ประสบการณ์ตายแล้วฟื้นของ ดร.กลอเรีย โปโล (11- 20 )

ใครมาใหม่เชิญทางนี้ก่อน ทักทาย ทดลองโพส
ตอบกลับโพส
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 6637
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

พุธ มิ.ย. 26, 2024 4:21 pm

👉 ตอน(11)👈
🎀 ~ ประสบการณ์ตายแล้วฟื้นของ ดร. กลอเรีย โปโล ~🎀
🌳ตอนที่ 3[C] 🌳

          พวกคุณรู้ไหม พระหรรษทานและอำนาจที่พระเป็นเจ้าประทานให้ท่านก็ได้สูญหายไป
ปีศาจได้นำมันไปจากท่าน และเจ้าจิตสกปรกพวกนั้นก็กลับมาหาท่าน จากการเป็นผู้ดูแลฝูง
แกะของท่าน คุณพ่อได้กลายเป็นหมาป่าในครอบครัวของท่าน...  ในบ้านของท่านเอง
          เมื่อใครก็ตามไม่ซื่อสัตย์ต่อการแต่งงานของเขา เขาก็ไมชื่อสัตย์ต่อพระเป็นเจ้า เขาได้ผิด
คำสาบานของเขาที่กระทำต่อพระเป็นเจ้า และต่อผู้ที่เขาแต่งงานด้วยในวันแต่งงาน ใครที่คิดว่า
จะไม่ซื่อสัตย์ต่อคู่แต่งงานของตนแล้ว จงอย่าแต่งงานเลย พระเป็นเจ้าทรงบอกแก่เราว่า "ถ้าเจ้าไม่
ซื่อสัตย์ เจ้าได้สาปแช่งตัวเจ้าเอง ถ้าเจ้าจะไม่ซื่อสัตย์ ก็จงอย่าแต่งงาน ลูกชาย ลูกสาว จงวอนขอ
ต่อเราซึ่งพระหรรษทานที่จะซื่อสัตย์ต่อภรรยาของเจ้า ต่อสามีของเจ้า และต่อพระเจ้าของเจ้าเถิด"
        ความชั่วร้ายมากมายเท่าไรที่จะมาสู่การแต่งงาน อันเนื่องมาจากความไม่ซื่อสัตย์ ตัวอย่างเช่น
สามีซึ่งไปที่ทำงาน และไม่ซื่อสัตย์กับเลขานุการ โดยเขาไม่ระวังตัวเอง ทำให้เขาได้ติดเชื้อไวรัสจาก
เลขานุการ ถึงแม้จะชำระล้างตัวเองหลังจากนั้น เชื้อไวรัสก็ยังไม่ตาย... ดังนั้นเมื่อเขาไปมีความสัมพันธ์
กับภรรยาตนเอง เชื้อไวรัสก็เข้าสู่ภรรยาของตนด้วย โดยภรรยาของตนไม่ทราบ เมื่อภรรยารู้สึกตัวก็
ต่อเมื่อเชื้อโรคลุกลามมากแล้ว ในปีต่อมา ซึ่งตรวจพบได้ในเวลาที่ไปพบแพทย์ และแพทย์แจ้งให้ทราบ
ว่าเธอเป็นมะเร็ง ใช่แล้ว มะเร็ง ใครล่ะที่บอกว่าการเป็นชู้สาวไม่ฆ่าใคร? ร้ายกว่านั้น การทำแท้งเกิดขึ้น
มากสักเท่าไรอันมีสาเหตุจากการเป็นชู้สาว? ภรรยาที่ต้องทำแท้งเพราะสามีนอกใจ มีจำนวนมากมายนัก
พวกเธอต้องฆ่าทารกผู้บริสุทธิ์ที่ไม่สามารถแม้แต่จะพูดหรือป้องกันตัวเอง การนอกใจได้ฆ่าคนมากมาย
เรายังจะกล้าที่จะเดินขบวนเรียกร้องให้ทำแท้งอย่างถูกกฎหมายได้หรือ? มันเป็นการแข็งขืนต่อพระเป็นเจ้า
เมื่อเกิดเรื่องขึ้น เมื่อมีปัญหา เมื่อล้มเจ็บลง เป็นสิ่งที่เราสมควรได้รับเพราะบาปของเราเองมิใช่หรือ? เบื้อง
หลังบาปมีปีศาจชั่วร้ายอยู่เสมอ เราได้เปิดประตูให้กับมัน แล้วเรายังคงต่อว่าพระเจ้าว่าไม่ทรงรักเรา
พระเจ้า อยู่ที่ไหน ทำไมจึงทำให้เกิดสิ่งนี้ สิ่งนั้น? เราเป็นบ้าไปหรืออย่างไร? จงรู้เถิดว่าพระเป็นเจ้าทรงเป็น
ศิลาที่ปกป้องการแต่งาน วิบัติแก่ผู้ที่พยายามทำลายศีลแต่งงาน เมื่อใครที่พยายามทำลาย เขาจะชนเข้า
กับศิลานี้ คือพระเยซูเจ้า พระเป็นเจ้าทรงต่อสู้ป้องกันศีลแต่งงาน อย่าได้สงสัยเลย
        ฉันอยากจะบอกให้คุณรู้อีกเรื่องหนึ่งเกี่ยวกับ เรื่องของแม่ผัวกับลูกสะใภ้ หรือ แม่ยายกับลูกเขย
ที่ทำให้เกิดความบาดหมางระหว่างพวกเขา สิ่งที่เราควรทำคือสวดภาวนาให้กันและกัน และอย่าไปใส่ใจ
หรือเคืองโกรธกัน

🎊🌸โปรดติดตามตอนต่อไป🌸🎊
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 6637
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

