“ สู่สงครามมหาประลัย “ (ตอนที่ 81-100)

ใครมาใหม่เชิญทางนี้ก่อน ทักทาย ทดลองโพส
ตอบกลับโพส
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 5937
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

จันทร์ ก.พ. 20, 2023 8:16 pm

📗~ สู่สงครามมหาประลัย ~📗
เขียนโดย คุณสนธิ สารธรรม 👉 ตอนที่ (81)👈

✴️~ สัญญาณเตือนสะเทือนโลก (C) ~✴️
         
แต่เวลากำลังจะหมดไปแล้ว ยุคปัจจุบันกำลังจะสิ้นสุดลง และเราได้รับคำสัญญาว่าจะได้ยุคใหม่
แห่งสันติภาพ สัญญาณเตือน จะเป็นเครื่องหมายชัดเจนประการแรกที่จะบ่งว่ายุคเก่ากำลังจะสิ้น
สุดลง พระเป็นเจ้าไม่ทรงปรารถนาให้เราอยู่ในกลุ่มคนที่ไม่ยอมกลับใจทันเวลา พระองค์ไม่เคย
ปรารถนาให้วิญญาณของลูกน้อยๆ ของพระองค์แม้แต่ดวงเดียวต้องพินาศไป
สัญญาณเตือนนี้จะเกิดขึ้นตอนบ่ายสองโมง ท้องฟ้าจะกลับมืดครึ้ม โลกทั้งโลกจะอยู่ในสภาพ
สับสนอลม่าน การทำลายล้างครั้งใหญ่จะอยู่ในใจของมนุษย์ ผู้คนจะคิดไปว่า โลกกำลังจะถึงกาลอวสาน
แล้วใครมีบาปมากก็กลัวมาก บาปของโลกช่างหนักหนาสากรรจ์ยิ่งนัก จนกว่าจะไม่มีอะไรจะมาทัดทาน
ได้อีกแล้ว สัญญาณเตือน จะต้องเกิดขึ้นอย่าได้คลางแคลงใจแม้แต่น้อยนิด
เมื่อประมวลเหตุการณ์ต่างๆ แล้วสรุปได้ว่า จะเกิดมืด 2 ช่วง ช่วงแรกจะเกิดตอนสัญญาณเตือน
เป็นเวลา 3 ชั่วโมง และในช่วงที่สองจะเกิดตอนมีการลงทัณฑ์ เป็นเวลา 3 คืน 3 วัน และมารีโลลีบอกว่า
สัญญาณเตือนนี้ จะเกิดขึ้น 1 ปีก่อนการเกิดปาฏิหาริย์ มารีโลลีไม่รู้ว่าสัญญาณเตือนนี้จะเกิดขึ้นวันไหน
แต่จะรู้ว่าเกิดปีไหน แล้วเธอยังบอกอีกว่า แม่พระให้สังเกตว่า "จะเป็นเวลาที่ดูเหมือนว่าพระศาสนจักร
ทำท่าจะล่มสลาย เมื่อพระสงฆ์จะมีความยากลำบากในการถวายบูชามิสซา หรือในการบูชาถวายมิสซา
หรือในการพูดเรื่องศักดิ์สิทธิ์ เรื่องศรัทธา เวลานั้นจะมาถึงเมื่อพระศาสนจักรให้ความรู้สึกว่ากำลังจะถึง
จุดหายนะ จะต้องผ่านการทดสอบที่น่ากลัว" เมื่อเธอถามแม่พระว่า "จะเกิดอย่างไร?" แม่ตอบเพียงว่า
"คอมมิวนิสต์"
2. ปาฏิหาริย์ แม่พระสัญญาว่า "ปาฏิหาริย์" จะเกิดขึ้นที่ทิวสนในวันพฤหัสบดี เวลา 20.30 น.
ระหว่าง 8 - 16 ระหว่างเดือนมีนาคม เมษายน พฤษภาคม ซึ่งจะเป็นวันฉลองมรณสักขีหนุ่มผู้ศรัทธา
ในศีลมหาสนิท
การบอกใบ้เหล่านี้ของแม่พระจำเป็นต้องไปค้นหาในปฏิทินคาทอลิก ทุกๆ วันจะถูกกำหนดให้เป็น
ฉลองนักบุญ หรือมรณสักขี (โดยมากเป็นวันตายของนักบุญองค์นั้น) มรณสักขี หมายถึงนักบุญที่ยอมตาย
เพื่อพระศาสนา ฉะนั้นเมื่อเปิด Encyclopaedia เพื่อหาชื่อนักบุญหนุ่มที่ยอมตายเพื่อยืนยันความเชื่อใน
ศาสนาคริสต์ ที่จะต้องตกวันที่ระหว่าง 8 - 16 ของเดือนมีนาคม เมษายน พฤษภาคม ก็พบว่าเป็น
นักบุญปันกราส หรือปังกราสิโอในภาษาอิตาลี ซึ่งจะมีประวัติย่อๆ ว่าเกิดที่ Frigia เป็นกำพร้ามาเข้าศาสนาค
ริสต์ตามคุณลุง เป็นนักกีฬามวยปล้ำ ตอนที่มีการเบียดเบียนศาสนาคริสต์ ท่านมีความศรัทธาต่อศีลมหาสนิท
ท่านนำศีลมหาสนิทที่พระสงฆ์เสกแล้วนำไปส่งให้ผู้ป่วย หรือชาวคริสต์อื่นๆ ที่หลบซ่อนในป่าช้าใต้ดิน โดย
ที่เป็นเด็กจึงหลบสายตาของพวกทหารโรมันไปได้ ผู้ให้รายละเอียดนี้คือ คอนชิตา ท่านไม่ยอมทิ้งศาสนาคริสต์
ทั้งๆ ที่รู้ว่าจะต้องถูกตัดคอ เมื่อปี ค.ศ. 304 มีอายุ 14 ปีตามปฏิทินคาทอลิก ฉลองของท่านจะตก
วันที่ 12 พฤษภาคม แม่พระได้บอกใบ้ไว้ว่า "ปาฏิหาริย์" จะเกิดวันพฤหัสบดี เมื่อดูปฏิทิน 200 ปีของ
คุณมงคลกริชติทายาวุธ ก็พบว่า วันที่ 12 พฤษภาคมที่เป็นวันพฤหัสบดี จะตกในปี ค.ศ. 2016
(ถ้าพลาดจากปีนี้คือ 2016 ก็จะต้องรอไปถึงปี 2022 วันที่ 12 พฤษภาคม จะเป็นวันพฤหัสบดีอีกครั้งหนึ่ง)
ซึ่งแม่พระบอกว่าจะเกิด "ปาฏิหาริย์" พอจะประมวลได้ว่าจะเป็นเสาเมฆหากดูตอนกลางวัน หากดูตอนกลางคืน
จะเป็นเสาไฟ จะลุกแต่ไม่ไหม้ เสานี้จะเป็นรูปกางเขน จะเกิดเหนือต้นสนที่แม่พระเคยปรากฏมาที่คาราบันดัล
เสาเมฆหรือเสาไฟที่เป็นรูปกางเขนนั้นอาจจะถ่ายรูปหรือวิดีโอก็ได้ แต่จะจับต้องไม่ได้ เครื่องหมายกางเขนนี้
จะคงอยู่ตลอดไปไม่มีวันเสื่อมสลาย ทุกคนในหมู่บ้านและทิวเขาโดยรอบจะมองเห็นได้ คนเจ็บคนป่วยที่อยู่
ในบริเวณนั้นจะหายจากโรคอย่างปาฏิหาริย์ คนบาปคนไม่เชื่อในพระเจ้าจะกลับใจ รัสเซียจะกลับใจหลัง
ปาฏิหาริย์นี้ โป๊ปจะเห็นปรากฎการณ์นี้ไม่ว่าพระองค์จะอยู่ที่ไหนก็ตาม
เกี่ยวกับ "ปาฏิหาริย์" ครั้งนี้มีกรณีหนึ่งที่น่าสนใจ เป็นจดหมายที่ คอนชิตา เขียนไปถึงโจอี้ โลมานจิโน
เมื่อวันที่ 19 มีนาคม 1964 ใจความว่า : "โจอี้ที่รัก เมื่อวันที่สวนสนแม่พระได้กระซิบในใจฉันมาบอกเธอว่า
ในวันปาฏิหาริย์ครั้งใหญ่นั้น เธอจะได้ดวงตาใหม่" ถึงแม้โจอี้จะรู้ว่าตาพิการของเขาจะรักษาให้หายไม่ได้แล้ว
แต่จดหมายของแม่พระในปี 1964 นั้น ทำให้เขาเชื่อว่าวันหนึ่งเขาจะมองเห็น คอนชิตาย้ำในจดหมายต่อไปว่า
"สิ่งแรกที่โจอี้จะเห็น จะเป็นปาฏิหาริย์ซึ่งพระบุตรของแม่พระจะทรงแสดงโดยการเสนอของแม่
และนาทีนั้นเขาจะมองเห็นเสมอไป"
โจอี้เกิดเมื่อวันที่ 27 มิถุนายน 1931 ใกล้บรูกลิน นิวยอร์ก เมื่ออายุได้ 16 ปี ขณะโจอี้กำลังสูบยาง
รถบรรทุกน้ำแข็งและถ่าน ยางก็ระเบิดใส่หน้า ยางฟาดเข้าที่ตาทั้งสองข้าง ตัดประสาทดมกลิ่นและสายตา
ของเขา โจอี้ไปคาราบันดัลหลายครั้งจนได้ชื่อว่า "สาวกตาพิการแห่งคาราบันดัล"
3. การลงทัณฑ์ ในเดือนกรกฎาคม 1962 คอนชิตา มารีโลลี และ ยาชินทา ได้เห็นนิมิตว่า การลงทัณฑ์
นั้นจะมีสภาพเป็นอย่างไร แม่พระบอกเด็กทั้ง 3 นี้ว่า "ถ้าเราไม่ฟังการเตือนนี้ และมนุษยชาติไม่เปลี่ยนแปลง
หลังการเตือน และปาฏิหาริย์ที่สวนสน พระเจ้าจะส่งการลงทัณฑ์มาแน่ ในการพรรณนาถึงการลงทัณฑ์นั้น
มารีโลลี กล่าวว่า "มันแย่ยิ่งกว่ามีไฟสุมในหัวเราอีก ไฟข้างใต้ ไฟรอบตัวเรา เธอเห็นผู้คนทิ้งตัวลงไป
ในทะเล แต่แทนที่ไฟจะดับ กลับยิ่งทำให้ไหม้หนักขึ้นอีก.


💞🌟💞 โปรดติดตามตอนต่อไปในวันพรุ่งนี้ 💞🌟💞
แก้ไขล่าสุดโดย rosa-lee เมื่อ พฤหัสฯ. มี.ค. 02, 2023 8:06 pm, แก้ไขไปแล้ว 4 ครั้ง.
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 5937
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

จันทร์ ก.พ. 20, 2023 8:37 pm

📗~ สู่สงครามมหาประลัย ~📗
เขียนโดย คุณสนธิ สารธรรม 👉 ตอนที่ (82)👈

✴️~ การลงโทษ (1) (A) ~✴️
         
* เป็นช่วงเวลาแห่งพระพรอันยิ่งใหญ่ เพราะเป็นเวลาที่ร้ายกาจ และช่วงเวลาแห่งหายนะอันยิ่งใหญ่
ที่จะนำหน้ามาก่อน การลงโทษครั้งยิ่งใหญ่.......
* ...ช่วงเวลาแห่งพระพรจะสิ้นสุดในอีกไม่ช้านี้ เพราะเหตุว่าในขณะนี้การลงโทษเข้ามา
ใกล้เต็มทีแล้ว
พระเพลิงจะโหมมาจากฟากฟ้า
* ในปีเหล่านี้ที่แสนวิปโยคแห่งการทดสอบ เป็นสิ่งที่แม่ได้แจ้งไว้ล่วงหน้ามาแล้วในหลายๆ
วิธี และด้วยสัญญาณมากมาย..... แม่เห็นมหันตภัยซึ่งกำลังทยอยมาเพื่อเป็นการลงโทษ ซึ่งขณะนี้
มาจ่อที่หน้าประตูแล้ว...
พวกเธอจงเข้าไปในที่ปลอดภัย... เพราะพวกเธอสามารถผ่านเข้าสู่ที่ปลอดภัย ณ ช่วงเวลาที่
น่าประหวั่นพรั่นพรึงแห่งมรสุมใหญ่ในดวงหทัยนิรมลของแม่ ซึ่งในขณะนี้ถือว่ามาถึงแล้ว.. เพราะว่า
แม่คือเรือสำเภาแห่งพันธสัญญาใหม่ ในสมัยโนอาห์ในทันทีก่อนที่น้ำมหาวินาศจะมาถึงคนเหล่านั้น
ซึ่งพระเจ้าได้กำหนดให้รอดปลอดภัยจากการลงโทษที่น่ากลัว นำหน้ามาก่อนถึงวันของพระเจ้า
* ....เราคือ ผู้มีความเมตตาอันหาที่สุดมิได้ จนกว่าจะถึงเวลาที่เราจะกลับมาดั่งตุลาการผู้เที่ยง
ธรรม ... และแล้วพระเจ้าจะเสด็จเข้ามาแทรกแซง ดังในสมัยของโนอาห์ แต่ทว่า แทนที่จะเป็นน้ำมหา
วินาศ ก็จะเป็นฝนแห่งมหาพระเพลิง และบรรดาปีศาจจะเป็นผู้จัดการการลงโทษ
* .....หายนะเข้ามาใกล้แล้ว เหมือนสมัยของโนอาห์ ประชาชนจะถูกทำลายมิใช่จากคลื่นน้ำ
แต่จากพระเพลิง เพราะว่าพวกเขาทำบาปต่อพระเจ้า
* ใครก็ตามที่แขวนรูปภาพไว้ในบ้านจะถูกไว้ชีวิตจากการลงโทษ เหมือนที่ชาวยิวโบราณที่ทำ
เครื่องหมายกากบาทด้วยเลือดของลูกแกะในพิธีรำลึกถึงการอพยพจากอียิปต์ไว้หน้าบ้าน จะถูกไว้ชีวิต
จากเทวดามือปราบ ก็จะเป็นเช่นเดียวกันในช่วงเวลาแสนวิปโยค คนเหล่านั้นที่ได้ให้เกียรติเราด้วยการ
แขวนรูปภาพก็จะถูกไว้ชีวิตเช่นเดียวกัน
* การแพร่ความชั่วร้ายได้กระจายความหลงผิดมากมายบนโลก โดยการปลุกเร้าให้เกิดการเบียด
เบียน ความพินาศและความตาย ถ้าผู้คนยังไม่หยุดทำเคืองพระทัยพระบุตรของเรา ไม่นานนักหรอกที่
ความยุติธรรมแห่งพระบิดาเจ้า จะส่งการเฆี่ยนสอนที่สาสมลงมาบนโลก และจะเป็นการลงโทษที่
ร้ายกาจกว่า อย่างที่ไม่เคยพบมาก่อนในประวัติศาสตร์มนุษยชาติ
* ช่วงเวลาที่แสนวิปโยครู้กันล่วงหน้าแล้ว!..... เราขอประกาศให้พวกเธอรู้ว่าสิ่งที่จะเกิดในเร็ววันนี้
จะเป็นอะไรที่ร้ายกาจกว่า ไม่ว่าในแง่ใดก็ตาม.... จะเป็นการลงโทษชนิดใดหนอที่เรากำลังพูดถึงนี้?
เป็นการลงโทษด้วยการทำลายโลก : ชาวบ้านจะต่อสู้กับชาวบ้าน ชนชาติหนึ่งจะลุกขึ้นต่อสู้กับ
อีกชนชาติหนึ่ง และอาณาจักรหนึ่งจะลุกขึ้นต่อสู้กับอีกอาณาจักรหนึ่ง พวกแม่ๆ ต่างก็จะดุด่าว่าลูกๆ
พวกลูกๆ ก็จะดูหมิ่นดูแคลนพวกแม่ๆ น้ำตาและน้ำตา ธารแห่งน้ำตา แม่น้ำแห่งน้ำตาจะท่วมแผ่นดิน
* หลายคนเชื่อว่า การลงโทษครั้งใหญ่จะเป็นการทำลายโลกทั้งโลก แต่จะไม่เป็นดังนั้น
* .....ถ้ามนุษย์ไม่เปลี่ยนแปลงโดยเด็ดขาด การลงโทษนี้ก็เป็นสิ่งจำเป็น จะเป็นแผนอีกขั้นหนึ่ง
แห่งพระเมตตา เพราะมนุษยชาติสามารถได้รับความรอดพ้นได้... หากใครก็ตามในชั่วโมงวิกฤตินั้น
จะร้องเรียกนามของเรา
* จะเกิดหายนะครั้งใหญ่ เราได้เห็นลางสังหรณ์ถึงความกระวนกระวายของผู้คนมากมาย
แต่ซาตานยังยิ้มย่องผ่องใส ความชั่วร้ายมากเหลือเกิน ทั้งในโลก ในพระศาสนจักร ในหมู่นักบวช
ทั้งชั้นผู้ใหญ่ และชั้นผู้น้อย พวกเธอจงอธิษฐานภาวนา ทำพลีกรรมถวายพระเจ้า เพื่อการลงโทษจะ
ลดหย่อนลงสำหรับคนดี
* ซาตานจะครองอำนาจอยู่ได้อีกไม่นานนัก พระเจ้าจะประทานสัญญาณ เพื่อว่ามนุษย์จะสามารถ
กลับใจ สัญญาณนั้นจะเห็นได้ทั่วทั้งแผ่นดิน หลังจากนั้น ถ้ามนุษย์ยังไม่กลับใจ ก็จะมีการลงโทษ เป็น
การลงโทษที่หนักหนาสาหัส โดยอาศัยคำภาวนา และการใช้โทษบาปอย่างจริงใจเท่านั้น การลงโทษ
ที่ฉกาจฉกรรจ์ก็สามารถบรรเทาเบาบางลงได้
* การลงโทษอาจถูกถอนออกไป หรือบรรเทาเบาบางลง หากบรรดาพระสังฆราช
และบรรดาพระสงฆ์จะเป็นหัวหน้าจัดขบวนการการอธิษฐานภาวนาอย่างร้อนรน

💞🌟💞 โปรดติดตามตอนต่อไปในวันพรุ่งนี้ 💞🌟💞
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 5937
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

จันทร์ ก.พ. 20, 2023 8:41 pm

📗~ สู่สงครามมหาประลัย ~📗
เขียนโดย คุณสนธิ สารธรรม 👉 ตอนที่ ( 83 )👈

✴️~ การลงโทษ (1) (B) ~✴️
         
พวกเธอกำลังเข้าสู่ช่วงเวลาที่จะเกิดเหตุการณ์ต่างๆ ที่ได้ถูกทำนายไว้นานแล้ว พวกเธอกำลัง
เข้าสู่ชั่วโมงแห่งการลงโทษ หรือความรอดพ้น...
* ....เราต้องรักและสวดให้ศัตรูของเราด้วย เพื่อว่าพวกเขาจะได้รู้จักพระเจ้าและรักพระองค์
เพื่อจะได้ทำให้เกิดดุลยภาพบนโลกในเรื่องความเมตตาและความยุติธรรม ก่อนที่การลงโทษ
ครั้งใหญ่ที่กำลังแขวนอยู่นั้น ซึ่งเราได้แจ้งคำประกาศต่างๆ ที่เตือนใจจากทุกภาคส่วนของแผ่นดิน
* พระบิดาทรงประกาศการลงโทษที่น่าสะพรึงกลัวสำหรับคนเหล่านั้นซึ่งไม่ยอมปฏิบัติตาม
พระประสงค์ของพระองค์... จิตใจของมนุษย์จะแตกต่างกันไปเกี่ยวกับสารข้อนี้ หลายคนจะไม่ยอม
ปฏิบัติตาม แต่จะมีกลุ่มเล็กๆ จะเข้าใจพระประสงค์ของพระองค์อย่างถ่องแท้
* เพื่อทำให้ทั้งโลกเข้าใจว่าพระองค์ถูกทำให้เคืองพระทัยมากเท่าไร พระบิดาจึงทรงเตรียม
การลงโทษให้ตกลงมาสู่มนุษยชาติทั้งมวล
* พระบิดานิรันดรจะส่งการลงโทษครั้งใหญ่ : ทั้งบนแผ่นดินและบนท้องฟ้านภากาศจะถูกกระหน่ำ
จนสะเทือนเลือนลั่น ถ้าหากมนุษย์ยังปล่อยตัวมัวเมาในกิเลสตัณหา และยังไม่ยอมบำเพ็ญภาวนา
และชดเชยบาปที่ได้กระทำ โลกจะอยู่ในความพินาศ การลงโทษใกล้เข้ามาแล้ว
* การลงโทษของเราไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ จะต้องมีภัยพิบัติที่น่ากลัวสักครั้งบนโลก เพราะเมื่อนั้น
แหละพวกที่เชื่อผิดๆ เหล่านั้นคงจะพูดเหมือนนายร้อยโรมันคนนั้นว่า "ใครที่ได้ทำให้เกิดสิ่งเหล่านี้
ได้ต้องเป็นพระเจ้าเท่านั้น ผู้เป็นเจ้านายของท้องฟ้านภากาศและพื้นแผ่นดินที่แท้จริงเท่านั้น...
จงอธิษฐานภาวนาเพื่อให้พระพิโรธจงถูกระงับเถิด เพื่อว่าการลงโทษอย่างน้อยจะได้ลดทอนลงมา
และใช้เวลาสั้นลงบ้าง
จะเกิดขึ้นเมื่อไร?
* .....พระบิดาจะทรงส่งการลงโทษครั้งใหญ่ต่อมนุษยชาติทั้งมวลในศตวรรษที่ ..... ซาตานกำลัง
ครองอำนาจในตำแหน่งสูงๆ เมื่อซาตานจะสามารถเข้าครองอำนาจไปถึงสุดยอดของพระศาสนจักร
พวกเธอจงรู้ไว้เถิดว่า เมื่อนั้นแหละมันจะสามารถชักจูงจิตใจของนักวิทยาศาสตร์ที่สำคัญ และเมื่อนั้น
แหละจะเป็นเวลาซึ่งพวกเขาจะเข้ามาด้วยอาวุธยุทธภัณฑ์ที่ทรงพลัง ซึ่งจะสามารถทำลายส่วนใหญ่
ของมนุษยชาติ.... และเมื่อนั้นพระบิดาจะทรงสำแดงพระพลานุภาพในการลงโทษครั้งใหญ่อีกครั้งหนึ่ง....
* ด้วยเหตุที่มนุษยชาติไม่ได้ฟังคำเชื้อเชิญให้กลับใจและใช้โทษบาป แล้วกลับมาหาพระองค์
การลงโทษต่อมนุษยชาติครั้งนี้ จะไม่เคยมีครั้งใดในประวัติศาสตร์เคยรู้จัก เป็นการลงโทษที่ใหญ่
กว่าน้ำมหาวินาศ จะมีไฟตกมาจากฟากฟ้า และมนุษยชาติส่วนใหญ่จะถูกทำลายไปสิ้น
* ในชั่วโมงที่น่ากลัวแห่งความโศกสลดรันทดใจ!..... การลงแส้ครั้งใหญ่เป็นอะไรที่น่ากลัว
น่ากลัวสุดๆ พวกเธอมิอาจจะคาดเดาได้เมื่อสิ่งที่น่ากลัวนี้จะเกิดขึ้น พวกเธอจะเป็นอย่างไรหนอ?
พระพิโรธของพระเจ้ากำลังล้นถ้วยแล้ว!
* จะเป็นหายนะแก่คนเหล่านั้นที่ไม่รู้จักต้อนรับขับสู้เขาผู้นั้นที่จะผ่านมา พระบุตรของแม่ หาก
มนุษย์ไม่อยากเข้าใจและไม่อยากรับรู้เขาผู้นั้นที่จะผ่านมา เมื่อนั้นแหละ มนุษย์เอ๋ย จะเห็นพระพิโรธ
ที่น่าสะพรึงกลัวของพระเจ้า
มหาวิปโยคซึ่งจะกระหน่ำมนุษยชาติอย่างชนิดที่ว่าจะเปลี่ยนแปลงภูมิศาสตร์ของโลก และ
มนุษยชาติจะลดจำนวนลงมา และหยุดระบบทรราชมหากาฬของซาตาน ซึ่งถูกขนาบจากพระแม่ผู้
ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดของเรา และด้วยกองทัพของพระนาง เราจะขังมัน ขังไว้ในนรกที่ถูกสาปนั้นเอง
* ถ้วยแห่งความยุติธรรมของพระเจ้าจะถูกสงวนไว้บนโลก และในชั่วโมงนั้นจะไม่มีใคร
สามารถระงับพระพิโรธของพระเจ้าได้ ที่ใดเคยเป็นน้ำจะกลายเป็นแผ่นดิน ที่ใดเคยเป็นพื้นแผ่นดิน
จะกลายเป็นพื้นน้ำ ความพินาศฉิบหายจะเกิดขึ้น จงบอกให้โลกรู้ว่าการลงโทษของพระเจ้าจะเกิดขึ้น
และการลงโทษที่ร้ายกาจสุดๆ จะไม่มีใครเชื่อในเบื้องต้น ซึ่งเมื่อได้ประสบกับตัวเองแล้วจึงยอมเชื่อ
เมื่อการลงโทษของพระเจ้าได้เกิดขึ้นแล้ว หลายคนจะกลับมาเชื่อว่าสิ่งนี้เป็นเรื่องของพระเจ้า แต่อีก
บางคนก็ยังคงทำตัวเหมือนเดิม
* พระบิดาทรงเทถ้วยแห่งพระพิโรธมายังมนุษย์ที่ได้ปฏิเสธพระบุตรของพระองค์

