“พระบิดาตรัสกับลูกๆของพระองค์” (ตอนที่1-10)

ใครมาใหม่เชิญทางนี้ก่อน ทักทาย ทดลองโพส
ตอบกลับโพส
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 5937
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

พฤหัสฯ. มี.ค. 30, 2023 8:17 pm

💌~ พระบิดาตรัสกับลูกๆของพระองค์ (IL PADRE PARLA AI SUOI FIGLI) ~💌
แปลและเรียบเรียงโดย สนธิ สารธรรม
🌼 เนื้อเรื่องโดยประมาณ 20 ตอน 🌼
👉 ตอนที่ (1)👈
🔹~ คำนำ ~🔹
               🌹คำนำ🌹
          พระเป็นเจ้าทรงเป็นพระบิดาของฉัน เราได้ยินเสียงร่ำร้องนี้บ่อยครั้งขึ้นในโลกปัจจุบัน เพระมนุษย์
เริ่มตระหนักว่า พระเป็นเจ้าคือพระบิดาที่แท้จริงของพวกเขา
          ด้วยเหตุนี้เอง เราจึงคิดว่าเป็นหน้าที่ของเราที่จะจัดพิมพ์สารๆ หนึ่งที่พระบิดาประทานให้แก่
เราชาวโลก ผ่านมาทางลูกคนหนึ่งที่รักพระองค์อย่างสุดซึ้ง ผู้นั้นคือ ซิสเตอร์เอวเจนิอา เอลีสะเบ็ดตะ
ราวาสิโอ และสารนี้ได้รับการรับรองจากพระศาสนจักรแล้ว
          เราเห็นว่าสมควรที่จะนำสารโดยอ้างคำพูดของพระสังฆราช อเล็กซองเดรอะ คายโยต์ อดีต
พระสังฆราชแห่งเมืองเกรอน้อบ ซึ่งเป็นผู้แต่งตั้งคณะกรรมการขึ้นชุดหนึ่งในปี 1932 ประกอบด้วย
ผู้เชี่ยวชาญจากภาคต่างๆ ของประเทศฝรั่งเศสเพื่อสอบสวนกรณีนี้ในระดับสังฆมณฑล โดยใช้เวลา
ทั้งสิ้นถึง 10 ปี
คณะกรรมการชุดนี้ประกอบด้วย อุปสังฆราช มองแซ เญอร์แกรี ซึ่งเป็นนักเทววิทยา พระสงฆ์
คณะเยซูอิตสองพี่น้อง คือ คุณพ่ออัลแบรต์ และออกุสต์ วาลังแซงอามองส์ ได้รับการยอมรับว่าเป็น
ผู้มีชื่อเสียงด้านปรัชญาและเทววิทยา และเป็นผู้เชี่ยวชาญในการประเมินกรณีดังกล่าว รวมทั้งนายแพทย์
อีกสองท่าน ซึ่งท่านหนึ่งเป็นจิตแพทย์
          ให้เราวางใจในพระแม่มารีย์ในการเผยแผ่สารนี้ และพร้อมกับพระแม่ให้เราวิงวอนต่อองค์
พระจิตเจ้า เพื่อว่าจะได้ช่วยให้มนุษย์ทุกคนเข้าใจ และรับรู้ถึงพระเมตตาอันล้ำลึกสุดประมาณที่
พระบิดาทรงมีต่อเราแต่ละคน

คุณพ่อ อันเดรอา ดาสกานิโอ
             คณะกาปูชิน


💞🌟💞 โปรดติดตามตอนต่อไปในวันพรุ่งนี้ 💞🌟💞
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 5937
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

พฤหัสฯ. มี.ค. 30, 2023 8:22 pm

💌~ พระบิดาตรัสกับลูกๆของพระองค์ (IL PADRE PARLA AI SUOI FIGLI) ~💌
แปลและเรียบเรียงโดย สนธิ สารธรรม
👉 ตอนที่ (2)👈
🔹~ ชีวประวัติโดยสังเขป คุณแม่เอวเจนิอา เอลีสะเบ็ตตะ ราวาสิโอ ~🔹
ใครคือคุณแม่ เอวเจนิอา ซึ่งพระบิดาทรงเรียกว่า ลูกสาวสุดที่รักของเรา และต้นหญ้าน้อยๆ
ของเรา
เราคิดว่า คุณแม่เอวเจนิอา คือแสงที่สว่างไสวที่สุดดวงหนึ่งในสมัยของเรา เป็นประกาศก
น้อยของพระศาสนจักรยุคใหม่ ซึ่งมีพระบิดาเป็นศูนย์รวมสูงสุดของมนุษยชาติ มีเอกภาพเป็น
อุดมการณ์สูงสุดแห่งชีวิตฝ่ายจิต ท่านเป็นแสงสว่างซึ่งพระบิดาประทานให้แก่โลกในยุคแห่ง
ความสับสนวุ่นวายและความมืดมนนี้ เพื่อให้เรามองเห็นเส้นทางที่ต้องเดินตาม
ท่านเกิดในเมืองเล็กๆ ชื่อ แจร์วาสิโอ (ปัจจุบันคือ กาปรีอาเตซาน แจร์วาสิโอ ในจังหวัดแบร์กา
โม ประเทศอิตาลี) เมื่อวันที่ 4 กันยายน 1907 ในครอบครัวชาวนา
ท่านได้รับการศึกษาเพียงชั้นประถมศึกษา หลังจากเข้าทำงานในโรงงานเพียงไม่กี่ปี ท่านได้เข้า
คณะนักบวชแห่งพระแม่ธรรมทูต เมื่ออายุ 20 ปี ณ ที่นี้เอง บุคลิกภาพอันทรงคุณธรรมล้ำเลิศของท่าน
ได้พัฒนาขึ้นเป็นลำดับ จนนำท่านไปสู่การได้รับเลือกเป็น อัคราธิการิณีของคณะ เมื่ออายุเพียง 25 ปีเท่านั้น
นอกเหนือจากคุณสมบัติพิเศษด้านจิตวิญญาณของท่านแล้ว งานด้านสังคมเพียงอย่างเดียวก็เพียงพอ
ที่จะจารึกชื่อของท่านไว้ในประวัติศาสตร์ ในระยะเวลา 12 ปี ที่ท่านทำงานด้านธรรมทูต ท่านได้เปิดศูนย์
ขึ้นกว่า 70 แห่ง ซึ่งแต่ละแห่งประกอบด้วยสถานพยาบาล โรงเรียน และวัดในจุดต่างๆ ที่อยู่ห่างไกลจาก
ความเจริญของทวีปแอฟริกา เอเชีย และยุโรป
ท่านเป็นผู้ค้นพบยาขนานแรกเพื่อรักษาโรคเรื้อน โดยสกัดจากเมล็ดของพืชเขตร้อนชนิดหนึ่ง
ยาขนานนี้ได้ถูกวิจัยและพัฒนาต่อโดยสถาบันปาสเตอร์แห่งกรุงปารีส
ท่านได้สนับสนุนงานเผยแผ่ธรรมของราอุล โฟเลอโร ผู้เจริญรอยตามท่าน และสืบสานงานบนรากฐาน
ที่ท่านได้วางไว้ จนได้รับสมญาว่า "ธรรมทูตของคนโรคเรื้อน"
ระหว่างปี 1939 - 1941 ท่านได้ริเริ่มวางแผนและดำเนินงานจนลุล่วง โครงการ "นิคมโรคเรื้อน"
ที่อาซอปเต (ประเทศไอเวอรีโคสต์) นิคมนี้กว้างใหญ่ครอบคลุมเนื้อที่ถึง 200,000 ตารางเมตร ตั้งขึ้นเพื่อ
ดูแลรักษาผู้ป่วยโรคเรื้อน ปัจจุบันนี้ก็ยังคงเป็นหนึ่งของศูนย์กลางโรคเรื้อนชั้นนำของทวีปแอฟริกาและ
ของโลก
ประเทศฝรั่งเศสยอมรับผลงานของท่าน โดยประกาศเกียรติคุณระดับสูงสุดสำหรับงานบริการสังคม
แก่คณะภคินี ผู้เผยแผ่ธรรมของพระแม่แห่งธรรมทูต ซึ่งคุณแม่เอวเจนิอาเป็นอธิการิณีระหว่าง
ปี 1935 - 1947 คุณแม่เอวเจนิอาได้กลับคืนสู่พระบิดา เมื่อวันที่ 10 สิงหาคม 1990
มรดกอันล้ำค่าที่ท่านได้มอบไว้ให้เรา คือ สารพระบิดา (พระบิดาตรัสกับลูกๆ ของพระองค์) ซึ่งเป็น
การเผยสำแดงเป็นการส่วนพระองค์จากพระบิดา เพียงสารเดียวที่ได้รับการรับรองจากพระศาสนจักร
หลังจากการสอบสวนอย่างเข้มงวดเป็นเวลานานถึง 10 ปี เราได้นำเสนอแถลงการณ์ของมองแซญอร์
อเล็กซองเดรอะ คายโยต์ พระสังฆราชแห่งเกรอน้อบ ไว้ก่อนเริ่มต้นข้อความของสารนี้แล้ว เป็นที่น่า
สังเกตว่า สารนี้พระบิดาได้ตรัสกับคุณแม่เอวเจนิอาในปี 1932 เป็นภาษาละติน เป็นภาษาที่ท่านไม่รู้จัก
มาก่อนเลย ในปี 1981 เราได้รับทราบเรื่องราวของสารนี้อย่างปาฏิหาริย์โดยแท้ และในปี 1982 ซึ่งเป็น
ปีครบรอบ 50 ปีของสารนี้ เราจึงได้จัดพิมพ์สารนี้เป็นภาษาอิตาลี พระพรมากมายที่ได้รับจากสารนี้
ทำให้เราเผยแผ่สารนี้โดยไม่คิดค่าใช้จ่ายใดๆ โดยเฉพาะในเรือนจำ ค่ายทหาร และโรงพยาบาล
ขอขอบคุณผู้ร่วมงานซึ่งพระเจ้าทรงส่งมาให้ เราจึงสามารถจัดพิมพ์เป็นภาษาฝรั่งเศส อังกฤษ
เยอรมัน สเปน อัลบาเนีย โปล จีน ญี่ปุ่น อาหรับและภาษาอื่นๆ อีกด้วย
คำให้การเป็นพยานของ ฯพณฯ อเล็กซองเดรอะ คายโยต์ พระสังฆราชแห่งเกรอน้อบ ภายหลัง
การรายงานที่ได้ทำขึ้นระหว่างการไต่สวนของพระศาสนจักร ในกรณีของคุณแม่เอวเจนิอา
หลังจากที่ข้าพเจ้า ในฐานะสังฆราชแห่งเกรอน้อบ ได้ตัดสินใจเปิดการไต่สวนกรณีของคุณแม่
เอวเจนิอามาเป็นเวลา 10 ปีแล้ว บัดนี้ ข้าพเจ้ามีข้อมูลเพียงพอที่จะเสนอคำยืนยันของข้าพเจ้า ในฐานะ
พระสังฆราชของพระศาสนจักร
1. สิ่งแรกที่ปรากฏอย่างแน่ชัดจากการไต่สวนคือ คุณธรรมหลายประการของคุณแม่เอวเจนิอา
มีข้อมูลยืนยันมั่นคง
นับตั้งแต่เริ่มต้นชีวิตนักบวช ผู้ใหญ่ของคณะต่างประทับใจในความศรัทธาอันลึกซึ้ง ความนบนอบ
และความสุภาพอ่อนน้อมของภคินีรูปนี้
อธิการิณีของท่านงุนงงกับพฤติกรรมไม่ธรรมดาต่างๆ ที่ปรากฏขึ้นในช่วงนวกภาพของท่าน
จนถึงขั้นไม่ต้องการให้ท่านอยู่ในอารามต่อไป แต่หลังจากลังเลใจอยู่ไม่นานก็ต้องเลิกลัมความตั้งใจ
เมื่อได้เห็นความประพฤติอันไม่มีที่ติของท่าน
ระหว่างการไต่สวน คุณแม่เอวเจนิอาได้แสดงความอดทนอย่างยิ่งและมีความสุภาพอ่อนน้อม
อย่างที่สุด ยอมรับการทดสอบต่างๆ โดยไม่บ่น ไม่ว่าจะเป็นทางการแพทย์ การตอบคำถามที่ยาวนาน
และเคร่งเครียดของคณะกรรมการทางเทววิทยาและการแพทย์ รวมทั้งการยอมรับการโต้แย้งและการ
สอบสวนต่างๆ ผู้ไต่สวนทุกท่านต่างยกย่องเป็นพิเศษในความเรียบง่ายตรงไปตรงมาของท่าน
เหตุการณ์ต่างๆ ยังแสดงให้เห็นว่า ภคินีรูปนี้สามารถประพฤติปฏิบัติคุณงามความดีเยี่ยงวีรสตรี
นักเทววิทยากล่าวว่า ลักษณะอันโดดเด่นของท่านคือ ความนบนอบ ซึ่งปรากฏชัดระหว่างการไต่สวนของ
คุณพ่อออกุสต์ วาลังแซง ในเดือนมิถุนายน 1934 และเมื่อวันที่ 20 ธันวาคม 1934 อันน่าเศร้า
ข้าพเจ้ายืนยันได้ว่า ในขณะที่ท่านดำรงตำแหน่งอัคราธิการิณี ข้าพเจ้าเห็นว่าท่านทุ่มเทให้แก่หน้าที่
อย่างมาก อุทิศตนให้กับงานด้วยความรักอันยิ่งใหญ่ต่อวิญญาณทั้งหลาย ต่อคณะของท่าน และต่อ
พระศาสนจักร ซึ่งน่าจะเป็นสิ่งยากยิ่งสำหรับท่าน เนื่องจากท่านได้รับการเตรียมตัวให้พร้อมรับหน้าที่
ข้าพเจ้าและผู้ใกล้ชิดท่านต่างประทับใจในจิตใจที่เข้มแข็งของท่าน เมื่อท่านต้องเผชิญหน้ากับ
ความยากลำบากต่างๆ นานา
✴️ คำคม ✴️
In medio stat virtus
อิน เมดิโอ สตัต วีรุตุส
คุณธรรมอยู่ตรงกลางระหว่างสองขั้ว

💞🌟💞 โปรดติดตามตอนต่อไปในวันพรุ่งนี้ 💞🌟💞
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 5937
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

พฤหัสฯ. มี.ค. 30, 2023 8:32 pm

💌~ พระบิดาตรัสกับลูกๆของพระองค์ (IL PADRE PARLA AI SUOI FIGLI) ~💌
แปลและเรียบเรียงโดย สนธิ สารธรรม
👉 ตอนที่ (3)👈
🔹~ คุณแม่เอวเจนิอา บันทึกสารสำคัญจากพระบิดา (1) ~🔹
       
