หน้า 1 จากทั้งหมด 1

“ความลับสายประคำ” (ตอนที่ 21-40 )

โพสต์แล้ว: จันทร์ พ.ย. 17, 2025 5:08 pm
โดย rosa-lee
📿 ความลับของสายประคำ​ 📿
👉 โดย​ : นักบุญ​ หลุยส์​ เดอ​ มงฟอร์ต​ 👈
ตอนที่​ ( 21 )
🌹 กุหลาบ​ดอก​ที่​ 10 (อัศจรรย์​) 🌹

ระหว่างที่ท่านนักบุญดอมินิก​กำลังเทศน์เรื่องสายประคำที่เมืองการ​กาสโซเนอยู่นั้น​ มีชาวเฮเรติก
คนหนึ่งเยาะเย้ยถากถางมหัศจรรย์และข้อลึกลับ 15 ประการของการสวดสายประคำ (​มงกุฎกุหลาบ)
ก็เลยเป็นการกีดกันเฮเรติกคนอื่นมิให้กลับใจด้วย​ เพื่อเป็นการลงโทษเขา พระเป็นเจ้าปล่อยให้ปีศาจ
15,000 ตัว​ เข้าไปสิงอยู่ในร่างกายของเขา

พ่อแม่ของเขาก็พาเขาไปหาคุณพ่อดอมินิกให้ไล่ผีออก​ ท่านนักบุญเริ่มงานโดยสวดภาวนาและ
ขอทุกคนที่อยู่ที่นั่นให้สวดลูกประคำดัง ๆ พร้อมกับท่าน และเมื่อสวดบทวันทามารีย์บทหนึ่ง​ ก็มีปีศาจ
หนึ่งร้อยตัวออกจากเขา และพวกมันออกมาเป็นร่างของถ่านไฟแดง

เมื่อปีศาจออกหมดแล้ว เขาก็สาปแช่งความผิดหลงของตน​ กลับใจ​ และเข้าร่วมในสมาคมคณะ
ภราดรภาพแห่งสายประคำ เ​พื่อน ร่วมลัทธิของเขาสะเทือนใจในการลงโทษของพระเจ้า​ และครั่นคร้าม
ในอานุภาพของสายประคำ ก็กลับใจเช่นเดียวกัน

ส่วนท่านการ์ทาเยนาซึ่งเป็นปราชญ์และสงฆ์ชาวฟรังซิสกัน​ และนักเขียนคนอื่นอีกหลายคนบอกว่า
มีเรื่องประหลาดเกิดขึ้นในปี 1452 คือท่านผู้นับถือ (ยศแสดงถึงความศักดิ์สิทธิ์ขั้นแรกของผู้ที่จะถูก
ประกาศว่าเป็นนักบุญ) เจมส์ สเปรน​เจอร์ (Sprenger) และนักบวชคนอื่นอีกในคณะของท่านกำลัง
ทำงานอย่างร้อนรนเพื่อจะฟื้นฟูความศรัทธาต่อการสวดลูกประคำ​ และตั้งคณะภราดรภาพ
ในเมืองโคโลญ​ (Cologne)

แต่น่าเสียดาย ที่มีพระสงฆ์สององค์ที่เป็นนักเทศน์ที่เก่ง แต่อิจฉาในความสำเร็จของท่านผู้น่านับถือ
ที่เทศน์ถึงการสวดลูกประคำนี้ พระสงฆ์สององค์นี้จึงพูดต่อต้านความศรัทธานี้ในทุกโอกาส แต่เนื่อง
จากว่าทั้งสองเป็นนักเทศน์แบบสาลิกาลิ้นทอง จึงมีคนหลงเชื่อมาก และไม่ยอมเข้าร่วมคณะ
ภราดรภาพของสายประคำ

และองค์หนึ่ง ตั้งปณิธานแน่วแน่ที่จะบรรลุผลสำเร็จในเจตนาร้ายนี้ โดยเขียนบทเทศน์พิเศษต่อต้าน
การสวดลูกประคำ และวางแผนไว้ว่าวันอาทิตย์ต่อไปจะเอาไปเทศน์ให้ได้ แต่เมื่อถึงเวลาเทศน์ ก็ไม่เห็น
มาปรากฏกาย ผู้ที่รอฟังบางคนก็ออกไปตามดู​ ก็พบว่าท่านตายไปเสียแล้ว แน่นอนท่านตายคนเดียว
ไม่มีใครช่วย​ และไม่ได้พบพระสงฆ์