💞🌟💞 โปรดติดตามตอนต่อไปในวันพรุ่งนี้
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 5937
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

อังคาร ก.พ. 21, 2023 7:22 pm

📗~ สู่สงครามมหาประลัย ~📗
เขียนโดย คุณสนธิ สารธรรม 👉 ตอนที่ (84)👈

✴️~ การลงโทษ (1) (C) ~✴️
        
  * .....จำเป็นต้องทำพลีกรรมมากๆ คือ ดำเนินชีวิตประจำวันด้วยความเสียสละและอดทน และ
ต้องทำกิจใช้โทษบาปมากๆ แล้วต้องเข้าโบสถ์ อธิษฐานภาวนามากๆ โดยคุยกับพระเยซูใน
ศีลมหาสนิทบนพระแท่นบ่อยๆ แต่ก่อนอื่นใดทั้งหมด เราต้องตั้งจิตตั้งใจที่จะประพฤติตนให้
เป็นคนดี มิฉะนั้นแล้วจะเห็นการลงโทษที่ใหญ่ขึ้น การลงโทษจะมาถึงแน่ๆ
* .....พวกเธอเปรียบเสมือนน้ำหยดสุดท้ายที่จะทำให้น้ำล้นอ่าง (ของเขื่อน) ถ้าน้ำหยดนี้
ทำให้น้ำล้นอ่าง เขื่อนก็จะพังทลายก่อความพินาศให้บ้านเรือน ไร่นา ป่าเขาลำเนาไพร เหลือ
ที่จะคาดเดาได้
* ไฟแห่งความยุติธรรมกำลังโหมลงมาอย่างรุนแรง... แผ่นดินจะถูกเผาไหม้จนวายวอด
ไม่มีอะไรเหลือ
* โลกจะถูกย้อมเป็นสีแดง เป็นการปลุกมนุษย์ให้ตื่นขึ้นเป็นครั้งสุดท้าย ด้วยเหตุการณ์
ที่น่ากลัวแบบสุดๆ ถ้ามนุษย์ยังไม่ยอมกลับตัวกลับใจเสียใหม่ จะเกิดสงครามโลกครั้งที่ 3 หลัง
จากเกิดดาวหางซึ่งจะล้างผลาญแผ่นดินจนย่อยยับ
เขียนคำทำนายจากต้นฉบับภาษาอิตาลีที่กล่าวถึงสงครามโลกครั้งที่ 3 ก็พอดีได้รับจดหมาย
จากแคนาดาของบาทหลวง Gruner วิเคราะห์หนังสือชื่อ Evil forces are driving the World toward War
โดย James Hanisch ที่กล่าวถึงเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้น เมื่อเดือนกรกฎาคม 2014 ซึ่งถือว่าเป็น
ชนวนของสงครามโลกครั้งที่ 3 เมื่อเครื่องบินมาเลเซียแอร์ไลน์ MH 17 ถูกยิงตกที่ยูเครน เมื่อ
ก.ค. 2014 มีการประโคมข่าวว่า :
* เครื่องบินโดยสารของสายการบินมาเลเซียแอร์ไลน์ MH 17 ถูกยิงตกโดยรัสเซียเหนือแผ่นดิน
ยูเครน นี่เป็นความเท็จ ความจริงคือ : เครื่อง MH 17 ถูกทำลายพร้อมผู้โดยสารทั้งหมด 298 คน เสียชีวิต
โดยเครื่องบินรบติดจรวดของยูเครน สื่อตะวันตกไม่รู้ความจริงแล้วไปออกข่าวตามสคริปต์ที่ได้รับ
* รัสเซียกำลังพยายามที่จะเข้าไปยึดครองยูเครนโดยใช้กำลังทหาร นี่เป็นความเท็จ! ความจริงก็คือ
รัสเซียกำลังถูกท้าทายจากตะวันตกคือ สหรัฐ และอียู ซึ่งกำลังซุ่มทำรัฐประหารในเคียฟ และกำลังขับ
เคลื่อนกองกำลัง นาโต ไปตามชายแดนรัสเซีย
* ตะวันตกจะต้องลงโทษรัสเซียด้วยการแซงก์ชั่นทางเศรษฐกิจ ถ้าหากสิ่งนี้สามารถหยุดรัสเซีย!
นี่เป็นความเท็จ ความจริงก็คือ : ตะวันตกทำให้เศรษฐกิจของรัสเซียเป็นง่อย เพื่อหนุนความเหนือชั้นทาง
เศรษฐกิจของตนเอง!
* รัสเซียคุกคามตะวันตกด้วยอาวุธนิวเคลียร์ นี่เป็นความเท็จ! ความจริงก็คือ : กองกำลังทางทหาร
ของสหรัฐซึ่งกำลังเตรียมยุทธศาสตร์ชิงโจมตีก่อน ซึ่งจะกระตุ้นให้เกิดสงครามนิวเคลียร์ !
ทำไมหนอพวกเราจึงถูกถล่มด้วยการโกหกคำโตๆ จากบรรดาสื่อต่างๆ และรัฐบาล ทำไมตะวันตก
จึงกำลังพยายามท้าทายเพื่อให้เกิดการเผชิญหน้ากับรัสเซีย
มีเหตุผลข้อหนึ่ง : เพราะบรรดาผู้นำตะวันตกต่างแน่ใจว่า พวกตนสามารถชนะสงครามนิวเคลียร์
และจะสามารถทำลายรัสเซียในครั้งนี้และตลอดไปอย่างแน่นอน
นี่คือสิ่งที่ปรากฏตามสื่อต่างๆ
ช่างเป็นเรื่องบัดซบ! ไม่น่าเชื่อ และบ้าคลั่งเสียจริงๆ
บาทหลวง Gruner วิจารณ์ต่อไปว่า สงครามเมื่อได้เริ่มแล้วทุกชาติจะใช้คลังแสงอาวุธนิวเคลียร์
ของตนเอง เพื่อเอาชนะศัตรูของตนให้ได้
* .....มหาวิปโยคครั้งใหญ่จะทำให้พื้นผิวแผ่นดินพลิกผัน สับสนอลหม่านไปทั่ว ท้องฟ้าจะสาดแสง
แดงจ้าด้วยเปลวเพลิง บางคนจะถูกไฟเผากลายเป็นเถ้าถ่านเพราะบาปของพวกเขา ทั้งทะเลและมหาสมุทร
ก็โดนพายุคลื่นซัดพัดกระหน่ำซ้ำเดิมอย่างไม่รู้หยุดหย่อน ส่วนแผ่นดินนั้นก็สั่นสะท้านหวั่นไหวถล่มทลาย
มลายไปทั่ว
* โลกจะประสบชะตากรรมที่โหดร้ายยิ่งกว่าน้ำมหาวินาศ ถ้วยแห่งพระพิโรธของพระเจ้าจะเทลงมา
ยังประชาชาติ แต่เทวดาแห่งสันติสุขจะไม่รอช้าที่จะลงมายังแผ่นดิน.

💞🌟💞 โปรดติดตามตอนต่อไปในวันพรุ่งนี้ 💞🌟💞
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 5937
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

พุธ ก.พ. 22, 2023 8:27 pm

📗~ สู่สงครามมหาประลัย ~📗
เขียนโดย คุณสนธิ สารธรรม 👉 ตอนที่ (85 )👈

✴️~ การลงโทษ (2) (A) ~✴️
        
  * มหาวิปโยคจะดำเนินไปบนแผ่นดิน ท้องฟ้านั้นเล่าก็สาดแสงของเปลวเพลิง.... บ้างก็ถูกไฟเผาตาย
เพราะบาปของตัวเอง ทั้งทะเลและมหาสมุทรจะปั่นป่วนม้วนตัวเป็นคลื่นสูงทั้งวันทั้งคืน ส่วนแผ่นดินก็
สั่นสะเทือนเลือนลั่นทั้งวันทั้งคืนเช่นกัน ส่งผลให้ตึกรามบ้านช่อง ห้องหอล้มระเนระนาดอยู่ดาษดื่น
* โลกเป็นอะไรที่เลวร้ายกว่า น้ำมหาวินาศ (น้ำท่วมโลก) สมัยโนอาร์เสียอีก! ถ้วยแห่งพระพิโรธ
ของพระเจ้าได้ถูกเทลงสู่นานาชาติ แต่เทวดาแห่งสันติสุขจะไม่รอช้าที่จะลงมายังแผ่นดิน
การลงโทษสำเร็จทุกประการ
* ดาบสายฟ้าดาบแรกก็คือ ภูเขาน้อยใหญ่และธรรมชาติทั่วไปจะสั่นสะท้านและหวั่นไหว
ทำให้ผู้คนตกตะลึงพรึงเพริด... กรุงปารีสจะถูกเผาจนวายวอด มาร์กเซย จะถูกกลืนไปทั้งเมือง
เมืองใหญ่ๆ ทั้งเมืองจะถูกเขย่าและถูกกลืนกินจากแผ่นดินไหว เชื่อกันว่าทุกสิ่งจะสูญสิ้นไป จะไม่เห็น
อะไรนอกจากการฆ่าฟันกัน จะได้ยินเสียงคำรามของอาวุธยุทธภัณฑ์หลากชนิด และเสียงสบถสาป
แช่งสุดที่จะบรรยายได้
* หายนะแก่ผู้คนบนแผ่นดิน! สัตว์บนอวกาศจะตกมาเป็นสายฝน เป็นที่น่าเวทนาเป็นที่สุด
ฟ้าผ่าจะทำลายเมืองทั้งเมือง แผ่นดินไหวกลืนไปหลายเมือง จะได้ยินเสียงร้องไปตามสายลม
แต่ความตายจะทรมานพวกเขาให้ตายไปอย่างช้าๆ เลือดจะไหลไปทุกซอกทุกมุม... ไฟจากท้องฟ้า
จะตกลงมาและทำลายไป 3 เมือง.... ดวงอาทิตย์จะเริ่มมัวลง
* เวลานั้นมาถึงแล้ว จากตะวันตกสู่ตะวันออก ความรุนแรงของธรรมชาติจะบ่มเพาะ
ความทุกข์ทรมาน..... ภูเขาจะแตกจนแหลกละเอียด
* ภูเขาจะสั่นไหว และน้ำทะเลจะลุกเป็นไฟ.....
* ผู้คนบนแผ่นดินต่างตกตะลึงจนขวัญหนีดีฝ่อ เพราะระดับน้ำทะเลสูงขึ้นๆ และในทันใดนั้น
เองอากาศก็ลุกเป็นไฟ.... ความตื่นตะลึงอะไรจะมาเปรียบ เมื่อคนเหล่านั้นซึ่งถูกปฏิเสธการกลับเป็น
ขึ้นมาของพระเยซู จะเห็นคนตายเดินออกมาจากหลุมฝังศพ ช่างเป็นความวุ่นวายไปทั่วแผ่นดิน!
ศัตรูทุกคนของพระบิดาของเราจะรู้สึกกลัวสุดที่จะบรรยายได้ ในชั่วโมงนี้ความอวดดีของพวกเขา
ไปอยู่ที่ไหนเสียหละ? เสียงกรีดร้องอันระทดระทวยจะระงมไปทั่ว ความสับสนอลหม่านจะแผ่ซ่านไป
ทุกหนทุกแห่ง แต่จะไปสิ้นสุดลงด้วยเสียงร้องคร่ำครวญเป็นที่น่าเวทนายิ่งนัก ท่ามกลางความสับสน
อลหม่านของพายุเฮอริเคน และเสียงกรีดร้องจะเพิ่มขึ้นอย่างน่ากลัวในความตกตะลึงพรึงเพริดของน้ำ
และไฟ ซึ่งจะกลืนกินทุกอย่าง อย่างที่จะต้องถูกทำลายล้างภาพที่ปรากฏช่างน่ากลัวสุดๆ เป็นภาพตาม
คำทำนายของพระธรรมวิวรณ์ ใช่แล้ว! ชั่วโมงนี้ป็นชั่วโมงแห่งการก้าวข้ามแห่งพระพิโรธและแห่ง
ความยุติธรรมของพระเจ้า พระบิดาของเรา
* .....คลื่นของน้ำทะเลจะลามเข้าสู่แผ่นดินเป็นคลื่นที่ลุกเป็นไฟ ภาพของผีสางนางไม้สารพัด
ที่ผุดขึ้นมาทั่วแผ่นดิน แต่จะยังมีหลุมฝังศพเป็นชั้นๆ ทับซ้อนอยู่บนเสื้อคลุมของเรา
อย่าได้คอยชั่วโมงนั้นวันนั้น เพราะความลับของบิดาแห่งสวรรค์ ถูกซ้อนเร้นแก่โลก จะเป็น
วันที่พวกเธอไม่เคยคาดคิด
* ช่วงเวลาที่จะมาถึงจะโหดร้ายสุดๆ.... แม้ชาวคริสต์รุ่นแรกเริ่มเดิมทีที่กำลังอยู่ในบ่อของสิงโต
ได้ทำให้เจ็บปวดมากเท่าไหร่ ก็จะเหมือนคนที่จะพบตัวเองในกองไฟที่กำลังถึงตัวเองนั่นแหละ! ...
พวกลูกๆ ที่ไม่ยอมรับการทดสอบนี้ ต่างก็เสี่ยงทำไปเพื่อปลดปล่อยความทุกข์ทรมานของพวกเขา
เหมือนที่บางคนได้เผชิญกับต้นเหตุของความสับสนภายในจิตใจของพวกเขา
* การชำระล้างครั้งใหญ่ด้วยไฟ ซึ่งกำลังจะรวบรวมทุกคนให้เป็นหนึ่งเดียวกัน
* การลงแส้ด้วยไฟที่น่าสะพรึงกลัว ซึ่งกำลังลงมาจากฟากฟ้ามาสู่ทุกผู้ทุกนามบนแผ่นดิน
* ....เนื่องจากการลงโทษที่น่ากลัวจะมาถึง หากพวกเขาไม่ยอมเชื่อว่าพวกเขาจะทำอย่างไรดี..?
พวกเขาจะไม่มีเวลามากพอที่จะไตร่ตรองด้วยซ้ำ
* พระเจ้าจะส่งการลงโทษมาเป็น 2 รูปแบบ รูปแบบที่หนึ่ง ภายใต้รูปแบบของสงคราม การปฏิวัติ
รัฐประหาร และภยันตราย อีกรูปแบบหนึ่ง คือ ส่งตรงมาจากเบื้องบนเลย
* การทดสอบแบบที่ 2 ซึ่งจะเกิดขึ้นทุกๆ แห่ง มากบ้าง น้อยบ้าง จะเป็นการลงโทษที่น่ากลัว เพื่อ
ทำโทษคนชั่วที่ต้องการต่อสู้กับพระเจ้าอย่างเปิดเผย
* การทำลายล้างครั้งใหญ่ต่อมนุษยชาติ จะเป็น 2 ช่วงเวลา ในช่วงเวลาแรกจะเป็นสงครามใหญ่
ซึ่งจะขจัดมนุษย์ไปเสีย 1 ใน 3 และแล้วในส่วนที่เป็นการไถ่โทษบาป คือ การช่วยวิญญาณให้รอดไป
สวรรค์ 1 ใน 3 เพราะฉะนั้นการลงโทษจะเป็นส่วนมหาศาลที่เป็นเปลวไฟ นั่นคือโลกจะถูกชำระล้างด้วยไฟ
* ฟ้าแลบ ฟ้าร้อง ฟ้าผ่า จะปรากฏมาทั่วทั้งแผ่นดิน : จะเป็นไฟ ซึ่งจะตกลงมาจากฟากฟ้า ...
ใกล้เข้ามาแล้ว
* มนุษยชาติมาถึงเวลาที่จะต้องมีชีวิตในชั่วโมงนองเลือดของการลงโทษครั้งใหญ่ ซึ่งจะชำระล้าง
มนุษยชาติด้วยไฟ ความอดอยากและการทำลายล้าง
* การลงโทษนี้จะน่าประหวั่นพรั่นพรึง น่าเกลียดน่ากลัว และทั่วถึงทั้งโลก พวกที่ "ไม่เอาพระเจ้า"
จะถูกทำลายไป แต่ก่อนจะเกิดสิ่งเหล่านี้ สงครามคงจะได้สังหารผู้คนไปเป็นล้านๆ คนแล้ว....
* การลงโทษที่เลวร้ายกว่าน้ำมหาวินาศกำลังจะมาสู่มนุษยชาติที่น่าสงสารและวิปริต ไฟจะตกลง
มาจากฟากฟ้า และสิ่งนี้จะเป็นสัญญาณว่าพระยุติธรรมของพระเจ้า ณ บัดนี้เป็นเวลาที่ถูกกำหนดว่าเป็น
การสำแดงอำนาจครั้งใหญ่ของพระองค์

💞🌟💞 โปรดติดตามตอนต่อไปในวันพรุ่งนี้ 💞🌟💞
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 5937
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

พฤหัสฯ. ก.พ. 23, 2023 3:47 pm

📗~ สู่สงครามมหาประลัย ~📗
เขียนโดย คุณสนธิ สารธรรม 👉 ตอนที่ (86)👈

✴️~ การลงโทษ (2) (B) ~✴️
         
* รถลากแห่งพระเพลิงจะผ่านไปทั่วแผ่นดิน เสียงรถลากจะดังกึกก้องไปทั่วจักรวาล องค์พระผู้เป็นเจ้า
พระเจ้าของพวกเธอจะเสด็จมาพิพากษา และผู้คนต่างก็จะหมอบกราบต่อพระพักตร์ของพระองค์
ส่วนบางคนจะไม่ยอมรับ คือเป็นผู้ที่เทวดาของพระองค์พระผู้เป็นเจ้าได้กล่าวล่วงหน้าไว้แล้วมาช่วง
เวลาหนึ่งแล้วว่าเป็นพวกที่ไม่เชื่อ แล้วปีศาจก็จะพรากคนเหล่านั้นให้ถลำลงสู่ก้นบึ้งของอเวจี ณ ที่ซึ่ง
เป็นที่ของพวกเขา พระเจ้าจะตรัสแก่มนุษย์ว่าสิ่งนี้เป็นสัญญาณว่าจะถึงเวลาที่รถลากแห่งพระเพลิงจะ
เผาแผ่นดินจากฟากฟ้าและหญ้าแห้งจะถูกเผาทิ้ง ซึ่งหญ้าแห้งเหล่านี้จะไม่ถูกพรมด้วยน้ำค้างเลย
* ....เมฆสีแดงก้อนหนึ่งจะพัดผ่านท้องฟ้า แล้วจะนำเครื่องหมายแห่งความทุกข์โศกและการ
ร่ำไห้คร่ำครวญมาสู่พวกเธอ.....เมฆก้อนนี้จะถูกนำโดยเทวดาองค์หนึ่ง....พวกเธอไม่ต้องทุกข์ใจดอก
เวลานั้นแม่จะมาพร้อมกับชัยชนะอันยิ่งใหญ่....ทะเลเพลิงจะกระหน่ำไปทั่วแผ่นดิน....แต่ก่อนจะถึง
ชั่วโมงไฟนรกนี้ แม่ผู้เป็นแม่ของพวกเธอจะมา แล้วพวกเธอจะเห็นเครื่องหมายอันยิ่งใหญ่แห่งความเมตตา....
พอดีในช่วงเวลานั้นแหละ ความเลื่อมใสศรัทธาต่อพระแม่เจ้าสวรรค์ จะเป็นที่เรียกหาจากมวลสัตบุรุษ
เหมือนอากาศสำหรับหายใจ และในขณะนั้นนั่นเอง ในช่วงเวลาที่เปลวไฟบนท้องฟ้ากำลังปะทุไปทั่ว
พระเพลิงจากท้องฟ้า
* .....จะมีวันหนึ่ง แม้โลกก็ไม่คาดคิดว่าเปลวไฟจะตกลงมาจากท้องฟ้า และชาติหนึ่งจะต่อสู้
กับอีกชาติหนึ่ง ในวันที่จะทำลายมนุษยชาติ ก่อนที่จะเกิดสิ่งนี้ จะเกิดเรื่องอื้อฉาวของบรรดานักบวชผู้
ถวายตัวของเรา....
* นักบวชหญิงบางคนจะหายไปจากแผ่นดิน
* หลายชาติจะอันตรธานหายไป ปีศาจเตรียมการเพื่อทำสงครามใหญ่เพื่อต่อสู้กับพระเจ้า
* เราเป็นพระเจ้าแห่งความเมตตา แต่ดังที่เราได้บอกไว้ในพระธรรมเยเรมีร์ (4 : 28) เราจะ
ไม่รู้สึกไหวหวั่นสำหรับเมืองที่ถูกทำลาย เนื่องจากการลงโทษของเรา เราจะไม่ถอยหลังต่อการ
ตัดสินใจที่จะ ส่งหายนะมา
* ความยุติธรรมแห่งเปลวเพลิง จะทำลายแผ่นดินนี้เป็น 5 ส่วน มีเพียง 1 ใน 5 ที่จะเอาชีวิต
รอดไปสวรรค์ได้ พระเจ้าจะเสด็จมาพร้อมด้วยฟ้าแลบ ฟ้าร้อง แต่ส่วนใหญ่จะเป็นเปลวเพลิง
ซึ่งจะทำ แผ่นดินนี้เป็นทะเลทราย
* ผู้คนจะกิน จะดื่ม และแต่งงานกัน เมื่อในฉับพลันนั้นเอง เปลวไฟก็จะปรากฏมา ผิวหนังจะแห้ง
ผากและจะหลุดไปเหลือแต่กระดูก.....คนที่ใช้ร่างกายไปทำชั่วก็จะเห็นร่างกายนั้นถูกเผาไหม้เกรียมไป
* .....ในขณะที่มีการลงโทษ ความโชติช่วงชัชวาลจะบังเกิดขึ้นเพียงใกล้บริเวณสวรรค์....เวลา
กลางคืนจะสว่างไสวดั่งกลางวัน ร่างกายเรืองแสงดั่งจะเปล่งรังสีความร้อนมหาศาลมาสู่แผ่นดินโลก
* ลูกไฟจะโผเข้าสู่บรรยากาศโลก ซึ่งนักวิทยาศาสตร์ยังงวยงงจนทำอะไรไม่ถูก หัวใจของผู้คน
มากมายจะหยุดเต้นด้วยความตกตะลึงจากภาพที่เห็น
* เมื่อพลังแห่งความชั่วร้ายบรรลุถึงจุดสุดยอด การไถ่บาปจะไม่หยุดอยู่แค่นั้น.....
* ..ถ้ามนุษย์ยังไม่ยอมแก้ไขในสิ่งที่ผิด การลงแส้ที่น่าสะพรึงกลัวด้วยเปลวไฟจะลงมาจากฟากฟ้า
สู่มนุษย์ทุกคนบนแผ่นดิน.....ในชั่วโมงนั้นจะเป็นชั่วโมงที่น่ากลัวแก่มนุษย์ทุกคน และคนชั่วช้าทุกคน
จะถูกทำลาย บางชาติจะถูกชำระล้าง ส่วนบางชาติจะอันตรธานไปอย่างสิ้นเชิง อิตาลี จะต้องทนทุกข์
ทรมานและจะถูกชำระล้างด้วยการปฏิวัติครั้งใหญ่ และช่วยให้รอดพ้นเป็นบางส่วน
* เราจะสำแดงความปกป้องคุ้มครองสำหรับ อิตาลีซึ่งจะถูกสงวนจากพระเพลิง แต่ท้องฟ้าจะถูก
ปกคลุมด้วยเมฆหนาทึบ และแผ่นดินจะสั่นสะท้านจากแผ่นดินไหวที่น่าสะพรึงกลัว ซึ่งธรณีพิโรธครั้งนี้
จะเปิดแผ่นดินเป็นเหวลึก และทั้งเมืองเล็ก เมืองใหญ่จะถูกทำลายไปสิ้น ทุกคนจะกรีดร้องว่า สิ้นโลกแล้ว!
แล้วการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ (การปฏิวัติรัฐประหาร) จะทำให้เลือดนองไปทั่ว พระสันตะปาปาจะทรง
ได้รับความทุกข์อย่างแสนสาหัส แต่จะไม่ทรงรอช้าที่ลงโทษคนชั่ว และวันนั้นจะน่าประหวั่นพรั่นพรึงเป็น
ที่สุด...แผ่นดินจะไหวและมนุษยชาติทั้งมวลจะสั่นสะท้านและหวั่นไหว คนชั่วจะพินาศไปในความเข้มงวด
แห่งพระยุติธรรมของพระเจ้า
* ตามที่เราได้บอกไว้ล่วงหน้าแล้ว หากมนุษย์ไม่กลับตัวเป็นคนดี พระบิดาจะทรงลงโทษแก่มนุษย์
ทุกคน เป็นการลงโทษที่น่ากลัวยิ่งกว่าน้ำมหาวินาศเสียอีก ซึ่งไม่มีใครเคยเห็นมาก่อน ไฟจะตกลงมาจาก
ฟากฟ้า ส่วนใหญ่ของมนุษยชาติจะถูกทำให้หายไปจากโลก พระสงฆ์ก็จะตายไปพร้อมกับสัตบุรุษ มนุษย์
ที่ถูกไว้ชีวิตจะตระหนักดีว่า ความทุกข์ทรมานครั้งนี้ทำให้พวกเขารู้สึกอิจฉาคนที่ได้ตายไปแล้ว เพราะฉะนั้น
อาวุธเพียงอย่างเดียวที่คงเหลือ คือ สายประคำ และไม้กางเขน
*.... การลงแส้ใกล้เข้ามาแล้ว และชั่วโมงที่มืดมิดก็ใกล้เข้ามาแล้วเช่นกัน ฝูงแกะกำลังกระจัดกระจาย!
* ....ไฟจะปะทุขึ้นมาจากแผ่นดิน และไฟก็จะตกเป็นฝนลงมาจากฟ้า เพื่อจะเผาเผ่าพันธุ์ที่อวดดีและ
ทรยศซึ่งได้ปฏิเสธพระเจ้า
* .... การลงโทษใกล้เข้ามาแล้ว เปลวไฟที่ไม่มีใครเคยเห็นมาก่อนจะตกลงมาสู่แผ่นดิน และส่วนของ
มนุษยชาติจะถูกทำลายในชั่วโมงเหล่านี้ จะเป็นเวลาที่คนชั่วจะสิ้นหวัง พวกเขาจะตะโกนร้องและด่าทอเยี่ยง
ปีศาจ เมื่อพวกเขาจะถูกกลบด้วยภูเขา และพยายามที่หลบเข้าไปในถ้ำโดยไร้ผล
* เปลวไฟจะตกลงมาจากท้องฟ้าเหมือนหิมะ.... แต่ก่อนหน้านี้ถูกกำหนดไว้ว่าจะเป็นแผ่นดินอันเป็นที่รัก
และจะถูกปกคลุมด้วยเสื้อคลุมแห่งความเมตตาอันยิ่งใหญ่
* .....จะได้ยินเสียงร้องขอความยุติธรรม ซึ่งจะทำให้มนุษย์ทุกคนตัวสั่นงันงก และหน้าซีดหน้าเซียว
เพราะความตกใจ หลังเสียงที่น่ากลัวเหล่านี้ ท้องฟ้าจะมืดมัว และความมืดจะคลอบคลุมไปทั่วแผ่นดิน
จากการที่ท้องฟ้ามืดครึ้มจะทำให้เกิดพายุไฟที่น่ากลัว ซึ่งจะถูกพัดลงมาสู่มนุษย์ที่ชั่วช้าจากบรรดาเทวดา
พวกเขาจะเสาะหาถ้ำเพื่อหลบซ่อนการลงโทษโดยไร้ผล เป็นความน่ากลัวเพียงที่ว่าแม้แต่คนดีก็อาจตาย
เพราะความตกใจ แต่แม้จะเข้าไปช่วยดั่งแม่แห่งความเมตตา และแม่จะช่วยพวกเขาให้รอด เปลวไฟที่จะ
ชำระให้บริสุทธิ์จะตกลงมาจากท้องฟ้าเหมือนหิมะที่ลุกเป็นไฟแก่มนุษย์ทุกคน....จะกินเวลานาน 70 ชั่วโมง....
การลงโทษที่น่ากลัวนี้จะเกิดขึ้นตอนเช้าตรู่ ท้องฟ้าจะเป็นสีแดงของเปลวไฟซึ่งจะเป็นไปทั้งโลก ในหลายๆ
ชาติจะสูญหายไปจากโลก