   ข้าพเจ้าไม่เพียงประทับใจในคุณงามความดีของท่าน แต่รวมถึงการปฏิบัติหน้าที่อย่างมีประสิทธิภาพ
ของท่านด้วย ที่น่าแปลกก็คือความจริงที่ว่า ภคินีรูปหนึ่งที่ด้อยการศึกษาต้องมารับตำแหน่งสูงสุดของ
คณะ ซึ่งเป็นเรื่องไม่ธรรมดาอยู่แล้ว และในทำนองเดียวกันนี้ ในวันที่ซิสเตอร์ได้รับเลือกตั้งจึงมีความ
สำคัญอย่างยิ่ง นั่นคือการแสดงความคิดเห็นและการตอบรับจากสมัชชาอธิการิณี การยอมรับจากผู้
แทนหน่วยงานธรรมทูตต่างๆ แสดงให้เห็นว่าพวกเขาได้ตัดสินใจ อารมณ์ที่มั่นคง ความสามารถที่จะทุ่มเท
  ทั้งความพยายาม และความเป็นจริงแล้ว คุณสมบัติของท่านดูเหมือนว่าจะสูงกว่าที่บรรดาผู้คัดเลือกได้
คาดหวังไว้อย่างมากอีกด้วย
          สิ่งที่ทำให้ข้าพเจ้าได้สังเกตเห็นเป็นพิเศษในตัวท่าน คือ สติปัญญาที่เฉียบแหลม ฉับไว และลึกซึ้ง
ข้าพเจ้าได้กล่าวแล้วว่า ท่านเป็นผู้มีการศึกษาน้อย แต่นั่นเป็นเหตุผลภายนอกที่ท่านไม่อาจควบคุมแก้ไขได้
ด้วยเหตุที่มารดาของท่านเจ็บป่วยเป็นเวลานาน ทำให้ท่านต้องขาดเรียนบ่อยๆ เพื่อมาดูแลครอบครัวตั้งแต่
อายุยังน้อย การที่จะเข้าอาราม ท่านก็ต้องทำงานหนักเป็นช่างทอผ้าในโรงงานอยู่หลายปี แม้ปัญหาพื้นฐาน
เหล่านี้จะส่งผลต่อการเขียนและการสะกดคำของท่านก็ตาม คุณแม่เอวเจนิอาก็ยังสามารถกล่าวคำบรรยาย
หลายครั้งต่อคณะของท่าน ทั้งยังเป็นที่น่าสังเกตว่า ท่านสามารถเขียนหนังสือเวียนของคณะ และทำหนังสือ
สัญญาต่างๆ กับเจ้าหน้าที่เทศบาล และองค์การบริหารส่วนท้องถิ่นเกี่ยวกับสถาบันพยาบาลต่างๆ ของคณะ
พระแม่แห่งธรรมทูต นอกจากนี้ท่านยังได้รวบรวมระเบียบกฎเกณฑ์ของคณะขึ้นอีกด้วย
          ท่านมองทุกสถานการณ์ได้อย่างแจ่มแจ้ง ชัดเจน และถูกต้องราวกับว่าเป็นเรื่องของมโนธรรม คำสั่ง
ของท่าน ตรง กระชับ และสามารถนำไปปฏิบัติได้จริง ท่านรู้จักภคินีแต่ละคนในคณะทั้ง 1,400 คน ของท่าน
เป็นอย่างดี รวมทั้งทัศนคติและคุณงามความดีของแต่ละคนด้วยเพราะเหตุนี้ ท่านจึงสามารถคัดเลือกผู้มี
คุณสมบัติสำหรับหน้าที่ต่างๆ ได้อย่างเหมาะสม นอกจากนั้นท่านยังมีความรู้ที่ถูกต้องในเรื่องของความ
ต้องการและทรัพยากรของคณะ และทราบสถานการณ์ในทุกด้าน โดยได้เคยไปเยี่ยมศูนย์เผยแผ่ธรรม
ของท่านทุกแห่งอีกด้วย
          เราต้องการจะเน้นถึงความมีสายตาอันกว้างไกลของท่าน ท่านได้วางมาตรการที่จำเป็นทุกอย่าง
เพื่อให้โรงพยาบาล หรือโรงเรียนทุกแห่งมีภคินีที่ทรงคุณวุฒิประจำการอยู่ และมีทุกสิ่งที่จำเป็นต่อการ
ดำรงชีวิต และพัฒนาการของพวกเขา สิ่งที่น่าสนใจเป็นพิเศษคือ คุณแม่เอวเจนิอาดูจะมีความสามารถ
ในการตัดสินใจที่เด็ดขาด มุ่งมั่นในเชิงสร้างสรรค์ ท่านจึงได้ก่อตั้งสถาบันถึง 67 แห่งภายในเวลาเพียง
6 ปี และสามารถริเริ่มการพัฒนาที่เป็นประโยชน์อย่างยิ่งภายในคณะของท่านด้วย
          ที่ข้าพเจ้าหยิบยกคุณสมบัติต่างๆ ทั้งในด้านสติปัญญา วิจารณญาณ ความมุ่งมั่น และความสามารถ
ในการบริหารของท่านขึ้นมานั้น เพราะ สำหรับข้าพเจ้าแล้ว คุณสมบัติเหล่านี้ลบล้างสมมติฐานต่างๆ เกี่ยว
กับอาการประสาทหลอน ภาพลวงตา การเข้าทรง อาการคลุ้มคลั่ง หรือจิตหลอนต่างๆ ของท่านอย่างสิ้นเชิง
อาการเหล่านี้ได้ถูกตรวจสอบระหว่างการไต่สวน แต่ก็ไม่สามารถใช้อธิบายความจริงนั้นๆ ให้เป็นที่พอใจได้
          ชีวิตของคุณแม่เอวเจนิอาเป็นการแสดงออกอย่างสม่ำเสมอถึงความสมดุลทางด้านจิตใจ และด้านอื่นๆ
ซึ่งดูเหมือนจะเป็นจุดเด่นของบุคลิกภาพของท่านในสายตาของผู้สังเกตการณ์ สำหรับสมมติฐานอื่นๆ เช่น
การถูกชี้นำง่าย หรือการถูกครอบงำง่ายนั้น ทำให้ผู้ไต่สวนสงสัยว่า พวกเขาอาจกำลังพบกับอารมณ์ที่อ่อน
ไหวง่ายของท่าน เหมือนกระจกหลายด้านซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงอิทธิพล และการชี้นำต่างๆ และสมมติฐานเ
หล่านี้ต้องถูกยกเลิกไปด้วยเหตุผลของความเป็นจริงที่ปรากฏอยู่ทุกวัน แม้ว่าคุณแม่เอวเจนิอาจะมีความ
สามารถที่ละเอียดอ่อน และหวั่นไหวต่อความรู้สึกของผู้อื่น แต่ไม่เคยแสดงให้เห็นว่าท่านโปรดปรานผู้ใด
เป็นพิเศษ ท่านสามารถกำหนดโครงการ และกิจการต่างๆ ด้วยตนเองเสมอ โดยได้รับการยอมรับจากผู้อื่น
เนื่องจากความเข้าใจอย่างทะลุปรุโปร่งของท่าน
    🌹 จุดประสงค์ของพันธกิจ 🌹
          จุดประสงค์ของพันธกิจ ที่คุณแม่เอวเจนิอาได้รับมอบหมายนั้นชัดเจน และหากจะมองจากทางด้าน
ความเชื่อแล้ว ข้าพเจ้าคิดว่าพันธกิจนี้ถูกต้องและทันเหตุการณ์
          จุดประสงค์แท้จริงของสารนี้คือ การทำให้พระบิดาเป็นที่รู้จัก และได้รับการถวายเกียรติ โดยหลักๆ
คือ ขอให้พระศาสนจักรจัดให้มีการฉลองพิเศษ จากการไต่สวน ปรากฏว่า การฉลองตามศาสนพิธี เพื่อ
ถวายเกียรติแด่พระบิดา เป็นสิ่งถูกต้องตามธรรมเนียมปฏิบัติของคาทอลิกโดยรวม ซึ่งสอดคล้องกับคำ
ภาวนาที่บรรดาคาทอลิกทูลพระบิดาผ่านทางพระบุตร ในพระจิตเจ้า ดังจะเห็นได้จากบทภาวนาในพิธีบูชา
ขอบพระคุณ และการบูชาแด่พระบิดาในพิธีบูชาศักดิ์สิทธิ์ อย่างไรก็ตาม นับเป็นเรื่องแปลกที่ไม่มีวันฉลอง
เพื่อถวายเกียรติแด่พระบิดา ในขณะที่พระตรีเอกภาพ ทั้งสามพระบุคคลได้รับการถวายเกียรติให้แล้ว
ส่วนพระวจนาตถ์ และพระจิตก็ทรงได้รับการ ถวายเกียรติในพันธกิจ และพระอานุภาพปรากฏต่างๆ
ของพระองค์แล้ว เพียงพระบิดาเท่านั้นที่ไม่มีวันฉลองของพระองค์ เพื่อนำความสนใจของคริสตชนไปยัง
พระบุคคลของพระองค์ นี่คือเหตุผลว่า ทำไมการสำรวจความคิดเห็นอย่างกว้างขวางของสัตบุรุษจึงปรากฏว่า
ในหมู่ชนชั้นต่างๆ และแม้แต่ในหมู่พระสงฆ์และนักบวช "พระบิดาไม่ทรงเป็นที่รู้จัก ไม่มีใครวิงวอนขอพระองค์
ไม่มีใครคิดถึงพระองค์"
          การสำรวจนี้เปิดเผยขึ้นมาอย่างค่อนข้างน่าประหลาดใจว่า คริสตชนจำนวนมากยังคงเหินห่างจาก
พระบิดา เพราะเขาเห็นว่า พระองค์ทรงเป็นผู้พิพากษาที่น่าเกรงกลัว เขาจึงเลือกที่จะไปหาความเป็นมนุษย์
ของพระ คริสตเจ้า และพวกเขาจำนวนมากมายไม่รู้เท่าไร ได้วิงวอนให้พระเยซูเจ้าทรงปกป้องพวกเขาจาก
พระพิโรธของพระบิดา ดังนั้น การฉลองพิเศษจึงส่งผลให้เกิดการจัดลำดับขึ้นในชีวิตฝ่ายจิตของคริสตชน
หลายคน เป็นประการแรก และประการที่สอง เป็นการนำพวกเขากลับมาสู่คำสั่งสอนของพระผู้ไถ่ของเราที่ว่า
"ทุกสิ่งที่ท่านขอพระบิดาในนามของเรา" และท่านจงอธิษฐานว่าดังนี้ "ข้าแต่พระบิดาของข้าพเจ้าทั้งหลาย"
          การจัดพิธีกรรมฉลองพระบิดาจะทำให้เราเงยหน้าขึ้นมองผู้ที่นักบุญยากอบ อัครสาวกเรียกว่า
"พระบิดาแห่งแสงสว่าง ผู้ประทานพระพรทั้งปวง" ซึ่งจะทำให้วิญญาณทั้งหลายคุ้นเคยกับการพินิจพิเคราะห์
ความดีงามของพระเป็นเจ้า และพระญาณเอื้ออาทร แบบพระบิดาของพระองค์ พวกเขาจะได้ตระหนักว่า
พระญาณเอื้ออาทรแบบนี้เป็นของพระตรีเอกภาพโดยแท้ และโดยอาศัยพระเทวภาพ ซึ่งเป็นธรรมชาติของ
ทั้งสามพระบุคคล พระองค์จึงประทานขุมทรัพย์แห่งพระเมตตาอันไร้ขอบเขต เหนือคำบรรยายของพระองค์
ไปทั่วโลก ในเบื้องต้น อาจดูเหมือนว่าไม่มีเหตุผลพิเศษใดๆ ที่จะต้องถวายเกียรติแด่พระบิดาเป็นการเฉพาะ
ก็พระบิดามิใช่หรือที่ทรงส่งพระบุตรของพระองค์ลงมายังโลก ดังนั้น ถ้าเป็นการถูกต้องที่สุดแล้วที่จะแสดง
ความศรัทธา และภักดีต่อพระบุตร และพระจิต เพราะ พระอานุภาพที่ปรากฏต่างๆ ของทั้งสองพระองค์ ก็จะ
มิเป็นการถูกต้อง และสมควรหรือที่จะขอบพระคุณพระบิดา ดังที่กำหนดไว้ในภาพเริ่มพิธีบูชาขอบพระคุณ
สำหรับของขวัญที่พระองค์ประทานแก่เราคือ พระบุตรของพระองค์
          ดังนั้น จึงเป็นที่ชัดเจนว่าจุดประสงค์แท้จริงของการฉลองพิเศษนี้คือ การถวายเกียรติแด่พระองค์
พระบิดา ขอบพระคุณพระองค์ และสรรเสริญพระองค์ ผู้ประทานพระบุตรของพระองค์แก่เรา กล่าวคือ
เป็นการขอบพระคุณพระองค์ที่ทรงรักโลกมาก จนได้ประทานพระบุตรองค์เดียวของพระองค์มา
เพื่อนำมนุษย์ทุกคนเข้ามารวมไว้ ในพระกายทิพย์ของพระคริสตเจ้า และกลายเป็นเป็นลูกๆ ของพระองค์
ร่วมกับพระบุตรองค์นี้ ดังที่สาร ได้แจ้งไว้แล้วว่า พระองค์ทรงเป็นผู้เริ่มต้นการไถ่กู้ของเรา

💞🌟💞 โปรดติดตามตอนต่อไปในวันพรุ่งนี้ 💞🌟💞
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 5937
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

พฤหัสฯ. มี.ค. 30, 2023 8:40 pm

💌~ พระบิดาตรัสกับลูกๆของพระองค์ (IL PADRE PARLA AI SUOI FIGLI) ~💌
แปลและเรียบเรียงโดย สนธิ สารธรรม
👉 ตอนที่ (4)👈
🔹~ คุณแม่เอวเจนิอา บันทึกสารสำคัญจากพระบิดา (2) ~🔹