ส่วนเพื่อนพระสงฆ์อีกคนหนึ่งนั้น ก็เชื่อว่าสหายผู้หลงผิดของตนตายด้วยมรณภาพธรรมดา ก็เลย
คิดว่าต้องทำตามแผนการเพื่อนให้เสร็จไป ก็วางแผนที่จะเทศน์ในอาทิตย์ต่อไป คิดว่าการทำเช่นนี้​
จะทำให้คณะศรัทธานี่ต้องพังลงไปในที่สุด แต่นั่นแหละ พอถึงเวลาที่เขาต้องออกไปเทศน์ พระเป็นเจ้า
ก็ทำให้เขาเป็นอัมพาต แขนขาก็เคลื่อนไม่ได้​ ปากก็พูดไม่ได้

ที่สุดเขายอมรับบาปของตน​ รวมทั้งบาปของเพื่อนของตนที่ตายแล้ว และทันใดนั้น โดยความจริงใจ
ของเขา เขาวอนขอพระแม่ช่วย และสัญญากับพระแม่ว่าหากพระแม่ช่วยตนให้หาย ตนก็จะออกไปเทศน์
เรื่องการสวดลูกประคำด้วยความร้อนรนเท่า ๆ กับที่แต่ก่อนได้เคยต่อต้านความศรัทธานี้ เขาได้ขอพระนาง
ได้คืนสุขภาพและความสามารถพูดแก่ตน และพระแม่ก็อนุโลมให้ตามคำขอ เมื่อรู้สึกว่าตัวหายจากโรคภัย
อย่างทันทีเช่นนี้ ก็รีบลุกขึ้น เหมือนเซาโล​ ศัตรูผู้ต่อต้านลูกประคำ บัดนี้กลายเป็นทนายความเพื่อลูกประคำ
ไปแล้ว เขาสารภาพความผิดของตนอย่างเปิดเผย และเป็นผู้เทศน์​ถึงความมหัศจรรย์แห่งสายประคำด้วย
ความร้อนรนและฝีปากเอกนับแต่นั้นมา

ข้าพเจ้าแน่ใจว่านักคิดเสรีและนักวิจารณ์คงสงสัยว่าเรื่องที่เล่ามานี้จะจริงเท็จอย่างใจ แต่ทุกสิ่งที่ข้าพเจ้า
ได้ทำก็คือลอกจากหนังสือของนักเขียนร่วมสมัย และบางส่วนก็คัดจากหนังสือซึ่งเขียนแล้วไม่นาน​ ชื่อว่า
“ต้นกุหลาบมหัศจรรย์” โดยคุณพ่อ อันโตนิน​ โทมัส โอ.พี.

เราทุกคนคงทราบดีว่ามีความเชื่อถืออยู่หลายอย่างซึ่งทำให้เราเชื่อเรื่องราวหรือนิทานต่าง ๆ

เรื่องราวของพระคัมภีร์นั้น เราได้มา โดยความเชื่อจากพระเจ้า

เรื่องอื่นที่ไม่ใช่เรื่องราวทางศาสนา แต่ไม่ขัดกับสามัญสำนึก​ และถูกเขียนโดยนักเขียนที่เชื่อถือได้
เราเชื่อถือเรื่องเหล่านี้ตามแบบภาษามนุษย์เท่านั้น (human faith)

ส่วนเรื่องราวศักดิ์สิทธิ์ที่เล่าโดยผู้แต่งที่ดีไม่ขัดกับเหตุผลแม้แต่น้อย ซึ่งอาจเป็นเรื่องเกี่ยวกับความเชื่อบ้าง
เกี่ยวกับศีลธรรมบ้าง (แม้บางครั้งอาจเกี่ยวกับเรื่องผิดปรกติสักหน่อย) เราเรียกว่า​ ความเชื่อแบบศรัทธา

ข้าพเจ้าเห็นว่าเราไม่ควรเชื่อง่ายเกินไป แต่ก็ไม่ควรเป็นคนขี้สงสัยเกินไป คิดว่าควรเดินสายกลางดีกว่า
แต่อีกด้านหนึ่งก็รู้สึกเช่นเดียวกันว่า ความรักย่อมทำให้เราเชื่อในทุกอย่างว่าไม่ขัดต่อความเชื่อหรือศีลธรรม
ตามที่นักบุญเปาโลพูดถึงชาวโครินท์​ (1 คร 13:7) “ความรัก...เชื่อในทุกสิ่ง” และตรงข้ามความจองหอง
จะทำให้เราสงสัยแม้ในเรื่องที่น่าเชื่อถือได้ โดยอ้างว่าไม่มีหลักฐานในพระคัมภีร์​ เป็นต้น

นี่เป็นกับดักอันหนึ่งของปีศาจ​ ซึ่งชาวเฮเรติกในอดีตผู้ปฏิเสธพระวาจาพระเจ้าได้ตกลงไปแล้ว
และทุกวันนี้ นักวิจารณ์เกินไปก็กำลังถลำลงไปโดยไม่รู้ตัวเช่นกัน