พุธ มิ.ย. 26, 2024 4:32 pm

👉 ตอน (12)👈
🎀 ~ ประสบการณ์ตายแล้วฟื้นของ ดร. กลอเรีย โปโล ~🎀
🌳ตอนที่ 3[D]🌳

♦️เคารพเชื่อฟังบิดามารดา

          พระเยซูเจ้าทรงให้ฉันได้เห็นทุกสิ่งทุกอย่าง... ฉันกำลังจะเล่าให้คุณฟังถึงความอกตัญญูของฉัน
ต่อพ่อแม่ของฉัน ฉันรู้สึกละอายใจต่อพวกท่านเหลือเกิน ฉันพูดไม่ดีกับพวกท่าน และไม่ยอมรับพวก
ท่านเพียงเพราะท่านยากจน และไม่สามารถให้ทุกสิ่งแก่ฉันเหมือนกับเพื่อนๆ ที่ร่ำรวยของฉันได้รับจาก
พ่อแม่ของเขา ฉันช่างเป็นลูกที่อกตัญญูเสียนี่กระไร จนถึงกับเคยพูดว่า ท่านไม่ใช่แม่ของฉัน เพราะท่าน
มายุ่งเรื่องส่วนตัวของฉัน ผู้หญิงที่ไม่ยำเกรงพระเป็นเจ้านั้นน่าหวาดหวั่นยิ่งนัก เธอทำลายทุกสิ่งที่อยู่
ใกล้ตัว นอกจากนั้นยังมีสิ่งที่แย่มาก นั่นก็คือฉันยังคงรู้สึกว่า ฉันเป็นคนดี  ฉันคิดว่าฉันได้ปฏิบัติตาม
บัญญัติประการที่ 4 นี้เป็นอย่างดีแล้ว เพราะฉันได้ใช้จ่ายเงินเพื่อท่านมากมาย
ในตอนที่ท่านเจ็บป่วย เพราะก่อนที่ท่านจะเสียชีวิตนั้น ท่านล้มป่วยอาการหนักมาก สามีของฉันเป็นคน
ออก ค่าใช้จ่ายทั้งหมด แล้วฉันยังพูดอีกว่า "ดูสองคนนี้สิ พวกเขาไม่ได้ทิ้งทรัพย์สมบัติอะไรไว้ให้ลูกๆ
เลย แต่ลูกยังต้องจ่ายเงินทองเป็นค่ารักษาให้อีก พ่อแม่ของเพื่อนๆ ยังจากไปดีกว่าและ..." พระเยซูเจ้า
ทรงแสดงให้ฉันเห็น ถึงการที่ฉันตัดสินทุกอย่างด้วยเงินทอง เพราะฉันทำเช่นนี้ แม้แต่พ่อแม่ของฉันเอง
ในเวลาที่ฉันมีเงินและอำนาจอยู่แล้ว ฉันก็ยังคิดจะหาประโยชน์จากพวกท่านอีก
       ด้วยเงินทองที่มีอยู่ ฉันทำตัวเป็นพระเจ้า และฉันดูถูกแม้แต่พ่อแม่ของตัวเอง พวกคุณทราบไหมว่า
อะไรทำให้ฉันเศร้าเสียใจมากที่สุด?... ก็คือการเห็นพวกท่านอยู่ที่นั่น... คุณพ่อของฉันกำลังร้องไห้ ท่าน
เป็นพ่อที่ดี ท่านสอนลูกให้รู้จักทำงาน รู้จักต่อสู้ชีวิต ให้เข้ากับคนอื่น ให้รู้จักรับผิดชอบ เพราะคนที่ทำงาน
จึงจะก้าวหน้า... แต่ฉันลืมสิ่งที่ท่านสอนซึ่งสำคัญที่สุด นั่นคือ ฉันมีจิตวิญญาณ และท่านรู้ว่าท่านต้องเป็น
ประกาศกของฉัน ด้วยการเป็นพยานและด้วยแบบอย่างที่ดี แต่ท่านหาได้ทำอย่างดีไม่ เวลานี้ท่านเห็นฉัน
กำลังจมดิ่งลง ท่านเศร้าเสียใจเป็นอย่างยิ่ง ท่านรู้สึกรับผิดชอบต่อพระเป็นเจ้า ท่านเคยพูดโอ้อวดกับ
คุณแม่และทุกคนว่า ท่านเป็น "ลูกผู้ชาย" เต็มตัว เพราะมีผู้หญิงหลายคนมาติดพันท่าน ยิ่งไปกว่านั้นท่าน
ยังเคยดื่มสุราและสูบหรี่ ท่านเป็นคนดีเหมือนกัน แต่ก็มีข้อเสียด้วย ซึ่งท่านไม่รู้ตัวเอง และยังคิดว่าสิ่งนั้น
เป็นความดีอย่างหนึ่ง ท่านยังภูมิใจด้วยซ้ำ ในตอนที่ฉันเป็นเด็กเล็กๆ และเห็นแม่ของฉันร้องไห้เมื่อคุณพ่อ
ไม่พูดถึงผู้หญิงคนอื่น ฉันรู้สึกโกรธฝังใจ ความฝังใจนั้นทำให้จิตวิญญาณของฉันตายไป ฉันรู้สึกโกรธจัด
เมื่อเห็นคุณพ่อเยาะเย้ยคุณแม่ต่อหน้าคนอื่น ท่านทำให้คุณแม่ต้องเสียน้ำตาไปมากมายทีเดียว... ส่วน
คุณแม่นิ่งเงียบไม่พูดเลยสักคำเดียว ทำให้ฉันเริ่มต้นเป็นกบฏต่อครอบครัว
          เมื่อย่างเข้าสู่วัยรุ่น ฉันเคยพูดกับแม่ว่า "ฉันจะไม่ทำเหมือนคุณแม่ คุณแม่ทำให้ศักดิ์ศรีของผู้หญิง
ถูกเหยียบย่ำ ทำให้ผู้หญิงไร้ค่า ความผิดทั้งหมดมาจากผู้หญิงอย่างคุณแม่นี่แหละ สูญเสียศักดิ์ศรี สูญเสีย
ความภูมิใจ ได้รับการดูถูกจากผู้ชาย" ส่วนคุณพ่อของฉัน ฉันเคยพูดกับท่านว่า "คุณพ่อ ฟังดีๆ นะ ฉันจะ
ไม่ยอมให้ผู้ชายมาทำกับฉันเหมือนที่คุณพ่อทำกับคุณแม่หรอก ถ้าวันใดผู้ชายไม่ซื่อสัตย์ต่อฉัน ฉันจะไม่
ยอม ฉันจะทำเช่นเดียวกันนั้นบ้าง เพื่อที่เขาจะได้เรียนรู้" คุณพ่อตะโกนใส่ฉันว่า "แกกล้าดีอย่างไร เจ้า
เด็กน้อย?" ฉันไม่เข้าใจว่าทำไมพ่อจึงมีอคติมากเช่นนั้น ฉันตอบท่านว่า "โอเค คุณพ่อจะตีฉันก็ได้... แต่
ถ้าวันไหนฉันแต่งงาน และสามีหลอกลวงฉัน ฉันจะไม่ยอม ฉันจะตอบแทนเขา ด้วยการกระทำแบบเดียวกัน
ผู้ชายจะได้รู้และเข้าใจและมีประสบการณ์ว่าผู้หญิงเป็นทุกข์มากแค่ไหน เมื่อผู้ชายดูถูกและเยาะเย้ยเธอ
แบบนั้น" ฉันพกพาความเกลียดและความฝังใจเอาไว้ในใจ สิ่งนี้ทำให้ฉันเป็นกบฏ ฉันคิดที่จะกระทำสิ่งที่
เป็นการปกป้องผู้หญิง ฉันสนับสนุนการทำแท้ง การหย่าร้าง การทำการุณยฆาต และฉันแนะนำผู้หญิงทุก
คนที่รู้จักว่า อย่ายอมผู้ชายถ้าเขาหลอกลวงเธอ ตัวฉันเองไม่เคยทำเช่นนั้น แต่ฉันทำร้ายผู้คนมากมาย
ด้วยการให้คำแนะนำเช่นนั้น
          เมื่อฉันมีฐานะที่ดีขึ้น ฉันเริ่มบอกกับแม่ว่า "คุณแม่ แยกตัวจากพ่อเถอะ เพราะเป็นไปไม่ได้ที่จะทน
อยู่กับผู้ชายแบบนี้ รู้จักมีศักดิ์ศรีให้คุณค่ากับตัวเองบ้างนะแม่" แต่ถึงแม้คุณพ่อจะเป็นแบบนั้น แต่ฉันก็
ยังชอบท่าน ฉันรักท่านถึงแม้ท่านจะเป็นแบบนั้น? เพราะคุณแม่ท่านเป็นคนดีจริงๆ ท่านไม่เคยสอนลูก
ให้เกลียดพ่อหรือเกลียดคนอื่นเลย... ส่วนฉัน คิดดูเถอะ ฉันต้องการให้พ่อแม่หย่ากัน แต่คุณแม่บอกว่า
"ไม่ แม่ไม่ทำ เป็นความจริงที่แม่เป็นทุกข์ แต่แม่พร้อมที่จะเสียสละเพื่อลูก พ่อของลูกเป็นคนดี แม่ไม่
สามารถแยกไปอยู่คนเดียวและทำให้ลูกขาดพ่อได้หรอก และถ้าแม่แยกไปแล้วใครจะสวดภาวนาให้
พ่อเพื่อที่เขาจะได้รับความรอดล่ะ?  มีแต่แม่ที่จะวิงวอนขอต่อพระเป็นเจ้าเพื่อคุณพ่อ ความจริงความทุกข์
และความเจ็บปวดที่คุณพ่อทำกับแม่นั้น แม่ได้ถวายสิ่งเหล่านั้นเข้ากับความทุกข์ทรมานของพระเยซูเจ้า
บนไม้กางเขน ทุกวันแม่จะไปที่โบสถ์ เมื่ออยู่เบื้องหน้าพระแท่นแม่จะสวดภาวนาว่า "พระเยซูเจ้า ลูกขอ
ถวายความเจ็บปวดนี้เข้ากับพระมหาทรมานของพระองค์ เพื่อที่สามีและลูกๆ จะได้รับความรอด" แม่ได้
มอบพ่อของลูกให้แก่พระเยซูเจ้า และสวดสายประคำ ปีศาจดึงพ่อให้ตกต่ำลงด้วยบาป แต่แม่ดึงพ่อกลับ
ขึ้นมาด้วยสายประคำ แม่ดึงพ่อขึ้นมาอยู่เบื้องหน้าพระแท่นและแม่พูดว่า "พระเยซูเจ้าข้า เขาอยู่ที่นี่แล้ว
ลูกเชื่อมั่นว่าพระองค์จะไม่ให้ลูกสิ้นใจก่อนที่จะได้เห็นเขากลับใจ พระเยซูเจ้าข้า ลูกไม่ได้สวดภาวนา
เพื่อสามีของลูกเท่านั้น แต่สวดภาวนาเพื่อผู้หญิงอื่นๆ ซึ่งอยู่ในสถานการณ์เดียวกับลูกด้วย โดยเฉพาะ
อย่างยิ่ง ผู้หญิงที่ไม่คุกเข่าวอนขอต่อพระองค์เพื่อสามีของเขาและลูกๆ ของเขา แต่กลับไปพึ่งพา
ไสยศาสตร์ หรือหมอดู หรือสิ่งอื่นๆ ซึ่งเป็นสิ่งหลอกลวง อันเป็นการนำครอบครัวของเขาให้ไปสู่อุ้งมือ
ของปีศาจ พระเยซูเจ้าข้า ลูกสวดภาวนาสำหรับผู้หญิงเหล่านี้และครอบครัวเหล่านี้"
          และแปดปีก่อนที่คุณพ่อจะเสียชีวิต คุณพ่อของฉันได้กลับใจ ท่านสำนึกผิดและวอนขออภัยโทษต่อ
พระเป็นเจ้า และพระเยซูเจ้าทรงอภัยให้ท่าน ท่านได้ไปอยู่ในไฟชำระส่วนที่ลึกที่สุด ทนทรมานแสนสาหัส
เพื่อชดใช้โทษบาปของท่าน การใช้โทษบาปเป็นเรื่องที่พวกเราไม่ค่อยตระหนักอย่างจริงจังเท่าไรนัก เรา
ไม่ค่อยคิดถึงเรื่องนี้ พระเยซูเจ้าทรงประทานพระหรรษทานในการชดใช้โทษในบาปความผิดของเราโดย
ผ่านทางศีลมหาสนิท ทุกๆ ครั้งที่เราไปร่วมพิธีมิสซา พระเป็นเจ้าจะทรงแสดงให้พวกเราเห็นหลังจากที่เรา
เสียชีวิต บาปต่างๆ ของเรา ความชั่วที่เราทำต่อเพื่อนมนุษย์ แม้จะเป็นเรื่องเล็กน้อย คำพูดที่ไม่ดี... ถ้าหาก
เราได้เห็นความน่ากลัวของโทษของบาปที่เราทำ เราจะร้องไห้เสียใจเป็นอย่างมาก
          ในกรณีของคุณพ่อของฉัน คุณแม่เคยบอกคุณพ่อให้ตักเตือนพี่ชายของฉันให้ละทิ้งชีวิตในบาปที่เขา
กำลังทำอยู่เสีย เพราะเขากำลังดำเนินรอยตามคุณพ่อ นั่นคือความไม่ซื่อสัตย์ การดื่มสุรา... ถ้าคุณพ่อยอม
ทำตามที่คุณแม่แนะนำ นี่จะเท่ากับเป็นการซดใช้โทษบาปของท่านได้ แต่ท่านไม่ได้ทำและพูดแต่เพียงว่า
เด็กๆ เขาสนุกเล่นเท่านั้น ไม่ได้เอาจริง และเขาก็จะเปลี่ยนไปเองในภายหลัง คุณพ่อเป็นตัวอย่างที่ไม่ดีแก่
พี่ชายของฉัน แต่ก็ไม่แก้ไขอะไรเลย ในไฟชำระ ท่านร้องไห้และพูดว่า "ข้าพเจ้าได้รับความรอดโดยอาศัย
การสวดภาวนาเป็นเวลาถึง 38 ปี ของผู้หญิงที่พระองค์ทรงประทานมาให้เป็นคู่ของข้าพเจ้า
ขอขอบพระคุณพระองค์" แม่ของฉันสวดภาวนานานถึง 38 ปี เพื่อคุณพ่อ

🎊🌸โปรดติดตามตอนต่อไป🌸🎊
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 6637
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

พุธ มิ.ย. 26, 2024 4:37 pm

👉 ตอน(13)👈
🎀 ~ ประสบการณ์ตายแล้วฟื้นของ ดร. กลอเรีย โปโล ~🎀
🌳ตอนที่ 4[A]🌳
วันอาทิตย์ที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

♦️ซาตานและกลยุทธ์ของมัน

          คนที่ได้ดูภาพยนตร์เรื่องพระมหาทรมานของพระเยซูเจ้า คงจะจำได้ว่า ในตอนที่ทหารเฆี่ยนตี
พระเยซูเจ้าอยู่ มีปีศาจพร้อมกับเด็กเล็กๆ คนหนึ่ง (ซึ่งเป็นปีศาจเหมือนกัน) กำลังมองดูพระเยซูเจ้า
และยิ้ม รู้ไหมว่าเดี๋ยวนี้มันไม่ได้เป็นเด็กแล้ว แต่โตและฉลาดมาก ชั่วร้ายและเจ้าเล่ห์ด้วย มันได้ทำ
ให้คนจำนวนมากเป็นทาสของมัน โดยทำให้พวกเขาพึงพอใจในเรื่องเนื้อหนัง โดยอาศัยเวทย์มนตร์,
ความผิดพลาดทางเทววิทยา อย่างเช่นการที่มีบางคนยืนยันว่าปีศาจไม่มีอยู่จริง คิดดูสิว่ามันฉลาด
แค่ไหน มันปฏิเสธแม้แต่ตัวมันเองได้ มันทำให้เราเชื่อว่าไม่มีปีศาจ เพื่อที่จะไม่มีสิ่งใดมารบกวนแผน
การของมัน ถูกต้อง มันชี้แนะบางคนให้เชื่อว่าพวกมันไม่มีอยู่ และจะได้นำความพินาศมาสู่พวกเรา
มันหาวิธีทำให้เราสับสนแม้แต่คนที่เชื่อในพระเป็นเจ้าก็ด้วย ยกตัวอย่างเช่น เมื่อมีการประจักษ์ที่แท้จริง
มันทำให้เราเชื่อว่าการประจักษ์นั้นเป็นเรื่องไม่จริง มันหลอกลวงคนนับพันด้วยวิธีการต่างๆ หลายวิธี
โดยใช้ประโยชน์จากความอ่อนแอของแต่ละคน คาทอลิกหลายคน ถึงแม้จะมีความเชื่อและปฏิบัติตาม
ความเชื่อ บางคนไปร่วมพิธีมิสซาและยังไปทำพิธีกรรมบางอย่างที่อาศัยเวทมนตร์ด้วย เพราะถูกทำให้
เชื่อว่าการกระทำเช่นนั้นไม่มีอะไรเสียหาย เราสามารถไปสวรรค์ได้เพราะเราไม่ได้ทำเวทมนตร์เพื่อทำ
ร้ายใคร ปีศาจชี้แนะและนำทางเราด้วยยุทธวิธีที่มันตระเตรียมมาเป็นอย่างดีแล้ว เมื่อมันสอนให้เราทำ
บางสิ่งที่เกี่ยวกับเวทมนตร์ไม่ว่าจะเป็นอะไรก็ตาม (อย่างเช่น เครื่องรางของขลัง ทำเสน่ห์ การดูดวง ฯลฯ)
เท่ากับปีศาจมันได้ตีตราประทับของมันไว้บนตัวเราแล้ว เมื่อเราไปหาคนทรงเจ้าหรือหมอดูหรืออะไรที่
เกี่ยวกับจิตวิญญาณ สถานที่นั้นคือสถานที่ที่ปีศาจมันตีตราของมันประทับบนตัวเรา
        ฉันเองเคยไปสถานที่แบบนี้ ฉันไปหาเพื่อนคนหนึ่งที่พาฉันไปพบกับคนทรง เพื่อให้ทำนายโชคชะตา
ของฉัน และที่นั่นฉันถูกตีตราเครื่องหมายของปีศาจ ปีศาจตนหนึ่งได้ตีตราบนตัวของฉัน ตั้งแต่วันนั้น ฉันรู้
สึกถูกรบกวน ฝันร้าย ใจสับสนวุ่นวาย วิตกกังวล หวาดกลัว และยังคิดที่จะฆ่าตัวตายด้วย ฉันไม่เข้าใจว่า
ทำไมจึงมีความปรารถนาเช่นนั้น ฉันร้องไห้ ไม่มีความสุข และไม่รู้สึกมีสันติสุขอีกต่อไป ฉันสวดภาวนา
แต่รู้สึกว่าพระเป็นเจ้าทรงอยู่ห่างไกลจากฉัน ฉันไม่รู้สึกว่าอยู่ใกล้พระองค์อีกเลย และนั่นทำให้ฉันเปิด
ประตูให้กับปีศาจร้าย และมันได้เข้ามาทำลายชีวิตของฉัน

