เกาะติดวิกฤติโลกผ่านทางพระคัมภีร์และนอสตาดามุส (41-50 )

ใครมาใหม่เชิญทางนี้ก่อน ทักทาย ทดลองโพส
ตอบกลับโพส
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 6698
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

พุธ ก.ค. 09, 2025 9:53 pm

🕵️ เกาะติด​วิกฤติ​โลกผ่านทาง​พระคัมภีร์​และนอสตราดามุส 🕵️
โดย​ สนธิ​ สารธรรม
ตอนที่​ ( 41 )

✴️ วันแม่แห่งชาติ​ วันแม่แห่งสวรรค์​ (B)​ ✴️
พวกเขาพากันกล่าวว่า “แม่เอง”​ ได้เป็นเงาบดบังสิริมงคล และเกียรติยศซึ่งควรเป็นของพระบุตรเท่านั้น
ลูกที่รัก พวกเขาช่างไร้เหตุผลและมืดบอดจริงๆ ปีศาจก็รู้จักวางกับดักลวงเขา แต่การที่พวกเขาต้องตาบอด
เช่นนี้เป็นเพราะพวกเขาไม่ยอมฟังเสียงทั้งของพระเยซูและของแม่ด้วย
พวกเขาเป็นผู้นำทางให้ตัวเองฝ่ายเดียวเท่านั้น โดยอาศัยสติปัญญาและความจองหองของเขา​ ดังนี้ก็
ปล่อยตัวเองให้เป็นเครื่องเล่นของซาตานซึ่งที่สุดมันก็ชนะในการบดบังตำแหน่งของแม่ในพระศาสนจักร​
และจะลบชื่อของแม่ออกจากวิญญาณของสัตบุรุษ
โดยอาศัยพวกเขา แม่จะฉายแสงรุ่งโรจน์มากขึ้นในพระศาสนจักรหลังการชำระล้างให้บริสุทธิ์ครั้งใหญ่
(purification) แม่ได้รับอำนาจจากพระเยซูเจ้าที่จะนำลูกๆ ที่หลงทางให้กลับมาบ้านได้
แต่แม่ต้องการพระสงฆ์ที่สุภาพและกล้าหาญ พร้อมที่จะถูกหัวเราะเยาะหรือเหยียบย่ำเพราะแม่
ในฐานะเป็นแม่ แม่ยินดีจะนำเขาไปยังเป้าหมายสูงสุดแห่งความศักดิ์สิทธิ์ แม่ต้องการให้พวกเขามี
ความร้อนรน และรักลูกเยซูของแม่อย่างสุดหัวใจ แม่ยังต้องการให้พวกเขาซื่อสัตย์ต่อพระวรสาร
ลูกที่รัก​ บัดนี้ความมืดได้มาปกคลุมโลกแล้ว เป็นความมืดของซาตาน​ ของปีศาจ เป็นคราวแห่งชัยชนะ
อันยิ่งใหญ่ของมัน
แม่ได้รับคำภาวนาของลูกด้วยความซึ้งใจ ได้รับการทนทรมานที่ลูกได้ถวายเพื่อชดเชยการสบประมาท
ล่วงเกินของมนุษย์ และการด่าแช่งที่น่าเกลียดที่มนุษย์แสดงต่อบุตรของแม่
ตลอดชีวิตของพระองค์ แม้ในการถูกจับขึ้นศาล และถูกทรมาน​ พระองค์ก็ไม่ชอกช้ำน้ำใจเท่าคราวนี้เลย
แม้อยู่ต่อหน้าสภาสงฆ์ ก็ไม่มีใครกล้าเป็นพยานโจทก์กล่าวฟ้องพระองค์ได้ ชีวิตของพระองค์ทั้งหมดดู
บริสุทธิ์สดใสราบเรียบ
แต่บัดนี้มนุษย์กำลังโจมตีความบริสุทธิ์ของพระองค์ เขากำลังเผยแพร่คำหยาบช้าน่ากลัวต่อพระองค์​
ซึ่งแม้สวรรค์เองก็สะดุ้ง และละเหี่ยเศร้าใจอย่างไม่น่าเชื่อ
ทำไมพวกเขาจึงเป็นเช่นนี้ได้?​ ไม่รู้หรือว่า พายุร้ายกำลังจะมาถล่มมนุษยชาติที่น่าสงสารให้พินาศไป
พระสันตะปาปาได้อดทนและภาวนามาก พระองค์กำลังอยู่บนกางเขนที่กำลังสูบเลือดและทำลายชีวิต
ของพระองค์ คราวนี้พระองค์​(สันตะปาปา) ได้พูดอีก แต่เสียงของพระองค์แหบโหยไปตามป่าเขา
พระศาสนจักร เองก็กลายเป็นดังที่เปล่าเปลี่ยวแห้งแล้งยิ่งกว่าทะเลทรายเสียอีก
ส่วนพวกลูกทั้งหลาย คือบรรดาพระสงฆ์ที่แม่เรียกร้องให้เข้ามารวมกันในกลุ่มขบวนการของแม่นี้ ขอให้
ออกสกัดกั้นการคืบหน้าของมัน พวกลูกต้องช่วยกันเผยแพร่หรือประกาศพระวาจาของพระสันตะปาปา
ช่วยกันป้องกันพระองค์ เพราะพระองค์จะต้องแบกางเขน ฝ่าพายุร้ายแรงที่สุดในประวัติศาสตร์​
ลูกยังมีหน้าที่จะต้องตัดสิน​ และประณามโลกนี้ เพราะมันตกอยู่ในกำมือที่มีพลังของเจ้าจอมปีศาจยิ่ง
กว่าสมัยใดๆ
ต้องต่อสู้ เพราะปรปักษ์ของแม่​(มาร) จะต่อสู้กับพวกเขา​ (พระสงฆ์) อย่างสุดฝีมือ บางคนในพวกเขาจะ
ถูกเยาะเย้ย ถูกสบประมาท ถูกทรมาน​ และถูกฆ่าตาย
แต่แม่จะอยู่กับพวกเขาตลอดเวลา คอยคุ้มกันและพิทักษ์รักษาเขา​ จะปลอบโยนเขา​ และเช็ดน้ำตา
ให้เขา​ เพราะมีแต่แม่เท่านั้นที่รู้ว่าต้องทำอย่างไร
ป้องกันพระสันตะปาปา ซึ่งได้แบกกางเขนเพื่อพระศาสนจักรคนเดียวมานานแล้ว และจะมีเวลาหนึ่งซึ่ง
พระองค์จะต้องขึ้นไปบนภูเขากัลวารีโอเหมือนพระเยซูเจ้า พระองค์จะถูกทอดทิ้งจากคนทั่วไป​ แล้วลูกแม่
เหล่านี้จะบรรเทาใจและป้องกันพระองค์​พร้อมกับแม่​ แล้วเราก็จะเป็นฝ่ายชนะในการศึกครั้งใหญ่ของ​
ขอพระศาสนจักร​
ดวงใจนี้เป็นดวงใจของแม่คนหนึ่ง เป็นดวงใจที่มีชีวิตเหมือนใจของแม่จริงๆ​ และมีชีวิต​เพื่อลูกทุก​ๆ​ คน
มนุษย์ทุกคนได้ถูกไถ่กู้จากลูกชายของแม่ ก็นับว่าเป็นลูกของแม่ด้วย​ เขาเป็น​ลูก​จริง​ๆ​ และ​มี​ความ​หมายเต็มที่
แม้หลายคนยังอยู่ห่างไกล เป็นคนบาป คนไม่มีศาสนา คนไม่เชื่อใรพระเจ้า ซ้ำยังรังเกียจต่อสู้กับพระองค์
พวกเขาก็ยังเป็นลูกของแม่อยู่
แม่ต้องการช่วยเขา ช่วยเขาให้รอด เพราะเป็นแม่ของเขา ด้วยเหตุนี้​ แม่จึงยอมรับความทรมานทุกอย่าง
เพื่อเขา เพื่อยกบาปของเขาแม่ทนทรมาน​ เพราะพวกเขายังอยู่ห่างไกลจากพระเป็นเจ้า แม่ตรมใจเพราะพวกเขา
ทำผิดมาก​ แม่เสียใจเพราะความผิดที่เขาทำนั้น ล้วนย้อนมาทำลายพวกเขาเองทั้งนั้น
และบัดนี้ดวงใจนี้ยอมลงไปอยู่ในโคลนตม เพื่อช่วยฉุดเอาวิญญาณของลูกๆ ทั้งหลายที่จมลงไปแล้วให้ขึ้นมาจนได้

🔹---โปรดติดตามตอนต่อไป​-​--🔹
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 6698
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

ศุกร์ ก.ค. 18, 2025 4:59 pm

🕵️ เกาะติด​วิกฤติ​โลกผ่านทาง​พระคัมภีร์​และนอสตราดามุส 🕵️
โดย​ สนธิ​ สารธรรม
ตอนที่​ ( 42. )