คนเหล่านี้ไม่เชื่อสิ่งที่ตนไม่ชอบหรือไม่เข้าใจ เพราะชอบความเป็นอิสระทางใจ
หรืออยากเกาะแน่นกับความจองหองของตน

🍀โปรดติดตาม​ตอนต่อไป​🍀

Re: “ความลับสายประคำ” (ตอนที่ 21-40 )

โพสต์แล้ว: จันทร์ พ.ย. 17, 2025 5:15 pm
โดย rosa-lee
📿 ความลับของสายประคำ​ 📿
👉 โดย​ : นักบุญ​ หลุยส์​ เดอ​ มงฟอร์ต​ 👈
ตอนที่​ ( 22 )
🌹 กุหลาบ​ดอก​ที่​ 11 (บทแสดงข้อความ​เชื่อ​) 🌹

บท “ข้าพเจ้าเชื่อ” (Creed) เป็นสัญลักษณ์ของอัครสาวก สวดสำหรับกางเขนที่อยู่ตอนต้นของ
สายประคำ เป็นบทสรุปความเชื่อของคริสตชนทั้งหมด เป็นบทที่มีคุณค่ามาก เพราะเป็นดังรากแก้ว
หรือกระดูกสันหลัง ของความเชื่อของเรา​ และเป็นที่พอพระทัยพระเป็นเจ้ามาก ตามที่พระองค์สั่งว่า
“ใครที่มาหาพระเจ้าต้องเชื่อ..”​ (1 เฮบ.​ 11:6) ยิ่งเขามีความเชื่อมาก การสวดภาวนาของเขาก็จะยิ่ง
ได้กุศล ยิ่งจะมีพลัง และเป็นสิริมงคลแก่พระเป็นเจ้า

ข้าพเจ้าไม่อยากจะพูดถึงบทนี้ให้ยืดยาว แต่ก็อดไม่ได้ที่จะพูดสักสองสามคำถึงคำที่ว่า “ข้าพเจ้า
เชื่อในพระผู้เป็นเจ้า” เพราะมีผลทำให้เราเป็นคนศักดิ์สิทธิ์ และขับไล่ปีศาจออกไปจากใจเรา เพราะ
สามคำนี้บรรจุคำพูดที่แสดงถึงฤทธิ์กุศลเหนือธธรรมชาติ​ 3 อย่าง คือ ความเชื่อ ความไว้ใจ และความรัก

โดยคำตั้งปณิธานว่า “ข้าพเจ้าเชื่อในพระเจ้า”​ นี่แหละทำให้นักบุญทั้งหลายชนะการผจญได้ เป็นต้น​
ความคิดที่ขัดกับความเชื่อ​ ความไว้ใจ และความรัก ไม่ว่ามันจะมารบ​กวนเวลาสบาย ๆ หรือเวลาใกล้จะ
ตายก็ตาม คำเหล่านี้ยังเป็นวาจาสุดท้ายของนักบุญเปโตร​ องค์มรณสักขี มีชาวเฮเรติกคนหนึ่งได้ผ่า
ศีรษะของท่านออกเป็นสองเสี่ยงโดยการใช้ดาบฟันอย่างรุนแรง ในเวลาจวนจะสิ้นใจ​ ท่านยังพยายาม
ใช้นิ้วเขียนคำเหล่านี้ลงบนพื้นทราย

สายประคำบรรจุข้อลึกลับหลายข้อเกี่ยวกับพระเยซูเจ้า และพระมารดามารีย์ และเนื่องจากว่ามี
ความเชื่อเป็นกุญแจลูกเดียวที่จะเปิดใจเราให้เข้าใจข้อลึกลับเหล่านี้ เราจึงควรเริ่มการสวดลูกประคำ
โดยการสวดบท “แสดงความเชื่อ”​ อย่างร้อนรน และยิ่งเรามีความเชื่อมาก​ การสวดของเราก็ยิ่งจะได้
กุศลแรงขึ้นเท่านั้น

