เรื่องดีๆจากหนังสือสรรสาระ (ชุดที่25 )

ใครมาใหม่เชิญทางนี้ก่อน ทักทาย ทดลองโพส
ตอบกลับโพส
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 5975
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

อาทิตย์ ต.ค. 01, 2023 9:06 pm

(แกะรอนฆาตกร มี 24 ตอน )

แกะรอยฆาตกร ตอนที่ ( 1 )สารคดีพิเศษเรื่องจริงจากหนังสือสรรสาระ
ฉบับเดือนมีนาคม 2540 โดย Reynolds Dodson รวบรวมและจากวิกิปีเดีย 2565
เรียบเรียงโดย กอบกิจ ครุวรรณ

นักสืบแพทริก เคน (Patrick Ken) ดูแผนที่บนโต๊ะในห้องทำงานของหัวหน้า ในแผนที่มีรอยกากบาท
ขีดไว้เต็ม แต่ละจุดแสดงที่เกิดเหตุคดีลักทรัพย์ทางตอนเหนือของรัฐนิวเจอร์ซี่ซึ่งยังไม่รู้ตัวคนร้ายในคดี
ร้อยตำรวจโทจอห์น เลค หัวหน้าของเขากำลังอธิบายให้ฟังว่า “สายสืบของเราคนหนึ่งอ้างว่าชี้ตัวผู้ร้ายได้
ขั้นแรก ผมอยากให้คุณขับรถพาเขาไปรอบๆ” เลคพูด “และตรวจสอบข้อมูลที่เขาให้เกี่ยวกับการโจรกรรม
ในแต่ละบ้านเหล่านั้น”

แพทริกดูไม่เหมือนตำรวจมือปราบเลย เขาเป็นหนุ่มร่างเพรียว นัยน์ตาสีน้ำตาลที่ไร้มายา เสียงอ่อนโยน
และยิ้มสดใสซึ่งเป็นบุคลิกที่ดูขัดแย้งกับหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวนเช่นเขา แพทริกเป็นยอดตำรวจตั้งแต่
อายุ 33 ปี เขาเป็นนักสืบอายุน้อยที่สุดของกองบังคับการตำรวจรัฐในเมืองนิวตัน รัฐนิวเจอร์ซี่ เขามีไหว
พริบดีและมีน้ำอดน้ำทนซึ่งเป็นคุณสมบัติที่เหมาะสำหรับงานสืบสวน

สายสืบที่แพทริกไปพบวันนั้นในปี 2524 มีท่าทางกระวนกระวาย “ผมจะทำตามที่พี่ขอ” เขาบอกแพทริก
“แต่ถ้าพวกแก็งจับได้ละก็ ผมจบเห่แน่ เพราะพวกที่พี่กำลังตามล่านี่ชั่วสุดๆ”

แพทริกขับรถพาสายสืบไปชี้บ้านที่ถูกลักทรัพย์ซึ่งครอบคลุมชุมชนในชนบทถึง 3 แห่ง บ้านหลายหลัง
ไม่มีแม้แต่เลขที่บ้าน
บ่อยครั้งสายสืบจะพยักหน้า

“นั่นก็หลังหนึ่งครับ” เขาพูดพลางชี้ไปที่บ้านหลังหนึ่งซึ่งแก็งที่เขาเข้าไปแฝงตัวบุกเข้าไปโจรกรรม
สายสืบบอกรายละเอียดภายในบ้านแต่ละหลังและข้าวของที่ลักไปด้วย

แพทริกใช้เวลาถึง 2 วันกว่าจะหาที่ตั้งของบ้านทั้งหมดที่ถูกย่องเบาได้ครบ และใช้เวลาอีกหลายสัปดาห์
ยืนยันว่ามีการลักทรัพย์ในบ้านเหล่านั้นจริง เมื่อแพทริกดำเนินการเรื่องนี้เสร็จปลายปี 2525 เขารายงาน
ว่ามีการโจรกรรมรวม 40 ครั้ง รวมเป็นคดีที่ฟ้องร้องตีนแมว 5 คนของแก๊งนี้ได้ถึง 153 ข้อหา

โปรดติดตามตอนที่ ( 2 )ในวันพรุ่งนี้
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 5975
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

จันทร์ ต.ค. 02, 2023 2:22 pm

แกะรอยฆาตกร ตอนที่ ( 2 )สารคดีพิเศษเรื่องจริงจากหนังสือสรรสาระ
ฉบับเดือนมีนาคม 2540 โดย Reynolds Dodson รวบรวมและจากวิกิปีเดีย 2565
เรียบเรียงโดย กอบกิจ ครุวรรณ

แพทริกแต่งงานแล้วและมีลูกเล็กๆ สองคน เขารักลูกเหนือสิ่งอื่นใด แต่ไม่ค่อยมีเวลาให้ลูกๆตั้งแต่
ทำงานเป็นตำรวจนักสืบ แม้ว่าพื้นที่รับผิดชอบของเขาจะเป็นเพียงเมืองเล็กๆ แต่เขาก็ไม่มีเวลาพอจะ
ทำงานที่ได้รับมอบหมาย คดีมีมากและกำลังตำรวจฝ่ายสืบสวนก็มีน้อยเกินไป

ขณะนี้เขาอยากหยุดงานสัก 2-3 วัน เทอร์รี่ภรรยาของเขาเริ่มกังวลมากขึ้นเรื่อยๆ หล่อนย้ำกับเขาว่า
”สัปดาห์หน้าเป็นคริสต์มาส ลูกๆต้องการอยู่กับพ่อของแกนะคะ”

“ผมถามหัวหน้าแล้ว” แพทริกพูด “ลางานได้แล้วด้วย อย่ากังวลไปเลยเทอร์รี่ ผมจะอยู่บ้านตอนคริสต์มาส
ผมสัญญา” แต่โชคชะตาไม่เข้าข้าง หัวหน้าแก็งชื่อเพอร์ซี เฮ้าส์ถูกจับ ส่วนสมุน 2 คนหลบหนีไปได้
“ผมเสียใจ ที่รัก” แพทริกบอกภรรยา “ต้องหาพวกมันให้เจอ หัวหน้ายืนกรานว่าผมต้องรับผิดชอบเรื่องนี้”

แพทริกไม่กังวลเรื่องจับหัวขโมยทั้งสองคือแกรี่ สมิธ และแดนนี่ เดปป์เนอร์ เพราะทั้งคู่ไม่ใช่ผู้ร้ายอันตราย
งานนี้คงกินเวลาไม่นาน

แพทริกเที่ยวค้นหาทั้งสองทั่วชนบทนั้นจนถึงคริสต์มาส แต่ไม่พบร่องรอย ในขณะที่ลูกๆกำลังเปิดกล่อง
ของขวัญอยู่ที่บ้าน แพทริกกำลังซุ่มคอยการปรากฏตัวของผู้ร้ายทั้งสองอยู่
วันขึ้นปีใหม่มาถึงและผ่านไป แพทริกเริ่มไม่สบายใจ เขาคิดว่า “คดีนี้มีอะไรไม่ชอบมาพากลเสียแล้ว”

ความลึกลับอย่างหนึ่งเกี่ยวกับคดีนี้คือของกลาง ของจำนวนมากที่ถูกย่องเบามา นับแต่ปืนพกไปจนถึง
รถยนต์หายไปไหนหมด การซ่อนของจำนวนมากเช่นนี้ต้องใช้เครือข่ายในวงการมิจฉาชีพที่กว้างขวาง
สายสืบคนนั้นก็ไม่ทราบเบาะแสเรื่องที่เก็บซ่อนข้าวของที่ถูกย่องเบาสายสืบบอกได้เพียงว่า มีชายคนหนึ่ง
ชื่อ “ริชาร์ด คูคลินสกี้” (Richard Kuklinski) เป็นคนที่เตร็ดเตร่อยู่แถวสถานที่ซึ่งเรียกว่า “ร้านค้า”
ในเมืองแพเตอร์สัน (Paterson) รัฐนิวเจอร์ซี่

แพทริกไม่เคยได้ยินชื่อริชาร์ด คูคลินสกีมาก่อน ชายผู้นี้ไม่ใช่ผู้ร้ายที่เขาหมายตาไว้ เขาต้องพุ่ง
ความสนใจอันดับแรกไปที่ตัวผู้ต้องสงสัยคดีย่องเบาก่อน จากนั้นจึงค่อยจัดการเรื่องของกลาง

เวลา 9.00 น. วันที่ 3 มกราคม 2525 ขณะที่แพทริกนั่งอยู่ในห้องทำงานของเขาในเมืองนิวตัน
เพื่อนร่วมงาน
จากท้องที่ในเมืองแฟรงคลิน (Franklin Borough) รัฐนิวเจอร์ซี่ ที่อยู่ใกล้ๆ โทรศัพท์มาบอกว่า
“เราพบภรรยา
ของแดนนี่ เดปป์เนอร์แล้ว เลยนำตัวมาที่โรงพัก หล่อนกำลังร้องไห้ตีโพยตีพายใหญ่เลย”

“เรื่องอะไรกัน” แพทริกถาม

“ผมไม่แน่ใจ” ตำรวจผู้นั้นบอก

“แต่คุณควรมาที่นี่นะ ดูเหมือนคดีลักทรัพย์ของคุณจะกลายเป็นคดีฆาตกรรมไปแล้ว”

โปรดติดตามตอนที่ ( 3 )ในวันพรุ่งนี้
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 5975
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

พุธ ต.ค. 04, 2023 9:37 pm

แกะรอยฆาตกร ตอนที่ ( 3 )สารคดีพิเศษเรื่องจริงจากหนังสือสรรสาระ
ฉบับเดือนมีนาคม 2540 โดย Reynolds Dodson รวบรวมและจากวิกิปีเดีย 2565
เรียบเรียงโดย กอบกิจ ครุวรรณ

(@)ริชาร์ด คูคลินสกี

สถานีตำรวจในเมืองแฟรงคลิน อยู่ห่างจากเมืองนิวตันโดยใช้เวลาขับรถ 20 นาที ขณะขับรถ
มุ่งตรงไปที่นั่น แพทริกนึกไม่ออกว่าเขากำลังจะเผชิญกับอะไร

นักสืบหนุ่มทราบว่าแดนนี่ เดปป์เนอร์มีภรรรยาซึ่งไปขออาศัยอยู่กับพี่สาว แต่พี่สาวหวาดกลัวเรื่อง
ที่เกิดขึ้นจึงปฏิเสธไม่ให้พัก สองพี่น้องโต้เถียงกันรุนแรงมากจนเพื่อนบ้านโทรศัพท์ไปแจ้งความ

ที่เมืองแฟรงคลิน จ่าคนหนึ่งนำแพทริกไปที่ห้องเล็กๆหลังสถานี ซึ่งบาร์บารา ภรรยาของแดนนี่ เดปป์เนอร์
หญิงผอมบางกำลังนั่งเครียดตัวสั่นอยู่ หล่อนมีลูก 8 คนและกำลังจะคลอดคนที่ 9

“ฉันได้รับโทรศัพท์จากแดนนี่ สามีของฉัน” หล่อนบอกแพทริก “เขาและแกรี่ตอนนี้ซ่อนตัวอยู่ในห้อง
หมายเลข 31 ที่โมเต็ลยอร์ก ริชาร์ด คูคลินสกีเป็นคนหาที่ซ่อนให้

“คูคลินสกีอีกแล้วหรือ” แพทริกคิด

“คนอื่นๆในแก๊งกลัวริชาร์ด คูคลินสกีมาก ฉันก็กลัวเขาเหมือนกัน” บาร์บาราเล่าต่อ “เขาเป็นคนน่ากลัวมาก”

ตามคำบอกเล่าของบาร์บารานั้น แดนนี่และแกรี่ สมิธโทรฯขอความช่วยเหลือจากริชาร์ด คูคลินสกี และเขา
ก็สั่งให้ทั้งสองไปซ่อนตัวอยู่ในโมเต็ลดังกล่าวจนกว่าเขาจะอนุญาตให้ออกมาได้ แต่แกรี่ขัดขืนคำสั่งเพราะ
ลูกสาวอายุ 6 ขวบของเขาอยู่.ในหมู่บ้านใกล้ๆ โมเต็ลนั้น เขาจึงออกจากโมเต็ลและโบกรถไปเยี่ยมลูก

เมื่อริชาร์ด คูคลินสกีรู้เรื่อง เขาโกรธจัดและบอกแดนนี่ว่า “ควรกำจัดแกรี่ สมิธเสีย”

แดนนี่บอกบาร์บาราว่า ริชาร์ดออกไปข้างนอก แล้วกลับเข้ามาพร้อมกับแฮมเบอร์เกอร์ 3 อัน สองอันใส่
แตงดอง อีกอันไม่ใส่แตงดองแต่ใส่ยาพิษบางอย่างไว้ ริชาร์ดส่งแฮมเบอร์เกอร์ชิ้นหลังนี้ให้แกรี่ แกรี่กิน
อย่างรวดเร็ว ภายในไม่กี่วินาที แกรี่ก็หอบฮักๆและล้มลง หายใจไม่ออกและชักดิ้นชักงอ

“จัดการเสียให้หมดเรื่อง” ริชาร์ด คูคลินสกีสั่งแดนนี่ผู้ซึ่งหวาดกลัวจนไม่กล้าปฏิเสธ เขากระชากสายไฟ
จากโคมไฟใกล้ๆ ใช้รัดคอแกรี่ซึ่งกำลังจะสิ้นใจ

เมื่อบาร์บาราเล่าจบ แพทริกถึงกับนิ่งอึ้งไป

ทำไมริชาร์ด คูคลินสกีต้องฆ่าผู้สมรู้ร่วมคิดด้วย ทำไมเขาจึงเสี่ยงทำฆาตกรรมในคดีลักทรัพย์ธรรมดาซึ่ง
โทษร้ายแรงที่สุดก็ถูกจำคุกเพียงไม่กี่ปี เขาวางยาพิษลูกน้องด้วยเหตุผลเพียงเพราะขัดขืนคำสั่งเท่านั้นเองหรือ

“บาร์บารา” แพทริกพูด “นี่เป็นเรื่องสำคัญนะ บอกผมอีกทีว่าพวกเขาอยู่ในโมเต็ลไหน ห้องหมายเลขอะไร
ผมจะให้เจ้าหน้าที่ไปดูนะครับ”

แพทริกโทรฯหาตำรวจในท้องที่ซึ่งโมเต็ลยอร์กตั้งอยู่ และเหตุการณ์ก็เป็นไปตามที่บาร์บาราเล่า พวกเขา
พบศพในห้องหมายเลข 31

“เอาละ” แพทริกพูด “ช่วยกลับไปดูที่ห้องนั้นว่า มีโคมไฟอยู่ไหม ถ้ามี ตรวจดูและบอกผมว่าคุณพบอะไร”

ภายใน 1 ชั่วโมง ตำรวจที่นั่นก็โทรฯกลับมาหาแพทริก พร้อมกับรายงานว่า พบโคมไฟตั้งโต๊ะตัวหนึ่ง
แต่โคมไม่ติดเมื่อเปิดไฟเพราะมีคนกระชากสายไฟออกไปแล้ว

โปรดติดตามตอนที่ ( 4 )ในวันพรุ่งนี้
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 5975
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

พุธ ต.ค. 04, 2023 9:40 pm

แกะรอยฆาตกร ตอนที่ ( 4 )สารคดีพิเศษเรื่องจริงจากหนังสือสรรสาระ
ฉบับเดือนมีนาคม 2540 โดย Reynolds Dodson รวบรวมและจากวิกิปีเดีย 2565
เรียบเรียงโดย กอบกิจ ครุวรรณ

(@)แกะรอยตาม

ตอนนี้แพทริกรู้แล้วว่าเรื่องที่บาร์บาราเล่าให้ฟังเป็นความจริงและคาดว่าแดนนี่ เดปป์เนอร์อาจ
เป็นเหยื่อรายต่อไป ตำรวจจะต้องหาตัวแดนนี่โดยด่วนและควบคุมตัวไว้
เมื่อแพทริกกลับไปที่ทำงานในเมืองนิวตัน มีงานมากมายและคำสั่งจากหัวหน้ารอเขาอยู่ แต่ใจของ
แพทริกกลับจดจ่ออยู่กับสิ่งที่บาร์บาราพูดก่อนจากไป

“ริชาร์ด คูคลินสกีเป็นผีร้ายที่ไม่มีใครพ้นเงื้อมมือของเขาไปได้”

หากคำพูดของบาร์บาราเป็นความจริง ริชาร์ด คูคลินสกีก็จะตามปลิดชีวิตทุกคนซึ่งอาจให้การ
ปรักปรำเขา แพทริกบอกบาร์บาราว่า หล่อนและลูกๆควรซ่อนตัวให้พ้นจากริชาร์ดด้วย

