“ ปรารถนาความศักดิ์สิทธิ์” น.กัสปาร์ แบร์โทนี่ (ตอนที่ 1-10 )

ใครมาใหม่เชิญทางนี้ก่อน ทักทาย ทดลองโพส
ตอบกลับโพส
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 6637
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

อาทิตย์ ต.ค. 20, 2024 9:05 pm

🌺 ปรารถนาความศักดิ์สิทธิ์ : นักบุญกัสปาร์  แบร์โทนี 🌺
เขียนโดย Luisa Muzii
แปลโดย คุณพ่อวสันต์  พิรุฬห์วงศ์
เนื้อหาทั้งหมด 20 ตอน


🌺 ปรารถนาความศักดิ์สิทธิ์ : นักบุญกัสปาร์  แบร์โทนี 🌺
เขียนโดย Luisa Muzii
แปลโดย คุณพ่อวสันต์  พิรุฬห์วงศ์

👉 ตอนที่ (1)👈

❇️ เกิดมาเพื่อเป็นนักบุญ ➡️ เวโรนา : เมืองแห่งวัฒนธรรม ❇️
          ในยุคหลังปี ค.ศ. 1700 เมืองเวโรนาซึ่งตั้งอยู่ริมฝั่งของแม่น้ำอะดีเจ และอยู่ตรงรอยต่อระหว่าง
เยอรมันกับอิตาลี ยังคงเป็นเมืองที่มีชีวิตชีวาและมั่งคั่งสมบูรณ์ด้วยวัฒนธรรมต่างๆ กระนั้นก็ดี รูปแบบ
ชีวิตที่ยึดมั่นอยู่ในขนบประเพณีอันเก่าแก่ ก็ไม่อาจรอดพ้นจากอิทธิพลของแนวคิดสมัยใหม่ที่แผ่อิทธิพล
ข้ามมาจากอีกฝากหนึ่งของเทือกเขาแอลป์ไปได้ เมืองเก่าแก่ที่มีรากฐานธรรมประเพณีความเชื่อแบบ
คริสตชนที่เข้มแข็งนี้ มีผู้นำทั้งที่เป็นพระสงฆ์และฆราวาสที่อุทิศตัวเพื่องานแห่งความรักและเมตตา พวกเขา
มีจิตใจที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความร่าเริงและยินดี พร้อมที่จะช่วยเหลือและแนะนำแนวทางที่ถูกต้องให้กับทุกคน
ลักษณะเช่นนี้ส่งผลให้ชาวเมืองเวโรนามีความเห็นอกเห็นใจกันและรักใคร่กลมเกลียวกันอย่างมาก
ในท่ามกลางบรรยากาศเช่นนี้เองที่นักบุญกัสปาร์ แบร์โทนี ผู้สถาปนาคณะสติกมาตินแห่ง
พระเยซูคริสตเจ้าได้เกิดมาและค่อยๆ เติบโตขึ้น
พระสงฆ์ที่ศักดิ์สิทธิ์ท่านนี้ ได้อุทิศและทุ่มเทสรรพกำลังทั้งหมดที่ท่านมี เพื่อความเป็นอยู่ที่ดีของผู้คน
ในเมืองนี้ ท่านเป็นทั้งผู้ให้การอบรมแก่เด็กๆ และเยาวชน เป็นธรรมทูตแพร่ธรรมให้แก่ประชาชนทั่วไป
เป็นผู้ให้คำแนะนำและคำปรึกษาแก่บรรดาพระสงฆ์และนักบวช และเป็นผู้ฟังแก้บาปที่นำความสว่างมาสู่
ทุกคนที่สำนึกนึกผิดและยอมกลับใจ และเป็นที่เมืองนี้เอง ที่ท่านนักบุญของเราได้อุทิศชีวิตทั้งหมดของท่าน
เพื่อการถอนตัวออกจากโลกและสิ่งวัตถุอย่างสิ้นเชิง โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อช่วยบรรเทาความทุกข์ทรมาน
ขององค์พระเยซูคริสตเจ้า

❇️ เกิดมาเพื่อเป็นนักบุญ ➡️ คำสัญญาเริ่มผลิบาน ❇️

เมื่อตอนที่คุณพ่อกัสปาร์ แบร์โทนี เกิดซึ่งตรงกับวันที่ 9 ตุลาคม ค.ศ. 1777 ที่บ้านของท่านเอง
ในเมืองเวโรนานั้น ครอบครัวของท่านมองว่า ท่านคือคำสัญญาที่พระเจ้าประทานเพิ่มเติมให้แก่ครอบครัว
ของพวกเขา ซึ่งเป็นครอบครัวที่พูดได้ว่าประสบความสำเร็จในทางธุรกิจระดับหนึ่ง
ครอบครัวแบร์โทนีประกอบอาชีพเป็นนายทะเบียนมานานแล้ว จึงมีฐานะและมีความมั่นคงทางเศรษฐกิจ
พอสมควร เป็นครอบครัวที่มีชื่อเสียงและได้รับการเคารพนับถืออย่างมากจากชาวเมืองเวโรนา ตระกูลราเวลลี่
ของนางบรูโนรา มารดาของคุณพ่อแบร์โทนี ก็มีอาชีพเป็นข้าราชการด้วยเช่นกัน จึงพูดได้ว่าครอบครัวนี้มี
อาชีพที่ถือว่ามีความมั่นคงมากทีเดียว

❇️ เกิดมาเพื่อเป็นนักบุญ ➡️ เด็กน้อยที่มีชีวิตชีวา ❇️

ชีวิตในวัยเด็กของคุณพ่อแบร์โทนีเป็นชีวิตที่มีชีวิตชีวามาก ท่านมีแววตาที่จริงจังและเปี่ยมด้วย
ความกระปรี้กระเปร่า ท่านสุภาพ เรียบร้อย สำรวมตน และปรับตัวเข้ากับเพื่อนๆ ได้ดี ความจริงใจและ
มิตรภาพที่ดีที่ท่านมีให้กับทุกคนนั้น ได้กลายเป็นเสน่ห์ดึงดูดเพื่อนๆ กลุ่มใหญ่ที่อยู่ในวัยเดียวกันให้เข้า
มารายล้อมและทำกิจกรรมร่วมกับท่าน
ในขณะที่ยังเป็นเด็กอยู่นี้ คุณพ่อแบร์โทนีได้ค่อยๆ พัฒนาความรู้สึกที่ไวต่อความต้องการความช่วย
เหลือของผู้อื่น ท่านเป็นคนที่มีมารยาทดี รู้จักกาลเทศะ รู้จักผ่อนหนักให้เป็นเบา สามารถจัดการเรื่องต่างๆ
ได้อย่างดี มีจิตใจเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ และสรรพพร้อมด้วยความดีต่างๆ มากมาย
ในยามพัก เพื่อนๆ ของท่านต่างวิ่งกรูกันไปล้อมรอบคุณครู เพื่อหวังจะได้เป็นคนแรกที่จะได้รับเครื่องดื่ม
ยกเว้นเพียงคุณพ่อแบร์โทนีเท่านั้น ที่ยังคงนั่งรออย่างสงบอยู่ที่โต๊ะเรียนของท่าน การกระทำเช่นนี้เป็นที่
ประทับใจและชื่นชอบของบรรดาครูอาจารย์ของท่าน
คำสั่งสอนและแบบอย่างของคุณลุงของท่าน คือ คุณพ่อจาโกโม ได้มีอิทธิพลอย่างมาก
ต่อชีวิตของท่าน หลายครั้งทีเดียวที่คุณพ่อแบร์โทนี และ มาทิลดา น้องสาวของท่าน
(มาทิลดาล้มป่วย และเสียชีวิตขณะอายุได้เพียง 4 ปี) ได้ทำเครื่องหมายบางอย่างเลียนแบบคุณลุงของท่าน
ที่ได้ทำขณะกำลังถวายมิสซา อย่างไรก็ตาม เป็นมารดาของคุณพ่อแบร์โทนีที่ได้ปลูกฝังความเชื่อให้กับท่าน
เราจึงต้องขอบคุณมารดาของท่าน ที่ได้ปลูกฝัง และรักษาบรรยากาศของความเชื่อไว้อย่างมั่นคงภายใน
ครอบครัวของเธอ การกระทำเช่นนี้ของเธอ ได้ช่วยหล่อหลอมคุณพ่อแบร์โทนีให้เติบโตในความเชื่อ และ
ยิ่งวันยิ่งมีความไว้วางใจในพระญาณเอื้ออาทรของพระเจ้ามากยิ่งขึ้น แม้ครอบครัวจะต้องเผชิญกับปัญหา
ยุ่งยากต่างๆ มากมายก็ตาม ที่จริง นาง บรูโนรา มีชีวิตครอบครัวที่ขมขื่นอย่างมาก เนื่องจากสามีผู้เป็นหัวหน้า
ครอบครัวได้ทิ้งครอบครัว เพื่อไปประกอบธุรกิจตามความต้องการของตัวเอง ซึ่งแม้จะประสบความสำเร็จ
ในตอนแรกๆ แต่ในเวลาต่อมา ธุรกิจดังกล่าวก็นำพาครอบครัวไปสู่ปัญหาทางการเงิน และการล้มละลายในที่สุด

👼 --- โปรดติดตามตอนต่อไป --- 👼
แก้ไขล่าสุดโดย rosa-lee เมื่อ พฤหัสฯ. ต.ค. 31, 2024 10:32 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 6637
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

จันทร์ ต.ค. 21, 2024 11:39 pm

🌺 ปรารถนาความศักดิ์สิทธิ์ : นักบุญกัสปาร์  แบร์โทนี 🌺
เขียนโดย Luisa Muzii
แปลโดย คุณพ่อวสันต์  พิรุฬห์วงศ์

👉 ตอนที่ (2)👈

❇️ เกิดมาเพื่อเป็นนักบุญ ➡️ การพบปะที่ไม่มีเคยลืมเลือน ❇️
          เมื่อคุณพ่อแบร์โทนีอายุได้ 11 ปี ท่านได้มีประสบการณ์พบกับพระเยซูเจ้าในศีลมหาสนิท
ครั้งเมื่อท่านได้รับศีลมหาสนิทครั้งแรก และประสบการณ์แห่งความรักเมตตา และลึกซึ้งอย่างยิ่ง
ในครั้งนั้นก็ได้อยู่ในความทรงจำของคุณพ่อแบร์โทนีตลอดเวลา และยากที่จะลืมเลือนไปได้
"เพื่อนที่น่ารักที่สุดของท่าน" ซึ่งท่านได้รับเข้ามาผ่านทางศีลมหาสนิท ได้กลายเป็นประกาย
ไฟที่จุดดวงใจของท่านให้ลุกโชนขึ้นมา และเป็นไฟดวงนี้นี่เองที่คอยกระตุ้น และนำทางตลอดชีวิต
ของท่าน เพราะอีกไม่นานหลังจากนี้ ขณะกำลังเรียนเกี่ยวกับการประพันธ์บทกวี ท่านก็ได้ประพันธ์
บทกวีที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับประสบการณ์การได้พบ และสัมผัสกับพระเยซูคริสตเจ้า เมื่อครั้งที่ท่านได้
รับศีลมหาสนิทครั้งแรกนี้
20 ปีต่อมา (วันที่ 9 ตุลาคม ค.ศ. 1808) เมื่อท่านได้รับศีลบวชเป็นพระสงฆ์แล้ว ท่านก็ได้เขียน
บันทึกไว้ใน "สมุดบันทึกชีวิตฝ่ายจิต" ส่วนตัวของท่านว่า ขณะที่ท่านกำลังถวายมิสซาอยู่นั้น ท่านได้มี
ประสบการณ์ ความรู้สึกรัก และศรัทธาต่อพระเยซูเจ้าในศีลมหาสนิทอย่างมาก เป็นความรู้สึกเหมือน
กับที่ได้เคยเกิดขึ้น เมื่อครั้งที่ท่านได้รับศีลมหาสนิทครั้งแรกเมื่อตอนเป็นเด็ก
การได้พบกับ "เพื่อนที่น่ารักที่สุด" ของท่านอย่างล้ำลึกนี้ ได้ก่อให้เกิดผลตลอดชีวิตในวัยหนุ่ม
ของท่าน เพราะทีละเล็กทีละน้อย ท่านได้ค่อยๆ ปลีกตัวเองออกจากสิ่งวัตถุและการยึดติดกับความ
อยู่ดีมีสุข และทุ่มเทตนเพื่อแสวงหาหนทางเพื่อจะได้สนิทสนมเป็นหนึ่งเดียวกับพระเจ้า ยิ่งทียิ่งมากขึ้น