💞🌟💞 โปรดติดตามตอนต่อไปในวันพรุ่งนี้ 💞🌟💞
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 5937
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

ศุกร์ ก.พ. 24, 2023 12:50 pm

📗~ สู่สงครามมหาประลัย ~📗
เขียนโดย คุณสนธิ สารธรรม 👉 ตอนที่ (87)👈

✴️~ การลงโทษ (2) (C) ~✴️
         
....ก้อนเมฆกับแสงฟ้าแลบที่ลุกไหม้จะปรากฏ ณ สุดขอบฟ้าและพายุไฟจะกระหน่ำทั้งโลก
การลงโทษที่น่ากลัวที่ไม่เคยปรากฏในประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติ....จะกินเวลา 70 ชั่วโมง
* มนุษยชาติบางส่วนจะถูกทำลาย โลกจะอยู่ในความพินาศ รัสเซียจะถูกเผา โลกจะ
อยู่ในสภาพอ้างว้างเปล่าเปลี่ยว และความตาย
* ทั่วทั้งโลกจะอยู่ในสภาพสงคราม : รัสเซีย จะถูกเผาอาวุธยุทธภัณฑ์ที่ใช้ประหัต
ประหารกัน มิใช่จะทำให้กองทัพย่อยยับไปเท่านั้น แต่คนดีและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ก็จะตกอยู่
ในสภาพเดียวกัน....รัสเซียจะถูกเผาจนวายวอด ได้ยินแต่เสียงกรีดร้อง....
ส่วน อิตาลี จะเหลือรอดเป็นบางส่วน
* ....รัสเซีย จะทุ่มเททุกพลังแห่งความชั่วมาสู่ทุกๆ ชาติ โดยจะทำลายส่วนที่ดีของฝูง
แกะของเรา จะผ่านการชำระล้างเป็นการลงโทษที่ร้ายแรงที่สุดในประวัติศาสตร์ของโลก
* พระศาสนจักรเป็นบาดแผลทั้งภายในและภายนอก บัดนี้ความมืดจะปกคลุมโลก
เพราะมนุษย์ถูกครอบงำโดยซาตาน การลงโทษจะคงอยู่เป็นเวลา 70 ชั่วโมง
* พระศาสนจักรจะต้องทนทุกทรมานอย่างแสนสาหัส หนึ่งในสามของมนุษยชาติจะ
เอาตัวรอด บรรดาข้าราชบริพารของเราจะไม่เทศน์สอนพระวรสารอีกแล้ว
* คนรุ่นนี้สมควรถูกทำให้สาบสูญไป เพราะโลกทำตัวให้ตกต่ำกว่ายุคน้ำมหาวินาศ
ก้อนเมฆสีแดงซึ่งจะขยายตัวใหญ่ขึ้นไปเรื่อยๆ แล้วจะกลืนประชาชนและนานาชาติ จะปรากฏ
ให้เห็นบนท้องฟ้า ทั้งหมดนี้จะคงอยู่เป็นเวลา 3 วัน 3 คืน ความมืดที่หนาทึบจะหุ้มห่อแผ่นดิน....
ระหว่าง 3 วันนี้จะต้องอยู่ในบ้าน....ซากศพจะปกคลุมไปทั่วแผ่นดิน
* เมื่อบนท้องฟ้าจะปรากฏเครื่องหมายที่ไม่ธรรมดา ขอให้มนุษย์ทุกคนรู้ไว้เถิดว่า
การลงโทษเข้ามาใกล้แล้ว
* เครื่องหมายมากมายที่ไม่เคยเห็นจะปรากฏขึ้นบนโลกเพื่อเตือนมนุษย์ว่ามาตรวัดเกิน
พิกัดแล้ว เราต้องให้ทุกคนรู้ว่าการลงโทษใกล้เข้ามาแล้ว ไฟที่ไม่มีใครเคยเห็นจะตกลงมาสู่โลก
ส่วนใหญ่ของมนุษย์จะถูกทำลาย รัสเซีย จะถูกเผาไปเกือบหมดประเทศ ชาติอื่นก็สาบสูญไปด้วย
อิตาลี บางส่วนจะไม่ถูกทำลายเพื่อเห็นแก่พระสันตะปาปา
* เปลวไฟจากท้องฟ้าจะลงมาถูกศีรษะของพวกเธอ แต่พวกเธอจะรู้สึกหนาวเพราะเป็นช่วง
เวลาที่หนาวเหน็บ ถึงแม้เปลวไฟนี้จะตกลงมาในฤดูร้อนก็ตาม การลงโทษจะกระหน่ำสู่แผ่นดิน
เป็นสัญญาณเตือน พวกรูปปั้นต่างๆ จะมีลมหายใจ แล้วเดินได้ พวกสัตว์ร้ายจะขย้ำคอ พวกเธอ
จะต้องรับมือการจู่โจมไม่ว่าจากสัตว์ร้ายหรือมนุษย์ คนจะทำร้ายกันระหว่างประชาชนกับประชาชน
ชาวคริสต์กับชาวคริสต์ จะมีผู้ที่ยอมตายเพื่อศาสนาเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งบรรดา
พระสงฆ์ ในหลายเมือง ชาวคริสต์จะกลับมาใช้ชีวิตในป่าช้าใต้ดินเหมือนชาวคริสต์ดั้งเดิม
เพื่อหลบซ่อนเจ้าหน้าที่บ้านเมือง แต่เวลานั้นหลายคนจะกลับใจไม่ทัน ดวงหทัยแห่งพระมารดา
ของเราก็จะประสบชัยชนะ ด้วยการเปิดประตูต้อนรับการเสด็จกลับมาของพระมหาไถ่ และเปิดประตู
ต้อนรับชัยชนะแห่งดวงใจของเรา
* .....เปลวไฟจะตกลงมาจากท้องฟ้าเพราะมนุษย์ต้องการมันและท้าทายมัน เพราะความเย่อหยิ่ง
อวดดีของมนุษย์ เปลวไฟนี้จะเผาให้กลายเป็นเถ้าถ่าน....คนเหล่านั้นที่ถูกประทับตรา จะหนีไปจาก
เปลวเพลิง ซึ่งจะชำระพระศาสนจักรและมนุษยชาติจากความสกปรกที่แปดเปื้อนของเขา
* ....พระพิโรธของพระเจ้าเข้ามาใกล้แล้ว และโลกจะต้องทนทุกข์ทรมานอย่างมากจากหายนะ
ครั้งใหญ่ : การปฏิวัติรัฐประหารที่นองเลือด แผ่นดินไหวครั้งมโหฬาร ทุพภิกขภัย โรคระบาด และพายุ
เฮอริเคนครั้งใหญ่ ซึ่งจะทำให้แม่น้ำและทะเลท่วมท้นล้นฝั่ง...โลกจะสับสนวุ่นวายจากสงครามที่น่ากลัว
อาวุธยุทธภัณฑ์ที่สามารถสังหารสารพัด จะทำลายประชาชนและนานาชาติ ผู้ทำลายแผ่นดินเป็นสัตว์
ประหลาดจากนรกโดยแท้ จะทำทุราจารผอบศักดิ์สิทธิ์ และทำลายทุกอย่างที่ศักดิ์สิทธิ์ ในสงครามที่
ทุราจาร กลุ่มเมฆ และฟ้าแลบฟ้าร้องจะปรากฏบนสุดขอบฟ้า และพายุไฟจะกระหน่ำทั้งโลก การลงโทษ
ที่น่ากลัวไม่มีใครเคยเห็นมาก่อนในประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติ จะคงอยู่เป็นเวลา 70 ชั่วโมง คนชั่ว
จะถูกขยี้เป็นผุยผง หลายคนจะสูญหายไปเพราะพวกเขายังดื้อรั้นที่จะคงอยู่ในบาป เพราะฉะนั้นจะเห็น
อานุภาพของแสงสว่างเหนืออานุภาพของความมืด....ชั่วโมงแห่งความมืด และการถูกทอดทิ้ง
ขยับเข้ามาใกล้แล้ว!

💞🌟💞 โปรดติดตามตอนต่อไปในวันพรุ่งนี้ 💞🌟💞
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 5937
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

พฤหัสฯ. มี.ค. 02, 2023 8:12 pm

📗~ สู่สงครามมหาประลัย ~📗
เขียนโดย คุณสนธิ สารธรรม 👉 ตอนที่ (88)👈

✴️~ คนดีจะถูกรับขึ้นไปสู่ที่ปลอดภัย (A) ~✴️
         
* ชั่วโมงนั้นจะมาถึง เป็นชั่วโมงสุดท้ายซึ่งมารร้ายจะพ่ายแพ้อย่างเด็ดขาด ผู้ได้รับเลือกจะเป็น
ประชากรเพียงกลุ่มเดียวที่ศักดิ์สิทธิ์ตลอดนิรันดร เป็นประชากรที่แท้จริงของพระเจ้า
* พวกเธออยู่ในยุคสุดท้าย ผู้คนกำลังเตรียมตัวสำหรับยุคใหม่ เพราะฉะนั้น มนุษยชาติที่
กำลังเลือกเส้นทาง ทุกคนกำลังวางแนวทางในการแบ่งกลุ่ม คนดีก็จะรวมกับคนดี คนเลวก็จะรวม
กับคนเลว ดังที่มีเขียนไว้ในพระคัมภีร์ ซึ่งจะทันสมัยสำหรับทุกยุค เพราะพระคัมภีร์บันทึกไว้ตั้งแต่
เริ่มมีชีวิตบนโลก....ซึ่งบอกเป็นนัยล่วงหน้าแล้วว่า ไม่ว่าช่วงเวลา ประชาชน และเหตุการณ์
ในอนาคตว่าจะเป็นอย่างไร
การคัดเลือกครั้งแรก
* วันเวลาที่หนักหนาสาหัสจะค่อยๆ ทยอยออกมาให้เห็น ยิ่งวันยิ่งเพิ่มความยากลำบากขึ้น
ทุกที สถานการณ์ค่อยๆ ซับซ้อนขึ้นไปเรื่อยๆ หายนะจะทวีขึ้นไม่เว้นแต่ละวัน ความเกลียดชังจะเพิ่มขึ้น
เหลือที่จะวัดได้ ความชั่วช้าของมนุษย์จะถูกหล่อเลี้ยงด้วยน้ำลายที่เป็นพิษของซาตาน ซึ่งจะล่อลวง
ทั้งคนดีและคนชั่วด้วยเครื่องมือสารพัด ซึ่งมันรู้ดีว่าจะใช้วิธีไหน มันจะไม่ยั้งมือแก่ผู้ใดเลย เมื่อเป็น
เช่นนี้ก็เป็นการคัดเลือกอยู่ในตัว ซึ่งได้ถูกทำนายเป็นเวลานานมาแล้ว
* พวกเธอจงรีบๆ ทำให้ผู้คนรู้จักอำนาจของเรา เพราะยุคของเราขยับเข้ามาเรื่อยๆ และ
การพิพากษาย่อยก็กำลังคัดสรรพวกเธอไปเรื่อยๆ
* การทำตัวให้ศักดิ์สิทธิ์ครบครันของพวกเธอ การชำระล้างของพวกเธอเพื่อจะได้พร้อมรับ
เครื่องหมายแห่งพระเจ้าของเรา ซึ่งจะท่วมพวกเธอด้วยแสงสว่างและความมีสง่าราศี ในการแปลง
โฉมพวกเธอให้เป็นผู้ได้รับการเลือกสรรของสวรรค์ของเบื้องบน มันบีบคั้นเรายิ่งนัก
* คนมากมายถูกเรียก แต่น้อยคนถูกเลือก ใครคือลูกๆ ที่รอคอยมหากางเขนเพื่อจะได้กลับใจ
พวกเขาจะพินาศ!....เราจะช่วยวิญญาณของพวกเขาให้รอดพ้น และจะเป็นทั้งหมดที่เราจะช่วยได้
แต่พวกที่จะพินาศ!....เพราะคนที่ไม่เป็นอันหนึ่งอันเดียวกับเรา...เราก็จะไม่สามารถช่วยอะไรได้
พวกเธอก็จะเห็นด้วยตัวเองว่าคนที่ถูกเลือกนั้นมีน้อย
* นี่ไงล่ะ!....เราได้อธิบายด้วยว่าเครื่องหมายอันยิ่งใหญ่ของพระจิตแห่งพระเจ้าต่อผู้ได้รับ
เลือกสรร....พวกเธอที่ถูกเลือกสรรด้วยศีลศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ อย่างบริบูรณ์ พวกเธอจึงจะถูกสงวนไว้มิให้
ได้รับอันตรายจากภัยพิบัติสุดท้าย และคนอื่นๆ ด้วย ซึ่งจะมากับพวกเธอในช่วงเวลาอันรุ่งโรจน์แห่ง
มหากางเขน พวกนี้จะรอดพ้น แต่ก่อนหน้านี้จะต้องทนทุกข์ทรมาน เพื่อชำระล้างมลทินของพวกเขา
ให้สะอาดบริสุทธิ์เสียก่อน
* หัวใจของเรารู้สึกปวดร้าวในการรับรองว่า มีคนจำนวนน้อยในพวกเธอที่มีความไว้วางใจ
ในการเรียกร้องครั้งนี้
* วันนี้แม่ได้มอบความรักความเมตตาที่ยิ่งใหญ่ เพราะแม่กำลังพูดกับผู้คนเป็นหมื่นๆ แสนๆ
คนทั้งโลก เมื่อผู้ที่ได้รับเลือกสรรได้ครบจำนวนแล้ว แม่ก็จะไปจากโลก มนุษย์ที่เหลือก็จะถูกทอดทิ้ง
ให้อยู่ไปตามยถากรรม เพราะแม่ได้มอบความรักความเมตตาที่ยิ่งใหญ่สุดๆ แล้ว พร้อมทั้งการเสนอ
วิงวอนจากแม่ แต่มนุษย์ไม่ยอมฟัง....องค์พระผู้เป็นเจ้าจะประทับอยู่ในจิตใจของพวกเธอ เมื่อแม่จะ
ไปจากโลก
* ด้วยผู้คนที่ได้รับเลือกมีจำนวนน้อย เราจะสร้างอาณาจักรของเรา อาณาจักรจะมาถึง
โดยฉับพลันทันที เร็วกว่าที่พวกเธอคิด
ผู้ที่ถูกประทับตรา
* ....คำภาวนาและพลีกรรมคือ การยอมทนทุกข์ทรมานของบรรดานักบุญ....ของผู้ถูกประทับตรา
ด้วยเครื่องหมายมหากางเขนที่ศักดิ์สิทธิ์ของเรา ก่อนที่บรรดาเทวดาแห่งเครื่องหมายมหากางเขน
ได้ประทับตราเขาไว้แล้ว
เครื่องหมายถูกสลักบนแผ่นดินและน้ำใจของพวกเธอถูกประทับตราไว้แล้ว
* ตราประทับของประชากรที่ถูกเลือกในวันสุดท้าย คือ ตราประทับของพระมารดาพระเจ้า
ใครถูกประทับตรา....จะพ้นจากพระพิโรธของพระเจ้า บรรดาชาวยิวซึ่งปฏิบัติตามกฎโบราณของ
โมเสสในอิสราเอลจะถูกประทับตรา แต่ไม่มีจำนวนมากนัก ใครที่ถูกประทับตราจะได้รับการปกป้อง
คุ้มครองจากบรรดาเทวดา
* .....หลายคนระหว่างพวกเขาซึ่งได้สวดสายประคำจะได้รับเลือกและถูกประทับตราเป็นรูป
กางเขนที่หน้าผาก
* ....ทุกคนที่ถูกประทับตราด้วยเครื่องหมายแห่งความรักของพระบุตรของแม่ ขอให้เดิน
นำหน้าและกินต้นไม้แห่งชีวิต
* บรรดาเทวดากำลังประทับตราด้วยเครื่องหมายแห่งมหากางเขน....เมื่อพระบุตรแห่งพระเจ้า,
พระเยซู จะเสด็จกลับมาด้วยพระจิตแห่งความรัก พระองค์จะเรียกทุกคนว่าพี่น้อง ลูกๆ ซึ่งบรรดา
เทวดาจะได้ประทับตราด้วยเครื่องหมายแห่งมหากางเขน
* บรรดาเทวดาได้ประทับตราด้วยเลือด กรณีผู้ได้รับเลือกที่เป็นครอบครัวที่คัดเลือกแล้ว
คัดเลือกอีก จะมีผู้คนกลุ่มหนึ่งที่ถูกคัดเลือกจะรวมกลุ่มกันเป็นครอบครัว ซึ่งถูกคัดเลือกโดยบรรดา
ผู้สังกัดเครื่องหมายของพระโลหิตของพระเยซูโดยเฉพาะ จะเป็นประชาชนกลุ่มใหม่ซึ่งจะออกไป
ประกาศข่าวดีของพระเจ้า...
          * บรรดาเทวดาของแม่ที่ถูกประทับตราเป็นกลุ่มรักศีลมหาสนิท ซึ่งจะเป็นกลุ่มที่ช่วยให้ได้
วิญญาณมนุษย์เอาตัวรอดขึ้นสวรรค์เป็นจำนวนมาก เมื่อจะมาถึงชั่วโมงแห่งการลงโทษ
แม่จะปกป้องคุ้มครองพวกเขาเอง

💞🌟💞 โปรดติดตามตอนต่อไปในวันพรุ่งนี้ 💞🌟💞
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 5937
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