แพทริกรู้สึกว่าแดนนี่ เดปป์เนอร์ต้องเสี่ยงอันตรายเป็นสองเท่า เพราะเขาเป็นทั้งผู้สมรู้ร่วมคิด
ในคดีลักทรัพย์และคดีฆาตกรรมแกรี่ สมิธ แดนนี่ต้องการการคุ้มกันจากเจ้าหน้าที่เช่นเดียวกัน
แม้จะเป็นผู้สมรู้ร่วมคิด แต่ดูเหมือนเขาถูกขู่เข็ญให้ฆ่าเพื่อน แต่แดนนี่ เดปป์เนอร์อยู่ที่ไหนเล่า
นี่ก็ 10 วันแล้วนับตั้งแต่เขาโทรศัพท์มาหาภรรยา

ในระหว่างนี้ แพทริกตัดสินใจจะหาข้อมูลเกี่ยวกับริชาร์ด คูคลินสกี เช่นบ้านอยู่ที่ไหนและเป็นคนอย่างไร

นักสืบแพทริกประหลาดใจเมื่อสืบพบว่า ริชาร์ด คูคลินสกีอยู่กับครอบครัวในเมืองดูมอนต์
(Dumont Borough) รัฐนิวเจอร์ซี่ ซึ่งไม่ไกลจากบ้านของแพทริก และห่างจากโมเต็ลยอร์กเพียงขับรถ
2-3 นาที เขาแต่งงานแล้ว และมีลูก 3 คน อาศัยอยู่บนถนนเงียบๆสายหนึ่งในบ้านหลังใหญ่

มองครั้งแรก คูคลินสกีเหมือนนักธุรกิจธรรมดาคนหนึ่ง เมื่อขุดคุ้ยข้อมูลได้มากขึ้น แพทริกจึงรู้ว่าคู
คลินสกีเคยเป็นผู้จัดจำหน่ายภาพยนต์ แต่ในปัจจุบันเขาเรียกตัวเองว่าเป็นนักค้าเงิน
คูคลินสกีพยายามไม่เกี่ยวข้องกับตำรวจท้องที่ เขามีเรื่องกับตำรวจเพียง 2 ครั้งเท่านั้น ครั้งแรก รถคันหนึ่ง
ที่มีวัยรุ่นนั่งมาเต็มคันก่อความรำคาญให้เขาๆจึงตอบโต้ด้วยการทุบกระจกหน้ารถคันนั้น ครั้งที่สอง ผู้หญิง
คนหนึ่งแจ้งความว่า ขณะที่เธอหยุดรถที่สัญญาณไฟแดง คูคลินสกีก็ขับรถขึ้นมาขนาบอยู่ข้างรถของเธอ
จากนั้นก็เปิดประตูรถลงมาชกกระจกด้านผู้โดยสารของเธอแตก ตำรวจนำเขามาสอบสวนแต่ปล่อยตัวไป
ในที่สุด

แพทริกไปที่สถานีตำรวจดูมอนต์เพื่อขอข้อมูลเกี่ยวกับคูคลินสกีจากตำรวจที่นั่น ที่สุดแพทริกได้คุยกับ
นักสืบท้องที่คนหนึ่งซึ่งจำคูคลินสกีได้และให้ข้อมูลว่า คูคลินสกีเคยถูกจับในคดีเช็คเด้ง “แต่เราทำได้แค่
ถ่ายรูปขึ้นทะเบียนประวัติไว้เป็นผู้ต้องสงสัย”

“คุณมีรูปนั้นรึเปล่า” แพทริกถาม

“แน่นอนครับ” นักสืบตอบและดึงภาพถ่ายใบหนึ่งออกมา เป็นภาพของผู้ชายเจ้าเนื้อไว้หนวดเครา
มีนัยน์ตาพองโตและเย็นชา “ถ้าคุณอยากได้ ผมจะอัดให้”

โปรดติดตามตอนที่ ( 5 )ในวันพรุ่งนี้
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 5975
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

พฤหัสฯ. ต.ค. 05, 2023 9:22 pm

แกะรอยฆาตกร ตอนที่ ( 5 )สารคดีพิเศษเรื่องจริงจากหนังสือสรรสาระ
ฉบับเดือนมีนาคม 2540 โดย Reynolds Dodson รวบรวมและจากวิกิปีเดีย 2565
เรียบเรียงโดย กอบกิจ ครุวรรณ

แพทริกนำสำเนาภาพถ่ายนั้นกลับมาที่ห้องทำงานของเขา ดึงแฟ้มออกมาเล่มหนึ่ง เขียนชื่อคูคลินสกี
ลงบนปกแล้ววางแฟ้มนั้นไว้ในลิ้นชักโต๊ะทำงานชั้นบนด้านขวา การสืบสวนคดีลักทรัพย์ของเขากำลังเปลี่ยน
โฉมหน้าแล้ว

ชณะนี้แพทริกรู้จักหน้าตาของ ริชาร์ด คูคลินสกีแล้ว ทั้งรู้ด้วยว่าเขาเป็นคนอารมณ์ร้อน แต่นั่นยังใช้เป็น
หลักฐานบ่งชี้ว่าเขาเป็นฆาตกรเลือดเย็นไม่ได้ คำเตือนของบาร์บารายังคาใจเขาอยู่ เขาอยากเผชิญหน้า
กับผู้ต้องสงสัย แต่ก็กลัวว่าในยามที่ไม่มีพยานหลักฐานหนาแน่นกว่านี้ เขาจะเป็นฝ่ายทำให้คูคลินสกีไหว
ตัวทันและหลบหนีไปซ่อนตัวเสียก่อน

แพทริกจึงสืบสวนหาข้อมูลต่อไป เขาสงสัยเรื่องงานจัดจำหน่ายภาพยนตร์ของคูคลินสกี ในไม่ช้า
ก็ทราบว่าคูคลินสกีขายภาพยนต์ลามก แฟ้มในลิ้นชักของแพทริกเริ่มหนาขึ้นเรื่อยๆ

คืนหนึ่งหลังอาหารค่ำ แพทริกพูดเบาๆกับภรรยาในครัวขณะที่เด็กๆกำลังดูโทรทัศน์กันอยู่ “เทอร์รี่
ผมคิดว่า คดีนี้เป็นคดีใหญ่นะ ชายคนหนึ่งถูกฆ่าและผมรู้เบาะแสเกี่ยวกับฆาตกร แต่คงต้องใช้เวลา
นานกว่าจะได้ตัวคนร้าย”

เทอร์รี่ถอนใจ พลางย้อนคิดถึงเหตุการณ์ในอดีต หล่อนรู้จักแพทริกตั้งแต่เรียนอยู่ชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย
หล่อนไปงานเลี้ยงแห่งหนึ่งใกล้บ้าน แพทริกอยู่ในงานนั้นกับกลุ่มเพื่อนสนิทของเขาจากกองทัพอากาศ
และปีต่อมา ทั้งคู่ก็แต่งงานกัน

ปีแรกๆของชีวิตสมรสเป็นเวลาแห่งความสำราญใจไร้กังวล สองสามีภรรยามีเวลาไปตั้งแคมป์หรือชม
ภาพยนต์ด้วยกันบ่อยๆ แต่ขณะนี้ทุกอย่างเปลี่ยนไป ลูกเล็กๆ สองคนทำให้เทอร์รี่และแพทริกมีปัญหา
การเงินและมีเวลาให้ครอบครัวน้อยลง เทอร์รี่ทำงานกึ่งเวลาในร้านขายรองเท้า หล่อนต้องการความอบอุ่น
และเห็นอกเห็นใจจากสามี

“แพทริก” หล่อนพูดกับเขา “คุณก็รู้ว่าฉันอยู่เคียงข้างคุณเสมอ แต่อย่าลืมว่าเด็กๆต้องการคุณ และฉันก็เ
ช่นกัน อย่าปล่อยให้งานของคุณมาก่อนชีวิตเรานะคะ”

“ผมจะพยายามอย่างดีที่สุด” แพทริกตอบ แต่ก็อดกังวลใจอยู่ว่าจะรักษาคำพูดไว้ไม่ได้

โปรดติดตามตอนที่ ( 6 )ในวันพรุ่งนี้
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 5975
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

ศุกร์ ต.ค. 06, 2023 1:19 pm

แกะรอยฆาตกร ตอนที่ ( 6 ))สารคดีพิเศษเรื่องจริงจากหนังสือสรรสาระ
ฉบับเดือนมีนาคม 2540 โดย Reynolds Dodson รวบรวมและจากวิกิปีเดีย 2565
เรียบเรียงโดย กอบกิจ ครุวรรณ

(at)แมลงแห่งความตาย

วันที่ 14 พฤษภาคม 2526 นักขี่จักรยานคนหนึ่งปั่นจักรยานไปตามถนนในเมืองเวสต์มิลฟอร์ต
(West Milford Township) ที่ติดกับเมืองแฟรงคลิน เมื่อเลี้ยวเข้าถนนเฉอะแฉะสายหนึ่งใกล้อ่างเก็บน้ำ
เขาก็ต้องเบรกจักรยานทันที
สิ่งที่นักขี่จักรยานคนนั้นเห็นคือ นกสีดำขนาดใหญ่คล้ายเหยี่ยวตัวหนึ่งกำลังจิกกองถุงขยะอยู่ ที่รูด้านหนึ่ง
ของถุงขยะมีแขนซึ่งเน่าจนถึงกระดูกแล้วยื่นออกมา เขารีบแจ้งให้ตำรวจทราบ ตำรวจจึงโทรฯแจ้งแพทย์
นิติเวชเข้าร่วมชันสูตรพลิกศพ แล้วถุงขยะที่มีศพอยู่ก็ถูกย้ายไปไว้ในห้องชันสูตรศพที่เมืองนิววาร์ก (Newark)
รัฐนิวเจอร์ซี่ จากนั้นหัวหน้าซึ่งเป็นผู้หญิงและทีมงานก็สวมหน้ากากและเสื้อกาวน์เตรียมปฏิบัติงาน

เมื่อหัวหน้าทีมเลาะสิ่งที่ห่อหุ้มศพออก ก็ถูกฝูงแมลงวันที่บินออกมาจากศพตามด้วยฝูงแมลงปีกแข็งที่กิน
ซากเน่าบินพรูออกมาจากอวัยวะทุกส่วนของศพและไต่ขึ้นไปตามแขนทั้งสองข้างและรอบคอของเธอ

“ไอ้แมลงบ้า!” หญิงสาวสาปแช่ง ใช้มือปัดแมลงด้วยความหงุดหงิด แท้ที่จริงนั้น แมลงเหล่านี้เป็นพันธมิตร
ของหล่อน เพราะการตรวจสอบขั้นตอนการมีชีวิตของพวกมันจะช่วยให้ทราบว่า พวกมันเริ่มมาตอมกินศพ
เมื่อใด พยานหลักฐานนี้รวมกับปริมาณน้ำหนักร่างกายที่เหลือแต่โครงกระดูกช่วยสรุปได้ว่า ผู้ชายบนเตียง
ชันสูตรเสียชีวิตในฤดูหนาวที่ผ่านมา

ขั้นตอนต่อไปเป็นการตรวจสอบขนาดของศพ ผลปรากฎว่า เป็นเพศชายที่เติบโตเต็มที่แล้ว สูงเกือบ 190
เซนติเมตร ขณะนี้ร่างกายหนัก 78 กิโลกรัม แต่เมื่อมีชีวิตอยู่เขาน่าจะหนักกว่านี้อีก เนื่องจากเหยื่อเป็น
คนแข็งแรง และศพของเขาถูกทิ้งไว้ห่างจากถนนมาก หล่อนจึงสรุปว่าศพต้องถูกแบกมาโดยคนที่แข็งแรง
มากอย่างน้อย 1 คน

โปรดติดตามตอนที่ ( 7 )ในวันพรุ่งนี้
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 5975
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

เสาร์ ต.ค. 07, 2023 12:17 pm

แกะรอยฆาตกร ตอนที่ ( 7 )สารคดีพิเศษเรื่องจริงจากหนังสือสรรสาระ
ฉบับเดือนมีนาคม 2540 โดย Reynolds Dodson รวบรวมและจากวิกิปีเดีย 2565
เรียบเรียงโดย กอบกิจ ครุวรรณ

ถึงแม้จะสรุปว่าเหยื่อถูกฆาตกรรม แต่หล่อนก็ไม่พบร่องรอยของการต่อสู้นอกจากบาดแผลที่
คอของเหยื่อเพียงแห่งเดียว แต่เหยื่อต้องถูกฆาตกรรม มิฉะนั้นคงไม่มีการห่อศพอย่างพิถีพิถันและ
ลากไปทิ้งไว้ในป่าเช่นนั้น

ชายคนนี้อาจถูกรัดคอให้ตาย “แต่ก็น่าแปลก” เมื่อชายหนุ่มซึ่งแข็งแรงดีถูกรัดคอ เขาต้องพยายาม
ต่อสู้ป้องกันตัว จึงน่าจะปรากฏรอยฟกช้ำและบาดแผลตามตัว และน่าประหลาดที่ยังมีอาหารอยู่ใน
ท้องของเขา บ่งชี้ว่าเขาตายในขณะกินอาหารอยู่หรือหลังจากนั้นไม่นาน

รายงานการตรวจสารพิษแจ้งว่าไม่พบสารพิษในเนื้อเยื่อของศพ แต่ยังไม่อาจยืนยันได้ว่า ผู้ตายไม่ได้
กินยาพิษ เพราะยาพิษบางชนิดเช่นไซยาไนต์สลายตัวได้รวดเร็วในเนื้อเยื่อของมนุษย์
อาหารในท้องและกางเกงของผู้ตายมีใบเสร็จรับเงินหลายปึกจากโมเต็ลแห่งหนึ่งเป็นหลักฐานบ่งว่า
ผู้ตายพักอยู่ที่นั่นและทำอาหารกินเองมากกว่าออกไปรับประทานข้างนอก

เจ้าหน้าที่ชันสูตรคาดคะเนว่า ผู้ตายอยู่ในระหว่างการหลบหนี ไม่เช่นนั้นคงไม่ต้องทนกินถั่วไหม้ในห้อง
ที่โมเต็ล ตำรวจอาจกำลังตามตัวเขาอยู่ก็เป็นได้
หลักฐานชิ้นสุดท้ายคือ ภาพถ่ายจำนวนมากในกระเป๋าเงินของผู้ตาย ภาพเหล่านี้ถูกความชื้นจนเกาะติดกัน
หัวหน้าทีมชันสูตรดึงภาพให้แยกจากกันอย่างระมัดระวัง หล่อนเห็นใบหน้าของเด็กหลายคนในภาพ
เจ้าหน้าที่ส่งภาพทั้งหมดไปที่กองอัยการหลังจากทำให้แห้งแล้ว

เจ้าหน้าที่อัยการวางภาพเหล่านั้นไว้บนโต๊ะใกล้ห้องโถงกลาง หวังว่าผู้ที่เดินผ่านไปมาอาจบอกได้ว่าเด็กๆ
ในภาพเป็นใคร ในที่สุดตำรวจตรวจท้องที่แถบนั้นซึ่งรู้จักแพทริก เคน และคุ้นเคยดีกับคดีที่แพทริกสืบสวนอยู่
ก็เดินผ่านมาแถวนั้น

“ฉันเคยเห็นเด็กพวกนี้” เขาพูดกับตัวเอง “แต่นึกไม่ออกว่าเคยเห็นพวกเขาที่ไหน” แล้วเขาก็นึกขึ้นได้ในฉับพลัน
“คุณพระช่วย! นั่นมันลูกๆของบาร์บารานี่!”