ในยุคที่โลกถูกรบกวนด้วยความเชื่อฝ่ายโลก ลัทธิไม่เชื่อว่ามีพระเจ้า และปรัชญาสมัยใหม่ต่างๆ
และการไม่ยอมรับพระเป็นเจ้าเป็นพระผู้เป็นเจ้าที่เที่ยงแท้อีกต่อไป การฉลองนี้จะไม่ทำให้หลายๆ
คนได้รู้จักพระบิดา ผู้ทรงดำรงอยู่ พระบิดาแห่งความเมตตา และความดีงาม ผู้ซึ่งพระเยซูเจ้าได้ทรง
เผยแสดงให้เราเห็นหรือ? หรือการฉลองนี้จะไม่ช่วยเพิ่มจำนวนคนที่จะนมัสการพระบิดา ทั้งด้วยจิต
และตามความจริง ตามที่พระเยซูเจ้าได้ทรงเอ่ยถึงหรือ? ขณะนี้เมื่อโลกกำลังสลาย เพราะความรุนแรง
จากสงคราม เมื่อชาวโลกรู้สึกถึงความจำเป็นที่ต้องแสวงหาหลักของความสามัคคีที่มั่นคง เพื่อรวม
นานาชาติให้ใกล้ชิดกันยิ่งขึ้น การฉลองนี้จะนำมาซึ่งความรู้แจ้งอย่างชัดเจน ทั้งจะสอนมนุษย์ว่าพวกเขา
มีพระบิดาเดียวกันผู้ทรงสถิตในสวรรค์ ผู้ประทานพระเยซูเจ้าแก่พวกเขา ผู้ทรงนำพวกเขาไปหาพระเยซูเจ้า
ในฐานะที่พวกเขาเป็นส่วนหนึ่งของพระกายทิพย์ของพระเยซูเจ้า ซึ่งพวกเขาเป็นหนึ่งเดียวกันด้วยพระจิตเจ้า
แห่งความรักเดียวกัน เมื่อคนมากมายกำลังอ่อนล้าและเหนื่อยหน่ายจากภัยพิบัติของสงคราม พวกเขาอาจ
กำลังโหยหาชีวิตฝ่ายจิตที่ลึกซึ้ง ดังนั้น การฉลองเช่นนี้จะไม่เป็นเสียงเรียกเขาจากภายในให้นมัสการ
พระบิดา ผู้ซ่อนพระองค์อยู่ และให้พวกเขาถวายตัวเยี่ยงบุตรโดยไม่มีเงื่อนไขใดๆ แต่พระองค์ผู้เป็นบ่อ
เกิดเพียงหนึ่งเดียวแห่งชีวิตของพระตรีเอกภาพ ภายในตัวพวกเขาดอกหรือ การฉลองนี้จะไม่ช่วยเหลือ
การเคลื่อนไหวเปลี่ยนแปลงที่ละเอียดอ่อนของชีวิตเหนือธรรมชาติ ซึ่งแน่นอนว่าจะชักนำวิญญาณสู่ชีวิต
ของบุตรที่ร่วมกับพระบิดา สู่การมอบตนตามน้ำพระทัยของพระองค์โดยสิ้นเชิง สู่ชีวิตฝ่ายจิตแห่ง
ความเชื่อละหรือ?
ในอีกด้านหนึ่งนั้น ก็มีปัญหาด้านหลักความเชื่อเกิดขึ้นได้โดยไม่เกี่ยวกับการฉลองพิเศษ และไม่ว่า
พระศาสนจักรจะตัดสินกรณีนี้อย่างไร นักเทววิทยาที่มีชื่อเสียงบางท่านเชื่อว่า ควรมีการพิจารณาหลัก
ความเชื่อด้านสัมพันธภาพของวิญญาณกับพระตรีเอกภาพให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น และสำหรับวิญญาณนั้น
ความสัมพันธ์นี้สามารถเป็นบ่อเกิดของความกระจ่างแจ้งต่อชีวิตอันเป็นหนึ่งเดียวร่วมกันกับพระบิดา
และพระบุตร ตามที่นักบุญจอห์น กล่าวถึง และเป็นการร่วมแบ่งปันชีวิตของพระเยซูเจ้า พระบุตรของ
พระบิดา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในความรักฉันบุตรที่พระองค์ทรงมีต่อพระบิดาด้วย
แต่นอกเหนือไปจากเหตุผลทางเทววิทยานั้น สิ่งที่ข้าพเจ้าต้องการเน้นในที่นี้คือ สตรีสาวยากไร้
ผู้หนึ่งซึ่งไม่มีความรู้ด้านเทววิทยา ประกาศว่าเธอกำลังรับสารจากพระเป็นเจ้า และนี่อาจเป็นหลักความเ
ชื่อที่มีค่ายิ่งทีเดียว
การกระทำต่างๆ ของผู้ที่เพ้อฝันไปว่าได้รับนิมิตไม่มีคุณค่า ไร้เหตุผล และไม่คงเส้นคงวา แต่สาร
ที่คุณแม่เอวเจนิอากล่าวว่า พระบิดาได้ทรงมอบหมายให้ท่านนั้นมีคุณค่าให้เกิดผลอุดมสมบูรณ์ สิ่งที่
ยืนยันความแท้จริงของสารนี้คือ การมีปฏิสัมพันธ์อย่างกลมกลืนของสองคุณลักษณะที่แตกต่างกัน
ด้านหนึ่งคือ การนำเสนอบางสิ่งซึ่งพระศาสนจักรยึดถือเป็นธรรมประเพณี โดยปราศจากสิ่งใหม่ที่
น่าเคลือบแคลงใจ เพราะสารนี้ย้ำอยู่เสมอว่า ทุกสิ่งได้มีการกล่าวไว้แล้ว ในการเผยแสดงของพระเยซูเจ้า
เกี่ยวกับพระบิดาของพระองค์ ทุกสิ่งก็มีเขียนอยู่แล้วในพระคัมภีร์ แต่ในอีกด้านหนึ่งนั้น สารประกาศว่า
ความจริงอันยิ่งใหญ่เกี่ยวกับความรู้ด้านพระบิดานี้ จำเป็นต้องนำมาพิจารณาใหม่ ศึกษาให้ลึกซึ้ง
และสัมผัสด้วยตนเอง
มิใช่ความไม่สอดคล้องระหว่างความไม่สมบูรณ์ของเครื่องมือที่ไม่สามารถค้นพบหลักความเชื่อ
เช่นนี้ด้วยตัวเองกับความลึกซึ้งของสารที่นำมาให้ดอกหรือ? ที่เผยให้เห็นว่ามีสิ่งสูงส่งเหนือธรรมชาติ
อันมาจากพระเป็นเจ้าได้เข้ามาแทรกแซงในการมอบสารนี้ให้แก่ภคินีรูปนี้
พูดกันตามภาษามนุษย์ ข้าพเจ้าไม่เห็นว่าเราจะอธิบายได้อย่างไรว่า ภคินีรูปนี้ได้ความคิดเรื่องนี้
มาอย่างไร ความคิดที่เต็มไปด้วยความริเริ่ม ความอุดมสมบูรณ์ ซึ่งแม้แต่นักเทววิทยา ผู้ทำการไต่ส่วน
ยังเข้าใจได้เพียงทีละเล็กละน้อยเท่านั้น
ความจริงอีกประการหนึ่งซึ่งข้าพเจ้าคิดว่ามีความสำคัญมากเช่นเดียวกันคือ ภคินีเอวเจนิอาบอกว่า
ท่านได้เห็นการปรากฏองค์ของพระบิดา นักเทววิทยาผู้ทำการสอบสวนได้ตอบสวนว่า การปรากฏองค์ของ
พระบิดานั้นเป็นไปไม่ได้ และไม่เคยปรากฏมาก่อนในประวัติศาสตร์ ภคินีรูปนี้ยืนยันเรื่อยๆ ต่อการคัดค้าน
เพียงว่า "พระบิดาได้บอกให้ดิฉันบรรยายสิ่งที่ดิฉันได้เห็น พระองค์ขอให้ลูกๆ ของพระองค์ผู้เป็นนักเทววิทยา
ค้นหา" ท่านไม่เคยเปลี่ยนคำให้การเลย ท่านยืนยันคำพูดของท่านเป็นเวลาหลายเดือน จนกระทั่งเดือน
มกราคม 1934 นักเทววิทยาจึงคันพบคำตอบที่พวกเขาคัดค้านจากนักบุญ โทมัส อาควีนัส เอง
คำตอบของนักปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ของพระศาสนจักรเกี่ยวกับการปรากฏองค์ของพระบิดา และพันธกิจ
กระจ่างชัดขึ้น และยังขจัดอุปสรรคที่ทำให้กระบวนการไต่สวนหยุดชะงักไปได้อีกด้วย เมื่อถูกนักเทววิทยา
ผู้ชาญฉลาดท้าทายภคินีเล็กๆ ผู้ไร้การศึกษากลับพิสูจน์ตัวเองเป็นฝ่ายถูก พูดตามประสามนุษย์ เราจะ
อธิบายถึงความเข้าใจอันลึกซึ้ง ความฉลาด และความเพียรพยายามของภคินีรูปนี้ในกรณีนี้ด้วยได้อย่างไร
ผู้ได้รับนิมิตจอมปลอมมักพยายามปรับตนเองให้คล้อยตามคำอธิบายของนักเทววิทยา แต่ภคินีรูปนี้กลับยืน
กรานเรื่องของตน นี่คือเหตุผลเพิ่มเติมว่า เหตุใดคำให้การของท่านจึงน่าเชื่อถือสำหรับเรา
อย่างไรก็ตาม ข้าพเจ้าพบว่ามีสิ่งมีค่าควรสังเกตคือ ทัศนคติที่ท่านไม่ให้ความสำคัญต่อเรื่องอัศจรรย์
ในกรณีนี้ ขณะที่ผู้เห็นนิมิตจอมปลอมมักยกย่องปรากฏการณ์เหนือธรรมชาติ และมองไม่เห็นอื่นนอกจาก
อัศจรรย์ ตรงกันข้าม คุณแม่เอวเจนิอากลับถือว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องรอง เป็นเพียงข้อพิสูจน์และวิธีการ ไม่มี
การยกย่องเชิดชู แต่ให้ความสำคัญกับทุกสิ่งตามคุณค่าของมัน ซึ่งสร้างความประทับใจที่ดี
ข้าพเจ้าจะขออ้างการไต่สวนของนักเทววิทยาโดยสังเขป
คุณพ่ออัลแบรต์ และออกุสต์ วาลังแซง เป็นผู้ที่ได้รับการยกย่องทางด้านปรัชญาและเทววิทยาอย่างสูง
อีกทั้งยังมีความรู้ลึกซึ้งเกี่ยวกับชีวิตฝ่ายจิต ท่านทั้งสองได้รับการขอร้องให้ช่วยเหลือในการไต่สวนในกรณี
อื่นที่คล้ายคลึงกัน เราทราบว่า ท่านทำงานด้วยความสุขุมรอบคอบ และนี่คือเหตุผลที่เราเลือกท่านสำหรับงานนี้
เราขอขอบคุณในความร่วมมืออย่างทุ่มเท และรอบคอบของท่าน แต่คำยืนยันสนับสนุนภคินีรูปนี้ และ
คำอธิบายความจริงโดยรวมเหนือธรรมชาติของท่านนี้น่าพิศวง และน่าขอบคุณยิ่งกว่าอีก เนื่องจาก ท่านทั้งสอง
ใช้เวลาเนิ่นนานในการวินิจฉัยเรื่องด้วยการเป็นปฏิปักษ์ และสงสัย แล้วก็ลังเลใจ จากนั้นท่านก็เริ่มมีความเชื่อมั่น
ทีละเล็กทีละน้อย หลังจากได้ตั้งข้อคัดค้านทุกอย่าง และได้ทำการทดสอบภคินีรูปนี้อย่างหนักแล้ว
🌹 บทสรุป 🌹
จากการเรียกร้องของวิญญาณ และมโนธรรมของข้าพเจ้า และด้วยความสำนึกอันแรงกล้าในหน้าที่ที่รับ
ผิดชอบของข้าพเจ้าต่อพระศาสนจักร ข้าพเจ้าขอประกาศว่า ;
สำหรับข้าพเจ้าแล้ว การแทรกแซงเหนือธรรมชาติ และจากพระเป็นเจ้า คือ คำอธิบายเพียงประการ
เดียวเท่านั้นที่มีเหตุผลอันน่าพอใจต่อข้อเท็จจริงนี้
เมื่อแยกประเด็นแวดล้อมต่างๆ ของกรณีนี้ออกไปแล้ว สำหรับข้าพเจ้า ความจริงที่สำคัญนี้เป็นสิ่ง
ประเสริฐ สูงส่ง และมีคุณค่าเหนือธรรมชาติ นั่นคือ ภคินีผู้อ่อนน้อมถ่อมตนรูปหนึ่งได้เรียกร้องมนุษย์ทั้งหลาย
ให้มีความศรัทธา และภักดีอย่างแท้จริงต่อพระบิดา ดังเช่นที่พระเยซูตรัสสอน และที่พระศาสนจักรได้เชิดชูไว้
ในพิธีกรรมศักดิ์สิทธิ์ ไม่มีสิ่งใดน่าตื่นตระหนกในเรื่องนี้ มีแต่เพียงสิ่งที่เรียบง่ายมาก และสอดคล้องกับข้อ
ความเชื่อที่มีรากฐานมั่นคงเท่านั้น
ความจริงในเรื่องการปาฏิหาริย์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นกับสารนี้ สามารถแยกออกจากเหตุการณ์หลักได้
และก็ยังคงคุณค่าไว้อย่างครบถ้วน ด้วยเหตุผลตามหลักความเชื่อ พระศาสนจักรจะประกาศได้หรือไม่ว่า
ความคิดเห็นในเรื่องการฉลองพิเศษควรได้รับการพิจารณา โดยแยกออกจากกรณีที่เกี่ยวกับภคินีรูปนี้
ข้าพเจ้าเชื่อว่า ข้อพิสูจน์พื้นฐานในเรื่องความแท้จริงของพันธกิจของภคินีรูปนี้นั้น เห็นได้จากการที่ท่าน
ได้นำหลักความเชื่ออันงดงามนี้มาปฏิบัติในชีวิตจริงของท่าน ซึ่งเห็นได้ชัดว่าท่านถูกกำหนดเพื่อเตือนเรา
ให้ระลึกถึงความจริงนี้
ข้าพเจ้าเห็นควรให้ท่านดำเนินงานของท่านต่อไป ข้าพเจ้าเชื่อว่าพระหัตถ์ของพระเป็นเจ้าสถิตอยู่ในเรื่อง
นี้ทั้งสิ้น หลังจาก 10 ปีของการค้นคว้าไตร่ตรองและภาวนา ข้าพเจ้าขอถวายพระสิริมงคลแด่พระบิดา ที่ทรงลด
พระองค์ลงมาเลือกสังฆมณฑลของข้าพเจ้า เป็นสถานที่สำหรับการแสดงออกอันน่าจับใจ เพื่อประกาศความรัก
ของพระองค์ [อเล็กซองเดรอะ คายโยต์ พระสังฆราชแห่งเกรอน้อบ ฝรั่งเศส ณ ช่วงเวลาที่สารของ
คุณแม่เอวเจนิอาได้รับการเปิดเผย]
✴️ คำคม ✴️
Chi semina raccoglie
กิ เซมินา รักกอยิเอ
ใครหว่านพืชอะไร ก็จะเก็บผลของพืชนั้น

💞🌟💞 โปรดติดตามตอนต่อไปในวันพรุ่งนี้ 💞🌟💞
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 5937
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

พฤหัสฯ. มี.ค. 30, 2023 8:46 pm

💌~ พระบิดาตรัสกับลูกๆของพระองค์ (IL PADRE PARLA AI SUOI FIGLI) ~💌
แปลและเรียบเรียงโดย สนธิ สารธรรม
👉 ตอนที่ (5)👈
🔹~ สารพระบิดา ฉบับที่ 1 1 กรกฎาคม 1932 (A) ~🔹
      