❇️ เกิดมาเพื่อเป็นนักบุญ ➡️ เด็กหนุ่มที่รู้จักตัดสละ ❇️
การได้พบกับพระคริสตเจ้า เพื่อนที่น่ารักที่สุดเป็นครั้งแรกของคุณพ่อแบร์โทนี เมื่อตอนรับ
ศีลมหาสนิท ครั้งแรก เป็นประสบการณ์ที่ดำรงอยู่ตลอดชีวิตของท่าน และประสบการณ์นี้ก็ได้ช่วยนำ
ทางชีวิตประจำวัน ของท่าน ในการเลือกที่จะกระทำสิ่งต่างๆ
การตัดสินใจเลือกกระทำสิ่งต่างๆ ที่แสดงให้เห็นถึงการตัดสละ และไม่ยึดติดกับสิ่งของฝ่ายวัตถุ
ของคุณพ่อแบร์โทนีนั้น รวมไปถึงแม้แต่เรื่องเสื้อผ้าที่ใช้ในการแต่งตัวด้วย เหตุการณ์นี้เกิดขึ้น ในครั้งที่
ครอบครัวของท่านได้สั่งตัดเสื้อผ้าชุดใหม่ให้ท่าน ซึ่งเป็นชุดที่สวยงาม ทันสมัย และมีราคาสูง เหมาะกับ
ฐานะการเป็นคนชั้นกลางของตระกูลแบร์โทนี แต่คุณพ่อแบร์โทนีกลับไม่สนใจในชุดดังกล่าวแต่อย่างใด
ทั้งยังได้นำกลับไปคืนให้ช่างที่ตัดเย็บ และเลือกชุดใหม่ที่ธรรมดาและเรียบง่ายที่สุด โดยไม่ให้มีความ
ทันสมัยหลงเหลืออยู่แต่อย่างใด ด้วยเหตุนี้เอง ท่านจึงถูกล้อเลียนจากเพื่อนๆ ของท่าน และตั้งชื่อเล่น
ให้ท่านว่า "ฤษี"
นอกจากนี้แล้ว ยังสามารถพูดได้ว่า คุณพ่อแบร์โทนีมีจิตใจที่ไม่ผูกติดกับปัญหาต่างๆ ของครอบครัว
แต่อย่างใด ท่านกลับเป็นคนที่สนุกสนานร่าเริง รู้จักหัวเราะในยามที่ควรหัวเราะ และรู้จักทำให้คนอื่นหัวเราะ
กับท่านและกับคนอื่นๆ ด้วย ท่านรู้จักเผชิญหน้ากับสถานการณ์ต่างๆ ได้เป็นอย่างดี มีความเคารพในความ
คิดเห็นของคนส่วนใหญ่ ที่เป็นเช่นนี้เพราะท่านเป็นคนมองโลกในแง่ดี และรู้จักมองสถานการณ์ต่างๆ ในมุม
บวกเสมอ แน่นอนว่านี่ไม่ใช่เป็นการเสแสร้งหรือแกล้งทำ แต่นี่จะลักษณะเฉพาะของตัวตนของท่านจริงๆ
แม้แต่ในห้องนอนของท่านเอง ท่านไม่ชอบให้แม่บ้านเข้ามาทำความสะอาด หรือเข้ามาจัดสิ่งของต่างๆ
ในห้องของท่าน ท่านจึงได้รับอนุญาตให้ทำความสะอาดและจัดห้องท่านเองโดยไม่ต้องมีใครมาช่วย ซึ่งมีอยู่
วันหนึ่ง ด้วยความสงสัยและความอยากรู้อยากเห็น แม่บ้านผู้สูงอายุจึงแอบเข้าไปดูในห้องของท่าน และได้
พบว่ามีก้อนกรวดจำนวนหนึ่งซุกซ่อนอยู่ใต้ที่นอนของคุณพ่อแบร์โทนี นี่เป็นหลักฐานที่แสดงให้เห็นว่า นับแต่
วัยเด็กแล้ว ที่คุณพ่อแบร์โทนีรู้จักฝึกฝนที่จะทรมานตัว ทั้งนี้ เพื่อท่านจะได้สามารถควบคุมอารมณ์และความ
รู้สึกต่างๆ ของตัวท่านเองได้ พูดง่ายๆ คือ ท่านรู้จักที่จะควบคุมตัวเองเพื่อจะได้สามารถทำพลีกรรมได้นั่นเอง

❇️ เกิดมาเพื่อเป็นนักบุญ ➡️ เด็กหนุ่มที่เปี่ยมด้วยพลังแห่งการเรียนรู้ ❇️
คุณพ่อแบร์โทนีได้เข้าเป็นสมาชิกและทำกิจกรรมต่างๆ ร่วมกับ "กลุ่มแม่พระ" ซึ่งเป็นกลุ่มเยาวชนที่ตั้ง
ขึ้นมาเพื่องานด้านการแพร่ธรรม และยังได้อุทิศตัวอย่างกระตือรือร้นในการช่วยเหลือคนเจ็บป่วย ทุกๆ วัน
ท่านจะหล่อเลี้ยงความศรัทธาของท่านที่มีต่อพระแม่มารีย์ และมอบถวายตัวท่านเองไว้ในความคุ้มครองของ
พระนาง ท่านไปเฝ้าศีลมหาสนิทอย่างสม่ำเสมอ ร่วมในพิธีมิสซาบูชาขอบพระคุณ และไม่เคยเข้านอนโดย
ไม่ได้พิจารณามโนธรรมอย่างละเอียดก่อน การที่คุณพ่อแบร์โทนีเติบโตในความเชื่อ รวมถึงมีความรักใน
การศึกษาเล่าเรียน และรักที่จะฝึกปฏิบัติชีวิตฝ่ายจิตอยู่อย่างสม่ำเสมอนั้น เราคงเห็นได้ชัดว่า นี่เป็นอิทธิพล
ของรูปแบบการดำเนินชีวิตแบบเยสุอิต ที่คุณพ่อแบร์โทนีรับมาจากพระสงฆ์เยสุอิตที่เป็นผู้แนะนำชีวิตฝ่ายจิต
ของท่าน คือ คุณพ่อหลุยจี ฟอร์ติส นั่นเอง ที่จริง คุณพ่อฟอร์ติสได้สนับสนุนคุณพ่อแบร์โทนี ให้ฝึกปฏิบัติชีวิต
ฝ่ายจิตในขั้นที่ลึกซึ้ง จนสามารถพบกับความว่างเปล่าทั้งในความคิดและจิตใจได้ นี่เป็นฤทธิกุศลขั้นสูงที่
นักบุญหลุยส์ กอนซากา บรรลุถึง ท่านนักบุญเยาวชนผู้นี้จึงเป็นทั้งแบบอย่าง และแรงบันดาลใจสำหรับเด็ก
หนุ่มอย่างคุณพ่อแบร์โทนี ในการแสวงหาความเติบโตและก้าวหน้าในชีวิต แห่งการติดตามพระคริสตเจ้าข
องท่าน ซึ่งชาวเมืองเวโรนาต่างก็สังเกตเห็นความมุ่งมั่นพยายามนี้ของท่าน
คุณพ่อแบร์โทนีมีพรสวรรค์ในด้านดนตรี และท่านก็ได้พัฒนาพรสวรรค์นี้ให้ก้าวหน้าขึ้น ท่านทุ่มเทตน
ในการเรียนเปียโนและเครื่องดนตรีอื่นๆ ทั้งประเภทสายและประเภทเป่า ท่านได้รวบรวมเพื่อนๆ ตั้งวงดนตรี
ขึ้นมา และตัวท่านเองก็เป็นผู้นำในการฝึกซ้อมและการแสดงในที่ต่างๆ
เพื่อนๆ ของคุณพ่อแบร์โทนียังได้ตระหนัก และยอมรับความสามารถด้านการนำกิจกรรมของท่านด้วย
ที่จริง ท่านเป็นคนที่มากด้วยอารมณ์ขัน ท่านจึงสามารถนำกิจกรรมและการแสดงต่างๆ ได้อย่างสนุกสนาน
จึงเป็นที่ชื่นชอบของกลุ่มเพื่อนๆ ของท่าน และรวมถึงผู้คนทั่วไปที่ได้ชมการแสดงภายใต้การนำของท่านด้วย
แต่ที่สำคัญเหนืออื่นใด คือ หลังจากกิจกรรมหรือการแสดงต่างๆ แล้ว ท่านจะหาเวลาไปเฝ้าศีลมหาสนิทเป็น
ระยะเวลาสั้นๆ หรือไม่ก็ไปภาวนาที่หน้าแท่นแม่พระ หรือไม่ก็ไปเยี่ยมคนป่วย เป็นต้น

👼--- โปรดติดตามตอนต่อไป ---👼
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 6637
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

พุธ ต.ค. 23, 2024 10:42 pm

🌺 ปรารถนาความศักดิ์สิทธิ์ : นักบุญกัสปาร์  แบร์โทนี 🌺
เขียนโดย Luisa Muzii
แปลโดย คุณพ่อวสันต์  พิรุฬห์วงศ์

👉 ตอนที่ (3)👈

❇️ เกิดมาเพื่อเป็นนักบุญ ➡️ ติดตามพระคริสตเจ้าอย่างจริงจัง ❇️

คุณพ่อแบร์โทนีไม่เคย "หลง" ในความสามารถหรือพรสวรรค์ต่างๆ ที่ท่านมี ท่านไม่เคย "โอ้อวด"
หรือแม้กระทั่ง "อ้างสิทธิ์" ที่จะจัดการเรื่องราวต่างๆ ในชีวิตของท่านด้วยตัวของท่านเอง นี่รวมถึงการ
ตัดสินใจเลือกทางเดินในฐานะพระสงฆ์ด้วย ท่านเป็นเหมือนประกาศกซามูแอล ในวัยหนุ่ม ที่รู้จักคอย
และฟังเสียงเรียกของพระเจ้า
คุณพ่อฟรันเชสโก จิราร์ดี พระสงฆ์เจ้าอาวาสวัดของท่าน ได้ให้คำแนะนำที่ดีในเรื่องนี้ ครั้งเมื่อ
คุณพ่อแบร์โทนีไปปรึกษาท่านถึงเรื่องอนาคตของตัวเอง ก็ได้รับคำชี้แนะว่า "นี่เป็นพระประสงค์ของ
พระเจ้า ที่เลือกเธอให้เป็นผู้รับใช้ของพระองค์ในฐานะศาสนบริกร เธอลังเลใจเรื่องนี้ไปทำไม?"
เด็กหนุ่มที่มากด้วยความสามารถ และดูเหมือนจะมีอนาคตที่สดใส หากจะเลือกประกอบอาชีพ
นายทะเบียนตามบิดา แต่คุณพ่อแบร์โทนี กลับตัดสินใจอย่างเด็ดเดี่ยวที่จะละทิ้งอาชีพการงานที่มั่นคง
และมีเกียรติดังกล่าวนี้ เพื่ออุทิศตนรับใช้พระเจ้า พระศาสนจักร และเพื่อนพี่น้องในฐานะพระสงฆ์ กระแส
เรียก สู่เส้นทางชีวิตสงฆ์ของท่านนี้ ใช่ว่าจะเกิดขึ้นอย่างทันทีทันใด แต่เป็นสิ่งที่ได้ผุดขึ้นในความคิดของท่าน
ตั้งแต่สมัยเป็นเด็ก และท่านเองก็ได้รำพึงและไตร่ตรองเส้นทางนี้มาอย่างยาวนานแล้ว จนที่สุด หลังจากที่ท่าน
ได้ชัดเจนในพระประสงค์ที่พระเจ้ามีต่อท่านแล้ว ท่านก็ตัดสินใจตอบรับการเรียกดังกล่าว การตัดสินใจของ
ท่านนี้จึงไม่ใช่เพราะท่านไม่มีทางเลือก ไม่มีทางไป แต่เกิดขึ้นหลังจากได้ใช้เวลามาอย่างยาวนานในการ
พิจารณา รำพึง และไตร่ตรอง ท่ามกลางทางเลือกอื่นๆ ที่ค่อนข้างจะให้อนาคตที่สดใส มั่นคง และมีเกียรติ
ดังนี้ เมื่ออายุได้ 18 ปี คุณพ่อแบร์โทนีจึงได้เข้าเรียนเทววิทยาที่บ้านเณรของสังฆมณฑลเวโรนา โดยเป็น
สามเณรไปกลับ
เมื่ออายุ 20 ปี สามเณรแบร์โทนีก็สามารถเดินในหนทางสู่ความศักดิ์สิทธิ์ และความครบครันตามคำ
เชื้อเชิญของพระพระคริสตเจ้าได้แล้ว ท่านได้ใช้เวลาในการฝึกปฏิบัติชีวิตจิตและเข้าเงียบ ใช้เวลาในตอน
กลางคืนเพื่ออ่านพระคัมภีร์ และทำกิจเมตตาสงเคราะห์อย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย จากการทำกิจใช้โทษบาป
อย่างหนักและร้อนรน ทำให้สามเณรแบร์โทนีดำเนินชีวิตอย่างระมัดระวังและรู้ตัวเสมอ เราจึงอาจพูดถึงท่าน
ได้ว่า แม้จะอายุแค่ 20 ปี แต่ท่านก็สามารถเดินอยู่ในเส้นทางสู่ความครบครันตามแบบอย่างของพระคริสตเจ้าแล้ว