พฤหัสฯ. มี.ค. 02, 2023 8:43 pm

📗~ สู่สงครามมหาประลัย ~📗
เขียนโดย คุณสนธิ สารธรรม 👉 ตอนที่ (89 )👈

✴️~ คนดีจะถูกรับขึ้นไปสู่ที่ปลอดภัย (B) ~✴️
         
เครื่องหมายซึ่งจะมาในบ้านที่ถูกประทับตราจะมองไม่เห็นด้วยตาของมนุษย์ แต่จะมองเห็นได้ด้วย
ดวงตาของพระเจ้า จากดวงตาของพระจิต
การลงโทษครั้งใหญ่จะมาถึงก็ต่อเมื่อพระเจ้าจะทรงบัญชาแก่เทวดาผู้ทำลายว่าจะเริ่มภารกิจ
ได้เมื่อไร แต่มิใช่การลงแส้ในสถานที่ที่เจาะจงแก่แต่ละบุคคล ไม่ว่าจะเป็นมนุษย์หน้าไหน ถ้าพระเจ้า
ไม่ทรงอนุญาต เฉพาะพระบิดาเท่านั้นจะทรงเป็นผู้บัญชา
แต่จะไว้ชีวิตแก่ผู้ที่ใช้ชีวิตในความเชื่อ และที่สวดภาวนามากๆ เท่านั้น....เครื่องหมายนั้นจะไม่
เป็นประโยชน์สำหรับผู้ที่ได้รับเครื่องหมาย แต่จะได้ประโยชน์ในช่วงเวลาที่ได้ระบุไว้เท่านั้น
เครื่องหมายสำหรับใครก็ตามที่มีความเชื่อที่มั่นคง
* อีกไม่ช้าเราจะมายอดรวมของความเสียสละ หรือบุญกุศลที่ได้สะสมไว้ของมนุษย์ เป็นการชดเชย
การยอมถ่อมองค์ลงมาของพระบุตรของพระเจ้ายังไม่สำเร็จสมบูรณ์ การระดมพลของกองทัพและบรรดา
เทวดาแห่งเครื่องหมายมหากางเขน ยังไม่ได้ตั้งเครื่องหมายอันรุ่งเรืองอลังการต่อหน้าคนเหล่านั้น
ซึ่งสมควรจะได้รับการคัดสรรสู่ความรุ่งเรือง
ก่อนที่การปรากฏมาของความรุ่งเรืองอลังการองเรา จำเป็นที่ทางตะวันออกและตะวันตก
จะต้องได้รับการชำระล้างให้บริสุทธิ์ผุดผ่องเพื่อสมควรแก่การปรากฏมาของพระพักตร์ของเรา
* อีกไม่นาน ยุคนี้จะสิ้นสุด ประตูของพระธรรมวิวรณ์จะเปิดออกอย่างหวานชื่น ม้าทุกตัวมีอาการ
กระวนกระวาย บรรดาเทวดามีความยากลำบากที่จะควบคุมม้าเหล่านี้ได้ จงรีบเข้าเถิด เพราะในอีก
ไม่ช้าพวกเขาจะลงมาสู่แผ่นดิน เพื่อทำเครื่องหมายด้วยเครื่องหมายของผู้ถูกเลือกสรร แล้วพวกเขา
จึงจะติดตามบรรดาเทวดาของพระเจ้า ซึ่งจะนำเปลวไฟของเบื้องบน เพื่อชำระล้างแผ่นดินโลก
* นี่ไงล่ะ! แตรเริ่มบรรเลงแล้ว ในฉับพลันนั้นเอง บรรดาเทวดาจะให้สัญญาณด้วยตราประทับ
ของเราแก่ผู้ที่ได้รับเลือกสรร เพื่อว่าพวกเขาจะไม่พินาศไปตลอดนิรันดร
* เทวดาแห่งพระธรรมวิวรณ์จะรู้ว่า วันหนึ่ง ผู้ที่ถูกประทับตราจะรับรู้ว่าผู้ที่ได้ยอมรับนับถือ
นามของเรา
* พระศาสนจักรจะไม่พินาศ และจะไม่พินาศโดยเฉพาะอย่างยิ่ง เพราะอานุภาพของคำภาวนา
ของคนดีที่มีน้อยนิด และเพราะคำภาวนาที่อ่อนน้อมถ่อมตนของคนไม่ปล่อยตัว ยอมให้ถูกล่อลวง
ด้วยเล่ห์กลที่อาบยาพิษของนรก คนเหล่านี้ได้ถูกประทับตราไว้แล้วก็เอาตัวรอดได้เหมือนกับโนอาห์
พร้อมด้วยลูกหลานของเขา....เพราะเรือสำเภาที่เขาสร้างขึ้นได้ทำให้รอดได้จากน้ำท่วม แม้จะถูก
เยาะเย้ยถากถางในความเขลาเบาปัญญาของคนที่ไม่เชื่อว่าน้ำจะท่วมโลกจริง
การคุ้มครองป้องกันของเทวดา
* พวกเธอจงอย่าได้กลัวเกี่ยวกับเหตุ การณ์ท้ายๆ ของวันสิ้นยุค เป็นเหตุการณ์ที่น่ากลัวที่เห็น
อยู่ดาษดื่น ซึ่งจะกระหน่ำพวกเธอ และจะทำให้พวกเธออกสั่นขวัญแขวน พระเยซูของพวกเธอ....
ได้สัญญากับพวกเธอไว้ว่า พระองค์จะทรงให้เทวดามาคุ้มครองพวกเธอ เทวดาของพระองค์จะมี
ภารกิจเฉพาะเจาะจงแตกต่างกันในชั่วโมงสุดท้าย
* ผู้ที่จะจากไปจากแผ่นดินนี้ จะไปถึงบนท้องฟ้ากับกองทัพของบรรดาเทวดา และจะวนไปบน
โลกเพื่อให้กำลังใจให้สวดภาวนาและนำพี่ๆ น้องๆ ขึ้นไปด้วย
* คนที่สามารถจะชนะได้ ถ้าพระเจ้าทรงย่นเวลาให้สั้นในการทดสอบได้ไหม? พระเจ้าจะ
ทรงอนุญาตให้บรรเทาเบาบางลงด้วยเลือด น้ำตา และจากคำวิงวอนของผู้ชอบธรรม
ผู้ได้รับเลือกสรรจะทำให้วันที่น่ากลัวสั้นลง
* จำเป็นต้องสวดภาวนา เพราะวันแห่งการชำระโลกสามารถจะถูกทำให้สั้นลงได้
* วัน - เวลาที่น่ากลัวนั้น จะถูกทำให้สั้นลงได้ เพราะเห็นแก่คนที่ได้รับเลือกสรร....
* ....องค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงทำให้วันแห่งการทดสอบสั้นลงได้ โดยมองดูว่าความซื่อสัตย์
และความทุกข์ทรมานของพวกเธอเป็นอย่างไร
* หากพระเจ้าไม่ทรงย่นเวลาแห่งความยากลำบาก จะไม่มีผู้ใดรอดเลย แต่พระเจ้าทรงย่นเวลา
ให้สั้นลงเพราะเห็นแก่คนเหล่านั้นซึ่งได้เลือกพระองค์....พวกเธออย่ากลัวเลย เพราะพวกเธอจะมี
เครื่องหมายแห่งมหากางเขนบนหน้าผาก สัญลักษณ์แห่งชัยชนะ เพราะพระเยซูทรงชนะโลกด้วย
มหากางเขนนี้ จะมีการหลั่งเลือดบนแผ่นดิน และบรรดาแม่ๆ จะร่ำไห้ถึงลูกๆ เพราะซาตานจะกระหน่ำ
อย่างหนักในชั่วโมงสุดท้ายเพื่อจะแย่งวิญญาณมนุษย์ไปนรก
* ดาวแห่งนรกอเวจี (ลูซีเฟอร์ "ผู้ถือแสงสว่าง" เป็นชื่อของพญามาร) จะโกรธกริ้วด้วยความ
เกรี้ยวกราดหนักข้อขึ้นไปอีก และจะทำลายล้างด้วยความรุนแรงมากขึ้นไปอีก เพราะมันรู้ว่าเวลา
เหลือน้อยแล้ว และเพราะเห็นว่าล่วงเวลาถึงขณะนั้นวิญญาณมนุษย์มากมายรวมกลุ่มอันมหึมาภายใต้
เครื่องหมายมหากางเขนของเรา เจ้าลูซีเฟอร์ไม่มีอำนาจประการใดเลย ถึงจะสังหารผู้คนไปมากมาย
ก็ตาม เพราะว่าเหยื่อที่ถูกสังหารไปนั้นได้ถูกถวายให้เราแล้ว ซึ่งเป็นอำนาจของเรา และจะนำกลุ่มเล็กๆ
ที่เหลือของผู้ถูกเลือกสรรไปสู่ชัยชนะของพระคริสต์
* ความมืดกำลังคืบคลานเข้ามา แต่มวลของแสงสว่างก็ขยับเข้ามาทันท่วงที แล้วแสงสว่างก็ครอบ
คลุมไปทั่วในท่ามกลางพวกเธอ พวกเธอก็จะเห็นเหมือนในสมัยโนอาห์ว่า เราได้ช่วยลูกหลานของเขา
โดยอาศัยเรือสำเภา ซึ่งเขาได้สร้างขึ้นตามคำแนะนำของพระเจ้า โดยผ่านทางบรรดาเทวดา และ
ในวันนี้ซึ่งมนุษยชาติได้กระจัดกระจายไปทั่วแผ่นดิน เราก็จะมาเพื่อช่วยพวกเธอ พวกเธอก็จะถูกยกขึ้น
โดยผ่านการเปลี่ยนแปลงสรีระ แล้วพวกเธอก็จะถูกยกขึ้นสู่ที่สูง....เราได้ตระเตรียมให้พวกเธอไว้แล้ว....
เป็นแผนแห่งความรอดพ้นทั้งสากลจักรวาล บรรดาเทวดาจะยกพวกเธอไว้ในที่ปลอดภัย....
เมื่อพวกเธอเห็นมหากางเขนที่ส่องประกายเจิดจ้าบนท้องฟ้า พวกเธอก็พร้อมที่จะติดตามผู้ซึ่งจะรับ
พวกเธอขึ้นไปเหมือนที่ได้เกิดขึ้นกับโลก

💞🌟💞 โปรดติดตามตอนต่อไปในวันพรุ่งนี้ 💞🌟💞
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 5937
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

พฤหัสฯ. มี.ค. 02, 2023 8:48 pm

📗~ สู่สงครามมหาประลัย ~📗
เขียนโดย คุณสนธิ สารธรรม 👉 ตอนที่ (90)👈

✴️~ คนดีจะถูกรับขึ้นไปสู่ที่ปลอดภัย (C) ~✴️
         
" ในช่วงเวลาสุดท้าย พวกเธอจะต้องถอนตัวอย่างเด็ดขาดจากมารชั่วร้าย ขณะนี้จะเป็นมรสุม
ครั้งสุดท้าย...เพราะว่าหลังจากนี้จะเกิดมหาภัยพิบัติ ซึ่งจะเปลี่ยนโฉมหน้าของแผ่นดิน แล้วฟ้า
ใหม่แผ่นดินใหม่จะโผล่มาให้เห็นบนขอบฟ้า แต่พวกเธอจะไม่เห็นภัยพิบัติ เพราะพวกเธอจะถูก
ยกขึ้นมายังเราทั้งร่างกายและวิญญาณ และพวกเธอได้พระพรและการแปลงโฉมจากเรา
ลูกที่รัก จงคอยเครื่องหมายมหากางเขนด้วยความกระตือรือร้น ซึ่งจะปลุกประชาชนทุกคน
ของชาติต่างๆ ให้ตื่นขึ้น หลายคนจะร้องไห้ด้วยความยินดี หลายคนจะร้องไห้เพราะความสิ้นหวัง
สิ่งนั้นก็คือ เครื่องหมายมหากางเขนซึ่งจะให้ทุกสิ่งที่จะต้องเกิดขึ้นในบั้นปลาย....นี่แหละคือ สิ่งซึ่ง
เราได้เปิดชายขอบของม่านดำใกล้เข้ามาเต็มทีแล้ว อนาคตของพวกเธอและอนาคตของทุกคน.....
* จงสวดและให้เตรียมตัวให้พร้อม เพราะว่าสงครามเข้ามาใกล้แล้ว แต่จะไม่ใช่สงคราม
เหมือนครั้งใดๆ เพราะมันจะเป็นเรื่องราวหนึ่งเดียวในประวัติศาสตร์ของมนุษย์ : เป็นความรอดพ้น
ของคนดีของพระเจ้าถูกกระทำขึ้นในวิธีที่ไม่ธรรมดา พระจิตเจ้าจะประคับประคองทุกคน... พระองค์
จะคืนความสามารถต่างๆ ที่สูญหายเพราะบาปกำเนิดแก่พวกเธอ และพวกเธอจะสามารถพยุงตัวเองขึ้น
เพราะน้ำหนักของวัตถุต่างๆ ของเธอจะถูกปลดออกไปโดยปฏิเสธการติดอกติดใจ ซึ่งเป็นความชั่ว
พวกเธอจะยกตัวเองขึ้นสู่ที่สูง
* ......พายุที่รุนแรงและน่ากลัวจะมาตอนเช้า สิ่งนี้คือสงครามของมารร้าย พวกมันจะเอาชนะ
คนชั่วร้ายทั้งหลายบนแผ่นดิน แม้คนที่ถูกเลือกสรรก็ยังจะวายวอดไปด้วย..... แต่ทว่าบรรดาเทวดา
จะมารวบรวมป้องกันเอาไว้ และจะพาพวกเธอเข้าสู่วิมานชั้นฟ้า
* ผู้ที่ได้รับเลือกสรรมีภารกิจที่จะต้องต่อสู้กับพญามารแห่งความมืด จะเป็นสงครามที่น่า
ประหวั่นพรั่นพรึงเป็นพายุไซโคลนที่จะทำลายทุกอย่างที่ขวางหน้า และที่ร้ายกว่าเพราะพญามารนี้
มันต้องการทำลายความเชื่อของผู้ที่ได้รับเลือกสรรเหล่านี้ให้จงได้
* จงรักกันและกันเถิด แล้วเราจะยกพวกเธอขึ้นมาหาเราเอง* ผู้บริสุทธิ์จะถูกยกขึ้นสู่สวรรค์
ภายใต้เสื้อคลุมของพระแม่มารีย์จนกระทั่งจะถึงเวลาที่เราจะจัดการคนชั่วร้ายต่างๆ
* พวกเธอจงเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับการมาของเรา ซึ่งจะทรงอำนาจยิ่งใหญ่และทรงมหัศจรรย์ยิ่ง
สำหรับผู้ได้รับเลือกสรร พวกเขาจะถูกนำเข้าสู่ท้องฟ้าเหนือหมู่เมฆโดยบรรดาเทวดา และจะได้รับการ
แปลงโฉมให้รุ่งเรืองอลังการ ซึ่งท่านอัครสาวกเปาโลบอกพวกเธอไว้แล้ว
* พวกเธอจะสวดพร้อมกันอย่างร้อนรนต่อพระแม่มารีย์ แล้วพวกเธอจะถูกยกขึ้นสู่เบื้องบน ไม่ใช่
ทุกคนจะเข้าใจ แต่พวกเราจะเข้าใจ และแล้วในทันใดนั้นเอง พายุจะหอบขึ้นด้วยพายุใหญ่ พวกเธอ
อย่าได้แปลกใจไปเลย พายุนี้จะทำให้หลังคาบ้านหลุดลอยไปตามกระแสลม แต่ทว่าอานิสงส์แห่งกรรมดี
แห่งความรักของหลายๆ คนจะสามารถหยุดยั้งพลังแห่งธรรมชาติได้ แล้วจะเกิดพายุหมุนของบรรดา
เทวดาผู้ประกาศถึงเหตุการณ์อันยิ่งใหญ่ หลายคนจะเชื่อว่าเป็นการเกริ่นไว้ล่วงหน้า และมันไม่ใช่เป็น
การเกริ่นเท่านั้น...บรรดาเทวดาผู้ประกาศจะกล่าวแก่พวกเราว่า : "บรรดาบุตรของพระเจ้าเอ๋ย ขณะนี้
ถึงเวลาแล้ว จงสวดและเตรียมตัวให้พร้อม เพราะจะมืดเป็นเวลาหลายวัน แต่สำหรับคนที่เชื่อและ
ที่หวังไว้ จะเป็นความยินดีอันเหลือล้น
* การยกขึ้นไปสู่ที่สูงจะเกิดขึ้นในเร็ววันนี้ จะเกิดขึ้นเป็น 3 ขั้นตอน ขั้นตอนแรก จะเป็นกลุ่ม
ผู้ชอบธรรม ขั้นตอนที่ 2 จะเป็น กลุ่มของคนบาป ซึ่งได้เป็นทุกข์ถึงบาปที่ได้กระทำและได้กลับใจ
เป็นคนดีแล้ว ขั้นตอนที่ 3 จะเป็นกลุ่มสุดท้ายของพวกที่กรีดร้องให้ช่วยรับไปด้วย แล้วพวกเธอก็
จะเห็นพระเยซูเสด็จมารับพวกเธอไป
* เราจะรวบรวมผู้ชอบธรรมของเรา...เราจะรวบรวมจากทุกมุมของแผ่นดิน
* ผู้ชอบธรรมและผู้ที่ถูกเบียดเบียนข่มเหงจะได้รับความรอดพ้น ส่วนคนชั่วช้าและคนบาป
ที่หัวรั้น...จะถูกแยกออกไปสู่ความพินาศ
* จะถึงเวลาหนึ่งที่พวกหมาป่าจะถูกแยกออกจากพวกลูกแกะ คนดีจะถูกแยกออกจากคนชั่ว
* ......เวลามาถึงแล้วที่พระเจ้าจะทรงแยกแกลบออกจากเมล็ดข้าว* ......ในไม่ช้า พวกเธอ
จะเห็นการยกขึ้นไปครั้งใหญ่ : สองคนกำลังนอนอยู่บนเตียง คนหนึ่งจะถูกรับไป ; สองคนกำลัง
ทำงานในสวน คนหนึ่งจะถูกยกขึ้นไป....ชั่วโมงที่ศูนย์ได้เริ่มขึ้นแล้ว
* บางคนจะถูกรับขึ้นไป แต่บางคนจะถูกปล่อยไว้.....บางคนจะตามเรามาบนท้องฟ้า และบางคน
จะกลับสู่แผ่นดินที่ถูกฟื้นฟูขึ้นมาใหม่เพื่อประกาศข่าวดีของเรา
* ในการลงทัณฑ์ครั้งใหญ่ หลายคนจะถูกรับขึ้นไปจากโลก แต่อีกบางคนจะถูกทิ้งไว้โดยไม่มี
เวลาที่จะทบทวนว่าจะถูกโทษด้วยวิธีใด
* แผ่นดินจะอยู่ภายใต้การกดดันจากศูนย์กลางของพายุใหญ่ซึ่งทำให้บ้านเรือนพังพินาศไม่เหลือ
ชิ้นดี ต้นไม่ใหญ่ๆ มากมายไม่สามารถต้านแรงพายุทำให้โค่นลงอย่างระเนระนาด ณ ศูนย์กลางของ
แผ่นดินจนเกิดปะทุเสียงดังสนั่นหวั่นไหว
การแปลงโฉมและการรับขึ้นไปไว้ในที่ปลอดภัย
* เมื่อวันมหาวิปโยคมาถึง...หลายคนจะพินาศไปในวันท้ายๆ แต่จะไม่มีลูกของพระแม่มารีย์
จะพินาศไปแม้แต่คนเดียว
พวกเราจะหนีไปจากมหาวิปโยคกับพระแม่มารีย์ ซึ่งจะนำพวกเราไปในขณะที่พวกเรากำลัง
อกสั่นขวัญแขวนและรู้สึกสิ้นหวัง พระแม่มารีย์พระมารดาพระเจ้าได้สัญญาไว้ว่า ใครที่เป็นลูกแท้ๆ
จะสวมเสื้อแม่พระสีน้ำตาล และสวดสายประคำ
จะมีสถานที่แห่งหนึ่งสำหรับพวกเธอถูกจัดไว้โดยพระแม่ พวกเธอจะต้องอยู่แต่ในบ้านจนกระทั่ง
พระแม่จะมารับและพาไปไว้ในที่ปลอดภัย....อีกไม่ช้าพวกเธอจะต้องติดตามพระแม่ไปสู่ที่ปลอดภัย
ที่พระแม่ได้เตรียมไว้

💞🌟💞 โปรดติดตามตอนต่อไปในวันพรุ่งนี้ 💞🌟💞
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 5937
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

พฤหัสฯ. มี.ค. 02, 2023 8:53 pm

📗~ สู่สงครามมหาประลัย ~📗
เขียนโดย คุณสนธิ สารธรรม 👉 ตอนที่ (91 )👈

✴️~ คนดีจะถูกรับขึ้นไปสู่ที่ปลอดภัย (D) ~✴️
          * พวกเธอจะถูกยกขึ้นสู่เบื้องบนและนำมาพบเรา พระเยซูตรัสแก่พวกเธอว่า นี่มิใช่สิ้นโลก
ตรงกันข้ามเป็นการเริ่มต้นยุคใหม่อันเจิดจรัส เป็นยุคแห่งแสงสว่างโชติช่วง เป็นยุคแห่งความรัก
* ทำไมถึงได้แปลกใจถึงการยกขึ้นไป? บางทีเรายังไม่ได้ยินเสียงคร่ำครวญของผู้คนของ
เราหรือ? คนซื่อๆ ที่ตกทุกข์ได้ยากที่ต้องกระจัดกระจายไปที่นั่นที่โน่นทั่วโลกหรือ? เราไม่ได้
เยียวยาคนซื่อๆ ของเรา ซึ่งเจ็บปวดอย่างไม่เป็นธรรมในอียิปต์หรือ? และเราไม่ได้ช่วยเหลือ
พวกเขาให้รอดหรือ? และเดี๋ยวนี้เราก็อยู่ในสภาพเดียวกัน ประชาชนที่อยู่กระจัดกระจายไปทั่ว
โลกต่างทุกข์ทรมาน เราจะดึงพวกเขาจากพื้นแผ่นดิน ยกพวกเขาขึ้นไป เหมือนดังที่ได้ดึงพวกเขา
ออกจากอียิปต์แบบเฉียดฉิวอย่างน่าอัศจรรย์...เราก็จะเข้ามาช่วยอีกเช่นกัน
* ....พวกเธอจะผ่านโลกนี้ไปสู่อีกโลกหนึ่ง พวกเธอจะรู้สึกชื่นชมยินดีอย่างเหลือล้น เหมือน
อย่างที่เรา (พระเยซู) ได้ขึ้นสวรรค์ในครั้งนั้น....
* พวกเธอก็จะเป็นเช่นเดียวกัน ที่จะฝ่าหมู่เมฆมาพบเรา และไปพบพระบิดา แล้วกลับสู่แผ่นดิน...
ทุกสิ่งจะเกิดขึ้นเหมือนดังที่เราได้ขึ้นสู่สวรรค์ บางคนก็ไปยังพระบิดาและคงอยู่ตลอดไป,
บางคนก็จะกลับสู่แผ่นดิน....
* ....จะไม่มีใครในพวกเขาจะตายก่อนถึงยุคใหม่ และจะเข้าสู่ดาวเคราะห์ในนามของ
พระแม่มารีย์ผู้ศักดิ์สิทธิ์ของเรา ในระหว่างที่มืดและในระหว่างที่มีการฆ่าฟันกัน พวกเขาจะออกมา
จากที่นั่นด้วยร่างกายที่รุ่งเรืองสุกใส เหมือนหนึ่งว่าได้ฟื้นคืนชีพมาแล้ว พวกเขาจะไม่เห็นภัยพิบัติ
เพราะว่าพวกเขาจะถูกรับขึ้นไปพบเรา.....
* การกลับเป็นขึ้นมาครั้งแรกที่รุ่งเรืองอลังการนี้ เกี่ยวกับผู้ที่ได้รับการคัดเลือกจากพระบิดา
เป็นบรรดาลูกๆ ซึ่งมีวิญญาณและจิตใจอยู่ในอาณาจักรของเราแล้ว เรากำลังจะเติมเต็มเพราะ
ความสุขมิอาจเป็นไปได้ หากความรุ่งเรืองอลังการแห่งการกลับเป็นขึ้นมาในวิญญาณและจิตใจ
โดยปราศจากร่างกาย....ฉะนั้น ในไม่ช้านี้พวกเธอจะถูกยกขึ้นไปพร้อมกับร่างกาย....
* ผู้กลับเป็นขึ้นมาพร้อมความรุ่งเรืองอลังการจะมาจากทิศตะวันออก จากทิศตะวันตก
จากทิศเหนือ จากทิศใต้ และภาคกลาง จะมารวมตัวกันพร้อมพรั่งเพื่อโต๊ะเลี้ยงฉลองขององค์พระบุตร
กษัตริย์แห่งอาณาจักรของพระเจ้า
* บุญราศีและนักบุญต่างก็ได้มีส่วนในการกลับเป็นขึ้นมาครั้งแรก พวกเขาก็จะเป็นพระสงฆ์
ของพระเจ้าและของพระคริสต์ จะร่วมปกครองกับองค์พระคริสต์เป็นเวลาพันปี
* หลายคนถูกปล่อยให้อยู่ในโลกก่อน เพื่อจะได้ฟอกตัวให้ขาวสะอาดโดยให้ผ่านความยาก
ลำบาก หลายคนถูกเลือกผ่านพระบิดา เพื่อสละชีพ เพื่อพระศาสนา รอการมาถึงองค์พระบุตรของเรา
* หลายคนถูกไว้ชีวิตและจะได้ความรอดพ้นด้วยความช่วยเหลือของพระแม่มารีย์ แล้วพวกเขา
จะเป็นสักขีพยาน เมื่อจะกลับมาพร้อมสง่าราศี พวกเขาจะโค้งตัวคารวะพระคริสต์ แล้วพวกเขาจะมี
สง่าราศีพร้อมกับพระองค์ โอ้ ช่างเป็นความปีติยินดีสุดประมาณในการกันครั้งนี้ ความชื่นชมยินดีจน
เปี่ยมล้นในหัวใจของพวกเขา เมื่อพระองค์จะเสด็จมาถึง
* พระบุตรของพระเจ้า พระคริสตเยซูจะเสด็จกลับมายังแผ่นดิน และเสด็จไปรวมกับผู้คนที่ยังมี
ชีวิตกับพระองค์ตลอดไป คนดีที่ถูกประทับตราที่ผ่านมหาวิปโยคด้วยความช่วยเหลือของพระแม่มารีย์
จะถูกรับขึ้นไปเพื่อพบพระองค์บนหมู่เมฆ....คนเหล่านี้ยอมตายดีกว่าที่จะรับเครื่องหมายของสัตว์ร้าย
จะได้กลับเป็นขึ้นมาใหม่ พวกเขาเหล่านี้ที่ถูกประทับตรา จะร่วมปกครองกับพระเยซูเป็นเวลาหนึ่งพันปี
แห่งสันติสุข
ผู้ได้รับเลือกสรรจะปกครองพระศาสนจักรใหม่
* เวลาคิดบัญชีมาถึงแล้ว ไม่มีใครจะพูดได้ว่า เราไม่ได้เตือนถึงช่วงเวลานี้ แม้กระทั่งคนที่ตาย
โดยได้รับศีลล้างบาป ก็ได้ยินเสียงของเราดังกังวานในหูทั้งสองข้าง....เรา, องค์พระผู้เป็นเจ้าจะปลุก
ผู้ตายระหว่างพวกเขาให้ฟื้นขึ้นมา ใช่! เราจะปลุกแต่ละซากศพให้ฟื้นขึ้นมา เพราะเสียงเรียกของเรา
จะได้ยินกันทุกคนระหว่างพวกเขา เราจะทำให้ซากศพกลับมีชีวิตขึ้นมาเป็นเสาของแสงสว่าง บางคน
ในพวกเขา เราจะวางพวกเขาให้เป็นเสาที่มั่นคงของพระศาสนจักรของเรา และจะมอบม้วนกระดาษ
ที่เป็นคำสั่งไว้ในมือขวาของพวกเขาแต่ละคน และในมือซ้ายให้ถือดวงไฟนำทางของพวกเขา เราจะ
ให้พรทางภาษาแก่พวกเขาเหมือนสานุศิษย์ของเรา  และจะทำให้พวกเขาเทศน์ต่อหน้าผู้คน เราจะทำ
ให้นานาชาติเห็นความเป็นหนึ่งเดียวและความพร้อมเพรียง และให้ประกาศความจริงแก่พวกเขาไป
จนจรดปลายแผ่นดิน เราองค์พระผู้เป็นเจ้าจะให้ซากศพเหล่านี้มีชีวิตใหม่ เราจะให้ชื่อใหม่ของเรา
แก่พวกเขาด้วยปากของเราเอง
* พวกที่ได้รับมรดกแห่งอาณาจักรพระเจ้าตั้งแต่บนแผ่นดินนี้ จะอ่านสิ่งที่ถูกบันทึกไว้เกี่ยวกับ
ยุคสุดท้ายของคนรุ่นนี้ เพื่อปลุกคนที่หลับใหลให้ตื่นขึ้น เพื่อให้ไปเตือนคนชั่วและผู้กลับกลอก
ในความจริง แล้วพวกเขาจะกล่าวว่า : การตัดสินของพระองค์นั้นถูกต้องแล้ว เพราะพระองค์เป็น
ผู้ชอบธรรมและศักดิ์สิทธิ์
* ....พระจิตเจ้า ผู้ประทานพระพรต่างๆ จะถูกสงวนไว้สำหรับมวลมนุษยชาติ และญาติพี่น้อง
ของเธอจะถูกเลี้ยงดูจากเราเอง พวกเธอจะถูกอบรมและแนะนำจากเราเอง และบรรดาเทวดาและ
นักบุญของเราจากเบื้องบนจะมาพบพวกเธอทุกมุมถนน เราจะเทขนมปังมาให้ (ส่งข้าวปลาอาหารมาให้)
.....รุ่งอรุณใกล้เข้ามาแล้ว.