    วันฉลองพระโลหิตศักดิ์สิทธิ์ของพระเยซูคริสตเจ้า ในที่สุดวันที่เปี่ยมด้วยพระพรตลอดเวลา
ซึ่งพระบิดาเจ้าแห่งสวรรค์ได้ทรงสัญญาไว้ก็มาถึง
          วันนี้การเตรียมการยาวนานก็ได้สิ้นสุดลง ดิฉันรู้สึกว่าการเสด็จมาของพระบิดาของดิฉัน
และของมวลมนุษย์ใกล้เข้ามา ใกล้เข้ามาแล้ว
          หลังจากการสวดภาวนาครู่หนึ่ง วิญญาณของดิฉันช่างเต็มไปด้วยความปลื้มปิติ ดิฉันเปี่ยมล้น
ไปด้วยความปรารถนาที่จะเห็น และได้ยินพระสุรเสียงของพระองค์
          ดวงใจที่ร้อนรุ่มไปด้วยความรักของดิฉันได้เปิดออกด้วยความเชื่อมั่นอย่างเต็มเปี่ยม จนดิฉัน
รู้สึกว่าไม่เคยวางใจใครได้มากเพียงนี้มาก่อนเลย และแล้วดิฉันเริ่มได้ยินเสียงเพลงอันไพเราะของ
เหล่านิกรเทวดาร้องประกาศการเสด็จมาอันน่ายินดีในครั้งนี้ บทเพลงนั้นไพเราะจับใจเหลือเกินจน
ดิฉันต้องรีบบันทึกไว้ในทันทีที่ทำได้
          เมื่อเสียงเพลงสิ้นสุดลง ขบวนแห่ของชาวสวรรค์ บรรดาเทวดา เกรูบิม และเซราฟิม พร้อมกับ
พระเป็นเจ้า พระผู้สร้างและผู้ทรงเป็นพระบิดาของเราก็ตามมา
          ดิฉันหมอบราบ ฟุบหน้าลงกับพื้น จมดิ่งอยู่ในความว่างเปล่าของตนเอง ดิฉันได้สวดบทเพลง
สรรเสริญพระนางมารีย์ ทันทีหลังจากนั้น พระบิดาได้ตรัสให้ดิฉันเข้าไปนั่งใกล้พระองค์ และบันทึกสิ่ง
ที่พระองค์จะตรัสกับมวลมนุษย์
          เหล่าทูตสวรรค์ที่ตามเสด็จได้อันตรธานไป เหลือเพียงพระบิดาประทับอยู่กับดิฉัน ก่อนจะประทับนั่ง
พระองค์ตรัสว่าเราได้บอกลูกแล้ว และขอย้ำอีกว่า เราไม่สามารถให้พระบุตรสุดที่รักของเราต้องพิสูจน์
ความรักที่เรามีต่อมนุษย์อีก บัดนี้ เรากำลังมาท่ามกลางพวกเขา พร้อมรับภาพลักษณ์และความยากไร้
ของพวกเขา เพื่อที่จะรักเขาและทำให้พวกเขารู้จักความรักนี้ เห็นไหมล่ะ เรายอมถอดมงกุฎซึ่งแสดงถึง
เกียรติอันยิ่งใหญ่ของเรา เพื่อรับสภาพมนุษย์ธรรมดาๆ คนหนึ่ง
          หลังจากทรงแสดงพระองค์เยี่ยงมนุษย์ธรรมดาคนหนึ่ง โดยทรงวางมงกุฎอันทรงเกียรติไว้แทบ
พระบาทของพระองค์แล้ว ทรงถือลูกโลกไว้แนบพระทัยด้วยพระหัตถ์ซ้าย แล้วทรงประทับนั่งลงข้างๆ ดิฉัน
          ดิฉันสามารถกล่าวได้เพียงเล็กน้อยถึงการเสด็จมา การลดพระเกียรติของพระองค์ลงมาปรากฏพระกาย
และทรงเผยแสดงเรื่องความรักของพระองค์ ดิฉันไม่อาจสรรหาคำใดมาบรรยายสิ่งซึ่งพระองค์ทรงเผยแสดง
ต่อดิฉันได้ เพราะความเบาปัญญาของดิฉัน
          พระองค์ตรัสว่า "สันติสุขและความรอดพ้นจงมีแก่บ้านหลังนี้ และทั่วทั้งโลก ขอให้อานุภาพของเรา
ความรักของเรา และพระจิตของเราจงสัมผัส และดลใจมนุษยชาติจะได้หันกลับมาสู่ความรอดพ้น และพระพร
อันประเสริฐ อย่าให้เขาได้พลาดโอกาสนี้ที่จะเรียกลูกทั้งหลายให้ไปหาพระบิดา ผู้กำลังมาหาพวกเขา
เพื่อช่วยเขาในชีวิตนี้ และจัดเตรียมความสุขนิรันดร์ให้แก่พวกเขา
          เราได้เลือกวันนี้เพื่อเริ่มต้นงานของเราท่ามกลางมวลมนุษย์ เพราะวันนี้เป็นวันฉลองพระโลหิตของ
พระเยซูเจ้าพระบุตรของเรา เราตั้งใจที่จะชุบชูงานที่เรากำลังเริ่มต้นนี้ในพระโลหิตของพระบุตรของเรา
เพื่อให้เกิดผลอย่างบริบูรณ์ท่ามกลางมวลมนุษยชาติ
          จุดประสงค์ที่แท้จริงของการมาเยือนของเรา คือ
          1. เรามาเพื่อขจัดความกลัวที่มนุษย์มีต่อเรามากเกินไป และเพื่อแสดงให้มนุษย์เห็นว่าความปิติยินดี
ของเราคือ การที่ลูกๆ ของเรารู้จักเรา และรักเรา ลูกๆ ซึ่งหมายถึงมวลมนุษยชาติทั้งในปัจจุบันและอนาคต
          2. เรามาเพื่อนำความหวังมาสู่มวลมนุษย์ และชนชาติทั้งหลายซึ่งพวกเขาปรารถนาจะได้รับ แต่ได้
สูญเสียไปนานแล้ว ความหวังนี้จะทำให้พวกเขาดำเนินชีวิตอย่างสันติสุข และมั่นคงปลอดภัย เพื่อเขาจะได้
ดิ้นรนเพื่อความรอดพ้นของตน
          3. เรามาเพื่อแสดงตัวเองของเราให้เป็นที่รู้จักอย่างที่เราเป็น เพื่อความไว้วางใจของมนุษย์จะได้ทวีขึ้น
ไปพร้อมๆ กับความรักของพวกเขาที่มีต่อเราผู้เป็นพระบิดาของพวกเขา ความห่วงใยเพียงประการเดียว
ของเราคือ การเฝ้าดูแลปกป้องมวลมนุษย์ และรักพวกเขาเยี่ยงบุตรของเรา
     จิตรกรย่อมชื่นชมภาพวาดจากฝีมือของตนเองฉันใด เราก็พอใจ และยินดีที่จะมาอยู่ท่ามกลางมวลมนุษย์
ซึ่งเป็นผลงานชิ้นเอกของเราฉันนั้น เวลาเหลือน้อยเต็มทีแล้ว เราปรารถนาให้มนุษย์รับรู้โดยเร็วที่สุดว่า
เรารักพวกเขา และเรามีความสุขมากที่สุดเวลาอยู่ท่ามกลางพวกเขา พูดคุยกับเขาเหมือนพ่อพูดกับลูกๆ
ของตน เราคือผู้เป็นนิรันดร์ เมื่อครั้งที่เราได้ดำรงอยู่แต่เพียงผู้เดียวเท่านั้น เราได้คิดแล้วถึงการให้ฤทธานุภาพ
ทั้งมวลของเรา สร้างสรรสิ่งมีชีวิตตามภาพลักษณ์ของเรา แต่สิ่งสร้างทางวัตถุต่างๆ จำเป็นต้องเกิดขึ้นก่อน
เพื่อสิ่งมีชีวิตเหล่านี้จะดำรงชีพอยู่ได้ แล้วนั้นเราจึงได้สร้างโลก เราแต่งเติมโลกด้วยสิ่งทั้งปวงที่เรารู้ว่า
จำเป็นสำหรับมนุษย์ เช่น อากาศ ดวงอาทิตย์ ฝน และสิ่งอื่นอีกมากมายที่เรารู้ว่าจำเป็นต่อชีวิตของพวกเขา
          ท้ายที่สุดเราก็ได้สร้างมนุษย์ขึ้น เราพอใจในผลงานของเรา มนุษย์ได้ทำบาป เมื่อนั้นเอง เราได้แสดง
ความกรุณาอันไร้ขีดจำกัดของเราแก่พวกเขา ในพันธสัญญาเดิม เราได้สร้างและคัดเลือกประกาศกให้ดำเนิน
ชีวิตอยู่ท่ามกลางมวลมนุษย์ เราได้บอกเขาถึงความปรารถนา ความโศกเศร้า และความยินดีของเรา เพื่อ
เขาจะได้สามารถสื่อสารให้ทุกคนรับรู้
          ยิ่งความชั่วร้ายได้ทวีขึ้นมากเท่าไร ความดีของเราก็ยิ่งกระตุ้นให้เราติดต่อกับผู้ที่ชอบธรรมมากขึ้น
เท่านั้น เพื่อให้พวกเขาสามารถถ่ายทอดคำสั่งของเราไปยังผู้ที่กำลังสร้างความปั่นป่วน ดังนั้น บางครั้งเรา
จึงจำเป็นต้องเข้มงวดเพื่อปรามพวกเขา มิใช่เพื่อลงโทษ ซึ่งรังแต่จะทำอันตรายเท่านั้น แต่เพื่อดึงพวกเขา
ให้ออกห่างจากความชั่วร้าย และนำพวกเขากลับมาหาพระบิดา พระผู้สร้างของพวกเขา ที่พวกเขาทั้งลืม
และทอดทิ้งด้วยความอกตัญญู ต่อมา ความชั่วร้ายได้ครอบงำจิตใจมนุษย์มากเสียจนกระทั่งเราถูกบีบคั้น
ให้ส่งภัยพิบัติมายังโลก เพื่อชำระพวกเขาให้บริสุทธิ์ด้วยความทุกข์ยาก การทำลายล้างทรัพย์สมบัติของ
พวกเขา หรือแม้กระทั่งความตาย นั่นคือ น้ำท่วมโลก การทำลายล้างเมืองโซดม และโกโมราห์ สงคราม
ระหว่างมนุษย์และอื่นๆ
          เราปรารถนาตลอดมาที่จะอยู่ท่ามกลางมวลมนุษย์บนโลกนี้ ดังนั้น ในระหว่างที่น้ำท่วมโลก เราจึง
ได้อยู่เคียงข้างโนอาห์ ผู้เป็นมนุษย์ผู้มีคุณธรรมแต่เพียงผู้เดียวในเวลานั้น แม้ในระหว่างภัยพิบัติ
          ครั้งอื่นๆ ก็เช่นกัน เราได้พบผู้ชอบธรรมคนหนึ่งเสมอ ผู้ที่เราจะสามารถอยู่ด้วยได้ และโดย
อาศัยบุคคลผู้นี้ เราจึงได้ดำรงอยู่ท่ามกลางมวลมนุษย์ในเวลานั้นๆ และก็เป็นเช่นนี้เสมอมา

💞🌟💞 โปรดติดตามตอนต่อไปในวันพรุ่งนี้ 💞🌟💞
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 5937
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

พฤหัสฯ. มี.ค. 30, 2023 8:51 pm

💌~ พระบิดาตรัสกับลูกๆของพระองค์ (IL PADRE PARLA AI SUOI FIGLI) ~💌
แปลและเรียบเรียงโดย สนธิ สารธรรม
👉 ตอนที่ (6)👈
🔹~ สารพระบิดา ฉบับที่ 1 1 กรกฎาคม 1932 (2) ~🔹
         
โลกได้ถูกชำระล้างให้พ้นจากความชั่วร้ายบ่อยครั้ง ก็เพราะความดีอันไร้ขอบเขตที่เรามีต่อมนุษยชาติ
เราได้เลือกมนุษย์บางคนที่เราพอใจ และโดยอาศัยบุคคลเหล่านี้ ทำให้เรามีความสุขร่วมกับมนุษย์ที่
เราได้สร้าง
เราได้สัญญากับโลกว่าจะส่งพระเมสสิยาห์มา เราได้ทำทุกสิ่งที่เราทำได้ เพื่อจัดเตรียมการเสด็จ
มาของพระองค์ เราได้แสดงตัวของเราในรูปแบบต่างๆ ที่แสดงถึงพระเมสสิยาห์นับเป็นเวลาพันๆ ปี
ก่อนการเสด็จมาของพระองค์
พระเมสสิยาห์คือใคร พระองค์มาจากไหน พระองค์จะกระทำสิ่งใดบนโลกนี้ และเป็นผู้แทนของใคร
พระเมสสิยาห์ คือ พระเป็นเจ้า
พระเจ้าเป็นใคร พระองค์คือ พระบิดา พระบุตร และพระจิต เป็นเราเอง พระบิดาของพระองค์
และเป็นพระเจ้า
พระองค์เป็นตัวแทนของผู้ใดบนแผ่นดินนี้ เป็นผู้แทนเราเอง พระบิดาของพระองค์ คือพระเป็นเจ้า
พระองค์จะกระทำสิ่งใดบนโลกนี้ พระองค์จะทำให้ พระบิดา ผู้เป็นพระผู้เป็นเจ้าเป็นที่รู้จักและ
เป็นที่รัก พระองค์มิได้ตรัสหรือว่า
"ท่านไม่รู้หรือว่าเราต้องทำงานเพื่อพระบิดาของเรา" (ลก.2:49)
"เรามาเพื่อปฏิบัติตามพระประสงค์ของพระบิดาเท่านั้น" (ยน.6:38)
"สิ่งที่ท่านวอนขอจากพระบิดาในนามของเรา พระองค์จะประทานแก่ท่าน" (ยน.16:23)
"ท่านจงอธิษฐานภาวนาถึงพระองค์ว่าดังนี้ "ข้าแต่พระบิดาของข้าพเจ้าทั้งหลาย พระองค์สถิต
ในสวรรค์..."" (มธ.6:9) และยังมีกล่าวไว้อีกว่า เนื่องด้วยพระองค์เสด็จมาเพื่อถวายเกียรติและทำให้
พระบิดาเป็นที่รู้จัก พระองค์จึงตรัสว่า
"ผู้ที่เห็นเรา ก็เห็นพระบิดาด้วย"
(ยน.14:9)
"เราดำรงอยู่ในพระบิดา และพระบิดาดำรงอยู่ในเรา" (ยน.14:10)
"ไม่มีใครไปเฝ้าพระบิดาได้ นอกจากผ่านทางเรา" (ยน.14:6)
"ใครก็ตามที่อยู่กับเรา ก็อยู่กับพระบิดาของเราด้วย" ฯลฯ
ดังนั้น มนุษย์เอ๋ย จงเข้าใจเถิดว่าตลอดนิรันดร์กาล เรามีความปรารถนาเพียงประการเดียว
คือ ทำให้เราเป็นที่รู้จักและเป็นที่รักของมวลมนุษย์ เราปรารถนาจะอยู่กับพวกเขาตลอดนิรันดร
ลูกต้องการข้อพิสูจน์ที่แท้จริงเกี่ยวกับความปรารถนาที่เราได้กล่าวถึงนี้หรือ? เหตุใดเราจึง
ได้สั่งโมเสสให้สร้างพลับพลาและหีบพระบัญญัติ หากมิใช่เพื่อที่เราจะมาและดำรงอยู่ท่ามกลาง
มนุษย์ในฐานะบิดา พี่ชาย หรือมิตรสนิท นี่คือความปรารถนาอันแรงกล้าของเรา แม้กระนั้น พวกเขา
ก็ยังลืมเรา และได้ทำให้เราขุ่นเคืองใจด้วยบาปนานัปการ ถึงกระนั้นก็ตาม เราก็ยังได้มอบพระบัญญัติ
ของเราแก่โมเสส เพื่อเตือนใจพวกเขาให้ระลึกถึงพระผู้เป็นเจ้า ผู้เป็นบิดาของพวกเขา และความปรารถนา
เพียงประการเดียวของเราคือ ช่วยพวกเขาให้รอด พวกเขาควรจะปฏิบัติตามพระบัญญัติ และด้วยวิธีเช่นนี้
พวกเขาจะได้ระลึกถึงบิดาผู้ใจดีหาที่สุดมิได้ ผู้ปรารถนาเสมอให้พวกเขาได้รับความรอดทั้งในขณะนี้
และตลอดนิรันดร
สิ่งเหล่านี้ได้ถูกลืมไปหมดแล้ว และมนุษย์ยังจมอยู่ในความหลงผิดและความกลัว คิดว่าการปฏิบัติ
ตามพระบัญญัติที่เราได้มอบแก่โมเสสไปนั้นบีบบังคับเกินไป ดังนั้น พวกเขาจึงได้ตั้งกฎขึ้นมาตามใจตนเอง
เพื่อจะได้ปฏิบัติได้ง่ายขึ้น ด้วยความกลัวเรามากเกินเหตุ พวกเขาค่อยๆ ลืมเรามากขึ้นๆ ไปทีละเล็กทีละน้อย
และได้กล่าวร้ายทับถมเราอย่างรุนแรง
แม้กระนั้น ความรักที่เรามีต่อมนุษย์ ผู้เป็นบุตรของเราก็มิเคยยุติลงเลย เมื่อเราได้ตระหนักแล้วว่า
ทั้งปิตาจารย์ และประกาศกต่างก็ไม่สามารถทำให้เราเป็นที่รู้จัก และเป็นที่รักของมนุษย์ได้ เราจึงได้ตัดสินใจ
มาด้วยตนเอง
แต่เราจะมาท่ามกลางมนุษย์ได้อย่างไร ไม่มีทางอื่น นอกจากเราจะมาด้วยตนเอง โดยทางพระบุคคล
ที่สองแห่งพระเทวภาพของเรา มนุษย์จะรู้จักเราไหม และพวกเขาจะรับฟังเราหรือไม่ ไม่มีสิ่งใดในอนาคต
ที่เราไม่ล่วงรู้ เราเองได้ตอบคำถามทั้งสองข้อนี้แล้วว่า
"พวกเขาจะเมินเฉยต่อการประทับอยู่ของเรา ถึงแม้ว่าเขาจะอยู่ใกล้ชิดเรา พวกเขาจะกระทำทารุณกรรม
ต่อเราในองค์พระบุตรของเรา โดยไม่คำนึงถึงคุณความดีที่พระองค์จะทรงกระทำเพื่อพวกเขา ในองค์
พระบุตรของเรา พวกเขาจะกล่าวร้ายเรา เขาจะตรึงเราบนกางเขน เพื่อให้เราตาย"
จะให้เราหยุดเพราะเหตุนี้หรือ ไม่หรอก เพราะความรักที่เรามีต่อมนุษย์ผู้เป็นบุตรของเรานั้น
ยิ่งใหญ่เกินกว่าที่เราจะทำเช่นนั้น
เรามิได้หยุดอยู่เพียงเท่านี้ จงเข้าใจให้ดีเถิดว่า เรารักลูกเหมือนหนึ่งมากกว่าเรารักพระบุตร
สุดที่รักของเรา หรือว่ายิ่งกว่าเรารักตัวเราเองเสียอีก สิ่งที่เรากำลังบอกลูกอยู่ขณะนี้เป็นความจริงเหลือเกิน
ถึงแม้ว่ามนุษย์คนหนึ่งจะสามารถชดเชยบาปต่างๆ ของมนุษย์คนอื่นๆ ได้ด้วยชีวิตและด้วยความตาย
อย่างที่พระบุตรของเรายอมรับ เราก็คงจะลังเลใจ ทำไมน่ะหรือ? ก็เพราะการยอมให้สิ่งสร้างที่รักของเรา
ต้องทุกข์ทรมานโดยผ่านทางพระบุตรนั้น เป็นการทรยศต่อความรักของเรานั่นเอง เราไม่เคยปรารถนา
ให้ลูกๆ ที่รักของเราต้องทุกข์ทรมานใดๆ เลย
นี่คือเรื่องย่อๆ เกี่ยวกับความรักของเราตั้งแต่เริ่มแรก จนถึงการมาอยู่ท่ามกลางมนุษย์ผ่านทาง
พระบุตรของเรา มนุษย์ส่วนใหญ่ทราบถึงเหตุการณ์ทั้งหมดนี้แล้ว แต่พวกเขาขาดความเข้าใจถึงแก่นแท้
ของเรื่องนี้ นั่นคือ ความรัก อันเป็นหลักนำของเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้น
ถูกแล้ว มันคือความรัก นี่คือสิ่งที่เราต้องการตอกย้ำให้ลูกเข้าใจอย่างซาบซึ้ง แต่บัดนี้ ความรักนี้
ได้ถูกลืมไปหมดสิ้น เราต้องการเตือนลูกให้คิดถึงความรักนี้ เพื่อจะได้เรียนรู้ที่จะรู้จักเราดั่งที่เราเป็น
เพื่อว่าลูกจะได้ไม่เป็นเยี่ยงทาสที่เกรงกลัวบิดา ผู้รักลูกอย่างมากเหลือเกิน
ลูกเห็นไหมว่าเราได้ดำเนินเรื่องอยู่เพียงที่วันแรกของศตวรรษแรกเท่านั้น แต่เราปรารถนาที่
จะนำเข้าสู่ยุคปัจจุบัน คือ ศตวรรษที่ 20
✴️ คำคม ✴️
Buona Pasqua
บัวนา ปาสกวา
Feliz Pascua
เฟลีส ปาสกวา
Happy Easter
สุขสันต์วันปาสกา (วันพระเยซูฟื้นพระชนมชีพ)
💞🌟💞 โปรดติดตามตอนต่อไปในวันพรุ่งนี้ 💞🌟💞
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 5937
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