🎊🌸โปรดติดตามตอนต่อไป🌸🎊
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 6637
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

พุธ มิ.ย. 26, 2024 4:47 pm

👉 ตอน(14)👈
🎀 ~ ประสบการณ์ตายแล้วฟื้นของ ดร. กลอเรีย โปโล ~🎀
🌳ตอนที่ 4🌳

♦️การโกหกและการสารภาพบาปไม่ดีเป็นครั้งแรก

      ในตอนที่ฉันยังเป็นเด็ก ฉันเรียนรู้มาอย่างผิดๆ ว่า ถ้าหากจะไม่ให้แม่ทำโทษฉันต้องโกหกท่าน
ดังนั้นฉันจึงเริ่มต้นพูดโกหก และพูดโกหกมากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้บาปของฉันมากขึ้น ยกตัวอย่างเช่น
คุณแม่ของฉันเคารพนับถือพระเยซูเจ้ามาก สำหรับท่าน พระนามของพระองค์เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่สุด
ฉันจึงมีความคิดว่านี่เป็นเครื่องมืออย่างหนึ่งของฉัน ฉันเคยพูดกับแม่ว่า "คุณแม่ โดยพระนามของ
พระคริสต์ หนูสาบานว่าจะไม่ทำสิ่งนี้อีก" ทำให้ฉันไม่ต้องถูกแม่ทำโทษ ด้วยความอ่อนแอ ความดื้อ
ดึงและความชั่วในตัวของฉัน ฉันได้ทำความผิดและทำบาปมากขึ้นทุกที... ฉันเรียนรู้ว่าไม่นานคำพูด
เหล่านี้ก็จะหายไปกับสายลม แต่เมื่อคุณแม่ยืนยันอย่างแข็งขัน ฉันก็พูดว่า "คุณแม่ ขอให้ฟ้าผ่าหนู
ถ้าหนูพูดโกหก" คำพูดนี้ฉันเคยพูดหลายครั้ง... เวลาผ่านไป แล้วฟ้าก็ผ่าฉันจริงๆ การที่ฉันอยู่ที่นี่ได้
ก็เป็นเพราะพระเมตตาของพระเป็นเจ้าอย่างเดียวเท่านั้น
        วันหนึ่ง เอสเตลล่า เพื่อนสาวของฉันพูดกับฉันว่า "ดูสิ ตอนนี้เธออายุ 13 ปีแล้ว และเธอยังไม่เสีย
พรหมจรรย์เลยหรือ?" ฉันจ้องดูเธอด้วยความตกใจ เธอพูดอย่างนี้ได้อย่างไร... เธอหมายความว่าอย่างไร?
       คุณแม่เคยสั่งสอนฉันเสมอเกี่ยวกับความสำคัญของพรหมจรรย์ ท่านบอกว่ามันเกี่ยวข้องกับแหวน
แต่งงานกับพระเยซูเจ้า แต่เพื่อนหญิงของฉันบอกฉันว่า "แม่ของฉันได้พาฉันไปพบสูตินารีแพทย์ เมื่อฉัน
เริ่มมีประจำเดือน และแพทย์ให้ฉันกินยาคุม" ในตอนนั้น ฉันไม่มีความรู้เกี่ยวกับเรื่องแบบนี้ เธอจึงอธิบาย
ให้ฟังว่า ยาคุมกำเนิดมีไว้เพื่อควบคุมไม่ให้มีการตั้งครรภ์ เธอยังเปิดเผยเรื่องที่ผู้หญิงไม่ควรทำให้ฉันรู้
ด้วย (การมีเพศสัมพันธ์ก่อนวัย) ... เธอยังพูดกับฉันว่า "เธอนี่ช่างไม่รู้เรื่องอะไรเลย" และบอกว่าจะแนะนำ
สถานที่บางแห่งให้ฉันเพื่อเรียนรู้สิ่งต่างๆ เหล่านี้
        พวกเขาพาฉันไปโรงภาพยนตร์ซึ่งอยู่กลางเมืองเพื่อดูภาพยนตร์ลามก คิดดูเถิดช่างน่ากลัวอะไร
เช่นนั้น? เด็กหญิงอายุเพียง 13 ปี คิดดูสิว่าเมื่อดูภาพยนตร์เช่นนั้นแล้วจะเป็นอย่างไร? ฉันเกือบตายด้วย
ความตกใจ รู้สึกเหมือนอยู่ในนรก ฉันอยากจะวิ่งหนีออกไปให้เร็วที่สุดจากที่นั่น... แต่ฉันไม่ได้ทำ เพราะ
ความอับอายต่อหน้าเพื่อนผู้หญิง... แต่ฉันอยากออกไปจากที่นั่นมาก ฉันตกใจกลัวมาก
       ในวันเดียวกันนั้น ฉันไปโบสถ์พร้อมกับคุณแม่ ฉันต้องการไปสารภาพบาป ฉันสารภาพบาปทั่วไป
เช่น ไม่ได้ทำหน้าที่ที่บ้าน ที่โรงเรียน ฉันไม่ได้เชื่อฟัง... ซึ่งเป็นบาปที่ฉันทำอยู่เสมอ ฉันสารภาพบาปกับ
พระสงฆ์องค์เดิม ซึ่งท่านจะรู้บาปของฉันอยู่บ้างแล้ว แต่ในวันนั้นฉันได้สารภาพว่าฉันได้ไปดูภาพยนตร์
และไม่ได้บอกกับคุณแม่ พระสงฆ์ประหลาดใจมาก ท่านพูดเกือบจะตะโกนว่า "ไม่ได้บอกใครนะ? หนูไป
ที่ไหน?" ด้วยความเศร้าฉันมองดูคุณแม่ซึ่งยังคงสงบเงียบบริเวณที่ท่านนั่งอยู่...โชคดีที่ท่านไม่ได้สังเกต
เห็นสิ่งใด ฉันคิดว่าถ้าหากท่านเห็นละก้อ... ฉันจึงลุกออกจากที่สารภาพบาป รู้สึกโกรธเคืองพระสงฆ์ แต่
ฉันไม่ได้บอกท่านว่าได้ไปดูภาพยนตร์ประเภทใด เพียงแต่บอกว่าแอบไปดูภาพยนตร์เท่านั้น พระสงฆ์
จะต้องตำหนิฉันมากแน่นอน  ถ้าหากฉันบอกท่านว่าฉันไปดูภาพยนตร์อะไรมา
        นี่เป็นการเริ่มต้นของเล่ห์กลปีศาจซาตาน ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ฉันเริ่มสารภาพบาปอย่างไม่ดี ฉันเลือก
ว่าจะสารภาพอะไร "จะสารภาพบาปนี้ แต่ไม่สารภาพอันนี้ บาปนี้ฉันจะบอกพระสงฆ์ ส่วนบาปนี้จะไม่บอก" ...
การสารภาพบาปอย่างไม่ดีของฉันเริ่มต้นขึ้น และฉันก็ไปรับศีลมหาสนิททั้งๆ ที่รู้ว่าไม่ได้สารภาพบาปอย่าง
ครบถ้วน ฉันรับพระองค์อย่างไม่สมควร และพระเยซูเจ้าทรงแสดงให้ฉันเห็นความน่ากลัวของการตกต่ำของ
วิญญาณของฉัน มันเป็นกระบวนการของความตายฝ่ายวิญญาณ... ซึ่งท้ายที่สุด ฉันมาถึงจุดที่ตัวเองไม่มี
ความเชื่อเลย ไม่เชื่อว่ามีปีศาจหรือสิ่งชั่วร้ายใดๆ พระองค์ทรงแสดงให้ฉันเห็นว่า ในขณะที่ฉันเป็นเด็กๆ
ฉันถูกจูงมือเดินไปพร้อมกับพระองค์ ฉันมีสายสัมพันธ์อย่างลึกซึ้งกับพระองค์ และแล้วบาปค่อยๆ เปลี่ยน
ฉันทีละน้อย ขณะที่เวลาค่อยๆ ผ่านไป แล้วมือของฉันก็หลุดออกจากพระหัตถ์ของพระองค์ ต่อมาพระเยซูเจ้า
ตรัสกับฉันว่า "ผู้ใดที่กินและดื่มพระกายและพระโลหิตของพระองค์อย่างไม่เหมาะสม ก็เท่ากับกินและดื่ม
คำสาปแช่งของตัวของเขาเอง" ฉันได้กินและดื่มคำสาปแช่งตัวของฉันเอง ฉันได้เห็นในหนังสือแห่งชีวิตว่า
ปีศาจมันได้ทำอย่างไรในการแยกฉันออกจากพระเยซูเจ้า เพราะเมื่อฉันมีอายุ 12 ปี ฉันยังคงมีความเชื่อ
ในพระเป็นเจ้า ฉันยังคงไปเฝ้าศีลมหาสนิทพร้อมกับคุณแม่ของฉัน... มันเป็นการแยกจากที่น่ากลัวยิ่งนัก
เมื่อได้เห็นเช่นนี้
          เมื่อฉันเริ่มต้นชีวิตในบาป พระเยซูเจ้าทรงทำให้ฉันรู้สึกถึงการสูญเสียสันติในจิตใจ และเริ่มมีการ
สู้รบในมโนธรรม แต่บรรดาเพื่อนหญิงของฉันพูดกับฉันว่า "อะไรนะ? ไปสารภาพบาปหรือ? เธอโง่ไปแล้ว
เธอนี่ตกแฟชั่นจริงๆ เธอไปสารภาพบาปกับใคร? กับพระสงฆ์เหล่านั้นหรือ? พวกเขาเป็นคนบาปยิ่งกว่า
พวกเราเสียอีก?" เพื่อนหญิงของฉันไม่มีใครไปสารภาพบาปเลย มีฉันเพียงคนเดียวเท่านั้นที่ไปสารภาพ
บาป สงครามเริ่มก่อตัวขึ้นในจิตใจของฉัน ระหว่างคำพูดของบรรดาเพื่อนผู้หญิง กับ คำพูดของคุณแม่
ของฉัน และจากมโนธรรมของฉันเอง... อย่างช้าๆ ความสมดุลก็เอนเอียงไป และทางฝ่ายเพื่อนผู้หญิง
ก็ชนะ ฉันตัดสินใจที่จะไม่ไปสารภาพอีกต่อไป ฉันจะไม่ไปสารภาพกับพระสงฆ์ท่านนั้นซึ่งคอยตำหนิฉัน
ฉันจะไปดูภาพยนตร์
          จงพิจารณาดูเล่ห์กลของซาตานเถิด เมื่ออายุ 13 ปี มันทำให้ฉันถอยห่างออกจากการสารภาพบาป
มันเป็นผู้เชี่ยวชาญจริงๆ รู้ไหม? มันเอาความคิดผิดๆ มาใส่ในหัวของเรา ฉัน กลอเรีย โปโล ได้กลายเป็น
ซากศพที่มีชีวิตเมื่ออายุ 13 ปี แต่สำหรับฉันในเวลานั้น มันเป็นเรื่องสำคัญที่จะต้องอยู่ในกลุ่มของเพื่อน
ผู้หญิง เป็นเด็กหญิงที่เก่งและเชี่ยวชาญ... เมื่ออายุ 13 ปี ฉันคิดว่าฉันรู้ทุกสิ่งแล้ว และทุกอย่างที่เกี่ยวกับ
พระเป็นเจ้าเป็นเรื่องล้าสมัย หรือเป็นเรื่องโง่เขลา
          ฉันยังไม่ได้เล่าให้พวกคุณฟังเลยว่า เมื่อพระสุรเสียงของพระเยซูเจ้าตรัสออกไป และปีศาจได้หนีไป
จากที่นั่นเพราะพวกมันไม่สามารถทนต่อพระสุรเสียงของพระองค์ได้ แต่มีปีศาจตัวหนึ่งซึ่งยังคงอยู่ที่นั่น
มันได้รับคำสั่งจากพระเยซูเจ้าให้อยู่ที่นั่น ปีศาจตนนี้ร้องตะโกนด้วยเสียงดังอย่างน่ากลัวว่า "หล่อนเป็น
ของข้า มันเป็นของข้า มันเป็นของข้า" มันอยู่ที่นั่น เพราะเป็นมันที่วางแผนและออกอุบายให้ฉันทำบาป
จากความอ่อนแอของฉัน เป็นมันที่ดึงฉันออกนอกทางจากการสารภาพบาป เพราะเหตุนี้ พระเยซูเจ้าจึง
ทรงอนุญาตให้มันอยู่ถัดจากฉัน และมันร้องตะโกนว่าฉันเป็นของมัน มันได้กล่าวหาฉัน เพราะฉันได้ตาย
ไปในบาปหนัก ตั้งแต่ตอนอายุ 13 ปีที่ฉันไม่ได้ไปสารภาพบาปอีกเลย หลายครั้งที่ฉันสารภาพบาปอย่าง
ไม่ครบถ้วน เพราะฉะนั้นฉันจึงเป็นของปีศาจตนนั้น และมันสามารถอยู่ที่นั่นได้ในระหว่างการพิพากษา
คิดดูเถิดฉันอับอายเพียงไรที่เห็นบาปของตัวเองมากมายมหาศาล และถูกปีศาจกล่าวหาฉัน บอกว่าฉัน
เป็นของมันแล้ว มันช่างน่ากลัวจริงๆ
        ปีศาจตนนี้ดึงฉันออกจากการสารภาพบาป ด้วยวิธีนี้มันทำให้ฉันไม่ได้รับการเยียวยารักษา และการ
ชะล้างทำความสะอาดวิญญาณ บาปที่ฉันทำไม่ใช่สิ่งที่ได้มาฟรีๆ โดยไม่ต้องชดใช้ บนวิญญาณที่ขาวสะอาด
ความชั่วได้ทำเครื่องหมายของมัน เป็นเครื่องหมายของความชั่วอันดำมืด... แล้ววิญญาณที่ขาวสะอาดก็เต็ม
ไปด้วยความดำมืด เมื่อฉันรับศีลมหาสนิทครั้งแรกเท่านั้นที่ฉันสารภาพบาปอย่างดี หลังจากนั้นก็ไม่อีกเลย
ฉันรับพระเยซูเจ้าอย่างไม่สมควร ดังนั้นเมื่อเราจะไปสารภาพบาป เราต้องวอนขอต่อพระจิตเจ้าให้พระองค์
ส่องสว่างจิตใจอันดำมืดของเรา เพราะสิ่งหนึ่งที่ปีศาจทำก็คือ การปิดบังจิตใจของเรา เพื่อที่เราจะคิดว่าไม่มี
อะไรที่เป็นบาป ทุกอย่างดีหมด จึงไม่จำเป็นต้องไปหาพระสงฆ์เพื่อสารภาพการกระทำของเรา... และยังทำ
ให้เราคิดอีกว่าพระสงฆ์เป็นคนบาปยิ่งกว่าตัวของเราเอง... การสารภาพบาปเป็นเรื่องล้าสมัยและ
มันสะดวกสบายกว่าที่จะไม่ไปสารภาพบาป

