“สู่สงครามมหาประลัย” ตอนที่ (101-108)

ใครมาใหม่เชิญทางนี้ก่อน ทักทาย ทดลองโพส
ตอบกลับโพส
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 5937
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

อาทิตย์ มี.ค. 12, 2023 6:20 pm

📗~ สู่สงครามมหาประลัย ~📗
เขียนโดย คุณสนธิ สารธรรม 👉 ตอนที่ (101 )

✴️~ สงครามมหาประลัยครั้งสุดท้าย (C) ~✴️
        
  : สำหรับเหตุการณ์ในวันนี้ ณ สถานที่ที่แม่ได้ปรากฏมาพบเด็กทั้ง 3 คนนั้น แม่ต้องการเผย
ความลับของแม่แก่พวกลูกว่า ความลับของแม่เกี่ยวข้องโดยตรงกับพระศาสนจักรคาทอลิก :
การละทิ้งความเชื่อ (Apostasy) ครั้งมโหฬารจะถูกนำเข้ามาอย่างครบถ้วนในพระศาสนจักร
แล้วจะแพร่กระจายไปทั่วโลก สังฆเภท (การแตกแยก) จะสำเร็จเสร็จสิ้นไปสู่การก้าวห่างออกไป
ครั้งใหญ่จากพระวรสาร (พระธรรมคำสอนของพระเยซูที่บันทึกจากบรรดาสานุศิษย์ของพระองค์)
และจากความเชื่อที่แท้จริง มนุษย์อสัตย์อธรรมจะเข้าไปในพระศาสนจักร มันจะเป็นปฏิปักษ์ต่อ
พระคริสต์ มันจะนำความบัดสีบัดเถลิง ความชั่วช้าอนาจารอันน่าสะอิดสะเอียนเข้าสู่พระศาสนจักร
ดังนี้ มันก็จะทำให้การทำนายของมหาบุรุษดาเนียลที่กล่าวถึงการทุราจารขั้นอุกฤษฏ์สำเร็จไป
(มัทธิว 24 : 15)
ความลับของแม่เกี่ยวกับมนุษยชาติ : มนุษยชาติจะบรรลุถึงขั้นสุดยอดแห่งความเสื่อมเสีย
และความชั่วร้าย และถึงสุดยอดของการเป็นกบฏต่อพระผู้เป็นเจ้า และแห่งการอยู่ตรงข้ามอย่าง
เปิดเผยต่อบัญญัติแห่งความรักของพระองค์ มนุษยชาติจะสำเนียกถึงช่วงเวลาแห่งการลงทัณฑ์
ครั้งใหญ่ของตัวเอง ซึ่งถูกทำนายไว้โดยประกาศก (เศคาริยาห์ 13 : 7 - 9) ใจความดังนี้ : พระเจ้า
ทรงมหิทธิเดชานุภาพตรัสว่า "ดาบเอ๋ย จงตื่นขึ้นต่อสู้เมษบาล (คนเลี้ยงแกะ หมายถึงชนชั้นปกครอง)
ของเรา จงต่อสู้ผู้ที่สนิทกับเรา จงตีเมษบาลและฝูงแกะนั้นจะกระจัดกระจายไป เราจะกลับมือของเรา
ต่อสู้กับตัวเล็กตัวน้อย พระเจ้าตรัสว่า "ทั่วทั้งแผ่นดินจะต้องกำจัดเสียให้พินาศสองในสาม
และเหลือไว้หนึ่งในสาม"
บาทหลวงอีวานลงความเห็นว่า แม่พระกำลังพูดถึง "ความลับข้อที่ 3" นั่นก็คือ ยุคแอนตีไครสต์
และการชำระล้างครั้งใหญ่แห่งมนุษยชาติด้วยไฟ ดังสารของแม่พระ
บาทหลวงกอบบี เมื่อวันที่ 30 ตุลาคม 1994 ว่า : พระเพลิงจะลงมาจากฟากฟ้า และมนุษยชาติก็พร้อมที่
จะต้อนรับพระเยซู ซึ่งจะเสด็จมาในความรุ่งเรือง"
ตอนจบของความลับข้อที่ 3 เราเห็นเทวดา 2 องค์ ถือโถน้ำเสกเป็นแก้วใสอยู่ในมือ เพื่อรองรับ
โลหิตบรรดาผู้พลีชีวิตเพื่อศาสนา และด้วยพระโลหิตนี้เทวดาก็ประพรมบรรดาวิญญาณซึ่งกำลังลอยขึ้น
หาพระผู้เป็นเจ้า
นี่เป็นการเปิดใหม่ : ผลพวงของความทุกข์ทรมานของบรรดาผู้พลีชีพเพื่อศาสนา
"Semen est sanguis christianorum" (Tertulliano) มิติแรก : เน้นกัลวาริโอ พระเยซูถูกตรึงบน
ไม้กางเขน แม่พระ ณ เชิงกางเขน การปะทะระหว่างพระเยซูกับแอนตีไครสต์ พระศาสนจักรถูกตรึงกางเขน
พระสันตะปาปาตรัสว่า ท้องฟ้าเดิมและแผ่นดินเดิมจะผ่านไป : "กางเขนบนเนินกอลโกธา คือ กางเขน
แห่งการไถ่บาป ในกางเขนประวัติศาสตร์ของมนุษย์ทั้งหมดจะถูกแสดงออกมา ประวัติศาสตร์ของ
มนุษยชาติในเวลาเดียวกันคือ ประวัติศาสตร์ของบาปและความทุกข์ทรมาน เมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม 1991
พระสันตะปาปาทรงเผยมิติที่ 2 ด้วยมิตินี้พระองค์ทรงขยายความไปถึงขอบฟ้าของความลับข้อที่ 3"
โดยอาศัยกางเขนของพระบุตรของพระองค์ พระผู้เป็นเจ้าย้ำมาทุกๆ ชั่วคนว่า ดูซิ : เราทำทุกสิ่งขึ้นมาใหม่
ฟ้าและแผ่นดินเดิมจะผ่านพ้นไปเรื่อยๆ...โดยอาศัยกางเขนบนเนินกอลโกธา นครศักดิ์สิทธิ์ เยรูซาเล็มใหม่
จะเลื่อนลอยลงมาจากพระเจ้าในประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติและของโลก
กางเขนอันมลังเมลือง ซึ่งจะปรากฏบนท้องฟ้าตอนสิ้นสุดการชำระล้างและมหาวิปโยคครั้งใหญ่
จะเป็นประตูที่เปิดสู่หลุมฝังศพของมนุษยชาติที่มืดมิดในอุโมงค์ลึก ประตูที่ว่านี้จะนำมนุษยชาติไปสู่อาณาจักร
ใหม่แห่งชีวิต ซึ่งพระเยซูจะเป็นผู้นำในวันที่พระองค์จะเสด็จกลับมา
การเสด็จมาขององค์พระผู้เป็นเจ้าในเปลวเพลิง : เปลวเพลิงเป็นเครื่องหมายแห่งการแสดงองค์พระผู้เป็นเจ้า
(Theophany) ขอให้ดูพระคัมภีร์อิสยาห์บทที่ 66 : 15 "ดูซิ พระเจ้าจะเสด็จมาด้วยไฟและรถรบของพระองค์
เหมือนลมพายุ เพื่อสนองเขาด้วยความกริ้วของพระองค์อย่างเกรี้ยวกราด และด้วยการขนาบของพระองค์
พร้อมด้วยเปลวเพลิง" จะมีการชำระล้างโลกครั้งใหญ่ เมื่อวันอันยิ่งใหญ่ของพระเจ้าจะทอแสงเจิดจ้า นักบุญ
อิเรเนโอยังกล่วถึงทะเลเพลิงมหาวินาศ ซึ่งพระเยซูจะใช้ชำระล้างโลกทั้งหมด เพื่อจะสถาปนาอาณาจักรอัน
รุ่งโรจน์บนโลกนี้ นักบุญอาโกสติโนได้กล่าวไว้ในกิจการลือชื่อของท่าน "นครของพระเจ้า" พรรณนาถึงการ
เบียดเบียนพระศาสนจักรในยุคของ Antichrist จะมาจากภายนอกและภายในเอง แล้วหยิบพระวิวรณ์
บทที่ 20 : 9 "ไฟจะลงมาจากฟากฟ้าและเผาผลาญบรรดาศัตรูที่โหดร้ายของพระศาสนา" "องค์พระผู้เป็นเจ้า
จะทรงทำลายแอนตีไครสต์ด้วยลมจากพระโอษฐ์ของพระองค์เอง และจะปราบมันจนสิ้นซาก คราวที่พระองค์
เสด็จมา" (2 ธส 2 : 8)
สมเด็จพระสันตะปาปาปีโอที่ 12 ได้ทรงแสดงสุนทรพจน์ประวัติศาสตร์ก่อนที่พระองค์จะสิ้นพระชนม์
ไม่นาน เมื่อวันที่ 19 มีนาคม 1985 พระองค์ทรงพลิ้วทางจิตวิญญาณได้สูงส่งเหนือกาลเวลา รู้สึกพระองค์
เคลื่อนไปในทางแห่งความลับฟาติมาข้อที่ 3 ทีเดียว พระองค์ทรงพยากรณ์ว่า หลังจากฤดูหนาวอันยืดยาว
ของปัจจุบัน ก็จะมาถึงฤดูร้อนที่สดใส และอุดมสมบูรณ์ : "ฤดูร้อนใกล้เข้ามาแล้ว" (มัทธิว 24 : 32) พระองค์
ทรงบอกใบ้ถึงฤดูหนาว ปัจจุบันนี้คือ ฤดูหนาวแห่งวิวรณ์ (คือ มหาวิปโยคก่อนสิ้นยุค) ซึ่งจะเดินมาก่อนการ
เสด็จมาอย่างรุ่งเรืองของพระองค์ แล้วโป๊ปได้กล่าวทิ้งท้ายว่า "ความผิดสมัยใหม่พันๆ ข้อได้ถูกลงโทษจาก
ความล้มเหลวของพวกเขาเอง...ความผิดอื่นๆ ก็ควรจะต้องหายไป และตำแหน่งสูงๆ ก็ควรจะต้องตกลงมาด้วย...
ความพินาศจะสั่นสะท้านมากน้อยแค่ใดก็ขึ้นกับว่าความกล้าที่จะแข่งกับพระเจ้ามากน้อยแค่ไหน ฤดูร้อนจะ
มาถึงแน่ๆ แผ่นดินที่อาบน้ำตาจะยิ้มกับไข่มุกแห่งความรัก และแผ่นดินที่ชุ่มด้วยเลือดของผู้พลีชีพ
เพื่อศาสนาจะแตกรากแตกใบคริสตชน" บาทหลวงอีวาน โปยาฟนิค 26 มิถุนายน 2001

💞🌟💞 โปรดติดตามตอนต่อไปในวันพรุ่งนี้ 💞🌟💞ขอบคุณ
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 5937
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