พฤหัสฯ. มี.ค. 30, 2023 8:59 pm

💌~ พระบิดาตรัสกับลูกๆของพระองค์ (IL PADRE PARLA AI SUOI FIGLI) ~💌
แปลและเรียบเรียงโดย สนธิ สารธรรม
👉 ตอนที่ (7)👈
🔹~ คุณแม่เอวเจนิอา บันทึกสารสำคัญจากพระบิดา (3) (A) ~🔹
       
   คิดดูสิ...เป็นไปได้อย่างไรที่มนุษย์ลืมความรักดุจบิดาของเรา ถึงกระนั้นก็ยังคงรักลูกเหมือนเดิม
ในองค์พระบุตรของเรา กล่าวคือ ในองค์พระบุตรผู้รับเอากายเป็นมนุษย์นั้น มีอะไรบ้างที่เราไม่ได้ทำ
พระเทวภาพของเราถูกบดบังด้วยสภาวะมนุษย์ พระเทวภาพของเราถูกลดให้น้อยลง ถูกบั่นทอน
และถูกเย้ยหยัน เราได้ดำเนินชีวิตอย่างเสียสละ และทำงานหนักพร้อมกับพระเยซู พระบุตรของเรา
เราได้รับคำอธิษฐานภาวนาของพระองค์ เพื่อมนุษย์จะได้มีหนทางอันชัดเจน ที่พวกเขาจะได้เดินตาม
ครรลองของคุณธรรม เพื่อมาถึงเราได้อย่างปลอดภัย
แน่นอน เราเข้าใจถึงความอ่อนแอของลูก เพราะเหตุนี้ เราจึงได้ยอมให้พระบุตรของเรามอบ
หนทางที่จะช่วยให้พวกเขาเริ่มต้นใหม่ เมื่อพวกเขาผิดพลาดไปแล้ว หนทางนั้นคือศีลศักดิ์สิทธิ์ 7 ประการ
ที่จะคงความเป็นบุตรแห่งความรักของเราไว้ และหนทางอันยิ่งใหญ่ที่สุดที่จะนำไปสู่ความรอดพ้น
แม้เมื่อลูกพลาดล้มลงก็คือกางเขน พระโลหิตของพระบุตรของเราจะชโลมลูกทุกขณะหากลูกปรารถนา
ผ่านทั้งศีลอภัยบาป และยัญบูชาศักดิ์สิทธิ์แห่งพิธีบูชาขอบพระคุณ
ลูกที่รักของเรา เราได้ให้พระพรเหล่านี้พร้อมกับพระหรรษทานพิเศษมากมายแก่ลูกเป็นเวลา 20
ศตวรรษแล้ว แต่ผลที่ได้รับนั้นช่างเป็นที่น่าเศร้าใจเหลือเกิน มนุษย์จำนวนมากผู้เคยเป็นบุตรที่รักโดยทาง
พระบุตรของเรากลับไม่รีรอที่จะกระโจนลงสู่หุบเหวนิรันดร พวกเขาไม่รู้จักความดีอันไร้ขอบเขตของเราเลย
เรารักลูกมากเหลือเกิน
ลูกรัก อย่างน้อย ลูกคือผู้ที่รู้ว่า เรากำลังมาพูดกับลูกด้วยตัวเราเอง เพื่อให้ลูกได้รับรู้ถึงความรัก
ของเรา ฉะนั้น เพื่อตัวลูกเอง จงอย่ากระโจนลงสู่หุบเหวนั้นเลย เราคือบิดาของลูก
เป็นไปได้อย่างไร เมื่อลูกได้เรียกว่า "พระบิดา" และได้แสดงความรักที่ลูกมีต่อเราแล้ว ลูกยังคิดว่า
เราโหดร้าย และใจแข็งจนสามารถปล่อยให้ลูกพินาศได้หรือ จงอย่าเชื่อเช่นนั้น เราเป็นบิดาที่ดีที่สุด
เรารู้ถึงความอ่อนแอของลูกๆ ของเรา จงเข้ามาหาเราเถิด มาหาเราด้วยความเชื่อมั่นและความรัก เรา
จะยกโทษให้ลูก เมื่อลูกได้สำนึกผิด แม้ว่าบาปของลูกจะน่ารังเกียจราวกับโคลนตม แต่ความเชื่อมั่น
และความรักของลูกจะทำให้เราลืมมันเสีย ดังนั้น ลูกจะไม่ถูกพิพากษา จริงอยู่เราเป็นผู้ยุติธรรม
แต่ความรักสามารถทดแทนทุกสิ่งได้
ลูกเอ๋ย จงฟังเถิด เราจะเปรียบเทียบให้ลูกเห็น แล้วลูกจะมั่นใจในความรักของเรา สำหรับเราแล้ว
บาปของลูกเปรียบเสมือนเหล็ก และกิจการแห่งความรักของลูกเปรียบเสมือนทองคำ หากลูกถวายเหล็ก
หนึ่งพันกิโลกรัมแก่เรา ย่อมเทียบไม่ได้กับการถวายทองคำหนักเพียงสิบกิโลกรัม หรืออีกนัยหนึ่ง ความรัก
เพียงเล็กน้อยสามารถทดแทนความผิดบาปมากมายได้
นี่แหละ เป็นวิธีง่ายๆ ที่ใช้การพิพากษามนุษย์เป็นลูกของเราโดยไม่มีข้อยกเว้น ลูกจงเข้ามาหาเรา
เราจะอยู่เคียงข้างลูกเสมอ ลูกควรจะรักเรา และถวายเกียรติแก่เรา เพื่อลูกจะไม่ถูกพิพากษา หรือว่าถ้าลูก
ถูกพิพากษาด้วยความรักอันเปี่ยมล้นด้วยความเมตตาอย่างหาที่สุดมิได้
จงอย่าแคลงใจ หากดวงใจของเรามิได้เป็นเช่นนี้ เราก็คงจะได้ทำลายโลกทุกครั้งที่ลูกทำบาป
แต่ลูกก็ได้เห็นแล้วว่า การปกป้องคุ้มครองของเราได้ประจักษ์ผ่านทางพระหรรษทานและพระคุณต่างๆ
ทำให้ลูกสามารถประมวลเหตุการณ์ต่างๆ นี้ได้ว่า มีพระบิดาองค์หนึ่งซึ่งเหนือกว่าบิดาทั้งปวง รักลูก
และจะไม่มีวันที่จะหยุดรักลูก ตราบใดที่ลูกปรารถนาให้เป็นเช่นนั้น
เรามาหาลูกในสองทาง คือ ทางกางเขน และทางศีลมหาสนิท กางเขนคือหนทางของเรา ในการมา
อยู่ท่ามกลางลูกๆ ของเรา โดยทางกางเขนนี้เองที่เราได้ให้พระบุตรของเราไถ่บาปของลูก และสำหรับลูกแล้ว
กางเขนคือหนทางที่นำลูกขึ้นไปหาพระบุตรของเรา และจากพระบุตรของเราขึ้นมาหาเรา หากปราศจาก
กางเขนแล้ว ลูกไม่มีทางมาหาเราได้ เพราะด้วยการทำบาป มนุษย์นำโทษทัณฑ์แห่งการแยกตัวออกจาก
พระเป็นเจ้ามาสู่ตนเอง
ในทางศีลมหาสนิท เราอยู่ท่ามกลางลูกเช่นเดียวกับบิดาอยู่กับครอบครัวของเขา เราให้พระบุตร
ของเราตั้งศีลมหาสนิทขึ้น เพื่อให้ทุกพระแท่นบูชาเป็นภาชนะรองรับพระคุณ และความรักสำหรับมนุษย์
ผู้เป็นลูกรักของเรา
เราได้ใช้วิถีทางทั้งสองนี้เพื่อประทานทั้งฤทธิ์อำนาจ และความเมตตาอันหาที่สุดมิได้ของเราลงมา
ยังมนุษย์ตลอดเวลา บัดนี้ เมื่อเราได้แสดงให้เห็นแล้วว่า พระเยซูพระบุตรของเราเป็นตัวแทนของเราท่าม
กลางมนุษย์ และเราสถิตอยู่ท่ามกลางมนุษย์โดยอาศัยพระองค์อย่างไร เราจะแสดงให้เห็นด้วยว่าเรามา
หาลูกผ่านทางพระจิตของเราด้วย
พระบุคคลที่สามในพระเทวภาพของเรานี้ทรงทำงานอย่างเงียบๆ และบ่อยครั้งมนุษย์ก็ไม่รู้ตัว
แต่สำหรับเรา นี่คือการดำรงอยู่อันเหมาะสมอย่างยิ่ง เรามิได้อยู่ในตู้ศีลเท่านั้น แต่ยังอยู่ในจิตวิญญาณ
ของมนุษย์ทุกคนที่เจริญอยู่ในศีลและพระพร เพื่อว่าเราจะได้สร้างอาณาจักรของเราในตัวเขา และดำรงอยู่
ที่นั่นตลอดไป เหมือนบิดาที่รักและคอยปกป้องช่วยเหลือบุตรของตนเองเสมอ ยังไม่มีใครเข้าใจถึงความ
ปรารถนาของเรา ที่จะเป็นที่รู้จัก เป็นที่รัก และได้รับการถวายเกียรติจากมนุษย์ทั้งคนดีและคนบาป นี่คือ
ของขวัญสามประการที่เราปรารถนาจะได้รับจากมนุษย์ด้วยความจงรักภักดี เพื่อเราจะได้แสดงความปราณี
แม้แต่กับคนบาปหนักที่สุดก็ตาม
นับตั้งแต่อาดัมไปจนถึงโยเซฟผู้เป็นบิดาเลี้ยงของพระเยซูเจ้า และจากยุคของโยเซฟเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน
มีสิ่งใดบ้างที่เรายังไม่ได้ทำเพื่อประชากรของเรา เพราะเหตุนี้ มนุษย์ควรที่จะถวายเกียรติพิเศษแด่เราในฐานะ
บิดาของเขา พระผู้สร้าง และพระผู้ช่วยให้รอด อย่างไรก็ตาม เรายังไม่เคยได้รับความเคารพเลื่อมใสศรัทธา
เป็นพิเศษเลย ซึ่งเราหวังและปรารถนาเป็นอย่างยิ่ง
ในพระคัมภีร์หนังสืออพยพ ลูกได้อ่านแล้วว่า พระเป็นเจ้าจะต้องได้รับความเคารพเสื่อมใสศรัทธาพิเศษ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งบทสดุดีของดาวิด ก็ได้ระบุคำสอนนี้ไว้ และในพระบัญญัติของเราที่ได้มอบให้แก่โมเสส
เราก็ได้ย้ำว่า เจ้าต้องกราบนมัสการ และรักพระเป็นเจ้าแต่พระองค์เดียวเท่านั้น อย่างสิ้นสุดจิตใจ
ดังนั้น การรักและการถวายเกียรติจึงเป็นของคู่กัน เมื่อเราได้ให้พระพรมากมายแก่ลูก เราจึงต้องได้รับ
การถวายเกียรติจากลูกอย่างเป็นพิเศษจริงๆ เมื่อเราให้ชีวิตแก่ลูก เราปรารถนาที่จะสร้างลูกตามภาพลักษณ์
ของเรา ดังนั้น หัวใจของลูกจึงละเอียดอ่อนเช่นเดียวกับของเรา และดวงใจของเราก็เหมือนกับของลูก
ลูกจะไม่ทำอะไรเลยหรือ ถ้าเพื่อนบ้านของลูกคนหนึ่งได้ทำอะไรเป็นพิเศษให้ลูกแม้เพียงเล็กน้อย
แม้แต่คนที่มีจิตใจหยาบกระด้างที่สุดก็ยังต้องสำนึกในบุญคุณของผู้นั้นตลอดไป ไม่ว่าจะเป็นใครก็คงจะ
พยายามตอบแทนผู้มีพระคุณด้วยสิ่งที่เขาพอใจ เราเองก็เช่นกัน และเราจะตอบแทนลูกมากยิ่งกว่าผู้ใด
ด้วยการมอบชีวิตตลอดนิรันดรแก่ลูก หากเพียงลูกปฏิบัติตามคำขอของเราเพียงเล็กน้อย ด้วยการถวาย
เกียรติแด่เรา
เรารู้ดีว่าลูกถวายเกียรติแด่เราผ่านองค์พระบุตรของเรา และมีผู้ที่สามารถถวายทุกสิ่งแด่เราผ่าน
ทางพระองค์ แต่คนประเภทนี้ช่างมีจำนวนน้อยเหลือเกิน จงอย่าคิดว่าเมื่อลูกถวายเกียรติแด่พระบุตรแล้ว
ลูกมิได้ถวายเกียรติแด่เรา แน่นอน ลูกได้ถวายเกียรติแด่เราด้วย เพราะเราสถิตอยู่ในพระบุตร ดังนั้น ทุกสิ่ง
ที่ทำไปเพื่อพระสิริมงคลของพระองค์ก็เป็นของเราเช่นกัน
แต่เราก็ปรารถนาที่จะเห็นพวกลูกถวายเกียรติแด่บิดา และพระผู้สร้างของเขาด้วยความศรัทธาและ
ภักดีพิเศษ ยิ่งลูกถวายเกียรติแด่เรามากเท่าไร ลูกก็ยิ่งถวายเกียรติแด่พระบุตรของเรามากเท่านั้น เพราะ
พระองค์ทรงได้รับเอากายเป็นมนุษย์ และได้เสด็จมาท่ามกลางพวกลูก เพื่อให้ลูกได้รู้จักผู้ที่ได้ส่งพระองค์มา
ตามความประสงค์ของเรา
ถ้าหากลูกได้มารู้จักเรา ลูกจะรักเรา และพระบุตรสุดที่รักของเรามากกว่าที่ลูกรักอยู่ในเวลานี้ จงดูเถิด
มีมนุษย์จำนวนมากมายที่ได้มาเป็นบุตรของเราโดยทางพระธรรมล้ำลึกแห่งการกู้ไถ่ แต่ยังไม่ได้มาอยู่ในทุ่ง
หญ้าซึ่งเราได้จัดเตรียมไว้เพื่อมวลมนุษย์โดยอาศัยพระบุตรของเรา ลูกเองก็รู้ดีว่ายังมีคนอื่นๆ อีกจำนวนมาก
เท่าไรที่ยังไม่รู้ว่ามีทุ่งหญ้าเหล่านี้ และยังมีมนุษย์ที่เราปั้นมากับมืออีกสักเท่าไรที่เรารู้ว่ามีชีวิตอยู่ แต่ลูกไม่ได้
รู้จัก ซึ่งไม่รู้จักแม้แต่มือที่ได้ปั้นพวกเขาขึ้นมา โอ้ เราปรารถนาเหลือเกินที่จะให้ลูกรู้ว่า เราเป็นบิดาผู้ทรง
ฤทธานุภาพเพียงใด สำหรับลูกและสำหรับมนุษย์เหล่านั้นด้วยโดยทางพระคุณต่างๆ ของเรา เราปรารถนา
ให้ชีวิตของพวกเขามีความสุขมากกว่านี้โดยอาศัยพระบัญญัติของเรา เราปรารถนาให้ลูกไปหาพวกเขา
ในนามของเรา และพูดคุยกับเขาเกี่ยวกับเรา ถูกแล้ว จงบอกเขาว่า เขามีพ่อ พ่อซึ่งเมื่อได้สร้างพวกเขา
มาแล้ว ยังต้องการมอบสมบัติที่พ่อมีให้แก่เขาด้วย เหนือสิ่งอื่นใด จงบอกพวกเขาว่าเราคิดถึงเขา เรารักเขา
และต้องการมอบความสุขนิรันดรแก่พวกเขา โอ้ เราขอให้สัญญากับลูกว่า เพียงเท่านี้
การกลับใจของพวกเขาก็จะเร็วขึ้น