✴️ วันแม่แห่งชาติ​ วันแม่แห่งสวรรค์​ (C)​ ✴️
แน่นอน ปีศาจแห่งความเสื่อมทราม จิตตารมณ์ที่อยากอยู่ในโลกอย่างสุขสบาย ได้หลอกลวงโลก
มานานแล้ว แต่ก็ไม่มีอันที่จะยั่งยืนถาวรอีกต่อไป ผ้าคลุมแห่งความตายได้แผ่คลุมไปทั่วโลกแล้ว
และวิญญาณมากมายกำลังแปรขบวนไปสู่ความตาย ก่อนที่พวกเขาจะรู้สึกว่าชีวิตคืออะไรเสียอีก
กลุ่มสงฆ์ของแม่ต้องฟื้นฟูความบริสุทธิ์ให้ตื่นตัวขึ้นในวิญญาณ​ และต่อสู้อย่างเข้มแข็งในการต่อต้าน
ปีศาจแห่งความสนุกทางโลกีย์ในทุกวิถีทางที่มันจะแสดงออก
พวกเขาต้องต่อต้านการแต่งกายที่ไม่สุภาพและยั่วยวน ต้องต่อสู้กับการพิมพ์ ซึ่งพิมพ์เรื่องที่ไม่ดี
นำความเสื่อมเสียต่อศีลธรรม ต่อสู้กับจิตตารมณ์อวดฉลาด ที่อ้างว่าทุกอย่างยุติธรรมและถูกกฎหมาย
ต้องขัดขวางกระแสศีลธรรมที่ผิด ที่คิดว่าใครจะทำอะไรก็ได้
ลูกจะเสียใจสักเพียงใดที่เห็นว่ามีเพื่อนพระสงฆ์หลายรูปที่ได้สละละทิ้งพระเยซูและแม่ พวกเขาไม่
ซื่อสัตย์ต่อพระวรสารอีกต่อไป​ กลายเป็นผู้แพร่เชื้อแห่งความหลง​ พวกเขารู้สึกและคิดเหมือนกันกับที่
ชาวโลกคิดกัน​ พวกเขาได้ทิ้งความเชื่อออกจากใจของเขาหมดแล้ว แต่พวกเขายังอาจเอาตัวรอดได
โดยแม่เข้าช่วยเหลือ
ลูกเอ๋ย แม่อยากบอกลูกถึงความมีใจเอื้ออาทร ที่แม่มีต่อผู้แทนพระบุตรของแม่คือ องค์พระสันตะปาปา
ในยุคแห่งความยุ่งยากแห่งพระศาสนจักรนี้ พระสันตะปาปาต้องอยู่โดดเดี่ยวคนเดียว เหมือนพระเยซู
ในสวนเกสเซมานี พระองค์มีชีวิตเต็มด้วยความทุกข์ตรมใจและถูกทอดทิ้ง
ในเวลาแห่งความทุกข์เศร้าเหล่านี้ ดวงใจของพระองค์ถูกบีบคั้นด้วยความทุกข์แทบขาดใจ และกางเขน
ที่นำความทุกข์สุดจะกล่าวได้เป็นการฆ่าเวลาของพระองค์ไปวันหนึ่งๆ
การทรมานและการคิดทรยศต่างๆ ในโลก ได้สร้างรอยแผลลึกลงในดวงใจของพระสันตะปาปา เช่นเดียว
กับบาปต่างๆ ของโลกได้รวมหัวกันจู่โจมดวงพระทัยของพระบุตรในระหว่างชั่วโมงแห่งตรีทูต
สิ่งที่ทำให้ดวงพระทัยของพระสันตะปาปาต้องรันทดใจมากก็คือ​ โลกนี้ช่างอยู่ห่างไกลจากพระผู้เป็นเจ้า
เสียจริงๆ มีการปฏิเสธพระผู้เป็นเจ้าในหลายทางด้วยกัน คลื่นแห่งการทรยศนี้ และความชั่วช้าลามกกำลัง
เพิ่มขึ้นอยู่เรื่อยๆ ราวกับว่ามันจะท่วมท้นทุกอย่างให้พินาศไป
สิ่งที่ทรมานหัวใจของพระองค์อีกอย่างหนึ่งก็คือ การถูกทอดทิ้ง​ และถูกปล่อยให้อยู่คนเดียว พระเยซูลูก
ของแม่ในชั่วโมงมหาตรีทูต ได้ปวดร้าวใจมากที่สุด จากการทรยศของยูดาส และการถูกศิษย์ที่รักทิ้งพระองค์
ไปในยามที่พระองค์ต้องการเขาอย่างที่สุด
ทุกวันนี้พระสันตะปาปาต้องช้ำใจ เพราะการถูกทอดทิ้งและถูกทรยศจากมนุษย์หลายจำพวกด้วยกัน
แม้จากคนที่เป็นผู้ร่วมงานกับพระองค์อย่างใกล้ชิดด้วย แต่ไม่นบนอบพระองค์ ซ้ำอยากจะกลืนพระองค์เสียด้วย​
พระสงฆ์หลายรูปที่พระองค์รัก ก็ขัดแย้งพระองค์ นอกนั้นลูกของแม่หลายคนก็หลวมตัวเป็นลูกน้องของเจ้าซาตาน
พากันเยาะเย้ยและประณามพระองค์
นี่แหละเป็นสิ่งที่แม่ต้องการให้พระสงฆ์ในขบวนการของแม่กระทำ​​ ก​ล่าวคือ พวกเขาต้องเป็นเพื่อนตาย​
ผู้บรรเทา และผู้ป้องกันพระสันตะปาปา
เป็นผู้บรรเทาทุกข์พระองค์​ พวกเขาจะช่วยแบ่งเบาภาระและความกดดันที่ถูกปล่อยให้ต่อสู้คนเดียว ช่วย
แบ่งเบาการทรมานของพระองค์ พวกเขาไม่กลัวที่จะเข้าร่วมชะตากรรมกับพระองค์ ซึ่งทุกวันนี้กำลังรอบรรดา
พระสงฆ์ที่แม่ได้เตรียมตัวไว้ เพื่อรับการบูชาขั้นสุดท้ายเพื่อการไถ่กู้โลก
ที่ฟาติมา แม่ได้เกริ่นล่วงหน้าถึงเหตุการณ์เหล่านี้ซึ่งจะเกิดขึ้นแก่พระสันตะปาปา แต่แม่ยังได้สัญญาว่า
จะช่วยเหลือและคุ้มครองพระองค์เป็นพิเศษ แม่จะป้องกันและช่วยเหลือพระองค์โดยอาศัยพวกลูกซึ่งเป็น
พระสงฆ์ของแม่ พวกลูกต้องเป็นทหารกองพันกล้าตายของแม่ พร้อมที่จะประจัญบานกับศัตรูของพระศาสนา​
และพระสันตะปาปาเสมอ ดังนี้ก็เท่ากับว่าพวกลูกซื่อสัตย์ต่อพระวรสาร​ และโดยทางลูก แม่ก็จะได้รับชัยชนะ
อย่างแน่นอน
จะมีเวลาหนึ่งที่มีแต่คนที่เข้าข้างพระสันตะปาปาเท่านั้น จะมั่นคงในการรักษาความเชื่อ ตามที่พระบุตร
ได้สั่งสอน และจะถูกคุ้มครองไว้ไม่ให้ตกเป็นเหยื่อของพวกลัทธิทิ้งศาสนา (Apostasy) ซึ่งกำลังจะขยายตัว
ไปทั่วโลก
ขอให้บรรดาพระสงฆ์แห่งขบวนการสงฆ์แห่งแม่พระนี้ รู้ตัวเถอะว่า​ ปีศาจเกลียดชังและจองร้ายพวกเขา
มากเพียงใด และพวกเขาจะต้องเผชิญกับอันตรายอีกมากจากกลอุบายของมัน
บัดนี้เจ้าจอมปีศาจเริ่มสงสัยอะไรบ้างแล้ว มันจะโกรธและกราดเกรี้ยวมากยิ่งขึ้นทุกวัน แต่แม่จะอยู่กับ
พระสงฆ์ซึ่งเป็นลูกของแม่ คอยป้องกันภัยอันตรายให้พวกเขา
ปีศาจแห่งความชั่วช้าลามกดูกำลังจะกลืนกินทุกอย่าง ลูกที่รัก​ คงจะรู้สึกปวดหัวแทบเป็นลมกระมัง
ส่วนจิตปีศาจแห่งการคิดคดทรยศต่อพระเจ้า ก็ได้เข้ามาล่อลวงมนุษย์​ บัดนี้ลัทธิอเทวนิยมได้เข้ามา
หลอกลวง เอาวิญญาณไปมากแล้ว​ และได้รับดับแสงสว่างแห่งความเชื่อ​ และความรักไปเสียมากเช่นกัน
ยังมีมังกรใหญ่สีแดงดังที่พระคัมภีร์ได้กล่าวไว้ จงอ่านดูเถิดลูกที่รัก​ เพราะในโลกปัจจุบันนี้กำลังจะเป็นไป
ดังนั้น มีลูกของแม่หลายคนตกเป็นเหยื่อแห่งการหลอกลวงของปีศาจนี้แล้ว
แม้ในบรรดาพระสงฆ์ของแม่ก็มีหลายคนเสียความเชื่อ แต่เขาก็ยังอยู่ในพระศาสนจักรของเรา ทำตัว
เป็นเหมือนสุนัขจิ้งจอกที่สวมหนังแกะ​ พวกเขากำลังพาวิญญาณมากมายไปสู่ความพินาศกับเขาด้วย
บัดนี้ไม่มีอะไรจะยับยั้งพระหัตถ์แห่งพระยุติธรรรมของพระเป็นเจ้าได้​ แต่พระยุติธรรมนี้ ไม่ช้าจะถูกยกขึ้น
ต่อต้านปีศาจ และสมุนของมัน เพราะนั่นเป็นผลของความรัก การภาวนา และการอดทนทรมานของผู้ถูกเลือกสรร
วันเวลาแห่งภัยพิบัติอันยิ่งใหญ่กำลังอยู่ในขั้นเตรียมพร้อมาแล้ว​ โอ​ ถ้าหากมนุษย์โลกรู้ บางคนคงจะเ
ป็นทุกข์ถึงบาป และเตรียมตน
ที่จริงในเวลาที่เจ้าปีศาจจะขึ้นบัลลังก์​เป็นเจ้านายผู้ยิ่งใหญ่ของโลก​ และคิดว่าตนเป็นจอมกษัตริย์แล้วนั้น
แม่เองจะไปแย่งเอาเหยื่อออกจากมือของมัน​ แล้วมันจะงงงวยเหมือนหนึ่งถูกมนต์สะกด มือของมันจะว่างเปล่า​
และที่สุดชัยชนะก็จะเป็นของพระบุตรและของแม่โดยเด็ดขาด
นี่แหละคือยอดชัยชนะแห่งดวงใจอันนิรมลของแม่ในโลกนี้

🔹---โปรดติดตามตอนต่อไป​-​--🔹
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 6698
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

ศุกร์ ก.ค. 18, 2025 5:05 pm

🕵️ เกาะติด​วิกฤติ​โลกผ่านทาง​พระคัมภีร์​และนอสตราดามุส 🕵️
โดย​ สนธิ​ สารธรรม
ตอนที่​ ( 43 )

✴️ สาส์นของแม่พระ​ บันทึก​โดย​ บาทหลวงกอบบี​ (A)​ ✴️
สาส์นของแม่พระต่อไปนี้ผมรวบรวมจากหนังสือ “ขบวนการสงฆ์ของแม่พระ
The Marian Movement of Priest” บันทึกโดยบาทหลวง​ สเตฟาโน กอบบี ถอดความโดย บาทหลวง
ปอล ส.สลับเชื้อ เห็นว่าน่าสนใจ มิใช่เป็นแค่คำเตือน คำสั่งสอนเท่านั้น แต่ยังเป็นคำพยากรณ์​ที่น่าระทึกใจ​
ของ​แม่พระอีกด้วย
มีหนามที่แทงดวงใจแม่มากมาย มีวิญญาณซึ่งหนีไปจากพระบุตรของแม่อีกไม่น้อย แม้จากคนที่เคยเ
ป็นผู้ที่จงรักภักดีต่อพระจำนวนเหล่านี้เพิ่มขึ้นมากทุกวัน คนเหล่านี้แต่ก่อนเป็นคนดี และมีจิตใจกว้างขวาง
แต่ต้องวุ่นวาย สับสน​ เพราะแนวคิดใหม่ๆ และ การยั่วยวนของโลก ก็กลายเป็นคนขี้ขลาด ไม่มั่นใจในตัวเอง
และเป็นเหมือนคนที่เป็นโรคอัมพาตไป
- ในท่ามกลางคนเหล่านี้ ซึ่งเป็นเหมือนยูดาส ผู้ทรยศต่อพระเยซูบุตรของแม่ และทรยศต่อพระศาสนจักร​
ทุกๆ วัน มีหลายคนโอนเอนไปมา สงสัยในชีวิต ไม่มีความจงรักภักดีอีก เขาถวายบูชามิสซา​
โปรดศีลศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ และที่จริงพวกเขาไม่มีความเชื่อในใจเหลืออยู่เลย
- การเหยียบย่ำ​ แ​ละทุราจารศีลศักดิ์สิทธิ์ของเขานั้น บัดนี้มาถึงขีดที่ว่าจะปล่อยให้ทำต่อไปอีกไม่ได้แล้ว
ต้องใช้ความยุติธรรมของพระผู้เป็นเจ้ามาสกัดกั้นไว้
-​ โอ อยากให้ลูกที่ไม่ซื่อสัตย์เหล่านี้ รู้ถึงมหาภัยใหญ่หลวงที่กำลังรอคอยเขาอยู่เสียจริงๆ คิดว่า บางที
เขาอาจเป็นทุกข์ถึงบาปและกลับใจ...แต่ อนิจจา น่าเสียดาย เขาไม่สนใจหรือแยแสต่อการลงโทษเหล่านี้
- นอกจากนั้น ดวงใจของแม่ยังเป็นที่หลบภัย ซึ่งจะป้องกันลูกจากเหตุร้ายต่างๆ นานา ซึ่งจะวิ่งตามกัน
มาเหมือนลูกคลื่น จงทำใจให้สงบเถอะ ไม่ต้องวุ่นวายหรือกลัวอะไร​ ลูกจะเห็นสิ่งเหล่านี้คล้ายกับเห็นรูป
ในระยะไกลโดยที่ลูกจะไม่ได้รับผลร้ายจากมันเลย
- แต่ลูกอาจถามว่า “อย่างไรกันล่ะ?”​ จริงอยู่ ลูกจะมีชีวิตอยู่ในกาลเวลา แต่ก็เป็นเหมือนคนที่อยู่เหนือกาล
เวลา ดวงใจของแม่เป็นเหมือนทิพยอุทยาน ซึ่งแม่ต้องการให้ลูกทุกคนอยู่ในนั้นโดยมีรั้วรอบขอบชิด​ เพื่อป้องกัน
ลูกจากมหาภัยต่างๆ ที่คอยจะหาทางขยี้ลูก และพวกลูกเองก็ยังจะได้รับการบรรเทาจากแม่​ เตรียมตนจากแม่
นำทางโดยแม่ เพื่อเวลาแห่งชัยชนะอันยิ่งใหญ่ที่กำลังใกล้เข้ามาแล้ว
- จงรอเวลาขั้นแตกหัก ซึ่งกำลังคืบคลานใกล้เข้ามาทุกที เวลานั้นใกล้เข้ามาแล้ว ที่มีพระสงฆ์ซึ่งเป็นลูกที่
น่าสงสารของแม่หลายคนถูกหลอกลวง และหลงกลอุบายของเจ้าซาตาน จะออกมาแสดงตัวอย่างเปิดเผย​
ประณาม​ และประกาศตนเป็นศัตรูต่อพระบุตรของแม่ ต่อแม่เอง ต่อพระศาสนจักร และต่อต้านพระวรสาร
- ครั้นแล้วก็จะเป็นกาลแห่งความพินาศ ความปราชัยย่อยยับของเจ้าซาตานและลูกน้องของมัน​ โดยการ
รบอันกล้าหาญชาญชัยของลูก​ใน​ดวงใจ​แม่​
- ขอทีเถอะ อย่าถามแม่ว่า สิ่งนี้จะเกิดขึ้นเมื่อไร เพราะแม่ได้เริ่มก่อและวางรากฐานแห่งมหาชัยครั้งนี้แล้ว
- ปีศาจมันทรมานเขา (พระสงฆ์) ผลักดันเขาอย่างรุนแรง ลวงพวกเขาด้วยความจองหอง ทำให้พวกเขา
หมดมานะ ปีศาจมันกัดส้นเท้าของแม่อย่างเจ็บปวด ด้วยความโกรธแค้น มันก็หันไปแว้งเอาลูกของแม่อีก มัน
รู้ดีว่าอีกไม่นาน พวกเขาจะกลับเป็นสงฆ์ที่ซื่อสัตย์ และแม่จะอยู่กับเขา จะช่วยเหยียบขยี้หัวของมันให้แหลก
ละเอียดตลอดไป
- ลูกจะถูกเยาะเย้ย ถูกทรยศ​ และถูกทรมานพร้อมกับผู้แทนบุตรของแม่ คือพระสันตะปาปา หลายคนจะ
ต้องพลีชีวิตและเลือดเนื้อ​ ในการนี้คนที่เหลือจะถูกเผาเป็นเครื่องบูชา​ โดยมีชีวิตท่ามกลางความลำบาก
และทรมาน ซึ่งได้ถูกเตรียมไว้เพื่อการชำระโลกให้สะอาด ดังนั้น​ ลูกก็จะได้เป็นแสงสว่างในความมืดมิดนี้
-​ แต่ลูกเอ๋ย ความทรมานที่แสนเข็ญนี้ ไม่นานหรอก โดยการเสนอของแม่ เวลามหากาฬนี้จะถูกตัดให้สั้นลง
- แต่มาในศตวรรษหลังๆ นี้​ ศัตรูของแม่พยายามที่จะท้าท้ายแม่​ และทำสงครามกับแม่ โดย “ความหลง
แห่งลัทธิอเทวนิยม” มันคงจะได้ผลดีในการหลอกลวงมนุษยชาติทั้งโลก หากแม่ไม่ลงมาจากสวรรค์ในฐานะ
ผู้บริสุทธิ์เพื่อบรรเทาลูก​ เพราะมันเป็นหน้าที่ของแม่ก่อนอื่นใดที่จะต่อสู้เอาชนะปีศาจให้ได้
- และในศตวรรษนี้ ที่พวกอเทวนิยมจัดตั้งองค์การของมัน รวมกันเข้าเป็นกองทัพเพื่อเอาชนะโลก​ และมุ่งที่
จะทำลายพระศาสนา แม่ก็ปรากฏตัวมาบอกลูกอีกว่า อย่ากลัว​ เพราะแม่จะมีชัยในการรบอันน่ากลัวนี้ “ที่สุด
ดวงใจอันบริสุทธิ์ของแม่จะมีชัย”
-​ ส่วนพวกเธอ ซึ่งเป็นลูกของแม่ เป็นคนที่จะถูกโจมตีมากที่สุดในการรบนี้ เพราะการรบนี้เป็นการต่อสู้กัน
ระหว่างแม่และศัตรูคู่อาฆาตของแม่นั่นคือ เจ้าหัวงูโบราณ เจ้าซาตานจอมมายา จอมหลอกลวง และผู้สร้าง
ความชั่วทุกประการ
-​ ลูกไม่เห็นหรือว่า เวลานี้ซาตานได้เข้ามาอาศัยอยู่ในพระศาสนาแล้ว มันได้หลอกลวง ได้ทำให้เสื่อมเสีย
และฉุดกระชากลูกที่น่าสงสารของแม่ออกมาเท่าไรแล้ว?
- ฉะนั้นถึงเวลาแล้วที่แม่จะออกมาแทรกแซงด้วยตัวเองเสียที
- บัดนี้ยังอยู่ในช่วงกาลเวลาแห่งมิคสัญญี ซึ่งเป็นกาลเวลาแห่งมังกรแดง ซึ่งได้แก่ลัทธิอเทวมาร์คซิสม์
กำลังแผ่ไปทั่วโลกอย่างไม่หยุดยั้ง​ และกำลังได้ผลสำเร็จ โดยนำความพินาศไปให้วิญาณเป็นจำนวนมาก
- เจ้ามังกรแดงกำลังได้รับความสำเร็จในการหลอกลวง และกำลังถีบดาวจำนวนเศษหนึ่งส่วนสามให้ร่วง
ลงมาจากฟ้า
-​ ดาวเหล่านี้ บนท้องฟ้าแห่งพระศาสนจักร ก็คือ บรรดาชุมพาบาลทั้งหลาย คือพวกลูกนั่นเองแหละ
พูดง่ายๆ ก็คือ บรรดาพระสงฆ์ที่รักของแม่
- วันนี้ ขณะที่ความมืดกำลังโรยตัวลงมาปกคลุมทุกอย่าง ความหลงผิดกำลังแพร่สะพัดไปอย่างกว้างขวาง
ในพระศาสนา ลูกต้องพาประชาชนทั้งหมดไปยังธารน้ำพุแห่งชีวิต อันเป็นที่เกิดแห่งสัจวาจาให้โลดแล่นออกมา
นั่นคือ พระวรสารที่ได้มอบไว้แก่ฐานันดรศักดิ์สงฆ์แห่งพระศาสนจักร พูดง่ายๆ ก็คือ พระสันตะปาปา
และพระสังฆราชที่ยังรวมผนึกเป็นอันเดียวกับพระองค์ท่าน
-​ ทุกวันนี้ โลกกำลังพุ่งตัวออกห่างจากพระเป็นเจ้า ยิ่งทียิ่งไกลออกไป พวกเขาไม่สนใจต่อพระวาจาของ
พระบุตรเยซูของแม่ โลกจึงตกอยู่ในความมืดมนแห่งการปฏิเสธพระเป็นเจ้า และหลงใหลภาพลวงตาว่าตน
อาจทำอะไรก็ได้โดยไม่ต้องง้อพระเป็นเจ้า
- มันเหมือนกับว่า ลูกได้รับความสำเร็จในการสร้างอารยธรรมแบบมนุษย์ล้วนๆ และปิดกั้นตัวเองจาก
แรงดลใจหรืออิทธิพลของพระเป็นเจ้าทุกอย่าง
- ไม่มีคราวไหนเหมือนคราวนี้ ที่จอมปีศาจได้รับผลดีในการหลอกลวงพวกลูกเช่นนี้
-​ มันหลอกลวงลูกโดยอาศัยความจองหอง และนำลูกให้หาความเป็นธรรมให้แก่การผิดทางศีลธรรม​
และหลังจากที่มันประสบผลสำเร็จในการปิดปากปิดเสียงมโนธรรมที่คอยเตือนลูกแล้ว ซึ่งที่จริงเสียงนี้เป็น
พรของพระจิตเจ้า ซึ่งเรียกร้องให้ลูกกลับใจ มีจำนวนเท่าไรแล้วที่ลูกที่น่าสงสารของแม่ได้หยุดไปสารภาพบาป
มาหลายปีแล้ว
- พวกเขากำลังเปื่อยเน่าในบาป กำลังถูกแทะกินดังหนอนแห่งความไม่บริสุทธิ์ หรือถูกแรงเงินตราบ่อนไช
หรือจองหองพองขนด้วยความสู่รู้
- ฉะนั้นแม่ขอพูดกับลูกว่า เวลานี้เป็นเวลาแห่งการชำระตนให้บริสุทธิ์ มันเป็นเวลาที่พระยุติธรรมของ
พระเป็นเจ้าจะลงโทษผู้​คิดกบฏ​ และโลกที่หยาบช้า แต่ทั้งนี้ก็เพื่อการไถ่มนุษย์นั่นเอง
- การชำระสะสางให้สะอาดได้เกิดขึ้นแล้วในพระศาสนา ซึ่งถูกเจาะไชด้วยความหลง มืดมนด้วยการ
หลอกลวงของซาตาน ปกคลุมด้วยบาป ถูกทรยศและล่วงเกินโดยชุมพาบาลเองบางคนในพระศาสนา
- ซาตานจะร่อนเหมือนข้าว จะมีแกลบมากเท่าไรเล่าที่จะถูกพัดปลิวไปตามมรสุมแห่งการเบียดเบียน
- ยังมีพระสงฆ์ ลูกของแม่อีกกี่คนเล่าที่ไม่สวดภาวนาอีกแล้ว?​ พวกเขาถูกกลืนกินจากกิจกรรมต่างๆ
จนไม่มีเวลาที่จะสวดภาวนาเลย