🎊🌸โปรดติดตามตอนต่อไป🌸🎊
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 6637
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

พุธ มิ.ย. 26, 2024 4:55 pm

👉 ตอน(15)👈
🎀 ~ ประสบการณ์ตายแล้วฟื้นของ ดร. กลอเรีย โปโล ~🎀
🌳ตอนที่ 5[A]🌳

วันเสาร์ที่ 1 มีนาคม พ.ศ. 2557

♦️การทำแท้งของเพื่อนหญิงคนหนึ่ง

          เพื่อนหญิงของฉัน "เอสเตล่า" ได้ตั้งครรภ์เมื่ออายุ 13 ปี และเธอบอกให้ฉันรู้ ฉันถามเธอว่า
"เธอไม่ได้กินยาคุมหรอกหรือ?" ... "กิน" เธอตอบ... "แต่มันไม่ได้ผล" ... "แล้วตอนนี้เธอจะทำอย่างไร
ต่อไป?" ... เธอตอบฉันว่าเธอก็ไม่รู้ เรื่องมันเกิดขึ้นที่ไหนสักแห่ง ในงานปาร์ตี้ หรือในตอนที่กำลัง
เดินทาง หรืองานแต่งงาน
         เดือนมิถุนายน เธอได้ไปเที่ยววันหยุดกับแม่ของเธอ ตอนนั้นเธอตั้งครรภ์ได้ 5 เดือนแล้ว เมื่อเธอ
กลับมา เธอทำให้ฉันประหลาดใจ เธอไม่เป็นคนกล้าเหมือนเดิม เธอเหมือนซากศพ ตัวของเธอซีดมาก
จากอดีตที่เป็นคนกล้าทำทุกสิ่ง ตอนนี้ไม่มีอะไรเหมือนเดิมเลย
       เมื่อเอสเตล่ากลับมาจากการหยุดพักผ่อน เธอก็เปลี่ยนไป ไม่เป็นคนพูดจาตลก ร่าเริงและสนุกสนาน
สีหน้าเธอหม่นหมอง โศกเศร้า เธอไม่ต้องการบอกอะไรฉันอีก แต่แล้ววันหนึ่งเมื่อฉันไปเยี่ยมเธอที่บ้าน
เธอบอกฉันว่า "เมื่อแม่ของฉันรู้ว่าฉันตั้งครรภ์ เธอโมโหมาก ฉุดฉันขึ้นรถและพาไปหาสูตินารีแพทย์...
พูดกับหมอว่า ลูกสาวฉันตั้งครรภ์ ช่วยจัดการให้ที จะเรียกร้องเท่าไรก็ได้ แต่ขอให้ทำทันทีช่วยแก้ปัญหานี้
ให้เรียบร้อย" เพื่อนของฉันเปิดตู้ในห้องของเธอ และให้ฉันดูขวดแก้วที่มีจุกสีแดง... มีน้ำอยู่เต็ม... ข้างใน
มีทารกที่ก่อตัวเป็นรูปร่างสมบูรณ์แล้ว... ฉันไม่เคยลืมเรื่องนี้เลย เหนือช่องที่วางขวด มีกล่องยาคุมกำเนิด
วางอยู่... คิดดูเถิด
          ดูเถิด บาปทำให้คนตาบอด ทำให้มารดาพาลูกของตัวเองไปทำแท้ง แล้วยังเก็บทารกใส่ในขวดแก้ว
เพื่อเป็นเครื่องเตือนว่าอย่าได้ลืมกินยาคุมกำเนิด... วางทั้งหมดไว้ที่ตู้ เพื่อที่เมื่อเปิดประตูเข้ามาก็จะสังเกต
เห็นสิ่งน่าขยะแขยงนี้ได้ทันที นี่แหละคือสิ่งที่ปีศาจกระทำ เมื่อเราเปิดประตูพร้อมด้วยบาปและเราไม่ได้ชำระ
ล้างบาปด้วยการไปสารภาพบาป... ฉันถามเพื่อนหญิงของฉันว่า เธอรู้สึกเป็นทุกข์กับเรื่องนี้ไหม เธอตอบว่า
"ฉันจะต้องเป็นทุกข์ไปทำไมเล่า? ตรงกันข้าม มันทำให้ฉันเป็นอิสระจากปัญหาที่เกิดขึ้น"
          แต่นั่นเป็นการพูดโกหก เธอไม่เป็นเหมือนคนเดิมอีกต่อไป หลังจากนั้นไม่นาน เธอเริ่มมีอาการ
เครียดจัด... เธอเริ่มใช้ยา LSD และเพราะฉันเป็นเพื่อนที่ดีของเธอ เธอจึงให้ยากับฉัน แต่ฉันไม่ต้องการ
แต่อีกใจหนึ่ง ก็อยากลองดู เพราะเธอบอกว่า ยาทำให้มีความรู้สึกดีขึ้น รู้สึกตัวเบาเหมือนบินในอากาศ
และเห็นภาพที่มหัศจรรย์ นั่นทำให้ฉันอยากลอง... แต่ฉันทำไม่ได้ เพราะรู้สึกกลัว และแม่ของฉันก็อาจจะ
รู้เข้า... ท่านต้องฆ่าฉันแน่
        ฉันจึงไม่ได้ลองกินยา พระเยซูเจ้าทรงแสดงให้ฉันรู้ว่า ไม่ใช่เพราะความกลัวแม่หรอกที่ทำให้ฉันไม่
ลองกินยา แต่เป็นเพราะพระหรรษทานของพระเป็นเจ้า เพราะฉันมีแม่ซึ่งสวดภาวนาเพื่อฉัน และท่านสวด
ภาวนาด้วยสายประคำของท่านเพื่อฉันอยู่เสมอ ทำให้ฉันไม่ตกต่ำลงมากไปกว่านี้
        แต่เพื่อนหญิงคนอื่นๆ ของฉันไม่พอใจ พวกเขาเริ่มต่อว่าฉันที่ปฏิเสธ... แต่ฉันทำไม่ได้จริงๆ นี่เป็นหนึ่ง
ในพระหรรษทานจำนวนมากที่ฉันได้รับด้วยความช่วยเหลือจากแม่ของฉัน ผู้รักพระเป็นเจ้าอย่างสิ้นสุดจิตใจ
ผู้สวดภาวนาเพื่อฉัน ผู้เป็นหนึ่งเดียวกับพระเป็นเจ้า

🎊🌸โปรดติดตามตอนต่อไป🌸🎊
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 6637
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

