การพูดใส่ความนินทาคือการลักขโมย ฉันเคยพูดว่าฉันไม่เคยขโมยของของใคร ฉันคิดว่า
ตัวเองเป็นคนซื่อสัตย์ แต่ความจริงฉันได้ขโมยของจากพระเป็นเจ้า พระองค์ทรงสร้างฉันขึ้นมา
ฉันเกิดมาเพื่อช่วยทำให้โลกดีขึ้น และมีส่วนร่วมกับพระองค์ในการขยายอาณาจักรสวรรค์บนโลกนี้
แต่นอกจากฉันจะไม่ได้ทำแล้ว ฉันยังได้ให้คำแนะนำที่เลว และทำลายคนเป็นจำนวนมากที่มาหาฉัน
ฉันไม่รู้วิธีที่จะใช้ความสามารถที่พระเป็นเจ้าทรงประทานให้แก่ฉัน เพราะฉะนั้นจึงเท่ากับฉันได้ลักขโมย
ฉันลักขโมยอย่างแน่นอน! คนกี่คนแล้วที่ฉันได้ขโมยชื่อเสียงของพวกเขา ฉันได้กล่าวร้ายป้ายสีคนอื่น
คุณไม่รู้หรอกว่าบาปอันเนื่องจากลิ้นของเรานั้นมันเลวร้ายมากสักเพียงไร... และมีวิธีใดที่จะแก้ไขความ
ผิดประการนี้ได้...
จะแก้ไขชื่อเสียงของคนที่เราทำลายให้กลับคืนมาได้อย่างไร หลังจากที่เราได้กระซิบบอกผู้อื่น
ด้วยการพูดใส่ความนินทา? จะต้องทำอย่างไรจึงจะนำชื่อเสียงของคนเหล่านั้นกลับคืนมาได้? ใช่แล้ว
เป็นเรื่องที่ยากมาก ด้วยเหตุนี้ในไฟชำระ คนที่ทำความผิดด้วยคำพูด จึงต้องได้รับความทุกข์ทรมานมาก
เกือบทุกคนต้องเคยใช้ลิ้นในการวิพากษ์วิจารณ์คนอื่น ด้วยการทำลาย และปกป้อง ด้วยการทำลายชื่อ
เสียงของคนอื่น ลิ้นเหล่านี้ เมื่อตกลงไปในไฟชำระ ได้รับความทุกข์แสนสาหัส พวกเขาถูกเผาไหม้!!! ถูก
เผาไหม้อย่างไร คุณนึกไม่ถึงหรอก! พระเยซูเจ้าทรงแสดงให้ฉันรู้ว่า เราหลอกตัวเองอย่างไรเมื่อเรา
พิพากษาผู้อื่น ตัวอย่างเช่น ในขณะที่เรามองดูหญิงขายบริการด้วยความเหยียดหยาม แต่พระเยซูเจ้า
ทรงทอดพระเนตรเธอด้วยความรักและพระเมตตาอันไม่มีที่สิ้นสุด พระองค์ทรงเห็นภายในจิตใจของเธอ
ทรงรู้ถึงชีวิตทั้งหมดของเธอ และทรงทราบว่าอะไรที่ชักนำเธอให้มาเป็นหญิงขายบริการ พวกคุณอาจรู้มา
บ้างว่า สาเหตุที่ทำให้เธอมาทำงานประเภทนี้ก็เพราะบาปของพวกเรา เพราะการดูถูกเหยียดหยามของเรา
และเพราะการขาดความรักต่อเพื่อนมนุษย์ของพวกเรา มีใครบ้างที่ยื่นมือออกไปช่วยหญิงขายบริการ
เหล่านั้น? หรือเราคอยแต่จับผิดคนอื่น? เราเอาแต่พิพากษาผู้อื่น และมองดูข้อผิดพลาดของคนอื่น แล้วก็
ตำหนิติเตียนเขา เมื่อเรามองเห็นบางคนทำสิ่งผิดพลาด อย่างน้อยเราควรปิดปากของเรา ขอให้เราคุกเข่า
และสวดภาวนาเพื่อเขาเถอะ ในเวลาที่เราไม่สามารถทำอะไรได้ แต่พระเป็นเจ้าทรงทำได้ ขอให้เราอย่า
ได้พิพากษาพวกเธอเลย มิฉะนั้น เราเองนั่นแหละที่จะมีบาปมากกว่าพวกเธอ แน่นอนว่า เราไม่สามารถ
แก้ไข สิ่งที่ผิดพลาดไปแล้วให้กลับคืนสู่ความถูกต้องได้ หรือถ้าเรามีส่วนในการเผยแพร่ด้วยการพูด
ใส่ความ นินทา ด้วยการโกหก ด้วยการตัดสินผู้อื่น การทำเช่นนี้เท่ากับเราขโมยสันติสุขไปจากเพื่อนบ้าน
ของเรา จงระวังตัวไว้เถิด เพราะการโกหกก็คือการโกหกเสมอ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเล็กหรือใหญ่ แดงหรือขาว
การโกหกเป็นความผิดเสมอ และบิดาแห่งการโกหกคือซาตาน
ในกรณีของฉัน ฉันโกหกไปมากมาย แล้วได้อะไร? ชีวิตของฉันถูกเปิดเผยอย่างหมดสิ้นภายใต้