🔹---โปรดติดตามตอนต่อไป​-​--🔹
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 6698
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

ศุกร์ ก.ค. 18, 2025 5:10 pm

🕵️ เกาะติด​วิกฤติ​โลกผ่านทาง​พระคัมภีร์​และนอสตราดามุส 🕵️
โดย​ สนธิ​ สารธรรม
ตอนที่​ ( 44 )

✴️ สาส์นของแม่พระ​ บันทึก​โดย​ บาทหลวงกอบบี​ (B) ✴️
- ไม่มีครั้งใดที่การไร้ศีลธรรม​ และความลามก ได้ถูกเผยแพร่และเป็นที่นับถือบูชาเท่าทุกวันนี้เลย
-​ เสาหลักแห่งความจริงหลายเสากำลังโยกแยกแตกร้าว นายชุมพาบาลหลายคน ตกเป็นเหยื่อแห่ง
ความผิดหลงใหญ่ที่สุดหลายประการ
-​ ทุกสิ่งถูกทำให้โสมมด้วยบาป​ ซึ่งพยายามจะครอบงำพระแท่นด้วยการทุราจารกำลังแผ่ซ่านแทรกซึม
เข้าไปทุกแห่ง และ จอกกาลิกส์แห่งพระยุติธรรมของพระเจ้าบัดนี้เต็มแล้ว
- นายชุมพาบาล และฝูงแกะของเขาจะถูกโจมตี และชั่วระยะหนึ่งพระเจ้าจะอนุญาตให้มันปรากฏคล้าย
กับว่าพระศาสนจักรถูกพระองค์ทอดทิ้งเสียแล้ว
- ลูกที่รัก การมาครั้งที่ 2 ของพระองค์จะเหมือนกับครั้งแรก​ เนื่องจากพระองค์ได้ประสูติมาในราตรีกาล
การกลับมาสู่สิริมงคลก็จะเป็นเวลาเช่นเดียวกัน ก่อนการมาครั้งสุดท้าย สำหรับการพิพากษาสุดท้าย​ ส่วน
วันเวลาของเหตุการณ์นี้ ยังเก็บเป็นความลับของพระบิดาเจ้า
- เมื่อบุตรแห่งมนุษย์ (พระเยซู) มา พระองค์จะพบความเชื่อบนโลกนี้หรือ? พระองค์จะมาปัจจุบันทันด่วน​
และโลกยังจะไม่พร้อมสำหรับการมาของพระองค์ พระองค์จะมาทำการพิพากษา ซึ่งมนุษย์ยังเตรียมตัวไม่พร้อม
พระองค์จะมาตั้งอาณาจักรของพระองค์บนโลกหลังจากได้ชัยชนะ และทำลายศัตรูอย่างราบคาบแล้ว
- แม้ในการมาครั้งที่ 2 นี้ พระบุตรจะมาหาลูกโดยทางพระแม่ของพระองค์ เนื่องจาก พระวจนาตถ์ของ
พระบิดาได้ใช้ครรภ์อันเป็นพรหมจรรย์ของแม่เพื่อมาหาลูก เช่นเดียวกัน พระองค์จะใช้ดวงใจอันนิรมลของแม่
มาหาลูก และครองราชย์ท่ามกลางพวกลูก
- พระอาณาจักร​อันรุ่งเรืองของพระคริสตเจ้า จะมีการทรมานใหญ่​นำหน้า​ ซึ่งจะมี​ประโยชน์​ในการชำระ​ล้าง
พระศาสนจักรและโลกให้บริสุทธิ์​ และนำพวกเขาไปสู่การเปลี่ยนสภาพใหม่อย่างครบถ้วน
-​ พระเยซูเจ้าได้เริ่มงานแห่งเมตตาในการเปลี่ยนสภาพใหม่ของพระศาสนา​แล้ว
-​ จะมีสัญญาณหลายอย่างให้ลูกเห็น เป็นการบอกว่าการชำระได้มาถึงสำหรับพระศาสนจักรแล้ว ก่อนอื่น
จะมีความสับสนวุ่นวายอย่างฉกาจฉกรรจ์​ยิ่ง
- ความสับสน ซึ่งมุ่งจะเข้ามาบั่นทอนพระศาสนาและทำลายธรรมะนั้น เป็น สัญญาณแรก ที่บอกลูกอย่าง
แน่นอนว่า กาลเวลาแห่งการชำระ​ล้างได้มาถึงแล้ว
- ทุกวันนี้ พระศาสนามืดครึ้มไปด้วยควันพิษของซาตาน
- ก่อนอื่นเจ้าซาตานมันทำให้ความคิดของลูกๆ หลายคนมืดมัวไป​ ลวงพวกเขาให้แสวงหาความรุ่งโรจน์
และความอหังการ์ และโดยพวกเขาเหล่านี้ก็ทำให้พระศาสนจักรมืดมัวป่นปี้ไปด้วย
- สัญญาณประการที่ 2 ซึ่งบอกลูกว่า พระศาสนจักรได้ลุถึงนาทีสุดท้าย แห่งการชำระล้างของตนแล้ว
นั่นคือ การขาดระเบียบวินัย ได้แพร่หลายไปทั่วทุกระดับ เป็นต้นในระหว่างพวกคณะสงฆ์ (Clergy)
- มันเป็นการขาดระเบียบวินัย​ ถ้าหากขาดความนบนอบภายในต่อน้ำพระทัยของพระเป็นเจ้า เป็นการ
ขาดระเบียบที่แสดงออกมา โดยการไม่แยแสข้อผูกมัดต่างๆ​ ที่เป็นของเฉพาะสำหรับกระแสเรียกของลูก้า​
เช่น ​ ข้อผูกมัดให้สวดภาวนา ข้อผูกมัดให้เป็นตัวอย่างที่ดี ต้องเป็นคนศักดิ์สิทธิ์​ (เปี่ยมด้วยคุณธรรม) และ
ดำเนินชีวิต ให้สมกับสาวกของพระองค์ ในบรรดาพระสงฆ์ มีกี่องค์เล่าที่หลงปล่อยตัวเอง ให้มัวพะวงอยู่กับ
การงาน​ทำกิจกรรมเกินไป และไม่สวดอีกเลย พวกเขาค่อยๆ ละทิ้งการทำวัตรตามเวลา (Horas) การรำพึง
และสวดลูกประคำ พวกเขาเพียงแต่ทำมิสซาอย่างรีบร้อนเท่านั้น
-​ การไร้ระเบียบนี้ ซึ่งตีวงกว้างออกไปในพระศาสนจักรนี้​ เป็นการเตือนลูกอย่างชัดแจ้งว่า​ วันเวลาแห่ง
การกวาดล้างครั้งสุดท้าย ได้มาถึงแล้ว
- ดวงใจปราศจากมลทินของแม่ต้องสั่นสะท้าน และเสียงแสบใจที่เห็นมี การแตกแยกกันในพระศาสนจักร
- การแตกแยกนี้ ยังแทรกซึมไปทั่วพระศาสนจักร​ เป็นสัญญาณป​ระการที่ 3 ที่จะบอกลูกด้วยความมั่นใจว่า​
วาระสุดท้ายแห่งการชำระตนอันเจ็บปวดของพระศาสนจักรได้มาถึงแล้ว
- สัญญาณประการที่ 4 ซึ่งบอกลูกว่า จุดเดือดที่สุดของการชำระล้างอันปวดร้าวของพระศาสนจักรได้มา
ถึงแล้ว ก็คือ การเบียดเบียนพระศาสนจักร ที่จริง พระศาสนจักรเวลานี้ก็ถูกเบียดเบียนในหลายทางแล้ว
-​ พระศาสนจักรกำลังถูกเบียดเบียนจากโลก ซึ่งตนอาศัยอยู่​ และกำลังเดินทางอยู่ พลางชี้บอกทางสวรรค์
แก่ทุกคน ศัตรูที่แท้จริงของพระศาสนจักรก็คือ คนเหล่านั้นที่ตั้งตนเป็นปรปักษ์ต่อพระเจ้าโดยเจตนา​ ทั้งนี้เพื่อ
นำมนุษย์โลกให้มีชีวิตอยู่โดยปราศจากพระองค์ พวกเขากำลังเบียดเบียนพระศาสนจักร​ ยิ่งทียิ่งหนักมือขึ้นไป
- แต่ปัจจุบันนี้ ศาสนามักถูกบีบคั้นด้วยวิธีการที่ฉลาด ถูกเบียดเบียนด้วยวิธีการละเอียด สุขุม​ และลี้ลับ
โดยตัดทอนออกซิเจนที่พระศาสนาใช้หายใจทีละน้อยๆ แล้วก็มีความพยายามให้พระศาสนาลดราวาศอกกับ
จิตตารมณ์ของโลก ซึ่งซึมเข้าไปในพระศาสนจักร ทำให้เกิดผลร้าย และทำให้ชีวิตของพระศาสนาเป็นอัมพาตไป
-​ การร่วมมือที่โลกแสดงต่อพระศาสนจักรนั้นเล่า ส่วนใหญ่ก็แย่งตัวมาในรูปการเบียดเบียนที่ลึกซึ้งที่สุด​
แบบหน้าเนื้อใจเสือ เพราะ​ภายนอกมันเคารพพระศาสนา ก็เพื่อจะได้ทำลายพระศาสนาให้ย่อยยับอย่างมั่นใจ
มากขึ้นเท่านั้น
-​ โลกได้ค้นพบเทคนิคใหม่ๆ​ เพื่อประหารเหยื่อของมันได้โดยไม่ให้มีเสียงร้องหรือเลือดตกยางออกเลย
-​ นอกนั้นพระศาสนจักรกำลังถูกเบียดเบียนจากภายในตัวเองด้วย​ เป็นต้น​ จากกลุ่มลูกๆ ของเธอ
(พระศาสนา) ซึ่งประสานและอะลุ่มอล่วยกับศัตรูนอกที่นอกทาง พวกเขาได้ประสบความสำเร็จในการดึงดูด
และล่อลวงเอานายชุมพาบาลไปด้วยหลายรูป ในจำนวนนี้บางคนก็ร่วมมือโดยรู้ตัวและเต็มใจ ในโครงการ
ใต้ดินที่จะบั่นทอน โค่น ทำลาย​ และเบียดเบียนพระศาสนจักรของแม่
- ไม่มีความยุ่งยากใดจะทำให้พระศาสนจักรสะอาดสดใสยิ่งไปกว่าการเบียดเบียนภายในนี้ ที่จริงพระศาสนา
จะโผล่ตัวลอดออกมาจากการทรมานนี้ ในสภาพที่บริสุทธิ์กว่า​ สุภาพมากกว่า รุ่งโรจน์มากว่า และมีพลังมากกว่า
-​ ลูกต้องพร้อมที่จะทนทรมานมากยิ่งขึ้น วาระสุดท้ายแห่งการชำระล้างมาใกล้เต็มทีแล้ว ฉะนั้นแม่จึงร้อนใจ
ที่จัดเตรียมที่หลบภัยอันปลอดภัยให้ลูก