💞🌟💞 โปรดติดตามตอนต่อไปในวันพรุ่งนี้ 💞🌟💞
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 5937
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

พฤหัสฯ. มี.ค. 02, 2023 9:01 pm

📗~ สู่สงครามมหาประลัย ~📗
เขียนโดย คุณสนธิ สารธรรม 👉 ตอนที่ (92)👈

✴️~ ความลับฟาติมาข้อที่ 3 คือ สงครามโลกครั้งที่ 3 ซึ่งเริ่มต้นขึ้นแล้วในตะวันออกกลาง (A) ~✴️
         
ผมได้รับจดหมายลงวันที่ 17 มีนาคม 2015 จากบาทหลวงนิโคลัส ครูเนอร์ ผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับ
ความลับฟาติมาข้อที่ 3 จากแคนาดา ถึงมือผมเมื่อวันที่ 25 เมษายน 2015 ที่ล่าช้า เพราะ
1. ส่งทาง Sea mail เป็นการประหยัดตามปกติ
2. ท่านป่วยหนักและเสียชีวิตในวันที่ 29 เมษายน นั่นเอง จึงถือเป็นจดหมายฉบับสุดท้าย
ที่ได้บอกข่าวสำคัญให้ผม
ใจความจดหมายมีย่อๆ ดังนี้ : ท่านได้กลับจากกรุงโรมเมื่อเร็วๆ นี้ในพิธีสถาปนา
พระคาร์ดินัลใหม่ (ซึ่งมีพระคาร์ดินัล เกรียงศักดิ์ โกวิทวาณิช แห่งประเทศไทยของเราด้วย)
ท่านเล่าว่า ขณะร่วมพิธีในมหาวิหารปีเตอร์ มีบางสิ่งที่ทำให้หัวใจของท่านสั่นไหวอย่างไม่เคย
ประสบมาก่อน
ท่านเล่าต่อว่า ท่านได้พบบาทหลวง Gabriel Amorth พระสงฆ์ผู้ไล่ผีที่สำคัญของโลก
(ท่านมีภาวะทางจิตที่สูงส่ง เป็นผู้หยั่งรู้เหตุการณ์ต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตได้) คำพูดของ
บาทหลวง Amorth ทำให้ท่านตกใจและหวั่นไหว เพราะมีบางอย่างจะเกิดขึ้น : โลกเราจะถูก
ทำลายอย่างย่อยยับ เหนือที่จะจินตนาการได้
อีกนานเท่าไร นัอยกว่า 8 เดือน บาทหลวง Amorth บอกท่านว่า นอกเสียจากการถวาย
รัสเซียแก่แม่พระตามที่ได้บอกเด็กทั้ง 3คน ที่ฟาติมา โปรตุเกส เมื่อปี 1917 ว่าให้ถวายรัสเซีย
แก่แม่พระ โดยโป๊ปพร้อมด้วยพระสังฆราชทั่วโลก แต่เนื่องจากโป๊ปในปี 1962 - 1965 ได้จัด
ให้มีการประชุมสังคายนาวาติกันครั้งที่ 2 โดยเชิญโป๊ปนิกาย ออร์โธดอกซ์แห่งรัสเซียให้เข้า
ร่วมด้วย ซึ่งมีเงื่อนไขว่าโป๊ปแห่งโรมจะไม่ประณามลัทธิคอมมิวนิสต์ เพราะคอมมิวนิสต์นั้น
ไม่เชื่อในพระเจ้าและแม่พระ ฉะนั้น การถวายรัสเซียแก่แม่พระก็เป็นเสมือนให้รัสเซียเลิก
คอมมิวนิสต์ แล้วกลับมานับถือพระเจ้าและแม่พระเสียใหม่ เพื่อมิให้เสียมารยาททางการทูต
จึงมิได้มีการประกอบพิธีอย่างเป็นทางการในการถวายรัสเซียแก่แม่พระ ขณะที่เขียนมาถึงตรงนี้
ก็ตกเข้าวันที่ 13 ตุลาคมแล้ว คิดในใจว่า ถึงสิ้นเดือนตุลาคม ก็คงจะไม่มีการถวายรัสเซียแก่
แม่พระเป็นแน่
แล้วคำทำนายของบาทหลวง Amorth ผู้ศักดิ์สิทธิ์ก็เป็นจริง ตามที่ได้บอกกับบาทหลวง
Gruner ชาวแคนาดาว่าจะเกิดเรื่องร้ายแรง! เมื่อไร? น้อยกว่า 8 เดือน (นับจากเดือนมีนาคม 2015)
ผมต้องสะดุ้งในเช้าวันที่ 15 ตุลาคม ที่อ่านพบบทความ "คนปลายซอย" ในไทยโพสต์
โดยคุณเปลว สีเงิน ในหัวข้อ "จับสัญญาณ สงครามโลกครั้งที่ 3" โดยคุณเปลวหยิบยกจาก
บทความของ MUSLIMVOICETV.COM โดย Admin :
แฉสงครามโลกครั้งที่ 3 เริ่มแล้ว
โดย Admin :
ประเทศที่ประกาศเข้าร่วมสงครามนี้อย่างเป็นทางการแล้วมี 34 ประเทศ แยกเป็น "ฝ่ายเทพ"
ระบอบอนุรักษนิยม 6 ประเทศ คือ รัสเซีย จีน อิหร่าน ซีเรีย อิรัก และเยเมน
และ "ฝ่ายมาร" ลัทธิประชาธิปไตย 28 ประเทศ คือ อเมริกา และนาโต ที่บงการครอบอีกชั้นหนึ่ง
ด้วยกลุ่มทุน "อิลลูมินาติ" ที่มีอำนาจเหนือรัฐบาล ความคล้ายของจุดกำเนิดสงครามโลกครั้งที่ 1
กับสงครามโลกครั้งที่ 3 นี้มีปัจจัยใกล้เคียงกัน คือ เศรษฐกิจในชาติตะวันตกตกต่ำติดเหว การแข่ง
ผลิตอาวุธล้นตลาด
เรียกได้ว่า "สงครามในซีเรีย" และอิรักคราวนี้ ปัจจัยเหมือนสงครามโลกครั้งที่ 1 ไม่มีผิดเพี้ยน
ล่าสุดประเทศอิหร่านได้ประกาศว่า ได้ทดสอบยิงขีปนาวุธข้ามทวีปประสบผลสำเร็จแล้ว สามารถยิง
ถึงอังกฤษและอเมริกาได้อย่างสบายๆ ส่วนทหารรัสเซียได้รายงานว่า ตรวจพบเครื่องบิน F-16 จำนวน
2 ลำติดป้ายอเมริกาบินฝ่าเข้ามาในน่านฟ้าซีเรีย เขตที่รัสเชียประกาศ "ห้ามประชาธิปไตยบิน"
เนื่องจากอเมริกาต้องการลองของรัสเซียและยั่วให้โกรธ เพื่อยิงเครื่องบินของอเมริกาก่อน
จะได้เป็นข้ออ้างในการประกาศสงครามได้อย่างเต็มรูปแบบ
ส่วนอังกฤษก็ไม่เบา แถลงข่าวต่อสื่อ ยิวไซออนิสต์ ว่า อังกฤษเป็นตัวแทนของนาโต 28 ชาติ
และจะยิงเครื่องบินรบของรัสเซียในเขตน่านฟ้าของอิรัก โดยอังกฤษจะใช้ฝูงบินรบ
Tormado Air Force ซึ่งติดตั้งขีปนาวุธแบบ Air to Air เข้าต่อสู้กับรัสเซียแบบตาต่อตา ฟันต่อฟันทันที
ส่วนอเมริกาเตรียมแหย่จีนโดยส่งเรือรบเข้าไปในเขต 12 ไมล์ทะเลในหมู่เกาะสแปรตลี ที่จีนสร้าง
ประภาคาร สิ่งปลูกสร้างบนเกาะกลางทะเล มีเรือรบพร้อมเรือดำน้ำและเครื่องบินรบของจีนหนาแน่น
ที่สุดในโลก
โดยอเมริกาหวังให้จีนระดมยิงใส่ตนก่อน จากนั้นจะระดมทหารญี่ปุ่นแก้กฎหมายเข้าสู่สงคราม
แล้วมาต่อสู้กับจีน
ส่วนการสู้รบสงครามสมรภูมิในรัสเซียตอนนี้นั้น รัสเซียได้ส่งเครื่องบินรบของกองทัพอากาศ
ทิ้งระเบิดและขีปนาวุธโจมตีทำลายกองบัญชาการต่างๆ ของกองกำลัง IS CIA ฝ่ายประชาธิปไตยมาก
ถึง 60 จุด ในช่วงแค่วันเดียว
ประธานาธิบดีปูติน ที่เติบโตมาในอาชีพจาก KGB ได้ชื่อว่า สุขุมนุ่มลึกเสมอ เขาให้การสัมภาษณ์
ทีวีรัสเซียในการถล่มกองกำลัง IS CIA ของอเมริกาในซีเรียด้วยมิสไซล์วิถีไกล 1,500 กม. จากเรือรบกลาง
ทะเลว่า "เราโจมตีด้วยแผนที่เหนือความคาดหมายของหน่วยข่าวกรองของอเมริกา"
โดยตัดสินใจปล่อยขีปนาวุธจากเรือรบในทะเลแคสเปียน ข่าวกรองของอเมริกาถือว่าดีที่สุดในโลก
แต่พวกเขาก็ยังไม่สามารถคาดการณ์แผนการโจมตีของเราได้ เป็นการเยาะเย้ยอเมริกาว่าฉลาดน้อย
และกองทัพซีเรียนั้นสามารถจู่โจมอเมริกาด้วยขีปนาวุธจากทุกหนแห่งในโลกแบบที่ CIA และเพนตากอน
คาดไม่ถึง
และที่แสบทรวงยิ่งกว่าขี้กลากทาซีม่า คือ กลุ่ม IS CIA ของอเมริกามองผู้หญิงว่าไม่มีสิทธิเ
สรีภาพใดๆ รัสเซียจึงแก้เผ็ดโดยส่งนักบินหญิงเสืออากาศไปทิ้งระเบิดถล่มกองกำลังอเมริกา
เป็นสิ่งเดียวที่ทำร้ายจิตใจกลุ่ม IS CIA มาก เพราะถ้าตายจะไม่ได้ไปสวรรค์ ถ้าถูกฆ่าโดยผู้หญิง
และนี่คือกัปตัน Svetina Kapanna นักบินรัสเซีย จบปริญญาโทด้านกีฬาของรัสเซีย ที่ทิ้งระเบิด
ใส่อมริกาไปเปิดเพลงไป ดังที่หลายคนได้เห็นในคลิปวิดีโอฝ่ายรัสเซียเอามาเผยแพร่เยาะเย้ยอเมริกาทั่วไป
ฝ่ายจีนก็ทำสงครามการเงินแบบเงียบๆ ช่วง 3 ปีที่ผ่านมาเงินหยวนของจีนได้ขยับแซงหน้าสกุลเงิน
สากลแล้วถึง 7 สกุล และจนถึงเดือนสิงหาคม 2015 ที่ผ่านมา ประเทศที่ใช้เงินหยวนชำระหนี้
มีประมาณ 100 ประเทศ

💞🌟💞 โปรดติดตามตอนต่อไปในวันพรุ่งนี้ 💞🌟💞
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 5937
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

พฤหัสฯ. มี.ค. 02, 2023 9:09 pm

📗~ สู่สงครามมหาประลัย ~📗
เขียนโดย คุณสนธิ สารธรรม 👉 ตอนที่ (93 )👈

✴️~ ความลับฟาติมาข้อที่ 3 คือ สงครามโลกครั้งที่ 3 ซึ่งเริ่มต้นขึ้นแล้วในตะวันออกกลาง (B) ~✴️

ที่น่าเสียวที่สุดท่ามกลางอุณหภูมิสงครามโลกตะวันออกกลางที่เพิ่มความเดือดระอุ คือ พญามังกร
ได้ส่งกองทัพช่วยพญาหมีขาวแล้ว
โดยจีนส่งเรือบรรทุกเครื่องบินพร้อมฝูงบิน J-15 ไปร่วมกับรัสเซียถล่มฝ่าย IS CIA ของอเมริกา
และนาโต โดยเครื่องบินรบ J-15 นี้เป็นเครื่องบินขับไล่ที่พัฒนาเองโดยจีน
เป็นเครื่องบินประจำเรือบรรทุกที่พัฒนาต่อมาจากเครื่องบินรบ SU-33 Flanker ของรัสเซีย
โดยจีนได้อภินันทนาการตัวแบบจาก SU-33 โดยระบบ Avionics และระบบอาวุธที่ใช้กับ J-15
ทั้งหมดเป็นระบบที่จีนพัฒนาขึ้นเอง ทั้งระบบเรดาร์แบบ AESA ระบบสงครามอิเล็กทรอนิกส์
และจีนยังเปิดหน้ารบกับอังกฤษและนาโต โดยส่ง Combat drone CH-48 มาถึงอิรักเรียบร้อยแล้ว
พร้อมส่งเจ้าหน้าที่มาสอนการควบคุมถึงอิรัก Air Force Base อีกด้วย ถือเป็นการส่งทหารรบนอกบ้าน
เป็นครั้งแรกในรอบ 70 ปี หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 อีกด้วย
โดยจีนแนบเนียนมาก คือให้อิรักและซีเรียส่งหนังสือขอความช่วยเหลืออย่างเป็นทางการ เหมือน
ที่รัสเซียได้รับมาก่อนหน้า
สงครามโลกครั้งที่ 3 นี้ จะได้เห็นแสนยานุภาพทางการทหารของจีนที่ผงาดขึ้นมาติดอันดับ
กองทัพใหญ่ที่สุดในโลกไปแล้ว
และโลกจะต้องตะลึง เมื่อจีนเปิดสารพัดอาวุธที่ซุ่มพัฒนาไว้หลายพันปี เพื่อมาล้างรอยแค้น
สงครามโลกครั้งที่ 2 ในครั้งนี้ เพราะจีนยังมีไม้ตายที่อเมริกาและนาโตจะต้องงงงวยแน่นอน
สรุปแล้ว สงครามโลกครั้งที่ 3 ที่ส่งกลิ่นโชยมาจากตะวันออกกลางไม่กี่วันมานี้ก็คือ ความลับฟาติมา
ข้อที 3 จะขอฟื้นความทรงจำเกี่ยวกับความลับฟาติมาข้อที่ 3 อย่างย่นย่อดังนี้ : แม่พระได้ปรากฏให้เด็ก
เลี้ยงแกะ 3 คน สารข้อแรกเกี่ยวกับสงครามโลกครั้งที่ 1 และสารครั้งที่สองเกี่ยวกับสงครามโลกครั้งที่ 2
ส่วนสารข้อที่ 3 แม่พระบอกให้เก็บเป็นความลับ จนกว่าจะถึงปี 1960 จึงจะเปิดเผยได้ จึงเรียกสารข้อที่ 3
นี้ว่า ความลับข้อที่ 3 ครั้นถึงปี 1960 โป๊ปก็มิกล้าเปิดเผย จนถึงปี 2000 โป๊ปจอห์น พอล ที่ 2 ทนต่อการ
รบเร้าไม่ได้ จึงยอมเปิดเผยเมื่อวันที่ 26 มิถุนายน ใจความย่อๆ ว่า : พระสันตะปาปาองค์หนึ่งต้องเดิน
ผ่านกองศพของบรรดาพระคาร์ดินัล พระสังฆราช และพระสงฆ์จำนวนมาก แล้วยังเดินผ่านตึกรามบ้านช่อง
ที่ปรักหักพัง สู่เนินเขาที่มีไม้กางเขนปักอยู่ แล้วคุกเข่าลงสวดส่งวิญญาณของซากศพบรรดานักบวชเหล่านั้น
แล้วถูกสาดกระสุนโดยกองทหารเสียชีวิตและมีการยิงซ้ำด้วยลูกธนู
นักวิเคราะห์กล่าวว่า
1. พระสันตะปาปาถูกสังหารอยู่ในระหว่างสงครามโลครั้งที่ 3
2. ยิงด้วยลูกธนู เป็นการหยิบยกคำพูดของไอสไตน์ ผู้คิดค้นระเบิดปรมาณู เมื่อถูกถามว่า
สงครามโลกครั้งที่ 3 จะร้ายแรงขนาดไหน? ท่านตอบเพียงว่า สงครามต่อจากนั้นจะยิงกันด้วยลูกธนู
ก็แปลว่า สงครามโลกครั้งที่ 3 จะแหลกลาญจนผู้คนเหลือน้อย ซึ่งจะกลับไปใช้ชีวิตในป่าดงดังเก่าก่อน
เพื่อเตรียมจิตใจที่จะรับมือกับเหตุการณ์ร้ายๆ ในโลก ผมขอหยิบยกประวัติของชายคนหนึ่ง
ที่ได้ใช้ชีวิตเหลวแหลกมาก่อน แต่ยังไม่ลืมพระ เมื่อเข้าตาจนพระก็ไม่ทอดทิ้งเขา ผมขอนำประวัติของ
ผู้ชายคนนี้จากบทความในนิตยสาร Michael ประจำเดือนมีนาคม/เมษายน 2015 จากแคนาดา ดังนี้ :
เมื่อวันที่ 25 ธันวาคม 1997 มารีโน เรสเตรโป (Marino Restrepo) ผู้อำนวยการใหญ่ของ
ภาพยนตร์ฮอลลีวู้ดถูกจับเรียกค่าไถ่จากกลุ่มกบฏโคลอมเบีย เขาถูกนำเข้าไปในป่าอเมซอน ระหว่าง
ที่รอให้ผู้ก่อการร้ายนำเข้าในถ้ำ เขาก็รู้ชะตากรรมของเขา เพราะไม่เคยมีใครเลยที่จะรอดจากพวก
กบฎเหล่านี้ไปได้
มารีโนเกิดในบริเวณเทือกเขาแอนดีส ประเทศโคลอมเบีย ในเมืองเล็กๆ ที่ชาวบ้านปลูกกาแฟ
เป็นส่วนใหญ่ ครอบครัวของเขาเป็นครอบครัวคาทอลิกที่มีความเชื่อเข้มแข็ง ปฏิบัติตามธรรมเนียม
และคำสอนคาทอลิกทุกประการ มารีโนเป็นบุตรชายคนที่ 6 ในบรรดาลูก 10 คน ขณะที่อายุ 14 ปี
เขาได้ย้ายไปอยู่ในกรุงโบโกตา เมืองหลวงของโคลอมเบีย และสำเร็จการศึกษาระดับไฮสคูล
เมื่ออายุ 20 ปีก็แต่งงานและย้ายไปอยู่ที่เมืองฮัมบูรก์ เยอรมนี เขาศึกษาต่อมหาวิทยาลัยฮัมบูร์ก
ในคณะศิลปะศาสตร์ ลูกชายสองคนของเขาเกิดที่นี่ หลังจากอาศัยอยู่เยอรมนี 6 ปี เขาก็ย้ายไป
อยู่ลอสแองเจลิส แคลิฟอร์เนีย และอาศัยอยู่ที่นี่มาตลอด เขาได้ทำงานในอุตสาหกรรมบันเทิง
โดยเป็นนักแสดงและผู้ประพันธ์เพลงประกอบภาพยนตร์ ตั้งแต่ภาพยนตร์การ์ตูนสำหรับเด็กของ
วอลท์ ดิสนีย์ ไปจนถึงภาพยนตร์เขย่าขวัญของฮอลลีวู้ด
ในปี 1985 เขาเซ็นสัญญากับทางโซนี่ มิวสิกในกรุงนิวยอร์ก ได้เป็นผู้อำนวยการใหญ่ของ
วงดนตรี ซานตาเฟ แบนด์ (band Santa Fe) เขาได้ผลิตอัลบั้มเพลงออกมาจำนวนมาก และเดินทาง
ไปเปิดการแสดงที่ต่างๆ ทั่วโลก มารีโนอาศัยอยู่ในโลกแห่งความบันเทิงนี้เป็นเวลานาน 20 ปี และ
ในช่วงเวลานี้เขาใช้ชีวิตอยู่ห่างไกลจากพระเป็นเจ้า เขาเริ่มถอยห่างจากความเชื่อคาทอลิกตั้งแต่เขา
ย้ายไปอยู่ที่กรุงโบโกตา เขากลายเป็นคนนอกศาสนาและหันไปใช้ชีวิตทางโลกอย่างเต็มที่ ซึ่งให้ความ
สำคัญกับวัตถุอย่างเช่น เงิน ชื่อเสียง และความพึงพอใจ เขาเข้าร่วมกิจกรรมศาสนาตะวันออกและ
ศาสตร์ลึกลับ เช่น โหราศาสตร์ คริสตัล เทียน อโรมาเทอราปี การสะกดจิต และไสยศาสตร์ทุกชนิด
ชีวิตของมารีโนเริ่มหักเหในระหว่างที่เขาเดินทางไปเยี่ยมญาติของเขาที่บ้านเกิดในโคลอมเบีย
เที่ยงคืนก่อนวันคริสต์มาสใน 1997 ขณะที่เขากำลังขับรถไปยังบ้านของลุงซึ่งเขาจะพำนักหลับนอน
อยู่ด้วยในคืนนั้น เขาถูกลักพาตัวโดยกลุ่มกบฏโคลอมเบียที่ชื่อ FARC (Revolutionary Arm Force
of Colombia) เพื่อเรียกค่าไถ่ เขาถูกนำตัวเข้าไปอยู่ในถ้ำที่มีฝูงค้างคาวและแมลงหลากชนิด ระหว่าง
ที่รอให้ผู้ก่อการร้ายกลับมานำตัวเขาไป ภายในถ้ำแห่งนั้น เขาก็ได้แต่ตระหนักใจว่า เขาถูกผู้ก่อการ
ร้ายพิพากษาให้ต้องรับความตาย แต่ภายในถ้ำนั้นเขาได้รับประสบการณ์พิเศษกับพระเป็นเจ้าที่
เปลี่ยนแปลงชีวิตของเขาตลอดไป ห้าเดือนครึ่งต่อมา มารีโนถูกปล่อยตัวออกมาจากถ้ำนั้นอย่างน่า
อัศจรรย์เมื่อผู้ก่อการร้ายได้รับเงินค่าไถ่แล้ว (ผู้ก่อการร้ายต้องการฆ่าปิดปากเขามากกว่า)
และหลังจากถูกปล่อยตัว เขาได้กลับคืนสู่ความเชื่อคาทอลิก 18 เดือนต่อมา เขากลายเป็นมิชชันนารี
เต็มตัวของพระศาสนจักรคาทอลิก เขาละทิ้งทุกสิ่งอย่างในอดีต ละทิ้งสิ่งของทุกอย่างที่เขาเป็นเจ้าของ
ในโลกนี้ เมื่อออกจากถ้ำ เขาได้ไปสารภาพบาปต่อพระสงฆ์ฟรังซิสกัน ซึ่งต่อมาได้เป็นผู้แนะนำฝ่าย
วิญญาณของเขา คือ คุณพ่อ Frey Jose Maria de las cinco Ilagas ท่านเป็นพระสงฆ์อิตาเลียน
ผู้ก่อตั้งคณะฟรังซิสกันรีนิววัลออเดอร์ในกรุงโคลอมเบีย มารีโนใช้เวลา 14 เดือนในแคลิฟอร์เนีย
ในการเรียนรู้การเป็นคาทอลิกอีกครั้ง โดยไม่รู้ว่ามีภารกิจสำคัญกำลังรอเขาอยู่เบื้องหน้า