โปรดติดตามตอนที่ ( 8 )ในวันพรุ่งนี้
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 5975
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

พฤหัสฯ. ต.ค. 12, 2023 5:36 pm

แกะรอยฆาตกร ตอนที่ ( 8 )สารคดีพิเศษเรื่องจริงจากหนังสือสรรสาระ
ฉบับเดือนมีนาคม 2540 โดย Reynolds Dodson รวบรวมและจากวิกิปีเดีย 2565
เรียบเรียงโดย กอบกิจ ครุวรรณ

(@)ปริศนาของผีร้าย

ภายในไม่กี่ชั่วโมง แพทริกก็ทราบข่าวนี้ เจ้าหน้าที่นำตัวบาร์บารามาที่กองอัยการ แล้วหล่อนก็
ยืนยันสิ่งที่แพทริกกลัวหนักหนา เหยื่อฆาตกรคือแดนนี่ เดปป์เนอร์นั่นเอง

นั่นหมายความว่า แพทริกมีคดีฆาตกรรม 2 คดีในมือ แต่ยังไม่มีข้อพิสูจน์ว่าคูคลินสกีเป็นฆาตกร ไม่มี
พยานบุคคลและไม่มีพยานหลักฐานอย่างอื่น โดยทั่วไปนั้น คดีฆาตกรรมหนึ่งคดีก็เต็มมือตำรวจนักสืบ
ซึ่งเอางานเอาการแล้ว ขณะนี้แพทริกมีคดีอยู่ในมือถึง 2 คดี จึงรู้สึกกดดันเรื่องงานมากขึ้น
แต่ก่อนนี้ เมื่อแพทริกกลับจากงานมาถึงบ้านตอนกลางคืน เขาจะต้องเข้าไปหาลูกๆ “พ่อ!” ลูกๆตะโกนเรียก
พลางกระโดดขึ้นขี่หลัง แพทริกจะแห่ลูกไปรอบๆในขณะที่เด็กๆส่งเสียงร้องอย่างสนุกสนาน

แต่เดี๋ยวนี้ เมื่อลูกๆวิ่งกรูเข้ามา เขาจะบอกเด็กๆว่า “ไม่ใช่ตอนนี้นะลูก” แล้วเขาก็รินเหล้าให้ตัวเองแก้วหนึ่ง
แล้วก็นั่งครุ่นคิดแต่คดีนี้ จิตใจจดจ่ออยู่แต่ริชาร์ด คูคลินสกี

“แพทริก” เทอร์รี่พูดขึ้น “มีเรื่องอะไรหรือคะ คุณเป็นอย่างนี้มาตั้งแต่ผู้ร้ายคนนั้นตาย มันกำลังทำให้ชีวิตเรา
เป็นทุกข์นะคะ”

“ไม่มีอะไรหรอกจ้ะ” แพทริกพูด “ให้ผมอยู่คนเดียวเถอะ” แล้วเขาก็นั่งอยู่ที่นั่นด้วยสีหน้าที่เทอร์รี่เรียกว่า
“สีหน้าตอนทำงาน”

แพทริกยิ่งหงุดหงิดเมื่อรู้ว่า ไม่มีใครสามารถสะกดรอยตามคูคลินสกีได้ “ผมพยายามตามเขาไปครั้งหนึ่ง”
เพื่อนร่วมงานคนหนึ่งเตือน “เขาคอยระวังตัวอยู่ตลอดเวลาว่ามีใครตามเขาไหม”

แพทริกขอให้ตำรวจสายสืบเมืองดูมองต์คนหนี่งขับรถผ่านบ้านของคูคลินสกีและจดเลขทะเบียนรถทุกคันที่
จอดอยู่หน้าบ้าน นักสืบผู้นี้ยังตรวจดูสถานที่ซึ่งเรียกว่า “ร้านค้า”ในเมืองแพเตอร์สันด้วย สายสืบบอกว่า
สถานที่นี้อาจเป็นแหล่งซุกซ่อน ของกลางต่างๆไว้ ร้านค้าที่ว่านี้ดูประหลาดและน่าสนใจ เป็นร้านขายของ
ชั้นเดียวกลางร้านค้าปลีกทั้งแถว ไม่มีป้ายชื่อร้าน แต่มีผู้คนเดินเข้าออกร้านนี้กันตลอดวัน

โปรดติดตามตอนที่ ( 9 )ในวันพรุ่งนี้
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 5975
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

พฤหัสฯ. ต.ค. 12, 2023 5:38 pm

แกะรอยฆาตกร ตอนที่ ( 9 )สารคดีพิเศษเรื่องจริงจากหนังสือสรรสาระฉบับเดือนมีนาคม 2540
โดย Reynolds Dodson รวบรวมและจากวิกิปีเดีย 2565 เรียบเรียงโดย กอบกิจ ครุวรรณ

“ฉันอยากเข้าไปในร้านนั้น” แพทริกคิด “แต่พวกเขาต้องรู้ทันทีว่าฉันเป็นตำรวจ ต้องหาวิธีอื่น”

สัญชาตญาณบอกแพทริกว่า คูคลินสกีเป็นฆาตกรมืออาชีพในคราบของพลเมืองธรรมดาๆ เขารู้อีกว่า
คูคลินสกีนั้นไม่ใช่คนหนุ่ม แต่อายุ 48 ปีแล้ว “ฆาตกรไม่เริ่มฆ่าคนเมื่ออายุเข้าวัยกลางคนหรอก” แพทริกคิด
“มีใครตกเป็นเหยื่อคูคลินสกีก่อนหน้านี้ไหม”

ขณะที่คดียืดเยื้อต่อไป แพทริกเริ่มกลายเป็นคนขี้หงุดหงิดและชีวิตครอบครัวของเขาก็แย่ลงทุกที เขา
กลายเป็นคนเครียดตลอดเวลา หลังเลิกงาน เขาจะออกวิ่งครั้งละนานๆ เมื่อกลับมาบ้านก็จะลงไปที่ห้อง
ใต้ถุนซึ่งแขวนถุงที่อัดแน่นด้วยเศษผ้าและเสื้อผ้าเก่าๆ แพทริกใช้ถุงนี้ต่างกระสอบทราย เขารัวกำปั้นใส่
ถุงผ้าระบายความแค้นจนข้อนิ้วด้านไปหมด

แพทริกมองว่าคูคลินสกีเป็นฝาแฝดของผู้ชายอย่างเขา เพียงแต่หักเหไปในทางชั่วร้ายเท่านั้น ทั้งสองเป็น
สามี มีลูก มีชีวิตแต่งงานเหมือนกัน ที่จริงคูคลินสกีเป็นคาทอลิกเหมือนแพทริก และครั้งหนึ่งเคยเป็นเด็ก
ช่วยมิสซาเหมือนกัน แพทริกคิดว่าความเหมือนกันอย่างเด่นชัดระหว่างเขาทั้งสองเป็นเรื่องเล่นตลกของ
โชคชะตา เพราะชีวิตของคูคลินสกีดำมืด บิดเบี้ยว มีเพียงเปลือกนอกเท่านั้นที่ดูเป็นคนสุจริต

แพทริกตัดสินใจจะไม่เลิกล้มการสืบสวนคดีนี้ “ฉันไม่ได้เริ่มขุดคุ้ยเพื่อจะเลิกล้ม” แพทริกคิด “และจะไม่หยุด
ตามแกะรอยจนกว่าจะคลีคลายเงื่อนปมในคดีนี้สำเร็จ”

กิริยาอันอ่อนโยนของแพทริกปกปิดความกล้าหาญและหัวดื้อดุจสุนัขบูลด็อกของเขาไว้จนแม้เพื่อนฝูงและ
เพื่อนร่วมงานก็ไม่ระแคะระคาย แพทริกเข้าร่วมงานตำรวจเพราะเบื่อหน่ายงานที่กองทัพอากาศ เขาได้
รับการฝึกให้เป็นผู้ชำนาญด้านเรดาร์ประจำเครื่องบิน การฝึกหนักมาก แต่แพทริกก็อดทน เขาศึกษา
บทเรียนจนดึกดื่นอยู่บ่อยๆ เมื่อสอบผ่าน เขาก็ได้เป็นพลเรดาร์ชั้นหนึ่งประจำหน่วย

คดีนี้ท้าทายแพทริกอย่างยิ่ง ใจเขาจดจ่ออยู่กับคดี เขาศึกษาเงื่อนปมต่างๆในคดีนี้อย่างถี่ถ้วนเพื่อค้นหา
ประเด็นข้อสงสัยและเงื่อนงำต่างๆ แพทริกคิดว่าบางทีผู้ที่จะให้เงื่อนงำเขาได้คือเพอร์ซี เฮ้าส์ หัวหน้าแก๊ง
ซึ่งถูกจำคุกมาหลายเดือนแล้ว แพทริกได้ข่าวว่าเขากำลังทนสภาพในคุกไม่ไหว

โปรดติดตามตอนที่ ( 10 )ในวันพรุ่งนี้
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 5975
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

พฤหัสฯ. ต.ค. 12, 2023 5:41 pm

แกะรอยฆาตกร ตอนที่ ( 10 )สารคดีพิเศษเรื่องจริงจากหนังสือสรรสาระ
ฉบับเดือนมีนาคม 2540 โดย Reynolds Dodson รวบรวมและจากวิกิปีเดีย 2565
เรียบเรียงโดย กอบกิจ ครุวรรณ

(@)“ไม่มีใครปลอดภัย”

เพอร์ซี เฮ้าส์เป็นคนน่ารังเกียจ รูปร่างม่อต้อ เป็นกุ๊ยอารมณ์ร้าย ในวงการอาชญากรรมที่เต็มไปด้วย
พวกเขี้ยวลากดินนั้น มีเพียงคูคลินสกีเท่านั้นที่ชั่วช้ากว่าเขา

“เพอร์ซี เฮ้าส์” แพทริกพูด “ฉันมีข้อเสนอให้แก ฉันต้องการให้แกช่วยฉันจับคูคลินสกี หากไม่ร่วมมือ
แกก็ต้องอยู่ในคุกตลอดไป แต่ถ้าร่วมมือ อาจมีการต่อรองเพื่อลดหย่อนโทษให้”

เพอร์ซี เฮ้าส์นิ่งอึ้ง เขาไม่ชอบตำรวจและไม่กล้าหักหลังคูคลินสกี แต่ห้องขังที่ชื้นแฉะและหนาวเย็นนั้นก็
น่าหดหู่ไม่น้อย

“ผมจะบอกชื่อเหยื่อบางคนให้ครับ” เพอร์ซี เฮ้าส์พูดอย่างไม่สู้เต็มใจ “ผมไม่ได้บอกว่าริชาร์ด คูคลินสกี
ฆ่าคนพวกนี้นะ แต่มีคนพูดกันว่าเขาฆ่าคนพวกนี้ ที่เหลือคุณต้องไปสืบเอาเอง”

ชื่อแรกที่เพอร์ซี เฮ้าส์ระบุคือ “หลุยส์ แมสเกย์”( Louis Masgay) เจ้าของร้านจากรัฐเพนซิลเวเนีย
วันที่ 1 กรกฎาคม 2524 แมสเกย์ออกจากบ้าน เขาบอกว่าจะขับรถไปรับประทานอาหารค่ำในเมืองลิตเติลฟอลล์
รัฐนิวเจอร์ซี่ คูคลินสกีก็กำลังรอขายวีดีโอเทปจำนวนหนึ่งให้เขาอยู่ที่นั่น

แมสเกย์นำเงินไปกว่า 85,000 ดอลลาร์ซึ่งเป็นเงินทั้งหมดที่ครอบครัวแมสเกย์เก็บหอมรอมริบไว้ เมื่อเขา
ไม่กลับบ้าน ภรรยาของเขาจึงแจ้งความว่าเขาหายตัวไป โดยบอกลักษณะรถที่เขาขับและเสื้อผ้าที่เขา
ใส่ในวันนั้น ไม่มีใครพบเงินก้อนนั้น ครอบครัวของแมสเกย์สูญเสียเงินทั้งหมด มีผู้พบรถของแมสเกย์
แต่ไม่ใครพบตัวเขา แม้เวลาจะผ่านไปแล้ว 2 ปี ก็ไม่มีร่องรอยของเขาเลย

เหยื่ออีกคนเป็นเภสัชกร ซึ่งหายตัวไปในเดือนเมษายน 2525 หลังจากไปพบคูคลินสกีเพื่อซื้อสินค้าทาง
เภสัชกรรม คูคลินสกีตกเป็นผู้ต้องสงสัยและถูกเชิญตัวมาสอบสวนทั้งสองคดี แต่เขาปฏิเสธว่าไม่เคยรู้จัก
ชายทั้งสอง

การสืบสวนคดีนี้ยิ่งมืดมนขึ้นไปอีก เมื่อแพทริกกับอัยการคนหนึ่งจากกองอัยการซึ่งพยายามหาตัวเภสัชกรผู้นี้
อัยการตอบอย่างครุ่งคิดว่า “ผมรู้จักชื่อคูคลินสกีนะ แต่ไม่ใช่จากคดีเภสัชกรหรอก”

เขาบอกว่าเห็นชื่อนี้เมื่อ 2-3 ปีที่แล้วเพราะเกี่ยวพันกับการตายของชายคนหนึ่งชื่อจอร์จ แมลลิแบนด์
(George Malliband )ผู้ตายเป็นนักพนันตัวยง เขาติดหนี้เซียนพนันด้วยกันไว้มาก วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2523
มีผู้พบศพแมลลิแบนด์ถูกสังหารอย่างเหี้ยมโหด เขาถูกยิง ศพถูกสับเป็นท่อนๆยัดไว้ในกล่องแล้วนำไป
โยนทิ้งที่หน้าผาหลังโรงงานเคมีแห่งหนึ่งก่อนหายไป แมลลิแบนด์บอกน้องชายเขาว่ากำลังจะไปพบ
ผู้ชายชื่อริชาร์ด คูคลินสกี

โปรดติดตามตอนที่ ( 11 )ในวันพรุ่งนี้
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 5975
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

พฤหัสฯ. ต.ค. 12, 2023 5:44 pm

แกะรอยฆาตกร ตอนที่ ( 11 )สารคดีพิเศษเรื่องจริงจากหนังสือสรรสาระ
ฉบับเดือนมีนาคม 2540 โดย Reynolds Dodson รวบรวมและจากวิกิปีเดีย 2565 เ
รียบเรียงโดย กอบกิจ ครุวรรณ

แม้จะสงสัยว่าคูคลินสกีเป็นฆาตกร แต่ตำรวจก็ไม่มีพยานหลักฐาน ไม่มีใครเห็นคูคลินสกีอยู่กับ
แมลลิแบนด์ และไม่มีใครสามารถเชื่อมโยงการตายของแมลลิแบนด์กับคูคลินสกีได้

แพทริกงุนงงมาก ดูราวกับคูคลินสกีก่อคดีฆาตกรรมไปทุกหนทุกแห่ง แต่เนื่องจากคดีเกิดขึ้นต่างท้องที่
จึงไม่ใครเชื่อมโยงคดีเหล่านี้เข้าด้วยกันได้
เมื่อแพทริกเล่าเรื่องนี้ให้เพื่อนร่วมงานฟัง หลายคนคิดว่าเขากำลังผูกโยงเหตุการณ์เหล่านั้นให้เป็นเรื่อง
เดียวกัน พวกเขาพูดว่า “คุณคิดไปเองน่ะ แพทริก”
ที่กองบังคับการตำรวจซึ่งแพทริกประจำการอยู่ ผู้คนเริ่มหัวเราะเยาะ “โครงการแมนฮัตตัน”ของเขา
แฟ้มเรื่องคูคลินสกีใหญ่และหนาขึ้นทุกทีจนดูเหมือนเอกสารงานวิจัยเรื่องระเบิดอะตอมที่มีชื่อเสียง ที่ร้าย
กว่านั้นคือ ผู้บังคับบัญชาบางคนคิดว่าทฤษฎีของเขาเป็นเรื่องเพ้อเจ้อ “คุณกำลังคิดถึงฆาตกรคนเดียวซึ่ง
ใช้วิธีการต่างๆทั้งยิง รัดคอ หรือวางยาพิษเหยื่อ ฆาตกรลูกโซ่ที่ไม่มีแบบแผนชัดเจนแบบนั้นไม่มีหรอก แพทริก”

แพทริกต้องเห็นด้วยกับหัวหน้าในเรื่องนี้ เพราะแต่ละคดีมีแผนประทุษกรรมแตกต่างกัน ฆาตกรลูกโซ่ส่วนใหญ่
จะทิ้งร่องรอยแผนประทุษกรรมไว้เสมอ โดยเฉพาะฆาตกรที่มีความผิดปกติทางจิต คูคลินสกีก็ไม่ได้ฆ่าเพราะ
ความต้องการทางเพศหรือความกดดันทางอารมณ์ เขาทำเพื่อเงินหรือไม่ก็ทำเพราะเห็นเป็นเรื่องธรรมดา

แพทริกไม่ต้องการให้เทอร์รี่ ภรรยาของเขารู้ แต่เขาก็เริ่มกังวลว่าฆาตกรซึ่งเขากำลังแกะรอยตามอาจกำลัง
แกะรอยตามเขาอยู่เช่นกัน เขากลัวว่าในไม่ช้าคูคลินสกีจะค้นพบว่าเขาไปคุยกับเพอร์ซี เฮ้าส์ในคุกเพอร์ซี เฮ้า
ส์อาจให้ข้อมูลแก่ตำรวจได้อย่างคล่องแคล่วแต่ขณะเดียวกันก็อาจเตือนคูคลินสกีให้ระวังตำรวจได้ด้วยเหมือนกัน

ที่แย่กว่านั้นคือ แพทริกรู้ว่าคูคลินสกีอาศัยอยู่ไม่ไกลจากบ้านของเขานัก ฆาตกรผู้นี้อาจเคยพบเทอร์รี่โดยบังเอิญ
ที่ปั๊มน้ำมันหรือขณะเข้าแถวจ่ายเงินซื้อของก็ได้ การใช้ชีวิตตามปกติเหมือนผู้คนโดยทั่วไปและการที่ฆาตกรผู้นี้
อยู่ใกล้เขา ทำให้แพทริกรู้สึกว่าคดีนี้ยิ่งน่ากลัวมากขึ้น

“เทอร์รี่” แพทริกพูดขึ้นคืนหนึ่งหลังอาหารค่ำ “ผมต้องบอกคุณว่าเรื่องตอนนี้ไปถึงไหนแล้ว” เทอร์รี่รู้เรื่องแก๊ง
ลักทรัพย์และรู้ว่าสามีกังวลเรื่องที่แกรี่ สมิธถูกฆาตกรรม แต่เทอร์รี่ไม่รู้เรื่องริชาร์ด คูคลินสกีและไม่รู้ว่าฆาตกร
ผู้นี้อาจตามล่าหล่อนและตัวเขาก็เป็นได้