พุธ มิ.ย. 26, 2024 5:09 pm

👉 ตอน (16)👈
🎀 ~ ประสบการณ์ตายแล้วฟื้นของ ดร. กลอเรีย โปโล ~🎀
🌳ตอนที่ 5🌳

♦️การสูญเสียพรหมจรรย์ - การทำแท้งคืออะไร

          เมื่อฉันมีอายุมากขึ้นจาก 13 เป็น 14,15 และถึงอายุ 16 เวลานั้นฉันได้รู้จักกับคู่รักคนแรกและ
ออกไปเที่ยวกับเขา จากคำพูดของเพื่อนที่บอกว่าฉันยังเป็นพรหมจารีย์ ทำให้ฉันรู้สึกว่าเป็นแกะดำ
ในหมู่เพื่อนผู้หญิง ฉันเคยพูดกับเพื่อนว่า ถ้าฉันพบคู่รัก... ฉันจะมีความสัมพันธ์กับเขา แต่ไม่ใช่ก่อน
แต่งงาน... ไม่ ฉันพูดกับเอสเตล่าว่า "ถ้าฉันเกิดตั้งครรภ์เหมือนเธอล่ะ?" เธอรีบปฏิเสธว่าอย่าพูดถึง
เรื่องนั้น เดี๋ยวนี้มีวิธีใหม่แล้ว เช่น ถุงยาง ในตอนนั้น เธอบอกว่าจะหายาคุมมาให้ฉัน 5 เม็ดซึ่งจะต้อง
กินทั้งหมดในวันเดียวกัน และบวกกับการใช้ถุงยาง ก็จะไม่มีอะไรเกิดกับฉัน ฉันรู้สึกแย่ที่ต้องรักษา
คำสัญญา แต่ฉันไม่ต้องการให้พวกเพื่อนผู้หญิงต่อว่า
          เมื่อเหตุการณ์เกิดขึ้น... ฉันก็เริ่มตระหนักว่าคุณแม่ของฉันพูดถูก ท่านพูดว่า เด็กหญิงที่สูญเสีย
พรหมจรรย์จิตใจจะเศร้าหมอง และฉันก็รู้สึกเช่นนั้น บางสิ่งได้ตายไปจากตัวของฉัน... รู้สึกเหมือนได้
สูญเสียบางสิ่ง และไม่สามารถเอากลับคืนมาได้ ฉันเศร้าเสียใจเป็นอันมาก ทำให้ฉันอดคิดไม่ได้ว่าเหตุ
ใดจึงมีบางคนบอกว่าเพศสัมพันธ์เป็นสิ่งสวยงาม ทำไมวัยรุ่นจึงพูดว่าเขามีประสบการณ์ที่น่าพึงพอใจ
ฉันไม่รู้สึกแบบนั้นเลย ในประเทศโคลอมเบีย มีการพูดอย่างเปิดเผยในทีวีถึงการมีเพศสัมพันธ์อย่าง
ปลอดภัย โดยใช้ถุงยาง และมีการส่งเสริมให้ใช้ด้วย ดังนั้นจึงมีการทำผิดทางเพศอย่างมากมาย...
ฉันเศร้าใจที่ได้เห็นสิ่งเหล่านี้ ถ้าหากพวกเขาเพียงแต่ได้รู้ความจริง...
          ในกรณีของฉัน ฉันเสียใจมากจนไม่อยากเข้าบ้าน เพราะแม่ของฉันอาจจะสังเกตเห็นบางอย่างและ
เดาได้ว่ามีอะไรเกิดขึ้น ฉันจะไม่สามารถสบสายตากับท่านได้อีก เพราะท่านอาจอ่านได้จากตาของฉันว่า
ฉันไปทำอะไรมา ฉันรู้สึกโกรธตัวเองและเพื่อนหญิงของฉัน โกรธที่มีจิตใจอ่อนแอไปทำสิ่งที่ตัวเองก็ไม่
ต้องการ ฉันทำลงไปเพียงเพื่อทำให้พวกเขาพอใจ...
          คุณต้องรู้ว่า เพราะการไม่ปฏิเสธคำแนะนำของเพื่อนผู้หญิง และไม่มีการป้องกันไว้ล่วงหน้าในการ
มีความสัมพันธ์ครั้งแรก ทำให้ฉันตั้งครรภ์
          คิดดูว่าเด็กหญิงอายุ 16 ปีจะตกใจมากสักเพียงไรเมื่อรู้ว่าตัวเองตั้งครรภ์ (...กลอเรียร้องไห้...)
ฉันเริ่มสังเกตความเปลี่ยนแปลงหลายอย่างในร่างกายของฉัน... แต่ถึงแม้จะมีความกลัว ฉันก็ยังรู้สึกถึง
ความอ่อนโยนต่อสิ่งมีชีวิตที่ฉันกำลังอุ้มอยู่ในครรภ์
       ฉันพูดกับคู่รักของฉัน - ซึ่งต่อมาเขาได้เป็นสามีของฉัน - และบอกเกี่ยวกับเรื่องนี้ให้รู้ เขาประหลาดใจ
ฉันคาดหวังว่าเขาจะพูดว่าให้เรามาแต่งงานกัน? เวลานั้นฉันอายุ 16 ส่วนเขาอายุ 17 แต่เขาพูดว่า เราไม่
ควรทำให้ชีวิตยุ่งยาก และแนะนำว่าฉันควรไปทำแท้ง ด้วยความกังวลและเศร้าใจอย่างมาก ฉันไปหา
เอสเตล่า เพื่อนของฉัน และเธอบอกว่า "อย่ากังวลไปเลย ไม่มีอะไรหรอก จำไม่ได้หรือว่า ฉันเคยทำอย่างนี้
หลายครั้งแล้ว ตอนแรกเธออาจเศร้าเล็กน้อย ต่อไปมันจะค่อยบรรเทาและหายไปในที่สุด" ... "แต่เมื่อฉัน
กลับบ้านและแม่สังเกตเห็นท้องที่โตขึ้นของฉัน ท่านต้องฆ่าฉันแน่" ... "อย่ากังวลไปเลย ตอนนี้มันยังไม่โต
มากสักหน่อย สาเหตุที่แม่ของฉันสังเกตเห็นก็เพราะทารกในครรภ์โตมากแล้ว แต่กรณีของเธอมันยัง
เล็กมาก ดังนั้นอย่ากังวลเลย ไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับเธอหรอก แม่ของเธอไม่เห็นหรอก"
          โอ พี่น้องทั้งหลาย มันน่าเศร้ายิ่งนัก เจ็บปวดเหลือเกิน ปีศาจทำให้เราคิดแบบนี้ได้อย่างไร...
เหมือน กับไม่มีอะไรเลย ไม่มีอะไรที่สำคัญเลย เหมือนกับว่าการทำแท้งเป็นเรื่องธรรมดาของธรรมชาติ
ในโลกนี้ ตรงกันข้าม คนโง่เขลาที่รู้สึกว่า เพศสัมพันธ์เป็นเหมือนอาหารที่ต้องกิน ไม่ใช่สิ่งผิด แต่คุณทราบ
ไหมทำไมปีศาจจึงทำเช่นนี้? ทำไมมันชักจูงให้คนทำเช่นนี้ ก็เพราะมันต้องการให้มนุษย์กระทำการบูชายัญ
แก่มัน เพราะการทำแท้งทุกครั้ง มันจะได้รับพลังเพิ่มขึ้น
          คุณจินตนาการไม่ออกหรอก ว่าความกลัวและความรู้สึกผิดมีมากเพียงไร เมื่อฉันไปถึงโรงพยาบาล
เพื่อไปทำแท้ง หมอให้ฉันดมยาสลบ แต่เมื่อฉันตื่นขึ้น ฉันก็ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป พวกเขาได้ฆ่าทารก และ
เท่ากับฉันได้ตายไปพร้อมกับเด็กด้วย (...กลอเรียร้องไห้...)
        พระเยซูเจ้าทรงให้ฉันเห็นในหนังสือแห่งชีวิต สิ่งที่เรามองไม่เห็นด้วยสายตาฝ่ายร่างกาย มีอะไรเกิดขึ้น
เมื่อหมอทำแท้ง ฉันเห็นหมอใช้เครื่องมือเหมือนคีมเหล็ก คีบตัวทารก และบีบจนเด็กแตกสลายเป็นชิ้นๆ
ทารก ส่งเสียงร้องด้วยความเจ็บปวด แต่พวกเขาก็ไม่หยุดยั้งเลยเม้แต่วินาทีเดียว ทารกนั้นมีวิญญาณที่
เติบโต สมบูรณ์แล้ว เพราะวิญญาณไม่ได้เติบโตเหมือนร่างกาย แต่ถูกสร้างโดยพระเป็นเจ้าในเวลาเดียวกับ
ที่สเปิร์มปฏิสนธิในรังไข่ ฉันได้เห็นสิ่งนี้ในหนังสือแห่งชีวิต วิญญาณของเราถูกสร้างขึ้นในทันทีที่เซลล์สอง
เซลล์สัมผัสกัน เกิดแสงสว่างสวยงามสว่างวาบขึ้น แสงสว่างนี้เหมือนกับแสงอาทิตย์ที่มาจากพระเป็นเจ้า
พระบิดา ในขณะนั้นวิญญาณถูกสร้างขึ้นโดยพระเป็นเจ้าให้เป็นวิญญาณที่เติบโตสมบูรณ์แล้ว ในภาพลักษณ์
ของพระเป็นเจ้าเอง พระจิตเจ้าทรงประทับอยู่อย่างเต็มเปี่ยมในทารกนั้น พระจิตเจ้าผู้ทรงมาจากดวงพระทัย
ของพระเป็นเจ้า
          ในทันทีที่มีการปฏิสนธิในครรภ์มารดา มีแสงสว่างเจิดจ้าขึ้นจากวิญญาณนี้ และเชื่อมเป็นหนึ่งเดียว
กับพระเป็นเจ้า ขณะที่ทารกถูกบดขยี้... ชีวิตน้อยๆ นี้... ฉันเห็นพระเป็นเจ้าทรงตระหนกพระทัย เมื่อวิญญาณ
ในพระหัตถ์ของพระองค์ถูกชำแหละ พวกเขาฆ่าทารก ทารกร้องเสียงดังมาก สวรรค์ทั้งหมดสั่นสะท้าน เมื่อ
ฉันฆ่าลูกของฉัน ฉันได้ยินลูกส่งเสียงร้องดังมาก และฉันเห็นพระเยซูเจ้าทรงอยู่บนกางเขน ทรงกรรแสงจาก
กางเขน และทรงทุกข์ทรมานเป็นอย่างยิ่งสำหรับวิญญาณที่ถูกกระทำเหล่านี้ ทรงเจ็บปวดและเศร้าพระทัย
ยิ่งนัก... ถ้าพวกคุณได้เห็นเหมือนที่ฉันเห็น จะไม่มีใครกล้าทำแท้งเลย (...กลอเรียร้องไห้... )
       ฉันขอถามพวกคุณว่า มีการทำแท้งมากมายเพียงใดในโลกนี้? มีการทำแท้งกี่รายในหนึ่งวัน?
ในหนึ่งเดือน?... คุณเข้าใจถึงปริมาณของบาปที่พวกเราทำไหม? ความเจ็บปวดและความทรมานมากมาย
เพียงไรที่พวกเรากระทำต่อพระเป็นเจ้า? ... และพระองค์ช่างทรงพระทัยดีสักเพียงไร พระองค์รักเรามาก
สักเพียงไร ไม่ทรงคำนึงถึงบาป มากมายที่พวกเราได้ทำ? แล้วความทรมานที่พวกเรากระทำต่อตัวเราเองล่ะ
และปีศาจมันยึดครองชีวิตของเราได้อย่างไร?

🎊🌸โปรดติดตามตอนต่อไป🌸🎊
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 6637
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