ความเชื่อนี้ต้องมีชีวิตชีวาและปรุงแต่งโดยความเมตตาปรานี​ หรือพูดอีกอย่างหนึ่งว่า การที่จะสวด
สายประคำได้ถูกต้องจริง ๆ​ นั้นต้องมีพระหรรษทานของพระผู้เป็นเจ้า หรืออย่างน้อยต้องการและกระหาย
หาพระหรรษทานนี้ ความเชื่อนี้ต้องแข็งแรงและมั่นคง​ กล่าวคือเราไม่ต้องแสวงหาความศรัทธาที่รู้สึกด้วย
ประสาททั้งห้า​ หรือแสวงหาความบรรเทาใจจากการสวดภาวนานี้ และเราก็ไม่ต้องเลิกสวดหากจิตใจเรา
ฟุ้งซ่านมาก หรือมีความเบื่อหน่ายในวิญญาณ​ หรือเพราะปวดเมื่อยร่างกายด้วย ในการสวดนี้ไม่ต้องการ
ความรู้สึก​ ความบรรเทา การส่ายหน้า การเคลื่อนที่ การตั้งใจเสมอ​ หรือจินตนาการ มีแต่ความเชื่อและ
เจตนาดีก็พอแล้ว “ความเชื่อเท่านั้นก็พอแล้ว”​ ดังเพลงว่า (จากบท Pange Lingua ข้อ 4)

พระวจนาถต์เป็นพระกาย ปังแท้
Verbum caro, panem verum

เป็นกายด้วยพระวจนาถต์
Verbo carnem efficit

พระโลหิตพระคริสต์กลับเป็นเหล้าองุ่น
Firque sanguis Christi merum

และหากประสาทขาดไป
Etsi sensus deficit

เพื่อทำใจซื่อ ๆ ให้มั่นคง
Ad firmandum cor sincerum

ความเชื่อเท่านั้นพอ
Sola fides sufficit

N.B ประวัติเพิ่มเติมของ Peter of Verona O.P. 1206 - 1253 ท่านเป็นพระสงฆ์ชาวดอมินิกัน
ซึ่งต่อต้านลัทธิเฮเรติกอย่างกล้าหาญและร้อนรน ท่านมีบุญได้รับเสื้อนักบวชจากมือนักบุญดอมินิกเอง
​ ท่านถูกแต่งตั้งเป็นพัสดี Inquisitor แห่ง​Lombardy และได้ตายในการรักษาความเชื่อในหน้าที่ของท่าน

บทข้าแต่พระบิดาบรรจุหน้าที่ของเราทั้งหมดต่อพระเจ้า เป็นกิจกรรมแห่งฤทธิ์กุศลทั้งปวง​ และยัง
เป็นคำขอร้องให้พระองค์ช่วยเราในความต้องการทั้งกายและใจ ท่านนักพูดแตร์ตูเลียน​ บอกว่า​ บทข้า
แต่พระบิดาเป็นบทสรุปของ พระธรรมใหม่​ (New Testament) ทั้งหมด​ ท่านโทมัส อา แคมปีส บอกว่า
เป็นบทแสดงความปรารถนาที่อยู่เหนือความปรารถนาของนักบุญทั้งหลาย เป็นบทกลั่นกรองมาจาก
คำพูด เพราะ ๆ​ ของเพลงสดุดีและลำนำ (Canticles) ทั้งหลาย ในบทนี้เราขอทุกสิ่งที่เราต้องการ
และวิญญาณของ เราจะลอยตัวขึ้นจากโลกไปรวมกับพระเป็นเจ้าในสวรรค์

🍀โปรดติดตาม​ตอนต่อไป​🍀

Re: “ความลับสายประคำ” (ตอนที่ 21-40 )

โพสต์แล้ว: จันทร์ พ.ย. 17, 2025 5:22 pm
โดย rosa-lee
📿 ความลับของสายประคำ​ 📿
👉 โดย​ : นักบุญ​ หลุยส์​ เดอ​ มงฟอร์ต​ 👈
ตอนที่​ ( 23 )
🌹 กุหลาบ​ดอก​ที่​ 12 (ข้าแต่พระบิดา) <A> 🌹

ข้าแต่พระบิดาของข้าพเจ้าทั้งหลาย - แต่ก่อนเราใช้คำว่าข้าแต่พระบิดาของเรา รู้สึกว่าจะมีความรู้สึก
สนิทสนมมากกว่า แต่นักภาษาเขาบอกว่าเป็นคำที่ไม่ให้เกียรติแก่พระเท่าไร เลยใช้คำว่า​ “ข้าพเจ้าทั้งหลาย”
ตามหลักการใช้ราชาศัพท์​ อย่างไรก็ตาม​ บทนี้มีคุณค่าสูงมาก​ และเหนืออื่นใดผู้แต่งบทนี้มิใช่มนุษย์หรือ
เทวดาองค์ใด แต่เป็นจอมราชาของเทวดาและมนุษย์ทีเดียว​ พระองค์เป็นพระสวามีและผู้ไถ่ของเรา นั่นคือ
องค์พระคริสตเจ้าเอง​ นักบุญซีเปรียนบอกว่า เป็นการสมควรแล้วที่องค์พระมหาไถ่ของเรา ผู้ซึ่งทำให้เรา
ได้เกิดใหม่โดยชีวิตของพระหรรษทานจะได้เป็นพระอาจารย์เจ้าแห่งสวรรค์ และสอนเราว่าควรจะสวด
ภาวนาอย่างไร