“คุณเคยเห็นผู้ชายคนนี้ไหม” แพทริกถามภรรยาพลางเอาภาพถ่ายใบหน้าของคูคลินสกีให้ดู
“ถ้าคุณเห็นเขาแถวนี้ เรียกผมทันทีนะ”

เทอร์รี่จ้องมองนัยน์ตาที่เย็นชาของฆาตกรในรูป

“ใครกันคะ” เทอร์รี่ถาม

“ริชาร์ด คูคลินสกี เขาเป็นฆาตกรใจเหี้ยมและอาศัยอยู่แถวนี้ ผมจะบอกลักษณะรถยนต์ทุกคันของเขาให้คุณรู้”

เทอร์รี่กราดตาดูข้อมูลที่แพทริกให้เธอและจดหมายเลขทะเบียนรถของคูคลินสกีไว้ แต่ยังมีสิ่งหนึ่งที่หล่อน
ไม่เข้าใจ “ทำไมเขาต้องล่าเราด้วย” หล่อนถามแพทริก “ทำไมคนอื่นไม่วิตกเรื่องเขาล่ะคะ”

“เพราะไม่มีใครเอาจริงกับเขาสักคน” แพทริกพูด “แต่เชื่อผมเถอะ ตราบใดที่ฆาตกรรายนี้ยังลอยนวลอยู่
จะไม่มีใครปลอดภัยเลย”

โปรดติดตามตอนที่ ( 12 )ในวันพรุ่งนี้
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 5975
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

พฤหัสฯ. ต.ค. 12, 2023 5:47 pm

แกะรอยฆาตกร ตอนที่ ( 12 )สารคดีพิเศษเรื่องจริงจากหนังสือสรรสาระ
ฉบับเดือนมีนาคม 2540 โดย Reynolds Dodson รวบรวมและจากวิกิปีเดีย 2565
เรียบเรียงโดย กอบกิจ ครุวรรณ

(at)ยังลอยนวล

แพทริกไม่รู้ว่าจอห์น เลค หัวหน้าของเขาเป็นห่วงเขา เลครู้ดีว่าแพทริกสับสนแต่ก็รู้ว่าเป็นเรื่องยากที่
จะหว่านล้อมให้หน่วยเหนือเพิ่มกำลังสนับสนุนแพทริกเพราะตำรวจขาดแคลนกำลังและไม่สามารถใช้ตำรวจ
ในท้องที่ตนช่วยทำคดีฆาตกรรมที่เกิดในเขตรับผิดชอบของตำรวจท้องที่อื่นได้ จะเพิ่มได้ก็ต่อเมื่อมีเบาะแส
ของคนร้ายชัดเจนกว่านี้ ยิ่งกว่านั้น เนื่องจากเหยื่อของฆาตกรเป็นหัวขโมยและเซียนพนัน จึงไม่มีการเพิ่ม
กำลังนักสืบเข้ามาช่วยทำคดีนี้

แล้วตำรวจก็ได้เบาะแสชัดเจนขึ้น ในเดือนกันยายน 2526 มีคนพบศพของหลุยส์ แมสเกย์ใกล้สวน
สาธารณะแห่งหนึ่งในรัฐนิวยอร์ก ศพถูกห่อใส่ไว้ในถุงขยะเหมือนศพของแดนนี่ แมสเกย์ถูกยิงที่ศีรษะ ศพ
ของเขาถูกแช่เย็นไว้ เห็นได้ชัดว่าฆาตกรพยายามจะชะลอการเน่าเปื่อยของศพไว้ให้นานที่สุดและเพื่อ
บิดเบือนวันตายของเหยื่อ

เจ้าหน้าที่ตรวจสอบเสื้อผ้าที่ผู้ตายสวมอยู่ ปรากฏว่าตรงกับของชายที่หายไป ผู้ตายนุ่งกางเกงขายาว
สีน้ำเงินเข้มและใส่เสื้อสีเลือดนกแกมน้ำตาล นั่นหมายความว่า แมสเกย์ตายตั้งแต่วันที่เขาไปพบคูคลินสกี
มาถึงตอนนี้ ไม่มีใครหัวเราะเยาะแผน “โครงการแมนอัตตัน”ของแพทริกอีกต่อไป

เมื่อเลครู้เรื่องนี้ เขาสั่นศีรษะและพูดว่า “ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อแล้วละทีนี้”

เมื่อได้รับอนุมัติ แพทริกจึงเจาะลึกคดีฆาตกรรมจอร์จ แมลลิแบนด์ เหยื่อรายนี้เป็นหนี้เซียนพนันด้วยกัน
แพทริกคิดว่าอาจมีพวกมาเฟียข้องเกี่ยวในคดีนี้ เขาจึงติดต่อกับกรมตำรวจนครนิวยอร์กและส่งสำเนาภาพ
ถ่ายใบหน้าของคูคลินสกีไปด้วย

สายสืบคนหนึ่งบอกว่า คูคลินสกีมีฉายาว่า”ไอ้โปล” ฆาตกรซึ่งมีความชำนาญในการยักย้ายถ่ายเทศพ
กล่าวกันว่า”ไอ้โปล” ทำงานใกล้ชิดกับ “รอย ดีมีโอ” มือปืนสมุนมาเฟียมีชื่อคนหนึ่ง แต่ “รอย ดีมีโอ”ก็ถูก
ฆาตกรรมด้วยเช่นกัน

แพทริกแทบไม่เชื่อว่า คดีนี้กำลังนำเขาจากคดีลักทรัพย์เล็กๆไปสู่มาเฟียในนิวยอร์ก เขารู้สึกเหมือน
กำลังเดินอยู่ในห้องโถงที่มีประตูมากมายหลายบาน ชีวิตของเขากำลังดำเนินไปสู่การสืบสวนเรื่องเหยื่อ
ฆาตกรรมอย่างไม่รู้จบ โดยที่ฆาตกรยังลอยนวลอยู่

บ้านคูคลินสกีมีโทรศัพท์ 6 สาย แต่ละเดือนเขาต้องจ่ายค่าโทรศัพท์เป็นเงินจำนวนมาก แพทริกจึง
ขอคำสั่งศาลให้เขาสามารถตรวจสอบการใช้โทรศัพท์ของคูคลินสกีได้

“ดูนี่สิ” แพทริกบอกเลควันหนึ่ง เขาชี้รูปแบบการใข้โทรศัพท์ที่ผิดสังเกต “แต่ละครั้งโทรฯไปที่หมายเลข
เดียวกัน พูดเดี๋ยวเดียวก็วางหู”

แพทริกตรวจสอบและพบว่า หมายเลขหนึ่งที่โทรฯถึงบ่อยๆคือ หลุยส์ แมสเกย์

“น่าสนใจ” เลคพูด “เพราะตอนที่สอบสวน คูคลินสกีปฏิเสธว่า ไม่เคยรู้จักเขา”

เช้าฤดูหนาววันหนึ่ง ฝนกำลังตก เลคได้ยินเสียงตะโกน

“บิงโก!”

แล้วแพทริกก็ผลุนผลันเข้ามาในห้องทำงานของเลคพร้อมด้วยข่าวการค้นพบครั้งล่าสุด

“เมื่อปลายเดือนธันวาคม 2525” แพทริกพูด “ระหว่างที่แกรี่ สมิธและแดนนี่ซ่อนตัวอยู่ที่โมเต็ลยอร์ก
มีโทรศัพท์จากบ้านคูคลินสกีมาที่แผนกต้อนรับของโมเต็ล คอยดูเขาปฏิเสธเรื่องนี้นะครับหัวหน้า”

ขณะนี้แพทริกมีหลักฐานที่จะเชื่อมโยงคูคลินสกีกับคดีฆาตกรรมอีก 6 คดี แต่หลักฐานที่อยู่ยังไม่หนาแน่นพอ
เขาต้องการพยานหลักฐานที่จะมัดฆาตกรให้ดิ้นไม่หลุด

โปรดติดตามตอนที่ ( 13 )ในวันพรุ่งนี้
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 5975
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

พุธ ต.ค. 18, 2023 10:25 pm

แกะรอยฆาตกร ตอนที่ ( 13 )สารคดีพิเศษเรื่องจริงจากหนังสือสรรสาระ
ฉบับเดือนมีนาคม 2540 โดย Reynolds Dodson รวบรวมและจากวิกิปีเดีย 2565
เรียบเรียงโดย กอบกิจ ครุวรรณ

(@)คนล่อคน

เมื่อออกเวร แพทริกชอบไปตกปลา บางครั้งเขาลากเหยื่อล่อปลาเจ้าเล่ห์ที่มีชื่อว่ามัสกี
(muskie, musky) ซึ่งเป็นปลาที่กินปลาอื่นเป็นอาหาร เหยื่อเกือบทุกชนิดไม่สามารถดักปลาชนิดนี้ได้
แพทริกรู้ดีว่าปลามัสกีมีราคาแพงเพราะตัวใหญ่และจับยาก

วันอาทิตย์วันหนึ่ง ขณะออกไปที่ทะเลสาบ แพทริกเกิดคิดเปรียบเทียบเหตุการณ์ทั้งสองขึ้นมาได้
ในฉับพลัน ริชาร์ด คูคลินสกีก็เหมือนปลามัสกีไม่มีผิด จะจับตัวเขาให้ได้นั้นคงต้องใช้วิธีล่อให้ออกมา
แบบเดียวกับปลามัสกีนั่นเอง

ขณะนี้แพทริกติดตามคดีมา 4 ปีแล้ว เขารู้สึกว่าตัวเองรู้จักเหยื่อที่กำลังล่าอยู่ เขาบอกเลคเช้า
วันหนึ่งว่า “หัวหน้าครับ ผมต้องการนกต่อช่วยล่อคูคลินสกีออกมา”

“คุณคิดว่าใครเหมาะสมล่ะ” เลคถาม

“อาทิตย์ที่แล้วผมคุยกับอัยการท้องที่ซึ่งรู้จักสายสืบชั้นยอดคนหนึ่ง ถ้าใช้เขาเป็นเหยื่อล่อ คูคลินสกี
อาจจะระวังตัวน้อยลง”

เลคเห็นด้วย ต้นเดือนเมษายน 2528 แพทริกขับรถไปเมืองเทร็นตัน (Trenton City)รัฐนิวเจอร์ซี่
ที่ห้องทำงานของอธิบดีกรมอัยการ เขาพบชายคนหนึ่งซึ่งมีลักษณะดูราวกับก้าวออกมาจากภาพยนต์
มาเฟีย เขาคือ “ดอม โปลิโฟรเน” (Dom หรือ Dominic Polifrone) หรือ “ดอม”วัย 39 ปี ตำรวจ 2 คนนี้
แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง แพทริกเป็นคนเรียบๆ แต่ดอมเป็นตำรวจนอกเครื่องแบบชั้นยอด ท่าทาง
หยิ่งยโสและชอบก่อเรื่อง

ดอม โปลิโฟรเน อยู่ในสังกัดหน่วยงานของรัฐบาลกลาง ทำหน้าที่ควบคุมสุรา ยาสูบและอาวุธปืน
เขานั่งฟังแพทริกเล่าถึงรายละเอียดในสำนวนการสืบสวนคดีนี้ “คูคลินสกีฆ่าคนพวกนั้นทั้งหมดรึ” ดอมถาม

“ใข่ครับ” แพทริกตอบ

“ไม่น่าเชื่อ!”

แพทริกอธิบายต่อไปว่า พวกเขาต้องการสายสืบฝีมือดีซึ่งสามารถทำให้คูคลินสกีเชื่อใจได้ ดอมนั้น
เหมาะสมที่สุดสำหรับงานนี้ เขาเคยปลอมตัวเป็นสมุนมาเฟียนิวยอร์ก และฝังตัวอยู่ในดงมาเฟียหลายปี
เคยล้วงความลับการดำเนินงานใหญ่ๆของพวกมาเฟียได้หลายครั้งโดยไม่มีใครจับได้หรือสงสัยเขา เขา
เป็นคนไม่มีที่อยู่ที่จะตามตัวได้ จะติดต่อเขาได้ก็โดยผ่านวิทยุติดตามตัวเท่านั้น ถ้ามีใครตรวจสอบเขา
ก็จะพบว่าทางการออกหมายจับเขาอยู่

โปรดติดตามตอนที่ (14 )ในวันพรุ่งนี้
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 5975
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

พุธ ต.ค. 18, 2023 10:28 pm

แกะรอยฆาตกร ตอนที่ ( 14 )สารคดีพิเศษเรื่องจริงจากหนังสือสรรสาระ
ฉบับเดือนมีนาคม 2540 โดย Reynolds Dodson รวบรวมและจากวิกิปีเดีย 2565
เรียบเรียงโดย กอบกิจ ครุวรรณ

ดอมถอนใจและพูดกับแพทริกว่า “ไม่รู้ว่าจะใช้เหตุผลอะไรเสนอหน่วยงานของผมเพื่อขออนุมัติ
ไปปฏิบัติการ” หน่วยงานของดอมใช้งบประมาณของกระทรวงการคลังโดยไม่มีขอบเขตอำนาจในการ
สอบสวนคดีฆาตกรรม

“อาวุธปืนไงล่ะครับ”แพทริกพูด

“คูคลินสกีพัวพันกับการค้าปืนเถื่อน”

ดอมพยักหน้า “ใช้ได้” และภายในไม่กี่ชั่วโมง ดอมก็ได้รับอนุญาตจากต้นสังกัด เจ้าหน้าที่เอฟบีไอ
คนหนึ่งวางตัวสายไว้ใน “ร้านค้า”ในเมืองแพเตอร์สัน ที่คูคลินสกีชอบไปเยือนบ่อยๆ สายสืบคนนี้จะช่วย
ให้ดอมซึ่งจะปลอมตัวเป็น “ดอม โปรเว็นซาโน”เข้าออกในร้านนี้ได้

เช้าวันฟ้าใสอากาศดีในปี 2528 ชายแปลกหน้าคนหนึ่งปรากฏตัวขึ้นที่ร้านดังกล่าว สายสืบผู้นี้เห็น
ทันทีว่าร้านนี้ไม่มีป้ายชื่อ มีเพียงเครื่องใช้เก่าๆ 2-3 ชิ้นตั้งโชว์ไว้ เขาก้าวผ่านประตูร้านเข้าไป ชายกลุ่ม
หนึ่งกำลังชุมนุมกันอยู่ ท่าทางลับๆล่อๆ

“ดอม!”ชายคนหนึ่งในกลุ่มร้องเรียก พลางโบกมือให้เขา นับจากนั้นมา “ดอม โปรเว็นซาโน”ก็สามารถ
เข้านอกออกในร้านนั้นได้

ที่ถนน แพทริกเฝ้าดูเหตุการณ์อยู่ในรถที่ไม่มีตราตำรวจ หลายนาทีผ่านไป ไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ
แพทริกตรวจสอบความเรียบร้อยของปืนพกประจำตัว “เราน่าจะส่งสัญญาณถึงกันได้” เขาคิด แต่รู้ดีว่า
ไม่มีทางติดต่อกับดอมได้เลย

ในที่สุด แพทริกก็เห็นดอมออกมาจากร้าน เขาเฝ้าดูดอมเดินข้ามถนนไป แพทริกรู้สึกโล่งใจ ทุกสิ่งทุกอย่าง
เป็นไปตามแผน ดอมไปที่ร้านนั้นเกือบทุกวัน ไม่ช้าก็มีข่าวแพร่ออกไปว่า ดอมสามารถหาของทุกอย่าง
ให้พวกอาชญากรได้ ไม่ว่าจะเป็นปืนพก ที่เก็บเสียง อาวุธสงครามหรือยาเสพติด พวกนั้นเชื่อดอมเพราะ
เขาอวดสินค้าจริง “ดูนี่สิ พี่ชาย” เขาพูดพลางเปิดหีบบรรจุระเบิดและที่เก็บเสียง โจรบางคนขอซื้อของเหล่านั้น
แต่ดอมพูดว่า “เสียใจพี่ชาย ผมสัญญากับลูกค้าในนิวยอร์กไว้แล้วว่าจะขายให้เขา แต่ของแบบนี้ยังมีอีกเยอะ”

ดอมต้องระวังตัวแจเพราะเขากำลังหมิ่นเหม่กับการทำผิดกฎหมาย ในการปฏิบัติงานนี้ เขาไม่ได้รับอนุญาต
ให้ขายอาวุธ แต่เขาต้องทำให้พวกอาชญากรเชื่อว่าเขาจะขายอาวุธให้

ทุกอย่างดำเนินไปตามแผน ยกเว้นเรื่องเดียว นั่นคือคูคลินสกีซึ่งเคยมาที่ร้านค้าอย่างสม่ำเสมอ
กลับไม่ย่างกราย มาที่นั่นอีกเลย

“มันคงรู้” ตำรวจคนหนึ่งในกลุ่มปฏิบัติงานพูด

“มันไม่มีทางรู้ได้” แพทริกเถียง แต่ลึกๆนั้น เขาก็ไม่แน่ใจ

“สงสัยจะหลุดมือไปเสียแล้ว”