🔹---โปรดติดตามตอนต่อไป​-​--🔹
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 6698
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

ศุกร์ ก.ค. 18, 2025 5:19 pm

🕵️ เกาะติด​วิกฤติ​โลกผ่านทาง​พระคัมภีร์​และนอสตราดามุส 🕵️
โดย​ สนธิ​ สารธรรม
ตอนที่​ ( 45 )

✴️ สาส์นของแม่พระ​ บันทึก​โดย​ บาทหลวงกอบบี​ (B) ✴️
- ไม่มีครั้งใดที่การไร้ศีลธรรม​ และความลามก ได้ถูกเผยแพร่และเป็นที่นับถือบูชาเท่าทุกวันนี้เลย
-​ เสาหลักแห่งความจริงหลายเสากำลังโยกแยกแตกร้าว นายชุมพาบาลหลายคน ตกเป็นเหยื่อแห่ง
ความผิดหลงใหญ่ที่สุดหลายประการ
-​ ทุกสิ่งถูกทำให้โสมมด้วยบาป​ ซึ่งพยายามจะครอบงำพระแท่นด้วยการทุราจารกำลังแผ่ซ่านแทรกซึม
เข้าไปทุกแห่ง และ จอกกาลิกส์แห่งพระยุติธรรมของพระเจ้าบัดนี้เต็มแล้ว
- นายชุมพาบาล และฝูงแกะของเขาจะถูกโจมตี และชั่วระยะหนึ่งพระเจ้าจะอนุญาตให้มันปรากฏคล้าย
กับว่าพระศาสนจักรถูกพระองค์ทอดทิ้งเสียแล้ว
- ลูกที่รัก การมาครั้งที่ 2 ของพระองค์จะเหมือนกับครั้งแรก​ เนื่องจากพระองค์ได้ประสูติมาในราตรีกาล
การกลับมาสู่สิริมงคลก็จะเป็นเวลาเช่นเดียวกัน ก่อนการมาครั้งสุดท้าย สำหรับการพิพากษาสุดท้าย​ ส่วนวัน
เวลาของเหตุการณ์นี้ ยังเก็บเป็นความลับของพระบิดาเจ้า
- เมื่อบุตรแห่งมนุษย์ (พระเยซู) มา พระองค์จะพบความเชื่อบนโลกนี้หรือ? พระองค์จะมาปัจจุบันทันด่วน​
และโลกยังจะไม่พร้อมสำหรับการมาของพระองค์ พระองค์จะมาทำการพิพากษา ซึ่งมนุษย์ยังเตรียมตัวไม่พร้อม
พระองค์จะมาตั้งอาณาจักรของพระองค์บนโลกหลังจากได้ชัยชนะ และทำลายศัตรูอย่างราบคาบแล้ว
- แม้ในการมาครั้งที่ 2 นี้ พระบุตรจะมาหาลูกโดยทางพระแม่ของพระองค์ เนื่องจาก พระวจนาตถ์ของ
พระบิดาได้ใช้ครรภ์อันเป็นพรหมจรรย์ของแม่เพื่อมาหาลูก เช่นเดียวกัน พระองค์จะใช้ดวงใจอันนิรมลของแม่
มาหาลูก และครองราชย์ท่ามกลางพวกลูก
- พระอาณาจักร​อันรุ่งเรืองของพระคริสตเจ้า จะมีการทรมานใหญ่​นำหน้า​ ซึ่งจะมี​ประโยชน์​ในการชำระ​ล้าง
พระศาสนจักรและโลกให้บริสุทธิ์​ และนำพวกเขาไปสู่การเปลี่ยนสภาพใหม่อย่างครบถ้วน
-​ พระเยซูเจ้าได้เริ่มงานแห่งเมตตาในการเปลี่ยนสภาพใหม่ของพระศาสนา​แล้ว
-​ จะมีสัญญาณหลายอย่างให้ลูกเห็น เป็นการบอกว่าการชำระได้มาถึงสำหรับพระศาสนจักรแล้ว ก่อนอื่น
จะมีความสับสนวุ่นวายอย่างฉกาจฉกรรจ์​ยิ่ง
- ความสับสน ซึ่งมุ่งจะเข้ามาบั่นทอนพระศาสนาและทำลายธรรมะนั้น เป็น สัญญาณแรก ที่บอกลูกอย่าง
แน่นอนว่า กาลเวลาแห่งการชำระ​ล้างได้มาถึงแล้ว
- ทุกวันนี้ พระศาสนามืดครึ้มไปด้วยควันพิษของซาตาน
- ก่อนอื่นเจ้าซาตานมันทำให้ความคิดของลูกๆ หลายคนมืดมัวไป​ ลวงพวกเขาให้แสวงหาความรุ่งโรจน์
และความอหังการ์ และโดยพวกเขาเหล่านี้ก็ทำให้พระศาสนจักรมืดมัวป่นปี้ไปด้วย
- สัญญาณประการที่ 2 ซึ่งบอกลูกว่า พระศาสนจักรได้ลุถึงนาทีสุดท้าย แห่งการชำระล้างของตนแล้ว
นั่นคือ การขาดระเบียบวินัย ได้แพร่หลายไปทั่วทุกระดับ เป็นต้นในระหว่างพวกคณะสงฆ์ (Clergy)
- มันเป็นการขาดระเบียบวินัย​ ถ้าหากขาดความนบนอบภายในต่อน้ำพระทัยของพระเป็นเจ้า เป็นการ
ขาดระเบียบที่แสดงออกมา โดยการไม่แยแสข้อผูกมัดต่างๆ​ ที่เป็นของเฉพาะสำหรับกระแสเรียกของลูก้า
​ เช่น​ ข้อผูกมัดให้สวดภาวนา ข้อผูกมัดให้เป็นตัวอย่างที่ดี ต้องเป็นคนศักดิ์สิทธิ์​ (เปี่ยมด้วยคุณธรรม) และ
ดำเนินชีวิตให้สมกับสาวกของพระองค์ ในบรรดาพระสงฆ์ มีกี่องค์เล่าที่หลงปล่อยตัวเอง ให้มัวพะวงอยู่กับ
การงาน​ทำกิจกรรมเกินไป และไม่สวดอีกเลย พวกเขาค่อยๆ ละทิ้งการทำวัตรตามเวลา (Horas) การรำพึง
และสวดลูกประคำ พวกเขาเพียงแต่ทำมิสซาอย่างรีบร้อนเท่านั้น
-​ การไร้ระเบียบนี้ ซึ่งตีวงกว้างออกไปในพระศาสนจักรนี้​ เป็นการเตือนลูกอย่างชัดแจ้งว่า​ วันเวลาแห่ง
การกวาดล้างครั้งสุดท้าย ได้มาถึงแล้ว
- ดวงใจปราศจากมลทินของแม่ต้องสั่นสะท้าน และเสียงแสบใจที่เห็นมี การแตกแยกกันในพระศาสนจักร
- การแตกแยกนี้ ยังแทรกซึมไปทั่วพระศาสนจักร​ เป็นสัญญาณป​ระการที่ 3 ที่จะบอกลูกด้วยความมั่นใจว่า​
วาระสุดท้ายแห่งการชำระตนอันเจ็บปวดของพระศาสนจักรได้มาถึงแล้ว
- สัญญาณประการที่ 4 ซึ่งบอกลูกว่า จุดเดือดที่สุดของการชำระล้างอันปวดร้าวของพระศาสนจักรได้ม
าถึงแล้ว ก็คือ การเบียดเบียนพระศาสนจักร ที่จริง พระศาสนจักรเวลานี้ก็ถูกเบียดเบียนในหลายทางแล้ว
-​ พระศาสนจักรกำลังถูกเบียดเบียนจากโลก ซึ่งตนอาศัยอยู่​ และกำลังเดินทางอยู่ พลางชี้บอกทางสวรรค์
แก่ทุกคน ศัตรูที่แท้จริงของพระศาสนจักรก็คือ คนเหล่านั้นที่ตั้งตนเป็นปรปักษ์ต่อพระเจ้าโดยเจตนา​ ทั้งนี้เพื่อ
นำมนุษย์โลกให้มีชีวิตอยู่โดยปราศจากพระองค์ พวกเขากำลังเบียดเบียนพระศาสนจักร​ ยิ่งทียิ่งหนักมือขึ้นไป
- แต่ปัจจุบันนี้ ศาสนามักถูกบีบคั้นด้วยวิธีการที่ฉลาด ถูกเบียดเบียนด้วยวิธีการละเอียด สุขุม​ และลี้ลับ
โดยตัดทอนออกซิเจนที่พระศาสนาใช้หายใจทีละน้อยๆ แล้วก็มีความพยายามให้พระศาสนาลดราวาศอกกับ
จิตตารมณ์ของโลก ซึ่งซึมเข้าไปในพระศาสนจักร ทำให้เกิดผลร้าย และทำให้ชีวิตของพระศาสนาเป็นอัมพาตไป
-​ การร่วมมือที่โลกแสดงต่อพระศาสนจักรนั้นเล่า ส่วนใหญ่ก็แย่งตัวมาในรูปการเบียดเบียนที่ลึกซึ้งที่สุด​
แบบหน้าเนื้อใจเสือ เพราะ​ภายนอกมันเคารพพระศาสนา ก็เพื่อจะได้ทำลายพระศาสนาให้ย่อยยับอย่างมั่นใจ
มากขึ้นเท่านั้น
-​ โลกได้ค้นพบเทคนิคใหม่ๆ​ เพื่อประหารเหยื่อของมันได้โดยไม่ให้มีเสียงร้องหรือเลือดตกยางออกเลย
-​ นอกนั้นพระศาสนจักรกำลังถูกเบียดเบียนจากภายในตัวเองด้วย​ เป็นต้น​ จากกลุ่มลูกๆ ของเธอ
(พระศาสนา) ซึ่งประสานและอะลุ่มอล่วยกับศัตรูนอกที่นอกทาง พวกเขาได้ประสบความสำเร็จในการดึงดูด
และล่อลวงเอานายชุมพาบาลไปด้วยหลายรูป ในจำนวนนี้บางคนก็ร่วมมือโดยรู้ตัวและเต็มใจ ในโครงการ
ใต้ดินที่จะบั่นทอน โค่น ทำลาย​ และเบียดเบียนพระศาสนจักรของแม่
- ไม่มีความยุ่งยากใดจะทำให้พระศาสนจักรสะอาดสดใสยิ่งไปกว่าการเบียดเบียนภายในนี้ ที่จริงพระศาสนา
จะโผล่ตัวลอดออกมาจากการทรมานนี้ ในสภาพที่บริสุทธิ์กว่า​ สุภาพมากกว่า รุ่งโรจน์มากว่า และมีพลังมากกว่า
-​ ลูกต้องพร้อมที่จะทน ทรมานมากยิ่งขึ้น วาระสุดท้ายแห่งการชำระล้างมาใกล้เต็มทีแล้ว
ฉะนั้นแม่จึงร้อนใจที่จัดเตรียมที่หลบภัยอันปลอดภัยให้ลูก