พุธ มิ.ย. 26, 2024 5:21 pm

👉 ตอน(17)👈
🎀 ~ ประสบการณ์ตายแล้วฟื้นของ ดร. กลอเรีย โปโล ~🎀
🌳ตอนที่ 5[C]🌳

♦️การทำแท้งเป็นบาปที่หนักที่สุด - เป็นความชั่วที่ร้ายแรงกว่าทุกสิ่ง

          ทุกครั้งที่โลหิตอันบริสุทธิ์ของทารกสาดกระจายไป มันเป็นการทำบูชายัญต่อซาตาน และซาตาน
จะได้รับพลังมากยิ่งขึ้น วิญญาณนั้นส่งเสียงร้อง ฉันขอย้ำว่า เรากำลังพูดถึงวิญญาณที่เติบโตสมบูรณ์แล้ว
ถึงแม้ว่าร่างกายยังไม่มีสายตา หรือเนื้อหนัง หรือก่อเป็นรูปร่าง... วิญญาณก็เติบโตแล้ว เพราะเหตุนี้
เขา จึงร้องเสียงดังขณะที่ถูกฆ่า ทำให้สวรรค์สั่นสะท้าน และในด้านตรงข้าม เสียงร้องทำให้นรกกระโดด
โลดเต้นในชัยชนะ ฉันอาจเปรีบบเทียบโดยใช้การแข่งขันฟุตบอลโลก ภายในสนามกีฬาที่ใหญ่โต ปีศาจ
โห่ร้องอย่างบ้าคลั่งเมื่อมันได้รับชัยชนะเหมือนผู้ชมฟุตบอลโห่ร้อง
          เจ้าปีศาจสาดโลหิตของทารกที่ฉันทำแท้งมายังตัวฉันและผู้ที่มีส่วนในการทำแท้ง แล้ววิญญาณ
ของฉันก็ดำมืดอย่างสมบูรณ์
          หลังจากการทำแท้ง ฉันคิดว่าตอนนี้ฉันไม่มีบาปอีกแล้ว... เรื่องที่น่าเศร้าที่สุดคือ พระเยซูเจ้าทรง
ให้ฉันเห็น - ในการวางแผนครอบครัวของฉัน ฉันกำลังทำการฆาตกรรม... อย่างไรหรือ? ฉันใช้ IUD
(intrauterine device) อุปกรณ์คุมกำเนิดที่สอดภายในช่องคลอด ตั้งแต่อายุ 16 จนถึงเวลาที่ฉันถูกฟ้าผ่า
ฉันจะเอาออกต่อเมื่อฉันต้องการตั้งครรภ์ (เพียงครั้งเดียวเมื่อแต่งงานแล้ว) และจะใช้ต่อในทันที
          ฉันขอบอกต่อสตรีทุกคนที่ใช้อุปกรณ์คุมกำเนิดชนิดนี้ ถูกแล้ว มันป้องกันการตั้งครรภ์ และมีผู้หญิง
หลายคนที่ใช้ เพราะฉันก็ใช้ด้วย มันจะทำให้เกิดเลือดคั่งในขณะที่มีประจำเดือน ทำให้เจ็บปวดมากกว่า
ปกติ และเราก็ไปหาหมอซึ่งไม่ใส่ใจมากนัก เขาจะออกใบสั่งยาแก้ปวดให้ หรือฉีดยาลดความปวดถ้า
หากเจ็บปวดรุนแรง เขาจะบอกเราว่าไม่ต้องกังวล มันเป็นเรื่องธรรมดา เพราะมีสิ่งแปลกปลอมในร่างกาย
และมันไม่มีปัญหาอะไร แต่คุณรู้ไหมว่าที่จริงแล้วเป็นอย่างไร? มันคือการทำแท้งย่อยๆ ถูกต้อง การทำแท้ง
ย่อยๆ เครื่องมือนี้เป็นเครื่องมือทำแท้งแบบย่อยๆ ในทันทีที่สเปิร์มสัมผัสกับไข่ ซึ่งดังที่ฉันได้บอกแล้วใน
เวลานั้นวิญญาณก็ก่อกำเนิดขึ้นด้วย เป็นวิญญาณที่เติบโตแล้ว แต่เครื่องมือนั้นจะไม่ยอมให้ไข่ที่ปฏิสนธิ
แล้วยึดติดกับผนังรังไข่และต้องตายไปในที่สุด และวิญญาณก็ถูกกำจัดออกจากไข่ นี่เป็นการทำแท้งย่อยๆ
ทำแท้งวิญญาณที่เติบโตแล้ว ไม่ยอมให้มีชีวิต ช่างเป็นความเจ็บปวดเหลือเกินที่ได้เห็นทารกมากมายที่
ปฏิสนธิแล้วแต่ถูกฆ่า ดวงอาทิตย์ดวงน้อยๆ ที่กำเนิดจากพระเป็นเจ้าพระบิดา พวกเขาไม่สามารถฝังตัว
กับผนังรังไข่ของมารดาเนื่องมาจาก IUD พวกเขาส่งเสียงร้อง เหตุใดจึงถูกเชือดเฉือนในพระหัตถ์ของ
พระบิดาเช่นนี้ มันเป็นภาพที่น่าสยดสยองที่สุด... และฉันพูดไม่ได้ว่าฉันไม่รู้เรื่อง
          เมื่อฉันไปโบสถ์ ฉันไม่ได้สนใจฟังว่าพระสงฆ์เทศน์อะไรบ้าง ถ้ามีใครถามว่าบทอ่านพระวรสารวันนี้
คือเรื่องอะไร ฉันจะตอบไม่ได้ ขอให้รู้ว่าปีศาจมันอยู่แม้แต่ในขณะที่ประกอบพิธีมิสซา เพื่อทำให้เราหันเห
ง่วงนอน เราจะได้ไม่ฟัง ครั้งหนึ่งในพิธีมิสซาซึ่งฉันไม่ได้สนใจเลย อารักขเทวดาของฉันได้เขย่าตัวฉันและ
เปิดหูของฉัน เพื่อที่ฉันจะได้ยินพระสงฆ์เทศน์ในเวลานั้น และฉันได้ยินพระสงฆ์พูดเกี่ยวกับอุปกรณ์คุมกำเนิด
ชนิดนี้ ท่านบอกว่ามันเป็นการทำแท้ง และผู้หญิงที่ใช้อุปกรณ์นี้เพื่อคุมกำเนิดก็ได้ทำแท้ง พระศาสนจักร
ปกป้องชีวิต ผู้ที่ไม่ปกป้องชีวิตไม่สามารถรับศีลมหาสนิทได้ เพราะฉะนั้นสตรีใดที่ใช้อุปกรณ์ชนิดนี้ไม่สามารถ
รับศีลมหาสนิทได้
        เมื่อฉันได้ยินคำพูดนี้ ฉันรู้สึกโกรธเคืองพระสงฆ์มาก ท่านพูดถึงเครื่องมือประเภทไหน? และมีสิทธิอะไร?
พระศาสนจักรช่างไม่ก้าวหน้า ไม่เป็นวิทยาศาสตร์เอาเสียเลย และพระสงฆ์คิดว่าตัวเองเป็นใคร? ท่านจะ
เลี้ยงดูให้อาหารแก่เด็กทุกคนที่พวกเราอาจจะให้กำเนิดมาได้หรือ? ... ฉันออกจากโบสถ์ด้วยความโมโห
          สิ่งที่แย่ก็คือ ในขณะที่ฉันถูกพิพากษาเฉพาะพระพักตร์พระเป็นเจ้านั้น ฉันไม่อาจปฏิเสธได้ว่า ฉันไม่รู้
เรื่องนี้ ฉันยังคงใช้อุปกรณ์นั้นต่อไป โดยไม่คำนึงถึงคำพูดของพระสงฆ์
          เด็กกี่คนแล้วที่ถูกฉันฆ่า?... นี่เป็นเหตุทำให้ฉันมีชีวิตอยู่กับความตึงเครียด เพราะครรภ์ของฉันแทนที่
จะเป็นบ่อเกิดแห่งชีวิต ได้กลายเป็นสุสานจาก "โรงฆ่าสัตว์" ของเด็กทารก มารดา  -  ผู้ที่พระเป็นเจ้าทรง
ประทานพระพรให้เป็นผู้ให้ชีวิต และดูแลลูกๆ ของเธอ ปกป้องลูกของเธอจากภัยอันตรายต่างๆ แต่มารดา
ผู้นั้น กลับฆ่าลูกของตัวเอง...
          ด้วยกลยุทธ์ของเจ้าปีศาจแบบนี้นี่เอง มันทำให้มนุษย์สามารถฆ่าได้แม้แต่ลูกของตนเอง ตอนนี้ฉัน
เข้าใจแล้วว่า เหตุใดฉันจึงมีแต่ความขมขื่น ความเครียด มีอารมณ์เสียบ่อยๆ ใบหน้าบึ้งตึงเสมอ โกรธเคือง
สิ่งต่างๆ แน่นอน ฉันทำตัวของฉันเองโดยไม่รู้ตัวว่า ตนเองเป็นเครื่องจักรฆ่าเด็ก ด้วยเหตุนี้ฉันจึงจมดิ่งลง
สู่ห้วงเหวแห่งนรกอเวจี การทำแท้งเป็นบาปที่หนักที่สุดในบรรดาบาปทั้งปวง เพราะมันฆ่าทารกขณะที่ยังอยู่
ในครรภ์มารดา ทารกผู้บริสุทธิ์ไม่สามารถปกป้องตนเอง มันให้พลังแก่ซาตาน ปีศาจสั่งการมาจากส่วนที่ลึก
ที่สุดของนรกอเวจี เพราะเราได้สาดกระจายโลหิตของผู้บริสุทธิ์ ทารกเป็นเหมือนแกะน้อยที่บริสุทธิ์ไร้มลทิน
ด่างพร้อย... และผู้ใดเล่าที่เป็นชุมพาน้อยผู้บริสุทธิ์ไร้มลทิน? ก็คือพระเยซูเจ้า ในเวลานั้นทารกเหล่านั้นเป็น
ภาพลักษณ์และเหมือนพระเยซูเจ้า แม่ที่สามารถฆ่าลูกของตนเองได้ ทำให้ตนเองยึดโยงกับความดำมืด ทำ
ให้ปีศาจสามารถหลุดออกมาจากนรกเพื่อทำลายมนุษยชาติ เปรียบดังคนที่แกะตราประทับออก... ตราประทับ
ที่พระเป็นเจ้าทรงปิดไว้เพื่อป้องกันปีศาจไม่ให้ออกมา แต่การทำแท้งทุกครั้ง เป็นการเปิดขุมนรก... แล้วลาวา
ที่น่ากลัวก็ไหลปะทุออกมา เพิ่มจำนวนปีศาจมากๆ ยิ่งขึ้น... มันออกมาเพื่อไล่ล่าและเบียดเบียนมนุษยชาติ ทำ
ให้เราตกเป็นทาสของเนื้อหนัง ทาสของบาป ของความชั่วทุกอย่างที่เราเห็น เปรียบเหมือนเราได้มอบกุญแจ
สำหรับเปิดประตูนรกให้แก่ปีศาจ เพื่อทำให้มันหนีออกมาได้ ดังนั้นปีศาจแห่งการทำผิดประเวณี ปีศาจแห่ง
การส่งเสริมเรื่องผิดทางเพศ ลัทธิบูชาซาตาน ลัทธิไม่เชื่อในพระเป็นเจ้า การฆ่าตัวตาย การแตกแยก...…
ความชั่วทุกอย่างที่เราเห็นอยูรอบๆ ตัวเรา และโลกก็เลวร้ายลงทุกวัน... เพราะเด็กทารกจำนวนมากเท่าไรที่
ถูกฆ่าในแต่ละวัน มันเป็นชัยชนะของปีศาจ ราคาที่ต้องชดใช้สำหรับโลหิตของทารกผู้บริสุทธิ์ ทำให้ปีศาจที่
ออกมาจากนรกเพิ่มทวีคูณมากขึ้น มันมาอยู่รอบๆ ตัวเรา ให้พวกเราหาชายคาพักพิงเถิด... เราทำบาปโดยไ
ม่ตระหนักรู้ และชีวิตของเราถูกเปลี่ยนให้เป็นไฟนรก ด้วยปัญหาทุกรูปแบบ ความเจ็บไข้ ความชั่วร้ายทุกชนิด
ซึ่งส่งผลร้ายต่อเรา ทุกสิ่งนี้เป็นการกระทำของปีศาจล้วนๆ และเป็นเราเองที่เปิดประตูให้แก่ปีศาจ ด้วยบาป
ของเรา และเรายอมให้มันมาวนเวียนอยู่ในชีวิตของเรา ไม่แต่เพียงการทำแท้งเท่านั้น... ซึ่งเป็นบาปที่ร้ายแรง
ที่สุด เรายังบ่นว่าพระเป็นเจ้าอีก เหตุใดจึงมีความเจ็บป่วยมากนัก เหตุใดจึงมีความทุกข์มากนัก
เหตุใดจึงโชคร้าย...
          ...แต่พระเป็นเจ้าทรงพระทัยดียิ่งนัก พระองค์ประทานศีลแห่งการคืนดีแก่เรา... ศีลอภัยบาป... เรามี
โอกาสที่จะสำนึกผิดกลับใจและชำระล้างตัวเองจากบาปของเรา ด้วยการไปสารภาพบาป เป็นการทำลาย
เส้นลวดที่โยงเราเข้ากับซาตาน ซึ่งทำให้มันมีอิทธิพลต่อชีวิตของเรา ด้วยวิธีนี้เราสามารถชำระล้าง
วิญญาณของเรา... แต่สำหรับฉัน ฉันไม่ได้ทำ