❇️ เกิดมาเพื่อเป็นนักบุญ ➡️ เด็กหนุ่ม "ชาวสะมาเรีย" เดินบนถนนในเมืองเวโรนา ❇️

ในระหว่างนั้น วันแห่งความทุกข์ยากลำบากต่างๆ กำลังจะเกิดขึ้นแก่ชาวเมืองเวโรนาในอีกไม่กี่วัน
ข้างหน้า เนื่องจากกองทัพของนโปเลียนได้เดินทางจากฝรั่งเศส และมาถึงเมืองเวโรนาแล้ว และใน
วันที่ 1 มิถุนายน ค.ศ. 1796 นโปเลียนและกองทัพของเขาก็เข้ายึดครองเวโรนา เมืองที่ไม่อาจจะป้องกัน
ตัวเองได้สำเร็จ และนับจากนั้นเป็นต้นมา ช่วงเวลาแห่งการแก้แค้นและการลงโทษก็เกิดขึ้น เนื่องจากเวโรนา
ได้ให้ที่หลบภัยแก่ชาวฝรั่งเศสที่อพยพหนีสงครามมา หนึ่งในผู้อพยพเหล่านั้นคือ ดยุดแห่งโปรเวนซ์ ซึ่งเป็น
ผู้สืบทอดราชบัลลังก์ฝรั่งเศสมาจากพระเจ้าหลุยส์ที่ 18
แม้แต่คุณลุงของคุณพ่อแบร์โทนี ชื่อ จาโกโม ราเวลลี่ ก็ตกอยู่ในชะตากรรมเดียวกับชาวเมืองเวโรนา
อีกหลายคน เขาถูกจับขังคุกก่อน ต่อมาก็ถูกย้ายไปอยู่โรงพยาบาลเนื่องจากได้ล้มป่วยลง
และก็เป็นที่โรงพยาบาลนี้นี่เอง ในระหว่างที่สามเณรแบร์โทนีไปเยี่ยมคุณลุงของท่าน และคนเจ็บป่วย
ทั่วๆ ไป ความทุกข์โศกเศร้า ความเจ็บปวด และความทุกข์ทรมานของคนป่วยเหล่านั้น ได้ทิ่มแทงดวงใจของ
ท่าน แต่ถึงกระนั้น ในฐานะยังเป็นสามเณรอยู่ สามเณรแบร์โทนีจึงยังไม่เร่งรีบที่จะอุทิศเวลาว่างและพลังทั้ง
หมดของท่าน เพื่อช่วยเหลือและประกาศพระวรสารแก่บรรดาคนป่วยเหล่านั้น ท่านได้สมัครเข้าร่วม "กลุ่ม
อาสาช่วยเหลือคนป่วยในโรงพยาบาล" ซึ่งเป็นกลุ่มอาสาสมัครทำงานเมตตาสงเคราะห์ที่เริ่มต้นในเมือง
เวโรนา ภายได้การนำของคุณพ่อปีเตอร์ เลโอ นาร์ดี
สามเณรแบร์โทนีได้เป็นเหมือน "ชาวสะมาเรียใจดี" ท่านพร้อมกับเพื่อนๆ ของท่านต่างช่วยกันให้
ความช่วยเหลือ และเยียวยาบาดแผลและความทุกข์เจ็บปวดต่างๆ ของชาวเวโรนา ซึ่งมีเหตุมาจากสงคราม
นั่นเอง
เพื่อนๆ ของท่านได้เล่าว่า สิ่งที่สามเณรแบร์โทนีทำนั้น มีที่มาจากการมีจิตตารมณ์แห่งการอุทิศตัวรับ
ใช้ด้วยความรักเมตตตาและการเสียสละตัวของท่านนั่นเอง พวกเขายังเล่าต่อไปว่า สามเณรแบร์โทนีได้ไป
ให้ความช่วยเหลือคนป่วยในตอนกลางคืน จนแทบจะไม่ได้นอนเลย บ่อยครั้งที่พวกเขาพบในตอนเช้าว่า
ที่นอนของสามเณรแบร์โทนีไม่มีร่องรอยของการนอนเลยตลอดทั้งคืน ใช่แล้ว พวกเขาเป็นพยานยืนยันว่า
นอกจากไปช่วยเหลือคนป่วยในโรงพยาบาลแล้ว "ถ้าไม่พบท่านสวดภาวนาอยู่ ก็พบท่านในห้องเรียน"

❇️ เกิดมาเพื่อเป็นนักบุญ ➡️ ผู้ส่งเสริมการสอนคำสอนแก่เด็กและเยาวชน ❇️

ไม่นานต่อมา เมืองเวโรนา กลายเป็นเมืองที่เต็มไปด้วยความยุ่งเหยิง ทั้งในทางสังคมและในทาง
การเมือง จากหลักฐานทางประวัติศาสตร์พบว่า เวโรนาตกอยู่ภายใต้การปกครองของต่างชาติถึงสองชาติ
ในเวลาเดียวกัน คือ ออสเตรียปกครองในเขตเมือง ส่วนฝรั่งเศสปกครองเขตชนบท
ท่ามกลางสถานการณ์ที่ยุ่งเหยิงและไร้ระเบียบของประชาชนเช่นนี้ คุณพ่อแบร์โทนียังคงมุ่งมั่น และเอา
ใจใส่ในความต้องการของประชาชนชาวเวโรนา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง งานใหม่ที่ต้องการการลงมือปฏิบัติโดย
เร่งด่วนนั้น คือ การให้การศึกษาอบรมแก่เด็กและเยาวชน ซึ่งจากประสบการณ์ 3 ปีในการเรียนเทววิทยา
ในบ้านเณร ท่านได้เคยมีประสบการณ์ในการสอนคำสอนเด็กและเยาวชนมาแล้ว และท่านมองว่างานด้านนี้
เรียกร้องการเอาใจใส่ และ "การอุทิศตัวอย่างมืออาชีพ"
ในการสอนคำสอน คุณพ่อแบร์โทนีจึงเตรียมตัวอย่างดีที่สุด หลังจากที่ได้ศึกษาและรำพึงอย่างเพียงพอแล้ว
ท่านมักจะเขียนสรุปผลที่ได้จากการรำพึงดังกล่าวไว้สั้นๆ ด้วยลายมือของท่านเอง การสอนคำสอนของท่านจึง
เป็นไปอย่างเป็นระบบ มีสาระสำคัญ และเน้นก่อให้เกิดผลในชีวิตประจำวัน ความสามารถในการสอนและถ่าย
ทอดคำสอนของท่าน บวกกับความกระตือรือร้นเยี่ยงอัครสาวกที่จะประกาศพระวาจาของพระเจ้า ทำให้คุณพ่อ
แบร์โทนีกลายเป็นผู้ที่มีบทบาทสำคัญต่อชีวิตของเด็กๆ และเยาวชนอย่างมาก ท่านไม่เพียงแต่สอนพวกเขา
เท่านั้น แต่ยังได้ชี้ทางชีวิตให้แก่พวกเขาด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การเตรียมตัวพวกเขา เพื่อไปรับศีลอภัยบาป
และศีลมหาสนิทอย่างเหมาะสม

👼--- โปรดติดตามตอนต่อไป ---👼
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 6637
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

เสาร์ ต.ค. 26, 2024 9:52 pm

🌺 ปรารถนาความศักดิ์สิทธิ์ : นักบุญกัสปาร์  แบร์โทนี 🌺
เขียนโดย Luisa Muzii
แปลโดย คุณพ่อวสันต์  พิรุฬห์วงศ์

👉 ตอนที่ (4)👈

❇️ เกิดมาเพื่อเป็นนักบุญ ➡️ พระเจ้าในสมุดบันทึกของท่าน : "จงสรรเสริญพระเจ้าตลอดไป" ❇️

          คุณพ่อแบร์โทนียังเป็นผู้ที่ดำเนินชีวิตอย่างทุ่มเทในการศึกษาหาความรู้ ท่านใช้เวลาวันละหลายๆ
ชั่วโมงอยู่ในห้องสมุดมากกว่าเวลาสำหรับพักผ่อนเสียอีก ท่านได้อ่านและศึกษาเรื่องสำคัญต่างๆ อย่าง
รอบด้าน จนอาจพูดได้ว่า ไม่มีศาสตร์หรือความรู้แขนงใดที่หลุดพ้นจากสายตาและความสนใจของท่านได้
โดยท่านจะจดบันทึกโครงสร้าง และสาระสำคัญของแต่ละเรื่องที่ท่านได้อ่านไว้ในสมุดบันทึกส่วนตัวของท่าน
จึงเป็นช่วงเวลานี้เอง ที่คุณพ่อแบร์โทนีได้เติบโตและก้าวหน้าในความรู้สาขาวิชาต่างๆ โดยท่านได้นำทักษะ
และวิธีการต่างๆ ที่ได้เรียนมาจากบ้านเณรมาปรับใช้ในชีวิตจริงของท่าน
          การศึกษาหาความรู้ในด้านต่างๆ ของท่าน ไม่ใช่แค่หวังให้เกิดประโยชน์เท่านั้น แต่วิธีการศึกษาและ
จุดมุ่งหมายในการศึกษาในทุกๆ เรื่องของท่านนั้น ล้วนเป็นไปเพื่อสรรเสริญพระเจ้า คำย่อ "L.D.S.
" คือ สัญลักษณ์ประจำตัวของท่าน ที่ท่านเขียนไว้ที่มุมบนของกระดาษทุกหน้าของสมุดบันทึกของท่าน
ความหมายของคำย่อนี้ก็คือ "Laus Deo Semper" (จงสรรเสริญพระเจ้าตลอดไป) หรือ "Laus Deo Soli"
(จงสรรเสริญพระเจ้าเท่านั้น) นี่แสดงให้เห็นว่า สำหรับคุณพ่อแบร์โทนีแล้ว ทุกสิ่งสามารถนำพาท่านให้
ใกล้ชิดกับพระเจ้าได้ ทุกสิ่งสามารถเป็นเครื่องมือ และโอกาสที่จะทำให้ท่านมีความรู้ในพระเจ้าลึกซึ้งมาก
ยิ่งขึ้น และสามารถเป็นหนึ่งเดียวกับพระเจ้าได้มากยิ่งขึ้นด้วย

❇️ ฝึกฝนความศักดิ์สิทธิ์ ➡️ ความใฝ่ฝันค่อย ๆ เติบโต ❇️

          ในเดือนกันยายน ค.ศ. 1800 คุณพ่อแบร์โทนีได้รับศีลบวชเป็นพระสงฆ์ และท่านก็มีความชัดเจน
กับตัวเองตั้งแต่ต้น ถึงความตั้งใจที่ท่านจะทำหลังจากรับศีลบวชเป็นพระสงฆ์แล้ว นั่นคือ การอุทิศตัว
เพื่อรับใช้ คนที่ต่ำต้อยที่สุด และร่วมมือกับเพื่อนๆ พระสงฆ์ของท่าน ในการทำให้การประกาศพระวรสาร
บรรลุผลสำเร็จ จนสามารถทำให้เกิดความกลมกลืนเป็นหนึ่งเดียวกัน ระหว่างความเชื่อกับชีวิต ความรู้
กับการแพร่ธรรม และพระวาจาของพระเจ้ากับการบริการรับใช้
          ที่วัดนักบุญเปาโล ซึ่งเป็นวัดแรกที่คุณพ่อแบร์โทนีทำงานอภิบาลหลังรับศีลบวชเป็นพระสงฆ์แล้ว
ท่านพร้อมกับเพื่อนๆ พระสงฆ์หนุ่มกลุ่มเล็กๆ เริ่มมาประชุมกันที่บ้านของท่าน การรวมตัวกันเช่นนี้มี
ลักษณะคล้ายๆ กับกลุ่มนักบวชย่อยๆ ท่านเริ่มตระหนักดีว่า หากปราศจากความรู้พื้นฐานด้านความเป็น
มนุษย์ ศาสตร์ความรู้ด้านต่างๆ และความรู้อย่างลึกซึ้งในพระคัมภีร์ และปิตาจารย์ ของพระศาสนจักรแล้ว
พระสงฆ์คงไม่สามารถทำงานตอบสนองความต้องการของพระศาสนจักร และความต้องการของประชากร
ของพระเจ้าได้อย่างเกิดผล
          จากการได้ตระหนักเช่นนี้ คุณพ่อแบร์โทนีและกลุ่มเพื่อนๆ ของท่านจึงร่วมกันอ่าน ศึกษา และตั้ง
ประเด็นถกเถียงกันในเรื่องเกี่ยวกับพระคัมภีร์และศาสตร์สาขาต่างๆ การกระทำเช่นนี้ ทำให้พวกท่านค่อยๆ
คุ้นเคยกับ งานเขียนของ บรรดาปิตาจารย์ และเอกสารของพระศาสนจักร มีความก้าวหน้าและเติบโตใน
ความรู้ในเทววิทยา และในเวลาเดียว ก็ค่อยๆ พัฒนาชีวิตฝ่ายจิตวิญญาณให้มีรากฐานที่มั่นคงมากยิ่งขึ้น
          ความกระตือรือร้นในการศึกษาค้นคว้า และมิตรภาพระหว่างเพื่อนๆ ที่ค่อยๆ พัฒนาขึ้น ได้เชื่อมผนึก
ให้พวกเขามีความสนิทสนมและเป็นหนึ่งเดียวกันมากขึ้น ทั้งนี้เพราะ "หากรวมตัวกัน ทุกสิ่งก็เป็นได้" และ
เพราะหากรวมตัวเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันแล้ว ก็จะสามารถ "ถวายเกียรติมงคลแด่พระเจ้าได้มากขึ้น" และ
แน่นอนว่า แม้แต่อัศจรรย์ก็สามารถเกิดขึ้นได้ ซึ่งไม่นานนับจากนี้ สิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นก็ได้เป็นประจักษ์พยาน
ที่ดี ที่ยืนยันว่าหลักการดังกล่าวนี้ถูกต้องแล้ว