อาทิตย์ มี.ค. 12, 2023 6:29 pm

📗~ สู่สงครามมหาประลัย ~📗
เขียนโดย คุณสนธิ สารธรรม 👉 ตอนที่ ( 102 )👈

✴️~ Amagaddon สงครามล้างโลก (A) ~✴️
         
ก่อนเข้าประเด็นผมขอแจกแจงที่มาของศัพท์ Armageddon เป็นศัพท์ที่เพี้ยนมาจาก
Har Megiddo คำว่า Har มาจากภาษาฮีบรู แปลว่า เนินเขา Mageddon เพี้ยนมาจาก Meggido
ซึ่งเป็นเมืองที่มี เส้นทางยุทธศาสตร์สำคัญตัดกัน คือเส้นทางจากอียิปต์ไปดามัสคัส และเส้นทาง
จากทะเลเมดิเตอร์เรเนียนไปเมโสโปเตเมีย ที่เมือง Megiddo นี้ได้มีสงครามสำคัญ 2 ครั้ง คือ
ระหว่างกษัตริย์ทัทโมซิส ที่ 3 กับบรรดากษัตริย์คานาอันไน้ท์ เมื่อปี 1484 ก่อน ค.ศ. และระหว่าง
กองทัพอียิปต์กับกษัตริย์โยซิอาห์ แห่งยูดาห์ ในปี 609 ก่อน ค.ศ.
เมกิดโดเป็นเมืองที่สร้างตั้งแต่ 4,000 ปีก่อน ค.ศ. หลังจากอาณาจักรอิสราเอลล่มสลาย
ในปี 1712 ก่อน ค.ศ. เมกิดโดก็เป็นแค่จังหวัดหนึ่งของอาณาจักรอัสซีเรีย หลังจากนั้นก็ถูกทิ้ง
ให้รกร้างว่างเปล่า กระทั่ง 60 ปีที่แล้ว ที่ชาวยิวตั้งประเทศอิสราเอลได้สำเร็จ ก็ได้พัฒนาจนเป็น
ดินแดนที่อุดมสมบูรณ์ที่สุดทางเกษตรกรรมล้ำยุคของอิสราเอล ทุกครั้งที่ผมนำทัวร์ไปอิสราเอล
จะต้องผ่านบริเวณนี้ เพราะอยู่ในเส้นทางจากสนามบินไปเมืองนาซาเร็ท อันเป็นเมืองที่พระเยซู
ทรงใช้ชีวิตในวัยเด็กกับพระแม่มารีย์ที่เมืองนี้
คำว่า อาร์มาเกดดอน (Armageddon) ถูกนำมาใช้ในพระคัมภีร์ฉบับสุดท้ายที่เรียกว่า
พระธรรมวิวรณ์ ซึ่งใช้เรียก สงครามมหาประลัยครั้งสุดท้าย ถือเป็นสงครามล้างโลก การสัประยุทธ์
ครั้งนี้ ในพระธรรมวิวรณ์เรียกว่า "สงครามในวันยิ่งใหญ่ของพระเจ้าผู้ทรงฤทธานุภาพสูงสุด"
ดังมีบันทึกไว้ว่า : "วิญญาณเหล่านี้ออกไปชักชวนกษัตริย์ของชนชาติทั้งหลายในโลก ให้ร่วมมือกัน
ทำสงคราม ในวันอันยิ่งใหญ่ของพระเจ้า ผู้ทรงฤทธานุภาพยิ่งใหญ่สูงสุด และวิญญาณชั่วทั้งสามก็
รวบรวมกษัตริย์ทั้งปวงมาชุมนุมกัน ณ สถานที่ซึ่งเรียกว่า อาร์มาเกดดอน ต่อจากนั้นทูตสวรรค์องค์
ที่ 7 ก็เอาขัน (ถ้วย) ของตนไปเทกลางอากาศ ครั้นแล้วก็มีเสียงดังออกมาจากพระที่นั่งในพระวิหาร
กล่าวว่า "สำเร็จแล้ว" ต่อจากนั้นก็มีเสียงฟ้าแลบแปลบปลาบ เสียงฟ้าร้องและเสียงอื่นๆ ดังกึกก้อง
ไปหมด รวมทั้งเกิดแผ่นดินไหวอย่างรุนแรง นับตั้งแต่พระเจ้าทรงสร้างมนุษย์มา ไม่เคยมีแผ่นดินไหว
ครั้งใดรุนแรงเท่าครั้งนี้เลย มหานครบาบิโลนต้องแยกออกเป็น 3 ส่วน บ้านเมืองในประเทศต่างๆ
ทั่วโลกพังพินาศสิ้น พระเจ้าทรงระลึกถึงมหานครบาบิโลน จึงได้ให้มหานครดื่มเหล้าองุ่นแห่งพระพิโรธ
จากจอกขององค์ เกาะทุกเกาะและภูเขาทุกลูก ก็พลันอันตรธานไปสิ้น และบังเกิดลูกเห็บห่าใหญ่
แต่ละลูกหนักประมาณ 5 กิโลกรัม ตกลงมาจากท้องฟ้าถูกผู้คนทั้งหลาย ก่อความวิบัติให้แก่พวกเขา
อย่างใหญ่หลวง พวกเขาจึงพากันแช่งด่าพระเจ้าด้วยถ้อยคำอันหยาบช้า" (วิวรณ์ 16 : 14 - 20)
เป็นเวลากว่า 2,000 ปีมาแล้ว มีกลุ่มชาวยิวยึดถือประเพณีบูชาพระเมสสิอาห์ หรือ พระผู้ช่วย
ให้รอดว่า สักวันหนึ่งพระเจ้าคงจะส่งมากอบกู้บ้านเมืองเสียที พวกเขามักจะซุ่มทำพิธีแถวๆ เนินเขา
เหนือทะเลตาย เพื่อเฝ้าคอยที่จะร่วมขบวนบรรดาทูตสวรรค์ ในสงครามครั้งสุดท้ายที่จะปะทะกับ
เหล่ามาร โดยตั้งตาคอยในการสัประยุทธ์ระหว่าง "บุตรแห่งแสงสว่างกับบุตรแห่งความมืด"
กลุ่มชาวยิวโบราณนี้ เกรงว่ากองทัพโรมัน (ค.ศ. 70) จะทำลายพระคัมภีร์ที่อุตส่าห์รักษาไว้นั้น
พวกเขาจึงได้นำเอาม้วนพระคัมภีร์โบราณที่บันทึกบนหนังสัตว์เป็นร้อยๆ ม้วนไปซ่อนไว้ในถ้ำตรง
หน้าผาใกล้ทะเลตาย
ในปี 1947 เด็กเลี้ยงแกะชาวเบดูอินได้โยนก้อนหินเข้าไปในถ้ำแถวนั้น แล้วได้ยินเสียงแตก
ของภาชนะเครื่องปั้นดินเผา เมื่อปีนขึ้นไปบนถ้ำนั้นก็ได้พบม้วนพระคัมภีร์ในไหแตกจำนวนหลายม้วน
ไมเคิล (Michael Drosnin ผู้เรียบเรียงหนังสือ The Bible Code) รับทราบมาว่า ม้วนพระคัมภีร์
ที่พบในถ้ำแถวทะเลตายนี้ มีอายุอย่างน้อย 2000 ปี เป็นพระคัมภีร์ที่ซ่อนรหัสไว้ในคอมพิวเตอร์ ซึ่ง
สามารถทำนายเหตุการณ์ที่ได้เกิดขึ้นเป็นเวลาหลายๆ พันปี หลังจากที่พระคัมภีร์ถูกบันทึก
ไมเคิลได้ขึ้นไปบนหน้าผาแล้วนั่งบนยอดเนินที่แห้งแล้งเป็นเวลาหลายชั่วโมง เพื่อชมวิวทิวทัศน์
ที่เวิ้งว้างมาเช่นนี้เป็นพันๆ ปี อย่างไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ตั้งแต่มีประเพณีที่ปฏิบัติต่อๆ กันมา ที่จะ
รอคอยอวสานกาล
วันรุ่งขึ้น ไมเคิลก็ได้ไปยังสถานที่เก็บหนังสือในเยรูซาเล็ม และก็ได้เห็นการจัดแสดงของ
พระคัมภีร์อิสยาห์ เป็นพระคัมภีร์อายุเกิน 2500 ปี เป็นคำทำนายที่โบราณที่สุด
ต้นฉบับที่ยังอยู่ครบของ พระคัมภีร์อิสยาห์ ถูกค้นพบที่ถ้ำแถวทะเลตายนี้เป็นฉบับที่สมบูรณ์ที่สุด
ขณะนี้ถูกห่อหุ้มทั้งหัวและท้าย เป็นรูปทรงกระบอกใหญ่ ซึ่งตั้งตรงบนแท่นที่มีมาตรฐานรองรับวางอยู่
ในบ่อลึก และเปิดเผยตรงกลางพิพิธภัณฑ์ที่มียอดโดม

💞🌟💞 โปรดติดตามตอนต่อไปในวันพรุ่งนี้ 💞🌟💞
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 5937
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

อังคาร มี.ค. 14, 2023 9:03 pm

📗~ สู่สงครามมหาประลัย ~📗
เขียนโดย คุณสนธิ สารธรรม 👉 ตอนที่ (103 )👈

✴️~ Amagaddon สงครามล้างโลก (B) ~✴️
        
  ไมเคิลประหลาดใจว่า ทำไมม้วนพระคัมภีร์นี้จึงถูกจัดแสดงด้วยวิธีที่ไม่เหมือนใครเช่นนี้?
ไมเคิลได้สอบถามนาย Armand Bartos สถาปนิกผู้ออกแบบพิพิธภัณฑ์ ซึ่งใช้เก็บม้วน
พระคัมภีร์ที่ค้นพบที่ถ้ำแถวทะเลตาย
"การออกแบบเช่นนี้ ก็เพื่อให้ม้วนพระคัมภีร์รูปทรงกระบอกต่ำกว่าระดับสายตา เพื่อให้
ภาพที่เห็นหดสั้นลง และยังถูกคลุมด้วยแผ่นเหล็กกล้า" Bartos อธิบาย
"เพื่ออะไร?" ไมเคิลถาม
"ออกแบบอย่างนี้ เพื่อป้องกันพระคัมภีร์ฉบับเก่าแก่ที่สุด เป็นที่รู้จักแก่ชาวโลก" เขาอธิบาย
"ป้องกันไม่ให้รู้อะไร"
"สงครามนิวเคลียร์"
ยังไม่มีใครรู้ว่า ในม้วนพระคัมภีร์โบราณ ที่ม้วนเป็นทรงกระบอกใหญ่ตั้งอยู่บนเครื่องประดิษฐ์
ที่ออกแบบเพื่อจะทัดทานระเบิดปรมาณู เป็นการเตือนที่ซ่อนเร้นอย่างหนึ่งว่า กรุงเยรูซาเล็มอาจถูก
ทำลาย ด้วยการโจมตีทางนิวเคลียร์ เป็นยัญบูชาปรมาณูซึ่งอาจจะเป็นชนวนให้เกิด "สงครามโลก"
ก็คือ สงครามล้างโลก (Armageddon) นั่นเอง
ความลับอยู่ใน "หนังสือปิดผนึกอีกเล่มหนึ่ง"