แพทริกบอกภรรยาในคืนหนึ่ง “ทุกคนพูดถูก มันไวกว่าผมมาก”

โปรดติดตามตอนที่ ( 15 )ในวันพรุ่งนี้
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 5975
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

ศุกร์ ต.ค. 20, 2023 2:54 pm

เเกะรอยฆาตกร ตอนที่ ( 15 ) สารคดีพิเศษเรื่องจริงจากหนังสือสรรสาระ
ฉบับเดือนมีนาคม 2540 โดย Reynolds Dodson รวบรวมและจากวิกิปีเดีย 2565
เรียบเรียงโดย กอบกิจ ครุวรรณ

(@)เข้าถ้ำเสือ

เมื่อถึงเดือนสิงหาคม 2529 นักสืบหนุ่มก็หมดความอดทน หลังจากส่งสายสืบล่อผู้ต้องสงสัย
นาน 18 เดือน เขาไม่ได้พยานหลักฐานใดๆเพิ่มเติมเลย คูคลินสกีกบดานเงียบอยู่ในบ้าน

“ผมคิดว่าจะไปหามันที่บ้าน ไปแหย่ให้ตื่นเสียหน่อย” แพทริกตอบ “มันอาจออกจากที่ซ่อนก็ได้
ดีกว่าอยู่เปล่าๆครับ”

แพทริกรู้ว่าการกระทำเช่นนี้อาจเป็นอันตราย การซักถามคูคลินสกีอาจทำให้เขาระวังตัวเต็มที่
แต่พวกเขาต้องหาวิธีให้การสืบสวนคืบหน้า

“ตกลง” เลคพูด “แต่ระวังตัวไว้ด้วยนะ”

วันรุ่งขึ้น แพทริกและตำรวจนักสืบอีกคนขับรถที่ไม่มีตราตำรวจไปเมืองดูมองต์ และจอดรถไว้ใกล้
บ้านของคูคลินสกี แม้แพทริกจะรู้จักหน้าคูคลินสกี แต่เขาก็ไม่เคยเห็นหน้าฆาตกรผู้นี้จริงๆ นอกจาก
ในภาพถ่ายเก่าๆของตำรวจ ความคิดที่จะเผชิญหน้ากับฆาตกรทำให้ชีพจรของนักสืบหนุ่มเต้นแรง

แพทริกสั่นกระดิ่ง ประตูบ้านเปิด แต่ทั้งสองก็มองไม่เห็นสิ่งใดหลังประตูมุ้งลวด

“พวกคุณต้องการอะไร” เสียงลึกๆดังขึ้น ทันใดนั้นคูคลินสกีก็ปรากฏตัวเบื้องหน้านักสืบทั้งสอง
สุนัขใหญ่ข้างกายคูคลินสกีจ้องพวกเขาเขม็ง ฆาตกรผู้นี้มีรูปร่างใหญ่โต สูง 192 เซนติเมตรและหนัก
ถึง 120 กิโลกรัม แขนสองข้างหนาเตอะและมีพละกำลังแข็งแรง เขายืนค้ำแขกผู้มาเยือนทั้งสองเป็น
การข่มขวัญไปในตัว

นักสืบทั้งสองแนะนำตัวเอง “เราอยากถามคุณสัก 2-3 ข้อเกี่ยวกับคดีฆาตกรรมที่เรากำลังสืบสวนอยู่”

ใบหน้าของคูคลินสกียังคงเฉยเมย เขาเหมือนภาพถ่ายที่แพทริกเห็น เว้นแต่ความเย็นชาซึ่งภาพถ่ายใด
ก็ไม่อาจบันทึกไว้ได้ เขาสวมแว่นฉาบปรอทไว้ตลอดเวลา

โปรดติดตามตอนที่ ( 16 )ในวันพรุ่งนี้
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 5975
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

ศุกร์ ต.ค. 20, 2023 3:00 pm

เเกะรอยฆาตกร ตอนที่ ( 16 ) สารคดีพิเศษเรื่องจริงจากหนังสือสรรสาระ
ฉบับเดือนมีนาคม 2540 โดย Reynolds Dodson รวบรวมและจากวิกิปีเดีย 2565
เรียบเรียงโดย กอบกิจ ครุวรรณ

นักสืบถามว่าเขารู้จักหลุยส์ แมสเกย์ และเดเนียล เดปป์เนอร์หรือไม่ คูคลินสกียักไหล่
“ไม่รู้จักเลยทั้งสองคน”

“โกหกเหมือนเดิม”แพทริกคิด

“แล้ว รอย ดีมีโอล่ะครับ” เขาถาม คราวนี้เขาเห็นสีหน้าชายร่างใหญ่เครียดขึ้นทันที แพทริกคาด
ไว้แล้วว่า การเอ่ยถึงชื่อ “ดีมีโอ”อาจกระตุ้นคูคลินสกีได้

“ใครนะ” คูคลินสกีถาม

“ดีมีโอ” แพทริกพูดซ้ำ “คุณเคยทำงานกับเขานี่”

คูคลินสกีนิ่งเงียบ นักสืบรู้สึกถึงความตึงเครียด แพทริกนึกถึงปืนที่เหน็บไว้ใต้เสื้อ เขามองดูหมา
เฝ้ายามตัวใหญ่ตัวนั้นและกะระยะห่างระหว่างคูคลินสกีกับเขาและเพื่อนร่วมงานไว้

“เข้ามาสิ” คูคลินสกีพูดและพยักหน้าทันที เขาเปิดประตู ถึงแม้วันนั้นอากาศจะแจ่มใส แต่ภายใน
บ้านมืดเพราะรูดม่านคล้ายกับก้าวเข้าไปในถ้ำ แพทริกสังเกตว่าคูคลินสกีไม่เคยถอดแว่นออกเลย

“ดีมีโอ”คูคลินสกีพูด “ใช่ ผมรู้จักเขา” คูคลินสกีนั่งลงบนเก้าอี้ตัวโตท่าทางสบาย สุนัขของเขาหมอบ
อยู่บนพื้นข้างๆ

แพทริกนั่งลงและมองไปรอบๆ บ้านหลังนี้ไม่แตกต่างจากบ้านของเขาเลย มีภาพถ่ายของสามีภรรยา
แขวนไว้เหนือเตาผิง อากัปกิริยาของบุคคลในภาพแสดงถึงการใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันด้วยความรัก ทั้งคู่มีบุตร 3 คน
ครอบครัวนี้จึงเป็นแบบฉบับของครอบครัวชั้นกลาง เว้นแต่ผู้ชายที่แพทริกเห็นอยู่ข้างหน้านั้นไม่ใช่พ่อและสามี
ที่น่ารัก แต่เป็นฆาตกรใจเหี้ยม

“และคุณก็รู้ด้วยว่าผมรู้จักเขา”คูคลินสกีพูดต่อ เขารู้ดีว่าตำรวจเมืองดูมอนต์เคยจับตามองบ้านของเขา
“ตำรวจเห็นรถของดีมีโอหน้าบ้านผม แล้วผมจะโกหกไปทำไม แต่ผมไม่รู้ว่าใครเก็บเขา”

เห็นได้ชัดว่า คูคลินสกีไม่กลัว แต่เขาก็แสดงพิรุธออกมาอย่างหนึ่ง จริงอยู่ที่ตำรวจเฝ้าสังเกตการณ์บ้าน
ของเขา แต่ไม่เคยพบดีมีโอที่บ้านคูคลินสกีเลย นี่เป็นหลักฐานชิ้นแรกที่สนับสนุนว่าคูคลินสกีพัวพันกับดีมีโอ

อย่างไรก็ตาม คำถามอื่นๆไม่ได้ให้ข้อมูลเพิ่มขึ้น หลังจากสนทนาอีกครู่หนึ่ง นักสืบทั้งสองก็ลุกขึ้น
แพทริกพูดว่า “เราขอรบกวนคุณเพียงเท่านี้ครับ”

“หากคุณนึกอะไรออก แจ้งให้เราทราบด้วยนะครับ”

คูคลินสกีเดินมาส่งตำรวจทั้งสองจนถึงรถ เมื่อรถออก นักสืบทั้งสองเอี้ยวตัวกลับไปมองข้างหลังและ
ถอนใจเฮือกใหญ่ คล้ายกับได้กลั้นหายใจตลอดเวลาที่สนทนากับเจ้าของบ้าน

“เราจี้ถูกจุดเมื่อเอ่ยถึงดีมีโอ” แพทริกพูด “บางทีมันคงร้อนตัวจนต้องหาใครมาช่วย”

แล้วคูคลินสกีก็ร้อนตัวจนเต้นจริงๆ วันที่ 2 กันยายน 2529 ไม่ถึงสัปดาห์หลังจากที่นักสืบทั้งสองไป
ที่บ้านของคูคลินสกี เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นที่ร้านในแพเตอร์สัน “ของนายน่ะ” ดอมได้ยินผู้รับสายพูด
“คูคลินสกี อยากพบนายเดี๋ยวนี้”

โปรดติดตามตอนที่ ( 17 )ในวันพรุ่งนี้
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 5975
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

ศุกร์ ต.ค. 20, 2023 3:05 pm

เเกะรอยฆาตกร ตอนที่ ( 17 ) สารคดีพิเศษเรื่องจริงจากหนังสือสรรสาระ
ฉบับเดือนมีนาคม 2540 โดย Reynolds Dodson รวบรวมและจากวิกิปีเดีย 2565
เรียบเรียงโดย กอบกิจ ครุวรรณ

(at)ตรงตามแผน

การเคลื่อนไหวอย่างฉับพลันและไม่อาจคาดการณ์ล่วงหน้าได้เป็นพฤติกรรมปกติของคูคลินสกี
เขาได้ยินกิตติศัพท์ของดอม โปรเว็นซาโนมาปีครึ่งแล้ว แต่จู่ๆเขาก็โทรศัพท์มาหาโดยไม่ให้รู้ตัว

สายสืบผู้นี้ไม่มีเวลาเตรียมตัวเลย เขาออกไปพบคูคลินสกีโดยไม่ได้แจ้งให้แพทริกหรือผู้บังคับบัญชา
คนใดทราบ

เวลา 10.45 น.เช้าวันอังคารที่มืดมัวนั้น ดอมมาถึงร้านดังกิน โดนัทส์ (Dunkin Donuts) สถานที่
นัดพบ โดยรถเก๋งสีดำคันใหญ่แบบที่พวกมาเฟียชอบใช้ ทันทีที่เห็นรถของคูคลินสกี ดอมลงจากรถ
และเดินไปหา

“หวัดดี” ดอมพูดพลางยิ้มอย่างทะนงตน เขาสัมผัสมือฆาตกร ในกระเป๋ากางเกงด้านซ้ายมีปืพก
อัตโนมัติแบบวอลเธอร์พีพีเค 380 (Walther PPK 380)ตั้งใจว่าจะไม่ให้มือซ้ายอยู่ห่างปืนตลอด 30 นาที
ข้างหน้านี้เลย

ขณะนั้นในร้านไม่มีลูกค้าอื่น คูคลินสกีและดอมเลือกโต๊ะชิดผนังและสั่งกาแฟ ดอมจำคำเตือนของ
แพทริกได้ดีว่า “ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น อย่ากินอาหารที่ผ่านมือเขาเป็นอันขาด!”

หลังจากทักทายกันเล็กน้อย ทั้งสองเริ่มเจรจาธุรกิจกัน คูคลินสกีถามดอมว่า “หาไซยาไนต์ให้ได้ไหม”
หัวใจของดอมเต้นแรง ทั้งสองไม่เคยพบกันมาก่อนเลย แต่พูดเรื่องยาพิษกันแล้ว

สายสืบหัวเราะ “ไปหาที่ร้านขายปุ๋ยสิ!” เขาตั้งใจวางท่านักเลงเหมือนคูคลินสกี ต้องแสดงให้สมกับเป็นมาเฟีย

“ต้องเป็นชนิดดีนะ แบบเดียวกับที่ใช้ในห้องทดลองนั่นแหละ”

คูคลินสกีพูดแล้วก็หยุดยิงฟันยิ้ม “อั๊วมีหนูต้องเบื่อ”

ดอมเดาได้ว่าเขาหมายถึงใคร เพราะแพทริกทายไว้แล้วว่า “มันเริ่มกังวลเรื่องเพอร์ซี เฮ้าส์และบาร์บารา
มันจะไม่มีวันนอนตาหลับจนกว่าจะปิดปาก 2 คนนี้ได้”

“แน่นอน” ดอมพูด “อั๊วหาให้ได้ แต่เราต้องยื่นหมูยื่นแมวกันนะ ลูกค้าอั๊วกำลังหาซื้ออาวุธ บางทีเรา
น่าจะตกลงกันได้”

แล้วดอมก็เล่าเรื่องที่เขาซักซ้อมไว้อย่างดีให้คูคลินสกีฟัง เป็นเรื่องเส้นสายของเขากับกองทัพสาธารณรัฐไอร์แลนด์

“พวกนี้กำลังหาอาวุธหนัก” ดอมพูด “ไม่ใช่ปืนเถื่อนข้างถนน”

โปรดติดตามตอนที่ (18 )ในวันพรุ่งนี้
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 5975
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

ศุกร์ ต.ค. 20, 2023 3:08 pm

เเกะรอยฆาตกร ตอนที่ ( 18 ) สารคดีพิเศษเรื่องจริงจากหนังสือสรรสาระ
ฉบับเดือนมีนาคม 2540 โดย Reynolds Dodson รวบรวมและจากวิกิปีเดีย 2565
เรียบเรียงโดย กอบกิจ ครุวรรณ

คูคลินสกีพยักหน้า เขาคิดว่าสามารถหาอาวุธได้ “ขออั๊วโทรศัพท์ถามก่อน” ในไม่ช้า ทั้งสองก็
ตกลงกันว่าจะแลกเปลี่ยนอาวุธกับไซยาไนต์จากห้องทดลองกัน หลังจากนั้น ดอมก็ขับรถเลี้ยวไปจอด
ที่ตู้โทรศัพท์ “มันกินเหยื่อแล้ว” เขารายงานกองบังคับการ

เมื่อแพทริกทราบเรื่องข้อตกลงนี้ เขาร้องด้วยความดีใจ ในที่สุด ปลาก็ติดเบ็ด ขั้นต่อไปก็คือ
สาวปลาขึ้นเรือให้ได้

พวกเขาต้องทำให้คูคลินสกีให้การปรักปรัมตัวเอง ขณะนี้พวกเขาต้องเพิ่มทีมนักสืบสวนและ
ผู้ชำนาญการดักฟังการสนทนา

โชคดีที่กลุ่มสืบสวนได้รับความช่วยเหลือตามต้องการ ข้อมูลเพิ่มจากแฟ้มเล่มเดียวจนเป็นกล่อง
กระดาษใบใหญ่ถูกส่งไปให้บ็อบ คาร์รอลล์ (Bob Carroll) รองอธิบดีกรมอัยการคนหนึ่งของรัฐนิวเจอร์ซี่
คาร์รอลล์เป็นอัยการมือดีชำนาญด้านคดีที่เกี่ยวโยงข้ามเขตหลายท้องที่ และยังเป็นผู้ดูแลหน่วยเฉพาะกิจ
ปราบปรามองค์กรอาชญากรรมอีกด้วย

วันหนึ่ง ขณะที่นั่งศึกษาคดีอาชญากรรมที่ยังไม่ได้ตัดสินอยู่ คาร์รอลล์เหลือบไปเห็นกล่องเอกสารที่
แพทริก เคนส่งมา ครั้งแรกเขาพลิกอ่านกระดาษเหลืองๆเหล่านั้นอย่างไม่เอาใจใส่นัก อ่านพลางหยุดจิบ
น้ำชาเย็นไปพลาง แต่เมื่ออ่านมากขึ้นเขาก็ต้องวางแก้วเครื่องดื่มลง “ข้อมูลในแฟ้มนี้น่าทึ่งที่สุดเท่าที่เคย
เห็น” เขาคิด

นี่คือนักสืบตัวคนเดียวผู้พยายามกระชากหน้ากากของฆาตกร เขาทำงานอย่างพิถีพิถัน แต่ฆาตกรก็
ยังลอยนวลอยู่ ตำรวจหมดหนทางที่จะใช้อำนาจหน้าที่ดำเนินการกับฆาตกรโหดรายนี้

“หัวหน้าครับ” คาร์รอลล์พูดกับหัวหน้าของเขาวันรุ่งขึ้น “ผมพบคดีเด็ดเข้าแล้ว”

โปรดติดตามตอนที่ ( 19 )ในวันพรุ่งนี้
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 5975
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

ศุกร์ ต.ค. 20, 2023 3:11 pm

เเกะรอยฆาตกร ตอนที่ ( 19 ) สารคดีพิเศษเรื่องจริงจากหนังสือสรรสาระ
ฉบับเดือนมีนาคม 2540 โดย Reynolds Dodson รวบรวมและจากวิกิปีเดีย 2565
เรียบเรียงโดย กอบกิจ ครุวรรณ