🎊🌸โปรดติดตามตอนต่อไป🌸🎊
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 6637
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

พุธ มิ.ย. 26, 2024 5:27 pm

👉 ตอน(18)👈
🎀 ~ ประสบการณ์ตายแล้วฟื้นของ ดร. กลอเรีย โปโล ~🎀
🌳ตอนที่ 6[A]🌳

วันเสาร์ที่ 8 มีนาคม พ.ศ. 2557
♦️คำแนะนำที่เลว

          กี่ครั้งแล้วที่เราได้ฆ่า? หลายคนในพวกเราที่วิตกกังวลว่าลูกของเราจะมีเสื้อผ้าใส่หรือไม่...
หรือมีอาหารกินเพียงพอหรือไม่... พวกเขาจะได้เล่าเรียนหรือไม่... ถ้าเจ็บป่วยจะไปหาหมอได้ไหม...
แต่บ่อยครั้งแค่ไหนที่เราได้ฆ่าลูกของเราเอง? เด็กหลายคนโศกเศร้า หรือ โกรธ ขมขื่นใจ เพราะ
พวกเขาไม่ได้อยู่ใกล้พ่อและแม่ ไม่ได้รับความรักจากพ่อแม่ พิจารณาสตรีที่เข้าไปในโบสถ์และ
พูดว่า "พระเจ้าข้า ดิฉันขอบพระคุณพระองค์ สำหรับบรรดาลูก ๆ แสนดีที่พระองค์ประทานให้ดิฉัน
แต่พวกเขาเป็นคนดีเมื่อสามีของดิฉันทอดทิ้งดิฉันไป ลูกๆ จึงเกลียดพ่อของเขาและรักแต่ดิฉัน"
มารดาผู้นี้ทำอะไรลงไปรู้ไหม? เธอได้ฆ่าจิตใจของลูกเธอเอง เพราะความเกลียดคือการฆ่า กี่ครั้ง
ที่เราได้วางยาพิษให้แก่ลูกของเรา? คุณไม่รู้หรอกว่าพระเป็นเจ้าทรงเศร้าพระทัยมากเพียงไร
พระเป็นเจ้าไม่ทรงปรารถนาให้เราทำเช่นนี้
          พระเยซูเจ้าทรงให้ฉันมองเห็นความจริงว่า ฉันเป็นฆาตกรที่น่ากลัวเพียงใด เพราะฉันไม่เพียง
ทำบาปของการทำแท้งเท่านั้น ฉันยังให้เงินสนับสนุนการทำแท้งหลายครั้งด้วย นี่เป็นอำนาจของเงินตรา
ที่มอบให้แก่ฉัน ฉันทำให้ตัวเองกลายเป็นผู้สมคบ ฉันเคยพูดว่า ผู้หญิงมีสิทธิที่จะตั้งครรภ์หรือไม่ก็ได้...
ฉันมองดูในหนังสือแห่งชีวิตของฉัน... และรู้สึก เจ็บปวดเมื่อเห็นสิ่งที่ฉันทำในปีต่อมา เมื่อฉันเติบโตขึ้น
โดยมียาพิษอยู่ในจิตใจ ทำให้เราไม่สามารถให้สิ่งดีๆ แก่ผู้อื่นได้ และคนที่มาหาเราก็ถูกทำลายโดยเรา
มีเด็กผู้หญิงกลุ่มหนึ่ง สามคนเป็นหลานของฉันและคนอื่นเป็นคู่รักของหลาน พวกเขามาเยี่ยมเราที่บ้าน
บ่อยๆ เพราะฉันมีฐานะดี ฉันแนะนำพวกเขาและพูดคุยกับเขาเกี่ยวกับแฟชั่น เกี่ยวกับ "ความดึงดูดใจ"
ที่ได้อวดรูปโฉม และให้คำแนะนำแก่พวกเขา ฉันได้ให้คำแนะนำเลวๆ แก่พวกเขา นี่เป็นบาปที่น่ากลัว
อีกอย่างหนึ่ง ฉันแนะนำว่า "อย่าเป็นเด็กโง่ เด็กผู้หญิงไม่จำเป็นต้องเชื่อแม่ที่พูดเกี่ยวกับความดีและ
การรักษาพรหมจรรย์ มันเป็นเรื่องล้าสมัยไปแล้ว ท่านชอบพูดเรื่องพระคัมภีร์ไบเบิล ซึ่งเป็นเรื่องเมื่อ
2,000 ปีก่อน... และพระสงฆ์ก็ไม่ทำตัวให้ทันสมัย พวกเขาจะบอกเธอว่าโป๊ปพูดอะไรบ้าง แต่โป๊ปก็
เป็นคนล้าสมัยเช่นกัน" คิดดูเถิด ฉันได้วางยาพิษที่เปลี่ยนแปลงจิตใจเด็กหญิงเหล่านี้ ฉันแนะนำเธอว่า
เธอสามารถทำอะไรกับร่างกายของตนเองก็ได้ พวกเธอควรคำนึงถึงวิธีการที่จะทำอย่างไรไม่ให้ตั้งครรภ์
          คู่รักของหลานชายดิฉันซึ่งอายุเพียง 14 ปี ได้มาที่คลินิกส่วนตัวของฉัน ร้องไห้และพูดกับฉันว่า
"กลอเรีย ฉันเป็นเด็กเท่านั้น และฉันก็กำลังตั้งครรภ์" ฉันตะโกนบอกเธอว่า "ทำไมโง่นัก ฉันไม่ได้สอน
หรือว่าเธอควรทำอย่างไรในเรื่องแบบนี้?" เธอตอบว่า "ใช่ค่ะ แต่มันไม่ทำงาน"
          รู้ไหมว่าพระเป็นเจ้าประสงค์สิ่งใดจากฉันในขณะนั้น คือการที่ฉันจะช่วยเด็กหญิงคนนั้นไม่ให้
ตกลงสู่ห้วงอเวจี โดยการช่วยให้เธอไม่ทำแท้ง การทำแท้งลากเราลงไปในนรก ทำให้เราทุกข์ใจเพรา
ะคุณจะรู้สึกว่างเปล่า เจ็บปวด ที่ได้ฆ่าลูกของตนเอง แต่แทนที่ฉันจะพูดถึงพระเยซูเจ้าและช่วยเธอ
ปลอบใจเธอและช่วยเหลือ ฉันกลับให้เงินเธอเพื่อไปทำแท้งในโรงพยาบาลซึ่งจะไม่เกิดอันตรายกับ
ร่างกาย... แต่จิตใจที่ย่ำแย่ล่ะ มันจะคงอยู่ต่อไปตลอดชีวิต
          ฉันให้เงินแก่หลายคนเพื่อไปทำแท้ง และฉันยังยืนยันว่าตัวเองไม่ได้ทำฆาตกรรม ฉันเป็นคนดี
ฉันเป็นคาทอลิก และไม่ถูกต้องที่ฉันจะต้องไปอยู่ในสถานที่น่ากลัวในนรก
          มากยิ่งไปกว่านั้น ฉันได้ทำผิดต่อคนที่ฉันไม่ชอบ ที่ฉันเกลียดและต่อต้านพวกเขา ฉันพูดในทาง
เสียหายต่อพวกเขา ฉันเป็นคนที่ทำผิด เห็นแก่ตัว และทำฆาตกรรมด้วย เพราะไม่ใช่การใช้อาวุธเท่านั้น
ที่สามารถฆ่าคนได้ แต่การเกลียดชัง การอิจฉาริษยา การดูถูกเหยียดหยาม การกล่าวร้าย การทำชั่ว
ก็เป็นการฆาตกรรมด้วย

🎊🌸โปรดติดตามตอนต่อไป🌸🎊
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 6637
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

พฤหัสฯ. มิ.ย. 27, 2024 2:50 pm

👉 ตอน(19)👈
🎀 ~ ประสบการณ์ตายแล้วฟื้นของ ดร. กลอเรีย โปโล ~🎀
🌳ตอนที่ 6🌳

♦️การชดเชยใช้โทษบาปของเรา

          ฉันได้บอกไปแล้วว่า การทำแท้งเป็นบาปที่หนักที่สุดในสายพระเนตรของพระเป็นเจ้า
ดังนั้นจึงมีหลายคนถามฉันว่า จะต้องทำอย่างไรเพื่อชดเชยใช้โทษบาปสำหรับการทำแท้ง
เราคงไม่สามารถให้ชีวิตของทารกกลับคืนมา แต่ในพระศาสนจักรคาทอลิกเรามีพระพรที่
ยิ่งใหญ่ นั่นคือศีลอภัยบาป ศีลแห่งการคืนดี ในการสารภาพบาป พระเป็นเจ้าทรงอภัยบาป
ให้เรา สิ่งที่พระสงฆ์แก้ในโลกนี้ ก็จะถูกแก้ในสวรรค์ด้วย จงสรรเสริญพระเป็นเจ้าสำหรับสิ่งนี้
จงสรรเสริญพระเยซูเจ้าผู้ทรงพระทัยดียิ่งนัก... พระเยซูเจ้าทรงอภัยบาปของเรา แต่จงจำพระ
วาจาของพระองค์ที่ตรัสกับหญิงที่ทำผิดประเวณีผู้นั้น "จงไปในสันติเถิด แล้วอย่าทำบาปอีก"
          การแก้ไขอีกวิธีหนึ่งคือ "ศีลล้างบาปด้วยความตั้งใจ" (Baptism of intention) โดยการ
ล้างบาปแก่ทารกที่ถูกทำแท้ง เหมือนที่พระสงฆ์ทำอยู่ทุกวันนี้ ในการประกอบพิธีเช่นนี้ ทารกที่
ถูกทำแท้งจะสามารถออกมาจากสถานที่แห่งการรอคอย (Limbo) นี่คือปรีชาญาณในพระศาสนจักร
คาทอลิก ทารกเหล่านั้นจะเข้าสู่พระเกียรติอันรุ่งโรจน์ของพระเป็นเจ้า พวกเขาเป็นเทวดาองค์น้อย
ในเวลานี้ ผู้คอยสวดภาวนาและช่วยเหลือสำหรับความรอดของเรา นี่คือความสวยงามแห่งความดี
ของพระเป็นเจ้า พระองค์ทรงปรับเปลี่ยนทุกสิ่งเพื่อความดีของเรา ไม่มีอะไรสูญเสียไป และเมื่อมี
การเทศน์สอนเรื่องการทำแท้ง และทารกได้รับการช่วยชีวิต นี่ก็เป็นการชดเชยใช้โทษบาปด้วย เมื่อ
ผู้หญิงที่ทำแท้งไปสารภาพบาปขออภัยจากพระเป็นเจ้า และไม่กลับไปทำแท้งอีก เธอก็มีส่วนร่วม
ในการหลีกเลี่ยงการทำแท้งอื่นๆ เธอได้ชดเชยใช้โทษบาปของเธอ นี่คือการสำนึกผิดกลับใจ

