู่ในสหรัฐอเมริกาเสีย 4 ล้านคน
มีเรื่องเล่าต่อๆ กันมาว่า เรื่องเกิดในวันที่ 13 ตุลาคม 1884 เมื่อ โป๊ป เลโอ ที่ 13 เสร็จพิธีถวายมิสซา
ในโบสถ์น้อยส่วนพระองค์ ซึ่งมีพระคาร์ดินัลบางท่านกับเจ้าหน้าที่สำนักวาติกันร่วมพิธีด้วย ทรงประทับยืน
แน่นิ่งอยู่เชิงพระแท่น คล้ายถูกสะกดจิตราว 10 นาที พระพักตร์ซีดเผือด แล้วเสด็จไปยังโต๊ะพระอักษร นิพนธ์
บทสวดถวายเซนต์ ไมเคิล (หัวหน้าเทวดา ซึ่งเป็นผู้ขับเทวดาชั่วออกจากสวรรค์) บัญชาให้พระสงฆ์ทั่วโลก
คุกเข่าสวดบทนี้หลังพิธีมิสซาตั้งแต่นั้นมา มีผู้ทูลถาม "เกิดอะไรขึ้น" พระองค์ดำรัสตอบว่าขณะจะออกจาก
เชิงแท่น ได้ยินสองเสียงโต้เถียงกัน เสียงหนึ่งเยือกเย็นสุขุม อีกเสียงหนึ่งห้าว หยาบคาย ไม่มีน้ำไม่มีนวล
ดังมาจากหลังพระแท่น จึงยืนฟังจับความได้ดังนี้