🔹---โปรดติดตามตอนต่อไป​-​--🔹
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 6698
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

ศุกร์ ก.ค. 18, 2025 5:24 pm

🕵️ เกาะติด​วิกฤติ​โลกผ่านทาง​พระคัมภีร์​และนอสตราดามุส 🕵️
โดย​ สนธิ​ สารธรรม
ตอนที่​ ( 46 )

✴️ วันนี้​ชาวโลก​คาทอลิก​ฉลอง​แม่​พระ​อัสสัมชัญ​ (B) ✴️
ภาพยนตร์​ถือกำเนิด​และ​มีวิวัฒนาการ​ใน​โลก​มนุษย์​มา​จนถึงบัดนี้​นับเป็นเวลาครบ 100 ปี​ และใน
ระหว่างร้อยปีที่ผ่านมานี้ ภาพยนตร์มีส่วนสร้างสีสันให้กับโลกได้อย่างมาก เพราะมันเป็นเครื่องจักรกลแรก
ที่สามารถเก็บภาพความเคลื่อนไหวของธรรมชาติออกมาปรากฏสู่สายตาได้อย่างเหมือนจริงที่สุด และโดย
อาศัยคุณสมบัตินี้เอง​ “ภาพยนตร์”​ จึงช่วยเก็บวัฒนธรรมและคุณค่าของธรรมชาติไว้ให้มนุษยชาติได้ด้วย
ภาพยนตร์เริ่มมีชีวิตจากความต่อเนื่องของนักประดิษฐ์ที่พยายามคิดค้นหาวิธีบันทึกภาพนิ่งและการ
ฉายภาพ เมื่อ ดาเนียล บาร์​ บาโร​ ประดิษฐ์เครื่องฉายภาพนิ่งชื่อ เมจิก​ เลนเทิร์น​ ได้ในปี 1668 ด้วยการใช้
แสงสว่างจากเทียนไขส่องผ่านภาพที่วาดบนกระดาษบนกระจกใสผ่านเลนส์ให้ภาพไปตกที่ผนังห้อง แต่ช่วง
นั้นภาพยังไม่ชัดเจน จนกระทั่งปี 1740 อาทานาซีอุส เคอรซีเนอร์ ชาวอิตาลีได้ทำการปรับปรุง แล้วนำมา
ใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ต่อมาปี 1824 ปีเตอร์มาร์ค โรเก็ท ชาวอังกฤษ คิดทฤษฎีของภาพยนตร์ได้เป็นครั้งแรก คือ​ “ทฤษฎี
ภาพติดตา” โดยการนำภาพนิ่งหลายๆ ภาพมาเรียงต่อกันเป็นชุดแล้วทำให้ภาพชุดนั้นดูเหมือนเคลื่อนไหว
ติดต่อกัน ระยะแรกของการกำเนิดภาพเคลื่อนไหวนั้น แหล่งที่มาของภาพคือการวาดภาพขึ้นมา ขณะที่
ทางด้านวงการภาพนิ่งยังคงมีการพัฒนาไปเรื่อยๆ จนปี 1826 หลุยส์ โ​ยเซฟ ดาแกร์ จิตรกรชาวฝรั่งเศส
ประดิษฐ์วัสดุไวแสงจำพวกซิลเวอร์คลอไรด์สำหรับการบันทึกภาพด้วยกล้องถ่ายรูป แทนการวาดภาพ
นับแต่นั้นมาวิวัฒนการภาพนิ่งจึงก้าวหน้าขึ้นอย่างรวดเร็ว
ปี​ 1833 J.A. Plaeau ชาวเบลเยี่ยมประดิษฐ์เครื่องทำภาพเคลื่อนไหวด้วยเครื่องจักรกลเป็นผลสำเร็จ​
แล้วนำออกแสดงในประเทศอังกฤษเป็นครั้งแรก ในปี 1872 เอ็ดเวิร์ด มายบริดจ์ ชาวอเมริกัน ได้นำกล้อง
ถ่ายภาพ 12 ตัว มาถ่ายภาพประดิษฐ์กล้องที่มีความเร็วพอเพียงสำหรับบันทึกเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้น
อย่างต่อเนื่อง ที่สุดนักประดิษฐ์​ชาวฝรั่งเศสชื่อ จูลส์ เอเตียน มารี​ ประดิษฐ์กล้องที่มีคุณสมบัติดังกล่าวได้
สำเร็จเมื่อปี 1880 แต่เวลานั้นยังไม่ใช่ภาพยนตร์
แล้วปี 1888 ได้มีกล้องบันทึกภาพเป็นกล้องโครโนโฟโตกราฟที่สามารถบันทึกภาพด้วยวัสดุไวแสง
ได้ถึง 60/วินาทีด้วยความเร็วชัตเตอร์​ ​1/100 วินาที แต่น่าเสียดายที่วัสดุไวแสงนั้นทำด้วยกระดาษจึงไม่
อาจนำไปฉายด้วยเครื่องฉายได้ แต่ไม่นานนัก​ บริษัทอิสท์แมน โกดัก (สหรัฐอเมริกา)​ ได้ผลิตวัสดุไวแสง
ที่ฉาบบนแผ่นเซลลูลอยด์ได้สำเร็จ ส่วนทางด้านเครื่องฉายภาพยนตร์ในเวลานั้น โทมัส อัลวา เอดิสัน​
ประดิษฐ์เครื่องฉายภาพยนตร์คีนีโตสโคป เมื่อ​ปี​1891 แต่คุณภาพยังไม่สมบูรณ์​ จนกระทั่งพี่น้องตระกูล
ลือมิเอร์ คิดค้นเครื่องฉายภาพยนตร์ชื่อกล้องซีเนมาโตกราฟ ที่สามารถฉายให้ชมกันได้จำนวนทีละมากๆ
และทำการฉายเป็นครั้งแรกวันที่ 28 ธันวาคม 1895 ที่ใต้ถุนร้านกาแฟในกรุงปารีส​ โดยเก็บค่าเข้าชม
ดังนั้น ปี 1895 จึงเป็นปีแห่งกำเนิดภาพยนตร์
พูดถึงภาพยนตร์​ อดคิดถึงอัจฉริยภาพในการทำนายของนอสตราดามุสไม่ได้ นอสตราดามุส เขียนคำ
ทำนายเป็นกลอน 4 บรรทัด​ เมื่อ​ปี​1555 คือเมื่อ 440 ปีมาแล้ว เขาสามารถทำนายเหตุการณ์เกี่ยวกับ
​ “ภาพยนตร์” ซึ่งเพิ่งมีกำเนิดมาเมื่อ 100 ปีนี้เองได้อย่างน่าทึ่งที่สุด​ ลองมาเปิดกลอนของเขา บทที่ 10/1

Serpens transmis en la cage de fer,
Ou le enfans septains du Roy sont prints,
Les vieux & peres sortiront bas de l'enfer,
Ains mourir voir de fruict mort & cris.

งูขดอยู่ในกรงเหล็ก
ที่มีโอรสกษัตริย์ 7 พระองค์ขังอยู่
ผู้​เฒ่าผู้แก่และพ่อแม่จะออกจากอเวจี
ก่อนที่จะตายจะได้เห็นผลงานที่ไม่มีชีวิต (ใบ้) ของเขาร้องเสียงขรม

วิเคราะห์​
ในบรรทัดที่ 1 ก็คือ​ ฟิลม์ภาพยนตร์ที่ม้วนเหมือนงูในรีล (reel) โดยมากทำด้วยเหล็ก​
บรรทัดที่ 2 ในฟิลม์นั้นก็มีภาพที่เราบันทึกเอาไว้ซึ่งเป็นสีสันต่างๆ​ สีนั้นก็ต้องเป็นสีรุ้ง ซึ่งมี 7 สี
จากแสงอาทิตย์ (กษัตริย์) นั่นเอง
บรรทัดที่ 3 ในฟิลม์นั้นเป็นภาพบรรพบุรุษ พ่อแม่ของเรา ซึ่งถึงแม้ท่านได้สิ้นชีวิตไปแล้ว แต่เรา
ก็จะเห็นภาพของท่านตอนที่ (ท่านไปไหนมาไหน) ยังมีชีวิตอยู่
บรรทัดที่ 4 ก่อนที่พี่น้องตระกูลลือมิเอร์ ผู้ประดิษฐ์หนังใบ้จะตายไป​ ก็จะได้ชมหนังใบ้ของตนพูด
และร้องได้ (เพราะคงพัฒนาให้เป็นภาพยนตร์มีเสียงพูดได้แล้วในตอนก่อนตายนั้น)

เกี่ยวกับภาพยนตร์ ผมขออัญเชิญพระราชดำรัสของสมเด็จพระสันตะปาปา จอห์น พอลที่ 2 ดังนี้
“ภาพยนตร์จะทำหน้าที่เป็นเครื่องมือสื่อวัฒนธรรมและคุณค่าได้มากน้อยแค่ไหนนั้น เราไม่ทราบ​ เพราะ
ขณะนี้ที่เราเห็นกันอยู่คือ​ ภาพยนตร์กำลังกลายเป็นตัวกำหนดวัฒนธรรมไปเสียแล้ว โดยเฉพาะกับเยาวชน”​
เนื่องในวโรกาสฉลองแม่พระรับเกียรติยกขึ้นสวรรค์ ให้เราร่วมวิงวอนกับแม่พระต่อองค์พระผู้เป็นเจ้า
โปรดให้เราชาวไทยประสบแต่สันติสุขเทอญ

Maria Assumpta in coelo ora pro nobis siammensibus, amen.

🔹---โปรดติดตามตอนต่อไป​-​--🔹
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 6698
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

ศุกร์ ก.ค. 18, 2025 5:29 pm

🕵️ เกาะติด​วิกฤติ​โลกผ่านทาง​พระคัมภีร์​และนอสตราดามุส 🕵️
โดย​ สนธิ​ สารธรรม
ตอนที่​ ( 47 )