อิสยาห์พรรณนาถึง วิวรณ์ (Apocalypse การเปิดเผยจากพระเจ้าถึงเรื่องเร้นลับ) ที่จะต้องเกิดขึ้น
เป็นภาพอันน่าสะพรึงกลัวอย่างแท้จริงแห่งสงครามในอนาคต และแล้วท่านก็กล่าวว่า : "วิสัยทัศน์ทั้ง
หมดนี้ ไม่มีความหมายอะไรเลยสำหรับพวกท่าน มันเป็นเพียงถ้อยคำที่ถูกปิดไว้ในหนังสือเล่มหนึ่ง"
สิ่งที่ใช้อ้างอิงข้อแรกของความลับในพระคัมภีร์คือ "หนังสือที่ถูกปิดผนึก" มันเป็นวิสัยทัศน์แห่ง
อนาคตของเราว่าความลับนั้นถูกซ่อนขั้นแรกในถ้ำแห่งหนึ่ง แล้วยังถูกซ่อนไว้ในรหัสชนิดหนึ่ง ซึ่งจะไม่มี
ผู้ใดสามารถถอดรหัสนี้จนกว่าเครื่องคอมพิวเตอร์จะถูกคิดค้นประดิษฐ์สำเร็จเสียก่อน
ขั้นแรกท่านประกาศกอิสยาห์กล่าวว่า จะไม่มีผู้ใดสามารถเปิดหนังสือที่ถูกปิดผนึกนี้ และถ้าคุณยื่น
หนังสือให้บางคนที่อ่านเป็น และบอกเขาว่า "ช่วยอ่านหน่อยซิ" เขาจะตอบว่า "ผมอ่านไม่ได้ เพราะหนังสือ
ถูกปิดผนึกไว้" แต่ในที่สุดท่านอิสยาห์ทำนายว่า หนังสือที่ถูกปิดผนึกไว้จะถูกเปิดออกได้สำเร็จ :
"ในวันนั้น คนหูหนวกจะได้ยินถ้อยคำในหนังสือนั้น ดวงตาของคนที่บอดสนิทหรือที่เห็นลางๆ จะเห็นชัดเจน"
และในฉบับที่ถูกซ่อนนี้ ยังเป็นข้อความเช่นเดียวกันของท่านอิสยาห์ได้เปิดเผยว่าหนังสือที่ถูกปิด
ผนึกก็คือ รหัสพระคัมภีร์ ที่ระบุว่า : "พระองค์ (พระเจ้า) ทรงจำถ้อยคำต่างๆ ได้ ถ้อยคำเหล่านี้จะถูกเข้า
เครื่องคอมพิวเตอร์ พระองค์ทรงจำรายละเอียดข้อปลีกย่อยต่างๆ ความลับต่างๆ และถ้อยคำต่างๆ
ที่คงความขลังในหนังสือ ตามที่ได้ยินกันในวันนี้"
การเตือนเกี่ยวกับสงครามนิวเคลียร์มาเป็นเวลาถึง 2,500 ปี สามารถถูกค้นพบได้ ก็ด้วยเครื่อง
คอมพิวเตอร์เพียงอย่างเดียวเท่านั้น และขณะนี้รหัสพระคัมภีร์ได้เปิดเผยว่า วิวรณ์
(Apocalypse การเปิดเผยของพระเจ้า ถึงความเร้นลับต่างๆ เกี่ยวกับมหาภัยพิบัติตอนสิ้นยุค)
ที่แท้จริงจะเริ่มต้น เมื่อไร และที่ไหน
ไมเคิลได้เช็คแต่ละปี ในอีกร้อยปีข้างหน้า ปรากฏว่ามีแค่ 2 ปีเท่านั้นที่ถูกเข้ารหัสกับคำว่า
"สงครามโลก" อย่างชัดเจน คือ ปียิว 5760 (ปีสากล คือ กันยายน 1999 - สิงหาคม 2000) และ
ปียิว 5766 (กันยายน 2005 - สิงหาคม 2006)
ใน 2 ปีดังกล่าว ก็ถูกเข้ารหัสกับคำว่า "ปรมาณูบูชายัญ " และในอีกร้อยปีข้างหน้าก็ 2 ปีอีกแหละ
ที่ถูกรหัสกับคำว่า "สงครามโลก" และ "ปรมาณูบูชายัญ" ไม่มีทางใดที่จะรู้ว่า รหัสกำลังพยากรณ์ถึง
สงครามในปี 2000 หรือปี 2006 หรือไม่ แต่ที่แน่ๆ ปี 2000 ถูกเข้ารหัสไว้ถึง 2 ครั้ง ปี 2006 ตามหลัก
คณิตศาสตร์เหมาะที่สุด แน่นอนละ ไม่มีทางที่จะรู้ว่าอันตรายนั้นจะจริงแท้แค่ไหน
แต่ถ้าหากรหัสพระคัมภีร์ถูกต้อง สงครามโลกครั้งที่ 3 ตอนสิ้นศตวรรษนี้อย่างน้อยที่สุดก็เป็น
ไปได้ (Possible) และสงครามโลกภายใน 10 - 20 ปีข้างหน้า ก็มีความน่าจะเป็น (Probability)
ซึ่งเราไม่อาจทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ไม่ได้
ปรมาณูบูชายัญ และ สงครามโลก ถูกเข้ารหัสด้วยกัน สงครามครั้งต่อไปที่ระบุในรหัส จะต่อสู้กัน
ด้วยอาวุธมหาประลัย ที่จะทำลายล้างโลกอย่างที่ไม่เคยมีสงครามครั้งใดใช้มาก่อน สงครามโลกครั้งที่ 2
จบลงด้วยการถล่มฮิโรชิมา แต่ครั้งนี้จะมีอาวุธนิวเคลียร์อย่างน้อยที่สุด 50,000 ชิ้น นับตั้งแต่กระสุนปืน
ใหญ่ปรมาณู ไปจนถึงขีปนาวุธชนิดหัวกระสุนติดดินระเบิดขนาดต่างๆ (Multiple warhead ballistic missles)
อาวุธแต่ละชนิดสามารถทำลายเมืองได้ทั้งเมือง โลกใบนี้จะถูกลบหายไปกลายเป็นจุณภายใน 2 - 3 ชั่วโมง
สงครามโลกครั้งที่ 3 จะเป็นสงคราม - ล้าง - โลก (Armageddon) ตามตัวอักษรอย่างแท้จริง

💞🌟💞 โปรดติดตามตอนต่อไปในวันพรุ่งนี้ 💞🌟💞
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 5937
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