❇️ ฝึกฝนความศักดิ์สิทธิ์ ➡️ ธรรมทูตของเยาวชน ❇️

          ในเดือนมิถุนายน ค.ศ.1802 ในฐานะพระสงฆ์หนุ่ม ขณะที่คุณพ่อแบร์โทนีกำลังสวดภาวนาในที่นั่ง
ของกลุ่มนักขับร้องที่วัดบุญเปาโล ซึ่งเป็นกิจวัตรที่ท่านปฏิบัติอยู่เช่นนี้ทุกเช้า คุณพ่อฟรันเชสโก จิราร์ดี
พระสงฆ์เจ้าอาวาส ได้เข้ามาหาท่าน พร้อมกับกล่าวว่า "โอ คุณพ่อแบร์โทนีของฉัน คุณพ่อมีรังสีของ
การเป็นมิชชันนารีมากเลย" "ใช่ครับ" คุณพ่อแบร์โทนีตอบ คุณพ่อเจ้าอาวาสจึงกล่าวต่อไปว่า "แต่คุณพ่อ
ฟังผมให้ดีๆ นะ คุณพ่อมีรังสีของการเป็นมิชชันนารีสำหรับเยาวชนมากกว่า" คุณพ่อแบร์โทนีก็กล่าวตอบว่า
"ใช่ครับ แต่ผมจะเป็นมิชชันนารีสำหรับเยาวชนได้ก็ต่อเมื่อคุณพ่อต้องการให้ผมเป็น" และนั่นคือจุดเริ่มต้น
ของงานเยาวชนของคุณพ่อแบร์โทนี ข้อเสนอของคุณพ่อเจ้าอาวาสได้รับการตอบรับโดยทันทีจากคุณพ่อ
แบร์โทนี ท่านตอบรับด้วยความใจกว้างและปราศจากเงื่อนไขใดๆ ทั้งสิ้น คุณพ่อเจ้าอาวาสได้มอบหมาย
เด็กชายกลุ่มหนึ่งที่ได้รับศีลมหาสนิทครั้งแรกแล้ว ไว้ให้อยู่ในการชี้นำของคุณพ่อแบร์โทนี
          การชุมนุมกันครั้งแรกของ เด็กชาย กลุ่มนี้ เกิดขึ้นในเช้าวันอาทิตย์ โดยใช้ชั้นล่างของบ้านพักพระสงฆ์
เป็นที่ประชุมกัน เด็กกลุ่มแรกนี้มีอยู่ประมาณ 10 คน อายุระหว่าง 12-13 ปี ซึ่งคุณพ่อแบร์โทนีรวบรวมมา
ได้จากตามท้องถนน ซึ่งไม่นานต่อมา ด้วยไฟแห่งการอุทิศตนและทุ่มเทของพระสงฆ์หนุ่มอย่างคุณพ่อแบร์
โทนี ซึ่งหลายคนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ท่านเป็น "นักบุญ" แล้ว เด็กที่อยู่ภายใต้การดูแลของท่านก็ได้เพิ่ม
จำนวนมากขึ้นอย่างรวดเร็ว และที่สุด ท่านก็ได้ตั้งเป็น "ศูนย์เยาวชน" โดยมีเด็กที่ร่วมกิจกรรมกับศูนย์นี้
มากกว่า 400 คน ทั้งนี้ เนื่องจากคุณพ่อแบร์โทนีได้ออกไปตามถนนต่างๆ ทั่วเมืองเวโรนา เพื่อตามหาและ
ชักชวนเด็กๆ และเยาวชนที่ไม่มีบ้านอยู่ เด็กที่ถูกทอดทิ้ง และเด็กที่มีปัญหาในด้านต่างๆ ได้เข้ามาร่วม
กิจกรรมในศูนย์ของท่าน ท่านเสนอโอกาสและมิตรภาพให้แก่พวกเขา เพื่อพวกเขาจะได้มีเพื่อน มีโอกาสเล่น
ทำงาน สวดภาวนา และทำกิจกรรมต่างๆ ร่วมกันกับคนอื่นๆ ซึ่งเด็กและเยาวชนเหล่านั้นก็ตอบรับโอกาสที่
คุณพ่อแบร์โทนีหยิบยื่นให้

👼--- โปรดติดตามตอนต่อไป ---👼
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 6637
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

เสาร์ ต.ค. 26, 2024 9:56 pm

🌺 ปรารถนาความศักดิ์สิทธิ์ : นักบุญกัสปาร์  แบร์โทนี 🌺
เขียนโดย Luisa Muzii
แปลโดย คุณพ่อวสันต์  พิรุฬห์วงศ์

👉 ตอนที่ (5)👈

❇️ ฝึกฝนความศักดิ์สิทธิ์ ➡️ ความฝันที่จะเป็นผู้ให้การอบรม : ศูนย์เยาวชน ❇️

          กิจกรรมต่างๆ ศูนย์เยาวชนของคุณพ่อแบร์โทนี ซึ่งท่านตั้งชื่อว่า "ศูนย์เยาวชนพระแม่มารีย์"
แห่งวัดนักบุญเปาโลนั้น พูดได้ว่า เป็นรูปแบบการจัดการที่ล้ำหน้าอย่างมากในสมัยนั้น ท่านไม่ได้เพียง
แค่สอนศาสนาและศีลธรรม (พร้อมกับสอนคำสอน ฝึกให้รู้จักรำพึง และสอนพิธีกรรมต่างๆ) แก่เด็กๆ
และเยาวชนเหล่านั้นเท่านั้น แต่ท่านมุ่งหมายที่จะอบรม "ความเป็นมนุษย์ทั้งครบ" ของเด็กๆ เหล่านั้น
เลยทีเดียว ท่านจึงได้จัดการสอนและอบรมเด็กๆ ในศูนย์เยาวชนของท่าน ทั้งในด้านวัฒนธรรม และ
ด้านสังคม โดยให้อยู่ในบรรยากาศของความสนุกสนาน ร่าเริง และมีชีวิตชีวา
ปกติเด็กและเยาวชนเหล่านี้จะมาชุมนุมกันในทุกวันอาทิตย์ และรวมถึงบางวันในระหว่างสัปดาห์
ด้วย ส่วนสถานที่ที่ใช้ชุมนุมกันนั้น นอกจากในวัดนักบุญเปาโลและที่สนามในบริเวณใกล้ๆ วัดแล้ว
บางครั้ง แม้แต่บ้านพักของพระสงฆ์เองก็ยังเปิดให้เด็กๆ และเยาวชนไปใช้ชุมนุมกันด้วย ซึ่งแน่นอนว่า
การชุมนุมของเด็กจำนวนมากเช่นนี้ ย่อมไม่อาจหลีกเลี่ยงการส่งเสียงอึกทึกครึกโครมได้ แต่กระนั้นก็ดี
คุณพ่อแบร์โทนีก็สามารถจัดกิจกรรมต่างๆ ได้ดำเนินไปอย่างเรียบร้อยได้ เด็กๆ ได้รับการดูแลในเรื่อง
การเรียน และการฝึกฝนอาชีพ ส่วนเด็กที่ยังไม่มีงานทำ คุณพ่อแบร์โทนีก็นัดหมายบรรดาเจ้าของกิจการ
ต่างๆ มาพบ เพื่อหางานพิเศษให้เด็กๆ ทำ
แต่ในการดูแล และเอาใจใส่บรรดาเด็กๆ เหล่านั้น สิ่งที่เป็น "หัวใจ" ของการอบรมของคุณพ่อแบร์โทนี
คือ การอบรมเรื่องชีวิตทางศาสนา และการปฏิบัติตนถูกต้องตามหลักศีลธรรม จากนั้นถึงเป็นเรื่องการให้
ความรู้ และฝึกฝนพวกเขาในเรื่องการประกอบอาชีพต่างๆ เพื่อเด็กๆ เหล่านั้น จะได้สามารถอยู่ร่วมกับผู้อื่น
ในสังคมได้อย่างมีความสุข และสามารถประกอบอาชีพการงานเพื่อหาเลี้ยงตัวเองและครอบครัวได้
คุณพ่อแบร์โทนีจึงกลายเป็นผู้ที่มีบทบาทและมีอิทธิพลต่อชีวิตของพวกเด็กๆ เหล่านั้นอย่างมาก
จนอาจพูดได้ว่า คำพูดของท่านสามารถทำให้เด็กเร่าร้อนเหมือนถูกไฟเผาไหม้เลยทีเดียว ที่จริง ท่านเป็น
ผู้ที่รู้จักใช้ศิลปะในการพูด และการสื่อสารกับเด็กๆ เหล่านั้น ท่านรู้จักเข้มงวดและเคร่งครัดในเรื่องที่ต้อง
เข้มงวดและเคร่งครัด แต่ในบางเรื่องที่ผ่อนปรนได้ ท่านก็จะทำ ในเวลาเดียวกัน ก็สร้างบรรยากาศที่สนุก
สนานและร่าเริงให้เกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา เพื่อเด็กๆ เหล่านั้นจะได้ไม่รู้สึกเหน็ดเหนื่อย และเบื่อหน่ายในการ
เรียนรู้และกระทำความดี แต่เหนือสิ่งอื่นใดคือ ความรักและความจริงใจที่ท่านมีให้กับเด็กๆ เหล่านั้น
ทั้งหมดนี้จึงเป็นเหตุให้เด็กๆ เหล่านั้นรักท่าน และมอบชีวิตทั้งหมดของพวกเขาไว้ในมือของท่าน

❇️ ฝึกฝนความศักดิ์สิทธิ์ ➡️ มื้ออาหาร...แห่งความสุข ❇️

ลักษณะหนึ่งที่พบได้ในศูนย์เยาวชนของคุณพ่อแบร์โทนี คือ สมาชิกทุกคนมีความเรียบง่าย และมี
ความสุขที่ได้มอบชีวิตของตนไว้ในการนำทางของคุณพ่อแบร์โทนี ผู้เป็นเหมือนบิดาและครูของพวกเขา
ชาวเวโรนามีธรรมเนียมที่เก่าแก่สืบทอดกันมานาน ในการจัดฉลองครบรอบการจากไปของผู้ล่วงลับ
ศูนย์เยาวชนของคุณพ่อแบร์โทนีก็ได้จัดฉลองเช่นนี้ด้วยเช่นกัน แต่มีอยู่ครั้งหนึ่ง ที่วันฉลองดังกล่าว กลาย
เป็นตำนานที่พูดถึงกันอย่างยาวนาน และเป็นที่จดจำของของบรรดาเด็ก ๆ ในศูนย์แห่งนี้ นั่นคือ อาหารที่รับ
ประทานกันในวันฉลองนั้น ซึ่งเป็นโปเลนต้ากับซอสหมูบด (โปเลนต้าเป็นแป้งที่ทำจากข้าวโพด นำมาผสม
กับน้ำร้อนแล้วปล่อยให้เย็น จะมีลักษณะคล้าย ๆ แป้งเปียก - ผู้แปล) ซึ่งไม่ทราบว่าใครเป็นผู้เสนอให้มีราย
การอาหารดังกล่าว แต่มีเจตนานึกสนุก และสร้างความขบขันให้แก่เพื่อน ๆ ในศูนย์เยาวชนด้วยกัน ซึ่งคุณพ่อ
แบร์โทนีก็เห็นด้วย และจัดเตรียมวัสดุต่าง ๆ ที่ต้องใช้สำหรับอาหารมื้อดังกล่าวตามที่พวกเขาต้องการ แต่การ
เตรียมการดังกล่าวก็ทำอย่างลับ ๆ ไม่ให้เด็กคนอื่น ๆ รู้ล่วงหน้า และเมื่อถึงเวลาเย็น ทุกคนมารวมตัวกันที่บ้าน
ของท่าน จากนั้นก็เริ่มด้วยการสวดสายประคำก่อน แล้วก็ตามด้วยกิจศรัทธาอื่น ๆ ที่พวกเขาทำกันเป็นประจำ
เมื่อสวดภาวนาเสร็จแล้ว ทุกคนก็รีบตรงไปที่โต๊ะอาหารด้วยความหิว พร้อมกับความคาดหวังว่าในโอกาส
ลองสำคัญ ๆ อย่างนี้ คงจะต้องมีอาหารที่ดี ๆ อย่างแน่นอน แต่เมื่อไปถึงที่โต๊ะอาหาร ก็เห็นถาดใบใหญ่ที่
ใส่โปเลนต้าอยู่เต็มถาด วางไว้ที่ตรงกลางโต๊ะ รายล้อมด้วยหม้อต้มใบใหญ่อีก 3 ใบ พวกเขาจึงรีบวิ่งเข้า
ไปดูใกล้ ๆ ด้วยคิดว่า ในหม้อนั้นคงเป็นหมูบดกับซอสที่ใช้รับประทานคู่กับโปเลนต้า แต่กลับเป็นแค่หัว
ผักกาดหั่นเป็นชิ้นบางๆ ต้มกับน้ำซุปเท่านั้นเอง ทันทีที่เด็กเหล่านั้นเห็น ต่างก็หัวเราะด้วยความสนุกสนาน
กับการแกล้งเล่น ๆ ของพวกเพื่อน ๆ ด้วยกัน ทุกคนรับประทานอาหารมื้อนั้นอย่างสนุกสนาน โดยไม่มีใคร
ปริปากบ่นแม้แต่คนเดียว อาหารมื้อนี้จึงเป็นมื้อแห่งความตลกขบขัน และเป็นมื้อแห่งความทรงจำที่พวกเด็ก ๆ
เหล่านั้นไม่วันลืมเลย