การเรียงลำดับอันสวยงาม การมีพลังอันอ่อนช้อย และความชัดแจ้งของบทภาวนาของพระเจ้านี้
ย่อมแสดงถึงความปรีชาฉลาดของพระอาจารย์เจ้าเป็นอย่างยิ่ง มันเป็นบทสวดที่สั้น ๆ ก็จริง แต่กะทัดรัด
และกินความหมายมาก เข้าถึงจิตใจประชาชนที่การศึกษาต่ำ​ ส​่วนคนมีการศึกษาสูงก็อาจใช้เป็นบทรำพึง
ถึงข้อลึกลับต่าง ๆ ของความเชื่อของเรา

นักบุญจอห์น คริสโซสตอม​ บอกว่า เราจะเป็นศิษย์ที่ดีของพระอาจารย์ไม่ได้เลย หากเราไม่สวดภาวนา
เหมือนที่พระองค์ทำ​ และด้วยวิธีการที่พระองค์ทรงสอนเรา ยิ่งกว่านั้นพระบิดาเจ้าก็พอใจที่จะฟังบทที่เราได้
ร่ำเรียนมาจากพระบุตรของพระองค์ยิ่งกว่าบทที่เราคิดขึ้นเอง​ เพราะมันเป็นผลงานของมนุษย์ที่ไร้
ความสามารถและมีขอบเขต

เราต้องสวดบทนี้ด้วยความแน่ใจว่าพระบิดาเจ้าจะทรงฟังแน่นอน​ เพราะเป็นบทภาวนาของพระบุตร
ซึ่งพระองค์คอยฟังเสมอ​ และเป็นพระบุคคลหนึ่งในพระตรีเอกภาพ พระเป็นเจ้าจะประทานให้ตามที่เรา
ขอโดยทางบทภาวนานี้​ เพราะเราไม่อาจคิดเลยว่า​ พระบิดาผู้ใจดีทรงคำขอร้องเช่นนี้ของพระบุตร

นักบุญเอากุสตินบอกว่าทุกครั้งที่เราสวดบทนี้อย่างดี บาปเบาของเราก็หลุดพ้นไปด้วย มีคนกล่าวว่า
​ แต่ละวัน คนดี ๆ จะตกในบาปถึง 7 ครั้ง แต่ในบทสวดนี้ เราจะเห็นว่ามีคำวิงวอนอยู่เจ็ดประการ ที่จะช่วย
เรามิให้ตกในบาป และป้องกันจากศัตรูวิญญาณ​ พระอาจารย์เจ้าของเราทราบดีว่า เราอ่อนแอเพียงใด​
และต้องผจญกับความลำบากเพียงใด พระองค์จึงแต่งบทสวดเพียงสั้น​ๆ​ และง่าย ๆ เพื่อว่าหากเราตั้งใจ
สวดดี ๆ​ เราก็แน่ใจว่าพระเจ้าก็จะมาช่วยเราเร็ว ๆ

ท่านผู้มีดวงวิญญาณที่ศรัทธาทั้งหลาย ข้าพเจ้าอยากจะพูดอะไรกับท่านคำสองคำ อาจเป็นได้ที่ท่าน
ไม่ได้สนใจบทภาวนาที่พระอาจารย์เจ้าของเราแต่งให้เอง และขอให้พวกเราสวด ข้าพเจ้าอยากขอร้อง
ให้ท่านเปลี่ยนนิสัยเดิมเสียที ท่านอาจชอบที่มนุษย์ธรรมดาเขียนมากกว่าก็ได้​ ขอแต่ให้คนนั้นเป็นนักพูด
นักเขียนไพเราะน่าฟัง แต่ยังจะมีมนุษย์ใดในโลกที่จะรู้ดีกว่าพระเยซู​เจ้าว่าบทที่เราควรสวดนั้นเป็นฉันใด
บางทีท่านพลิกหาดูบทสวดในหนังสือที่มนุษย์เขียนราวกับว่ารู้สึกน้อยหน้าที่จะต้องสวดบทที่พระอาจารย์
เจ้าเองสั่งให้เราสวด

ท่านพยายามทำให้ตัวเองมั่นใจว่า บทสวดภาวนาในหนังสือเหล่านี้เป็นบทสำหรับคนมีความรู้และ
ของคนร่ำรวยเป็นผู้ดีชั้นสูง​ และคิดว่า​การสวดลูกประคำนั้นเป็นของสำหรับผู้หญิง เด็ก ๆ และคนชั้นต่ำ​
ท่านหลงผิดคิดไปว่า บทภาวนาและบทสรรเสริญพระเจ้าซึ่งท่านอ่านในหนังสือนั้นน่าฟังและเป็นที่พอ
พระทัยพระเป็นเจ้ามากไปกว่าถ้อยคำที่มีอยู่ในบทของพระอาจารย์เสียอีก มันเป็นการล่อลวงที่น่าอันตราย
ที่ชวนให้เราเสื่อมความศรัทธาในบทภาวนาของพระเยซู​แล้วไปสนใจบทอื่นที่มนุษย์เขียนเอง