อังคาร มี.ค. 14, 2023 9:12 pm

📗~ สู่สงครามมหาประลัย ~📗
เขียนโดย คุณสนธิ สารธรรม 👉 ตอนที่ (104 )👈

✴️~ บทสรุปส่งท้าย ขอให้เราได้พบกัน ณ ฟ้าใหม่ แผ่นดินใหม่ (A) ~✴️
         
เมื่อก่อนปี 2000 เล็กน้อย ผมได้รับของฝากจากบาทหลวงอาร์มันโด เตนุสโซ
(Rev. Fr. Armando Tenuzzo) ซึ่งเป็นเพื่อนที่เรียนหนังสือมาด้วยกันที่อิตาลีเมื่อกว่าห้าสิบปีก่อน
เพิ่งกลับมาจากเยี่ยมบ้านเกิด ปัจจุบันท่านเป็นอธิการ Camillian Social Center ที่เชียงราย
ของฝาก ของท่านก็คือ หนังสือแห่งความหวัง (Libro della speranza) เรียบเรียงโดย บาทหลวง
ดร. มาร์ติโน เปนาซา (MartinoPenasa) เป็นหนังสือที่ตีความ "พระธรรมวิวรณ์" (Apocalypse)
ท่านบอกว่าเป็นหนังสือที่ขายดีมากๆ ในช่วงก่อนปี 2000 ซึ่งบอกเรื่องราวแปลกใหม่ ซึ่งบรรดา
บาทหลวงเองก็ถือเป็นเรื่องใหม่ พระธรรมวิวรณ์ เป็นพระคัมภีร์เล่มสุดท้ายที่พยากรณ์ถึง
พระศาสนจักรคาทอลิกตั้งแต่แรกเริ่ม จนถึงสิ้นยุคราวศตวรรษที่ 20 ส่วนศตวรรษที่ 21 คือ
ยุคสันติสุขพันปี ณ ฟ้าใหม่ แผ่นดินใหม่ แล้วจึงจะถึงวันสิ้นโลก
โดยทั่วไปชาวคาทอลิกระดับชาวบ้านจะรู้แค่ให้ทำดีที่สุดโดยการรักพระเจ้าด้วยสิ้นสุดจิตใจ
และรักเพื่อนมนุษย์เหมือนรักตนเอง ตอนสิ้นโลก มนุษย์ทุกคนจะต้องตายหมด พระเยซูจะเสด็จมา
พิพากษาให้คนดีไปสวรรค์ และคนชั่วไปนรกตลอดชั่วนิรันดร
ต่อไปนี้ผมจะหยิบยก หนังสือแห่งความหวัง จากบาทหลวงเปนาซา ซึ่งทำให้พระสงฆ์องค์เจ้า
แม้กระทั่งพระสังฆราชต่างฮือฮาในหนังสือของท่าน เพราะโดยทั่วไปเราเข้าใจว่า พระเยซูจะเสด็จมา
2 ครั้ง คือ ครั้งแรกที่ทรงบังเกิดมาเมื่อ ค.ศ. 1 ที่เบธเลเฮม ในประเทศปาเลสไตน์ และครั้งที่ 2
เมื่อตอนสิ้นโลก เพื่อพิพากษามนุษย์
เราจะไม่เคยรับรู้ว่า พระเยซูจะเสด็จมา 3 ครั้ง คือ การเสด็จมาคั่นกลางระหว่าง 2 ครั้งที่ได้กล่าว
ไปข้างต้น มักจะเรียกว่า การเสด็จมาครั้งที่ 2 เพื่อปราบแอนตี้ไครสต์ (Antichrist) คือ ซาตานในร่าง
ของมนุษย์ที่กำลังปู้ยี่ปู้ยำพระศาสนจักรขนานใหญ่ เมื่อปราบแอนตี้ไครสต์แล้ว พระองค์จะตั้งอาณาจักร
พระเจ้า หลังจากมนุษย์ห้ำหั่นกันจนสุดชีวิตด้วยอาวุธร้ายแรงสารพัด เพื่อจะเอาชนะกันท่าเดียว มาถึงจุดนี้
ถือได้ว่าเป็นการสิ้นสุดยุคของมนุษย์ที่ยังเห็นแก่ตัว ยังมีจิตใจชั่วร้ายที่เต็มไปด้วยกิเลสนั่นเอง แล้วพระองค์
จะรวบรวมผู้คนที่ใฝ่แต่ความดีให้มีชีวิตบนโลกเรานี้แหละ แต่พระเจ้าจะทรงเนรมิตให้สวยสดงดงามขึ้น
มาใหม่
ลองมาฟังวาทกรรม การเสด็จมาครั้งที่ 2 และ ฟ้าใหม่แผ่นดินใหม่ ของบาทหลวง มาร์ติโน เปนาซา
ผู้เชี่ยวชาญพระธรรมวิวรณ์ :
ในบทสวด "ข้าพเจ้าเชื่อ" ตอนหนึ่งเราสวดว่า "พระองค์ (พระเยซู) จะเสด็จมาอีกด้วยพระสิริรุ่งโรจน์
เพื่อพิพากษาผู้เป็น และ ผู้ตาย"
เราทราบแล้วว่าตอนสิ้นโลก มนุษย์ทุกคนจะตายหมด พระเยซูจะเป็นผู้พิพากษาตัดสินผู้ตายทั้งหมด
ตั้งแต่มนุษย์คนแรกถึงคนสุดท้าย เราเรียกการพิพากษาครั้งนี้ว่า พิพากษาครั้งสุดท้าย หรือ การพิพากษา
ประมวลพร้อม
พระเยซูจะเสด็จมาเพื่อพิพากษาผู้เป็น เป็นการพิพากษาไม่ใช่ตอนสิ้นโลก แต่เป็นตอนที่พระองค์
เสด็จมาครั้งที่ 2 เพื่อปราบแอนตี้ไครสต์ และสถาปนาอาณาจักรพระเจ้าบนโลก ดังจะอธิบายขั้นตอนต่อไปนี้
[บาทหลวง เปนาซา ได้หยิบยกจดหมายนักบุญเปาโลถึงชาวเธสะโลนิกาฉบับที่ 1 บทที่ 4 : 13 - 18 :
พี่น้องทั้งหลาย เราไม่อยากให้ท่านขาดความรู้ ความเข้าใจถึงเรื่องผู้ล่วงหลับ (ตามความเชื่อของคริสตชน
"ความตาย" คือ "การนอนหลับ" ในทำนองเดียวกัน "การกลับคืนชีพ" จึงเปรียบได้กับ "การตื่นจากหลับ") 
คือผู้ที่ตายไปแล้ว เพื่อท่านจะได้ไม่โศกเศร้าเหมือนคนอื่นที่ไม่มีความหวัง เราเชื่อว่าพระเยซูเจ้าสิ้นพระชนม์
และทรงกลับคืนพระชนม์ชีพ เราจึงเชื่อว่า พระเจ้าจะทรงนำบรรดาผู้หลับอยู่มากับพระองค์ โดยอาศัย
พระเยซูเจ้าเช่นเดียวกัน ตามพระวาจาขององค์พระผู้เป็นเจ้า เราขอ บอกท่านว่า เราผู้ยังมีชีวิตและรออยู่
จนถึงวันที่องค์พระผู้เป็นเจ้าจะเสด็จมา จะไม่ได้เปรียบบรรดาผู้ที่ล่วงหลับไปแล้ว ด้วยว่าองค์พระผู้เป็นเจ้า
จะเสด็จลงมาจากสวรรค์ตาม พระบัญชา เมื่อมีเสียงอัครเทวดาและเสียงแตรของพระเจ้า บรรดาผู้ตาย
ในพระคริสตเจ้าจะกลับคืนชีพก่อน ต่อจากนี้ เราผู้ยังมีชีวิตอยู่จะถูกรับขึ้นไปในกลุ่มเมฆพร้อมกับพวกเขา
ไปพบกับองค์พระผู้เป็นเจ้าในนภากาศ และเราจะได้อยู่กับองค์พระผู้เป็นเจ้าตลอดไป จงใช้ถ้อยคำเหล่านี้
ปลอบใจกันและกันเถิด]
(ก่อนบรรยายต่อไปนี้ ขอชี้แจงความเชื่อของชาวคาทอลิก 3 ข้อ
1. )สวรรค์ คือ สภาพของวิญญาณหลังความตาย มีความสุขกับพระผู้เป็นเจ้าบนสวรรค์นิรันดร
2. )นรก คือ สภาพของวิญญาณที่ทนทุกข์ทรมานในนรก เพราะจะไม่ได้อยู่กับพระเจ้า แต่อยู่กับปีศาจ
ตลอดนิรันดร
3.)ไฟชำระ คือ สภาพของวิญญาณหลังความตายยังไม่บริสุทธิ์ร้อยเปอร์เซนต์ ต้องชำระในไฟชั่วระยะ
เวลาหนึ่ง เพื่อชดเชยบาปเล็กน้อย จนกว่าจะบริสุทธิ์ แล้วจึงจะได้ไปสวรรค์)
เมื่อพระเยซูเสด็จมาครั้งที่ 2 นี้ จะเสด็จมาพร้อมกับขบวนของบรรดาชาวสวรรค์
(วิญญาณมนุษย์ผู้ชอบธรรม) จะทรงยับยั้งอยู่บนหมู่เมฆเพื่อรอรับ
1. วิญญาณที่กำลังถูกไฟชำระในไฟชำระ (Purgatory).พระผู้เป็นเจ้าจะทรงชำระวิญญาณเหล่านี้
ให้เข้มข้น และ รวดเร็วเพื่อโอกาสสำคัญนี้
2. ทรงรอรับบรรดาวิญญาณที่อยู่ในที่มืด (Limbo คือ สถานที่รวมของบรรดาวิญญาณผู้ชอบธรรมของ
ทุกศาสนาที่ยังไม่ได้รับศีลล้างบาป เมื่อตายไปวิญญาณจะถูกชำระในไฟชำระจนบริสุทธิ์ แล้วจึงมา
รวมกันในที่มืดนี้ ซึ่งจะไม่มีความทุกข์ แต่จะยังไม่ได้รับความสุขอย่างเต็มเปี่ยม เพราะยังไม่ได้เห็นพระเจ้า)
พระเยซูจะเป็นผู้นำมารับพวกเขาร่วมขบวนชาวสวรรค์ด้วย วิญญาณเหล่านี้เป็นวิญญาณล้วนๆ แต่จะมอง
เห็นได้เมื่อมาปรากฏบนโลก (อาจจะเป็นกายทิพย์?) เพื่อมาพบบรรดามนุษย์ที่ยังรอดเหลือบนโลก
(ผู้เป็น) เป็นคริสตชนที่ได้รับศีลล้างบาปแล้ว หรือศาสนิกศาสนาอื่นๆ แต่กลับใจยอมรับศีลล้างบาป
เมื่อขบวนของชาวสวรรค์สมทบกับวิญญาณจากไฟชำระและวิญญาณจากที่มืดดังกล่าว ยังยับยั้งอยู่
บนฟ้านภากาศกับพระเยซูอยู่นั้น บรรดาเทวดาก็จะรับมนุษย์ผู้ชอบธรรมที่ยังมีเนื้อหนัง แล้วยกขึ้นไป
พบพระเยซูบนกลุ่มเมฆ ในขณะเดียวกัน ทูตสวรรค์ของพระเจ้าอีกคณะหนึ่งก็จะจัดการกับมนุษย์ชั่วช้า
(ผู้เป็น) ที่ไม่ยอมกลับใจให้เป็นเหยื่อของแร้งและกาต่อไป แล้วพระเจ้าจะทรงเนรมิตผืนแผ่นดินขึ้น
มาใหม่ แล้วพระเยซูจะทรงนำกองทัพมนุษย์ที่ยังมีเนื้อมีกระดูกครบลงมายังแผ่นดินที่ถูกเนรมิต
พร้อมกับบรรดาชาวสวรรค์ แล้วพระเยซูจะทรงมอบที่ดินทำกิน เหมือนกับที่โมเสสได้แจกที่ดินทำ
กินแก่ทุกๆ เผ่าหลังจากอพยพจากอียิปต์

💞🌟💞 โปรดติดตามตอนต่อไปในวันพรุ่งนี้ 💞🌟💞
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 5937
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