👼--- โปรดติดตามตอนต่อไป ---👼
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 6637
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

อาทิตย์ ต.ค. 27, 2024 5:36 pm

🌺 ปรารถนาความศักดิ์สิทธิ์ : นักบุญกัสปาร์  แบร์โทนี 🌺
เขียนโดย Luisa Muzii
แปลโดย คุณพ่อวสันต์  พิรุฬห์วงศ์

👉 ตอนที่ (6)👈

❇️ ฝึกฝนความศักดิ์สิทธิ์ ➡️ ความรัก...ทำให้เปลี่ยนแปลง ❇️

ด้วยคุณพ่อแบร์โทนีเป็นคนที่มีจิตใจเมตตา สงบเสงี่ยม แต่ก็ร่าเริงเบิกบานอยู่เสมอ และเป็น
เพราะความรักและความใจเย็นของท่านนี้เอง ที่ทำให้เด็กหัวดื้อที่สุดคนหนึ่งกลับใจได้ เรื่องราวเกิดขึ้น
วันหนึ่ง มีเด็กหนุ่มคนหนึ่ง ซึ่งคุยโวโอ้อวดมาตลอดว่า เขาไม่เคยเคารพและเชื่อฟังพระสงฆ์คนใดเลย
และเขาก็ได้พูดจาหยาบคาย สบประมาท และด่าแช่งคุณพ่อแบร์โทนีด้วย เด็กชายอีกคนหนึ่งซึ่งเป็น
สมาชิกของศูนย์เยาวชนของคุณพ่อแบร์โทนี จึงได้พูดกับเขาว่า "เธอพูดจาสบประมาท และด่าแช่งคน
ที่เธอไม่รู้จักได้อย่างไร? ไปกับฉัน แล้วเธอจะเห็นด้วยตาตัวเอง แค่ครั้งเดียว เธอก็จะได้คำตอบสำหรับ
ตัวเธอเอง" เด็กชายคนนั้นพูดอย่างจริงจัง และอย่างท้าทายด้วยวิธีการอะไรอีกหลายๆ อย่าง จนเด็กหัว
ดื้อคนนั้นยินยอมที่จะไปด้วย จะไม่ไปพูดคุยกับพ่อแบร์โทนีแต่อย่างใด แต่จะไปแบบสังเกตการณ์หรือ
แอบดูเท่านั้น เมื่อเด็กหนุ่มหัวดื้อไปถึง เขาก็คอยฟังและสังเกตดูคำพูดและท่าทางต่างๆ ที่คุณพ่อแบร์โทนี
แสดงต่อเด็กๆ ในศูนย์เยาวชนของท่าน และที่สุด เขาก็ได้ยอมแพ้ เขายอมแพ้ต่อความรักและความเอาใจ
ใส่ของพ่อแบร์โทนีที่มีต่อเด็กๆ เหล่านั้น เขาได้เข้าไปหาคุณพ่อแบร์โทนี และขอสารภาพความผิดต่างๆ
ของเขาต่อท่าน และได้สมัครเป็นสมาชิกในศูนย์เยาวชนของท่านด้วย และเป็นสมาชิกที่มีใจร้อนรน ขยัน
ขันแข็ง และกระตือรือร้นอย่างมาก ไม่นานต่อมา เด็กหนุ่มคนนี้ ก็ได้เป็นหัวเรี่ยวหัวแรงหลักคนหนึ่งของ
คุณพ่อแบร์โทนี ในการดำเนินกิจกรรมต่างๆ ในศูนย์เยาวชน แต่ไม่นานต่อมา เขาก็ได้เสียชีวิตลงอย่างสงบ
โดยได้กลับคืนดีกับพระเจ้าและพระศาสนจักรอย่างเรียบร้อย
พระเจ้าพำนักในตัวเรา : "ช่างมีความสุขยิ่งนัก ที่พระเจ้าทรงพำนักอยู่ในตัวเรา"
สำหรับพระสงฆ์หนุ่มอย่างคุณพ่อแบร์โทนี ท่านเริ่มต้นชีวิตประจำวันด้วยการภาวนาเสมอ ท่านใช้การ
ภาวนาเป็นตัวนำในการปฏิบัติภารกิจต่างๆ ประจำวัน และจบวันของท่านในตอนกลางคืนด้วยการภาวนาอีก
เช่นกัน ในตัวท่าน การสนทนาอย่างลึกซึ้ง และด้วยความไว้วางใจอย่างเต็มที่ระหว่างท่านกับพระเยซูเจ้าไม่
เคยมีวันจบสิ้น เพราะสิ่งนี้เป็นอาหารหล่อเลี้ยง และแรงบันดาลใจต่อความคิดและกิจการต่างๆ ของท่าน
ท่านมักจะพูดเสมอๆ ว่า "การภาวนาเป็นเหมือนชีวิตของชีวิตของเรา และเป็นเหมือนวิญญาณของวิญญาณของเรา"
พระเจ้าทรงประทับอยู่ภายในตัวเรา นี่คือความมั่นใจที่อยู่คู่ และค้ำจุนชีวิตของคุณพ่อแบร์โทนีเสมอมา
"พระจิตของพระเจ้าทวงบันดาลให้ความรักเกิดขึ้นและดำรงอยู่ในวิญญาณ ทำให้วิญญาณญาสะอาดบริสุทธิ์
และเหมาะสมที่จะเป็นเจ้าสาวที่อ่อนหวานที่สุด พระองค์ทรงดำรงอยู่ในเรา ทำงานในตัวเรา และนำความยินดี
มาสู่ตัวเรา ช่างมีความสุขยิ่งนักที่พระทรงพำนักอยู่ในตัวเรา" ด้วยเหตุนี้เอง ศีลมหาสนิทจึงกลายเป็นศูนย์กลาง
ของประสบการณ์ชีวิตสงฆ์ของท่าน ท่านจึงมักถูกเรียกว่าเป็น "สงฆ์แห่งตู้ศีลมหาสนิท" มิสซาจึงมีบทบาทสำคัญ
ในชีวิตของท่าน เป็นศูนย์รวมของความเชื่อ เป็นศูนย์กลางของชีวิต และเป็นทั้งหมดของชีวิตของท่าน เพราะ
ผ่านทางมหาบูชามิสซา ท่านได้สัมผัสกับพระคุณเหนือธรรมชาติ ในการมีประสบการณ์เข้าชิดสนิท และเป็น
หนึ่งเดียวกับพระเยซูเจ้าอย่างล้ำลึก
คุณพ่อแบร์โทนีได้มอบประจักษ์พยานเกี่ยวกับประสบการณ์นี้ไว้ใน "สมุดบันทึกชีวิตฝ่ายจิตวิญญาณ"
ของท่าน ท่านบันทึกไว้ว่า "ระหว่างมิสซา ... (ข้าพเจ้า) มีความรู้สึกอย่างมากในการประทับอยู่ของพระเจ้า
ความไว้วางใจ ความรัก และความปรารถนาที่จะเปลี่ยนตัวข้าพเจ้าเองให้เป็นเหมือนพระองค์ เพื่อพระเยซูเจ้า
จะได้สามารถดำรงชีพอยู่ในตัวข้าพเจ้า และไม่ใช่เป็นตัวข้าพเจ้าเองอีกต่อไป" (25 ตุลาคม 1808) และในเวลา
ต่อมา ท่านก็ได้มีประสบการณ์ในการประทับอยู่ของพระเจ้า ในฐานะเป็นพระตรีเอกภาพแห่งความรัก "ขณะ
กำลังอภิเษกศีลมหาสนิท ข้าพเจ้ามีความรู้สึกอย่างมากถึงการประทับอยู่ของพระคริสต์เจ้า เหมือนเพื่อนที่กำลัง
พูดกับเพื่อนอีกคนหนึ่ง ขณะเดียวกัน ข้าพเจ้ายังรู้สึกถึงการประทับอยู่ของพระบิดาเจ้าด้วย และมองเห็นความ
แตกต่างของพระบุคคลในพระเจ้าที่อยู่ในพระธรรมชาติเดียวกัน ข้าพเจ้ารู้สึกเคารพศรัทธา และรักพระองค์
อย่างมาก ความรู้สึกนี้มีต่อไปอีกราวครึ่งชั่วโมงหลังการสำรวมใจ" (11 มกราคม 1809)

❇️ ฝึกฝนความศักดิ์สิทธิ์ ➡️ พระนางมารีย์ : มารดาของเรา ❇️

เพื่อจะบรรลุถึงความเป็นหนึ่งเดียวกับพระเจ้าอย่างครบสมบูรณ์ คุณพ่อแบร์โทนีได้หันไปหาพระนางมารีย์
พระมารดาของพระเยซูเจ้า และมารดาของผู้มีความเชื่อทุกคน คุณพ่อแบร์โทนีมีความไว้วางใจในพระนางมารีย์
อย่างเต็มที่ เหมือนบุตรที่มีความวางใจในมารดาของตน ด้วยเหตุนี้ ท่านจึงได้มอบถวายตัวท่านแด่พระนางอย่าง
วางใจ และด้วยความรักอย่างเต็มเปี่ยม มอบถวายกิจการต่างๆ ในแต่ละวันที่ท่านได้ทำ และจะกระทำต่อไปไว้
ในความคุ้มครองของพระนาง มอบถวายการแสวงหาความครบครันในแต่ละวันของท่านไว้ในการนำทางของ
พระนาง มอบภารกิจในการอบรมและสั่งสอนเด็กๆ ภายในศูนย์เยาวชนของท่าน และการดูแลเอาใจใส่วิญญาณ
ของสัตบุรุษในความดูแลของท่าน ไว้กับมารดาที่เปี่ยมด้วยความรัก และความอ่อนโยนอย่างพระนางมารีย์ ท่าน
เคยสอนไว้ว่า "พระนางมารีย์ทรงเรียกท่าน ใช่แล้ว พระนางปรารถนาที่จะเปิดดวงใจของท่านต่อพระหฤทัยของ
พระบุตรของพระนาง ถึงตอนนี้ แม้ท่านยังอาจจะขัดขวางคำพูดของพ่อได้ แต่ท่านไม่อาจขัดขวางพระหัตถ์ที่เปี่ยม
ด้วยความรักของพระนางได้ ถ้าพระคริสตเจ้าไม่ได้เกิดใหม่อีกครั้งหนึ่งผ่านทางพระมารดาของพระเจ้า พระองค์
ก็ไม่สามารถบังเกิดในดวงใจของเราได้"
คุณพ่อแบร์โทนีได้ถ่ายทอดชีวิตฝ่ายจิตที่เข้มแข็งมั่นคงนี้แก่บรรดาเด็ก ๆ และเยาวชนในศูนย์ของท่าน
สำหรับพวกเขานั้น ท่านได้พูดเสริมไว้อย่างเปิดเผยว่า ในการเดินทางของชีวิตแห่งความเชื่อของพวกเขานั้น
พวกเขาต้องมีลักษณะสามประการ คือ มีชีวิตที่สงบสุข ใกล้ชิดศีลศักดิ์สิทธิ์ และใกล้ชิดพระนางมารีย์

👼--- โปรดติดตามตอนต่อไป ---👼
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 6637
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

อาทิตย์ ต.ค. 27, 2024 5:41 pm

🌺 ปรารถนาความศักดิ์สิทธิ์ : นักบุญกัสปาร์  แบร์โทนี 🌺
เขียนโดย Luisa Muzii
แปลโดย คุณพ่อวสันต์  พิรุฬห์วงศ์