💞🌟💞 โปรดติดตามตอนต่อไปในวันพรุ่งนี้ 💞🌟💞
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 5937
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

ศุกร์ มี.ค. 03, 2023 8:59 pm

📗~ สู่สงครามมหาประลัย ~📗
เขียนโดย คุณสนธิ สารธรรม 👉 ตอนที่ (94)👈

✴️~ ความลับฟาติมาข้อที่ 3 คือ สงครามโลกครั้งที่ 3 ซึ่งเริ่มต้นขึ้นแล้วในตะวันออกกลาง (C) ~✴️
         
วันหนึ่งในระหว่างการฉลองมิสซาวันอาทิตย์ใบลาน เขาได้รับประสบการณ์พิเศษอีกครั้งหนึ่งกับ
พระเยซูผู้อยู่บนไม้กางเขน พระองค์ทรงแจ้งให้เขารู้ถึงภารกิจของเขา และเขาต้องให้คำตอบว่า
จะยอมรับหรือปฏิเสธภารกิจนี้ พระเยซูมิได้บังคับให้เขาปฏิบัติตามพระประสงค์ของพระองค์
ในไม่ช้าหลังจากสัปดาห์ศักดิ์สิทธิ์ผ่านพ้นไป มารีโนก็เริ่มต้นภารกิจด้วยการเป็นมิชชันนารีเต็มเวลา
ให้กับการบรรยายเรื่องราวประสบการณ์การกลับใจของเขา ภารกิจเริ่มต้นปี 1999 และได้ดำเนิน
ต่อมาทั่วโลก
ในการบรรยายประสบการณ์ของเขา มีเรื่องเกี่ยวกับคำสอนในหัวข้อต่างๆ หลายเรื่อง
มารีโนอธิบายเรื่องต่างๆ เหล่านี้อย่างชัดเจน ด้วยเทววิทยาแบบง่ายๆ สำหรับประสบการณ์พิเศษ
ของเขา ถึงแม้ว่าเขาจะไม่เคยเรียนเทววิทยาหรือเทวศาสตร์มาก่อนเลยก็ตาม เขาให้ความรู้ที่น่า
ประทับใจแก่ผู้ฟัง เขาไม่เคยตระเตรียมการพูดก่อนทำบรรยาย นอกจากสวดภาวนาและอ่าน
หนังสือพระวาจาของพระเป็นเจ้า เขาจะอ่านให้ผู้ฟังก่อนเริ่มต้นการบรรยาย
มารีโนมีภารกิจในหลายประเทศ และทุกภารกิจเกิดจากการได้รับเชิญให้ไปบรรยาย เมื่อ
มีที่หนึ่ง ที่อื่นๆ ก็ตามมา ไม่มีการรับเงินเพื่อการปรากฏตัว แต่เขาทำทุกสิ่งเพื่อพระคริสตเยซู
และมอบความวางใจทั้งหมดในพระเจ้า
มารีโนสังเกตเห็นความยากจนในพระสงฆ์ที่อยู่ในกลุ่มประเทศในละตินอเมริกา อันได้แก่
โคลอมเบีย เอกวาดอร์ เปรู เวเนซูเอลา และปานามา เขาพบว่าพิธีมิสซาพระสงฆ์ในการประกอบ
พิธีดูไม่สมศักดิ์ศรี มารีโนจึงเริ่มต้นขอรับบริจาคภาชนะสำหรับพระแท่นที่ไม่ได้ใช้แล้วจาก
สังฆมณฑลอื่นในทวีปอเมริกาเหนือ และยุโรปที่ร่ำรวยกว่า รวมทั้งเสื้อผ้าที่ใช้ในพิธีด้วย สิ่งของ
เหล่านี้จะนำไปให้แก่ประเทศอื่นที่ยากจนซึ่งยังไม่มีสิ่งจำเป็นเหล่านี้ แต่ยังมีโบสถ์อีกนับร้อยที่ยัง
ขาดสิ่งของเหล่านี้ และมารีโนเองก็ยังไม่สามารถช่วยเหลือได้
มารีโนยังได้รับกระแสเรียกอีกอย่างหนึ่ง คือ การจัดตั้งกลุ่ม "แสวงบุญแห่งความรัก" ซึ่งเป็น
กลุ่มที่ให้การดูแลทางจิตใจให้แก่ชุมชนที่ยากจน ได้แก่ การประกาศพระวาจาจากพระวรสาร ไม่
เพียงเท่านั้น ทางกลุ่มยังช่วยหาสิ่งจำเป็นฝ่ายร่างกายให้แก่พวกเขาด้วย ทั้งอาหาร ยา การศึกษา
และเครื่องนุ่มห่ม มารีโนสามารถสร้างโบสถ์และวัดน้อยให้แก่ชุมชนหลายแห่ง ทั้งโรงเรียนและ
สถานบริการสาธารณสุขขั้นพื้นฐาน ภารกิจเหล่านี้มีความเชื่อคาทอลิกเป็นจุดศูนย์กลาง เขาจะ
อบรมสมาชิกให้รักวินัยตามคำสอนอย่างเคร่งครัด เขามีพระสังฆราชที่คอยให้คำแนะนำและ
สนับสนุน คือ ท่านมองซิเยอร์ โรแบร์โต ออสปินา ซึ่งมาจากศูนย์ของ น.เปโตร ในกรุงโบโกตา
เขาพอใจในการสนับสนุนของพระศาสนจักรมาก และเขาจะไม่ทำสิ่งใดที่ขัดแย้งกับศาสนจักรเลย
มารีโนรวบรวมสายประคำ เหรียญพระรูป บทสวด และวัตถุทางศาสนาทุกชิ้นไว้ในภารกิจ
ของเขาต่อคนยากจน มีคริสตชนจำนวนมากต้องการให้สิ่งเหล่านี้ที่เขาไม่ได้ใช้แล้วแก่คนยากจน
กว่า เขาจึงได้รับกล่องสายประคำ เหรียญ และวัตถุทางศาสนามากมายจากต่างประเทศ และเขา
ได้มอบสิ่งเหล่านี้แก่คาทอลิกที่ยากจนซึ่งไม่สามารถหาซื้อสิ่งเหล่านี้ได้
มารีโนได้รับคำแนะนำในระหว่างที่เขามีประสบการณ์พิเศษในถ้ำที่โคลอมเบีย ได้แก่
- สวดสายประคำทุกวัน (บางครั้งมารีโนสวดสายประคำสี่สายตามบทรำพึงสี่ข้อ)
- บทสวดต่อพระเยซูกุมารแห่งปราก (สวดทุกวัน)
- บทสวดของนักบุญอัครเทวดามีคาแอล
- บทสวดขับไล่ปีศาจของนักบุญ แพทริก
- อ่านพระคำภีร์ทุกวันตามด้วยประวัตินักบุญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งนักบุญ นักปราชญ์ของพระศาสนจักร
- พยายามพินิจรำพึงในความเงียบขณะที่อยู่เบื้องหน้าศีลมหาสนิท
ในการเฝ้าศีล เขาให้ความสำคัญต่อการนมัสการศีลมหาสนิทเป็นอย่างมาก เขาบรรยายบ่อยๆ
เกี่ยวกับการไปสารภาพบาปเพื่อรับศีลอภัยบาป
ชีวิตฝ่ายวิญญาณขอเขาได้ใกล้ชิดกับพระเยซูกุมารยิ่งมากขึ้น และเขาไปเยี่ยมคริสตชนคาทอลิก
ทุกคน เพื่อแบ่งปันความศรัทธานี้ เขาแนะนำให้รู้ถึงความสำคัญของการเติบโตฝ่ายจิต
พระเยซูเจ้ายังให้พระพรการรักษาโรคแก่เขาด้วย หลายครั้งที่ได้รับการรักษาในระหว่างสวดภาวนา
และวางมือของเขาบนตัวผู้ป่วย
มารีโนเองมีโรคประจำตัวเกี่ยวกับหัวใจ และต้องได้รับการดูแลจากแพทย์อย่างใกล้ชิด เวลานี้
สุขภาพเขายังดีและสามารถเดินทางได้ เขาได้เดินทางเพื่อปฏิบัติภารกิจใน 21 ประเทศทั่วโลก
มารีโนได้เขียนหนังสือเล่าประสบการณ์ของเขาชื่อ "From Darkness into Light" และหนังสืออื่นๆ
และผลิต CD, DVD ที่ให้ความสว่างและหล่อเลี้ยงใจ และการให้ท้าทายที่จะเปลี่ยนแปลงชีวิตด้วย
การบรรยายสอนของเขามีพื้นฐานอยู่ที่พระวรสาร พระคัมภีร์ และธรรมเนียมอันศักดิ์สิทธิ์เท่านั้น ซึ่งมีอยู่
อย่างเพรียบพร้อมในพระศาสนจักรคาทอลิก
เมื่อทางเราได้เขียนเมล์ถามเขาเกี่ยวกับประสบการณ์บางอย่างที่เขาได้รับที่อยู่ภายในถ้ำ เขาได้
ตอบมาทางอีเมล์ดังนี้
"รอบตัวผมเต็มไปด้วยค้างคาวนับพันตัว พื้นถ้ำที่ผมตกลงไปเปียกชื้นและถูกปกคลุมด้วยขี้ค้างคาว
แมลงนับพันออกมาจากขี้ค้างคาว และคลานขึ้นมาบนเสื้อของผม พวกมันกัดผมตั้งแต่ศีรษะจนถึงเท้า
การกัดแต่ละครั้งทำให้ผมได้รับความเจ็บปวดที่แตกต่างกัน บางครั้งเหมือนถูกไฟช็อต บางครั้งทำให้
ผิวหนังอักเสบ"
แต่ท่ามกลางสิ่งเหล่านี้ เขาคิดว่าเขากำลังจะตาย เขาก็ได้รับประสบการณ์พิเศษ เขาได้เห็นชีวิต
ทั้งหมดของเขา เหมือนกับบางคนที่ได้รับประสบการณ์ใกล้ตาย นี่เป็นจุดเริ่มต้นของการกลับใจ เมื่อเขา
ได้ถูกปล่อยตัวออกจากถ้ำ เขาได้กล่าวว่า พระเยซูเจ้าทรงมาหาเขาในเสียงที่ไม่อาจพรรณนาได้ พระองค์
แสดงให้เขาเห็นชีวิตทั้งหมดของเขาเป็นฉากๆ ในภาพนิมิต
มารีโนได้เล่าว่า
"ระหว่างที่ผมได้รับประสบการณ์พิเศษภายในถ้ำ ขณะที่อยู่ในความว่างเปล่า ผมถูกนำตัวไปวาง
ไว้ในทะเลสาบและน้ำท่วมถึงเอว ผมเห็นหินก้อนใหญ่อยู่เบื้องหน้าผม และผมรู้ทันทีว่าพระเยซูกำลังปรากฏ
แก่ผม ตอนแรกผมได้ยินเสียงของพระองค์เท่านั้น เนื่องจากสถานะบาปของผม"
"ในเวลานั้นเอง ผมก็ได้รับรู้ถึงการปรากฏตัวของปีศาจชั่วร้ายนับพันๆ ซึ่งอยู่ในทะเลสาบที่ผมจมอยู่
"ปีศาจแต่ละตัวมีความเชื่อมโยงกับต่อบาป ผมรู้จักมัน ผมเคยเป็นหนึ่งเดียวกับมัน
พวกมันคือบาปของผมในระหว่าง 33 ปี"

💞🌟💞 โปรดติดตามตอนต่อไปในวันพรุ่งนี้ 💞🌟💞
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 5937
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

อาทิตย์ มี.ค. 05, 2023 8:26 pm

📗~ สู่สงครามมหาประลัย ~📗
เขียนโดย คุณสนธิ สารธรรม 👉 ตอนที่ ( 95 )👈

✴️~ ความลับฟาติมาข้อที่ 3 คือ สงครามโลกครั้งที่ 3 ซึ่งเริ่มต้นขึ้นแล้วในตะวันออกกลาง (D) ~✴️

"ผมเข้าใจทันที ความร้ายแรงของการกระทำของผมที่เป็นการขัดสู้กับพระเป็นเจ้า พวกมันปรากฏต่อ
พระพักตร์พระเยซูเจ้า มันคือการฟ้องข้อกล่าวหาของชีวิตที่อยู่ห่างไกลพระเป็นเจ้า และการทำ
ทุกอย่างนั้นยังคงอยู่ บาปทุกประการที่ผมทำยังอยู่ จิตยังเชื่อมโยงบาปเหล่านั้นเคลื่อนไหวอยู่
ในตัวผม และมีช่องว่างหัวใจกับวิญญาณ"
"ผมหมดสิ้นแล้วทุกอย่าง"
"ผมถูกขยี้และรู้สึกถึงความชั่วร้าย ความมืดมิดอยู่เหนือผมเหมือนเงาทะมึนใหญ่ที่ปกคลุม
ชีวิตทั้งหมดของผม เหมือนผ้าห่มจากนรก"
"แต่เบื้องบนก้อนหินที่อยู่หน้าทะเลสาบ อารักขเทวดาของผมปรากฏกายขึ้น ท่านสวมเสื้อคลุม
ยาวสีงาช้าง สีที่คล้ายกับใบหน้าของท่าน ราวกับว่าเป็นส่วนหนึ่งของท่าน"
"ผมรู้ทุกสิ่งที่ท่านพูด มันเป็นความรู้ เทวดาพูดว่า "เจ้ากำลังยืนอยู่ในดินแดนบาปของเจ้า
เจ้าดำเนินชีวิตในวิถีทางที่เป็นปฏิปักษ์กับบัญญัติของพระเจ้าทุกประการ" ท่านชี้ไปยังปีศาจที่อยู่รอบๆ
และดวงตาของท่านเหมือนคบเพลิง"
"ผมสามารถมองเห็นการปรากฏอยู่ของท่านในทุกขณะระหว่างที่ผมมีชีวิตอยู่ และการกระทำ
ของท่านที่พยายามจะทำให้ผมต่อสู้กับชีวิตในบาปของผม"
"ผมยังมองเห็นการปรากฏของเทวดาองค์อื่นๆ อีกมากมาย คืออารักขเทวดาของญาติๆ ของผม
หรือของคนที่ทำร้ายผม ผมได้เห็นสงครามสู้รบของจิตวิญญาณตลอดชีวิตของผม การต่อสู้ของทูตสวรรค์
ของพระเป็นเจ้ากับเหล่าปีศาจ"
"ผมมีชีวิตอยู่กับพวกมันเป็นเวลานานโดยที่ไม่รู้สึกตัวเลย"
"มันเป็นช่วงเวลาที่น่าเศร้าที่ได้เห็นพระพรจำนวนมากที่สูญเสียไปโดยเปล่าประโยชน์ มันเจ็บปวดมาก"
อย่างไรก็ตาม ท่ามกลางสิ่งเหล่านี้ มีการปลอบประโลมใจจากพระแม่มารีย์ ผู้ทรงปรากฏแก่เขา
"ทรงเป็นสตรีในวัยรุ่นที่สวยงามที่สุดและทรงอำนาจในความบริสุทธิ์และถ่อมพระองค์อันหาที่เปรียบมิได้
จนทำให้ผมไม่อาจมองพระนางได้"
"ผมต้องหันไปทางอื่นในน้ำทะเลสาบ และผมมีประสบการณ์ในแบบเดียวกันกับอารักขเทวดาของผม
ผมสามารถเข้าใจที่แม่พระตรัสกับผม ทั้งๆ ที่ไม่มีเสียงตรัส พระนางตรัสว่า "ลูกต้องวางใจในพระเยซูเจ้า
พระเจ้าของลูก ลูกต้องเปิดหัวใจให้พระองค์เข้าไป และยอมรับความรักและการอภัยจากพระองค์ พระเยซู
เจ้ารักลูก พระองค์ทรงอภัยแก่ลูก" เกือบจะเป็นไปไม่ได้ที่ผมจะยอมรับพระวาจาของพระแม่ ผมไม่ยอมรับ
การอภัยของพระเยซูเจ้า เพราะผมไม่อาจให้อภัยตัวเองได้
"พระแม่ทรงแสดงให้เห็น เวลาที่ผมได้รับการอวยพรในเวลาที่ผมเป็นเด็ก เวลานั้นเป็นช่วงสัปดาห์
ศักดิ์สิทธิ์ ในบ้านเกิดตอนนั้นผมเป็นคนเป่าทรัมเป็ตในโรงเรียน และได้เป่าทรัมเป็ตในขบวบแห่ของ
วันศุกร์ศักดิ์สิทธิ์ พระแม่ทรงแสดงให้เห็นพรที่ผมได้รับในขณะที่อยู่กับญาติที่เจ็บป่วย ตอนนั้นผมอายุ
เจ็ดขวบ เวลาที่อยู่กับพี่น้องที่บ้าน และเวลานั้นพวกเรายังบริสุทธิ์ไร้เดียงสา พวกเราถูกปกคลุมด้วยแสงสว่าง
"และในทันใดนั้น พระนางทรงแสดงให้เห็นเวลาที่ผมสูญเสียความไร้เดียงสาและภยันตรายที่ตามมา"
ภายในถ้ำ ประสบการณ์อันตรายนั้นติดตัวเขาอย่างถาวรไม่จางหาย แม้แต่เมื่อเขาได้รับการปล่อยตัว
ออกจากถ้ำ เขาได้รับความรู้ความเข้าใจจากพระเยซูเจ้า เขารู้ในทุกสิ่งตั้งแต่การตกต่ำของมนุษยชาติไปจน
ถึงสาเหตุที่ปีศาจและสมุนของพวกมันโจมตีพวกเรา ทุกหน้าในหนังสือที่เขาเขียนเล่าประสบการณ์มีพลัง
"พระเยซูเจ้าทรงแสดงให้เห็นว่ายุคสมัยของเราที่เป็นอยู่เวลานี้เลวร้ายยิ่งกว่าในสมัยของบาบิโลนและ
เมืองโสโดมและโกโมราห์ ทุกสิ่งได้ถูกจัดเตรียมไว้เพื่อที่เราจะดำเนินชีวิตในโลกโดยไม่เกี่ยวข้องอย่าง
สิ้นเชิงกับพระบัญญัติสิบประการของพระเป็นเจ้า"
และสำหรับโลกนี้ มารีโนกล่าวว่า พระเยซูทรงบอกเขาว่า "มันจะเป็นโลกที่ปราศจากพระเจ้าและ
เป็นวัตถุนิยมมากยิ่งๆ ขึ้น"
"ศาสนาเป็นเพียงความสนใจส่วนบุคคลและไม่สามารถปฏิบัติในที่สาธารณะได้ เพราะจะถูกเฝ้ามอง
และควบคุมจากรัฐบาล" พระศาสนจักรที่แท้จริงจะเป็นเหมือนคริสต์ศาสนาในยุคแรกๆ พระองค์ทรงบอก
ว่าการกลับใจของอิสราเอลจะเกิดขึ้นก่อนการเสด็จมาของพระเยซูเจ้า "การกลับใจนั้นจะเกิดขึ้นในเวลาก
ลางคืนตลอดทั้งคืน จะก่อให้เกิดความสับสนเป็นอย่างมากในหมู่ชาวยิว หลายคนเขาจะฆ่ากันเองเมื่อการ
กลับใจเริ่มต้นขึ้น พระเยซูเจ้าทรงบอกว่ามันจะเป็นการพังทลายของกำแพงเบอร์ลิน การกลับใจของชาวยิว
ก็จะเป็นเช่นนั้น และเวลานั้นก็อยู่ไม่ไกลนัก" แต่ผมได้รู้บางอย่างเกี่ยวกับเวลาของพระเยซูเจ้า
"มันไม่เหมือนกับเวลาของมนุษย์เลย"
เกี่ยวกับคริสตชน เขากล่าวว่า
"หลายคนจะหลงออกจากความเชื่อในปีหน้า พระเยซูเจ้ากำลังทำความสะอาดบ้านของพระองค์
สิ่งสกปรกจำนวนมากกำลังถูกกำจัดออกไป สิ่งที่ซ่อนเร้นปิดบังตนเองจะถูกนำมาอยู่ในแสงสว่าง 
หลายคนจะเสียความเชื่อของเขา พระศาสนจักรของเขาจะเล็กลง แต่จะเป็นพระศาสนจักรของผู้ที่มีความเชื่อ
ที่แท้จริง ยุคสมัยที่เราต้องเผชิญ จะเป็นสิ่งที่เกินจะทนทานได้ถ้าปราศจากความเชื่ออันมีจุดศูนย์กลาง
ในความนบนอบเชื่อฟังอย่างสมบูรณ์"

💞🌟💞 โปรดติดตามตอนต่อไปในวันพรุ่งนี้ 💞🌟💞
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 5937
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