ศุกร์ มี.ค. 24, 2023 7:50 pm

📗~ สู่สงครามมหาประลัย ~📗
เขียนโดย คุณสนธิ สารธรรม 👉 ตอนที่ ( 105 ))👈

✴️~ บทสรุปส่งท้าย ขอให้เราได้พบกัน ณ ฟ้าใหม่ แผ่นดินใหม่ (B) ~✴️
       
หลังจากนั้นช่วงระยะเวลาหนึ่ง พระเยซูพร้อมขบวนของชาวสวรรค์ก็อำลาชาวโลกสู่สวรรค์ เราชาวโลก
ที่มีบุญอยู่ในฟ้าใหม่แผ่นดินใหม่ จะใช้ชีวิตอย่างปกติสุข ไม่เบียดเบียนกัน เลี้ยงชีพด้วยเกษตรกรรม
แบบพอเพียง และประพฤติปฏิบัติตามบัญญัติแห่งความรัก คือ รักพระผู้เป็นเจ้าด้วยสิ้นสุดจิตใจ
และรักเพื่อนมนุษย์เหมือนรักตนเอง นี่ก็คืออาณาจักรของพระเจ้า หรือ สวรรค์ ณ แผ่นดินนั่นเอง
แม่พระเองก็ได้เผยถึงการเสด็จมาคั่นกลาง หรือ การเสด็จมาครั้งที่ 2 ของพระเยซู ผ่านบาทหลวง
สเตฟาโน กอบบี เมื่อปลายศตวรรษที่ 20 ว่าดังนี้ :
"การเสด็จมาครั้งที่ 2 ของพระบุตรด้วยพระสิริรุ่งโรจน์อลังการก่อนเสด็จมาครั้งสุดท้าย
เพื่อพิพากษามนุษย์ ซึ่งขณะนี้ยังเป็นความลับของพระบิดาอยู่"
******************
และคราวที่โป๊ป จอห์น พอล ที่ 2 เสด็จเยี่ยมประเทศเลบานอนอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่
11 พฤษภาคม 1997 โป๊ป จอห์น พอล ที่ 2 ได้ทรงแสดงพระธรรมเทศนาครั้งประวัติศาสตร์เป็นที่
ฮือฮาต่อชาวคริสต์เป็นอย่างมาก เพราะเป็นการเปิดเผยเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้
ผมจะขอตัดตอนบทเทศน์ของพระองค์มาส่วนหนึ่ง ดังนี้ :
"...ในพิธีมิสซาตอนหลังเสกศีล ผู้ร่วมพิธีจะกล่าวพร้อมกันว่า "พระคริสตเจ้าได้สิ้นพระชนม์
พระคริสตเจ้าทรงกลับคืนชีพ พระคริสตเจ้าจะเสด็จกลับมาอีก" (ไม่ใช่กลับมาอีกครั้งหนึ่ง) พระศาสนจักร
ทั้งมวล กำลังรอการเสด็จกลับมาของพระองค์จากตะวันออกจรดตะวันตก บรรดากุลธิดาของเลบานอน
กำลังรอการเสด็จกลับมาครั้งใหม่ของพระองค์ พวกเราทุกคนกำลังมีชีวิตในการมาถึงวันท้ายๆ ของ
ประวัติศาสตร์ และพวกเราทุกคนก็ขมีขมันที่จะเตรียมรับเสด็จพระคริสต์ผู้จะทรงสถาปนาพระอาณาจักร
ของพระเจ้า ซึ่งพระองค์ได้ทรงประกาศไว้" และอีกตอนหนึ่งของบทเทศน์ พระองค์ตรัสว่า "เมื่อพระเยซูเสด็จ
ขึ้นสวรรค์แล้ว พระนางมารีย์ได้รวบรวมบรรดาอัครสาวกให้ไปร่วมสวดภาวนาพร้อมกันบนห้องอาหารชั้นบน
ที่พระเยซูได้จัดเลี้ยงอาหารค่ำครั้งสุดท้าย เพื่อรอรับพระจิต ซึ่งพระเยซูได้ทรงสัญญาไว้ หลังจากเสด็จเข้า
เฝ้าพระบิดาแล้ว จะทรงส่งพระจิต องค์พละกำลังความกล้าหาญ ฉบับแบบอันนี้พระศาสนจักรก็ยังรำลึกถึง
ทุกปีในจารีต พิธีกรรม ซึ่งพระศาสนจักรจะสวดว่า : Veni Creator Spiritus เชิญเสด็จมาพระจิตเจ้าข้า
เชิญสถิตในดวงใจสัตบุรุษ และบันดาลให้เร่าร้อนด้วยความรักต่อพระองค์ โปรดส่งพระจิตของพระองค์
แล้วสรรพสิ่งจะอุบัติขึ้นมา แล้วพระองค์จะเนรมิตแผ่นดินขึ้นใหม่ เมื่อสวดถึงตรงนี้ อาตมภาพรู้สึกตื่นเต้น
สะเทือนใจเป็นที่สุด ขณะที่ย้ำบทสวดนี้ไปพร้อมๆ กับพระศาสนจักรสากลพร้อมๆ กับลูกๆ พี่ๆ น้องๆ
กุลบุตรและกุลธิดาแห่งเลบานอน พวกเราเชื่ออย่างมั่นคงว่า พระจิตองค์แห่งความศักดิ์สิทธิ์จะทรงเนรมิต
พื้นผิวโลกขึ้นใหม่ et renovabit pacem in terra และจะทรงเนรมิตสันติสุขขึ้นมาบนโลกมนุษย์
อันที่จริงมีบทสวดที่ชาวคาทอลิกสวดเป็นประจำทุกวัน ก็สวดเหมือนนกแก้วนกขุนทองเกี่ยวกับ
พระอาณาจักร คือ "ข้าแต่พระบิดาของข้าพเจ้าทั้งหลาย พระองค์สถิตในสวรรค์ พระนามของพระองค์
จงเป็นที่สักการะ พระอาณาจักรจงมาถึง พระประสงค์จงสำเร็จในแผ่นดินเหมือนในสวรรค์..." พวกเรา
วิงวอนให้อาณาจักรพระเจ้า อาณาจักรแห่งความดี อาณาจักรแห่งความสุข มาถึงหรือเกิดขึ้น ก็ต่อเมื่อ
มนุษย์เราผู้อาศัยอยู่บนแผ่นดินนี้ปฏิบัติตามพระประสงค์ของพระเจ้าผู้สถิตบนสวรรค์ ซึ่งมีพระประสงค์
ของพระเจ้าได้ถูกสั่งสอนจากพระเยซู พระบุตรผู้ถูกส่งมา ฉะนั้นเมื่อมนุษย์ทุกคนบนโลกปฏิบัติตามพระ
ประสงค์ของพระผู้เป็นเจ้า ผู้เป็นองค์ความดีสูงสุด เราก็จะเรียกว่า สวรรค์บนดิน หรือ อาณาจักรพระเจ้า
มาถึงแล้วนั่นเอง
สรุปแล้ว วลี "อาณาจักรของพระเจ้า" "อาณาจักรของพระเยซู" "โลกใหม่" "ยุคใหม่" "ยุคทอง"
"ยุคสันติสุข" "พันปีแห่งสันติสุข" "ฟ้าใหม่แผ่นดินใหม่" และ "สวรรค์บนดิน" ล้วนมีความหมายเดียวกันว่า
เป็นโลกที่พวกเรากำลังมีชีวิตอยู่ในปัจจุบันนี้นั่นเอง แต่จะถูกเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่อย่างมโหฬารเสียก่อน
ตามที่พระเยซูตรัสกับโป๊ป ปีโอ ที่ 12 เมื่อพระเยซูทรงปรากฏมาพบพระองค์ แล้วตรัสว่า "พวกท่านทั้งหลาย
จงสวดภาวนามากๆ เพราะว่าเหตุการณ์ยิ่งใหญ่กำลังสุกงอมบนพื้นโลก ทุกสิ่งทุกอย่างจะถูกเปลี่ยนแปลง
เพราะฉะนั้น โลกต้องเตรียมตัวที่จะต้อนรับอาณาจักรของเรา" หรือตามบทสวด "พระจิตเจ้า" ดังโป๊ป
จอห์น พอล ที่ 2 ได้ทรงหยิบยกมากล่าวคราวเสด็จเยี่ยมเลบานอนว่า "พระจิตองค์แห่งความศักดิ์สิทธิ์
จะทรงเนรมิตพื้นผิวโลกขึ้นมาใหม่"
******************
อันดับต่อไปจะขอหยิบยกสารของแม่พระเกี่ยวกับ "อาณาจักรพระเจ้า" ซึ่งบันทึกโดยบาทหลวง
สเตฟาโน กอบบี ตั้งแต่ปี 1973 - 1997
อาณาจักรอันรุ่งโรจน์ของพระคริสต์จะถูกนำหน้าด้วยความยากลำบากแสนสาหัส ซึ่งจะเป็น
เครื่องมือสำหรับชำระล้างพระศาสนจักรและโลก และเพื่อจะนำศาสนจักรและโลกไปสู่การฟื้นฟูอย่าง
สมบูรณ์
อาณาจักรอันรุ่งโรจน์ของพระคริสต์ซึ่งจะถูกตั้งขึ้นในท่ามกลางพวกเธอ ในวโรกาสที่พระเยซู
เสด็จมาครั้งที่ 2 อยู่ใกล้แค่เอื้อม นี่เป็นการเสด็จมาอย่างรุ่งโรจน์อลังการ เพื่อจะมาตั้งอาณาจักรท่าม
กลางพวกเธอ และเพื่อนำมนุษยชาติซึ่งได้รับการไถ่กู้ด้วยพระโลหิตอันประเสริฐสุดกลับมาสู่สถานภาพ
แห่งสวรรค์ ณ แผ่นดิน
พระจิตเจ้ามีภารกิจที่จะแปลงโฉมมนุษยชาติทั้งมวล และที่จะเนรมิตพื้นผิวโลกขึ้นมาใหม่ เพื่อว่า
จะได้กลายเป็นสวรรค์บนดิน ซึ่งพระเจ้าจะได้รับการเทิดพระเกียรติ  ได้รับความรัก และได้รับความชื่นชม
ยินดีจากมนุษย์ทุกคน
ปาฏิหาริย์แห่งความรักอันเปี่ยมด้วยเมตตาของพระเยซู กำลังจะสำเร็จสมบูรณ์ในยุคของพวกเธอ
เหตุการณ์นี้จะประกอบไปด้วยชัยชนะแห่งดวงใจบริสุทธิ์ของแม่ ผนวกกับชัยชนะอันยิ่งใหญ่แห่งความรัก
ความเมตตาของพระเยซู ซึ่งจะเปลี่ยนโลก และจะนำพวกเธอมาสู่ยุคใหม่แห่งความรัก ยุคใหม่แห่ง
ความศักดิ์สิทธิ์ และยุคใหม่แห่งสันติสุข
เมื่อบุตรแห่งมนุษย์ (หมายถึงพระเยซู เพราะ ประโยคนี้พระเยซูเป็นผู้ตรัส ซึ่งจะทรงเรียกพระองค์
เองว่า "บุตรแห่งมนุษย์" ทั้งๆ ที่พระองค์ก็ทรงเป็นบุตรพระเจ้าในขณะเดียวกันด้วย) จะกลับมา เขาจะยัง
พบความเชื่อบนโลกอยู่อีกหรือ? (ลูกา 18 : 8) พระเยซูจะเสด็จมาอย่างทันทีทันใด โลกจะไม่พร้อมที่จะ
ต้อนรับพระองค์ พระองค์จะเสด็จมาเพื่อการพิพากษาอย่างหนึ่ง ซึ่งในการพิพากษานี้ มนุษย์จะรู้สึกยัง
ไม่พร้อม หลังจากบรรดาศัตรูของพระองค์จะได้ถูกปราบแบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาดแล้วเท่านั้น

💞🌟💞 โปรดติดตามตอนต่อไปในวันพรุ่งนี้ 💞🌟💞
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 5937
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

ศุกร์ มี.ค. 24, 2023 7:59 pm

📗~ สู่สงครามมหาประลัย ~📗
เขียนโดย คุณสนธิ สารธรรม 👉 ตอนที่ ( 106 )👈
✴️~ บทสรุปส่งท้าย ขอให้เราได้พบกัน ณ ฟ้าใหม่ แผ่นดินใหม่ (C) ~✴️
        