ทั้งนี้ข้าพเจ้าไม่มีเจตนาจะลบหลู่บทภาวนาที่บรรดานักบุญเขียนไว้ให้เราสรรเสริญพระเจ้า แต่อยาก
ขอเพียงว่าในบรรดาบทสวดต่าง ๆ นั้น บทของพระเยซูนับว่าดีและพอพระทัยพระเป็นเจ้ามากที่สุด​ ก็เหมือน
กับคนที่ทิ้งธารนำพุเดินไปหาห้วยหนอง ปฏิเสธน้ำใสสะอาด​ และดื่มน้ำโคลนตมแทน ทั้งนี้เพราะว่าบทสวด
ลูกประคำนั้นประกอบด้วยบทสวดของพระอาจารย์ และบทคำนับของเทวดา บทสวดเหล่านี้เป็นดังธารน้ำพุ
อันใสสะอาด มีพระหรรษทานไหลพุ่งออกมา ส่วนบทสวดของคนอื่นแต่งนั้นเป็นเพียงสายน้ำเล็ก ๆ​ ซึ่งไหล
มาจากน้ำพุนี้เท่านั้น

คนที่สวดบทภาวนาของพระอาจารย์เจ้าอย่างตั้งใจ พยายามคิดติดตามทุกคำและรำพึงไปด้วย
ต้องถือว่าตนมีลาภ เพราะเขาจะพบว่าในบทสวดนี้มีทุกอย่างที่ตนต้องการและอยากได้

🍀โปรดติดตาม​ตอนต่อไป​🍀

Re: “ความลับสายประคำ” (ตอนที่ 21-40 )

โพสต์แล้ว: จันทร์ พ.ย. 17, 2025 5:24 pm
โดย rosa-lee
📿 ความลับของสายประคำ​ 📿
👉 โดย​ : นักบุญ​ หลุยส์​ เดอ​ มงฟอร์ต​ 👈
ตอนที่​ ( 24 )
🌹 กุหลาบ​ดอก​ที่​ 12 (ข้าแต่พระบิดา) <B> 🌹

เมื่อเราสวดบทอันน่าพิศวงนี้ เราไปเคาะดวงใจของพระเป็นเจ้า​ ตั้งแต่แรกเริ่มทีเดียว เพราะเราเรียก
พระนามอันน่าจับใจของพระองค์ว่า​ “พระบิดาของเรา”​ - พระองค์เป็นบิดาที่น่ารักที่สุด มีอำนาจที่สุดเหนือ
สรรพสิ่งทั้งปวง ปกครองโลกด้วยวิธีการน่าพิศวงที่สุด น่ารักที่สุดในพระสัพพัญญูญาณของพระองค์​ และ
ใจดีที่สุดในการไถ่บาป เมื่อเรามีพระเจ้าเป็นพระบิดาของเราแล้ว เราทุกคนก็เป็นพี่ ๆ น้องๆ กัน มีสวรรค์
เป็นบ้านถาวรและเป็นมรดกของเรา​ เหล่านี้ก็เป็นเหตุผลเหลือเฟือสำหรับเราแล้ว ที่จะรักพระองค์
และเพื่อนบ้าน ที่จะสลัดตนพ้นจากสิ่งของของโลกนี้

ฉะนั้น​ เราควรที่จะรักพระบิดาเจ้าสวรรค์ของเรา และควรพูดกับพระองค์ซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่า :

ข้าแต่พระบิดาของเราผู้อยู่ในสวรรค์
พระองค์ทำให้สวรรค์ และแผ่นดิน
เต็มด้วยความยิ่งใหญ่แห่งการสถิตอยู่ของพระองค์
พระองค์ผู้อยู่ในทุกหนทุกแห่ง
อยู่ในบรรดานักบุญ โดยสิริมงคลของพระองค์
อยู่ในผู้ถูกสาปแช่ง โดยพระยุติธรรม
อยู่ในคนดี โดยพระหรรษทาน
อยู่ในคนบาป โดยความเพียร
ซึ่งโดยความเพียรนี้ พระองค์อดทนเขา
เราวอนขอพระองค์ โปรดให้เราจำไว้เสมอว่า
เรามาจากพระองค์
โปรดให้เราดำรงชีวิตอย่างที่สมจะเป็นบุตรธิดาของพระองค์
โปรดให้เราเดินทางไปหาพระองค์
อย่าห่างเหไปจากพระองค์เลย
โปรดให้เราใช้พลังความสามารถทุกประการของเรา
ใจและวิญญาณ และกำลังของเรา
มุ่งไปหาพระองค์ - พระองค์แต่ผู้เดียว