(@)“ปฏิบัติการจับคนส่งน้ำแข็ง”

วันที่ 6 กันยายน 2529 สี่วันหลังจากที่ดอมติดต่อกับคูคลินสกี แพทริกนั่งประชุมกับผู้ชายกลุ่มหนึ่ง
ในอาคารหลังหนึ่งในเมืองแฟร์ฟิลด์ (Fairfield Township) รัฐนิวเจอร์ซี่ แพทริกปลื้มใจยิ่งนัก ในที่สุด
คนอื่นๆก็ยอมรับผลงานของเขา วาระการประชุมเรื่องเดียวในเย็นวันนั้นคือคดีของแพทริก ทฤษฎีของเขา
ได้รับการยอมรับแล้ว

ปฏิบัติการลับสุดยอดครั้งนี้ใช้รหัสชื่อ “ปฏิบัติการจับคนส่งน้ำแข็ง” โดยมีนัยแฝงถึงบุคลิกของฆาตกร
เลือดเย็นซึ่งยิง, วางยาพิษและแช่แข็งบรรดาเหยื่อของตน

บ็อบ คาร์รอลล์ และแพทริก เคน อธิบายประวัติของคดีนี้ให้ทีมงานฟัง แล้วทีมงานก็เริ่มต้นวางแผน
ปฏิบัติการดังกล่าว

พยานหลักฐานที่นักสืบแพทริกรวบรวมไว้มีประโยชน์อย่างยิ่ง แต่ยังไม่แน่นพอที่จะใช้จับกุมฆาตกรได้ พวกเขา
ต้องทำให้คูคลินสกีให้การกล่าวโทษตัวเอง

หน่วยเฉพาะกิจตกลงว่า สายสืบดอมควรล้วงเอาความจริงจากคูคลินสกีต่อไปเพื่อนำมาเชื่อมโยงกับข้อมูล
ในแฟ้มของแพทริก เคน พวกเขามีจุดเริ่มต้นแล้ว เพราะรู้ว่าคูคลินสกีกำลังหาไซยาไนต์ จึงแนะนำให้ดอม
ไต่ถามคูคลินสกีเรื่องการใช้ไซยาไนต์ให้มากขึ้น เช่น ยาพิษชนิดนี้ทำงานอย่างไร ทิ้งร่องรอยไว้หรือไม่ จะใช้
ไซยาไนต์ตบตาแพทย์ผู้ชันสูตรได้อย่างไร การหลอกถามฆาตกรที่ทะนงตนว่าเก่งนั้นอาจทำให้พวกเขาพบ
การเชื่อมโยงไปสู่คดีฆาตกรรมอื่นๆ บางทีอาจโยงไปถึงเหยื่อรายอื่นๆในคดีที่ยังปิดไม่ได้

ทีมงานวางระบบการเฝ้าติดตามอย่างละเอียด พวกเขาดักฟังโทรศัพท์ทุกสายของคูคลินสกี แพทริกเป็น
คนหนึ่งที่ได้รับมอบหมายให้ทำหน้าที่นี้

ด้วยเหตุนี้ทีมงานจึงตั้งศูนย์ปฏิบัติการลับเพื่อดักฟัง 2 แห่งในเมืองหนึ่งที่ไม่ไกลจากเมืองดูมอนต์ซึ่งเป็น
ที่อยู่ของคูคลินสกี ศูนย์ฯแห่งหนึ่งมีโทรศัพท์และเครื่องบันทึกเสียง อีกศูนย์ฯหนึ่งมีเครื่องมือที่สามารถถอด
และวิเคราะห์สัญญาณในเทปบันทึกได้

ทุกเช้าเวลา 8.00 น. แพทริกขับรถไปที่ศูนย์ฯ เคาะประตู 3 ครั้งและก้าวเข้าไป ตลอด 10 ชั่วโมงต่อมา
แพทริกจะวิเคราะห์โทรศัพท์ของคูคลินสกีอย่างระมัดระวังด้วยความช่วยเหลือของคาร์รอลล์และทีมงานคนอื่น
งานนี้น่าเบื่อและเสี่ยงกับการละเมิดกฎหมายสิทธิมนุษยชนเพราะแม้แต่ผู้ต้องสงสัยในคดีฆาตกรรมก็มีสิทธิ์
ในความเป็นส่วนตัว ตำรวจมีสิทธิ์บันทึกโทรศัพท์ทั้งหมดแต่สามารถฟังได้เฉพาะข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับ
การสืบสวนเท่านั้น

ในขณะที่ทีมงานดักฟังโทรศัพท์ ดอมก็พบคูคลินสกีต่อไป เขาติดเครื่องบันทึกเสียงเล็กๆและเครื่องส่ง
วิทยุที่ส่งสัญญาณทุกคำในการสนทนาไปยังหน่วยสนับสนุนไว้กับตัว

ตกค่ำ ทีมงานจะนั่งรวมกันในห้องผนังปูนเกลี้ยงๆในเมืองแฟร์ฟิลด์ และฟังเทปที่บันทึกเสียงของคูคลินสกี
ขณะที่เขาพูดเรื่องการฆาตกรรมเหยื่อ

เมื่อใกล้สิ้นเดือนกันยายน 2529 เทอร์รี่ ภรรยาของแพทริกรู้สึกว่าสามีสบายใจขึ้น แพทริกจะแอบกอด
หล่อนข้างหลัง เขาพยายามแบ่งเวลาที่มีอยู่น้อยนิดเล่นกับลูกๆ ตั้งแต่คดีนี้เริ่ม นับเป็นครั้งแรกที่เขาเริ่ม
ทำตัวเหมือนพ่อบ้านแพทริกคนเดิม

โปรดติดตามตอนที่ ( 20 )ในวันพรุ่งนี้
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 5975
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

เสาร์ ต.ค. 21, 2023 7:40 pm

เเกะรอยฆาตกร ตอนที่ ( 20 ) สารคดีพิเศษเรื่องจริงจากหนังสือสรรสาระ
ฉบับเดือนมีนาคม 2540 โดย Reynolds Dodson รวบรวมและจากวิกิปีเดีย 2565
เรียบเรียงโดย กอบกิจ ครุวรรณ

(@)ดึงบ่วงให้แน่น

แต่ละวันที่ผ่านไป การสืบสวนคดีรุดหน้าขึ้น “ไซยาไนต์ออกฤทธิ์อย่างไร” ดอมถามคราวหนึ่ง
เมื่อโทรศัพท์ถึงคูคลินสกีจากตู้โทรศัพท์ “ทำไมไม่ยิงล่ะ ที่บ้านอั๊ว เราเป่าโป้งเดียวก็จอดแล้ว”

“มันไม่วุ่นวาย ไม่เลอะเทอะ” คูคลินสกีตอบ “นานๆใช้ลูกตะกั่วเสียทีก็ไม่เป็นไรหรอก แต่กับไซยาไนต์
นี่เรามีลูกเล่นได้มากกว่า ผสมไซยาไนต์กับซอสมะเขือเทศแล้วราดบนแฮมเบอร์เกอร์ เหยื่อก็ตายภายในไม่กี่วินาที”

“แต่ถ้ามันชิมแล้วรู้ล่ะ” ดอมแย้ง

“ไม่หรอก” ฆาตกรตอบ “ถ้าผสมยาพิษเป็น และกว่าจะชิมรู้ มันก็ตายแล้ว”

เทปหมุนบันทึกการสนทนามรณะต่อไป คูคลินสกีเล่าให้ดอมฟังต่อ “หรือไม่ก็ใส่ไซยาไนต์ลงไปในเครื่องดื่ม
หรือผสมกับสเปรย์ฉีดจมูกแล้วฉีดใส่เหยื่อตามถนน พอล้ม คนก็จะคิดว่าเหยื่อหัวใจวาย”

ถ้อยคำดังกล่าวถูกอัดไว้ในเทปและเปิดฟังในห้องประชุม แพทริกและทีมงานคนอื่นๆนั่งฟังด้วยความสนเท่ห์
เหมือนฟังการบรรยายเกี่ยวกับศิลปะการฆ่าคนเลยทีเดียว

จำนวนผู้ถูกฆาตกรรมทำให้ทีมงานถึงกับนิ่งอึ้งไป “ทั่วอเมริกามีคนตาย ตายอย่างไม่ได้ตายเองน่ะ”คูคลินสกี
คุยโว “อั๊วใช้มันทุกวิธีแหละ”

เมื่อแพทริกได้ยินเช่นนั้น เขาสั่นศีรษะ “เหมือนที่บาร์บาราพูดไว้ไม่มีผิด เขาเป็นผีร้าย” แพทริกพึมพำ

คูคลินสกีเริ่มให้รายละเอียดเกี่ยวกับไซยาไนต์มากขึ้นเพราะดอมใช้เหยื่อชิ้นใหม่ล่อ สายสืบผู้นี้กล่อม
จนคูคลินสกีเชื่อว่าทั้งสองจะหาเงินได้จากการวางยาพิษเหยื่อรายหนึ่ง

พอล สมิธ ตำรวจสืบสวนจะสวมบทบาทเป็นเหยื่อรายนี้ ดอมบอกคูคลินสกีว่า สมิธเป็นนักค้าโคเคน
ผู้ร่ำรวยและกำลังพยายามไต่เต้าเข้าสู่วงการระดับสูง “อั๊วว่าเราวางยามันแล้วเอาเงินมาแบ่งกันดีกว่า”

คูคลินสกีชอบความคิดนี้มากเพราะเรื่องหักหลังกันนี่เขาถนัดนัก “แต่อั๊วอยากให้มันตายเพื่อจะได้ไม่มี
ปัญหา” ดอนพูดเสริม ดอมบอกคูคลินสกีว่า พ่อแม่ของสมิธรวยมาก และสามารถจ้างคนมาสืบสวนหาสาเหตุ
การตายของบุตรชายได้ ดังนั้นจะเหลือร่องรอยไว้ไม่ได้เด็ดขาด “เราจะรู้ได้ยังไงว่าไซยาไนต์ใช้ได้ดี”ดอมถาม

โปรดติดตามตอนที่ ( 21 )ในวันพรุ่งนี้
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 5975
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

พฤหัสฯ. ต.ค. 26, 2023 8:18 pm

เเกะรอยฆาตกร ตอนที่ ( 21 )
สารคดีพิเศษเรื่องจริงจากหนังสือสรรสาระฉบับเดือนมีนาคม 2540 โดย Reynolds Dodson
รวบรวมและจากวิกิปีเดีย 2565 เรียบเรียงโดย กอบกิจ ครุวรรณ

คูคลินสกียืนยันว่า “อั๊วเคยดูเหยื่อรายหนึ่งกินแฮมเบอร์เกอร์สอดไส้เกือบหมดอัน อั๊วแทบไม่เชื่อสายตา
ตัวเอง หมอนั่นมันอึดเหมือนวัวกระทิง”

ฆาตกรโหดหัวเราะหึๆอย่างเย้ยหยัน “แต่พอยาพิษออกฤทธิ์ มันก็ตาย”

เมื่อแพทริกได้ยินเช่นนั้นก็พูดขึ้นว่า “นั่นคือ แกรี่ สมิธ ที่แดนนี่เล่าให้บาร์บาราฟัง คราวนี้เราสามารถทำให้
คูคลินสกียืนยันความผิดของตัวเองได้แล้ว เรากำลังล่อเขาเข้ามาในกับดักทีละน้อยๆ”

การสนทนาระหว่างดอมกับคูคลินสกีแต่ละครั้งทำให้ได้ข้อมูลไปคลี่คลายปมฆาตกรรม ดอมพูดเรื่อง
การวางยาพิษอีกเพื่อไต่ถามข้อมูลให้ได้มากยิ่งขึ้น

“แต่ไซยาไนต์จะไม่ทิ้งร่องรอยไว้เลยรึ”

“ไม่มีทาง อั๊วรับรอง” คูคลินสกีตอบและเล่าต่อว่า มีคราวหนึ่งที่บรรดาผู้เชี่ยวชาญการพิสูจน์ศพงงงวยมาก
เหยื่อดูคล้ายเพิ่งตายมาไม่นาน แต่ที่จริงตายมาสองปีครึ่งแล้ว

“พูดเป็นเล่น! ลื้อทำได้ยังไงวะ”

“แช่แข็งสิ” คูคลินสกีตอบ “ทุกอย่างจะเหมือนเดิม เหยื่อยังคงสวมกางเกง เสื้อและทุกอย่างครบเหมือนวันที่มันตาย”

แพทริกฟังเทปอยู่ร้องขึ้นว่า “เราไม่ได้เปิดเผยข้อมูลนี้ให้สื่อมวลชน คราวนี้เขาเปิดเผยวิธีฆ่าแมสเกย์แล้ว!”

แล้วทีมงานก็ได้ข้อมูลและพยานหลักฐานเพิ่มเติมจากเทปม้วนแล้วม้วนเล่าโดยมีดอมเป็นผู้ทำหน้าที่ล้วง
ความลับได้อย่างยอดเยี่ยม เมื่อเสร็จขั้นตอนการล้วงความลับ ปรากฏว่ามีเทปบันทึกข้อมูลไว้เป็นสิบๆม้วน
และมีบทสนทนาที่คูคลินสกียืนยันว่าตัวเองเป็นคนทำผิดหนาเป็นร้อยหน้า

ครั้งหนึ่งแพทริกถึงกับนิ่งอึ้งไปเมื่อได้ยินชื่อตัวเองในเทป เพื่ออวดตัวเอง คูคลินสกีถึงกับพูดว่า เขากว้างขวาง
ในวงการอาชญากร ดอมจึงพูดขึ้นในการพบกันครั้งหนึ่งว่า “มีนักสืบสองคนที่ชอบถามเรื่องลื้อ คนหนึ่งดูเหมือน
ชื่อแพทริกใช่ไหม”

“ใช่” คูคลินสกีตอบ “อั๊วรู้แล้ว พวกมันตามอั๊วมาหลายปี อั๊วนี่แหละเป็นหอกข้างแคร่พวกมัน ตำรวจมันได้กลิ่น
ควันแต่หากองไฟไม่เจอหรอก”

โปรดติดตามตอนที่ ( 22 )ในวันพรุ่งนี้
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 5975
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

พฤหัสฯ. ต.ค. 26, 2023 8:24 pm

เเกะรอยฆาตกร ตอนที่ ( 22 ) สารคดีพิเศษเรื่องจริงจากหนังสือสรรสาระฉบับเดือนมีนาคม 2540
โดย Reynolds Dodson รวบรวมและจากวิกิปีเดีย 2565 เรียบเรียงโดย กอบกิจ ครุวรรณ

(@)วางกับดัก

เกมโปลิสจับขโมยที่มากด้วยอันตรายนี้ดำเนินต่อไปตลอดฤดูใบไม้ร่วงที่หนาวเย็นปีนั้น ปลายเดือน
พฤศจิกายน 2529 ชุดดักฟังโทรศัพท์ได้ยินเรื่องแผนสยองที่เกิดขึ้นตั้งแต่ขณะที่คูคลินสกีกับดอมวางแผน
ฆ่าสมิธอยู่นั้น คูคลินสกีก็เปรยให้คนอื่นฟังถึงเรื่องการหักหลังดอมแล้วสังหาร แผนของเขาคือ เขาจะบอก
ดอมว่าเขามีอาวุธหนักจะขาย และเมื่อดอมนำเงินสดมารับอาวุธก็จะถูกกำจัดตอนนั้น เมื่อทีมงานแจ้งเรื่องนี้
ให้ดอมรู้ ดอมยืนกรานว่าเขาไม่กลัว เขาคาดการณ์ว่า “คูคลินสกีจะยังไม่ทำอะไรผมจนกว่าจะได้ไซยาไนต์”

“คุณพูดถูก” อัยการคาร์รอลล์พูด “เราจะทำตามแผนต่อไป เราต้องบุกจับเขาในขณะที่เขาวางยาพิษเหยื่อ”

ในที่สุดวันสำคัญก็มาถึง วันนั้นเป็นวันที่ 17 ธันวาคม 2529 สี่ปีพอดีหลังจากนักย่องเบาหายตัวไป
แพทริก ตื่นนอนแต่เช้าตรู่ คาดปืนพกสีดำขนาด 9 มม.ด้วยความกระวนกระวายใจ เทอร์รี่ตื่นนอนแล้ว
หล่อนเตรียม ขนมปังปิ้งและกาแฟไว้ให้สามี

ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา เทอร์รี่สังเกตว่าแพทริกแก่ไปมาก นัยน์ตาของเขาสูญเสียแววไร้มารยาและ
ความสดใสไปแล้ว ใบหน้านั้นซูบซีดเต็มไปด้วยความกังวล แต่การเดินทางอันยาวนานของแพทริกกำลัง
จะสิ้นสุดลงเสียที วันนี้จะเป็นวันคิดบัญชีระหว่างเขาและฆาตกรซึ่งเขาตามล่ามาเป็นเวลานาน