  เมื่อพระเยซูได้ทรงตั้งอาณาจักรของพระองค์ท่ามกลางพวกเธอแล้วเท่านั้น มนุษยชาติก็จะ
ประสบสันติสุขอย่างสมบูรณ์ในที่สุด
ยุคใหม่ที่คอยท่าพวกเธออยู่นั้น จะเป็นการพบกันอย่างพิเศษสุดของความรัก ของแสงสว่าง
และของชีวิต ระหว่างสวรรค์  ซึ่งแม่กำลังเสวยสุขอย่างเต็มเปี่ยมพร้อมด้วยบรรดาเทวดาและนักบุญ
กับโลก ซึ่งพวกเธอกำลังมีชีวิตอยู่ท่ามกลางภยันตรายมากมาย และความวิปโยคโศกเศร้านานัปการ
พระบิดาจะทรงรับพระเกียรติมงคลสูงสุดจากสิ่งสร้าง ซึ่งสิ่งสร้างเหล่านี้ก็จะได้รับแสงสว่าง
ของพระองค์ ความรักของพระองค์ และความโชติช่วงชัชวาลแห่งพระเจ้าของพระองค์สะท้อนกลับมา
พระบุตร (พระเยซู) จะทรงสถาปนาอาณาจักรแห่งพระพรและความศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์
โดยปลดปล่อยมนุษยชาติจากความเป็นทาสของมารและของบาป
พระจิตจะทรงหลั่งพระพรอันศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์อย่างอุดมบริบูรณ์ จะนำมาซึ่งความเข้าใจ
อย่างถ่องแท้ถึงสัจธรรมทั้งมวล และจะทรงเนรมิตพื้นผิวโลกให้สวยงามตระการตา
ยุคใหม่ซึ่งกำลังประกาศให้พวกเธอรู้นี้ จะประจวบกับการทำให้น้ำพระทัยของพระเจ้าสำเร็จสมบูรณ์
และในที่สุด สิ่งซึ่งพระเยซูได้ทรงเคยสอนให้พวกเธออธิษฐานต่อพระบิดาเจ้าสวรรค์ ก็เป็นอันสัมฤทธิ์ผล
สมดังที่พวกเธอพร่ำสวดเสมอว่า "ขอให้ทุกสิ่งเป็นไปตามน้ำพระทัย ในแผ่นดินเหมือนในสวรรค์"
ยุคใหม่ เป็นห้วงเวลาซึ่งสรรพสัตว์พากันปฏิบัติตามน้ำพระทัยแห่งพระบิดา พระบุตร และพระจิต
การพร้อมใจกันปฏิบัติตามน้ำพระทัยพระเจ้าจะได้รับการฟื้นฟูไปทั่วโลก เพราะเหตุว่า พระเจ้าจะ
ทรงเนรมิตสวนเอเดนขึ้นมาใหม่ ณ ที่นี้ ซึ่งพระองค์จะเสด็จมาประทับ แบบมิตรสนิทสนมเป็นกันเองกับ
สิ่งสร้างของพระองค์
ยุคใหม่ซึ่งแม่กำลังเตรียมไว้ให้พวกเธอ จะประจวบกับเหตุการณ์การพ่ายแพ้ของซาตาน และการ
ครองโลกของมัน
อำนาจของมันจะถูกทำลายอย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด ซาตานจะถูกพันธการกับจิตชั่วร้ายทั้งหลาย
และถูกขังไว้ในขุมนรก ซึ่งพวกมันจะไม่สามารถออกมาทำร้ายใครในโลกได้
ในโลกนี้ พระเยซูจะทรงครองราชย์ในความโชติช่วงชัชวาลแห่งพระวรกายทิพย์อันรุ่งเรืองอลังการ
และดวงหทัยนิรมลของพระแม่เจ้าสวรรค์ของพวกเธอก็จะฉลองชัยชนะด้วยแสงสว่างแห่งพระวรกายของ
พระนางที่ได้รับเกียรติเชิดชูในสวรรค์ชั้นวิมานสูงสุด
*********************
ลองมาฟังการเผยแสดงของพระเยซูแก่ผู้หญิงธรรมดาๆ คนหนึ่ง ที่ไม่ค่อยประสีประสาทางศาสนา
เอาเลย พระองค์เจาะจงใช้คนประเภทนี้ เพื่อให้เราเข้าใจว่าสิ่งที่เธอจะถ่ายทอดให้เรานั้น มิใช่จากสมอง
ของเธอ แต่มาจากพระองค์เอง เชิญติดตามได้เลยครับ :
วาสสุลา ไรเดน (Vassula Ryden) เกิดปี 1942 ณ ประเทศอียิปต์ จากพ่อแม่ชาวกรีก นับถือศาสนา
คริสต์นิกายออร์โธด็อกซ์ แต่งงานกับชาวสวีเดน นับถือศาสนาคริสต์นิกายลูเทอรัน วันหนึ่งในปี 1985
ขณะกำลังหยิบดินสอจะเขียนรายการสิ่งของที่ตั้งใจจะออกไปซื้อที่ซุปเปอร์มาร์เก็ต ก็เกิดรู้สึกมีอะไรไหว
ในตัวเอง และมือก็รู้สึกหนักเหมือนถูกแม่เหล็กดูดให้เธอเขียนลงบนกระดาษ และมีข้อความออกมาว่า
ฉันเป็นเทวดาประจำตัวของเธอ ฉันชื่อดาเนียล แล้วแจ้งความประสงค์ว่าพระเยซูต้องการให้เธอเป็น
เครื่องมือในการบันทึกสารเพื่อแจ้งแก่ชาวโลก  แล้วเทวดาก็ชำระล้างจิตใจของเธอเป็นเวลา 3 เดือน
หลังจากนั้น พระเยซูและแม่พระก็ฟื้นฟูจิตใจของเธอเป็นเวลาเกือบปี แล้วเธอก็เริ่มบันทึกใน
วันที่ 20 กันยายน 1986 เธอเล่ารายละเอียดตอนหนึ่งว่า ขณะที่เธอบันทึกตามคำบอกของพระเยซู
เธอก็เห็นพระเยซูในอิริยาบทต่างๆ ในนิมิตของเธอ หากแม่พระปรากฏมาในนิมิต ก็จะได้ยินเสียงของ
แม่พระต่างไปจากของพระเยซู เธอบันทึก
ข้อความต่างๆ รวมได้ 10 เล่ม (หนาเล่มละประมาณ 200 หน้า) ด้วยลายมือของเธอเอง เธอมีความรู้ทาง
ศาสนาน้อยมาก แทบจะกล่าวได้ว่าไม่มีเลยก็ว่าได้ แต่ข้อความที่เธอบันทึกล้วนเป็นธรรมะ และคำสอน
ชั้นสูงส่งลึกซึ้ง และสอดคล้องกับพระคัมภีร์ทุกถ้อยกระทงความอย่างเหลือเชื่อ ทั้งนี้ได้มีการตรวจสอบจาก
นักเทวศาสตร์ หรือจากสงฆ์ชั้นผู้ใหญ่มาแล้ว สรุปผลออกมาแล้วว่าเป็นการเผยแสดง (Private revelation)
จากพระเยซูเป็นการส่วนตัวอย่างแท้จริง ขณะนี้เธอกำลังเดินทางไปทั่วโลกเพื่อมอบสารของพระเยซูและ
แม่พระ เมื่อเร็วๆ นี้ เธอได้ไปฟิลิปปินส์ และแวะที่สนามบินดอนเมืองด้วย จะขอหยิบยกบันทึกบางตอน
ของเธอ จากพระเยซูเป็นส่วนใหญ่ และจากแม่พระด้วย
วันสิ้นยุค ขยับเข้ามาใกล้กว่าที่ลูกคิด เร็วๆ นี้แหละ... เพราะถ้าปราศจากไฟ สภาพของโลกปัจจุบัน
จะไม่สามารถเปลี่ยนไปได้...เมื่อวันแห่งการชำระล้างมาถึง จะมีคนมากมายเศร้าเสียใจถึงกับตาย...
พวกฟรีเมซอนเป็นศัตรูแท้จริงของพระศาสนจักร...จงเชื่อฟังโป๊ป จอห์น พอล ที่ 2 ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น
จงซื่อสัตย์ต่อพระองค์ และจงออกห่างจากใครก็ตามที่คิดจะเป็นกบฏต่อพระองค์...เรารู้สึกสุดแสนจะ
เศร้าเสียใจเพราะการทรยศ และการทิ้งความเชื่อกำลังปกคลุมพระศาสนจักรยิ่งทียิ่งมากขึ้น เจ้าตัวชั่วช้า
กำลังเหยียบย่ำเรา และกำลังต้องการยกเลิกพิธีบูชามิสซาออกไปอย่างสิ้นเชิง หนึ่งในพวกมันที่อยู่ใต้
หลังคาของเรากำลังทรยศเรา เขาประกาศสันติภาพ แต่เขามุ่งหาแต่ความชั่วเท่านั้น เขาโยนกำยาน
แต่นั่นก็คือการเรียกซาตานเพื่อได้อำนาจมากขึ้นเท่านั้น... มันกำลังเกิดขึ้น รู้สึกว่าเธอไม่ค่อยจะเข้าใจ
มันพร้อมด้วยสมุนของมันตั้งใจที่จะขึ้นบัลลังก์ของเรา จะปกครองโลกโดยอาศัยเสื้อคลุมของนักบวช...
ขณะนี้มีเสียงร่ำไห้ของบรรดาเทวดาแล้ว ชาวสวรรค์ยังสั่นสะท้านเมื่อรู้ว่าอะไรกำลังจะเกิด แม้พวกปีศาจ
ยังขนหัวลุกและตัวซีดตัวสั่น...เจ้าศัตรูที่เคยประกาศว่ามันใหญ่กว่าทุกสิ่งที่มีคนกราบไหว้ มันเองจะขึ้น
บัลลังก์ในพระศาสนจักรของเรา มันกำลังมุ่งหน้ามาแล้ว พร้อมบ่วงในมือเตรียมพร้อมที่จะคล้องคอผู้นำ
(โป๊ป จอห์น พอล ที่ 2) ซึ่งเราเองเป็นผู้แต่งตั้ง พระองค์พยายามจะยับยั้งต่อการกบฏมิให้ระเบิดออกมา
พระองค์สุขุมและกล้าหาญ พระองค์ยอมทุ่มเทชีวิตทั้งหมดเป็นเหมือนเครื่องบูชา
ความลับฟาติมา ข้อที่ 3 เมื่อปีที่ 1917 แม่พระได้ปรากฏมาพบเด็กเลี้ยงแกะ 3 คนที่ตำบลฟาติมา
โปรตุเกส โดยมอบสาร 3 ข้อแก่เด็กๆ สารข้อที่ 1 และสารข้อที่ 2 เกี่ยวกับสงครามโลกครั้งที่ 1 และครั้งที่ 2
ส่วนสารข้อที่ 3 แม่พระบอกว่าให้เก็บไว้เป็นความลับก่อน จนกว่าจะถึงปี 1960 จึงค่อยเปิดเผยเพราะจะ
เข้าใจแจ่มแจ้งกว่า (คือให้พ้นปี 1945 ซึ่งเป็นปีที่สงครามโลกครั้งที่ 2 จะสิ้นสุด เพราะญี่ปุ่นถูกถล่มด้วย
ระเบิดปรมาณูจนต้องยกธงขาว) ครั้นถึงปี 1960 โป๊ป จอห์น ที่ 23 ก็ยังมิกล้าเปิดเผยความลับข้อที่ 3
ล่วงเลยมาถึงปี 2000 โป๊ป จอห์น พอล ที่ 2 ทนรบเร้าไม่ได้จึงยอมเปิดเผยบางส่วน ใจความย่อๆ ว่า ;
โป๊ปองค์หนึ่งต้องเดินผ่านซากตึกที่ปรักหักพัง และซากศพของบรรดา พระสงฆ์ พระสังฆราช พระคาร์ดินัล
พร้อมด้วยนักบวชชายหญิงอีกเป็นจำนวนมาก พระองค์ก็สวดพึมพำเพื่ออุทิศแก่วิญญาณของผู้เสียชีวิต
ขณะคุกเข่าสวดที่เชิงเขาที่มีกางเขนไม้ปักอยู่ ก็ถูกปลงพระชนม์ด้วยกระสุนปืนจากกลุ่มทหาร
แล้วยังมีการสังหารกันด้วยลูกศรจากคันธนูด้วย

💞🌟💞 โปรดติดตามตอนต่อไปในวันพรุ่งนี้ 💞🌟💞
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 5937
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