💞🌟💞 โปรดติดตามตอนต่อไปในวันพรุ่งนี้ 💞🌟💞
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 5937
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

พฤหัสฯ. มี.ค. 30, 2023 9:05 pm

💌~ พระบิดาตรัสกับลูกๆของพระองค์ (IL PADRE PARLA AI SUOI FIGLI) ~💌
แปลและเรียบเรียงโดย สนธิ สารธรรม
👉 ตอนที่ (8)👈
🔹~ คุณแม่เอวเจนิอา บันทึกสารสำคัญจากพระบิดา (3) (B) ~🔹
         
จงมีความเชื่อเถิด ถ้าลูกๆ ได้เริ่มถวายเกียรติแด่เราด้วยความศรัทธาและภักดีเป็นพิเศษมาตั้งแต่
ยุคแรกๆ ของพระศาสนจักร ยี่สิบศตวรรษผ่านไปคงจะมีมนุษย์จำนวนน้อยมากที่ยังมีชีวิตอยู่ด้วย
การบูชารูปเคารพนอกรีต ลัทธิชั่วร้าย และลัทธิเท็จเทียมต่างๆ ซึ่งทำให้มนุษย์วิ่งไปอย่างไม่ลืมหู
ลืมตาไปสู่หุบเหวแห่งไฟนิรันดร ดูเถิด ยังมีงานที่ต้องทำอีกมากมาย
เวลาของเรามาถึงแล้ว เราจะต้องเป็นที่รู้จัก เราจะต้องเป็นที่รู้จัก เป็นที่รัก และได้รับการถวาย
เกียรติจากมนุษย์ เพื่อว่า เมื่อเราได้สร้างพวกเขาขึ้นมา เราสามารถเป็นบิดาของเขา เป็นพระผู้ไถ่ของเขา
และในที่สุดก็จะเป็นเป้าหมายแห่งความปิติยินดีตลอดนิรันดรของเขา
จนถึงบัดนี้เราได้กล่าวถึงสิ่งต่างๆ ที่ลูกได้รู้แล้ว เราปรารถนาที่จะย้ำเตือนลูกถึงสิ่งเหล่านี้อีก
เพื่อให้ลูกมั่นใจมากขึ้นว่า เราเป็นพ่อที่แสนดี มิใช่พ่อที่น่ากลัวอย่างที่ลูกเชื่อ และเรายังเป็นพ่อของลูกๆ
ที่มีชีวิตอยู่ในขณะนี้ และเป็นพ่อของลูกๆ ที่เราจะสร้างขึ้นในภายหน้าด้วยจวบจนวันสิ้นโลก จงรู้ด้วย
เถิดว่าเราปรารถนาจะเป็นที่รู้จัก เป็นที่รัก และเหนือสิ่งใด เราปรารถนาที่จะได้รับการถวายเกียรติ
ขอให้ทุกคนจงยอมรับความดีงามอันหาที่สุดมิได้ของเราที่มีต่อมวลมนุษย์ และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง
ต่อคนบาป คนป่วย ผู้ที่กำลังจะสิ้นใจ และทุกๆ คนที่กำลังทนทุกข์ทรมาน ขอให้พวกเขารู้ว่า สิ่งเดียวที่
เราต้องการคือรักพวกเขาทุกคน ให้พระหรรษทานของเราแก่เขา ให้อภัยเมื่อเขาได้สำนึกผิด และที่สำคัญ
ที่สุดคือ ตัดสินเขาด้วยความเมตตา มิใช่ด้วยความยุติธรรมของเรา เพื่อว่าทุกคนจะได้รับความรอดพ้น
และจะได้อาศัยร่วมกับบรรดาผู้ที่เราเลือกสรร
เราให้สัญญากับลูกซึ่งมีผลชั่วนิรันดรว่า "เรียกเราว่า "พ่อ" ด้วยความมั่นใจและความรัก แล้วลูก
จะได้รับทุกสิ่งจากเราผู้นี้ด้วยความรักและความเมตตา"
เราปรารถนาให้บุตรชายของเรา ผู้เป็นพ่อวิญญาณของลูกสามารถทำงานเพื่อพระสิริมงคลของเรา
และให้ท่านจัดสำนวนประโยคต่อประโยค ซึ่งเราได้บอกให้ลูกจด เพื่อมนุษย์จะได้พบว่าสิ่งที่เราปรารถนา
จะให้เขาได้รับรู้นี้ เป็นเรื่องที่น่ายินดี และอ่านง่าย โดยไม่มีการเสริมแต่งใดๆ แต่ละวัน เราจะพูดกับลูกถึง
ความปรารถนาของเราที่มีต่อมนุษย์ ความปิติยินดี ความเศร้าโศกของเรา และเราจะแสดงให้ลูกเห็นถึง
ความดีงามอันไร้ขอบเขตของเรา ความอ่อนโยน และความรักที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความเห็นอกเห็นใจ
เรายังปรารถนาให้อธิการิณีของลูก อนุญาตให้ลูกใช้เวลาว่างของลูกกับเราสักวันละครึ่งชั่วโมง เพื่อลูก
จะได้ปลอบใจเราและรักเรา ด้วยวิธีนี้ลูกจะทำให้มนุษย์มั่นใจได้ว่า ดวงใจของพวกเขา ดวงใจของลูกๆ
ของเรา พร้อมที่จะอุทิศตนเพื่อเผยแผ่ความศรัทธาและภักดีนี้ ที่เราเพิ่งจะได้เปิดเผยแก่ลูก เพื่อลูกจะได้
มีความมั่นใจอย่างเต็มเปี่ยมในบิดาผู้นี้ ผู้ปรารถนาจะเป็นที่รักของลูกๆ
เพื่อให้งานนี้แพร่ขยายไปท่ามกลางประชาชาติได้รวดเร็วที่สุด โดยไม่ปล่อยให้ผู้ที่ได้รับมอบหมาย
ให้เผยแผ่งานนี้ กระทำกิจการใดที่ไม่รอบคอบแม้แต่น้อย เราขอให้ลูกใช้วันเวลาของลูกอยู่ในความสำรวม
ลูกจะมีความสุขที่ไม่พูดกับใครมากนัก แม้ในขณะที่ลูกอยู่ท่ามกลางพวกเขา ในใจลูกนั้นจะพูดและรับฟังเรา
นี่คือสิ่งที่เราต้องการให้ลูกทำเช่นกันคือ ในยามที่เราพูดกับลูก ให้ลูกบันทึกความในใจของเราลง
ในสมุดพิเศษเล็กๆ และโดยผ่านบันทึกนี้ เราตั้งใจจะพูดกับทุกๆ คนว่าเราอยู่ใกล้ชิดสนิทสนมกับพวกเขา
มากกว่าแม่อยู่กับลูกน้อยของตนเสียอีก นับตั้งแต่สร้างมนุษย์มา เราไม่เคยอยู่ห่างจากพวกเขาเลยแม้แต่
ขณะเดียว ในฐานะพระผู้สร้าง และบิดาของเขา เรารู้สึกว่าเราต้องรักเขา มิใช่เพราะเราต้องการเขา
แต่ความรักของเราในฐานะพระบิดา และพระผู้สร้างทำให้เรารู้สึกถึงความต้องการที่จะรักเขา ดังนั้น เราจึง
อยู่ใกล้ชิดพวกเขา เราติดตามพวกเขาไปทุกหนแห่ง เราช่วยพวกเขาในทุกๆ อย่าง และประทานสารพัด
สิ่งให้พวกเขา
เรารู้ถึงความต้องการ ความเหนื่อยยาก ความปรารถนาของเขาทุกประการ และความสุขที่สุดของเรา
อยู่ที่การช่วยเหลือเขา และให้เขารอดพ้น มนุษย์เชื่อว่าเราเป็นพระเจ้าที่น่ากลัว เป็นผู้ที่จะโยนมนุษยชาติ
ลงนรก พวกเขาจะประหลาดใจสักเพียงใด เมื่อวันสิ้นโลกมาถึง ที่พวกเขาเห็นวิญญาณเป็นจำนวนมากที่
พวกเขาเชื่อว่าได้สูญเสียไปแล้ว แต่กลับกำลังเพลิดเพลินในปิติสุขนิรันดร์ท่ามกลางผู้ได้รับการเลือกสรร
เราปรารถนาให้มวลมนุษย์เชื่อมั่นว่า มีบิดาผู้หนึ่งกำลังคอยดูแลเขาอยู่ และต้องการให้พวกเขา
ได้ลิ้มรสความสุขนิรันดร์ล่วงหน้าตั้งแต่อยู่บนโลกนี้ แม่ย่อมไม่มีวันลืมลูกน้อยที่นางได้ให้กำเนิด จะไม่ยิ่ง
น่าอัศจรรย์มากกว่านั้นหรือที่เราจดจำลูกๆ ทุกคนของเราได้
ดังนั้น ถ้าแม่รักลูกน้อยที่เราได้มอบให้ เราย่อมรักเขามากยิ่งกว่าที่นางรักลูกของนางเสียอีก
เพราะเราได้สร้างเขามา แม้บางครั้ง แม่อาจรักลูกๆ ของตนน้อยลงเพราะความบกพร่องบางประการ
ตรงกันข้าม เรากลับรักเขามากยิ่งขึ้น ต่อมานางอาจลืมเขา หรืออาจไม่คิดถึงเขา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง
เมื่อเขาโตขึ้นเกินกว่าที่นางจะต้องคอยดูแลแล้ว แต่เราจะไม่มีวันลืมเขาเลย เราจะรักเขาตลอดไป และ
ถึงแม้ว่า เขาจะจำเราผู้เป็นทั้งบิดา และพระผู้สร้างเขาไม่ได้ เราก็ยังจดจำ และรักเขาเสมอ เราได้เคย
บอกลูกแล้วว่า เราต้องการให้ลูกลิ้มรสแห่งความสุขนิรันดร์ แม้ในขณะที่อยู่บนโลกนี้ แต่ลูกก็ยังไม่เข้าใจ
ความหมายที่แท้จริงในสิ่งที่เราได้พูดไปแล้ว นั่นคือ หากลูกรักเรา และเรียกเราด้วยนามที่ไพเราะว่า "พ่อ"
ลูกก็จะเริ่มชีวิตที่นี่ทันทีในความรัก และความวางใจ ซึ่งจะทำให้ลูกมีความสุขในนิรันดรภาพ ซึ่งลูกจะขับร้อง
ในสวรรค์ร่วมกับบรรดาผู้ได้รับเลือกสรร นี่มิใช่การลิ้มรสความสุขในสวรรค์ล่วงหน้า ซึ่งจะคงอยู่ไปตลอด
ดอกหรือ ดังนั้น เราจึงปรารถนาให้มนุษย์ระลึกอยู่เสมอว่า ไม่ว่าเขาจะอยู่ที่แห่งไหน เราก็อยู่กับเขาที่นั่นเสมอ
แม้เขาจะไม่เชื่อแต่เราก็อยู่ใกล้ชิดเขาเสมอ
โอ้ เราปรารถนาเหลือเกินที่จะเห็นแผนการนี้ของเราสำเร็จลุล่วงไป แต่จนบัดนี้ มนุษย์ก็ยังไม่เคยคิด
ที่จะทำให้พระเป็นเจ้า ผู้เป็นพระบิดาของเขาพอใจอย่างที่เรากำลังจะกล่าวถึง นั่นคือ ความวางใจอันแน่วแน่
ที่เกิดขึ้นระหว่างมนุษย์กับพระบิดาเจ้าสวรรค์ ซึ่งเป็นความรู้สึกสนิทสนมคุ้นเคยที่แท้จริง และละเอียดอ่อน
ในเวลาเดียวกัน เพื่อว่า ลูกจะไม่ฉวยโอกาสในความดีอันยิ่งใหญ่ของเรา เรารู้ความต้องการ ความปรารถนา
และทุกๆ สิ่งในใจของลูก แต่เราจะเป็นสุข และรู้สึกขอบคุณลูกสักเท่าไร หากเราเห็นลูกเข้ามาหาเรา  ปรับทุกข์
กับเราถึงความต้องการของลูก เหมือนลูกที่มีความวางใจอย่างเต็มเปี่ยมในบิดาของตน เราจะปฏิเสธลูก
ได้อย่างไร ถ้าลูกขอเรา ไม่ว่าสิ่งนั้นจะเล็กที่สุด หรือใหญ่ที่สุด แม้ลูกจะมองไม่เห็นเรา แต่ลูกไม่รู้สึกหรือว่า
เราอยู่ใกล้ชิดมากจริงๆ จากสิ่งที่เกิดขึ้นกับลูก และที่เกิดขึ้นรอบๆ ตัวลูก สักวันหนึ่งลูกจะได้รับบำเหน็จอัน
ยิ่งใหญ่ เพราะลูกได้เชื่อในเรา แม้ลูกจะไม่เห็นเราก็ตาม
แม้ในเวลานี้เราอยู่ที่นี่ท่ามกลางลูกทั้งหลาย กำลังพูดกับลูกซ้ำแล้วซ้ำอีกว่า เรารักลูก และต้องการ
ให้ลูกรู้จักเรา รักเรา และถวายเกียรติเป็นพิเศษแก่เรา ลูกไม่อาจ มองเห็นเราได้ นอกจากบุคคลเพียงคนเดียว
ท่ามกลางมนุษยชาติ ที่เราบอกให้เขียนสารนี้ (เอวเจนิอา) และในตัวลูกที่เรากำลังพูดด้วย แม้กระนั้น เราก็
มองเห็นลูก และกำลังพูดกับลูกๆ ทุกคน ประหนึ่งว่าลูกสามารถมองเห็นเราได้
เราต้องการให้มนุษย์สามารถรู้จักเรา และรู้สึกว่าเราอยู่ใกล้ชิดพวกเขาแต่ละคน ลูกเอ๋ย จงจำไว้เถิด
ว่าเราปรารถนาจะเป็นความหวังของมนุษยชาติ เรายังมิได้เป็นเช่นนั้นแล้วดอกหรือ? มนุษย์คงจะสิ้นหวัง
หากเรามิได้เป็นความหวังของเขา แต่เป็นเรื่องจำเป็นที่เราจะต้องได้รับการยอมรับเช่นนั้น เพื่อว่าสันติสุข
ความมั่นใจ และความรักจะได้ซึมซาบเข้าสู่จิตใจมนุษย์ และทำให้พวกเขาได้อยู่ใกล้ชิดกับพระบิดาของ
พวกเขา ทั้งในสวรรค์และบนแผ่นดินนี้
อย่าคิดว่าเราเป็นชายชราที่น่ากลัวตามที่มนุษย์ได้วาด หรือบรรยายไว้ในหนังสือ ไม่ใช่เลย
  เราไม่หนุ่ม หรือแก่กว่าพระบุตร และพระจิตของเรา เพราะเหตุนี้ เราจึงปรารถนาจะให้ทุกคน ตั้งแต่เล็กสุด
จนถึงคนชราที่สุด เรียกเราอย่างคุ้นเคยว่า "พ่อ" และ "เพื่อน" เพราะเราอยู่กับลูกเสมอ และเรากำลังทำด้วย
ตัวของเราให้คล้ายคลึงกับลูก ทั้งนี้ เพื่อทำให้ลูกคล้ายคลึงกับเรา ความปิติยินดีของเราจะใหญ่หลวงสัก
เพียงไรที่จะเห็นพ่อแม่สอนลูกๆ ของตนให้เรียกเราบ่อยๆ ว่า "พ่อ" เพราะเราก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ เราปรารถนา
อย่างยิ่งที่จะเห็นวิญญาณของเด็กๆ เหล่านี้ได้รับการปลูกฝัง ความวางใจ และความรักเยี่ยงลูกต่อเรา
เราได้ทำทุกอย่างเพื่อลูกแล้ว แล้วลูกล่ะ จะไม่ทำเพื่อเราบ้างหรือ?
✴️ คำคม ✴️
Chi Cerca trova
กิ แชรกา โตรวา
ใครแสวงหาก็จะพบ