แสงสว่างของพระเป็นเจ้า... แล้วพวกคุณล่ะ?... แต่ขอให้คุณรู้ไว้เถิดว่า ในอีกมิติหนึ่งนั้น ไม่มีใครที่จะ
ออกมาโต้แย้งแทนหรือออกคำสั่งคุณได้... ที่นั่น มีแต่เพียงมโนธรรมของคุณกับพระเป็นเจ้า
ในการพิพากษาของฉัน พ่อแม่ของฉันอยู่ที่นั่นด้วย เพื่อดูการพูดโกหกของฉัน แต่คุณแม่ของฉัน
ไม่ได้กล่าวหาอะไรฉันเลย ท่านเพียงแต่มองดูฉันด้วยความอ่อนโยนเท่านั้น การพูดโกหกที่เลวร้ายของฉัน
คือ การโกหกต่อตนเองเมื่อฉันพูดว่าฉันไม่ได้ฆ่าใคร ฉันไม่ได้ขโมยของใคร ฉันเป็นคนดี ฉันไม่เคยทำความ
ชั่วแก่ผู้ใด พระเป็นเจ้าไม่มีอยู่จริง และฉันควรจะไปอยู่ในสวรรค์เหมือนคนอื่น ช่างน่าอับอายยิ่งนัก ฉันเริ่ม
รู้ตัวแล้วในตอนนี้
พระเยซูเจ้ายังทรงแสดงให้ฉันเห็นว่า ขณะที่อาหารในบ้านของฉันถูกทิ้ง แต่ในบ้านของคนอื่นใน
โลกนี้ยังมีผู้หิวโหย พระองค์ตรัสกับฉันว่า "มองดูสิ เรากำลังหิวโหย และดูสิ่งที่เราได้ประทานแก่เจ้าเถิด
เจ้าทิ้งอาหารไปเสียเปล่า แล้วเจ้าได้ทำอะไร เจ้าเป็นทาสของแฟชั่น เป็นทาสของคำพูดที่คนอื่นพูดเกี่ยวกับ
รูปร่างหน้าตาของเจ้า เจ้าซื้อสินค้ามีชื่อเสียง ซื้อเครื่องเพชรพลอย เจ้าใช้เงิน 150,000 เปโซในการฉีดยา
เพื่อทำให้รูปร่างผอมบาง เจ้าเป็นทาสของร่างกายของเจ้าเอง... เจ้าใช้จ่ายเงินทองเพื่อทำให้รูปร่างสวยงาม
แต่คนจำนวนมากไม่มีเสื้อผ้าสวมใส่ หรือไม่มีอะไรจะกิน หรือไม่มีเงินที่จะจ่ายค่าใช้จ่ายต่างๆ
...พระเยซูเจ้าทรงแสดงให้ฉันเห็นภาพพี่น้องที่หิวโหยของฉัน และฉันต้องมีความรับผิดชอบช่วยเหลีอ
ผู้หิวโหยเหล่านี้ ซึ่งอยู่ในประเทศของฉันเอง และประเทศอื่นๆ ในโลกนี้... เพราะพวกเราทุกคนต้องรับผิด
ชอบร่วมกัน! และพระองค์ทรงแสดงให้ฉันเห็นว่าฉันได้ทำอย่างไรเกี่ยวกับเรื่องนี้ เพราะมีอยู่ครั้งหนึ่งเมื่อฉัน
พูดไม่ดีเกี่ยวกับคนบางคน คนผู้นั้นต้องสูญเสียงานซึ่งเป็นหลักในการเลี้ยงดูครอบครัวของเขา ฉันได้ขโมย
ชื่อเสียงของเขาไป และหลังจากนั้น ฉันจะแก้ไขชื่อเสียงของเขาให้กลับคืนมาได้อย่างไร? พระองค์ทรงแสดง
ให้เห็นว่า การนำเงินที่ถูกขโมยกลับคืนมานั้นยังเป็นการง่ายกว่า เพราะเราอาจให้เงินของเราเองทดแทนได้
ซึ่งเท่ากับเป็นการแก้ไขบาป แต่เมื่อคุณขโมยชื่อเสียงของใครไปด้วยการพูดนินทาว่าร้าย ใครจะสามารถ
แก้ไขชื่อเสียงของคนผู้นั้นให้กลับคืนมาได้... อย่างไรเล่า? คุณทำความผิดต่อเขามากยิ่งนัก ทั้งในด้านการ
งาน หรือในด้านความสัมพันธ์กับผู้อื่น อาจทำให้การแต่งงานถูกทำลายไปได้ ช่างเป็นความชั่วยิ่งนัก!
เป็นความชั่วยิ่งนัก!
และฉันยังได้ขโมยจากลูกๆ ของฉัน พระหรรษทานที่พวกเขาควรจะได้แม่ที่อ่อนโยน อ่อนหวาน ที่รัก
พวกเขาและอยู่กับเขาที่บ้าน... แทนที่จะเป็นเช่นนั้น... แม่กลับออกไปนอกบ้าน ทิ้งลูกให้โดดเดี่ยวอยู่กับ
"แม่" ซึ่งเป็นทีวี และ "พ่อ" ซึ่งเป็นคอมพิวเตอร์และวีดีโอเกมส์... และฉันยังคงเชื่อว่าฉันเป็นแม่ที่สมบูรณ์
แบบ ฉันออกจากบ้านเวลา 5.00 น. ในตอนเช้าและไม่กลับบ้านก่อน 23.00 น.
เพื่อทำให้มโนธรรมไม่ติเตียน ฉันจะซื้อของแบรนด์เนมและของทุกอย่างที่ลูกต้องการมาให้พวกเขา