ศุกร์ มี.ค. 24, 2023 8:08 pm

📗~ สู่สงครามมหาประลัย ~📗
เขียนโดย คุณสนธิ สารธรรม 👉 ตอนที่ (107 )👈

✴️~ บทสรุปส่งท้าย ขอให้เราได้พบกัน ณ ฟ้าใหม่ แผ่นดินใหม่ (D) ~✴️
        
  ผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับความลับฟาติมาข้อที่ 3 นี้ ตีความว่าเป็นเหตุการณ์ของสงครามโลกครั้งที่ 3
ฉะนั้น โป๊ป ฟรานซิส จึงมักกล่าวบ่อยๆ ว่า สงครามโลกครั้งที่ 3 จะเกิดขึ้นหลายๆ จุดก่อนแล้วจะ
กลายเป็นสงครามใหญ่ เช่นเมื่อปลายปี 2015 ที่เกิดการถล่มกันที่ตะวันออกกลาง ชายแดนตุรกี
และซีเรีย และที่อื่นๆ เป็นระยะๆ ต่อเนื่องกันมา
ส่วนประโยคที่ว่า "สังหารกันด้วยลูกศรจากคันธนู" นั้น เป็นการหยิบยกคำพูดของไอน์สไตน์
นักวิทยาศาสตร์ ผู้ค้นคิดระเบิดปรมาณู เมื่อมีคนถามท่านว่า "สงครามโลกครั้งที่ 3 จะรุนแรงขนาดไหน"
ท่านไม่ขอตอบ ท่านกลับตอบว่า หากจะเกิดสงครามครั้งต่อไป คนจะสู้รบกันด้วยลูกศรจากคันธนู
นี่ก็แปลว่า สงครามโลกครั้งที่ 3 นั้น จะถล่มกันด้วยระเบิดนิวเคลียร์ ผู้คนจะรอดเหลือน้อยมาก แล้ว
จะเข้าป่าเข้าดงใช้ชีวิตแบบดั้งเดิม นั่นก็คือ จะสู้รบกันด้วยลูกศรและคันธนู หรือทุ่มกันด้วยก้อนหิน
ฉะนั้น สงครามโลกครั้งที่ 3 จะเป็นสงครามมหาประลัยโดยแท้ ซึ่งสอดคล้องกับพระธรรมวิวรณ์บทที่ 16
ที่มีระบุคำว่า อาร์มาเกดดอน (Armageddon) อันเป็นชื่อตำบลหนึ่งในอิสราเอล ถูกนำมาใช้ใน
พระธรรมวิวรณ์ ซึ่งใช้เรียกสงครามหาประลัยครั้งสุดท้าย ถือเป็นสงครามล้างโลก เรียกว่า "สงคราม
ในวันยิ่งใหญ่ของพระเจ้าผู้ทรงฤทธานุภาพสูงสุด" สงครามครั้งนี้ ที่ระบุในรหัสพระคัมภีร์จะต่อสู้กันด้วย
อาวุธมหาประลัยที่จะทำลายล้างโลกอย่างที่ไม่เคยมีสงครามครั้งใดใช้มาก่อน สงครามโลกครั้งที่ 2
จบลงด้วยการถล่มฮิโรชิมา แต่ครั้งนี้จะมีอาวุธนิวเคลียร์อย่างน้อยที่สุด 50,000 ชิ้น นับตั้งแต่กระสุนปืน
ใหญ่ปรมาณู ไปจนถึงขีปนาวุธชนิดหัวกระสุนติดดินระเบิดขนาดต่างๆ (Multiple warhead ballistie missles)
อาวุธแต่ละชนิดสามารถทำลายเมืองได้ทั้งเมือง โลกใบนี้จะถูกลบหายไปกลายเป็นจุณ ภายใน 2 - 3 ชั่วโมง
สงครามโลกครั้งที่ 3 จะเป็นสงคราม - ล้าง - โลก (Armageddon) ตามตัวอักษรอย่างแท้จริง
*********************
แม่พระคาราบันดัล สเปน ผมจัดทัวร์ท่องเที่ยวและแสวงบุญมาเกือบ 30 ปี จุดที่ไปเป็นประจำ
ก็คือ อิสราเอล อิตาลี วาติกัน ฝรั่งเศส สเปน และ โปรตุเกส ที่โปรตุเกสจะไม่เคยขาดไปจากรายการเลย
เพราะชาวคาทอลิกทุกคนมีความศรัทธาเป็นพิเศษต่อแม่พระฟาติมา ซึ่งมีสักการสถานแม่พระที่ใหญ่โ
ตมาก อยู่ทางทิศเหนือของกรุงลิสบอน แค่ 150 กม. ส่วนสเปนเป็นแค่ทางผ่าน  ไม่ค่อยมีจุดที่น่าสนใจ
สำหรับผู้แสวงบุญนัก แต่สำหรับตัวผมเองที่ต้องขวนขวายหาคำทำนายต่างๆ มาเสนอให้แฟนไทยโพสต์
"หน้า 4" ได้พบคำทำนายของแม่พระคาราบันดัล แห่งเมืองซานตานเดร์ ประเทศสเปน เห็นว่าน่าสนใจ
จึงต้องดั้นด้นไปพร้อมกับผู้แสวงบุญที่สนิทสนมกันเป็นพิเศษ และมีความศรัทธาต่อพระแม่มารีย์มากๆ
รวบรวมได้ราวสิบคน ก็เห็นว่าเป็นทางที่ค่อนข้างกันดาร ต้องขึ้นเขาลงห้วยกันทีเดียวซึ่งไม่เหมาะที่จะ
จัดแสวงบุญสำหรับคนทั่วไปนัก
ผมจึงขอเสนอสารของ แม่พระคาราบันดัล ซึ่งมีความสำคัญรองลงมาจากสารข้อที่ 3 ของแม่พระฟาติมา
เพียงเล็กน้อย
มีเหตุผลอะไรที่ทำให้แม่พระต้องปรากฏมาพบเด็กที่คาราบันดัล ในปี 1961 คำตอบก็คือ คราวที่
แม่พระได้มอบสาร 3 ข้อ สารข้อที่ 3 หรือที่เรียกกันว่า ความลับข้อที่ 3 แห่งฟาติมานั้น แม่พระสั่งให้
เปิดเผยได้ในปี 1960 แต่พระสันตะปาปาในขณะนั้นไม่ยอมเปิดเผย แม่พระจึงปรากฏมาที่คาราบันดัล
มอบสารให้เด็กหญิง 4 คน ในวันที่ 4 กรกฎาคม 1961 แม่พระเผยสารข้อหนึ่งสำหรับโลก ดังนี้ :
"จะต้องทำพลีกรรมให้มากขึ้น ใช้โทษบาปให้มากขึ้น แต่เหนือสิ่งอื่นใด จะต้องเป็นคนดี หากไม่
ทำสิ่งนี้ การลงโทษจะรออยู่ข้างหน้า

เนื่องจากสารของวันที่ 18 มิถุนายน 1965 ของแม่พระไม่ได้รับการปฏิบัติตาม และไม่ได้เผยแพร่
ไปทั่วโลก แม่พระบอก : นี่เป็นสารสุดท้าย ก่อนหน้านี้ถ้วย (แห่งพระพิโรธ) กำลังจะเต็ม แต่ขณะนี้ มันล้น
ถ้วยแล้ว : คาร์ดินัล สังฆราช และพระสงฆ์มากมายกำลังเดินไปบนเส้นทางแห่งความหายนะ และพวกเขา
ได้นำวิญญาณมากมายไปด้วย
การให้ความสำคัญต่อศีลมหาสนิทน้อยลงทุกขณะ เราควรหลีกเลี่ยงพระพิโรธของพระเจ้าด้วย
ความเพียรพยายามอยู่ในความดี
"หากลูกขอโทษอย่างจริงใจ พระองค์จะทรงให้อภัย ขอให้วิงวอนผ่านแม่และท่านไมเคิล แม่และ
ท่านไมเคิลต้องการบอกลูกให้ปรับปรุงตัวเสียใหม่ แม่ขอบอกลูกๆ ว่า เราอยู่ในสัญญาณเตือนครั้งสุ
ดท้ายแล้ว แม่รักลูก และไม่อยากให้ลูกต้องพินาศ ขอให้ลูกๆ วอนขอแม่ แล้วแม่จะจัดการให้ลูก ขอให้ลูก
ทำพลีกรรมให้มากขึ้น จงคิดถึงพระมหาทรมานของพระเยซูเจ้า"
เหตุการณ์สำคัญ 3 ประการ กำลังจะเกิดขึ้น
เด็กหญิง 4 คน ผู้เห็นแม่พระได้แจ้งให้เราทราบถึงเหตุการณ์สำคัญและเหนือธรรมชาติจะเกิดขึ้น
ที่คาราบันดัล ซึ่งถ้าเหตุการณ์เหล่านี้เกิดขึ้นจริง สิ่งที่แม่พระได้บอกไว้ล่วงหน้าก็จะเป็นการยืนยันว่า
แม่พระได้ปรากฏตัวมาที่คาราบันดัลจริง
1. สัญญาณเตือน เหตุการณ์แรกจะเป็นการเตือนที่มาจากพระเจ้าแก่มนุษย์ทุกคนบนโลก คอนชิตา
ได้บันทึกในวันที่ 1 มกราคม 1965 ว่า "แม่พระบอกว่าการเตือนนี้จะมีไปถึงมนุษย์ทุกคนว่าก่อนจะ
เกิดปาฏิหาริย์ เพื่อว่าโลกจะได้ปรับปรุงตัวเอง สัญญาณเตือนจะมาโดยตรงจากพระเจ้า และมองเห็น
ได้จากทั่วโลก แม่พระพยายามบอกใบ้ว่า อาจเกิดบนท้องฟ้า เช่น ดาว 2 ดวงชนกัน จะก่อให้เกิด
เสียงกัมปนาทกึกก้องไปทั่วโลก เกิดแสงจ้า สว่างไสว ทุกคนจะมองเห็น และจะสำนึกถึงบาปที่ได้
กระทำให้เคืองพระทัยพระเจ้า จะได้ไปเตือนคนอื่นด้วย ไม่มีผู้ใดจะยับยั้งสัญญาณเตือนนี้ได้
ขณะที่เกิด เหตุการณ์นี้ ทุกสิ่งทุกอย่างจะชะงัก 3 - 4 วินาที แม้กระทั่งเครื่องบินที่กำลังบินอยู่บนท้องฟ้า
แม่พระอธิบายถึงสัญญาณเตือนนี้ว่าเป็นเสมือนการพิพากษาย่อย มีความมุ่งหมายที่จะดึงให้ใกล้ชิด
พระเจ้า จะได้ไปเตือนคนอื่นด้วย แล้วแม่พระยังบอกใบ้อีกว่า สัญญาณเตือนนี้เป็นปรากฏการณ์ที่เริ่มต้น
ด้วยตัวอักษร "A" มีผู้สันทัดกรณีได้แสดงความเห็นว่าน่าจะเป็น Asteroid คือ ดาวเคราะห์น้อยมากมาย
ที่หมุนรอบดวงอาทิตย์ หากตกลงมายังพื้นโลก เราก็เรียก อุกกาบาต
สัญญาณเตือน คือ เหตุการณ์ซึ่งจะทำให้มนุษย์ทุกคนได้เห็นสภาพของวิญญาณของตนเอง 
นี่คือหนึ่งในเมตตากิจครั้งสุดท้ายจากสวรรค์ เพื่อให้โอกาสเปลี่ยนทิศทางและเป้าหมายในชีวิต
ด้วยความรักและพระเมตตาอันไม่รู้จบขององค์พระผู้เป็นเจ้าที่ทรงมีต่อมนุษย์ พระองค์จึงให้
โอกาสประชากรของพระองค์ปรับปรุงตนเองอยู่เสมอ หลักฐานจากแหล่งต่างๆ พระศาสนจักรทุกวันนี้
บ่งบอกว่า วันสะสางบัญชีจะมาถึงในไม่ช้านี้ ในทำนองเดียวกันที่ประกาศก อามอส เยเรมีร์ และอิสยาห์
เตือนประชากรในยุคของท่านถึงการลงโทษที่จะเกิดขึ้น พวกเราก็จะถูกเตือนโดยประกาศกในยุคของเราว่า
เหตุการณ์สะเทือนโลกจะเกิดขึ้นในไม่ช้านี้ สัญญาณเตือนจะเป็นเหตุการณ์ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์
ของพระศาสนจัก คาราบันดัล คือกุญแจ

💞🌟💞 โปรดติดตามตอนต่อไปในวันพรุ่งนี้ 💞🌟💞
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 5937
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