💞🌟💞 โปรดติดตามตอนต่อไปในวันพรุ่งนี้ 💞🌟💞
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 5937
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

พฤหัสฯ. มี.ค. 30, 2023 9:14 pm

💌~ พระบิดาตรัสกับลูกๆของพระองค์ (IL PADRE PARLA AI SUOI FIGLI) ~💌
แปลและเรียบเรียงโดย สนธิ สารธรรม
👉 ตอนที่ (9)👈
🔹~ คุณแม่เอวเจนิอา บันทึกสารสำคัญจากพระบิดา (4) (A) ~🔹
         
เราปรารถนาจะสร้างบ้านอันอบอุ่นของเราในทุกครอบครัวเหมือนในอาณาจักรของเรา เพื่อลูกทุกๆ
คนสามารถพูดได้อย่างมั่นใจจริงๆ ว่า "เรามีพ่อคนหนึ่งที่แสนดี ร่ำรวยเหลือล้น และเปี่ยมด้วย
ความเมตตากรุณา ท่านคิดถึงเรา และอยู่ใกล้ชิดเรา ท่านคุ้มครอง ดูแล และคอยช่วยเหลือเรา
ท่านจะให้ทุกสิ่งที่จำเป็นแก่เรา ถ้าเราขอทรัพย์สมบัติทั้งหมดของพ่อก็เป็นของเรา เราจะมีทุกสิ่ง
ที่จำเป็น เราอยู่ที่นั่นก็เพื่อให้ลูกได้ขอสิ่งที่ลูกต้องการจากเรา "จงขอเถิดแล้วลูกจะได้รับ" ในฐานะ
พ่อผู้ใจดี เราจะให้ลูกทุกสิ่งทุกอย่าง แต่ทั้งนี้ลูกทุกคนจะต้องเคารพนับถือเราเป็นพ่อจริงๆ อาศัยอยู่
ด้วยกันในครอบครัว และเราก็อยู่ด้วยเช่นนั้นจริงๆ

เรายังปรารถนาด้วยเช่นกันให้ทุกครอบครัวติดตั้งภาพของเราให้เด่นชัด ภาพที่เราจะแสดง
ให้ "ธิดาน้อยของเรา" เห็นในภายหลัง เราปรารถนาให้ทุกครอบครัวสามารถมอบตัวเองไว้ภายใต้
การปกป้องคุ้มครองพิเศษของเราด้วยวิธีนี้ เพื่อพวกเขาจะสามารถถวายเกียรติแก่เราได้ง่ายขึ้นทุกๆ
วัน ณ ที่นั้น สมาชิกในครอบครัวจะบอกให้เรารู้ถึงความต้องการ การงาน ความทุกข์ ความเจ็บปวด
ความปรารถนา และความยินดีของเขา เพราะพ่อต้องรู้ทุกสิ่งเกี่ยวกับลูกๆ ของตนแน่นอน เราล่วงรู้
ทุกสิ่งอยู่แล้ว เพราะเราอยู่ที่นั่น แต่เรารักความเรียบง่าย เรารู้จักปรับตัวของเรา ให้เข้ากับสภาพ
ของลูกๆ เราทำตัวของเราให้เป็นเด็กเมื่ออยู่กับเด็กๆ เป็นผู้ใหญ่เมื่ออยู่กับผู้ใหญ่ และเป็นคนชรา
เช่นเดียวกันกับคนชรา เพื่อให้ทุกคนเข้าใจในสิ่งที่เราปรารถนาที่จะบอกเขา เพื่อการเป็นผู้ศักดิ์สิทธิ์
ของเขา และเพื่อสิริมงคลของเรา
ลูกยังไม่ได้ข้อพิสูจน์ในสิ่งที่เรากำลังกล่าวในองค์พระบุตรของเรา ผู้ได้ทำตนให้ต่ำต้อยและ
อ่อนแอเช่นเดียวกับลูกอีกหรือ? ลูกยังไม่ได้ข้อพิสูจน์อีกหรือ? เมื่อได้เห็นเรากำลังพูดกับลูกอยู่ขณะนี้
และเราไม่ได้เลือกมนุษย์ผู้น่าสงสารเช่นลูกเอง เพื่อเราจะสามารถพูดกับลูก และทำให้ลูกเข้าใจในสิ่ง
ที่เราอยากบอกลูกหรือ? ขณะนี้เรายังไม่ได้ทำตัวเราให้เหมือนกับลูกอีกหรือ?
ลูกเห็นหรือยัง? เราได้วางมงกุฎของเราลงแทบเท้าของเรา และได้โอบกอดโลกไว้แนบดวงใจ
ของเรา เราได้ละสิริมงคลของเราไว้ในสวรรค์ และมาที่นี่ เพื่อเป็นทุกสิ่งสำหรับทุกคน เป็นคนยากจน
สำหรับคนยากจน และคนร่ำรวยสำหรับคนร่ำรวย เราต้องการปกป้องผู้เยาว์ทั้งหลายดั่งพ่อผู้อ่อนโยน
ในโลกนี้มีความชั่วอยู่มากมายนัก ผู้เยาว์ผู้น่าสงสาร และจากประสบการณ์เหล่านี้ กำลังปล่อยตัวให้ถูก
ล่อลวงจากความยั่วยวนของสิ่งชั่วร้าย ซึ่งนำพวกเขาไปสู่ความพินาศย่อยยับทีละน้อย ลูกผู้ต้องการ
ใครสักคนมาคอยดูแลชีวิตของลูก เพื่อลูกจะได้ห่างไกลจากความชั่ว จงมาหาเราเถิด เราคือพระบิดา
ผู้รักลูกเกินกว่ามนุษย์คนใดจะสามารถรักลูกได้ จงเข้ามาหลบภัยในเรา บอกความนึกคิด ความต้องการ
ของลูกต่อเรา เราจะมอบความรักให้กับลูก เราจะให้พระหรรษทานแก่ลูกขณะนี้ และจะอวยพรลูกในอนาคต
ให้ลูกมั่นใจได้ว่า เราจะไม่ลืมลูกหลังจากสิบห้า ยี่สิบห้า หรือสามสิบปีที่เราได้สร้างลูกขึ้นมาแล้ว มาเถิด
เรารู้ว่าลูกต้องการพระบิดาที่อ่อนโยนและใจดีอย่างเรามากเพียงใด
ไม่จำเป็นต้องพูดถึงที่เกี่ยวข้องอื่นๆ อีก เพราะเราสามารถพูดได้ในภายหลัง ขณะนี้เราปรารถนาจะพูด
โดยเฉพาะกับลูกๆ ที่เราได้เลือกสรร คือ พระสงฆ์และนักบวช ลูกๆ ของเรา ลูกทั้งหลายผู้เป็นที่รักของเรา
เรามีแผนการที่ยิ่งใหญ่สำหรับลูก
🌹 ถึงสมเด็จพระสันตะปาปา 🌹
เรามาหาลูกผู้เป็นที่รักและตัวแทนของเราก่อนใครอื่น เพื่อมอบงานชิ้นสำคัญนี้ไว้ในความรับผิดชอบ
ของลูก ในบรรดางานทั้งหมดของลูก งานนี้ควรจะเป็นงานสำคัญอันดับแรก และเพราะความหวาดกลัวที่
ปีศาจร้ายได้ก่อให้เกิดขึ้นในจิตใจมนุษย์ ลูกจะต้องทำงานนี้ให้สำเร็จในเวลานี้เท่านั้น
โอ้ เราปรารถนาอันแรงกล้าที่จะให้ลูกรู้ถึงขอบข่ายของกิจการนี้ ทั้งในความยิ่งใหญ่ ความกว้าง
ความลึก และความสูงของงานนี้ เราต้องการให้ลูกเข้าใจถึงความปรารถนาอันยิ่งใหญ่ที่เรามีต่อมนุษยชาติ
ทั้งในปัจจุบันและอนาคต
ถ้าเพียงแต่ลูกได้รู้ว่าเราปรารถนามากสักเพียงใดที่จะให้เราเป็นที่รู้จัก เป็นที่รัก และได้รับการถวาย
เกียรติด้วยความศรัทธาและภักดีพิเศษ เรามีความปรารถนาเช่นนี้มาตลอดนิรันดร์กาลนับตั้งแต่มนุษย์คู่
แรกถูกสร้างขึ้นมา เราเคยแสดงความปรารถนานี้ให้มนุษย์ได้รู้ในเวลาต่างๆ กัน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง
ในพันธสัญญาเดิม แต่มนุษย์ไม่เคยได้เข้าใจเลย บัดนี้ ความปรารถนานี้ของเราทำให้เราลืมอดีตทั้งหมด
ขอเพียงแต่ให้ความปรารถนานั้นเป็นจริงขึ้นมาในจิตใจของมนุษย์ทั่วโลกในเวลานี้เท่านั้น
เรากำลังลดตัวเองลงมาสนทนากับเธอผู้ต่ำต้อยที่สุด และผ่านทางเธอไปยังมวลมนุษย์ ถึงแม้เธอ
จะไม่สามารถเข้าใจถึงความยิ่งใหญ่ของงานที่เราปรารถนาจะทำให้สำเร็จไปท่ามกลางมวลมนุษย์ก็ตาม
เราไม่สามารถพูดถึงหลักเทววิทยากับเธอ เราแน่ใจว่าจะไม่สำเร็จ เพราะเธอไม่มีความเข้าใจเรา
เรากำลังทำเช่นนี้เพื่อให้แผนการของเราสำเร็จได้ โดยอาศัยความเชื่อ และความไร้เดียงสาของเธอ
แต่บัดนี้เป็นหน้าที่ของลูกที่จะตรวจสอบผลงานชิ้นนี้ และทำให้สำเร็จโดยเร็ว เพื่อเราจะได้เป็นที่รู้จัก
เป็นที่รัก และได้รับการถวายเกียรติด้วยความศรัทธาและภักดีพิเศษ เราไม่ได้ขออะไรที่มากไปกว่า
ธรรมดาเลย เราต้องการเพียง
1. เราปรารถนาให้วันหนึ่งหรืออย่างน้อยก็วันอาทิตย์ เพื่อถวายเกียรติเป็นพิเศษแก่เรา ภายใต้
ชื่อว่า "บิดาแห่งมวลมนุษยชาติ" ในวันฉลองนี้เราปรารถนาให้มีการถวายบูชาขอบพระคุณเป็นพิเศษ
ซึ่งไม่ยากเลยที่จะค้นหาข้อความในพระคัมภีร์
หากลูกเลือกที่จะถวายความศรัทธาและภักดีพิเศษนี้แก่เราในวันอาทิตย์ เราขอเลือกวันอาทิตย์แรก
ของเดือนสิงหาคม หากลูกต้องการเลือกวันธรรมดา เราก็ขอเป็นวันที่เจ็ดของเดือนเดียวกันนี้ตลอดไป
2. เราปรารถนาให้นักบวชทั้งหลายถือเป็นความรับผิดชอบ ที่จะเผยแผ่ความศรัทธาและภักดีพิเศษนี้
และเหนือสิ่งอื่นใด ทำให้เราเป็นที่รู้จักดั่งที่เราเป็น และดั่งที่เราเป็นเสมอ เพื่อมวลมนุษย์ คือ เป็นบิดาผู้อ่อน
โยนที่สุดและน่ารักที่สุดในบรรดาบิดาทั้งหลาย
3. เราปรารถนาให้พวกเขานำเราเข้าไปสู่ทุกครอบครัว โรงพยาบาล ห้องปฏิบัติการโรงงาน ค่ายทหาร
ห้องประชุมของคณะรัฐมนตรีต่างๆ นั่นคือ ในทุกสถานที่ที่มีลูกๆ ของเราอยู่ แม้ที่นั่นจะมีเพียงคนเดียวก็ตาม
เราปรารถนาให้รูปภาพของเราเป็นเครื่องหมายของการประทับอยู่ เพื่อแสดงว่าเราอยู่ที่นั่นจริง ดังนั้น
เมื่อมนุษย์จะทำกิจการใด ย่อมอยู่ภายใต้สายตาของพระบิดาของเขา เราไม่เพียงแต่สร้างมนุษย์ขึ้นมา
เท่านั้น แต่เรายังรับเอาไว้เป็นลูกของเราอีกด้วย ด้วยวิธีนี้เอง ลูกๆ จึงอยู่ในความดูแลอันอบอุ่นของเรา
เสมอ แม้ว่าเราจะอยู่ทุกหนทุกแห่ง แต่เราก็ต้องการภาพแทนตัวเราที่เห็นได้
4. เราปรารถนาให้คณะสงฆ์ และบรรดาสัตบุรุษปฏิบัติกิจศรัทธาบางอย่างในระหว่างปีเพื่อ
เทิดเกียรติเรา โดยไม่มีผลเสียต่อหน้าที่การงานปกติของพวกเขา ขอให้บรรดาพระสงฆ์ของเราจงไปทุก
หนทุกแห่ง ท่ามกลางประชาชาติโดยไม่เกรงกลัวอะไรเลย เพื่อนำเปลวไฟแห่งความรักฉันบิดาของเราไป
ยังมวลมนุษย์ เมื่อนั้นวิญญาณทั้งหลายก็จะได้รู้แจ้ง และกลับมาหาเรา ไม่เพียงวิญญาณของหมู่คนไร้ความเชื่อ
เท่านั้น แต่ยังรวมถึงวิญญาณของผู้นับถือลัทธิต่างๆ ซึ่งยังไม่อยู่ในพระศาสนจักรที่แท้จริงด้วย เราต้องการ
ให้คนเหล่านั้น ซึ่งเป็นบุตรของเราด้วยเช่นกัน ได้เห็นเปลวไฟนี้ส่องสว่างตรงเบื้องหน้าของเขา ให้พวกเขา
ได้รู้ความจริง ยอมรับ และปฏิบัติตามคุณธรรมของคริสตชน
5. เราต้องการได้รับการถวายเกียรติเป็นพิเศษให้สามเณราลัยในนวกสถาน ในโรงเรียน และ
ในบ้านพักคนชรา ได้รู้จักและรักเขาในฐานะพระบิดา พระผู้สร้าง และพระผู้ไถ่ของพวกเขา
6. ขอให้พระสงฆ์ค้นหาในพระคัมภีร์ถึงสิ่งที่เราเคยกสาวไว้ในกาลก่อน และยังไม่เป็นที่รู้กันตราบจน
ทุกวันนี้เกี่ยวกับการสักการะ ซึ่งเราปรารถนาจะได้รับจากมนุษย์ ขอให้พวกเขาทำงานเพื่อให้ความปรารถนา
และเจตนารมณ์ของเราเป็นที่รู้กันในมวลมนุษย์ โดยเน้นว่าเราต้องการพูดกับมนุษย์ทุกคน โดยเฉพาะพระสงฆ์
และนักบวช และภคินี ซึ่งบุคคลเหล่านี้คือ ผู้ที่เราเลือกสรรเหนือคนอื่นๆ ในโลก เพื่อถวายความเคารพอย่างสูง
แก่เรา
การทำให้ความปรารถนาเหล่านี้เป็นจริงได้นั้นต้องใช้เวลา แต่สักวันหนึ่ง โดยอาศัยคำภาวนาและ
ความเสียสละจากมนุษย์ผู้ใจบุญ ซึ่งจะอุทิศตนเพื่องานแห่งความรักของเราชิ้นนี้ สักวันหนึ่งคงจะทำให้เรา
พึงพอใจ เราจะอวยพรแก่ลูกผู้เป็นที่รักของเรา เราจะปูนบำเหน็จแก่ลูกเป็นร้อยเท่าพันทวี
สำหรับสิ่งที่ลูกทำเพื่อถวายเกียรติเรา