ขณะเดียวกันนั้น ชายผู้มีฉายาว่า “คนส่งน้ำแข็ง”อาจตื่นนอนแล้วและอาจกำลังรับประทานอาหารช้า
เช่นเดียวกับแพทริก อาจกำลังคาดปืนอยู่และกำลังออกไปทำงานเหมือนแพทริก ตลอดเวลา 2 ปีที่ผ่าน
มานี้ เลยชีวิตของชายทั้งสองดำเนินคู่กันไปเหมือนเส้นขนาน แต่วันนี้เส้นขนานคู่นี้จะมาบรรจบกันแล้ว

คูคลินสกีและดอมวางแผนไว้ว่าจะพบกันในที่จอดรถแห่งหนึ่งของด่านเก็บเงินทางด่วนนิวเจอร์ซี่
เทิร์นไพค์ (New Jersey Turnpike Tolls) ดอมจะมอบไซยาไนต์ให้ฆาตกรที่นั่น และหลังจากนั้นคูคลินสกี
จะกลับมาที่เดิมพร้อมด้วยแซนด์วิชใส่ยาพิษอันหนึ่ง เขาจะให้แซนด์วิชสอดไส้แก่นักค้าโคเคนซึ่งแท้จริง
คือสมิธ แต่แทนที่คูคลินสกีจะพบสมิธ เขาจะต้องประจันหน้ากับกำลังตำรวจ

อากาศเช้าวันนั้นทั้งชื้นและขมุกขมัว การจราจรในช่วงเวลาเร่งด่วนติดขัดพอควร เวลา 8.45 น.ตรงตามแผน
ริชาร์ด คูคลินสกีขับรถเข้ามาในที่นัดหมาย เขาพบดอม โปรเว็นซาโนซึ่งยื่นถุงใส่แซนด์วิช 3 อันและขวดแก้ว
เล็กๆบรรจุยาพิษไซยาไนต์ให้ แท้ที่จริงไม่ใช่ไซยาไนต์ แต่เป็นยาควินินผงซึ่งเจ้าหน้าที่เตรียมขึ้นเป็นพิเศษที่
ห้องทดลองของกองบังคับการตำรวจแห่งรัฐนิวเจอร์ซี่

คูคลินสกีบอกดอมว่าเขาจะขับรถตู้ชนิดไม่มีหน้าต่างกลับมา และจะฆ่านักค้าโคเคนในรถตู้โดยไม่มีใคร
สังเกตเห็น กำลังเจ้าหน้าที่จำนวนมากซุ่มอยู่ในบริเวณที่จอดรถนั้น แพทริกและนักสืบอีก 2 คนนั่งสังเกตการณ์
อยู่ด้วยความกระวนกระวายใจในรถตู้ซึ่งไม่มีตราตำรวจ พวกเขาดูนาฬิกา ขณะนั้นเวลา 9.42 น.
หนึ่งชั่วโมงผ่านไป ไม่มีวี่แววคูคลินสกีจะกลับมา แพทริกและทีมงานคนอื่นๆดูนาฬิกา “มันคงได้กลิ่น”
แพทริกพูด “มันมีเงินฝากในสวิตเซอร์แลนด์ ป่านนี้อาจจะไปอยู่บนเครื่องบินแล้ว ทิ้งให้เรารอเก้อ”

ทันใดนั้น วิทยุสื่อสารก็ดังขึ้น “เราเห็นเขาแล้ว!” เพื่อนร่วมงานคนหนึ่งของแพทริกรายงานมาจากเมืองดูมอนต์
“เขาอยู่ที่ถนนในบ้าน ที่ใส่ของท้ายรถเปิดอยู่”

ทีมงานตัดสินใจว่าหากรอต่อไป เรื่องจะยิ่งผิดพลาดมากกว่านี้

“ทุกหน่วยทราบ! บุกเดี๋ยวนี้!” หัวหน้าทีมสั่ง

“ไปเลย!”แพทริกร้อง นักสืบซึ่งทำหน้าที่ขับรถเหยียบคันเร่งเต็มที่เพื่อพาทีมงานรีบรุดสู่ดูมอนต์

โปรดติดตามตอนที่ ( 23 )ในวันพรุ่งนี้
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 5975
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

พฤหัสฯ. ต.ค. 26, 2023 8:27 pm

เเกะรอยฆาตกร ตอนที่ ( 23 ) สารคดีพิเศษเรื่องจริงจากหนังสือสรรสาระ
ฉบับเดือนมีนาคม 2540 โดย Reynolds Dodson รวบรวมและจากวิกิปีเดีย 2565
เรียบเรียงโดย กอบกิจ ครุวรรณ

(at)บุกจับ

หลังจากพบดอม คูคลินสกีกลับไปบ้านและเอา“ยาพิษ”ใส่ในแซนด์วิชอย่างใจเย็น จากนั้นก็เตรียม
พาภรรยาไปพบแพทย์ ฆาตกรเลือดเย็นมีนิสัยชอบแบ่งเวลาให้แก่การฆ่าและครอบครัวควบคู่กัน

คูคลินสกีและภรรยาขึ้นรถ เมื่อรถเริ่มแล่นออกจากบ้าน รถตู้ของแพทริกก็เลี้ยวโค้งเข้ามาพอดี
กำลังตำรวจที่เหลือตามติดเป็นรถยนต์ขบวนเล็กๆที่บรรทุกนักสืบนอกเครื่องแบบ ตำรวจกองปราบ
และตำรวจของรัฐบาลกลาง

“มันอยู่นั่น!”แพทริกตะโกน รถตู้เลี้ยวมาขวางทางรถของคูคลินสกี รถของฆาตกรห้ามล้อดังเอี๊ยดและ
หยุดลง แพทริกกับตำรวจอีกคนกระโจนลงมาและวิ่งไปที่รถของคูคลินสกี

เมื่อเห็นตำรวจ คูคลินสกีก็เหยียบคันเร่ง รถถลาไปข้างหน้าปีนขอบทางเท้า จากนั้นก็หักเลี้ยวผ่าน
บรรดาตำรวจ ยางรถส่งเสียงดังไปทั่ว

ขณะนั้นกำลังส่วนที่เหลือมาถึงแล้ว รถตำรวจปิดทางแยกทุกทางไว้หมด คูคลินสกีขับรถหนีต่อไป
ขึ้นสนามหญ้าของเพื่อนบ้านจนหญ้ากระจุยกระจาย

นักสืบพอล สมิธกระโดดลงจากรถมายืนจังก้า เขาเล็งปืนตรงไปที่รถของคูคลินสกีซึ่งกำลังแล่นมา
คูคลินสกีขับรถพุ่งเข้ามาหมายขยี้สมิธ

รถของคูคลินสกียังคงวิ่งเข้ามา แต่สมิธไม่เคลื่อนไหวเลย เขายังคงเล็งปืนไปที่เป้าหมาย ในที่สุด
รถก็แล่นช้าลงและหยุดอยู่ข้างหน้าเขา

สมิธและแพทริกวิ่งไปที่รถของคูคลินสกี สมิธกระชากประตูให้เปิดออก คูคลินสกีกำลังคลำหา
ปืนพกที่ซ่อนไว้ใต้ที่นั่ง

“อย่านะโว้ย!” สมิธเตือนและจ่อปืนเข้าที่หูซ้ายของคูคลินสกี แพทริกและทีมงานคนอื่นๆคว้าตัวฆาตกร
โหดไว้ แล้วลากเขาออกมาจากรถ ตรึงให้นอนเหยียดบนทางเท้า แพทริกพยายามใส่กุญแจมือคูคลินสกี
แต่ไม่สามารถทำได้เพราะข้อมือฆาตกรใหญ่เกินไป ในที่สุด แพทริกรู้สึกว่ามีเสียงดังคลิกที่กุญแจมือข้างหนึ่ง
เขาจึงรวบรวมพละกำลังทั้งหมดที่มีอยู่ดึงแขนอีกข้างของคูคลินสกีขึ้นมาและสับกุญแจมืออีกข้างลงไป เสียงดังฉับ

โปรดติดตามตอนที่ ( 24 )ในวันพรุ่งนี้
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 5975
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

พฤหัสฯ. ต.ค. 26, 2023 8:32 pm

เเกะรอยฆาตกร ตอนที่ ( 24 ) (ตอนจบ) สารคดีพิเศษเรื่องจริงจากหนังสือสรรสาระ
ฉบับเดือนมีนาคม 2540 โดย Reynolds Dodson รวบรวมและจากวิกิปีเดีย 2565
เรียบเรียงโดย กอบกิจ ครุวรรณ

คูคลินสกีสังเกตเห็นตำรวจกักตัวภรรยาของเขาซึ่งไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นไว้ คูคลินสกีคำรามราวกับ
คนบ้า เขาตีอกชกหัวและร้องตะโกน ตำรวจหลายคนช่วยกันจับไว้จนเขาสงบลง

วันที่ 25 พฤษภาคม 2531 ณ ห้องพิพากษาคดีซึ่งมีคนเข้าฟังแน่นขนัดที่เมืองแฮกเค็นแซค (
Hackensack City) รัฐนิวเจอร์ซี่ ผู้พิพากษาหน้าตาเคร่งเครียดผู้หนึ่งฟังริชาร์ด คูคลินสกีสารภาพว่าตน
ฆ่าหลุยส์ แมสเกย์ และจอร์จ แมลลิแบนต์ คูคลินสกีถูกตัดสินว่ามีความผิดฐานฆ่าแดนนี่ เดปป์เนอร์
และแกรี่ สมิธด้วย บ็อบ คาร์รอลล์ รองอธิบดีกรมอัยการวางแนวทางให้ฝ่ายอัยการใช้พยานหลักฐาน
มัดผู้ต้องหาจนดิ้นไม่หลุด

ฝ่ายพยานซึ่งได้แก่ แพทริก เคน, ดอม โปลิโฟรเน และเพอร์ซี เฮ้าส์แสดงหลักฐานชิ้นสำคัญที่สุดคือ
ยาควินินผงหรือไซยาไนต์ปลอมที่ตำรวจพบในแซนด์วิช หลักฐานนี้เพียงอย่างเดียวก็เพียงพอที่ศาล
จะพิพากษาว่า คูคลินสกีฆ่าสมิธและแดนนี่ เดปป์เนอร์ ทั้งยังทำให้คูคลินสกีสารภาพเรื่องฆาตกรรมเหยื่อ
รายอื่นๆอีกด้วย

ผลสุดท้าย คูคลินสกีถูกพิพากษาจำคุกตลอดชีวิต 4 ครั้ง เขาไม่มีสิทธิ์ยื่นขอทัณฑ์บนจนกว่าจะถึงพ.ศ.2589

จากการให้สัมภาษณ์ในคุก คคลินสกียอมรับว่าเขาฆ่าเหยื่ออื่นๆอีกไม่น้อยกว่า 100 ราย เมื่อศาลถามถึง
เหตุผลที่เขาฆ่าแมลลิแบนต์และแมสเกย์ เขาตอบว่า “เรื่องธุรกิจ”

แพทริก เคนและสายสืบดอม โปลิโพรเน ได้รับรางวัลและคำสดุดีมากมาย ขณะที่เขียนเรื่องนี้ดอม
เป็นผู้อำนวยการหน่วยงานของเขา ส่วนแพทริกได้เลื่อนยศเป็นร้อยตำรวจโท และย้ายไปประจำการที่
กองบังคับการตำรวจน้ำรัฐนิวเจอร์ซี่ เขาจึงมีโอกาสแล่นเรือออกไปในทะเลสาบอยู่บ่อยๆ และรู้แหล่ง
ปลาชุมเป็นอย่างดี

มีข่าวว่าทางการกำลังพิจารณาจะนำปลามัสกีมาปล่อยให้เต็มทะเลสาบ แพทริกยิ้มและยักไหล่
เมื่อได้ยินเรื่องนี้เพราะเขาสุดแสนจะเอือมระอากับปลาชนิดนี้

หมายเหตุ : ริชาร์ด คูคลินสกี เกิดปี ค.ศ.1935 และเสียชีวิตเมื่อวันที่ 3 มีนาคม 2006 หลังจากติดคุก
อยู่เกือบ 18 ปี แพทย์ผู้ชันสูตรศพยืนยันว่า เขาเสียชีวิตด้วยภาวะหัวใจหยุดเต้นเพราะโรคหัวใจและ
โรคไขข้ออักเสบ เรื่องราวชีวิตของเขามีผู้นำมาสร้างภาพยนตร์ซึ่งนำออกฉายครั้งแรกในเทศกาล
ภาพยนต์เวนิส (The Venice Film Festival)ในปี ค.ศ.2012 ชื่อเรื่อง
“เชือดโหดจุดเยือกแข็ง” (The Iceman)

*************************
จบบริบูรณ์
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 5975
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

พฤหัสฯ. ต.ค. 26, 2023 8:36 pm

เรื่อง🐄 วัวพุ่งชน มี ( 4 )ตอนจบ


🐃🐄วัวพุ่งชน ตอนที่ ( 1 )เรื่องจริงจากหนังสือสรรสาระฉบับเดือนกุมภาพันธ์ 2540
โดย Michel Welzenbach รวบรวม โดย กอบกิจ ครุวรรณ

วอร์เรน ดีคอน หันไปดูวัวใหญ่ที่กำลังจ้องมองมาจากทุ่งหิมะ “ปล่อยมันไว้นั่นแหละ” เขาพูดกับ
ไมเคิล เนย์เลอร์ ลูกจ้างวัย 24 “พาวัวของเรากลับโรงนาก่อนดีกว่า พรุ่งนี้ค่อยมาจัดการกับเจ้านี่”

ไมเคิลรู้ว่าเจ้านายกำลังอารมณ์เสีย เพราะทั้งนายจ้างและตัวเขาพยายามมา 2 ครั้งแล้วในการนำแม่วัว
75 ตัวมาล่อพ่อพันธุ์ตัวนี้ให้กลับไปโรงนาซึ่งอยู่ห่างไปราว 300 เมตร แต่เจ้า ”มันโช่”ซึ่งเป็นพ่อวัว
พันธุ์ซิมเมนทัล (Simmental หรือ Swiss Fleckvieh) ไม่ยอมกลับเข้าประตูคอกทั้งสองครั้ง

ทั้งสองจนปัญญา ที่สุดก็ปีนขึ้นรถกระบะกลับไปกินอาหารกลางวันที่บ้านซึ่งลินดา ภรรยาของวอร์เรนจัด
เตรียมไว้ให้เรียบร้อยแล้ว ลินดาทำงานธนาคารที่เมืองวอเตอร์วิลล์ รัฐควิเบก (Waterville, Quebec)
แคนาดา เนื่องจากที่ทำงานอยู่ใกล้บ้าน เธอจึงมักกลับบ้านตอนกลางวันเพื่อเตรียมอาหารให้สามีและลูกจ้าง

วันรุ่งขึ้น วอร์เรนกับไมเคิลขับรถกลับไปยังทุ่งนาที่เจ้าวัวดื้อค้างคืน ขณะขับรถผ่านทุ่งหญ้าก็เห็นฝูงวัวยืน
สะบัดหางรวมกันอยู่กลางทุ่ง ขณะนั้นเวลาราว 9.00 น.ของวันศุกร์ที่ 24 พฤศจิกายน 2537 ต้นฤดูหนาว
อากาศสดใส หิมะตกลงมาปกคลุมเนินทุ่งหญ้าหนาถึงข้อเท้า

“เห็นจะต้องใช้เชือกลากมันไปโรงนา” วอร์เรนบอกไมเคิลขณะขับรถไปจอดหลังโรงนา
“ฉันจัดการเองได้ เพราะวัวตัวนี้ยังไม่คุ้นกับเธอ”

ไมเคิลลาออกจากโรงงานผลิตนมวัวเพื่อมาทำงานกับวอร์เรนเมื่อเดือนที่แล้ว ฟาร์มของวอร์เรนซึ่งอยู่
ห่างจากเมืองมอนทรีอัล (Montreal) ไปทางตะวันออก 150 กิโลเมตร มีวัวเนื้อราว 350 ตัว ไมเคิล
เรียนรู้หลายอย่างจากชายร่างผอมเกร็งดวงตาสดใสผู้นี้

วอร์เรนเลี้ยงวัวมาเกือบตลอดอายุ 47 ปี จึงรู้ดีว่าวัวเป็นสัตว์ที่อารมณ์ไม่คงที่และอันตรายมากถ้ามันตกใจ
โดยเฉพาะพ่อวัวพันธุ์สวิสตัวใหญ่อย่างเจ้ามันโช่ ความจริงวอร์เรนระวังตัวอยู่เสมอเมื่อเข้าใกล้สัตว์มหึมา
หนัก 1,200 กิโลกรัมตัวนี้ซึ่งเป็นวัวพ่อพันธุ์สีเหลืองแดงสูงถึง 2 เมตรและมีขนาดใหญ่กว่าพ่อวัวตัวอื่นๆมาก