✴️ สาส์น​ของ​แม่พระ​ฉบับ​ล่าสุด​ (A)​ ✴️
เมื่อไม่กี่วันมานี้มีแฟนวันอังคารหน้า 5 ได้รับแจกหนังสือพิมพ์บนเครื่องบินเป็นภาษาอิตาเลียน เปิดดู
เห็นมีรูปแม่พระร้องไห้เลยเอามาฝาก มีใจความย่อๆว่า ครอบครัวของนายเกรกอรี่ ผู้เป็นเจ้าของรูปปั้น
แม่พระร้องไห้ที่เป็นข่าวเกรียวกราวทั่วยุโรปและอเมริกาจนเป็นข่าวหน้า​ 1 หลายวันนั้น รู้สึกไม่พอใจเป็น
อย่างยิ่งที่มีบริษัทยักษ์ใหญ่ Benetton หาประโยชน์เอาจากรูปแม่พระร้องไห้ซึ่งตนมีกรรมสิทธิ์อยู่ กล่าวคือ
นายโอลี่วีเอโร ตอสกานี ผู้จัดการฝ่ายศิลป์แห่งบริษัท Benetton ได้ทำสปอตโฆษณา สะท้านโลกันตร์​
ที่นิวยอร์ก ให้ชื่อว่า “Do you play life? เป็นภาพขยายของสเปิร์มว่ายไปสู่รังไข่ และการระเบิดของนิวเคลียส​
พร้อมรูปแม่พระร้องไห้​ นายเกรกอรี่ กล่าวอย่างเดือดดาลว่าจะต้องให้ทนายความจัดการ เขาเผยความในใจ
แก่นักข่าวว่า เขาต้องการให้คนเคารพแม่พระ อยากให้แม่พระเป็นที่เคารพในแง่ความเชื่อศรัทธาในศาสนาน
เท่านั้น ไม่ใช่ฉกฉวยเอาประโยชน์ทางการค้า และครอบครัวของเขาที่เป็นผู้ชายรวมทั้งลุง พี่ชาย และหลานชาย
ทั้ง 6 คน พร้อมที่จะให้ทางโรงพยาบาลจัดการเจาะเลือดของพวกเขาพิสูจน์ DNA ทั้งนี้เพราะเลือดที่ออกมา
จากดวงตาของรูปปั้นแม่พระนั้น​ พิสูจน์แล้วว่าเป็นเลือดของผู้ชาย ทำให้นักข่าวบางคนเคลือบแคลงสงสัยว่า
อาจมาจากเลือดผู้ชายบางคนในครอบครัวเกรกอรี่ก็เป็นได้ ฉะนั้นพวกเขาทั้ง 6 จึงพร้อมที่จะให้มีการพิสูจน์
เลือดของพวกเขา
สำหรับนายกเทศมนตรีเมืองชิวิตาเวกเกีย กล่าวถึงกรณีนี้ว่า “ไม่ทราบเหตุผลของสปอตโฆษณาของ​
Benetton ว่ามีจุดมุ่งหมายประการใด​ ผมได้ทำหนังสือเชิญ Benetton ซึ่งเป็นวุฒิสมาชิกมาที่เมืองชิวิตาเวกเกีย
เพื่อจะได้ชี้แจงเหตุผล แต่ผมเข้าใจว่า ท่านคงจะมีเจตนาดีในการนำรูปแม่พระร้องไห้ลงในสปอตโฆษณาเป็นแน่
นอกจากนี้ยังทำให้เมืองชิวิตาเวกเกียเป็นที่รู้จักไปทั่วโลกว่า มิใช่มีแค่รูปปั้นแม่พระร้องไห้เท่านั้น​ แต่ยังมีสิ่งที่
น่าสนใจทางประวัติศาสตร์อีกหลายอย่างด้วย”​ นายปีเอโต ติเดอี นายกเทศมนตรีเมืองชิวิตาเวกเกีย สังกัด
พรรคคอมมิวนิสต์ กล่าวทิ้งท้าย
และเมื่อเดือนที่แล้วก็ได้รับหนังสือ The Marian Movement of
Priest ฉบับล่าสุดของปี 1994 นี่เอง​ จากชาวอิตาเลี่ยนเมืองมิลาน อ่านแล้วรู้สึกระทึกใจ เพราะหลังจากอ่านที่
ท่านบาทหลวง ปอล ส.สลับเชื้อ​ ได้แปลไว้นั้น ก็รู้สึกหนักหนาสากรรจ์พอสมควรแล้ว แต่พอมาอ่านเล่มล่าสุดนี้​
(1994) ก็รู้สึกว่าเหตุการณ์ที่แม่พระได้พยากรณ์ไว้หลายปีมาแล้วนั้น กำลังเป็นจริงในสมัยของเรานี่เอง
และบางเหตุการณ์ก็ดูเหมือนใกล้ตัวเหลือเกิน
ภาษาของแม่พระผ่านทางบาทหลวง กอบบี ในหนังสือเล่มปี 1994 นี้​ หรือในเล่มอื่นที่แล้วๆ มาก็เช่นกัน
มักใช้ภาษาสัญลักษณ์ อาจจะง่ายสำหรับชาวคาทอลิกที่พอจะมีพื้นความรู้ทางพระคัมภีร์แล้ว เช่น​ กัลวารีโอ
เป็นชื่อของเนินเขาที่พระเยซู​ถูกตรึงบนไม้กางเขน ตัวอย่างภาษาสัญลักษณ์ ชั่วโมงแห่งกัลวารีโอ​ หมายถึง
ชั่วโมงแห่งความทุกข์​ หรือ ให้ลูกๆ​ เข้ามาหลบภัยในดวงใจอันบริสุทธิ์ของแม่ เป็นคำพูดของแม่พระ ก่อนอื่น
มาทำความเข้าใจกัยคำ ดวงใจ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์แห่งความรัก และตามความเชื่อของศาสนาคาทอลิก มนุษย์
ทุกคนมีบาปติดตัวมาแต่กำเนิด คือมีใจเอนเอียงไปในทางชั่ว ทั้งนี้​ เพราะบิดา มารดาเดิมของมนุษยชาติ คือ​
อาดัม และอีฟ ได้กระทำผิดกฎอย่างหนึ่งซึ่งพระเจ้าห้ามไว้ จึงถูกลงโทษ ลูกหลานจึงต้องรับกรรมนั้นทุกคน​
ยกเว้นพระนางมารีอาแต่ผู้เดียว​ เพราะพระเจ้าต้องการสงวนไว้เพื่อให้เป็นพระมารดาของพระบุตร​ (เยซู)
อวตารมาเกิดเป็นมนุษย์ เมื่อแม่พระไม่มีบาปกำเนิดเหมือนมนุษย์คนอื่น​ ก็แแปลว่า​ แม่พระมีใจบริสุทธิ์ร้อย
เปอร์เซ็นต์​ ฉะนั้น ความรัก ของแม่พระจึงเป็น ความรักแท้ๆ ร้อยเปอร์เซนต์ไม่มีอะไรเคลือบแฝง​ มนุษย์เรา
มักจะมีความรักเหมือนกัน​ แต่คงมีเจือผลประโยชน์บ้างก็ได้​ ฉะนั้นวลี​ ดวงใจอันบริสุทธิ์ ของแม่พระก็คือ
ความรักแท้ๆ ความรักอันยิ่งใหญ่ของพระแม่ เมื่อมนุษย์เรามีความยากลำบากก็ให้เข้ามาพึ่งพิง​ หรือไว้ใจ
ในแม่พระได้อย่างเต็มที่​ ไม่มีทางผิดหวังเพราะแม่พระ รัก​ อย่างเต็มเปี่ยมร้อยเปอร์เซ็นต์ แม่ทั่วๆ​ ไปก็รักลูก
ใครๆ ก็รู้ แต่อาจมีแม่บางคนรักเพราะผลประโยชน์ คือ​ ไม่ได้รักด้วย หัวใจอันบริสุทธิ์ ร้อยเปอร์เซ็น​ต์ ฉ​ะนั้น
ให้มนุษย์ทุกคนไว้ใจเข้ามาพึ่งแม่พระเถิด เพราะแม่พระ รัก มนุษย์​ ด้วยหัวใจอันบริสุทธิ์ร้อยเปอร์เซ็นต์ แล้ว
เราจะผิดหวังได้อย่างไร ขอเชิญติดตามสาส์นของแม่พระของปี 1994 ได้แล้วครับ
- 1 มกราคม 1994
ขอให้ลูกๆ​ เปิดใจรอด้วยความหวัง เพราะในปีเหล่านี้​จะเป็นช่วงเวลาแห่งการเตรียมตัวรับเสด็จการกลับมา
ของพระเยซู​ด้วยสิริรุ่งโรจน์อลังการ นับเป็นชัยชนะอันยิ่งใหญ่ของพระผู้เป็นเจ้า
- ที่แม่ทำไปทุกวันนี้ก็เป็นการเตรียมทาง การเสด็จกลับมาอย่างมีชัยของพระบุตร ตามที่ลูกๆ รู้ดีแล้วว่า
ในการมาครั้งแรกของพระองค์​ แม่เองได้เป็นแม่ที่ต่ำต้อยและยากจนเพียงใด ในการมาครั้งที่ 2 ของพระองค์
แม่ก็ยิ่งจะเป็นแม่ที่มีอำนาจและสง่าราศีระหว่างลูกๆ เพียงนั้น
- ภารกิจของแม่ก็คือ เปิด ประตูไปสู่ ยุคใหม่ ซึ่งกำลังรอพวกลูกๆ​ อยู่​ นำไปยัง ฟ้าใหม่ แผ่นดินใหม่​ และ
เหนือสิ่งอื่นใดในฐานะที่เป็น แม่ของพระ (เพราะพระเยซูเป็นพระเจ้า-สนธิ) แม่ได้รับมอบหมายให้พิชิตซาตาน
และอำนาจชั่วร้ายต่างๆ เพื่อว่าองค์พระผู้เป็นเจ้าจะประสบชัยชนะอย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาดในโลก
- ขอให้ลูกๆ เปิดใจรอด้วยความหวังเถอะ เพราะแม่เป็นแม่ของมนุษยชาติ และในฐานะแม่ แม่คอยติดตาม
ลูกๆ​ ด้วยความรัก ตลอดช่วงเวลาแห่งประวัติศาสตร์ของมนุษย์​ และเหนือสิ่งใดในยุคสุดท้ายนี้แม่รู้สึกว่า แม่
เป็นแม่ของมนุษยชาติซึ่งกำลังติดกับดัก​ หรือกำลังถูกครอบงำจากจิตชั่ว ทุกวันนี้ซาตานกำลังประสบชัยชนะ
มันกำลังนำมนุษยชาติให้อยู่ใต้อาณาจักรอันชั่วร้ายของมัน

🔹---โปรดติดตามตอนต่อไป​-​--🔹
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 6698
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

ศุกร์ ก.ค. 18, 2025 5:35 pm

🕵️ เกาะติด​วิกฤติ​โลกผ่านทาง​พระคัมภีร์​และนอสตราดามุส 🕵️
โดย​ สนธิ​ สารธรรม
ตอนที่​ ( 48 )