♦️การขาดความรักต่อพระเป็นเจ้าของฉัน

          ความสัมพันธ์ของฉันกับพระเป็นเจ้านั้นแย่มาก สำหรับฉัน พระเป็นเจ้าเป็นผู้ที่ฉันจะแสวงหาก็
ต่อเมื่อฉันมีปัญหา หลายครั้งฉันไปหาพระองค์เมื่อประสบปัญหาอย่างนั้น... อย่างนี้ และโดยมากก็
เป็นเรื่องเกี่ยวกับเศรษฐกิจ ทั้งหมดเป็นความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจระหว่างฉันกับพระเป็นเจ้า เหมือนกับ
"การขอเงินจากธนาคาร" ฉันสวดภาวนาเพื่อที่พระเป็นเจ้าจะทรงส่งเงินมาให้ฉัน ฉันหวังว่าพระเป็นเจ้า
จะรักฉัน และให้ทุกสิ่งแก่ฉัน ตามเงื่อนไขของฉัน และจะต้องไม่มีใครมาบอกว่าถ้าฉันทำอย่างนั้นแล้ว
ฉันกำลังทำบาป เพราะฉันไม่รู้สึกนิยมชมชอบเขาเลย ปีศาจทำให้มโนธรรมของฉันหลับใหล หลายครั้ง
เมื่อมีปัญหาทางเศรษฐกิจ ฉันจะเดินผ่านรูปพระเยซูกุมารในเวลาที่เดินออกจากโบสถ์ และจะสัมผัสมือ
น้อยๆ ของพระองค์และพูดว่า "โปรดฟังฉัน โปรดให้เงินแก่ฉัน เพราะฉันกำลังต้องการมัน"
          เหมือนบางคนที่ทำกับเทวรูปต่างๆ พวกเขาถูที่ท้องของเทวรูป และขอเงินทอง นี่คือสิ่งที่ฉันทำกับ
รูปพระเยซูกุมาร ฉันช่างไร้ความเคารพจริง ๆ และพระเยซูเจ้าทรงให้ฉันเห็นว่า การกระทำเช่นนี้ของฉัน
ทำให้พระองค์เจ็บปวดมากสักเพียงไร ฉันรู้สึกเสียใจและอับอายมาก
          เมื่อฉันได้เงินมา มันก็หายไปอย่างรวดเร็ว และฉันก็พบว่าในท้ายที่สุด สถานะทางเศรษฐกิจของฉัน
ก็ตกต่ำลงไปอีก
          มีผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งอยู่ในสถานการณ์ทางเศรษฐกิจแบบเดียวกับฉัน แต่เธอไปหา "ศาสนจารย์
โปรแตสแตนท์" คนหนึ่งที่มีคนแนะนำให้ แล้วทุกอย่างก็ดีขึ้น ทันทีที่ได้ยินเรื่องนี้ ฉันก็ถามเธอว่า
ศาสนจารย์ผู้นั้นอยู่ที่ไหน เพราะฉันต้องการไปพบเขาด้วย... ดูความไม่สัตย์ซื่อของฉันสิ
          ต่อมาฉันก็ได้ไปพบกับศาสนจารย์ผู้นั้น เขาได้สวดภาวนาเพื่อฉัน วางมือบนตัวฉัน บอกให้ฉันทำแบบ
เดียวกัน แล้วฉันจะได้รับพระกายและพระโลหิตของพระเยซูเจ้าเหมือนกับของคาทอลิก พวกเขาทำเช่นนี้
เหมือนกับฉันรับศีลมหาสนิทเป็นครั้งแรก
          พิธีกรรมของพวกเขาดูมีชีวิตชีวา พวกเขาจะกระโดด ตบมือ... ฉันพูดกับตัวเองว่า พระสงฆ์คาทอลิก
ช่างน่าเบื่อ ดูทื่อๆ ไม่น่านิยมเลย พิธีมิสซาช่างน่าเบื่อจริงๆ ... เปรียบเทียบกับพิธีนี้ไม่ได้เลย พวกเขาทำให้
เรารู้สึกดีและเป็นสุขมาก
          พวกเขาไม่เชื่อในรูปเคารพ พวกเขาบอกว่าการบูชารูปเคารพเท่ากับเป็นการบูชาพระเท็จเทียม ดังนั้น
ฉันจึงไม่คุกเข่าต่อหน้ากางเขนอีกเลย เพราะถือว่าเป็นการบูชารูปเคารพ และฉันก็เริ่มไปโบสถ์โปรแตสแตนท์
ฉันมีเพื่อนบ้านเป็นหญิงชราที่ยากจนมากอยู่คนหนึ่ง บ้านของเธออยู่หน้าบ้านของฉัน ฉันช่วยเหลือเธอโดย
ให้เงินแก่เธอเป็นค่าไฟฟ้า ค่าน้ำ และยังซื้อของใช้ให้เธอเมื่อไปชอปปิ้ง เพื่อที่เธอจะได้มีอาหารกิน ดังนั้นเธอ
จึงชอบมาใกล้ชิดกับฉันมากเป็นพิเศษ
          แต่เมื่อเราไม่มีพระเป็นเจ้าอยู่กับเรา แม้แต่การทำดีก็กลายเป็นสิ่งเน่าเสียเหมือนบาปของเรา
        ดังเช่นที่กล่าวไปแล้ว ฉันเริ่มไปโบสถ์โปรแตสแตนท์ ฉันชอบโบสถ์นั้นมาก ฉันรู้สึกมีความสุขใน
พิธีกรรม ของพวกเขา พวกเขาบอกว่ามันจะซ่อมแซมจิตใจที่เสียไปและสิ่งอื่นๆ แบบเดียวกันนี้ได้
          แต่หญิงชราผู้นั้นเป็นคาทอลิก ฉันได้ใช้มิตรไมตรีที่เธอรู้สึกต่อฉัน พูดแนะนำและทำให้เธอเชื่อมั่น ฉันทำ
ลายความเชื่อของเธอ ด้วยคำแนะนำและความคิดที่ฉันใส่ในหัวของเธอ เธอได้เสียชีวิตโดยไม่ได้รับศีลศักดิ์สิทธิ์
เธอไม่ต้องการรับ เพราะเธอไม่รู้สึกว่ามีความสำคัญ ดูเถิดฉันมีอิทธิพลต่อคนที่อยู่ใกล้ชิดเพียงใด เมื่อในตัวของ
เรามีความชั่ว มันจะนำทางผู้อื่นที่อยู่ใกล้เราให้หลงผิดไปเหมือนกับเราด้วย ดังตัวอย่างที่ฉันได้ทำกับหญิงชราผู้นั้น
          แต่ต่อมา เมื่อศาสนจารย์คนนั้นถามฉันเกี่ยวกับเรื่องบริจาคทานสิบชักหนึ่ง (ทศางค์) ฉันก็โกรธ เพราะใน
ตอนนั้นฉันกำลังอยู่ในภาวะล้มละลาย และพวกเขายังมาขอส่วนแบ่ง 10% จากเงินรายได้ของฉัน...
เรื่องนี้ทำให้ฉันแตกหักกับโปรแตสแตนท์อย่างเรียบร้อย

🎊🌸โปรดติดตามตอนต่อไป🌸🎊
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 6637
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

อาทิตย์ มิ.ย. 30, 2024 3:51 pm

👉 ตอน(20)👈
🎀 ~ ประสบการณ์ตายแล้วฟื้นของ ดร. กลอเรีย โปโล ~🎀
🌳ตอนที่ 7[A] 🌳

วันเสาร์ที่ 15 มีนาคม พ.ศ. 2557

♦️พระบัญญัติประการที่หก - อุลามก, การคบชู้, ทำผิดประเวณี
          ด้วยความเย่อหยิ่ง ฉันคิดว่า ฉันไม่มีทางทำผิดบาปประการนี้ได้เด็ดขาด เพราะฉันไม่เคย
นอกใจ ฉันมีความเชื่อในเรื่องนี้อย่างเต็มเปี่ยม
          และในความเป็นจริง หลังจากแต่งงานแล้ว ฉันไม่เคยให้ใครจูบเลย นอกจากสามีของฉัน
แต่พระเยซูเจ้าทรงแสดงให้ฉันได้เห็นว่าฉันดูแลร่างกายของฉันมากเกินไป เมื่อฉันชอบอวดทรวงอก
ใช้ถุงเท้ายาวแนบผิว สวมใส่เสื้อผ้าอย่างที่ใช้อยู่... เพราะฉันคิดว่าพวกผู้ชายจะมองฉันและนิยมชมชอบ...
แต่พระเยซูเจ้าทรงแสดงให้เห็นว่าผู้ชายเหล่านั้นได้ทำบาปต่อฉันอย่างไร แทนที่พวกเขาจะรู้สึกนิยม
ชมชอบฉันอย่างที่ฉันคิด พวกเขากลับถูกกระตุ้นทางเพศ ฉันได้ทำบาปเป็นต้นเหตุของความลามกเพราะ
ได้อวดร่างกายของฉัน ฉันไม่เข้าใจความรู้สึกอ่อนไหวของเพศชาย ฉันเพียงแต่คิดว่าพวกเขาชอบฉัน
เมื่อมองดูฉันพวกเขาจะพูดว่า "รูปร่างสวยอะไรเช่นนี้" แทนที่จะเป็นเช่นนั้นพวกเขากลับทำบาปเพราะ
ความผิดของฉัน ฉันไม่เคยเป็นชู้กับชายใด แต่ฉันกลับทำผิดประเวณีฝ่ายจิตใจ ยิ่งไปกว่านั้น ฉันหาข้ออ้าง
ให้กับตัวเอง ถ้าสามีของฉันไม่ซื่อสัตย์ต่อฉัน หรือผู้หญิงอื่นที่พบว่าสามีของตนเองไม่ซื่อสัตย์ ฉันจะให้คำ
แนะนำว่า "อย่าโง่ไปเลย อย่าให้อภัย แสดงคุณค่าของคุณให้เขาเห็น เพราะอย่างนี้แหละที่ทำให้ผู้ชายดูถูก
ผู้หญิง ดังนั้นต้องไม่ยอม" รู้ไหมว่า ด้วยคำแนะนำเช่นนี้ ฉันและเพื่อนบางคนได้ทำให้เพื่อนหญิงคนหนึ่ง
ต้องแยกทางกับสามีของเขา เพราะเธอบังเอิญไปเห็นสามีกำลังจูบกับเลขาในที่ทำงานของเขา พวกเราได้
แนะนำเธอไม่ให้ยกโทษ ทั้งๆ ที่สามีได้วิงวอนขออภัยต่อเธอ และเธออยากจะให้อภัยเขา เพราะเธอยังรักเขา
แต่เป็นพวกเราผู้ให้คำแนะนำต่างหากที่ไม่ยอมให้อภัย ในที่สุดทั้งสองก็หย่ากัน และสองปีต่อมาเพื่อนหญิง
คนนี้ก็แต่งงานใหม่กับชายอาร์เจนตินา พวกคุณเข้าใจหรือยัง? เมื่อฉันให้คำแนะนำแบบนี้ ฉันก็ได้มีส่วนใน
บาปทำผิดประเวณีด้วย พระเยซูเจ้าทรงแสดงให้ฉันได้เห็น และฉันก็เห็นอย่างชัดเจนว่าบาปของเนื้อหนังนั้น
น่ารังเกียจสักเพียงไร เพราะเท่ากับมนุษย์ได้สาปแช่งตนเอง ถึงแม้ว่าโลกจะเห็นว่าเป็นสิ่งที่น่าพึงพอใจก็ตาม
          ตลอดชีวิตของฉัน ฉันมีผู้ชายเพียงคนเดียว คือสามีของฉัน แต่ยังมีบาปทางความคิด, คำพูด และการ
กระทำด้วย เป็นเรื่องน่าเศร้ามากที่ได้เห็นว่าบาป และการทำผิดประเวณีของคุณพ่อของฉัน มีผลกระทบร้ายแรง
ต่อลูกๆ มากสักเพียงไร สำหรับตัวของฉันเองมันได้เปลี่ยนฉันให้เป็นคนกระด้าง ฉันรู้สึกเจ็บใจผู้ชาย ในขณะที่
พี่ชายของฉันได้เลียนแบบพ่อของฉัน ผู้ชายภูมิใจมากนักหรือในความเป็นผู้ชายของเขา? พวกเขาดูถูกผู้หญิง
ดื่มสุรา และไม่ตระหนักว่าเขาได้ทำร้ายลูกๆ ของเขา เพราะเหตุนี้คุณพ่อของฉันจึงร้องไห้ด้วยความขมขื่นใน
ไฟชำระ เมื่อได้เห็นผลของบาปของเขา และพฤติกรรมที่ไม่ดีของเขาซึ่งกลายเป็นแบบอย่างให้กับลูกๆ
          เราสาปแช่งตัวเราเองด้วยการกระทำผิดประเวณี เพราะมันแสดงว่าเรามีชีวิตเหมือนกับสัตว์
เช่น หนู สุนัข... ที่นี่และที่นั่น...

🎊🌸โปรดติดตามตอนต่อไป🌸🎊
ตอบกลับโพส