💞🌟💞 โปรดติดตามตอนต่อไปในวันพรุ่งนี้ 💞🌟💞
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 5937
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

พฤหัสฯ. มี.ค. 30, 2023 9:20 pm

💌~ พระบิดาตรัสกับลูกๆของพระองค์ (IL PADRE PARLA AI SUOI FIGLI) ~💌
แปลและเรียบเรียงโดย สนธิ สารธรรม
👉 ตอนที่ (10)👈
🔹~ คุณแม่เอวเจนิอา บันทึกสารสำคัญจากพระบิดา (4) (B) ~🔹
🌹 ถึงพระสังฆราช 🌹

อาเลสซานโดร; ลูกรัก เราต้องการพูดกับลูกด้วย เพื่อว่าความปรารถนาต่างๆ ของเราจะสัมฤทธิ์ผล
ในโลกนี้
ลูกต้องร่วมมือกับพ่อวิญญาณของ "ต้นวิญญาณน้อย" ต้นนี้ของพระเยซู พระบุตรของเรา
ในการเผยแผ่ผลงานชิ้นนี้ นั่นคือ ความศรัทธาและภักดีพิเศษที่เราคาดหวังจากมนุษย์ เราขอมอบ
หมายงานชิ้นนี้ และอนาคตของงานนี้ซึ่งเป็นงานที่สำคัญมากจริงๆ ไว้กับลูกๆ
จงพูด จงยืนหยัดอย่างไม่ลดละ เพื่อเผยแผ่คำพูดของเราให้เป็นที่รับรู้ เพื่อเราจะได้เป็นที่รู้จัก
เป็นที่รัก และได้รับการถวายเกียรติจากลูกๆ ของเรา หากลูกทำดังนี้ ลูกก็จะได้ทำสิ่งที่เราคาดหวัง
จากลูกแล้ว นั่นคือ น้ำพระทัยของเรา และลูกจะทำให้ความปรารถนาต่างๆ ที่เราได้เก็บรักษาไว้
เงียบๆ ในใจด้วยความชื่นชมยินดีเป็นเวลานานแล้วได้สำเร็จไป
สำหรับทุกสิ่งที่ลูกกระทำไปเพื่อถวายเกียรติแก่เรานั้น เราจะให้มากเป็นสองเท่าสำหรับความ
รอดพ้น และการทำตนให้ศักดิ์สิทธิ์ครบครันของลูกๆ ท้ายที่สุด ในสวรรค์และในสวรรค์เท่านั้น ที่ลูก
จะเห็นบำเหน็จอันยิ่งใหญ่ที่เราจะมอบให้แก่ลูกเป็นพิเศษจริงๆ พร้อมกับบุคคลอื่นๆ ที่จะได้ทำงานเพื่อ
เป้าหมายนี้
เราจะสร้างมนุษย์ขึ้นมาเพื่อเราเอง จึงเป็นการถูกต้องที่เราควรเป็นทุกสิ่งทุกอย่างสำหรับเขา
มนุษย์จะไม่ได้ลิ้มรสความสุขที่แท้จริง เว้นแต่กับพระบิดาและพระผู้สร้างเขา เพราะหัวใจของเขาถูกสร้าง
เพื่อเราแต่เพียงผู้เดียว
สำหรับเรานั้น ความรักที่เรามีต่อมวลมนุษย์นั้นยิ่งใหญ่มากเหลือเกิน จนไม่มีความสุขใดจะยิ่งใหญ่
ไปกว่าการที่เราได้อยู่ท่ามกลางพวกเขา แม้เกียรติมงคลในสวรรค์จะยิ่งใหญ่หาที่สุดมิได้ แต่เกียรติมงคล
ของเราจะใหญ่กว่านั้นอีก เมื่อเราอยู่ท่ามกลางลูกๆ ของเรา คือ มนุษย์ทั้งหลายทั่วโลก ลูกๆ ทั้งหลายเอ๋ย
สวรรค์ของลูกคือวิมานที่ลูกอยู่ร่วมกับบรรดาผู้ได้รับเลือกสรร เพราะ ณ ที่นั้น ลูกจะได้เพ่งพิศเราตลอดกาล
โอ้ มนุษย์เอ๋ย สวรรค์ของเราอยู่บนโลกนี้กับพวกลูกๆ ใช่แล้ว เราแสวงหาความสุขและความปีติยินดีของเรา
บนโลกนี้ และภายในวิญญาณของลูก ลูกสามารถให้ความยินดีแก่เราได้ และยังเป็นหน้าที่ของลูกต่อพระผู้สร้าง
และพระบิดา ผู้ปรารถนาและคาดหวังสิ่งนี้จากลูก
ความปีติยินดีที่เรามีต่อลูก มิได้ยิ่งหย่อนไปกว่าความรู้สึกที่เรามีต่อพระเยซู บุตรของเรา ระหว่างที่
ดำรงชีพเป็นมนุษย์อยู่นั้น ลูกทั้งหลาย เราคือผู้ส่งพระองค์ลงมา พระองค์ทรงปฏิสนธิด้วยฤทธานุภาพของ
พระจิตเจ้า ซึ่งนั่นหมายถึงตัวเราเอง
เรารักลูกเช่นเดียวกับที่เรารักพระบุตรของเรา เราจึงกล่าวแก่ลูกทั้งหลายเช่นเดียวกับที่เรากล่าวกับ
พระองค์ว่า "ลูกคือบุตรที่รักของเรา เราพอใจในตัวลูกมาก เพราะเหตุนี้ เราจึงยินดี และปรารถนาที่จะอยู่กับลูก
เหมือนในดวงอาทิตย์อยู่ท่ามกลางโลก หากลูกพร้อมใจต้อนรับเรา เราจะมาหาลูก และอยู่กับลูกด้วยความรัก
อันไม่มีสิ้นสุด
สำหรับลูกทั้งหลายที่อยู่ในบาป หรือไม่รู้ถึงความจริงทางศาสนานั้น เราไม่สามารถเข้ามาประทับอยู่
ในตัวลูก แต่ก็ยังจะอยู่ใกล้ๆ ลูก เพราะเราไม่เคยหยุดเรียกหาลูก เชิญชวนลูกให้ปรารถนาที่จะรับสิ่งดีๆ
ที่เรานำมาให้ เพื่อลูกอาจจะเห็นแสงสว่าง และจะได้หลุดพ้นจากบาป
บางครั้งเรามองดูลูกๆ และรู้สึกสงสาร เห็นอกเห็นใจกับสภาพที่ไม่มีความสุขของลูกๆ บางครั้งเรามองดู
ลูกด้วยความรัก เพื่อช่วยลูกให้พร้อมที่จะยอมรับความดีงามของพระหรรษทาน เราใช้เวลาเป็นวันๆ และ
บางครั้งเป็นปีๆ ใกลัชิดกับลูกบางคน เพื่อให้เขาได้รับความสุขนิรันดรอย่างแน่นอน เขาไม่รู้ว่าเราอยู่ที่นั่น
กำลังรอเขา กำลังเรียกเขาอยู่ทุกขณะจิต แม้กระนั้น เราไม่เคยเหนื่อยล้า และยังรู้สึกปีติยินดีที่ได้อยู่ใกล้ชิด
กับลูกๆ หวังอยู่เสมอว่าสักวันหนึ่งจะกลับมาหาพระบิดาของลูก และหวังว่าอย่างน้อยลูกๆ จะแสดงความรัก
ต่อเราบ้าง ก่อนลูกจะสิ้นใจ
เราขอยกตัวอย่างของวิญญาณดวงหนึ่งซึ่งกำลังเผชิญความตายอย่างปัจจุบันทันด่วน วิญญาณดวงนี้
ได้เป็นเสมือนลูกล้างผลาญสำหรับเราเสมอ (คุณแม่เอวเจนิอาบันทึกว่า "ดิฉันได้เห็นตัวอย่างนี้จริง เช่นเดียว
กันกับที่พระบิดาบอกให้บันทึก ดิฉันจึงบันทึกไว้) เราได้ประทานพระคุณอย่างล้นเหลือแก่วิญญาณดวงนี้
แต่เขาก็ได้ผลาญพระคุณเหล่านี้ ซึ่งพระบิดาที่รักเขายิ่งนักประทานให้แก่เขา ยิ่งไปกว่านั้น เขายังทำให้เรา
ขัดเคืองใจอย่างยิ่ง เราก็ยังคอย เราได้ติดตามเขาไปทุกหนทุกแห่ง เรายังประทานพระคุณแก่เขามากยิ่งขึ้น
คือ สุขภาพและความมั่งคั่ง ซึ่งเราได้ทำให้เกิดผลจากงานของเขาจนล้นเหลือ ในบางครั้ง พระญาณเอื้ออาทร
ของเราก็ยังได้ประทานพระคุณอื่นๆ เพิ่มให้อีก ดังนั้น เขาจึงได้มีทุกสิ่งทุกอย่างบริบูรณ์ แต่เขากลับมองเห็นสิ่ง
เหล่านั้นไปในทางที่ผิดเพราะกิเลสของเขา ชีวิตของเขาทั้งหมดจึงเต็มไปด้วยความหลงผิด เพราะเขาตกอยู่
ในบาปหนักจนเป็นนิสัย แต่ความรักของเราก็ไม่เคยจืดจางลง เรายังคงติดตามเขาเหมือนเดิม เรายังรักเขา
และเหนือสิ่งอื่นใด แม้เขาจะปฏิเสธเรา เราก็ยังมีความสุขที่ได้อยู่ใกล้ชิดเขาอย่างอดทน โดยหวังว่าสักวันหนึ่ง
เขาจะตอบสนองความรักของเรา และกลับมาหาเราผู้เป็นพระบิดา และพระผู้ไถ่ของเขา
ในที่สุดวันสุดท้ายของเขาก็มาถึง เราได้ส่งความเจ็บป่วยมาให้เขา เพื่อให้เขาสำนึกผิดและกลับมา
หาเราผู้เป็นพระบิดา เวลาผ่านไป เมื่อเขาอายุได้ 77 ปี ลูกผู้น่าสงสาร เรายังอยู่กับเขา พูดกับเขาด้วย
ความเมตตายิ่งกว่าเดิม เราขอให้ผู้ได้รับเลือกสรรทั้งหลายของเราอธิษฐานภาวนาเพื่อลูกของเราคนนี้
เพื่อเขาจะได้วอนขอการอภัยโทษที่เราเสนอให้แก่เขา และขณะที่เขากำลังหายใจเฮือกสุดท้าย เขาเปิด
ตาขึ้น ยอมรับความผิดบาปของตน และรู้ว่าตนเองได้พลัดหลงไปจากทางของเราไกลเพียงใด จากทาง
อันถูกต้องที่นำมาสู่เขา เขากล่าวว่า "พระเป็นเจ้าของลูก บัดนี้ลูกสามารถเห็นแล้วว่า ความรักที่พระองค์
มีต่อลูกนั้นยิ่งใหญ่เพียงไร ลูกได้ทำให้พระองค์ขัดเคืองพระทัยตลอดมา ลูกครองชีวิตด้วยความผิดพลาด
ชั่วช้า ลูกไม่เคยคิดถึงพระองค์ผู้เป็นพระบิดา และพระผู้ไถ่ของลูกเลย บัดนี้ลูกมองเห็นทุกสิ่งแล้ว ลูกวอน
ขออภัยโทษสำหรับความชั่วช้าที่พระองค์ทรงมองเห็นภายในลูก ลูกได้มองเห็นความสับสนวุ่นวายของตัว
ลูกเอง ลูกรักพระองค์ พระบิดาและพระผู้ไถ่ของลูก"
เขาสิ้นใจในวินาทีนั้น และมาอยู่เบื้องหน้าเรา เราพิพากษาเขาด้วยความรักฉันบิดาเพราะได้เรียก
เราว่า "พระบิดา" เขาจึงได้รับความรอดพ้น เขาใช้เวลาช่วงหนึ่งในสถานชำระโทษบาป จากนั้นเขาจะได้
มีความสุขตลอดนิรันดร เราเคยยินดีและหวังว่า ระหว่างที่เขามีชีวิตอยู่ เราเคยยินดีในความหวังที่จะ
ช่วยเขาให้รอดเมื่อเขาสำนึกผิด บัดนี้ เรามีความยินดียิ่งขึ้นอีก ที่เราได้เป็นพระบิดาของเขาตลอดนิรันดร
ตามที่เราปรารถนา ("สำหรับมนุษย์ทั้งหลายที่ดำรงชีวิตอยู่ในความชอบธรรม และพระหรรษทานศักดิ์สิทธิกร
นั้น เราจะมอบความสุขของเราด้วยการประทับอยู่ในเขา เราให้ชีวิตของเราแก่เขา ถ่ายเทฤทธานุภาพของเรา
ให้เขา โดยอาศัยความรักของเรา พวกเขาจึงได้ลิ้มรสแห่งสวรรค์ล่วงหน้าจากเรา
ผู้เป็นพระบิดา และพระผู้ไถ่ของเขา")
จบสารฉบับแรก
สารพระบิดาฉบับที่ 2
"ทุกคนที่เรียกเราว่า "พระบิดา " แม้เพียงครั้งเดียวจะไม่พินาศ แต่จงมั่นใจได้เลยว่า เขาจะมีชีวิตนิรันดร์
ร่วมกับบรรดาชาวสวรรค์"
✴️ คำคม ✴️
Chi cerca amici senza difetti, ne rimane senza
กิ แชรกา อามีชี เซ็นสะ ดิเฟตติ, เน รีมาเน เซ็นสะ
ใครมองหาเพื่อนที่ไม่มีที่ติ ก็จะคงอยู่โดยไม่มีเพื่อน

💞🌟💞 โปรดติดตามตอนต่อไปในวันพรุ่งนี้ 💞🌟💞
ตอบกลับโพส