✴️ สาส์น​ของ​แม่พระ​ฉบับ​ล่าสุด​ (B) ✴️
- เพราะข้อนี้เอง ลูกจึงรู้สึกทรมานใจอย่างหนัก เพราะข้อนี้แหละ​ น้ำและเลือดจึงได้กลายเป็นอาหาร
ประจำวันของลูก เพราะข้อนี้แหละ​ ปีใหม่ซึ่งลูกเพิ่งเริ่มต้นวันนี้ก็เป็นปีที่จะนำความทุกข์มาสู่ลูก
- ในฐานะที่เป็นแม่ของมนุษยชาติ แม่ได้รับมอบหมายให้ปลดปล่อยลูกจากความเป็นทาสซาตาน
ฉะนั้นจำเป็นเหลือเกินที่ลูกจะต้องติดตามแม่ในการประจัญบานอย่างเหี้ยมหาญ เพื่อว่าให้บั้นปลายจะชนะ
อย่างสิ้นสงสัย เพราะว่าแม่เองจะทำให้เจ้าซาตานหมดพลัง​ และแม่เองจะทำลายอำนาจชั่วร้ายให้มลายไปสิ้น
- และแล้วมนุษยชาติทั้งมวล ก็จะกลับมาสู่การสมรสแห่งความรักครั้งใหม่ต่อพระสวามีเจ้าของเขา​
(มนุษยชาติ) ผู้ซึ่งจะนำมนุษยชาติเข้าสู่​อ้อมกอดและนำไปสู่สวรรค์​ ณ​ แผ่นดิน ซึ่งจะเป็นชีวิตที่สนิทสนม
เป็นอันหนึ่งอันเดียวกับพระองค์อย่างบริบูรณ์
- จงเปิดใจรอคอยความหวังเถิด เพราะแม่เป็น “มารดาพระศาสนจักร”
- ตลอดช่วงเวลาแห่งปีเหล่านี้​ แม่จะอยู่ใกล้ชิดกับลูกสาวสุดที่รักคนนี้ (พระศาสนจักร) ด้วยความเป็น
ห่วงเป็นใย และด้วยความอาทรร้อนใจเยี่ยงแม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในวาระสุดท้ายนี้ แม่จะอยู่ใกล้ชิดกับ
พระศาสนจักร เมื่อพระศาสนจักรจะมีชีวิตในชั่วโมงทรหดแห่งการชำระล้างและแห่งมหาภัยพิบัติ
- แผนการของพระบิดาเจ้าสวรรค์จะต้องดำเนินไป นั่นก็คือ​ พระศาสนจักรกำลังถูกเรียกให้ไต่ขึ้นเขา
กัลวารีโอ-เป็นพลีบูชา ลูกสาวสุดที่รักของแม่คนนี้จะถูกเฆี่ยน และถูกทำให้เป็นบาดแผล ถูกทรยศ​ ถูกฉุด
กระชากลากถู ถูกทอดทิ้ง และถูกนำไปยังตะแลงแกง ณ​ สถานที่ที่เธอจะถูกตรึงกางเขน บุรุษแห่งความชั่วร้าย
(แอนตี้ไคร้สต์-สนธิ) จะเข้าไปภายในของเธอ (พระศาสนจักร) มันจะนำความบัดสีบัดเถลิง​ (ซึ่งจะก่อให้เกิดวิบัติ)
ซึ่งมีกล่าวไว้ในพระคัมภีร์
-​ อย่าหมดกำลังใจ ลูกๆ​ ที่รักยิ่งของแม่ ขอให้มีความมั่นใจ
- ในการเริ่มต้นของปีใหม่นี้ ขอให้ลูกๆ เปิดใจรอด้วยความหวัง​ เพราะลูกจะเห็นเหตุการณ์ต่างๆ ซึ่งแม่ได้
บอกไว้ล่วงหน้าแล้วว่าจะเกิดขึ้น​ ลูกจะเข้าใจว่า ปีท้ายๆ​ ของศตวรรษนี้ จะเป็นส่วนหนึ่งของแผนการลึกลับ​ของ
พระเจ้า ที่เป็นรูปเป็นร่างขึ้นมา กำลังจะถูกเปิดเผยเป็นขั้นเป็นตอน
- ขอให้ลูกเปิดใจคอยด้วยความหวังเถิด เพราะว่าโอกาสนั้นได้มาแล้ว เมื่อแม่ฟ้าสวรรค์ของลูกจะสำแดงองค์
ในมหิทธิศักดิ์ของพระนาง​ “แม่เป็นรุ่งอรุณ ซึ่งจะนำหน้าวันอันยิ่งใหญ่ของพระสวามีเจ้า​ แม่เป็นเสียงเรียก ซึ่งจะ
ดังขึ้น​ ในวันเหล่านี้ เพื่อจะเผยแผ่คำประกาศเชิงพยากรณ์ ไปสู่ทุกส่วนของโลกว่า : จงเตรียมตัวให้ดี ในการต้อน
รับพระเยซู​ พระบุตรของแม่​ซึ่งขณะนี้​กำลังใกล้จะเสด็จมาท่ามกลางลูกๆ​ แล้ว​ พระองค์จะเสด็จมาบนหมู่เมฆด้วย
พระสิริโชติช่วงชัชวาลแห่งพระเป็นเจ้า
- ในวันท้ายๆ​ นี้ มีพระสงฆ์มากสักเท่าใดที่จะร้องไห้เพราะความผิดพลาดของท่าน พระสงฆ์ที่ยอมจำนนต่อ
อำนาจแห่งมารซึ่งขณะนี้กำลังเพ่นพ่านรังควานมนุษย์ พระสงฆ์ยอมแพ้ต่อการลวงของโลก ซึ่งได้กลับมาเป็นคน
ที่ไม่มีพระไม่มีเจ้าในหัวใจ พระสงฆ์ซึ่งมาติดกับดักด้วยเล่ห์กระเท่ห์ของศัตรูคู่อาฆาตของแม่และของลูกด้วย
- ลูกสุดที่รักของแม่ ถึงแม้จะเกิดเหตุการณ์ซ้ำขึ้นมาอีก อย่างเช่น​ เปโตรปฏิเสธพระเยซู หรือ ยูดาสทรยศ
หรือสานุศิษย์หนี​ หรือทอดทิ้งพระเยซู​ วันนี้ขอให้ลูกเปิดใจรอด้วยหวังเถิด พระเยซูทรงรักลูก เพราะความรัก
ของพระองค์จะชนะความอ่อนแอประสามนุษย์ของลูก
1 พ.ค. 94 ลูกประคำที่ลูกสวดมีพลังมหาศาล ที่สามารถเอาชนะมารชั่วร้าย และการล่อลวงในทุกรูปแบบ
ของคู่ปรับของแม่ สามารถเอาชนะอาณาจักรของซาตาน ซึ่งกำลังขยายตัวไปอย่างกว้างขวาง​ สามารถเอาชนะ
การเป็นทาสของบาป ซึ่งเด็กมากมายกำลังอยู่ใต้แอกของมัน​ สามารถเอาชนะจิตชั่ว ซึ่งกำลังถูกฉีดเข้าไปใน
หัวใจ สามารถเอาชนะกับดักของซาตาน ซึ่งวางไว้อย่างแยบยล หาพิรุธไม่ได้ แต่อันตรายมหันต์ สามารถเอาชนะ
อิทธิพล อันทรงพลังของค์การลับฟรีเมซอน ซึ่งกำลังประสบความสำเร็จ ในการแทรกซึมเข้าไปเชิดหน้าในทุก
วงการ นอก จากนี้ยังมีการบูชาซาตาน ซึ่งกำลังขยายตัวอย่างกว้างขวาง จะเป็นอะไรที่ลอกเลียนแบบการสวด
ลูกประคำศักดิ์สิทธิ์ เข้าทำนองว่า นี่คือการสวดของฉัน นี่คือการสวดของเธอ
- เหนืออื่นใด แม่ขอให้ลูกถวายความยากลำบากทุกอย่างแก่แม่​ เพราะแม่ถือเสมือนดอกไม้ที่หอมหวลและ
มีค่าที่สุด โดยอาศัยความทุกข์​ยากของเด็กๆ​ ของแม่เท่านั้น​ จะสามารถเร่งเวลาให้ดวงใจนิรมลของแม่ประสบ
ชัยชนะในโลกนี้เร็วขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเดือนพฤษภาคมนี้​ แม่ขอให้ถวายความยากลำบากที่หนักขึ้นไปอีก
แม้จากโป๊ป​ จอห์น พอลที่ 2 ของแม่
- ชั่วโมงแห่งกัลวาริโอ ได้มาถึงแล้ว
- ชั่วโมงแห่งกัลวาริโอได้มาถึงแล้วสำหรับมนุษยชาติที่น่าสงสารนี้​ ซึ่งกำลังเริ่มที่ต้องใช้ชีวิตในช่วงเวลา
ที่แสนเจ็บปวดแห่งการชดใช้กรรม
- ชั่วโมงแห่งกัลวาริโอ ได้มาถึงสำหรับลูกแล้ว และคนที่แม่รักทุกคน เพราะเหตุว่าขณะนี้พวกลูกได้เข้าไป
สู่ช่วงเวลาแห่ง มหาวิปโยค​(great tribulation) ในฐานะแม่ แม่ขอนำลูกทุกคนในแต่ละวันให้มอบตัวลูกๆ
ทุกคนเป็นสังฆบูชา ถวายแด่องค์พระผู้เป็นเจ้า

🔹---โปรดติดตามตอนต่อไป​-​--🔹
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 6698
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

ศุกร์ ก.ค. 18, 2025 5:41 pm

🕵️ เกาะติด​วิกฤติ​โลกผ่านทาง​พระคัมภีร์​และนอสตราดามุส 🕵️
โดย​ สนธิ​ สารธรรม
ตอนที่​ ( 49 )

✴️ ทัวร์​แสวง​ (หา) บุญกึ่งแสวงหาข่าว​ (A)​ ✴️
เพิ่งกลับจากอิตาลีและสเปน​ เป็นการไปทัวร์กึ่งแสวง (หา) บุญ กึ่งแสวงหาข่าวเกี่ยวกับแม่พระหลั่งน้ำตา
เป็นสายเลือดที่ชีวิตะเวกเกีย กรุงโรม​ อันเป็นข่าวเกรียวกราวไปทั่วโลกตั้งแต่ต้นปีนี้ และเกี่ยวกับแม่พระ
คาราบันดัล​ แห่งสเปน ซึ่งได้มอบสาส์นสำคัญแก่ชาวโลก แต่ไม่ค่อยมีใครสนใจ
ทันทีที่เครื่องของอิตาเลียลงที่ท่าอากาศยานฟิวมิชีโน กรุงโรม​ แทนที่จะเข้ากรุงโรม ก็ไปชมเมืองท่า
โบราณ ชีวิตะเวกเกีย ห่างจากสนามบินแค่ 50 ก.ม. ก็ได้เห็นพระรูปแม่พระร้องไห้ ยังเห็นคราบเลือดเกาะ
ที่ใบหน้าของแม่พระได้ถนัด รูปปั้นของแม่พระนี้เริ่มหลั่งน้ำตาเป็นเลือดตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ปีนี้ จนถึง
บัดนี้นับได้ 14 ครั้ง (คงจะต้องการสื่อเรื่องพระมหาทรมานของพระเยซู​ 14 ภาค) รวมทั้งเคยหลั่งน้ำตา
ขณะอยู่ในมือของพระสังฆราชประจำเมืองชีวิตะเวกเกียด้วย ขั้นตอนเพื่อพิสูจน์ทราบถึงความเป็นมาของ
การหลั่งน้ำตาเป็นเลือดคงจะต้องใช้เวลา เพราะงานในสำนักวาติกันนั้นมีสารพัดเรื่อง ตั้งแต่สตรีอยากจะ
บวชเป็นพระสงฆ์ ไปจนถึงพระสงฆ์​อยากจะแต่งงาน ตอนนั่งเครื่องจากอิตาลีไปสเปนก็เห็นข่าวตัวโตว่า
ห้องทำงานของพระสมณมนตรีเกี่ยวกับพระธรรมความเชื่อ พระคาร์ดินัล​ รัตซิงเกอร์​ ถูก​โจรกรรม โดยเฉพาะ
ดิสก์คอมพิวเตอร์ข้อมูลลับหายจ้อยอย่างไร้ร่องรอย​ โดยที่ท่านดูแลเรื่องแม่พระหลั่งน้ำตาเป็นเลือดอยู่พอดี​
เรื่องถูกโจรกรรมนี้คงไม่เป็นเหตุให้ต้องดองเรื่องแม่พระร้องไห้ไว้นานเกินควรเป็นแน่ จะเข้าตำราที่ว่า​
“กว่าถั่วจะสุกงาก็ไหม้เสียแล้ว”​
มากรุงโรมทั้งทีก็ต้องเข้าเฝ้าโป๊ปให้ได้จึงจะเรียกได้ว่าถึงกรุงโรม​ มาคราวนี้รู้สึกว่าโป๊ปร่วงโรยไปถนัดตา
ในห้องโถงพอลที่ 6 มีผู้เข้าเฝ้าราวหนึ่งหมื่นคน พวกเราได้ที่ค่อนข้างหน้าๆ และได้รับเชิญให้แสดงตัวในที่
ประชุม​เป็นชาติแรกอย่างคาดไม่ถึง ที่ซ้อมข้อความไว้อย่างดีที่จะกล่าวตอนถูก​เรียก​ขึ้นมาว่า “พระสันตะปาปา
จงเจริญ”​ แล้วไหว้งามๆ พร้อมกัน แต่แล้วจู่ๆ​ ก็ถูกเรียกเป็นชาติแรก​ หัวหน้าคณะซึ่งกำลังเพลินกับการถ่ายภาพ
สติยังไม่ได้ตั้ง​ ก็เลยโพล่งออกไปว่า “ปาปาไชโย!” ทุกคนก็ว่าตาม แล้วเสียงปรบมือก็เกรียวกราวไปทั้งห้องโถง
​ คุณพิเชษฐ์ รักตะบุตร และอาจารย์ชิน ประกอบกิจ​ นับว่าโชคดีได้เข้าเฝ้าใกล้ชิดเป็นพิเศษ​ ได้มอบของขวัญ
แก่โป๊ปแทนพวกเราทุกคน​ พระองค์ท่านตรัสถามทุกข์สุขของ​Thailand กับอาจาจารย์ชิน ครู่ใหญ่ทีเดียว
จากอิตาลีพวกเราก็เดินทางต่อไปสู่สเปน จุดหมายสำคัญก็มุ่งไปคารวะแม่พระ คาราบันดัล ที่มีการกล่าว
ขวัญกันมากมาย คาราบันดัลเป็นหมู่บ้านเล็กๆ อยู่ในหุบเขาทางภาคเหนือแถบเทือกเขาคันตาเบรียน​ ใน
จังหวัด​ซานตานเดร์ โชเฟอร์เป็นชาวกรุงมาดริด ยังไม่เคยไปคาราบันดัล จึงต้องถามพรรคพวกโชเฟอร์
ด้วยกันมาตลอดทาง แต่ไม่มีใครรู้จัก จึงต้องเปลี่ยนแผนเดินทางเข้าพักที่เมืองซานตานเดร์ก่อน​ วันรุ่งขึ้น
จึงออกเดินทางแต่เช้าตามคำแนะนำของชาวเมืองซานตานเดร์ผู้เอื้ออารีมอบแผนที่อย่างดีให้หนึ่งฉบับ​
พวกเราต้องนั่งรถบัสลัดเลาะไปตามไหล่เขา ชมทัศนียภาพหลากสีของใบไม้ใกล้ฤดูผลัดใบ จนเกือบลืม
ไปว่านั่งรถมาได้ 2 ชม.เศษๆ แล้ว​ ก็ถึงคาราบันดัลด้วยความกระชุ่มกระชวย คาราบันดัลเป็นหมู่บ้านเล็กๆ​
ไม่เกิน 50 หลังคาเรือน​ คงจะมีอาชีพเลี้ยงสัตว์เป็นส่วนใหญ่​ เห็นมีรถตู้นำสินค้ามาขายคล้ายในตรอกซอย,
บ้านเรา เพียงแต่ไม่ใช้เครื่องขยายเสียงเท่านั้น สินค้าก็จำพวกไส้กรอก​ เนยแข็ง น้ำส้ม​ น้ำมันมะกอก และ
เหล้าไวน์ ความเจริญยังเข้าไปไม่ถึงนัก เวลา 11.00 น. ยังปิดบ้านกันเงียบ มีร้านกาแฟอยู่ร้านเดียวเพิ่งจะ
แง้มประตู ถามหากาแฟ เจ้าของร้านขอให้รอสักครึ่งชั่วโมงเพราะยังไม่ได้ต้มน้ำ หากคิดย้อนไป 30 ปี​ ตอนที่
แม่พระปรากฏมาพบเด็กหญิง​ 4 คน คงจะเป็นอะไรที่กันดารสุด​ๆ​ แม่พระคงเฟ้นที่จะมาปรากฏแก่เด็กๆ​ ที่ไร้
เดียงสา หรือไกลจากความศิวิไลซ์​ เพื่อให้สาส์นที่แม่พระต้องการมอบให้นั้น​ “บริสุทธิ์​ผุดผ่องและน่าเชื่อถือจริงๆ​”​
เพราะเป็นเรื่องคอขาดบาดตายสำหรับมนุษยชาติ เป็นเรื่องของแม่ที่อยู่บนสวรรค์ เป็นห่วงเป็นใยลูกๆ ที่กำลัง
หลงระเริงฟ้อนรำทำเพลงกันอย่างสุดเหวี่ยงที่ปากเหว
พวกเราเดินทางไปตามเส้นทางที่ชาวบ้านแนะนำ หัวหน้าคณะซึ่งชินกับสำเนียงชาวกรุงมาดริดต้องตะแคง
หูฟังแทบแย่ เลี้ยวซ้ายเลี้ยวขวาแล้วตรงไปเป็นทางค่อนข้างขรุขระและสูงชัน ผู้สูงอายุ 2-3 ท่าน​ ไม่กล้าขึ้นบน
เนินทิวต้นสน 9 ต้น ที่แม่พระปรากฏมาเมื่อ 30 ปีก่อน แต่มีผู้สูงอายุท่านหนึ่งอายุใกล้ 80 ปี​ อาศัยลูกๆ ทั้ง 3
ช่วยกันหิ้วปีก ก็สามารถขึ้นถึงสวนสนเป็นผลสำเร็จ​ ท่านตั้งใจอย่างแน่วแน่จะมาคารวะแม่พระคาราบันดัล
ให้ได้ (คงจะมาขออะไรสักอย่างจากแม่พระ) ทั้งๆ ที่ช่วงจะต้องเดินทางนั้นก็จะมีพระสงฆ์ชาวฟิลิปปินส์
ชื่อ โคซี่ เลอกัสปี ผู้มีพรสวรรค์ในการรักษาโรคด้วยวิธีปกมือ จะมาเมืองไทยพอดี แต่ท่านตัดสินใจไปสเปน
เพื่อขอพรจากแม่พระคาราบันดัล และแล้วหูข้างหนึ่งที่หนวกมาเกือบ 20 ปี ท่านกลับไปได้ยินเป็นปกติดังเดิม
ยังความยินดรมาสู่คณะแสวงบุญครั้งนี้เป็นอย่างมาก แต่โดยเฉพาะอย่างยิ่งบรรดาลูกๆ ทั้งสามคน บอกว่า
เดี๋ยวนี้ไม่ต้องเอี้ยวตัวพูดใส่หูข้างที่ไม่หนวกอีกแล้ว นี่เป็นแค่หนังตัวอย่างเท่านั้น​ ปาฏิหาริย์ครั้งใหญ่​จะ
เกิดขึ้นที่นี่บนทิวสนนี่แหละในไม่กี่ปีข้างหน้านี้ นี่เป็นคำพูดของแม่พระที่ได้ให้ไว้แก่เด็กหญิงผู้หนึ่ง
คราวปรากฏมาระหว่างปี 1961-1965
มีเหตุผลอะไรที่ทำให้แม่พระต้องประจักษ์มาพบเด็กที่คาราบันดัลในปี​ 1961? คำตอบก็คือ คราวที่แม่พระ
ปรากฏมาที่ฟาติมา โปรตุเกส​ในปี​ 1917 นั้น แม่พระได้มอบสาส์นให้เด็กไว้ 3 ข้อ สาส์นข้อที่ 3 หรือที่เรียกกันว่า
ความลับข้อที่ 3 แห่งฟาติมานั้น แม่พระได้สั่งให้เปิดเผยได้ในปี 1960 แต่พระสันตะปาปา ขณะนั้นคือจอห์นที่ 23
ไม่ยอมเปิดเผย แม่พระจึงปรากฏมาที่คาราบันดัล มอบสาส์นให้แก่เด็กหญิง 4 คน ชื่อ คอนซิต้า ยาชินทา
มารีครุส​ มารีโลลี ในวันที่ 4 กรกฎาคม 1961 แม่พระเผยสาส์นข้อหนึ่งสำหรับโลก​ แม่พระบอกเด็กๆ
ให้ประกาศสาส์นนี้ ในวันที่ 18 ตุลาคม 1961 ดังนี้​:
“จะต้องทำพลีกรรมให้มากขึ้น​ ใช้โทษบาปให้มากขึ้น สวดมากๆ​ แต่ก่อนอื่นใด จะต้องเป็นคนดี
หากไม่ทำสิ่งเหล่านี้ การลงโทษจะรอเราอยู่ข้างหน้า ขณะนี้ถ้วย (แห่งพระพิโรธ) กำลังเต็มาแล้ว​
และหากเราไม่เปลี่ยนแปลงเราจะต้องถูกลงโทษ”​