วอร์เรนคิดว่าวัวอายุ 4 ปีตัวนี้ไม่น่าจะตื่นเมื่อถูกเชือกล่าม เพราะเคยได้รับรางวัลและเคยออกแสดงในงานต่างๆ
มาแล้ว วอร์เรนรู้สึกไม่สบายใจอยู่บ้างเมื่อเห็นนัยน์ตาสีดำของเจ้ามันโช่ที่มองตามเขาทุกฝีก้าว แต่ตอนนี้มี
ทางเลือกเดียวคือต้องใช้เชือกจูงมันกลับโรงนา

หลังจากใคร่ครวญสถานการณ์ดูแล้ว วอร์เรนเห็นว่าเจ้ามันโช่อาจจะตื่นน้อยลงถ้าไม่ต้องเดินผ่านประตูโรงนา
ซึ่งค่อนข้างแคบ เขาจึงสั่งไมเคิลว่า “เธอไปรื้อรั้วนี่นะ ทางจะได้กว้างขึ้น ฉันจะไปพามันเอง”

ไมเคิลกลับไปเอาเครื่องมือและถุงมือที่โรงนา ส่วนวอร์เรนถอนสลักประตูแล้วค่อยๆเดินเลาะแนวรั้ว
ทั้งพ่อวัวและแม่วัวตัวอื่นๆเงยหน้าขึ้นมามองเมื่อเขาเดินไปใกล้มันโช่

“เย็นไว้” วอร์เรนพูดปลอบใจ แต่เมื่อเขาขยับเชือกจะคล้องบ่วงที่หัว มันก็ถอยหนีและจ้องดูเขาอย่างไม่ไว้ใจ

วอร์เรนเดินหน้าตามไป พูดปลอบเสียงอ่อนโยนและพยายามคล้องอีกครั้ง แต่มันโช่กลับทำเสียงฟืดฟาด
สะบัดหัวสลัดบ่วงออกและถอยไปอีกก้าว วอร์เรนค่อยๆเดินตามไปอีก

คราวนี้มันโช่ดูเชื่องและก้มหัวลงให้ เขาจึงเอาบ่วงสวมเข้าที่สันหน้าผากกว้างตรงโคนเขาที่ถูกตัดออกแล้ว

“เรียบร้อยแล้ว” วอร์เรนพูดพลางดึงเชือกและรู้สึกเบาใจเมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าหนักๆของเจ้าวัวเดินตามมา
พอเดินได้ประมาณ 20 เมตร เขาสังเกตเห็นสายตาของวัวส่อเจตนาร้ายอย่างเต็มที่ จึงทราบทันทีว่า
เขาตกที่นั่งลำบากเสียแล้ว

วอร์เรนรู้ว่าหนีไม่ทันแล้วเพราะมันก้มหัวลงกำลังจะพุ่งเข้าชน ในชั่วพริบตาเดียว ร่างยักษ์อัดแน่นด้วย
เลือดเนื้อหนัก 1.2 ตันก็กระแทกเข้าที่ด้านข้างของวอร์เรนจนเขาล้มลง จากนั้นการห้ำหั่นก็เริ่มขึ้น

โปรดติดตามตอนที่ ( 2 )ในวันพรุ่งนี้
แก้ไขล่าสุดโดย rosa-lee เมื่อ ศุกร์ ต.ค. 27, 2023 10:57 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 5975
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

ศุกร์ ต.ค. 27, 2023 10:56 pm

🐃🐄 วัวพุ่งชน ตอนที่ ( 2 )เรื่องจริงจากหนังสือสรรสาระฉบับเดือนกุมภาพันธ์ 2540
โดย Michel Welzenbach รวบรวม โดย กอบกิจ ครุวรรณ

ทุกอย่างเงียบลงชั่วครู่ แล้วมันก็ก้มหัวลงชนเหยื่ออีกหลังจากทำเสียงฟืดฟาด วอร์เรนกลิ้งไป
หลายเมตร ได้แต่อ้าปากหอบด้วยความเจ็บปวด
เมื่อมันทำท่าจะชนเป็นครั้งที่สาม เขารู้ว่าต้องตายแน่ถ้าโดนขวิดอีก มันจะไม่ยอมหยุดจนกว่าจะขวิด
หรือกระทืบเหยื่อจนตาย วอร์เรนต้องหาทางพักหายใจและตะโกนขอความช่วยเหลือให้ได้

แต่เจ้าวัวยักษ์ไม่ยอมเลิก มันทำเสียงฟืดฟาดแล้วพุ่งเข้าชนวอร์เรนผู้เคราะห์ร้ายด้วยแรงมหาศาลราวกับ
รถสิบล้อจนเขากลิ้งลงไปตามเนินดิน ขณะนอนแผ่อยู่บนสนามหญ้าซึ่งปกคลุมด้วยหิมะ วอร์เรนรวบรวม
กำลังที่เหลือ พยายามร้องเรียก “ไม้ค์! ไม้ค์!”

เสียงร้องจากลำคอแผ่วดังเหมือนเสียงคราง เจ้าวัวตามมาประชิดตัวอีก วอร์เรนตกใจสุดขีดเมื่อมองขึ้นไป
เห็นมันยืนคร่อมร่างเขาอยู่ ขาข้างหนึ่งยกขึ้นสูง เขารู้ว่ามันจงใจจะกระทืบเขาให้ตายโดยที่เขาไม่มีทาง
สู้หรือหลบหนี เมื่อกีบหน้ากระทืบเต็มแรงลงมาที่อก วอร์เรนรู้สึกว่าซี่โครงของเขายุบลงดังกร้วม
ท้องไส้ขยักขย้อน แล้วทุกอย่างก็มืดไปหมด

ไมเคิล เนย์เลอร์ซึ่งอยู่ที่รั้วอีกด้านหนึ่งพยายามเงี่ยหูฟังและคิดว่าหูแว่วได้ยินเสียงเรียกชื่อ เขามองไปยัง
ทุ่งหญ้าไกลๆซึ่งเป็นแอ่งลาดลงจึงไม่เห็นอะไร แต่สัญชาตญาณบอกว่าวอร์เรนกำลังตกอยู่ในอันตราย

เขาต้องรีบไป เขาคว้าค้อนได้ก็วิ่งเร็วอย่างไม่คิดชีวิตไปตามถนนเป็นระยะทางราว 300 เมตร

เขาตกใจเมื่อเห็นวอร์เรนถูกเหวี่ยงไปมาอย่างแรง เนื้อตัวอ่อนปวกเปียก แขนขาห้อยร่องแร่ง

ไมเคิลไม่ทันได้คิดถึงอันตราย “ต้องแยกวัวออกไปให้ได้ก่อน” เขาคิด

“เฮ้ย! เฮ้ย!” เขาร้อง พยายามโบกมือและวิ่งเข้าไปหา แต่เจ้าวัวไม่สนใจไมเคิลเลย มันยังคงโกรธขึ้ง
กับร่างที่กองอยู่บนพื้นดินนั่น

“คุณวอร์เรน” ไมเคิลตะโกน หวังว่าเจ้านายจะได้ยิน

“ไปให้ถึงคอกรางหญ้านะครับ” แต่ไม่แน่ใจว่าวอร์เรนได้ยินเพราะยังถูกวัวตามขวิดอยู่

ไมเคิลเลือดขึ้นหน้าเมื่อเห็นมันเตรียมบดขยี้วอร์เรนอีกครั้ง เขาเหวี่ยงค้อนเข้าที่สีข้างของมันอย่างแรง

วัวหมุนตัวหันมาที่เขาอย่างรวดเร็ว ไมเคิลกระโดดถอยออกมาได้ทันเวลา รีบวิ่งกลับขึ้นเนินโดยที่
เจ้ามันโช่ตามมาติดๆ

โปรดติดตามตอนที่ ( 3 )ในวันพรุ่งนี้
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 5975
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

เสาร์ ต.ค. 28, 2023 6:33 pm

🐃🐄 วัวพุ่งชน ตอนที่ ( 3 ))เรื่องจริงจากหนังสือสรรสาระฉบับเดือนกุมภาพันธ์ 2540
โดย Michel Welzenbach รวบรวม โดย กอบกิจ ครุวรรณ

“คุณวอร์เรน” เขาคิดในใจ “รีบไปที่คอกรางหญ้าเร็วๆเข้า”

เจ้าวัวตามไมเคิลมาได้ราว 10 เมตรก็เลิกตาม และหันกลับไปหาวอร์เรนซึ่งกำลังค่อยๆคลานไปที่คอก
รางหญ้า อีกเพียง 3 เมตรก็จะถึงแล้ว แต่เจ้าวัวก็กระแทกเข้าให้อีก พอวอร์เรนกลิ้งไปบนหิมะ มันก็
กระทืบซ้ำ มันช่างไม่ยอมเปลี่ยนใจเอาเสียเลย

“อย่า!” ไมเคิลร้องพลางวิ่งไปที่วัว แต่มันไม่สนใจอะไรทั้งนั้นไม่ว่าเขาจะตะโกนหรือโบกไม้โบกมืออย่างไร
ไมเคิลไม่ยอมเลิกรา คิดว่าถ้าสามารถเบนความสนใจของมันได้ชั่วครู่ วอร์เรนก็คงจะคลานไปถึงคอกรางหญ้าได้

“มาซิ” ไมเคิลตะโกนพร้อมกับพุ่งไปที่วัว เอาค้อนหวดเต็มแรงที่โคนขาหน้า แล้วก็รีบกระโดดถอยหลบหัวมัน
ที่หันมาขวิดอย่างน่าหวาดเสียว มันตามเขาไปเพียง 15 เมตรแล้วก็กลับไปหาวอร์เรนอีก

วอร์เรนสะบักสะบอม แต่ก็ตะเกียกตะกายไปใกล้คอกรางหญ้าจนได้ เขารู้ตัวว่ากำลังใกล้จะหมดสติ
มองเห็นร่างวัวพร่ามัวตรงหางตา เจ้านั่นกำลังวิ่งกลับมาอีกแล้ว

ไมเคิลจ้องเอาใจช่วยเมื่อเห็นวอร์เรนลอดราวเหล็กเข้าไปในคอกสี่เหลี่ยมได้ พอมันโช่ตรงเข้าชนอีกครั้ง
โครงเหล็กก็ป้องกันเขาไว้ได้บ้าง แต่เมื่อวัวลอดหัวเข้าไปในคอกได้ มันก็เริ่มกระแทกวอร์เรนเข้าไปจน
ติดผนังคอกอีกด้าน

ไมเคิลอ่อนใจ คิดว่าเจ้านายคงทนอีกไม่ได้นาน แล้วไมเคิลก็นึกถึงรถกระบะที่จอดอยู่หลังโรงนา

“อดทนอีกหน่อยนะครับ ผมจะรีบกลับมา” เขาตะโกน

ไมเคิลวิ่งข้ามถนนไปตามทางแคบๆหลังโรงนา แล้วกระโดดขึ้นรถ

“ติดทีเถอะ!” เขาภาวนา เครื่องยนต์ดังกระหึ่ม ไมเคิลขับรถกระบะเข้าทุ่งนา “จะพุ่งรถเข้าชนมันก็ไม่ได้
เพราะมันคงหนักพอกับรถกระบะ” ไมเคิลคิดขณะขับรถกระบะ “ในเมื่อมันกระแทกคอกรางหญ้าจนสั่นได้
มันก็คงพังรถคันนี้ได้เหมือนกัน”

ไมเคิลจึงใช้วิธีขับรถตีวงกว้างเข้าไปทางด้านข้างของมัน ให้ประตูรถด้านคนนั่งอยู่ติดกับคอกรางหญ้า
เมื่อบังโคลนของรถกระบะอยู่ห่างจากขาหน้าของมันเพียง 1 เมตร ไมเคิลก็เร่งเครื่องพุ่งเข้าใส่

ตัวถังรถด้านคนนั่งกระแทกเข้ากับเนื้อและกระดูกขาของมัน เจ้ามันโช่สะดุ้งและทรุดตัวลงเล็กน้อย
ก่อนจะรีบถอยออกไป วอร์เรนกองอยู่ในคอกรางหญ้า เมื่อเห็นรถก็เริ่มคลานและพยายามตะกายขึ้นรถ
ไมเคิลโน้มตัวข้ามเบาะไปดึงวอร์เรนขึ้นมาและปิดประตู

“แทบตายเลยละ ไม้ค์” วอร์เรนคราง ไมเคิลหมุนพวงมาลัยและเหยีบคันเร่งอย่างแรง...
เจ้ามันโช่ได้แต่มองตาม

โปรดติดตามตอนที่ ( 4 )ในวันพรุ่งนี้
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 5975
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

จันทร์ ต.ค. 30, 2023 2:32 pm

:s006: 🐃🐄 วัวพุ่งชน ตอนที่ (4)เรื่องจริงจากหนังสือสรรสาระฉบับเดือนกุมภาพันธ์ 2540
โดย Michel Welzenbach รวบรวม โดย กอบกิจ ครุวรรณ

ไมเคิลขับไปยังโรงนา จอดที่ประตูด้านข้าง มองดูเจ้านายบาดเจ็บตัวซีด แทบไม่หายใจ
เขาพยุงวอร์เรนไปที่โรงนา รู้สึกว่ากระดูกในตัววอร์เรนคงหักหลายซี่

“จะให้ผมช่วยยังไงดีครับ” ไมเคิลถาม หน้านิ่วด้วยความกังวล

“ไม่ต้องหรอก” วอร์เรนกระซิบอย่างยากเย็น แขนงอแนบอยู่กับสีข้าง “ขอนอนพักซักเดี๋ยว”

ไมเคิลมองดูวอร์เรนหายใจระรวย เห็นได้ชัดว่าอาการหนัก ไม่มีเลือดออกก็จริง แต่เนื้อตัว
ดูอ่อนปวกเปียกเหมือนดินน้ำมัน

“ฉัน...ฉันหายใจไม่ออก” วอร์เรนส่งเสียงอ้าปากหายใจอย่างยากลำบาก

“ช่วยเรียกรถพยาบาลที”

ไมเคิลรีบไปโทรศัพท์ “รถพยาบาลกำลังมาครับ” ไมเคิลบอกวอร์เรนซึ่งกำลังดิ้นรนต่อสู้ให้มีชีวิตรอด

“ไม่รู้จะมาทันรึเปล่า” วอร์เรนกระซิบเสียงแหบๆ

รถพยาบาลมาถึงหลังจากนั้นไม่กี่นาที

ในห้องฉุกเฉินของโรงพยาบาลที่เมืองเชอร์บรูก (Sherbrooke City) คณะแพทย์กุลีกุจอพยายามช่วย
ชีวิตวอร์เรนซึ่งได้รับบาดเจ็บสาหัส ปอดทะลุและตับฉีก ซึ่โครงด้านขวาหักเกือบทุกซี่ เขาต้องเข้าห้อง
ผ่าตัดด่วน ผู้เชี่ยวชาญด้านทรวงอกกำลังมา

การวินิจฉัยชี้ว่าอาการไม่สู้ดีนัก หมอบอกภรรยาเขาว่าโอกาสรอดน้อยมาก คงต้องรอดูผลการผ่าตัด
เพื่อรักษาปอดและตับ หลังจากผ่าตัดแล้ว วอร์เรนต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ และหมอต้องให้ยานอนหลับ
เพื่อให้เขานอนนิ่งๆ

ไมเคิลต้องทำงานหนักกว่าเดิมเพื่อให้งานในไร่ดำเนินต่อไป ส่วนลินดาก็ลางานทางธนาคารมาช่วยที่
ไร่แต่เช้ามืด จากนั้นจึงไปเฝ้าสามีที่โรงพยาบาล ตอนกลางวันจะขับรถกลับมาเพื่อทำอาหารเลี้ยงไมเคิล
กับพวกเพื่อนบ้านที่อาสามาช่วยงาน แล้วจึงกลับไปโรงพยาบาลตอนเย็นทุกวัน

วันที่ 4 ธันวาคม 2537 เก้าวันหลังการผ่าตัด วอร์เรนลืมตาขึ้นได้เป็นครั้งแรก และในที่สุดตอนเช้า
วันที่ 17 ธันวาคม ก็หายใจได้เองโดยไม่ต้องอาศัยเครื่องช่วย ลินดารีบเข้าไปอยู่ข้างๆสามี
เมื่อทราบข่าวดี ไมเคิลไปเยี่ยมนายจ้างวันรุ่งขึ้น และถึงกับตกใจเมื่อเห็นสภาพของวอร์เรน
ดวงตาปูดโปน ร่างผอมเหลือแต่กระดูก แต่เขาก็ยังมีชีวิตอยู่

วอร์เรนแทบจะจำเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ได้ มีคนบอกเขาว่า ลูกจ้างช่วยชีวิตเขาไว้

“ขอบใจนะไม้ค์”
เขาพูดอย่างยากลำบาก

“ไม่เป็นไรครับ” ไมเคิลตอบเรียบๆ

หมายเหตุ : วอร์เรนออกจากโรงพยาบาลค่ำวันที่ 24 ธันวาคม 2537 ส่วนไมเคิล เนย์เลอร์ได้รับรางวัล
พลเมืองดีแห่งรัฐควิเบก ประเทศแคนาดาในวันที่ 7 ธันวาคม 2538

***************
จบบริบูรณ์
ตอบกลับโพส