👉 ตอนที่ (7)👈

❇️ ฝึกฝนความศักดิ์สิทธิ์ ➡️ รูปแบบการดำเนินชีวิตของท่าน...แก่นแท้ของชีวิต ❇️

พูดได้ว่า รูปแบบการดำเนินชีวิตของคุณพ่อแบร์โทนีนั้น เป็นไปอย่างเคร่งครัดและจริงจัง โดยมีเป้า
หมายเพื่อเลียนแบบพระคริสต์เจ้า ผู้ตรึงบนไม้กางเขน "เพราะไม่ใช่ข้าพเจ้าที่มีชีวิตอยู่ แต่เป็นพระคริสต์เจ้า
ที่เจริญชีวิตอยู่ในข้าพเจ้า" ความปรารถนาที่จะเป็นหนึ่งเดียวกับพระเยซูเจ้า ผู้รับใช้ที่รับทุกข์ทรมาน ทำให้
คุณพ่อแบร์โทนีเลือกที่จะดำเนินชีวิตในความยากจน ความสุภาพ และปฏิเสธเกียรติยศชื่อเสียงใดๆ รวมถึง
ทรัพย์สินเงินทองที่พึงได้จากกิจการงานของท่าน
นอกจากกางเขนที่เกิดจากความเจ็บป่วยอย่างยาวนานของท่าน ความไม่สงบสุขในครอบครัว และ
สถานการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นในสังคมแล้ว คุณพ่อแบร์โทนียังเลือกที่จะแบกกางเขนอื่นๆ เพิ่มเติมอีกด้วย
เนื่องจากท่านเป็นคนที่ไม่เคยสนใจในความต้องการใดๆ เพื่อตนเองเลย ท่านจึงมีจิตใจปรารถนา มุ่งกระทำ
ทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อความดีของผู้อื่น พร้อมกับคอยระมัดระวังที่จะทำให้วิญญาณของท่านสะอาด และเติบโต
ก้าวหน้าอยู่ตลอดเวลา
เย็นวันเสาร์วันหนึ่ง ขณะที่ท่านกำลังปฏิบัติหน้าที่ ในการเป็นผู้แนะนำชีวิตฝ่ายจิตวิญญาณให้แก่
สามเณรในบ้านเณเรอยู่นั้น ท่านได้พาเณรสองคนไปกับท่าน หลังจากให้พวกเขานอนลงบนเตียงแล้ว ท่านก็
ไปยืนอยู่ที่ปลายเตียง แล้วเทศน์สอนพวกเขา ถึงความงดงามของการมอบตัวเองอย่างวางใจในพระเจ้า
ซึ่งเหมือนกับการนอนหลับในอ้อมกอดของบิดา หลังจากนั้น คุณพ่อแบร์โทนีก็ลงไปที่วัดน้อยของบ้านเณร
เพื่อภาวนาต่อหน้าศีลมหาสนิท ท่านรำพึงถึงบทเทศน์ที่ท่านจะต้องเทศน์ในวันอาทิตย์ให้แก่บรรดาสามเณร
"หลังจากออกจากห้องนอนเวลาประมาณสี่ทุ่มแล้ว ข้าพเจ้าไม่ทราบว่าคุณพ่อแบร์โทนีได้กลับไปยังห้องนอนอีก
หรือเปล่า พวกเราหลับอย่างมีความสุข และตื่นขึ้นอีกครั้งในตอนเช้า แต่เราก็ไม่เห็นคุณพ่อแบร์โทนีในห้อง
นอนแล้ว นอกจากเห็นท่านอยู่ในวัดน้อยที่อยู่ใกล้ๆ นี่ทำให้เราเชื่อว่า นี่เป็นสิ่งที่ท่านทำในทุกคืนวันเสาร์"
นี่เป็นสิ่งที่สามเณรหนึ่งในสองคนนั้นเล่าไว้อย่างชื่นชม
คุณพ่อแบร์โทนีไม่เคยผ่อนปรนความเคร่งครัดของตัวท่านเองเลย ท่านรักษาตัวเองให้เป็น "อิสระ"
จากสิ่งต่างๆ และ "พร้อม" เสมอที่จะเดินในหนทางมุ่งสู่พระอาณาจักรของพระเจ้า มีอยู่วันหนึ่ง ท่านได้ให้
พระสงฆ์ที่เพิ่งได้รับศีลบวชใหม่ดูเสื้อที่ท่านใส่ ใต้เสื้อนักบวชของท่าน ซึ่งนอกจากจะเก่าแล้ว ยังมีรอยปะชุน
อยู่ทั่วไป นี่คือความเรียบง่ายที่ท่านยึดถือ และปฏิบัติมาตั้งแต่สมัยเป็นเด็กแล้ว
ในขณะเดียวกัน ท่านกลับเป็นคนใจกว้าง และมีน้ำใจเสมอกับเด็กๆ ในศูนย์เยาวชนของท่าน ท่านมักจะ
จัดงานฉลองเล็กๆ และสร้างความบันเทิงให้แก่เด็กๆ ในความดูแลของท่านเสมอ โดยที่ท่านไม่เคยทำสิ่งใด
เพื่อตัวท่านเองเลย ไม่แม้แต่การหาเวลาเพื่อพักผ่อนและหย่อนใจเพียงเล็กๆ น้อยๆ
นอกจากการภาวนาและการแสดงเมตตาจิตต่อผู้อื่นแล้ว กิจกรรมอีกประการหนึ่งที่ท่านเลือกทำเสมอๆ
เป็นลำดับต่อมาก็คือการศึกษา ท่านอ่านและศึกษาพระวาจาของพระเจ้าจนเข้าใจอย่างลึกซึ้ง ท่านยังได้ศึกษา
คำสอนของบรรดาปิตาจารย์ต่าง ๆ ของพระศาสนจักร จากนั้นก็ศึกษาหาความรู้เพิ่มเติมในศาสตร์สาขาวิชา
ต่าง ๆ ที่สำคัญและจำเป็นต่อการดำเนินชีวิต นี่ทำให้คุณพ่อแบร์โทนีเป็น "ผู้รอบรู้" คนหนึ่งในเรื่องเกี่ยวกับ
ชีวิตฝ่ายจิตวิญญาณ

❇️ ฝึกฝนความศักดิ์สิทธิ์ ➡️ อยู่ข้างคนยากจนที่สุด : รับใช้คนถูกคุมขังและคนป่วย ❇️

เป็นความรักที่มีต่อสิ่งสร้างที่เล็กน้อยที่สุดของพระเจ้า ที่เป็นพลังผลักดันคุณพ่อแบร์โทนีได้ไปเยี่ยมผู้
ที่ถูกคุมขังอยู่ในคุก ท่านได้ปลอบโยนจิตใจพวกเขา ให้กำลังใจ ช่วยเหลือเท่าที่จะทำได้ และร่วมเป็นหนึ่งเดียว
กับพวกเขา ที่จริง ท่านได้เริ่มไปเยี่ยมนักโทษที่ถูกตัดสินประหารชีวิต ตั้งแต่ตอนเป็นพระสงฆ์ใหม่ๆ แล้ว
นักโทษเหล่านั้นถูกคุมขังอยู่ที่อารามแม่พระแห่งชัยชนะ ซึ่งเป็นอารามที่ถูกยึดไป และใช้เป็นคุกกักนักโทษ
เป็นเวลาหลายปี ในปี ค.ศ. 1806 คุณพ่อแบร์โทนีได้รับหน้าที่อย่างเป็นทางการในการไปอภิบาล และช่วยเ
หลือนักโทษที่เจ็บป่วย และต้องไปเข้ารับการผ่าตัดที่โรงพยาบาลใกล้ๆ กับอารามที่ใช้เป็นที่คุมขัง แต่ท่าน
ก็ไม่ได้จำกัดงานอภิบาลโดยทำเฉพาะตามหน้าที่ของท่านเท่านั้น ท่านกลับใช้ทุกเวลาที่ว่าง เพื่อปลีกตัวมา
ช่วยเหลือบรรดานักโทษเหล่านั้นด้วยความรักฉันพี่น้อง รวมถึงให้ความช่วยเหลือแม้ในด้านเศรษฐกิจ
แก่พวกเขาด้วย
ผู้เขียนชีวประวัติของคุณพ่อแบร์โทนี คือ คุณพ่อกาเยตาโน จาโกบเบ ได้เป็นพยานถึงเรื่องนี้ว่า
คุณพ่อแบร์โทนีเป็นคนที่มีอัธยาศัยดี พูดจาไพเราะและอ่อนหวาน มีบุคลิกที่สงบเสงี่ยม และมีทักษะการ
สนทนาที่ทำให้คู่สนทนาเชื่อมั่นและไว้วางใจในตัวท่าน ด้วยเหตุนี้ ท่านจึงสามารถเข้าถึงส่วนที่ลึกที่สุด คือ
วิญญาณของบรรดานักโทษเหล่านั้นได้ ท่านได้แสดงให้พวกเขาเห็นถึงความมีเมตตาแบบพ่อที่มีต่อลูก
และนำพวกเขาให้ค้นพบอิสรภาพที่แท้จริงของชีวิต นั่นคือ การมีอิสระของชีวิตภายในที่จะมอบทุกสิ่งไว้
ในความดีงามดุจบิดาของพระเจ้า

👼--- โปรดติดตามตอนต่อไป ---👼
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 6637
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

จันทร์ ต.ค. 28, 2024 1:04 pm

🌺 ปรารถนาความศักดิ์สิทธิ์ : นักบุญกัสปาร์  แบร์โทนี 🌺
เขียนโดย Luisa Muzii
แปลโดย คุณพ่อวสันต์  พิรุฬห์วงศ์

👉 ตอนที่ (8)👈

❇️ ฝึกฝนความศักดิ์สิทธิ์ ➡️ อยู่ข้างคนยากจนที่สุด : การรับใช้บรรดาเด็กหญิงที่ยากจน ❇️

ศูนย์เยาวชนของคุณพ่อแบร์โทนีประสบความสำเร็จอย่างมาก ในเวลาต่อมา ศูนย์เยาวชนในวัดต่างๆ
จึงถูกจัดตั้งขึ้นตามรูปแบบของศูนย์เยาวชนแห่งนี้ และแผ่ขยายไปเกือบทุกวัดในสังฆมณฑลเวโรนา
แต่โชคไม่ดีนักที่รูปแบบในการจัดศูนย์ฯ เช่นนี้แพร่หลายไปได้ไม่นาน ก็เริ่มมีปฏิกิริยาต่อต้านจาก
พวกนโปเลียน (ในเดือนพฤษภาคม ค.ศ. 1807) กล่าวคือ มีการออกคำสั่งห้ามไม่ให้มีการจัดตั้งองค์กร
ใด ๆ ทางศาสนา และมีคำสั่งให้ปิดศูนย์เยาวชนต่าง ๆ ด้วย และในเวลาเดียวกัน คุณพ่อแบร์โทนีก็ถูก
จับตามองในฐานะเป็นผู้ต้องสงสัย และผู้ต้องเฝ้าระวังโดยกองทัพของฝรั่งเศสด้วย ท่านจึงต้องระมัดระวังตัว
ไม่ว่าจะเดินทางไปไหนหรือทำกิจการใดๆ สถานการณ์เช่นนี้เป็นอยู่เรื่อยไป จนกระทั่งกองทัพของนโปเลียน
พ่ายแพ้สงคราม กิจการต่างๆ ถึงได้เริ่มฟื้นฟูกันขึ้นมาใหม่อีกครั้งได้
ด้วยคำสั่งระงับการดำเนินการใดๆ เกี่ยวกับศูนย์เยาวชน บ้านของคุณพ่อแบรโทนีจึงถึงกับเงียบสงัด
ไปในทันที ความสุขและความสับสนอลหม่านของบรรดาเด็กๆ และเยาวชนได้จางหายไปจากบ้านของท่าน
แต่สิ่งที่เข้ามาทดแทนคือความระแวงสงสัย และ "หน่วยเฝ้าติดตาม" ของทัพฝ่ายฝรั่งเศสที่คอยเฝ้าสอดแนม
ความเคลื่อนไหวต่าง ๆ ภายในบ้านของท่าน อย่างไรก็ตาม การทำงานด้านการให้การอบรมของท่านก็ไม่ได้
หยุดลงแต่อย่างใด ในปี ค.ศ. 1808 ท่านได้รับหน้าที่เป็นผู้ฟังแก้บาปของอารามนักบุญโยเซฟ ซึ่งเป็นอาราม
ที่ซิสเตอร์มักดาเลนาแห่งกานอสซา อาศัยอยู่ ก่อนที่เธอพร้อมกับเพื่อนๆ ซิสเตอร์จำนวนหนึ่งจะแยกออกไป
ตั้งอารามใหม่ เพื่อทำงานให้ความช่วยเหลือเด็กหญิงที่มีปัญหาและทุกข์ยากลำบาก
บรรดาเด็กหญิงเหล่านี้เป็นผู้ที่ซิสเตอร์และเพื่อนๆ รวบรวมมาจากตามท้องถนน และจากครอบครัวที่
มีปัญหา และรวมถึงเด็กหญิงที่อยู่ในสภาพแวดล้อมที่ไม่ดีเท่าไรนัก โดยนำมาพักอยู่ด้วยกัน และให้การศึกษา
แก่พวกเธอ ทั้งยังให้การอบรมในเรื่องทางศาสนา ศีลธรรม และการใช้ชีวิตในสังคมด้วย
คณะใหม่ที่ซิสเตอร์มักดาเลนาแห่งกานอสซาตั้งขึ้นมีชื่อว่า "คณะธิดาเมตตาธรรม" และเธอก็เป็นคนที่
พิถีพิถันมากในเรื่องการเลือกผู้ให้คำแนะนำชีวิตฝ่ายจิตวิญญาณ และผู้ฟังแก้บาป อย่างไรก็ตาม พระสังฆราช
องค์ใหม่ของเวโรนาชื่อ อินโนเซนต์ ลีรู้ตี ก็ได้มอบหมายให้คุณพ่อแบร์โทนี เป็นผู้ให้คำแนะนำ
ฝ่ายจิตวิญญาณแก่ซิสเตอร์มักดาเลนาแห่งกานอสซา และคณะใหม่ที่เธอเพิ่งตั้งขึ้นนี้
ส่วนที่อารามนักบุญโยเซฟนั้น ยังมีซิสเตอร์เลโอโปรดีนา โนเดต์ และเพื่อนๆ ซิสเตอร์ของเธออาศัยอยู่
และดำเนินกิจการของอารามต่อไป คุณพ่อแบร์โทนีกับซิสเตอร์โนเดต์มีความสนิทสนมกันมาก โดยเฉพาะ
อย่างยิ่ง ในเรื่องชีวิตฝ่ายจิตวิญญาณ ที่คุณพ่อแบร์โทนีมักคอยให้คำแนะนำอยู่เสนอ จนที่สุด สามารถนำพา
ซิสเตอร์โนเดต์ให้สามารถตั้งอาราม "คณะซิสเตอร์แห่งครอบครัวศักดิ์สิทธิ์" ได้จนสำเร็จ
คุณพ่อแบร์โทนีได้อุทิศ และทุ่มเทตนอย่างเสียสละ และใจกว้างในการรับหน้าที่ใหม่นี้ ท่านได้ให้ความ
ช่วยเหลือ ปลอบโยน ให้กำลังใจ และให้คำปรึกษาแก่ซิสเตอร์ผู้ตั้งคณะใหม่ทั้งสองคณะ โดยคำนึงคำนึงถึง
ประโยชน์ที่จะเกิดแก่วิญญาณของซิสเตอร์ และคณะของพวกเธอ ขณะเดียวกัน ท่านยังคงไปเยี่ยม และคอย
ช่วยเหลือบรรดาคนป่วยที่อยู่ตามโรงพยาบาลต่างๆ ด้วย