อาทิตย์ มี.ค. 05, 2023 8:34 pm

📗~ สู่สงครามมหาประลัย ~📗
เขียนโดย คุณสนธิ สารธรรม 👉 ตอนที่ (96)👈

✴️~ จากความลับฟาติมาข้อที่ 3 เป็นสงครามโลกครั้งที่ 3 ถึงบาบิโลนล่มแล้ว (A) ~✴️
          ผมได้เกาะติดความลับฟาติมาข้อที่ 3 ราว 20 ปีมาแล้ว จนที่สุดโป๊ปจอห์น พอล ที่ 2
ได้ทรงเปิดเผยเมื่อวันที่ 26 มิถุนายน ปี 2000 ว่าเป็นสงครามโลกครั้งที่ 3 ซึ่งถือเป็นสงคราม
มหาประลัยครั้งสุดท้าย ขนาดที่ว่ามนุษยชาติจะเหลือรอดน้อยมาก บ้านเรือนถูกทำลายอย่าง
ย่อยยับ ผู้คนจะต้องกลับไปใช้ชีวิตอยู่ในป่าดงแบบดั้งเดิมกันใหม่
ดูเหมือนว่าสงครามโลกครั้งที่ 3 ได้เริ่มขึ้นแล้วในตะวันออกกลาง ตามการวิเคราะห์ของ
คุณเปลว สีเงิน เมื่อวันที่ 15 ตุลาคม ที่ผ่านมานี้เองว่า เป็นสงครามโลกครั้งที่ 3 รูปแบบใหม่
เพราะประเทศที่ประกาศเข้าร่วมสงครามครั้งนี้เป็นทางการก็ 34 ประเทศเข้าไปแล้ว
แยกเป็น "ฝ่ายเทพ" ระบอบอนุรักษนิยม 6 ประเทศ คือ รัสเซีย จีน อิหร่าน ซีเรีย อิรัก และเยเมน
"ฝ่ายมาร" ลัทธิประชาธิปไตย 28 ประเทศ คือ อเมริกา และนาโต ที่บงการครอบอีกชั้นหนึ่ง
ด้วยกลุ่มทุน "อิลลูมินาติ" (Iluminati) ที่มีอำนาจเหนือรัฐบาล
แล้วเมื่อวันอาทิตย์ที่ 1 พฤศจิกายนนี้ "ท่านขุนน้อย" ก็โปรยหัวเรื่องว่า "บาบิโลน...ล่มแล้ว"
ซึ่งผมเองมิบังอาจจะวิเคราะห์พระธรรมวิวรณ์ได้ แต่จะขอหยิบยกการวิเคราะห์ของนักศาสนศาสตร์
Peter Good game ดังนี้ครับ
การลงโทษบาบิโลน
ทูตสวรรค์หนึ่งในเจ็ดองค์ ซึ่งถือขันเจ็ดใบพูดกับข้าพเจ้าว่า "มาเถิด" ข้าพเจ้าจะให้ท่านดู
การพิพากษาโทษหญิงแพศยาผู้เลวร้าย ที่นั่งอยู่ริมน้ำมากหลาย บรรดากษัตริย์ของแผ่นดินได้ล่วง
ประเวณีกับนาง และผู้อาศัยบนแผ่นดินได้ดื่มเหล้าองุ่น คือการล่วงประเวณีกับนางจนมึนเมา หญิงนั้น
สวมเสื้อสีม่วงและแดงข้ม มีเครื่องประดับทองคำ เพชรพลอย และไข่มุก นางถือถ้วยทองคำบรรจุของ
โสโครกที่น่าสะอิดสะเอียนจนเต็ม คือการล่วงประเวณี หน้าผากเขียนชื่อปริศนาว่า "บาบิโลนใหญ่
มารดาของบรรดาหญิงแพศยา" และน่าสะอิดสะเอียนของโลก (วิวรณ์ 17 : 1 - 5)
หลังจากได้อ่านพระวิวรณ์ท่อนนี้ท่านจะได้เห็นว่า เซนต์จอห์น (ผู้บันทึกพระธรรมวิวรณ์ อันนี้
เป็นนิมิตของเหตุการณ์ต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นตอนสิ้นยุค) ได้ชี้ให้เห็นหายนะต่างๆ ซึ่งจะนำความเจ็บปวด
รวดร้าวมาให้ บาบิโลนใหญ่เธอจะถูกลงโทษจากพระเจ้า และจะถูกโจมตีจาก Antichrist บาดแผล
ส่วนหนึ่งของบาบิโลนที่จะต้องทนทุกข์นั้นมาจากธรรมชาติ แต่อีกบางส่วนจะมาจากเบื้องบนอย่างไม่
ต้องสงสัย
นับว่าเป็นสิ่งจำเป็นจะรู้ถึงความชั่วร้ายของบาบิโลน และโทษทัณฑ์ที่เธอจะได้รับตามคำทำนายต่างๆ
จากเบื้องบนเกี่ยวกับเหตุการณ์ตอนสิ้นยุค ซึ่งกำลังมองเห็นชัดเจนขึ้นไปเรื่อยๆ แต่ที่สำคัญยิ่งยวดก็คือ
สาระสำคัญของหนังสือพระวิวรณ์จะต้องไม่ถูกเพิกเฉย หรือถูกตีความผิดๆ ตามการค้นคว้าของข้าพเจ้า (
Peter Gooagame) ความหมายของวลี บาบิโลนใหญ่ คือ ประเทศมหาอำนาจของโลก ซึ่งนำหน้า
มาก่อนอาณาจักรของ Antichrist ก็มองเห็นทนโท่ อาศัยแค่พลิกคัมภีร์และตระหนักว่าบทความนี้จะ
สามารถชี้ได้ไม่ยากนัก
พระคัมภีร์เล่มไหนบ้าง?
นอกเหนือจากพระธรรมวิวรณ์บทที่ 17 และ 18 แล้ว ก็ยังมีคัมภีร์จากพันธสัญญาเก่า
(ซึ่งเล่าเหตุการณ์ก่อนที่พระเยซูจะประสูติ) อีก 2 - 3 ฉบับที่กล่าวถึง บาบิโลน ซึ่งก็มีพระธรรมอิสยาห์
(บทที่ 13 - 14) และพระธรรมเยเรมีร์ (บทที่ 50 และ 51) แน่นอนละยังมีพระธรรมฉบับอื่นที่กล่าวถึง
บาบิโลน อันเป็นคำทำนายที่ได้เกิดขึ้นเป็นจริงแล้ว ฉะนั้น จะขอหยิบยกคำทำนายที่ยังไม่เกิดขึ้นใน
ช่วงแห่งกลียุค เพื่อว่าเราจะพบคำพรรณนาที่ชัดเจนและสอดคล้องกับมหาอำนาจของบาบิโลนยุคปัจจุบัน
คำพรรณนา
บาบิโลนที่ยิ่งใหญ่ คื อภิมหาอำนาจหนึ่งเดียวของโลก
วิวรณ์ 17 : 1 "...หญิงแพศยานั่งอยู่บนน้ำไหลเชี่ยว"
วิวรณ์ 17 : 15 "น้ำที่ท่านเห็นหญิงแพศยานั่งอยู่นั้น" หมายถึง ประเทศ ประชาชน ชาติ และภาษาต่างๆ
วิวรณ์ 17 : 18 "หญิงที่ท่านเห็น" หมายถึง นครใหญ่ ซึ่งมีอำนาจปกครองเหนือบรรดากษัตริย์ของแผ่นดิน
วิวรณ์ 18 : 7 "เพราะนครนี้คิดในใจว่า 'ฉันเป็นราชินีประทับบนบัลลังก์ ฉันก็ไม่ใช่หญิงม่ายจะไม่เห็น
ความทุกข์โศกเลย' "
อภิมหาอำนาจโลกที่แสดงตัวเป็น 3 ทาง มหาอำนาจทางเศรษฐกิจ
วิวรณ์ 18 : 3 "...เพราะนานาชาติได้ดื่มเหล้าองุ่นจนมึนเมา คือได้ล่วงประเวณีกับนครนี้ บรรดากษัตริย์
ของแเผ่นดินก็ร่ำรวยขึ้นจากความฟุ้งเฟ้อของนครนี้"
วิวรณ์ 18 : 11 "บรรดาพ่อค้าต่างร่ำไห้คร่ำครวญถึงนครนี้ เพราะไม่มีใครซื้อสินค้าของเขาอีกต่อไป...."
วิวรณ์ 18 : 23 "แสงตะเกียงจะไม่ส่องสว่างในเจ้าอีกต่อไป เพราะบรรดาพ่อค้าของเจ้าล้วนเคยเป็น
ใหญ่เป็นโตในแผ่นดิน และเวทมนตร์ของเจ้าล่อลวงนานาชาติให้ลุ่มหลง"
มหาอำนาจทางทหาร
เยเรมีร์ 50 : 23 "ค้อนทุบแผ่นดินโลกทั้งหมดได้ถูกตัดลงและถูกหักเสียแล้ว บาบิโลน
ได้กลายเป็นความหวาดเสียวท่ามกลางบรรดาประชาชาติ?"
เยเรมีร์ 50 : 20 "เจ้าเป็นค้อนและยุทโธปกรณ์ของเรา เราทุบบรรดาประชาชาติเป็นชิ้นๆ ด้วยเจ้า
เราทำลายราชอาณาจักรทั้งหลายด้วยเจ้า"
อิสยาห์ 14 : 4 - 6 "เราจะยกคำเย้ยหยันนี้กล่าวต่อพระแห่งบาบิโลนว่า "เออ ผู้บีบบังคับก็สงบ
ไปแล้วหนอ ความทะลึ่งเกรี้ยวกราดของเขาก็สงบไปด้วยซิ พระเจ้าทรงหักไม้พลองของคนอธรรม
คทาของผู้ครอบครองซึ่งตีชนชาติทั้งหลายด้วยความโกรธ ด้วยการข่มเหงอย่างที่ไม่อ่อนข้อ"
มหาอำนาจทางการเมือง
เยเรมีร์ 51 : 44 "และเราจะลงโทษพระเบลในบาบิโลน ท่านกลืนอะไรเข้าไปแล้ว เราจะเอา
ออกจากปากของท่านเสีย บรรดาประชาชาติไม่ไหลไปหาท่านอีก เออ กำแพงแห่งบาบิโลนล้มลงแล้ว"
วิวรณ์ 17 : 18 "หญิงที่ท่านเห็น หมายถึง นครที่มีอำนาจปกครองเหนือบรรดากษัตริย์ของแผ่นดิน"
วิวรณ์ 18 : 9 - 10 "บรรดากษัตริย์ของแผ่นดินที่เคยล่วงประเวณีและร่วมชีวิตฟุ้งเฟ้อกับนครนี้
จะร่ำไห้และข้อนอกสำหรับนครนี้ เมื่อเขาเห็นไฟที่เผาผลาญนครนี้อยู่ห่างๆ"

💞🌟💞 โปรดติดตามตอนต่อไปในวันพรุ่งนี้ 💞🌟💞
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 5937
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

จันทร์ มี.ค. 06, 2023 1:02 pm

📗~ สู่สงครามมหาประลัย ~📗
เขียนโดย คุณสนธิ สารธรรม 👉 ตอนที่ ( 97 )👈

✴️~ จากความลับฟาติมาข้อที่ 3 เป็นสงครามโลกครั้งที่ 3 ถึงบาบิโลนล่มแล้ว (B) ~✴️
         
นครที่มีท่าเรือใหญ่
วิวรณ์ 18 : 17 - 19 "...นายเรือและผู้โดยสารทุกคน บรรดากะลาสีและทุกคนที่ทำงานในทะเล
ต่างยืนอยู่ห่างๆ และร้องตะโกนเมื่อเห็นควันไฟที่เผาผลาญนครนี้ กล่าวว่า "เคยมีนครใดบ้างเหมือน
กับนครใหญ่นี้" คนเหล่านั้นได้เอาฝุ่นผงโปรยบนศีรษะของตนพลางร่ำไห้ร่ำครวญว่า
"วิบัติได้เกิดแก่นครใหญ่นี้,
คนทั้งปวงที่มีเรือในทะเล
ร่ำรวยขึ้นจากทรัพยากรของนครนี้
เพราะภายในชั่วโมงเดียวนครนี้ได้ถูกทำลายราบ"
นครที่ยิ่งใหญ่และทรงอำนาจที่ไม่เคยเห็นมาก่อนในโลก
วิวรณ์ 18 : 18 "และร้องตะโกนเมื่อเห็นควันไฟที่เผาผลาญนครนี้ กล่าวว่า เคยมีนคร
ใดบ้างเหมือนนครใหญ่นี้"
วิวรณ์ 18 : 16 "นครยิ่งใหญ่เอ๋ย วิบัติได้เกิดแก่เจ้าแล้ว เจ้าเคยสวมผ้าป่านเนื้อละเอียด
ผ้าสีม่วงแดง และผ้าสีแดงเข้ม เจ้าเคยประดับตนด้วยทองคำ พลอย และไข่มุก ภายในชั่วโมง
เดียวทรัพย์สมบัติเหล่านี้ได้หายไป"
วิวรณ์ 18 : 14 "สิ่งที่ใจเจ้าปรารถนานั้นได้จากเจ้าไปแล้ว ความฟุ้งเฟ้อและความรุ่งเรือง
ทั้งหลายของเจ้าได้สูญไปจากเจ้าแล้ว เจ้าจะไม่พบอีกเลย"
อิสยาห์ 13 : 19 "และบาบิโลนซึ่งโอ่อ่าในบรรดาราชอาณาจักรมหานครที่สง่างามและเป็น
ที่น่าภูมิใจของชาวเคลเดีย..."
เยเรมีร์ 51 : 13 "เจ้าอาศัยน้ำมากหลาย ผู้มีสมบัติมากมายเอ๋ยอวสานของเจ้ามาถึงแล้ว
เส้นชีวิตของเจ้าได้ถูกทำลายตัดขาดเสียแล้ว"
สถานที่นักของประชาชนส่วนของยิวอพยพ
เยเรมีร์ 51 : 45 "..ประชากรของเราเอ๋ย จงออกไปเสียจากท่ามกลางมัน ให้ทุกคนเอาชีวิต
ของตนให้รอดจากความพิโรธอันร้อนแรงของพระเถิด"
วิวรณ์ 18 : 4 "...ประชากรเอ๋ย จงออกจากนครนี้เถิด เพื่อจะไม่ต้องมีส่วนร่วมกับนครนี้ และจะ
ไม่ต้องรับภัยพิบัติร่วมกับนครนี้"
เศคาริยาห์ 2 : 7 "เจ้าผู้ที่อยู่กับธิดาของบาบิโลนจงหนีไปยังศิโยน"
บาบิโลนสวมเสื้อผ้าราคาแพง
วิวรณ์ 18 : 16 "...มหานครนี้เคยสวมใส่ผ้าป่านเนื้อละเอียด ผ้าสีม่วงและผ้าสีแดงเข้ม"
คำพรรณนาข้างบนนี้ โดยอาศัยการหยิบยกพระคัมภีร์บางตอนจะบ่งชี้อย่างชัดเจนว่า
บาบิโลน เป็น มหาอำนาจ ก็คือ อเมริกา และ นครที่จะล่มสลายตามบทพระวิวรณ์บทที่ 18
คือ นครนิวยอร์ก
มหาอำนาจของโลกทางเศรษฐกิจและทางการเมือง
สหรัฐอเมริกาเป็นมหาอำนาจหนึ่งเดียวของโลกที่ยังอยู่ยงคงกระพัน แต่เพื่อจะได้มาซึ่ง
สถานภาพอันทรงอิทธิพลนี้ จะต้องพรั่งพร้อมด้วยยุทธศาสตร์ทางการทูตที่แยบยล ด้วยแสนยานุภาพ
ทางทหารและอำนาจต่อรองทางเศรษฐกิจ หากท่านผู้อ่านถูกหลอกล่อด้วยกลไกอันทรงพลังทางโฆษณา
ชวนเชื่อของสื่อมวลชนอเมริกา ก็มักจะคล้อยตามว่าสหรัฐอเมริกาเป็นประเทศอำนาจซึ่งได้มาด้วยอิสระ
เสรีภาพ และด้วยความรักความเมตตา นั่นก็หมายความว่าท่านผู้มีอำนาจกำลังถูกต้มและถูกล้อเล่นด้วย
อย่างน่าสงสาร ข้าพเจ้า (Peter) เชื่อว่าความจริงซึ่งเห็นโดยสายพระเนตรของพระเจ้า อเมริกาเป็น
ประเทศอัตตาธิปไตย ไร้ศีลธรรม กดขี่ข่มเหง เห็นแก่ได้ อวดดี หยิ่งผยอง และหน้าไหว้หลังหลอก
ถ้าใครอ่านบทความนี้แล้วคิดว่าเป็นการพูดเกินความจริง ก็ใคร่จะขอร้องให้ลองศึกษาประวัติศาสตร์อ
เมริกาของศตวรรษที่ 20 ผ่านสื่อต่างๆ โดยเฉพาะหนังสือ ท่านเชื่อหรือไม่ว่าอเมริกานักเขียนมีชื่อ 2 ท่าน
ที่ไม่ควรพลาด คือ Noam Chomsky และ Edward S.Herman หรือ Z - nat แล้วท่านจะเห็นอะไร
บางอย่างที่น่าประหลาดใจและน่าตกใจ
มหาอำนาจเศรษฐกิจ
บาบิโลนในมุมมองทางเศรษฐกิจถูกระบุไว้อย่างแจ่มแจ้งแล้วในพระคัมภีร์หลายบท หลายครั้ง
เราพบวลีเกี่ยวกับ "พ่อค้าแห่งแผ่นดิน" ประหนึ่งว่า เป็น "บุคคลสำคัญที่สุดของโลก" ในบริบทของ
ศตวรรษที่ 20 เมื่อพูดถึง "พ่อค้าแห่งแผ่นดิน" ขอให้เข้าใจเพียงอย่างเดียวว่านั่นหมายถึงบริษัทที่
บริหารเงิน และเป็นบริษัทที่จะครองอำนาจแบบเบ็ดเสร็จภายใต้การชี้นำของสหรัฐอเมริกา บรรดา
บริษัทข้ามชาติกำลังพยายามเปลี่ยนโลกจากศาสนาเป็นลัทธิวัตถุนิยม และลัทธิบริโภคนิยมแบบ
ไม่มีหูรูด ในขณะเดียวกันบริษัทข้ามชาติเหล่านี้ยังพยายามบีบประเทศโลกที่สามจนไม่มีเหลือหลอ
มิใช่จากผลิตภัณฑ์โรงงานที่ต่ำสุดๆ แล้วแต่ยังบีบราคาที่ดินบริเวณที่ใช้สำหรับแปรสภาพวัตถุดิบด้วย
การขโมยทรัพยากรของโลกเกิดขึ้นในอัตราความเร็วที่ไม่น่าเชื่อ อีกทั้งยังไม่คำนึงถึงการพัฒนาแก่
ชาวพื้นเมืองอีกแม้แต่นิด สิ่งสุดท้ายซึ่งผู้บริหารมหาอำนาจอเมริกันก็คือโลกที่เป็นประชาธิปไตย ซึ่ง
แต่ละวัฒนธรรมให้มีสิทธิที่จะเลือกประมุขของตนอย่างอิสระเสรี สิทธิที่จะตั้งสหภาพแรงงานและสิทธิ
ปกป้องทรัพยากรของตน
นครนิวยอร์ก เป็นเครื่องจักรกลของเศรษฐกิจโลก และเป็นที่ทำการของบริษัทข้ามชาติส่วนใหญ่
ของโลก นิวยอร์กยังเป็นที่ทำการของ World Trade Center ซึ่งสร้างขึ้นมาเมื่อปี 1960 โดย
David Rocketeller และยังเป็นที่ทำการของตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ก ซึ่งคนรวยก็เล่นหุ้นเป็นการลงทุน
อย่างหนึ่งเพื่อให้รวยหนักขึ้น เพื่อการประกันสังคม คนอเมริกันธรรมดาๆ ก็ตกอยู่ในสภาพถูกบังคับ
ให้เล่นกับอนาคตด้วยการเล่นหุ้น หรือด้วยกองทุนทั่วๆ ไป เศรษฐกิจเก็งกำไรแบบนี้จะไม่สามารถอยู่
ยงคงกระพัน และเมื่อถึงคราววายวอดจะไม่ใช่บรรดาธนาคารดอกที่จะเจ็บปวด เพราะพวกเขากำไร
ทั้งขึ้นทั้งล่องอยู่แล้ว แต่ชาวบ้านธรรมดาๆ ต่างหากที่จะเป็นประหนึ่งแมลงเม่าบินเข้ากองไฟ
ในหลายๆบทความ Chomsky ได้กล่าวถึง "พ่อค้าแห่งแผ่นดิน" ว่า ได้มีความพยายามมากมาย
เพียงใดในการควบคุมการดำเนินงานต่างๆ ในโลก และในการควบคุมบทบาทที่แท้จริงของ
World Bank ของ GATT และ IMF ซึ่งเป็นองค์กรที่ถูกสร้างขึ้นมาและควบคุมจาก "พ่อค้าแห่งแผ่นดิน"
และจากบรรดาธนาคาร
มหาอำนาจทางทหาร
ไม่มีใครสงสัยในความจริงอย่างหนึ่งว่า อเมริกามีแสนยานุภาพทางทหารที่ทรงพลังที่สุดในโลก
คำถามมีอยู่ว่า : อเมริกาได้ใช้แสนยานุภาพนี้ไปในทางกดขี่ข่มเหง ในทางรุกราน และในทางดื้อรั้น
ไม่ยอมฟังเสียงทัดทานจากผู้ใดก็ตามที่มีคำพรรณนาถึงบาบิโลนในพระคัมภีร์นั้นหรือ?

💞🌟💞 โปรดติดตามตอนต่อไปในวันพรุ่งนี้ 💞🌟💞
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 5937
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

พฤหัสฯ. มี.ค. 09, 2023 8:08 pm

📗~ สู่สงครามมหาประลัย ~📗
เขียนโดย คุณสนธิ สารธรรม 👉 ตอนที่ (98)👈

✴️~ จากความลับฟาติมาข้อที่ 3 เป็นสงครามโลกครั้งที่ 3 ถึงบาบิโลนล่มแล้ว (C) ~✴️
         
ประชาชนชาวอเมริกาโดยทั่วไปถูกผลักดันให้เชื่อว่าปฏิบัติการทางทหารของสหรัฐอเมริกานั้น
จะมีขึ้นเพียงเพื่อพิทักษ์ผลประโยชน์ของชาติในภาวะจำเป็นยิ่งยวด หรือประชาธิปไตยของชาติ
ใดชาติหนึ่ง ประชาชนส่วนใหญ่เชื่อว่าหลังจากการเข้าแทรกแซงของสหรัฐอเมริกาแล้ว สันติภาพ
จะกลับมาใหม่และประชาธิปไตยจะมาผงาดดังเดิม
ไม่เป็นดังนี้หรอกครับ
ดังจะขอหยิบยกบัญชีหางว่าวให้ดูดังนี้ ประเทศต่างๆ ที่ถูกบอมบ์จากสหรัฐอเมริกาหลังจาก
สงครามโลกครั้งที่ 2 จนถึงปัจจุบัน
จีน 1945 - 1953, กัวเตมาลา 1954, 1967 - 1969, อินโดนีเซีย 1985 - 1960 และ 1964,
คองโก 1964, เปรู 1965, ลาว 1964 - 1973, กัมพูชา 1969 - 1970, เกรเนดา 1983, ลิเบีย 1986
, เอลซัลวาดอร์ 1980, นิการากัว 1980, ปานามา 1989, อิรัก 1991 - 1999 (และ 2003 - สนธิ)
, ซูดาน 1998, อัฟกานิสถาน 1988 (และ 2002 - สนธิ), ยูโกสลาเวีย 1999 ในกรณีนี้ปฏิบัติทาง
การทหารได้นำมาซึ่งประชาธิปไตยที่แท้จริง และสอดคล้องตามครรลองสิทธิมนุษยชนหรือ?...
เปล่าเลย
จนถึงปัจจุบันเราได้เห็นกรณีต่างๆ ซึ่งสหรัฐได้เข้าไปแทรกแซงนั้น ทีนี้มาลองดูว่าที่ไหนประชาธิปไตย
ที่แท้จริงซึ่งถูกแลกมาด้วยเลือดจากเผด็จการโดยปราศจากความช่วยเหลือของผู้หนึ่งผู้ใดบ้าง :
กัมพูชา อินโดนีเซีย ชิลี การรุกรานของอินโดนีเซียต่อติมอร์ตะวันออก การรุกรานของรัสเซียต่อ
อัฟกานิสถาน การฆ่าเผ่าพันธุ์ในรวันดา การกดขี่พวกเคิร์ด ฯลฯ สิ่งซึ่งข้าพเจ้า (Peter) ต้องการเน้น คือ
นโยบายต่างประเทศของสหรัฐนั้น มิใช่เหตุจูงใจจากความรู้สึกผิดชอบทางศีลธรรม แต่มาจากความ
อยากได้ใคร่ดีเพียงอย่างเดียว สหรัฐอเมริกาจะเข้าไปแทรกแซงเมื่อพวกเขามีผลประโยชน์ทางธุรกิจ
เท่านั้น หรือว่าเพื่อแสดงให้โลกเห็นอาวุธยุทธภัณฑ์จัดหามาได้จากบริษัทผลิตอาวุธต่างๆ เช่น Ratheon
, Taxas, Instruments, Textron, Northrop, Grumman, Masdonnell, Douglas และ Bocing อเมริกา
กำลังเป็นตำรวจโลก และเล่นเป็นผู้ปรารถนาอันแรงกล้าที่จะนำสันติภาพมาสู่โลก ในขณะเดียวกัน
โรงงานอุตสาหกรรมต่างๆ ก็ผลิตอาวุธอานุภาพร้ายแรง ยิ่งผลิตมากเท่าไร ก็ยิ่งกำไรมากขึ้นยิ่งกว่า
ชาติใดในโลก
สื่ออเมริกันได้สรรหาถ้อยคำมาเรียกประเทศต่างๆ ที่ปฏิเสธที่จะอยู่ภายใต้นโยบายของประเทศ
ตะวันตก (เช่น ลิเบีย อิหร่าน อิรัก เกาหลีเหนือ) ประเทศเหล่านี้ถูกนิยามว่าเป็น รัฐอันธพาล
(Rogue states) ประเทศไหนกันแน่ที่เป็น รัฐอันธพาล
มหาอำนาจทางการทหาร
นอกจากสหรัฐอเมริกาจะเป็นเหมือนเครื่องจักรกลทางเศรษฐกิจของโลกแล้ว ก็มีกองทัพที่ทรงพลัง
ที่สุดในโลก ก็แน่นอนเหลือเกินว่าจะต้องมีอำนาจต่อรองทางการเมืองสูงตามมา ยิ่งกว่านั้นพระคัมภีร์
ได้กล่าวถึงมหาอำนาจอย่างหนึ่งที่นครบาบิโลนมี ดังมีบันทึกไว้ในพระธรรมเยเรมีร์ตอนหนึ่งว่า "...
ทุกๆ ประเทศในโลกต่างเรียกหาก่อนที่บาบิโลนจะล่ม..." แต่ในพระธรรมวิวรณ์มีบางตอนกล่าวว่า "
บาบิโลนปกครองเหนือกษัตริย์แห่งแผ่นดินโลก..." และอีกตอนหนึ่งกล่าวว่า "บรรดากษัตริย์ของ
แผ่นดิน โลกต่างก็ประกาศว่า บาบิโลน เป็น "บุตรแห่งอำนาจ"
นิวยอร์กเป็นไปตามคำทำนายจากพระคัมภีร์อย่างสมบูรณ์ เห็นได้จากที่นิวยอร์กเป็นที่ทำการ
ขององค์การแห่งการปกครองโลก : องค์การสหประชาชาติ (UN) ความจริงข้อนี้เพียงพอแล้วที่จะทำ
ให้นิวยอร์กเป็นนครที่สำคัญที่สุดในโลก ณ ที่นี่เองที่มีการกำหนดเงื่อนไขของสัญญาต่างๆ และชีวิต
ทั้งหลายก็ถูกซื้อและขายกันที่นี่
บางคนอาจสงสัยในความจริงว่า UN มีอำนาจเหนือทุกประเทศจริงๆ หรือ? ก็มีสหรัฐเท่านั้นที่มี
สิทธิบั่นทอนอำนาจของ UN (เช่นเมื่อวันที่ 20 มี.ค. 2003 สหรัฐบุกอิรักโดยไม่ได้ฉันทาอนุมัติจาก
UN - สนธิ) ทั้งที่ UN มีอำนาจเหนือทุกประเทศ แต่ดูเหมือนจำนนต่ออภิมหาอำนาจอย่างสหรัฐอเมริกา
ยิ่งกว่านั้นเรายังเห็นข้อเขียนมากมายที่กล่าวว่า หลังจากการทำลายอย่างกระทันหันและอย่าง
ยับเยินของบาบิโลน ซึ่งอาจยังมีอะไรหลงเหลืออยู่บ้างก็จะถูกโจมตีโดยกองทัพอันเกรียงไกรของ
แอนตีไครส์ "ทั้งสัตว์ร้าย และเขาทั้งสิบท่านเห็นจะเกลียดชังหญิงแพศยา" จะทำให้นางอยู่อย่าง
โดดเดี่ยวและเปลือยเปล่า จะกินเนื้อนางและเอาไฟเผานางเสีย เพราะพระเจ้าทรงดลใจเขาเหล่านั้น
ให้ทำตามพระประสงค์ของพระองค์ คือ ร่วมใจกันมอบอำนาจปกครองของตนให้แก่สัตว์ร้ายจนกว่า
วาจาของพระเจ้าจะเป็นความจริง
สัตว์ร้าย
ในพระธรรมวิวรณ์หมายถึง แอนตี
ไครสต์ จอมเผด็จการของโลก ส่วนศัพท์ หญิงแพศยา ก็คือ นครใหญ่ซึ่งมีอำนาจปกครองเหนือบรรดา
กษัตริย์ของแผ่นดินโลกซึ่ง Peter ได้ฟันธงลงไปว่าคือ นครนิวยอร์ก และในพระธรรมวิวรณ์ 17 : 5
บาบิโลนใหญ่ คือ มารดาของบรรดาหญิงแพศยา (นครใหญ่ๆ) และมารดาของนครใหญ่ เช่น
นิวยอร์กก็คือ สหรัฐอเมริกา นั่นก็คือ บาบิโลนสัตว์ร้ายจะทำให้นางอยู่อย่างโดดเดี่ยวเปลือยเปล่า
จะกินเนื้อของนางและเอาไฟเผาเสีย
อภิมหาอำนาจอเมริกาก็ลงโลงด้วยประการฉะนี้