🔹---โปรดติดตามตอนต่อไป​-​--🔹
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 6698
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

ศุกร์ ก.ค. 18, 2025 5:45 pm

🕵️ เกาะติด​วิกฤติ​โลกผ่านทาง​พระคัมภีร์​และนอสตราดามุส 🕵️
โดย​ สนธิ​ สารธรรม
ตอนที่​ ( 50 )

✴️ ทัวร์​แสวง​ (หา) บุญกึ่งแสวงหาข่าว​ (B)​ ✴️
ในวันที่ 1 มกราคม 1965 แม่พระบอกคอนซิต้าว่า อัครเทวดาไมเคิลจะปรากฏมาในวันที่ 18 มิถุนายน​
เพื่อมอบสาส์นข้อสุดท้ายสำหรับชาวโลก​ เพราะสาส์นข้อแรกของพระนางไม่มีใครสนใจ​ ที่ “กวาโดร”
อัครเทวดาไมเคิลปรากฏให้คอนซิต้าเห็น ขณะที่อยู่ในภวังค์เป็นเวลานาน 16 นาที​ ท่านได้มอบสาส์น
สุดท้ายใจความว่า :
“เนื่องจากสาส์นของวันที่ 18 ตุลาคมของแม่ไม่ได้รับการปฏิบัติตาม​ และไม่ได้รับการเผยแพร่ไปทั่วโลก
แม่ขอบอกว่า นี่เป็นสาส์นสุดท้าย ก่อนหน้านี้ถ้วยกำลังจะเต็ม​ แต่ขณะนี้ถ้วยนั้นล้นแล้ว คาร์ดินัล สังฆราช
และพระสงฆ์มากมายกำลังเดินไปบนเส้นทางแห่งความหายนะ​ และพวกเขาได้นำวิญญาณมากมายไปด้วย
การให้ความสำคัญต่อศีลมหาสนิทลดน้อยลงทุกขณะ เราควรหลีกเลี่ยงพระพิโรธของพระเจ้า
ด้วยความเพียรพยายามอยู่ในความดี”​
“หากลูกขอโทษอย่างจริงใจ​ พระองค์จะทรงให้อภัย ขอให้วิงวอนผ่านแม่และท่านไมเคิล แม่และท่าน
ไมเคิลต้องการบอกลูกให้ปรับปรุงตัวเสียใหม่​ แม่ขอบอกลูกๆ ว่าเราอยู่ในสัญญาณเตือนครั้งสุดท้ายแล้ว
แม่รักและไม่อยากให้ลูกๆ ต้องพินาศ​ ขอให้ลูกๆ วอนขอแม่และเทวดาไมเคิลอย่างจริงใจ​ และแม่จะจัดการ
ให้ลูก ขอให้ลูกทำพลีกรรมให้มากขึ้น จงคิดถึงพระมหาทรมานของพระเยซูเจ้า”​
การปรากฏมาของแม่พระคาราบันดัลนี้ มีขึ้นระหว่างปี 1961-1965 และการประชุมสังคายนา วาติกันที่​2
ก็มีขึ้นระหว่างปี 1962-1965 น่าจะมีอะไรสัมพันธ์กันอย่างไม่ต้องสงสัย​ หากมีข้อมูลคืบหน้าประการใดจะ
ได้เสนอในโอกาสต่อไป
เหตุการณ์สำคัญ 4 ประการ​ กำลังจะเกิดขึ้น
เด็กหญิงทั้ง 4 ผู้เห็นแม่พระได้แจ้งให้เราทราบถึงเหตุการณ์สำคัญและเหนือธรรมชาติจะเกิดขึ้นที่
คาราบันดัล ซึ่งถ้าเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นจริง​ สิ่งที่แม่พระบอกไว้ล่วงหน้าก็จะเป็นการยืนยันว่าแม่พระได้
ปรากฏมาที่คาราบันดัลจริง
1. สัญญาณเตือน เหตุการณ์แรกจะเป็นการเตือนที่มาจากพระเจ้าสู่มนุษย์ทุกคนบนโลก คอนซิต้าได้บันทึก
ในจดหมายลงวันที่ 1 มกราคม 1965 ว่า​ “แม่พระบอกว่าการเตือนนี้จะมีไปถึงมนุษย์ทุกคนก่อนจะเกิดปาฏิหาริย์
เพื่อโลกจะได้ปรับปรุงตัวเอง​ สัญญาณเตือนนี้จะมาโดยตรงจากพระผู้เป็นเจ้า​ และจะมองเห็นได้จากทั่วโลก
เธอพยายามบอกใบ้ว่าอาจเกิดบนท้องฟ้า​ เช่น​ ดาว 2 ดวงชนกัน จะก่อให้เกิดเสียงกัมปนาทกึกก้องไปทั่วโลก
เกิดแสงจ้า​ สว่างไสว ทุกคนจะเห็นมัน และจะสำนึกถึงบาปบุญคุณโทษ ไม่มีผู้ใดจะยับยั้งสัญญาณนี้ได้ ขณะที่
เกิดทุกสิ่งทุกอย่างจะหยุดชะงักชั่ว 2-3 วินาที​ แม้กระทั่งเครื่องบินที่กำลังบินบนท้องฟ้า แม่พระอธิบายถึง
สัญญาณเตือนนี้ว่าเป็นเสมือนการพิพากษาย่อย มีจุดมุ่งหมายที่จะดึงคนดีมาใกล้ชิดกับพระ​ ​แล้วจะได้ไป
เตือนคนอื่นด้วย แล้วแม่พระยังบอกใบ้อีกว่าสัญญาณเตือนนี้เป็นปรากฏการณ์ที่เริ่มด้วยอักษร​ “A” มีผู้สันทัด
กรณีได้แสดงความเห็นว่าน่าจะเป็น Asteroid คือ ดาวเคราะห์น้อยมากมายที่หมุนรอบดวงอาทิตย์ หากตกลง
มายังพื้นโลกเราก็เรียกลูกอุกกาบาต
นอสตราดามุสก็ทำนายไว้ในกลอน บทที่ 69/1 ว่า
La grand montagne ronde de sept stades,
Apres paix, guerre, faim, inondation,
Roulera loin abismant grands contrades,
Memes antiques & grand foundation.
ภูเขากลมใหญ่ขนาด 7 สแต็ด​(เส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 1 ไมล์)
หลังจากสันติภาพก็เกิดสงคราม ความอดอยากและอุทกภัย
ภูเขาใหญ่นั้นก็ลอยละล่องจากฟ้านำความล่มจมมาสู่เมืองใหญ่
ที่สำคัญทางโบราณคดีและทางแสนยานุภาพ

หมายเหตุ สแต็ด เป็นมาตราวัดของกรีกโบราณ หนึ่งสแต็ดมีความยาวประมาณ 700 ฟุต ฉะนั้น 7 สแต็ด
ก็ยาว 4,900 ฟุต เท่ากับ​1633.33 หลาหรือเกือบ 1 ไมล์
มีผู้ตั้งคำถามกับคอนซิต้าว่า​ สัญญาณเตือนนี้จะทำให้คนตายได้หรือไม่​ เธอตอบ “หากเราตาย คงมิใช่ตาย
เพราะสัญญาณเตือนในตัวของมันเอง แต่อาจตายเพราะตกใจที่ได้เห็นและรู้สึกหวั่นไหวในสัญญาณเตือนนั้น”​
ถาม: สัญญาณเตือนนี้จะเป็นสิ่งที่มองเห็นได้​ หรือเป็นเรื่องภายในใจ​ หรือเป็นทั้งสอง?
ตอบ: ใช่แล้ว เป็นทั้งสอง​ สัญญาณเตือนเป็นสิ่งที่มาจากพระโดยตรง​ และจะมองเห็นได้ไปทั่วโลก ไม่ว่าคุณ
จะอยู่ที่ไหนก็ตาม
ถาม: สัญญาณเตือนนี้จะเผยบาปของแต่ละคนทั่วโลกที่เชื่อในพระเจ้าเท่านั้น หรือรวมทั้งคนที่ไม่เชื่อ
ในพระเจ้าด้วย?
ตอบ: ถูกแล้ว สัญญาณเตือนนี้จะเป็นการเปิดเผยบาปของเรา ไม่ว่าจะเป็นคนที่เชื่อในพระหรือไม่ก็ตาม​
คนในศาสนาไหนก็ตามจะเห็นบาปของตัวเอง และรู้สึกถึงความน่าเกลียดของบาปเหมือนกันทุกคน
ถาม: สัญญาณเตือนอาจเป็นดาวหางที่โคจรเข้าใกล้โลกได้หรือไม่?
ตอบ: ฉันไม่รู้ว่าดาวหางคืออะไร แต่หากมันเป็นสิ่งที่มนุษย์ทำขึ้น​ ฉันขอตอบว่าไม่ใช่ แต่หากเป็นสิ่งที่
พระเจ้าจะทรงกระทำ - คำตอบคือ ใช่”​ “สัญญาณเตือนนั้นจะน่ากลัวมาก มากกว่าแผ่นดินไหวพันเท่า”​ มันจะ
เหมือนกับไฟ มันจะไม่ไหม้ผิวหนังของเรา แต่เราจะรู้สึกได้ทั้งร่างกายและจิตใจ ทุกคนจะประสบกับเหตุการณ์นี้
เช่นเดียวกัน​ ไม่มีใครหนีพ้นไปได้ ท่านจะรู้สึกและได้เห็นเช่นเดียวกัน”

🔹---โปรดติดตามตอนต่อไป​-​--🔹
ตอบกลับโพส