❇️ ฝึกฝนความศักดิ์สิทธิ์ ➡️ พระสังฆราชมาเยี่ยมห้องเรียนขณะสอนคำสอน ❇️

เช้าวันอาทิตย์หนึ่งของเดือนพฤศจิกายน ปี ค.ศ. 1808 พระสังฆราชลีรู้ตี พระสังฆราชแห่งมณฑลเวโรนา
ได้มาเยี่ยมวัดนักบุญเปาโลโดยมิได้แจ้งให้ทราบล่วงหน้า ขณะนั้น คุณพ่อแบร์โทนีกำลังสอนคำสอนให้กับ
กลุ่มผู้ใหญ่อยู่ พระสังฆราชก็ได้ไปปรากฏตัวที่หน้าห้องเรียนดังกล่าว นี่สร้างความประหลาดใจให้แก่คุณพ่อ
แบร์โทนีอย่างมาก อย่างไรก็ตาม พระสังฆราชก็ได้อยู่ร่วมในห้องเรียน และฟังการสอนคำสอนของคุณพ่อ
แบร์โทนีอย่างสนใจ เพราะคุณพ่อแบร์โทนีสอนได้ชัดเจน ละเอียดเและลึกซึ้งมาก แต่ก็เข้าใจง่าย
ท่านประทับใจในวิธีการสอน และท่าทางการสอนของคุณพ่อแบร์โทนีอย่างมาก ซึ่งไม่นานต่อมา ท่านก็ได้
เลือกคุณพ่อแบร์โทนี ให้ไปรับหน้าที่เป็นผู้อบรมคำสอนแก่บรรดานักบวชในบ้านเณร

👼--- โปรดติดตามตอนต่อไป ---👼
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 6637
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

พฤหัสฯ. ต.ค. 31, 2024 10:15 pm

🌺 ปรารถนาความศักดิ์สิทธิ์ : นักบุญกัสปาร์  แบร์โทนี 🌺
เขียนโดย Luisa Muzii
แปลโดย คุณพ่อวสันต์  พิรุฬห์วงศ์

👉 ตอนที่ (9)👈

❇️ เส้นทางสู่ความศักดิ์สิทธิ์ ➡️ คุณพ่อแบร์โทนี : นักบุญฟรังซิสอีกคนหนึ่ง ❇️

ในปี ค.ศ.1810 คุณพ่อแบร์โทนีต้องพบกับความเศร้าโศกเสียใจอย่างหนัก เมื่อมารดาของท่าน
ได้เสียชีวิตลงในเดือนกุมภาพันธ์
นางบรูโนรา มารดาของคุณพ่อแบร์โทนี เริ่มเจ็บป่วยมานานพอสมควร ซึ่งตลอดเวลาที่นางล้มป่วย
คุณพ่อแบร์โทนีก็คอยอยู่เคียงข้างเพื่อช่วยเหลือ ให้กำลังใจ และปลอบโยนจิตใจของเธอด้วยคำภาวนา
ที่ไม่เคยหยุดหย่อน และท่านก็อยู่เคียงข้างเธอ จนถึงช่วงเวลาสุดท้ายของชีวิตที่จะต้องมอบวิญญาณ
ของเธอคืนแด่พระเจ้า
ความสัมพันธ์ที่คุณพ่อแบร์โทนีมีต่อมารดาของท่านนั้น พูดได้ว่า เป็นความสัมพันธ์ที่ได้รับการหล่อ
เลี้ยงด้วยความอ่อนโยนและอ่อนหวาน ท่านได้รับความเอาใจใส่ดูแลอย่างดีเยี่ยมจากเธอนั้บตั้งแต่เป็นเด็ก
นี่ทำให้ท่านรู้สึกเป็นหนี้บุญคุณเธออย่างมาก ที่ทำให้ท่านสามารถเป็นคนที่มีจิตใจสงบนิ่ง อ่อนโยน สุภาพ
และที่สำคัญคือ การอบรมให้ท่านมีจิตใจยึดมั่นในพระเจ้า และวางใจในการนำทางของพระองค์ แม้ใน
ขณะที่ครอบครัวกำลังเผชิญกับมรสุมร้ายหลายต่อหลายครั้ง แต่เธอก็ยังพร่ำสอนให้ท่านยิ่งเพิ่มความวางใจ
ในพระเจ้าพระบิดา ความเชื่อศรัทธาเช่นนี้จึงเป็นสิ่งที่ติดตัวท่านมาตั้งแต่เป็นเด็ก และได้พัฒนาขึ้นอย่าง
ต่อเนื่อง จนทำให้ท่านสามารถมอบถวายชีวิตทั้งหมดของท่านไว้ในพระหัตถ์ของพระเจ้าให้ได้ โดยไม่ต้อง
พะว้าพะวงสิ่งใดอีกต่อไป นี่เป็นคุณธรรมชั้นสูงที่ท่านให้รับการปลูกฝังมาจากมารดาของท่าน เธอเป็นคนแรก
ที่ให้เข้าถึง และให้แบบอย่างที่ดีนี้แก่ที่ท่าน
หลังจากที่มารดาของคุณพ่อแบร์โทนีเสียชีวิตได้ไม่นาน บิดาของท่านก็ได้เสียชีวิตลงด้วย ท่านจึงต้อง
มีชีวิตอยู่ตามลำพัง ไม่มีใครที่ท่านจะต้องคอยดูแลเอาใจใส่ด้วยความกตัญญูรู้คุณอีก แม้ท่านจะรู้สึกโดด
เดี่ยวและอ้างว้าง แต่ท่านก็ไม่เคยสิ้นหวัง นี่เป็นสิ่งที่ท่านเรียนรู้มาจากมารดาของท่าน ท่านจึงเดินหน้าใน
การกระทำภารกิจหน้าที่ของท่านต่อไป โดยมอบความวางใจทั้งสิ้นไว้กับพระเจ้า ท่านได้ตัดสินใจย้ายออก
จากบ้านบิดาของท่าน โดยพูดเหมือนที่นักบุญฟรังซิส แห่งอัสซีซี พูดขณะกำลังจะออกจากบ้านบิดาของ
ท่านว่า "พระบิดาของเราสถิตอยู่ในสวรรค์"
การตัดสินใจเช่นนี้ของคุณพ่อแบร์โทนี ยังสอดคล้องกับสิ่งที่มีกล่าวไว้ในพระวรสารว่า ใครที่ละทิ้ง
บ้านเรือนของตนเพื่อเห็นแก่พระอาณาจักรพระเจ้า ประตูอื่นๆ ก็จะเปิดรับเขา ซึ่งก็เป็นจริงตามนั้น เพราะ
ในเวลาต่อมา คุณป้าของคุณพ่อแบร์โทนีก็ได้รับท่านไปอยู่ด้วย และท่านก็ได้รับมอบหมายหน้าที่ใหม่ ให้ไป
ช่วยงานศาสนบริการที่วัดนักบุญฟีร์มุส ซึ่งอยู่อีกฝั่งหนึ่งของแม่น้ำอะดีเจ

❇️ เส้นทางสู่ความศักดิ์สิทธิ์ ➡️ ตามรอยเท้านักบุญอิกญาซีโอ ❇️

ในระหว่างที่คุณพ่อแบร์โทนีกำลังปฏิบัติภารกิจที่ท่านได้รับมอบหมายนั้น ความคิดที่จะอยู่ร่วมกับ
เพื่อนๆ เป็นหมู่คณะนักบวชก็ค่อยๆ เห็นชัดเจนขึ้น
ที่จริง ความปรารถนาเช่นนี้ของท่าน เกิดขึ้นตั้งแต่สมัยยังเป็นพระสงฆ์หนุ่มอยู่ และได้ก่อตั้งศูนย์เ
ยาวชนแม่พระแล้ว ความคิดปรารถนาดังกล่าวได้ค่อยๆ เติบโตและพัฒนามาอย่างต่อเนื่อง ยิ่งวันท่านยิ่ง
ปรารถนาที่จะใช้ชีวิตที่อุทิศตน "เต็มเวลา" สำหรับการภาวนา รำพึง และทำงานแพร่ธรรมให้มากขึ้น
แต่อย่างไรก็ตาม ในฐานะเป็นผู้ที่มีความใกล้ชิดเป็นหนึ่งเดียวกับพระเจ้า ท่านก็ปรารถนาจะให้มี
"พลังผลักดันภายนอก" โดยพระญาณสอดส่องของพระเจ้า เพื่อท่านจะได้สามารถตัดสินใจ ที่จะทำตาม
ความปรารถนาของท่านได้โดยไม่ต้องลังเลใจ ท่านคิดเสมอว่าท่าน "ต้องไม่เดินนำหน้าพระเจ้า" แต่ต้อง
แสวงหาพระประสงค์ของพระเจ้าด้วยความพากเพียร เมื่อมั่นใจแล้ว ก็ปฏิบัติตามพระประสงค์นั้น
ในโอกาสไปสวดภาวนาที่หน้าพระแท่นของนักบุญอิกญาซีโอ ที่อยู่ภายในวัดนักบุญเซบาสเตียน
(ปี ค.ศ. 1808) ท่านรู้สึกว่า ท่านได้รับการเชื้อเชิญจากท่านนักบุญอิกญาซีโอให้ "ทำเหมือนอย่างที่
ท่านทำ" นั่นคือ รวบรวมกลุ่มเพื่อนๆ สงฆ์เข้าด้วยกัน เพื่อประกาศเทศนา และส่งเสริม "พระเกียรติมงคล
ของพระเจ้า" ให้มากขึ้น ปกติคุณพ่อแบร์โทนีมีความศรัทธาต่อท่านนักบุญอิกญาซีโออยู่แล้ว และยกย่อง
ท่านเสมือนเป็นอาจารย์ของชีวิตฝ่ายจิตของท่าน การที่ท่านได้สัมผัสกับเสียงดังกล่าวครั้งนี้ จึงสร้างความมั่
นใจให้ท่านมากขึ้นในสิ่งที่ท่านกำลังคิดและตัดสินใจอยู่ ท่านเข้าใจดีว่า นี่เป็นเครื่องหมายที่มาจากเบื้องบน
สำหรับท่าน "จงใส่จิตใจของเราไว้ในตัวท่าน และในตัวของผู้อื่น ผ่านทางตัวท่าน"
เครื่องหมายอีกประการหนึ่งเกิดขึ้นในปี ค.ศ. 1808 ด้วยเช่นกัน เป็นโอกาสที่มีการเคลื่อนย้ายพระธาตุ
ที่เหลืออยู่ของนักบุญกวลฟอร์โด นักพรตผู้ศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งได้ใช้พื้นที่ริมฝั่งของแม่น้ำอะดีเจ เป็นสถานที่สำหรับ
จำศีลภาวนาของท่าน คุณพ่อแบร์โทนีพร้อมเพื่อนพระสงฆ์อีก 2 ท่าน คือ คุณพ่อมัตเตโอ ฟารินาติ และคุณพ่อ
มิเกลอันเจโล กราเมโก ได้รับเลือกให้เป็นผู้ถือโกศพระธาตุของท่านนักบุญในขบวนแห่ ในเหตุการณ์ครั้งนี้
พระสงฆ์ทั้ง 3 ท่าน ต่างได้รับประสบการณ์เดียวกันจากพระเจ้าที่ผลักดันให้พวกเขารวมกลุ่มกัน และอุทิศตน
ทำงานเพื่อความดีของเพื่อนพี่น้องที่อยู่รอบข้าง นี่เป็นเครื่องหมายของกระแสเรียกที่ค่อยๆ ชัดเจนขึ้น จาก
ห้องแห่งการอบรมตนไปสู่ห้องของการแพร่ธรรม และที่สุด ไปสู่ห้องของชีวิตนักบวช
แต่ดูเหมือนสิ่งที่ยังขาดความชัดเจนคือ เรื่องของเวลา เนื่องจากช่วงเวลานั้น คณะนักบวชต่างๆ ถูกยุบ
และห้ามไม่ให้มีการก่อตั้งคณะนักบวชใดๆ ทั้งสิ้น เรื่องนี้จึงต้องกระทำด้วยความรอบคอบอย่างที่สุด และต้อง
ไม่ให้มีความผิดสังเกตใดๆ จากฝ่ายบ้านเมืองด้วย แล้วคุณพ่อแบร์โทนีก็ได้เริ่มลงมือตระเตรียมสิ่งต่างๆ ที่
จำเป็นอย่างเงียบๆ และอย่างอดทน ท่านได้อุทิศตนอย่างหนัก และอย่างศรัทธาในการภาวนาและรำพึง ท่าน
ได้ศึกษาและหารือกับเพื่อนๆ สงฆ์ของท่านอย่างลับๆ เพื่อเปรียบเทียบแนวคิดและรูปแบบต่างๆ เพื่อหาสิ่งที่
เหมาะสมที่สุดสำหรับคณะนักบวชใหม่ ที่กำลังจะเกิดขึ้นในไม่ช้านี้