พระนามพระองค์จงเป็นที่สักการะ
กษัตริย์ดาวิดผู้เป็นประกาศกด้วยกล่าวว่า พระนามของพระเจ้านั้นศักดิ์สิทธิ์และน่าเกรงขาม
และอีซัยกล่าวว่า สวรรค์นั้นกึกก้องด้วยเสียงสรรเสริญของเซราฟิม ผู้สรรเสริญความศักดิ์สิทธิ์ของ
พระเจ้าแห่งเทพเทวาไม่หยุดหย่อน

เราขอในที่นี่ให้โลกทั้งโลกจะได้รู้จัก และสรรเสริญคุณความดีของพระเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ และศักดิ์สิทธิ์
​ เราขอให้พระองค์ได้รับการรู้จัก​ รัก​ และนมัสการโดยคนต่างชาติ ต่างศาสนา ไม่ว่าจะเจริญมากน้อยเพียง
ใดก็ตาม เพื่อทุกคนจะได้ปรนนิบัติและถวายพระสิริมงคลแก่พระองค์ด้วยความเชื่ออันมีชีวิต มีความหวัง
มั่นคง มีความเมตตาร้อนแรง และทิ้งความเชื่อผิด ๆ ทั้งหลาย ทั้งหมดนี้ ต้องขอเพิ่มเติมอีกว่า เรายังสวด
ขอให้ทุกคนเป็นผู้ศักดิ์สิทธิ์ เพราะพระเป็นเจ้าเองก็เป็นผู้ศักดิ์สิทธิ์ทุกประการ

พระราชัยจงมาถึง
ขอพระองค์มาปกครองวิญญาณเราด้วยพระหรรษทานเผื่อว่าหลังจากตายเราจะได้ครองราชย์กับ
พระองค์ ด้วยความสุขสมบูรณ์​อันถาวร ข้าแต่พระเจ้า ข้าพเจ้าเชื่ออย่างมั่นคงว่าการที่ข้าพเจ้าหวังใน
ความสุขเช่นนี้ก็เพราะพระองค์ได้สัญญา และพระองค์จะประทานให้​ เพราะพระองค์พระทัยดีหาที่สุดมิได้​
โดยพระบารมีของพระบุตรและพระจิตเจ้าผู้เป็นองค์แห่งความสว่างได้นำเรื่องนี้มาให้เราทราบ

น้ำพระทัยของพระองค์จงเป็นไปในแผ่นดินดังในสวรรค์
แตร์ตูเลียนกล่าวว่า การที่เราขอเช่นนี้ มิใช่เพราะเรากลัวว่ามนุษย์จะเขมือบแผนการของพระเป็นเจ้า​
เพราะสิ่งใดที่พระองค์​ไม่ปรารถนาจริง ๆ แล้ว พระองค์ย่อมสามารถจัดการให้เป็นไปตามพระประสงค์เสมอ

เมื่อเราพูดว่า “น้ำพระทัยจงเป็นไป” ก็หมายความว่า เราสวดขอพระเป็นเจ้าให้เรายอมรับอย่างสุภาพ
กับสิ่งที่พระองค์ส่งมาให้เรา​ เราสวดขอพระองค์ให้เราทำตามน้ำพระทัยที่พระองค์โปรดให้เรารู้ในทุกแห่ง
และทุกเวลาอย่างเต็มใจและจงรักภักดีเหมือนนักบุญและเทวดาทำในสวรรค์

🍀โปรดติดตาม​ตอนต่อไป​🍀

Re: “ความลับสายประคำ” (ตอนที่ 21-40 )

โพสต์แล้ว: อังคาร พ.ย. 18, 2025 12:10 pm
โดย rosa-lee
📿 ความลับของสายประคำ​ 📿
👉 โดย​ : นักบุญ​ หลุยส์​ เดอ​ มงฟอร์ต​ 👈
ตอนที่​ ( 25 )
🌹 กุหลาบ​ดอก​ที่​ 12 (ข้าแต่พระบิดา) <C> 🌹

ขอประทานอาหารประจำวันแก่เราวันนี้
พระองค์สอนเราให้รู้จักวอนขอทุกสิ่งที่เราต้องการไม่ว่าจะเป็นเรื่องฝ่ายกายหรือฝ่ายวิญญาณก็ตาม​
โดยการขออาหารประจำวันนี้ เรารับว่าเราเป็นคนยากจนไม่เพียงพอแก่ตน ต้องพึ่งพาและเกาะติดแน่น
กับพระผู้เป็นเจ้าเสมอ และรับว่า ของดี​ๆ มีประโยชน์มาจากพระสัพพัญญูญาณของพระองค์เสมอ