ศุกร์ มี.ค. 24, 2023 8:33 pm

📗~ สู่สงครามมหาประลัย ~📗
เขียนโดย คุณสนธิ สารธรรม 👉 ตอนที่ ( 108 )(ตอนจบ) 👈

✴️~ บทสรุปส่งท้าย ขอให้เราได้พบกัน ณ ฟ้าใหม่ แผ่นดินใหม่ (E) ~✴️
         
สัญญาณเตือน คือ เครื่องหมายสำหรับอนาคต เป็นจุดหักเหครั้งสำคัญในประวัติศาสตร์โลก
และคงเป็นเครื่องหมายที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในทุกกาลสมัย สัญญาณเตือนจะครอบคลุมไปทั่วโลก
และปาฏิหาริย์ครั้งยิ่งใหญ่จะเป็นความช่วยเหลือที่สำคัญกว่าเพราะจะส่งผลกระทบมากกว่า
เพราะจะส่งผล กระทบต่อชายหญิง และเด็กทุกคนบนโลกมนุษย์ สัญญาณเตือนจะเตรียมใจ
ประชากรโลกเพื่อรับสารจากพระวจนะ และเตรียมตัวทุกคนเพื่อรับพระเยซูและชีวิตจาก
พระองค์ด้วย สัญญาณเตือนนี้ เราจะตระหนักถึงบาปของตนเอง เราจะรู้ว่าเราต้องการพระผู้ไถ่
หากเราไม่ตระหนักถึงบาปของเรา  เราก็ย่อมไม่เข้าใจว่า เราต้องการพระเยซูและการอภัยโทษ
ของพระองค์มากเพียงไร
สัญญาณเตือนเป็นความช่วยเหลือโดยตรงจากองค์พระผู้เป็นเจ้า สัญญาณเตือนนี้แสดงถึง
ความรักอันลึกซึ้งที่พระองค์มีต่อเรา ไม่เคยที่พระเจ้าจะทรงกระทำการใดโดยตรงและทั่วถึงเช่นนี้
เพื่อทำให้ทุกคนในโลกได้รับรู้ในบาปของตนเองต่อความศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์ ไม่เคยปรากฏมา
ก่อนเลยในประวัติศาสตร์ที่พระองค์ได้กระทำสิ่งใดด้วยฤทธานุภาพ ความเที่ยงตรงอย่างฉับพลัน
เช่นนี้ แต่เวลากำลังจะหมดไปแล้ว ยุคปัจจุบันกำลังจะสิ้นสุดลง และเราได้รับคำสัญญาว่าจะได้ยุคใหม่
แห่งสันติสุข สัญญาณเตือนจะเป็นเครื่องหมายชัดเจนประการแรกที่จะบ่งบอกว่า ยุคเก่ากำลังจะสิ้น
สุดลงพระเจ้าไม่ทรงปรารถนาให้เราอยู่ในกลุ่มคนที่ไม่ยอมกลับใจทันเวลา พระองค์ไม่เคยปรารถนา
ให้วิญญาณของลูกน้อยๆ ของพระองค์แม้แต่คนเดียวต้องพินาศไป
เมื่อประมวลเหตุการณ์แล้ว สรุปได้ว่า : จะเกิดมืด 2 ช่วง ช่วงแรกจะเกิดตอนสัญญาณเตือนเป็น
เวลา 3 ชั่วโมง และในช่วงที่ 2 จะเกิดตอนมีการลงทัณฑ์ เป็นเวลา 3 วัน 3 คืน และมารีโลลี บอกว่า
สัญญาณเตือนนี้จะเกิดขึ้น 1 ปี ก่อนการเกิดปาฏิหาริย์ มารีโลลีไม่รู้ว่าสัญญาณเตือนนี้จะเกิดวันไหน
แต่จะรู้ว่าเกิดปีไหน แล้วเธอยังบอกอีกว่า แม่พระให้สังเกตว่า "จะเป็นเวลาที่ดูเหมือนว่าพระศาสนจักร
จะล่มสลาย เมื่อพระสงฆ์ มีความยากลำบากในการถวายบูชามิสซา หรือในการพูดเรื่องศักดิ์สิทธิ์
เรื่องศรัทธา เวลานั้นจะมาถึง เมื่อพระศาสนจักรให้ความรู้สึกว่ากำลังจะถึงจุดหายนะ จะต้องผ่าน
การทดสอบที่น่ากลัว"
เมื่อเธอถามแม่พระว่า "จะเกิดอย่างไร?" แม่พระก็ตอบเพียงว่า "คอมมิวนิสต์"
2. ปาฏิหาริย์ แม่พระสัญญาว่า ปาฏิหาริย์จะเกิดขึ้นที่ทิวสนในวันพฤหัสบดี เวลา 20.30 น.
ระหว่างวันที่ 8 - 16 ระหว่างเดือน มีนาคม เมษายน พฤษภาคม ซึ่งจะเป็นวันฉลองมรณสักขีหนุ่ม
ผู้ศรัทธาในศีลมหาสนิท
ที่สุดก็ค้นคว้าหามาได้ว่า นักบุญมรณสักขีหนุ่มผู้ศรัทธาในศีลมหาสนิทคือ นักบุญปันกราส
หรือ ปังกราสิโอ ในภาษาอิตาลี ตามปฏิทินคาทอลิก วันฉลองของท่านตกวันที่ 12 พฤษภาคม
แม่พระได้บอกใบ้ว่า ปาฏิหาริย์จะเกิดในวันพฤหัสบดี เมื่อดูปฏิทิน 200 ปี ของคุณมงคล กริชติทายาวุธ
ก็พบว่าวันที่ 12 พฤษภาคม ที่เป็นวันพฤหัสบดีจะตกในปี ค.ศ. 2022 ซึ่งจะเกิดปาฏิหาริย์ แต่มารีโลลี
ได้บอกว่าสัญญาณเตือนจะเกิดขึ้น 1 ปีก่อนปาฏิหาริย์ ฉะนั้น ตั้งแต่วันที่ 12 พฤษภาคม ปี ค.ศ. 2021
เป็นต้นไปก็ให้สังเกตว่าจะเกิดอะไรขึ้นบนท้องฟ้า?
"ปาฏิหาริย์" ที่แม่พระบอก พอจะประมวลได้ว่าเป็นเสาเมฆหากดูตอนกลางวัน หากดูตอนกลางคืน
จะเป็นเสาไฟจะลุกแต่ไม่ไหม้ เสานี้จะเป็นรูปกางเขน จะเกิดเหนือต้นสนที่แม่พระเคยปรากฏมาที่
คาราบันดัล เครื่องหมายกางเขนนี้จะคงอยู่ตลอดไป ทุกคนในหมู่บ้านและทิวเขาโดยรอบจะมองเห็นได้
คนเจ็บ คนป่วยที่อยู่ในบริเวณนั้นจะหายป่วยจากโรคอย่างปาฏิหาริย์ คนบาป คนไม่เชื่อในพระเจ้าจะ
กลับใจ รัสเซียจะกลับใจหลังปาฏิหาริย์นี้ โป๊ปจะเห็นปรากฏการณ์ไม่ว่าพระองค์จะประทับอยู่ ณ ที่ใดก็ตาม
3. การลงทัณฑ์ ในเดือนกรกฎาคม 1962 คอนชิตา มารีโลลี และยาชินทา ได้เห็นนิมิตว่า การลงทัณฑ์นั้น
จะมีสภาพเป็นอย่างไร แม่พระบอกเด็กทั้ง 3 นี้ว่า "ถ้าเราไม่ฟังการเตือนนี้ และมนุษยชาติไม่เปลี่ยนแปลง
หลังการเตือนและปาฏิหาริย์ที่สวนสน พระเจ้าจะส่งการลงทัณฑ์มาแน่ ในการพรรณนาถึงการลงทัณฑ์นั้น
มาโลลี กล่าวว่า "มันแย่ยิ่งกว่าไฟสุมหัวเราเสียอีก ไฟข้างใต้ ไฟรอบตัวเรา เธอเห็นผู้คนทิ้งตัวลงไปในทะล
แต่แทนที่ไฟจะดับ กลับยิ่งทำให้ไหม้หนักขึ้นอีก"
จากคำพูดของมารีโลลี พอจะอนุมานได้ว่า การลงทัณฑ์นั้นก็คือสงครามโลกครั้งที่ 3 นั่นเอง
โดยการเทียบเคียงตัวเลขจากพระธรรมวิวรณ์ที่ว่า แอนตี้ไครสต์ จะเบียดเบียนพระศาสนจักรโดยเถลิง
อำนาจเป็นเผด็จการโลกเป็นเวลา 3 ปีครึ่ง ถ้านับจาก "ปาฏิหาริย์" ปี 2022 ไปอีก 3 ปีครึ่ง จนถึงปี 2025
ซึ่งเป็นตัวเลขที่นอสตราดามุสบอกไว้ว่า ปี 2025 ณ วันที่ 2 มิถุนายน จะเป็นวันสิ้นยุค ก็แปลว่าพระเยซู
ปราบแอนตี้ไครสต์ ศัตรูของพระศาสนจักรสำเร็จเสร็จสิ้น แล้วจะนำผู้รอดเหลือเข้าไปอยู่
ใน ฟ้าใหม่ แผ่นดินใหม่
********************
ระหว่างสงครามอ่าวเปอร์เซียในปี 1990 ได้เกิดแรงบันดาลใจให้ผมอยากจะแปล นอสตราดามุส
กะเขาบ้าง จนในที่สุดไปพบกุญแจของนอสตราดามุสว่า โลกเราจะลงเอยอย่างไร ด้วยความมุ่งมั่นอดทน
จนได้ผลเป็นที่น่าพอใจ หลังจากอดตาหลับขับตานอนกว่า 20 ปี จึงขอเสนอผลงานย่นย่อดังนี้
🔸 มนุษยชาติยุควัตถุนิยม 7000 ปี กลียุค 20
🔸 อายุของอาดัมก่อน ค.ศ. 4996
🔸 เริ่มกลียุค ค.ศ. 2004
🔸 ยุคสันติสุขหรือยุคฟ้าใหม่แผ่นดินใหม่ 952 ปี (ยุคจิตนิยม)
🔸 สิ้นสุดวัตถุนิยม ค.ศ. 2025 ณ วันที่ 2 มิถุนายน
🔸 สิ้นสุดยุคสันติสุข ค.ศ. 2977 (สิ้นสุดคำพยากรณ์นอสตราดามุส)
🔸 สงครามโลกครั้งที่ 3 จะมี 2 ช่วง ช่วงแรกจะยาวนานเกือบ 11 ปี และช่วงท้ายๆ อีก 3 ปี ที่มี
ความเข้มข้นตามพระวิวรณ์
ความลับฟาติมาข้อที่ 3 ที่ยังมิได้เปิดเผยนั้นถูกสืบเสาะมาได้โดยบาทหลวง พอล เครเมอร์ คือ
พวกคอมมิวนิสต์จะมีชัยชนะเหนือประเทศตะวันตก โดยการยิงจรวดใส่ชายฝั่งอเมริกาเหนือจากรัสเซีย
และจีน แล้ว "สัตว์นรกจะปกครองโลก"
หวังว่า "สู่สงครามมหาประลัย" คงจะเป็นปัจจัยหนึ่งที่จะกระตุ้นให้ท่านผู้อ่านรู้สึกกระตือรือร้นที่
จะแสวงหาความรู้ใหม่ๆ เช่นเดียวกับผู้เขียนที่พยายามค้นคว้าหาแหล่งความรู้ใหม่ๆ เหล่านั้นโดยไม่
คำนึงถึงความยากลำบาก เพราะมิใช่เพื่อความสะใจแก่ความอยากรู้อยากเห็นของผู้เขียนเท่านั้น
แต่อยากให้ท่านผู้อ่านได้เห็นแนวทางที่จะดำเนินชีวิตที่ราบรื่น สู่จุดหมายปลายทางซึ่งอยู่ใกล้แค่เอื้อม
แล้วจริงๆ และสุดยอดของความหวังของผู้เขียนคือ เราจะมีชีวิตที่เราได้ใฝ่ฝันไว้ว่าจะมีความสุข
สุดพรรณนา ณ "ฟ้าใหม่ แผ่นดินใหม่"

******* จบบริบูรณ์ *****
ตอบกลับโพส