👼--- โปรดติดตามตอนต่อไป ---👼
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 6637
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

พฤหัสฯ. ต.ค. 31, 2024 10:31 pm

🌺 ปรารถนาความศักดิ์สิทธิ์ : นักบุญกัสปาร์  แบร์โทนี 🌺
เขียนโดย Luisa Muzii
แปลโดย คุณพ่อวสันต์  พิรุฬห์วงศ์

👉 ตอนที่ (10)👈

❇️ เส้นทางสู่ความศักดิ์สิทธิ์ ➡️ ธรรมทูตของสามเณร ❇️

ในปี ค.ศ.1810 พระสังฆราชอินโนเซนต์ ลีรู้ตี ได้มอบหมายให้คุณพ่อแบร์โทนีไปเป็นผู้อบรมชีวิต
ฝ่ายจิตวิญญาณของสามเณร ในบ้านเณรของสังฆมณฑลเวโรนา ในตอนนั้น บ้านเณรกำลังอยู่ในวิกฤต
ทั้งในเรื่องเศรษฐกิจ และชีวิตฝ่ายจิตวิญญาณ ทุกคนในบ้านเณรกำลังเผชิญกับปัญหาเรื่องค่านิยมที่ฟุ้ง
เฟ้อต่างๆ ซึ่งกำลังแพร่หลายไปทั่วทุกหนแห่งในเวโรนา จึงมีความจำเป็นอย่างเร่งด่วนที่จะต้องฟื้นฟู
บ้านเณร เพื่อให้ทุกคนสามารถกลับมาให้ความสำคัญกับคุณค่าของชีวิตฝ่ายจิตได้เหมือนเดิม
พระสังฆราชซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบบ้านเณร และมองเห็นปัญหาดังกล่าวนี้ จึงพยายามแสวงหาพระสงฆ์
เพื่อให้ไปฟื้นฟูเรื่องดังกล่าวนี้ และมองไม่เห็นใครที่เหมาะสมเท่าคุณพ่อแบร์โทนีของเรา และคุณพ่อ
แบร์โทนีก็ไม่ทำให้พระสังฆราชผิดหวัง ท่านเริ่มหน้าที่ใหม่อย่างร้อนรนและเอาจริงเอาจัง ท่านจัดให้มี
การเข้าเงียบฟื้นฟูจิตใจ และฝึกปฏิบัติชีวิตฝ่ายจิตตามวิธีการของท่านนักบุญอิกญาซีโอ ท่านทุ่มเทตน
อย่างมากในการให้การอบรมฝึกฝน และให้คำแนะนำต่างๆ เกี่ยวกับชีวิตฝ่ายจิตวิญญาณแก่สามเณร
ด้วยความเมตตาและไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย นอกจากนี้ คุณพ่อแบร์โทนียังได้รับมอบหมายให้ดูแลกลุ่ม
พระสงฆ์ที่พักอยู่ที่บ้านแณร เพื่อฟื้นฟูและเยียวยารักษาแผลทางจิตใจด้วย ซึ่งท่านก็ทำหน้าที่นี้อย่างสุด
ความสามารถ จนได้ชื่อว่าเป็นนักปฏิรูปชีวิตฝ่ายจิตวิญญาณอีกคนหนึ่ง เพราะด้วยคำแนะนำ และแบบ
อย่างปฏิบัติของตัวท่าน ได้ทำให้พระสงฆ์และสามเณรจำนวนมาก มอบความไว้วางใจทั้งหมดของตน
ไว้กับท่าน ซึ่งท่านก็ไม่เคยทำให้พวกเขาผิดหวัง ท่านนำพวกเขาไปสู่เป้าหมายที่สูงสุดของชีวิตคริสตชน
จุดไฟแห่งความรักขึ้นในจิตใจของพวกเขา และนำพวกเขาให้มีประสบการณ์ในความรักที่
พระเยซูคริสตเจ้าทรงมีต่อพวกเขา
ความสำเร็จของคุณพ่อแบร์โทนีไม่ใช่เป็นการ "หยิบยื่น" สิ่งที่ควรหยิบยื่นให้พวกสามเณร ท่านไม่
เคยคะยั้นคะยอพวกเขาให้ปฏิบัติ หรือทำเพียงแค่ต้องการเอาชนะเท่านั้น แต่ท่านทำให้พวกเขาได้มี
ประสบการณ์จริงในสิ่งนั้นด้วย ท่านวางเป้าหมายไว้สูงและสูงที่สุดด้วย เพราะสำหรับท่านนั้น พระสงฆ์
ต้องเป็นผู้ที่ "ศักดิ์สิทธิ์" ท่านจึงมักพูดกับพวกเขาเสมอๆ ว่า แค่การบังคับตัวเองให้บรรลุถึงความศักดิ์สิทธิ์
นั้นยังไม่พอ แต่พระสงฆ์จะต้องดำรงตนอยู่ในความศักดิ์สิทธิ์ "เสมอและตลอดเวลา" นี่คือความความครบ
ครันตามคำสอนของพระวรสาร ซึ่งพระสงฆ์จะต้องมี และมีอยู่ตลอดเวลา และ "เพื่อจะดำรงอยู่ในความ
ศักดิ์สิทธิ์นั้นได้ จำเป็นที่จะต้องถอนตนเอง และแยกตัวเองออกจากโลก ตรึงตนเองไว้กับโลก และตายต่อ
โลก" ใครที่ปฏิบัติตนเช่นนี้ ก็สามารถเป็นเครื่องมือที่พระเจ้าทรงพอพระทัย เป็นผู้รับใช้ที่ซื่อสัต
ย์และสุภาพของพระเจ้า
เพียงแค่ในระยะเวลาอันสั้น บ้านเณรก็กลับมาเข้ารูปเข้ารอยได้ใหม่อีกครั้ง เป็นสถานที่ที่เหมาะสม
สำหรับฝึกฝนผู้ที่จะเป็น "พระสงฆ์ศักดิ์สิทธิ์" ของพระเจ้าในอนาคต และจะเป็นผู้ที่นำรูปแบบชีวิตที่ถูกต้อง
ตามคำแนะนำของพระวรสาร กลับมาสู่เวโรนาใหม่อีกครั้งหนึ่ง นักประวัติศาสตร์ท่านหนึ่ง ได้เขียนบันทึก
เกี่ยวกับเรื่องนี้ไว้ในเวลาต่อมาว่า "บ้านเณรในสมัยนั้นเป็นเหมือนอารามของพวกนักพรตเลยทีเดียว
ความเจริญก้าวหน้าของบ้านเณร และตัวสามเณรนั้น เกิดจากการปฏิบัติตามพระวินัย คำสั่ง และคำแนะนำ
ของพระวรสาร ซึ่งได้รับการปลูกฝังและนำทางโดยคุณพ่อจิตตาภิบาลของบ้านเณร ซึ่งเป็นใครไปไม่ได้
นอกจากคุณพ่อกัสปาร์ แบร์โทนี ของเรา" ซึ่งเรื่องนี้ ในอีกร้อยห้าสิบปีต่อมา พระสังคายนาวาติกัน
ครั้งที่ 2 ก็ได้กล่าวถึงว่า นี่เป็นคุณลักษณะที่ต้องมีสำหรับผู้ที่เป็นศาสนบริกรของพระเจ้า

❇️ เส้นทางสู่ความศักดิ์สิทธิ์ ➡️ ประสบการณ์ที่ไม่มีวันลืม : ระหว่างมิสซา ❇️

แม้ในขณะที่ยังเป็นพระสงฆ์หนุ่มอยู่ คุณพ่อแบร์โทนีก็สามารถบรรลุถึงการมีชีวิตฝ่ายจิตวิญญาณ
ที่ลึกซึ้ง และมีความสนิทสัมพันธ์กับพระเจ้าอย่างแนบแน่น "เคล็ดลับ" ของท่านคือการภาวนาอย่างไม่รู้
หยุดหย่อน และความไว้ใจอย่างเต็มเปี่ยมในพระผู้ช่วยให้รอดของท่าน ท่านสามารถมีประสบการณ์ความ
ปิติยินดีอย่างเหนือธรรมชาติในขณะรำพึงภาวนาได้ หรืออาจพูดได้ว่า ความเป็นอยู่ทั้งหมดของท่านถูก
ปกคลุมด้วยความรักของพระเจ้า และท่านเองก็มีส่วนร่วม "ภายใน" ในธรรมล้ำลึกของพระเจ้า โดยเฉพาะ
อย่างยิ่ง ในขณะกำลังถวายมิสซา หลายครั้ง ความรู้สึกว่าร่างกายและวิญญาณของท่านเข้าสนิทแนบแน่น
กับพระเยซูคริสตเจ้า จนถึงกับอยู่ในภวังค์ เรื่องนี้ เรามีหลักฐานจากคำบันทึกในสมุดบันทึกชีวิตฝ่ายจิต
วิญญาณของท่านเอง โดยในวันที่ 9 ตุลาคม ค.ศ. 1809 ท่านบันทึกไว้ว่า "ระหว่างมิสซา ... ข้าพเจ้ารู้สึก
เหมือนว่า ใจข้าพเจ้าได้เปิดออกเพื่อรับรู้ว่ากำลังพูดอยู่กับใคร ข้าพเจ้ารู้สึกศรัทธา และรักในการภาวนา
อย่างมาก จากนั้น ข้าพเจ้าก็รู้สึกว่าดวงใจข้าพเจ้าโถมเข้าหาพระเจ้า มีพลังบางอย่างกระตุ้นจิตใจข้าพเจ้า
ให้มุ่งหาพระองค์ ข้าพเจ้ารู้สึกเหมือนคนที่เต็มตื้นด้วยความยินดี ที่ได้พบเพื่อนที่ไม่ได้พบกันมานาน และ
ทันทีที่ได้พบเขา ก็อยากเข้าไปหาเขาและสวมกอดเขาด้วยความดีใจ จากนั้น ข้าพเจ้าก็รู้สึกปรารถนาให้
"ภาพ" ดังกล่าวชัดเจนขึ้น และผลักดันข้าพเจ้าให้สามารถเข้าถึงองค์พระผู้สูงสุด"

❇️ เส้นทางสู่ความศักดิ์สิทธิ์ ➡️ คนแห่งกางเขน ❇️

ประจักษ์พยานอีกประการหนึ่ง ที่ยืนยันถึงความเป็นหนึ่งเดียวภายใน ระหว่างคุณพ่อแบร์โทนีกับ
พระเยซูคริสต์เจ้าก็คือ คำบันทึกที่พบในสมุดบันทึกชีวิตฝ่ายจิตวิญญาณของท่าน เมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม
ค.ศ. 1812 โดยในวันนั้น ท่านได้บันทึกการมีประสบการณ์ล้ำลึกต่อหน้าพระเยซูเจ้า ผู้ถูกตรึงบนกางเขน
ขณะที่ท่านกำลังภาวนาอยู่นั้น ท่านรู้สึกว่าพระเยซูเจ้าที่กำลังถูกตรึงอยู่บนกางเขนยังทรงพระชนมชีพอยู่
และตรัสเชื้อเชิญท่านว่า " 'จงมองดูที่พระหฤทัยของเรานี่ซิ' คำพูดนี้ได้ส่องสว่างความคิดของข้าพเจ้า และ
ทำให้ดวงใจข้าพเจ้าเร่าร้อนขึ้นมาทันที ประหนึ่งว่าจิตใจของข้าพเจ้ากำลังยินดีปรีดา ที่ได้มองสิ่งที่ตนรัก
ที่อยู่ตรงหน้า ข้าพเจ้ารู้สึกตกใจและสั่นไปทั่วทั้งร่าง ข้าพเจ้าพบว่าดวงตาและปากของข้าพเจ้าปิดสนิท
แต่วิญญาณของข้าพเจ้ากลับตื่นอยู่ และเปี่ยมล้นด้วยความปีติยินดี" และท่านได้บันทึกในเวลาต่อมาว่า
"ดูเหมือนวิญญาณข้าพเจ้าปรารถนาจะแยกออกจากร่างกาย ข้าพเจ้ารู้สึกว่าข้าพเจ้ากำลังจะตาย
แต่ขณะเดียวกันก็รู้สึกเปี่ยมด้วยความปีติยินดี"
บุคคลที่ได้มอบตัวเองทั้งครบแด่พระเจ้า วิญญาณของเขาจะเปี่ยมล้นด้วยความยินดี
ขณะอยู่อ้อมพระหัตถ์ของพระเจ้า

👼--- โปรดติดตามตอนต่อไป ---👼
ตอบกลับโพส