💞🌟💞 โปรดติดตามตอนต่อไปในวันพรุ่งนี้ 💞🌟💞
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 5937
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

พฤหัสฯ. มี.ค. 09, 2023 8:18 pm

📗~ สู่สงครามมหาประลัย ~📗
เขียนโดย คุณสนธิ สารธรรม 👉 ตอนที่ (99)👈

✴️~ สงครามมหาประลัยครั้งสุดท้าย (A) ~✴️
         
ในระยะนี้ที่มีข่าวสู้รบระหว่างชายแดนตุรกีและซีเรีย "ท่านขุนน้อย" มักจะวิจารณ์ไปว่า คงจะเป็น
ส่วนหนึ่งของสงครามโลกครั้งที่ 3 ตามที่พระสันตะปาปาฟรานชิสก็มักจะทรงกล่าวบ่อยๆ ว่า
สงครามโลกครั้งที่ 3 จะเกิดจากหลายๆ จุด แล้วค่อยๆ ขยายไปเรื่อยๆ จนเกิดเป็นสงครามใหญ่
ผมเข้าใจว่าพระองค์คงจะระวังพระองค์เองเป็นพิเศษ เพื่อเตือนพวกเราให้เตรียมตัวเตรียมใจ ทั้งนี้
เพราะความลับข้อที่ 3 ของแม่พระฟาติมาที่ท่านนักบุญพระสันตะปาปา จอห์น พอล ที่ 2 ได้ทรงเปิด
เผยเมื่อปี 2000 ว่า พระสันตะปาปาพระองค์หนึ่งจะถูกปลงพระชนม์จากกลุ่มทหาร ในระหว่าง
สงครามโลกครั้งที่ 3
และทุกครั้งที่เกิดการสู้รบกันในตะวันออกกลาง "ท่านขุนน้อย" ก็มักจะหยิบยกข้อความจาก
พระธรรมวิวรณ์ เช่น "การล่มสลายของนครบาบิโลน" หรือ "การชุมนุมปวงกษัตริย์ เพื่อทำสงคราม
ในวันยิ่งใหญ่ของพระเจ้าที่ตำบลอาร์มาเกดดอน" ...แล้วดูเหมือน "ท่านขุนน้อย" จะบุ้ยใบ้มาทางผม
เพื่อให้ตีความในฐานะที่ผมเป็นคริสต์ แล้วผมก็เคยชี้แจงไปแล้วว่า พระธรรมวิวรณ์เป็นพระคัมภีร์
เล่มสุดท้าย ซึ่งเป็นการเปิดเผยของพระเจ้าถึงเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นในวาระสุดท้ายของพระศาสนจักร
คาทอลิกและของโลกแก่ท่านนักบุญจอห์น อัครสาวก ในปี ค.ศ. 90 ซึ่งเขียนเป็นภาษาสัญลักษณ์เสีย
ส่วนใหญ่ ต้องเป็นผู้เชี่ยวชาญจริงๆ จึงจะพอตีความได้ คงจะเป็นแผนการของพระเจ้าที่จะไม่ให้มนุษย์
รู้อย่างแจ่มแจ้งนัก เพื่อมิให้กังวลจนเกินไป ผมมักจะผิดหวังที่ไม่ได้รับคำอธิบายจากบาทหลวงหลาย
ท่าน อาจจะเป็นเพราะความเบาปัญญาของผมเองที่ไปถามเรื่องไม่ควรถามก็เป็นได้
แต่ในฐานะเป็นคอลัมนิสต์คาทอลิก ผมก็ได้พยายามหาความหมายของคำว่า "บาบิโลน" จาก
นักศาสนศาสตร์ผู้ที่ชื่อ Peter Goodgame ไปแล้ว และคำว่า "อาร์มาเกดดอน" ก็ได้ไปค้นคว้าจาก
หนังสือหลายเล่ม ก็ได้ความหมายจากพระธรรมวิวรณ์ตอนนี้ว่า "สงครามล้างโลก"
แต่สำหรับผมที่ได้คร่ำหวอดเกี่ยวกับ "ความลับข้อที่ 3 ของแม่พระฟาติมา" มาเป็นเวลากว่า 20 ปี
ก็พบคำทำนายของแม่พระฟาติมานี่แหละที่สื่อถึง "สงครามล้างโลก" เช่นเดียวกับเหตุการณ์ก่อนสิ้นยุค
ก่อนที่ พระเยซูจะเสด็จมาครั้งที่ 2 เพื่อปกครองมนุษย์ที่รอดเหลือจากสงครามมหาประลัยครั้งสุดท้าย
ก็จะอยู่บนโลกนี่แหละ แต่จะถูกเนรมิตขึ้นมาใหม่เป็น ฟ้าใหม่แผ่นดินใหม่ และอยู่กันด้วยคุณธรรม
ความดี ด้วยความรัก ความเมตตาต่อกัน อย่างมีความสุขเป็นเวลาหนึ่งพันปี ฉะนั้น วันนี้จึงขอเล่า "
ความลับข้อที่ 3 ของแม่พระฟาติมา" อย่างละเอียดพร้อมกับการวิเคราะห์ของบุคคลสำคัญหลายท่าน :
เมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม 2000 สมเด็จพระสันตะปาปา จอห์น พอล ที่ 2 ได้เสด็จมาสู่เมืองฟาติมา
โปรตุเกส เพื่อสถาปนาเด็ก 2 ใน 3 คือ ยาชินทา และฟรังซิสโก เป็นบุญราศี (Blessed) สถานภาพ
ก่อนสถาปนาเป็นนักบุญ (Saint) ในพระศาสนจักรโรมันคาทอลิก ส่วนเด็กคนที่ 3 คือ ลูเซีย ขณะนั้น
เป็นแม่ชีคณะคาร์เมไลต์ อายุ 94 ปี ได้เข้าร่วมพิธีสถาปนาเป็นบุญราศีของ
ฟรังซิสโกและยาชินทาครั้งนี้ด้วย
พระแม่มารีย์ได้ปรากฏมาพบเด็กเลี้ยงแกะทั้ง 3 คนนี้ เมื่อต้นศตวรรษที่ 20 ในปี 1917 ระหว่าง
เดือนพฤษภาคมถึงเดือนตุลาคม ทุกๆ วันที่ 13 และได้มอบสาร 3 ข้อ คือ 1. ได้ให้เด็กทั้งสามเห็น "นิมิต"
ของนรกว่ามีความน่าสะพรึงกลัวสักเพียงใด ข้อ 2. สงครามโลกครั้งที่ 1 กำลังจะสิ้นแล้ว หากมนุษย์ยัง
ไม่เลิกทำเคืองพระทัยพระเจ้า ก็จะเกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 ให้สังเกตสัญญาณเตือนได้ เมื่อเห็นแสง
ประหลาดเกิดขึ้นทางทิศเหนือ ซึ่งก็ได้เกิดขึ้นจริงเมื่อวันที่ 25 มกราคม 1938 ส่วนสารข้อ 3. ต่อมาแม่พระ
บอกเด็กทั้งสามให้เก็บรักษาไว้จนถึงปี 1960 จึงจะเปิดเผยได้ ซึ่งเรียกกันว่า ความลับฟาติมาข้อที่ 3
แม่ชีลูเซียได้เผยในภายหลังว่า การเก็บความลับไว้จนถึงปี 1960 นั้น จะทำให้เข้าใจชัดเจนขึ้น ครั้นถึง
ปี 1960 พระสันตะปาปา จอห์น ที่ 23 ทรงขอสงวนไว้ก่อน กระทั่งถึงองค์ปัจจุบัน ล่วงเลยมากว่า 20 ปี
ก็ยังทรงไม่เปิดเผย แล้วจู่ๆ เมื่อวันที่ 26 มิถุนายน 2000 ทางสำนักวาติกันก็ได้เปิดเผย
"ความลับฟาติมาข้อที่ 3" อย่างเป็นทางการ หลังจากความลับนี้ถูกเปิดเผยไปแล้ว ก็มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์
กันขนานใหญ่ว่า ไม่ได้เปิดเผยทั้งหมด แต่ถูกขยักไว้บางส่วน ซึ่งมีความหนักหนาสาหัสมากกว่าสิ่งที่ได้
ถูกเปิดเผยไปแล้วเสียอีก ดังจะขอหยิบยกข้อความที่ถูกขยักไว้ดังนี้ : "Fourt Memoir" Sister Lucia adds :
In Protugal, the dogma of the faith will be preserved, etc... ในบันทึกช่วยจำข้อที่ 4 ซิสเตอร์ลูเซีย
เสริมว่า : หลักธรรมข้อสำคัญสูงสุดแห่งความเชื่อจะถูกรักษาไว้ให้คงสภาพเดิมเฉพาะในประเทศโปรตุเกส
เท่านั้น...ฯลฯ...
ฯลฯ...และอื่นๆ นั้นคือฉันใด? เป็นคำถามเซ็งแซ่ไปทั่ว ซึ่งผมจะนำเสนอในโอกาสต่อไป สำหรับวันนี้
ขอเสนอ "ความลับฟาติมาข้อที่ 3" ที่สำนักวาติกันเปิดเผยอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 26 มิถุนายน 2000 :
J.M.J (เยซู มารีอา ยอแซฟ) ความลับข้อที่ 3 เปิดเผยที่โกวาดา อี - รีอา ฟาติมา เมื่อวันที่ 13 กรกฎาคม 1917
"ข้าแต่พระผู้เป็นเจ้า ดิฉันเขียนเพื่อนบนอบพระองค์ผู้ทรงบัญชาดิฉันทางสังฆราช เลอิรีอา และผ่านทาง
พระมารดาของพระองค์และมารดาของดิฉันด้วย
หลังจากที่ดิฉันได้รับทราบ 2 ข้อ ที่ดิฉันได้ชี้แจงไปแล้ว ดิฉันได้เห็น ณ เบื้องซ้ายของพระมารดาอยู่สูง
ขึ้นไปเล็กน้อย มีเทวดาองค์หนึ่งถือดาบเปลวเพลิงในมือซ้ายส่องแสงแปลบปลาบเป็นประกายวูบวาบ เปลวไฟ
โหมกระพือลุกลามไปทั่วราวกับจะเผาโลกให้สิ้นไปทั้งโลก แต่เปลวเพลิงนี้ก็ดับวูบเมื่อปะทะกับแสงสว่างจ้า
ซึ่งพระแม่มารีย์แผ่พุ่งตรงไปยังเทวดาด้วยมือขวาของพระแม่ ขณะที่เทวดายื่นมือขวาลงสู่โลก โดยร้องเสียง
ดังว่า กลับใจใช้โทษบาป! กลับใจใช้โทษบาป! กลับใจใช้โทษบาป! ต่อมาเราทั้งสามได้เห็นสิ่งหนึ่งในดวง
ประทีปมหึมาซึ่งก็คือ พระผู้เป็นเจ้านั่นเอง มองดูคล้ายคนเดินผ่านกระจกเงา เห็นพระสังฆราช พระสงฆ์ และ
นักบวชชายหญิงกำลังปีนขึ้นภูเขาสูงชัน บนยอดเขามีไม้กางเขนใหม่ ตัดมาจากลำต้นอย่างหยาบๆ ดูเหมือน
จะเป็นไม้คอร์กยังเห็นเปลือกติดอยู่ ก่อนถึงยอดเขา พระสันตะปาปาทรงพระดำเนินผ่านเมืองใหญ่ที่ถูกทำลาย
ไปครึ่งเมือง พระองค์ทรงพระดำเนินไปครู่หนึ่ง แล้วก็ทรงพักเหนื่อยครู่หนึ่งด้วยพระวรกายสั่นเทา ทรงปวด
ร้าวเศร้าในพระทัย ทรงภาวนาอุทิศส่วนกุศลแด่ดวงวิญญาณที่ทิ้งซากศพไว้ตลอดเส้นทาง

💞🌟💞 โปรดติดตามตอนต่อไปในวันพรุ่งนี้ 💞🌟💞
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 5937
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

พฤหัสฯ. มี.ค. 09, 2023 8:25 pm

📗~ สู่สงครามมหาประลัย
เขียนโดย คุณสนธิ สารธรรม 👉 ตอนที่ (100 )👈

✴️~ สงครามมหาประลัยครั้งสุดท้าย (B) ~✴️
         
ครั้นถึงยอดเขา ทรงคุกเข่าลงแทบเชิงไม้กางเขน ทรงถูกปลงพระชนม์โดยทหารกลุ่มหนึ่ง
ซึ่งยิงด้วยลูกปืนและลูกธนูใส่พระองค์ และในทำนองเดียวกัน บรรดาพระสังฆราช พระสงฆ์
นักบวชชายหญิง และฆราวาสอีกมากที่มีตำแหน่งต่างๆ ก็สิ้นชีวิตไปคนแล้วคนเล่า ภายใต้
ไม้กางเขน 2 ข้าง มีเทวดา 2 องค์ แต่ละองค์ต่างถือโถสำหรับใส่น้ำเสก (น้ำมนต์) ที่เป็นแก้วใส
ซึ่งเทวดาทั้งสองก็ประพรมบรรดาดวงวิญญาณที่กำลังเดินทางสู่พระผู้เป็นเจ้า" โดยที่ความลับนี้
เขียนขึ้นมาเป็นภาษาสัญลักษณ์ จึงไม่อาจตีความตามตัวอักษร พระคาร์ดินัล รัตซิงเกอร์
พระสมณมนตรี (ณ ปี 2000) ว่าด้วยเรื่องความเชื่อได้เปิดโอกาสให้ผู้รู้ได้ศึกษาและวิเคราะห์กัน
ตามที่เห็นสมควร
บทวิเคราะห์ที่ผมจะนำเสนอครั้งนี้ไม่ได้มาจากอาจารย์ผู้เชี่ยวชาญทางวิทยาศาสตร์ (Theology)
แห่งมหาวิทยาลัยเกรกอริอานาโรม คือ ท่านบาทหลวง อิวาน แห่งกลุ่มขบวนการสงฆ์ของแม่พระของ
บาทหลวง กอบบี เมื่อเดือนมิถุนายน 2001
แต่เฉพาะท่อนแรกจะเป็นการตีความของพระคาร์ดินัล รัตซิงเกอร์ : เทวดาองค์หนึ่งถือดาบเปลว
เพลิงมือซ้าย ทำให้นึกภาพคล้ายๆ ในพระธรรมวิวรณ์ นี่แสดงถึงการคุกคามว่า จะมีการลงโทษของ
พระเจ้าซึ่งเกิดขึ้นทั่วโลก ทุกวันนี้ภาพของเหตุการณ์ซึ่งโลกจะกลายมาเป็นแค่กองขี้เถ้า เพราะการลุก
ไหม้ของทะเลเพลิงนั้นดูจะไม่ใช่เรื่องเพ้อฝันอีกต่อไปแล้ว มนุษย์เองนั่นแหละ ได้วิ่งผ่านดาบเปลวไฟด้วย
การประดิษฐ์คิดค้นของตนเอง แล้วนิมิตของดวงประทีปโชติช่วงของพระแม่มารีย์อันเป็นอำนาจที่ต่อต้าน
อำนาจการทำลายล้างได้ร่ำร้องให้มนุษย์กลับใจใช้โทษบาป นั่นคือ การกลับใจขอสมาโทษต่อพระผู้เป็นเจ้า
แล้วใช้โทษบาปด้วยการทำบุญทำทาน และ บำเพ็ญกุศลในรูปแบบอื่นๆ ในตอนต่อไปจะเป็นการวิเคราะห์
ตีความของบาทหลวงอีวานล้วนๆ ท่านอีวานวิเคราะห์ประเด็นนี้ด้วย โดยหยิบยกบทเทศน์ของโป๊ป คราวเสด็จ
ฟาติมา โปรตุเกส เมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม 2000 ถึงลูกเล่นของมังกร (ซาตาน) ต่อมนุษยชาติโดยเฉพาะ
อย่างยิ่งต่อชาวคริสต์ ซึ่งมันใช้หางของมันตวัดดวงดาว (นักบวช) หนึ่งในสามบนท้องฟ้าให้ตกลงมาบน
แผ่นดิน (วว 12 : 4) จุดหมายปลายทางของมนุษย์คือสวรรค์ บ้านที่แท้จริงของมนุษย์ ณ ที่ซึ่งพระบิดาเจ้า
สวรรค์ทรงประทับคอยทุกๆ คน ด้วยความรักอันเปี่ยมด้วยเมตตาธรรมของพระองค์ แต่ก็ถูกรบกวนจาก
เจ้ามังกรนี้แหละ ซึ่งมันยังใช้เล่ห์เพทุบายตวัดหางเล่นงานข้าราชบริพารของพระองค์ไปเสีย 1 ใน 3 ดังกล่าว
ลูกเล่นของซาตานในศตวรรษ ที่ 20 ก็คือ "พระผู้เป็นเจ้าตายไปแล้ว" "นรกว่างเปล่าไม่มีใครรับโทษในนั้น"
จึงตกเป็นภาระของแม่พระที่ต้องลงมาเตือนมนุษย์ให้ กลับใจใช้โทษบาป! กลับใจใช้โทษบาป! กลับใจ
ใช้โทษบาป! พระสันตะปาปาทรงพระดำเนินผ่านเมืองใหญ่ที่ถูกทำลายไปครึ่งเมือง นี่หมายถึงพระศาสนจักร
คาทอลิก เพราะมีกางเขนใหญ่เป็นแบ็กกราวด์ที่ถูกทำลายไปครึ่งเมือง เพราะฤทธิ์เดชมังกร ซึ่งใช้หางของ
มันตวัดดวงดาวอันหมายถึงนักบวชในพระศาสนจักรตกลงมายังแผ่นดินเสีย 1 ใน 3
พระสันตะปาปาทรงสวดอุทิศแก่ดวงวิญญาณของซากศพที่พบระหว่างทาง หมายถึง มนุษย์ที่ตายทาง
จิตวิญญาณ ครั้นถึงยอดเขา พระสันตะปาปาทรงคุกเข่าที่เชิงไม้กางเขน ทรงถูกปลงพระชนม์โดยทหารกลุ่มหนึ่ง
(ไม่ใช่จากมือปืนเหี้ยมชาวตุรกีที่ชื่อ อาลี อัคคา เมื่อปี 1981) พระองค์ถูกยิงด้วยลูกปืนและลูกธนูจนสิ้น
พระชนม์ เหตุการณ์ระทึกขวัญนี้ยังไม่เกิดขึ้น
ส่วนวลี ยิงด้วยลูกธนู จะขอหยิบยกคำกล่าวของพระสังฆราช กอร์ราโต บัลดุจชี (Corrado Balducci)
ลงในสัปดาห์สาร L' Osservatore della Domenica ฉบับ 41/1978 ซึ่งออกก่อนวันเลือกพระสันตะปาปา
องค์ปัจจุบัน (โป๊ป จอห์น พอล ที่ 2) เพียงหนึ่งวัน ซึ่งวิเคราะห์ถึงพระสันตะปาปาที่จะได้รับเลือกตั้งกับความลับ
ฟาติมาข้อที่ 3... หากจะวิเคราะห์ความลับนี้ไปในทางลบ...เป็นไปได้ไหมที่จะเกิดสงครามโลกครั้งใหม่?
และถามไปอีกหน่อย : ใครเป็นยอดอัจฉริยะที่จะเชื่อว่าสงครามในอนาคตจะไม่ปะทะกันด้วยอาวุธนิวเคลียร์?
ถ้าในท้ายที่สุดเหตุการณ์อันน่าสะพรึงกลัวนี้เป็นจริงขึ้นมา เราก็จะต้องใช้อาวุธอันทรงพลังชิ้นสุดท้าย และทัน
สมัยที่สุด เราก็จะมาถึงยุควิวรณ์ (Apocalypse คือ การเปิดเผยถึงมหาวิปโยคตอนสิ้นยุค) โดยไม่มีการโหม
โรง มนุษยชาติก็ถึงการล่มสลาย จะถึงการทำลายล้างอย่างสิ้นซากโดยน้ำมือของมนุษย์เอง เมื่อถึงตรงนี้คงจะ
จำคำพูดของไอสไตน์ได้ ตอนที่มีคนมาถามความเห็นของเขาถึงสงครามครั้งที่ 3 เขาตอบว่า "ข้อนี้ข้าพเจ้า
ไม่ทราบ แต่สิ่งหนึ่งที่แน่คือ หากเกิดสงครามโลกอีกครั้งหนึ่ง (ครั้งที่ 4) แน่นอนทีเดียว คนจะรบกันด้วย
คันธนูและลูกศร" (ก็แปลว่า หลังสงครามโลกครั้งที่ 3 มนุษย์จะรอดเหลือน้อยมาก จะมีชีวิตในป่าในดงดังเก่าก่อน)
ก็หมายความว่า สงครามโลกครั้งที่ 3 นี้จะมีการทำลายล้างที่ใหญ่โตมาก หรือเรียกกันว่า "สงครามล้างโลก"
หรือที่นักศาสนศาสตร์เรียกกันว่า "สงครามอาร์มาเกดดอน"
หลังพระสันตะปาปาสิ้นพระชนม์แล้ว บรรดาพระสังฆราช พระสงฆ์ นักบวชชายหญิง และฆราวาสอีก
มากมาย...ก็สิ้นชีวิตไปคนแล้วคนเล่า ขอย้ำว่าคนเหล่านี้จะสิ้นชีวิตหลังจากพระสันตะปาปาสิ้นพระชมน์
ซึ่งเหตุการณ์ยังไม่ได้เกิดขึ้น เหตุการณ์นี้จะเกิดขึ้นซึ่งชาวคริสต์เรียกการเบียดเบียนที่เป็นระบบ มีจุดประสงค์
จะถอนรากถอนโคนพระศาสนา ความลับข้อที่ 3 นี้แสดงถึงองค์ประกอบต่างๆ แห่งการเบียดเบียนนี้ ถึงแม้จะ
ไม่ได้โดยตรงนัก แต่เป็นไปแบบอ้อมๆ ถึงแอนตีไครสต์ ในสารที่แม่พระมอบให้ฟาติมา
เมื่อวันที่ 11 มีนาคม 1995 แก่บาทหลวงกอบบี ดังนี้ :

💞🌟💞 โปรดติดตามตอนต่อไปในวันพรุ่งนี้ 💞🌟💞
ตอบกลับโพส