คำว่า อาหาร ซึ่งในภาษาฝรั่งเศสว่า แป็ง (Pain) ภาษาอังกฤษว่า Bread ภาษาละตินว่า ปานีส
(Panis) นั้น ภาษาไทยเราน่าจะใช้คำว่า “ข้าว”​ แต่เรามาใช้ คำว่า อาหาร​ ซึ่งอาจไม่ใช่ “ข้าว”​ ก็ได้
แต่คำว่า​ อาหาร ในที่นี้ หมายถึงสิ่งที่จำเป็นสำหรับชีวิต มิได้หมายถึงสิ่งฟุ้งเฟ้อ​ เหลือเฟือเลย

เราขอ “อาหารประจำวัน” นั่นหมายความว่า เราขอสำหรับวันนี้​ สำหรับปัจจุบันนี้ เรื่องพรุ่งนี้นั้น​
ปล่อยให้เป็นเรื่องของพระเป็นเจ้าอีก และโดยการพูดเช่นนี้ เราก็ยอมรับเต็มปากว่า​ พระเป็นเจ้าช่วย
เราทุกวัน เราอยู่ในอุ้งพระหัตถ์แห่งความเมตตาของพระองค์​

โปรดอภัยผิดของเรา เหมือนเรายกให้แก่เขา
นักบุญเอากุสตินและแตร์ตูเลียนบอกว่าบาปทุกประการทำให้เราเป็นหนี้พระเป็นเจ้า ซึ่งเราต้องชดใช้
หนี้นี้ทุกบาททุกสตางค์​ น่าเสียใจมากที่เราทุกคนต่างก็มีหนี้สินอันน่าเศร้าใจนี้

แม้ว่าเราจะมีหนี้สิน (บาป) นี้รกรุงรังเพียงใดก็ตาม หากเราเข้าหาพระเป็นเจ้าด้วยความไว้วางใจ
และเป็นทุกข์ถึงบาปของเรา​โดยสวดว่า​ “ข้าแต่พระบิดาเจ้า ผู้อยู่บนสวรรค์​ ขอโปรดอภัยบาปของเรา
ซึ่งทำด้วย ความคิด วาจา กิจการ (และไม่ทำกิจการ) ซึ่งเป็นการทำผิดต่อความยุติธรรมของพระองค์”​

“เรากล้ากล่าวเช่นนี้ เพราะพระองค์เป็นบิดาที่รักเราและเมตตาเรา และเพราะเราเองก็ลืมความผิด
ที่คนอื่นทำต่อเราแล้ว ทั้งนี้ โดยความเมตตาของเราต่อเขา และโดยความนบนอบต่อพระองค์

แม้เราเคยไม่ซื่อสัตย์ต่อพระหรรษทานของพระองค์ ก็ขออย่าปล่อยทิ้งเราให้พ่ายแพ้การผจญของโลก
ของปีศาจ และของเนื้อหนัง”​

แต่ขอโปรดช่วยเราให้พ้นภัย (Evil)
คำว่า ภัย นี้ขอขยายความกว้าง ๆ ไปตามคำภาษาอังกฤษว่า Evil ซึ่งแปลว่า “ความชั่ว-ไม่ดี”​
ซึ่งหมายถึงความชั่วของบาป และการลงโทษในโลกนี้ และโลกหน้า ซึ่งเรารู้ดีว่าสมกับเรายิ่งนัก

อาแมน (สาธุ!=ขอให้เป็นเช่นนี้เทอญ)
คำนี้ ซึ่งเราใช้เป็นคำสุดท้าย ในบทสวดเกือบทุกบท เป็น​บทแสดงความหวัง ความอบอุ่น บรรเทาใจ
นักบุญเยโรมกล่าวว่า​ มันเป็นคล้ายเป็นเสียงบอกเราว่าพระผู้เป็นเจ้าพอใจในบทภาวนาของเราที่จบลงนั้น
และพระองค์จะประทานให้เราตามที่ปรารถนา​ และให้มากราวกับว่าพระองค์เป็นผู้ตอบให้เองว่า :
“อาแมน-สาธุ! ขอให้เธอได้รับตามที่เธอขอนั้นเถิด ให้ได้มาก ๆ​ ตามที่เธอปรารถนานั้นด้วย”​ นี่แหละ
เป็นความหมายของคำว่า
“อาแมน”​

🍀โปรดติดตาม​ตอนต่อไป​🍀