-+@ พุธรับเถ้า คือ....? @+
วันพุธรับเถ้า เป็นวันเริ่มเทศกาลมหาพรต คือ ระยะเวลาสี่สิบวันเพื่อเตรียมสมโภชปัสกา ซึ่งเป็นวันฉลองที่ยิ่งใหญ่ และสำคัญที่สุดในรอบปีของพระศาสนจักร เพราะสมโภชปัสกาเป็นการเฉลิมฉลองการที่พระเยซูเจ้าทรงรับทรมาน สิ้นพระชนม์และทรงกลับคืนพระชนม์ชีพ เพื่อกอบกู้มนุษยชาติให้คืนดีกับพระเจ้ามารับชีวิตร่วมกับพระองค์ เทศกาลนี้มีชื่อเป็นภาษาลาตินว่า
ศุกร์ศักดิ์สิทธิ์
- ~@Little lamb@~
- Defender of lawS
- โพสต์: 9396
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:00 pm
- ติดต่อ:
- ~@Little lamb@~
- Defender of lawS
- โพสต์: 9396
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:00 pm
- ติดต่อ:
ยินดีรับใช้คะ *no1
อันนี้น่าจะแล้วแต่วิจารณญาณแล้วล่ะครับ แต่ปรกติคนป่วยเขางดไม่ต้องถือนะครับAwake and Live เขียน: ผมต้องอดอาหารด้วยไหมครับ ผอมอยู่แล้ว ถ้าอดน้ำหนักลดฮวบ ๆ เลยครับ กลัวจะเป็นอันตรายต่อสุขภาพ ปกติผมก็ไม่ทานจุบจิบ ไม่ทานน้ำอัดลม ขนมหวาน ทานอาหารน้อยอยู่แล้วครับ
สาสน์มหาพรตของพระสังฆราชมีคาแอล บุญเลื่อน หมั้นทรัพย์
ประมุขสังฆมณฑลอุบลราชธานี
พี่น้องที่รักทั้งหลาย
หากพิจารณาอย่างถ่องแท้ถึงคุณภาพของชีวิตมนุษย์ในปัจจุบันซึ่งแม้จะอยู่ในภาวะแห่งความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี ข้อมูลข่าวสารและอำนาจแห่งสมาคมความร่วมมือหลากหลายชนิดก็ตาม แต่ชีวิตของมนุษย์ก็ไม่ได้รับการยกระดับให้ขึ้นสูงตามการพัฒนาทางวัตถุเลย ตรงกันข้ามกลับถูกทอดทิ้งละเลย ทุกข์ยาก อ้างว้าง เผชิญกับความหิวโหย หายนะของสงครามและการก่อการร้ายที่เป็นระบบและต่อเนื่องมากยิ่งขึ้น เช่น คนจน (ผู้ที่มีรายได้ไม่เกิน 892 บาท/คน/เดือน) ปี 2546 จำนวน 6.2 ล้านคน แรงงานนอกระบบ 33 ล้านคน เด็กเร่ร่อน1,602 คน เด็กเยาวชนในสถานพินิจ 22,304 คน (ข้อมูลจาก สำนักงานคณะกรรมการสภาพัฒนาเศรษฐกิจ และสังคมแห่งชาติ, สำนักงานสถิติแห่งชาติ, กรมพัฒนาสังคม และ สถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนภาคกลาง)
เทศกาลมหาพรตปีนี้ ขอนำข้อรำพึงที่เป็นอัตถ์ชีวิตที่ลึกซึ้งของ พระเยซูเจ้าที่มอบให้กับโลก คือ ความเมตตาสงสาร "เมื่อพระเยซูเจ้าทอดพระเนตรเห็นประชาชนก็ทรงสงสาร" (มธ 9:36) หมายความถึงชีวิตของพระองค์เต็มเปี่ยมไปด้วยจิตแห่งพระบิดาเจ้า ทัศนะการมองของพระองค์ มีผู้อื่นเป็นเป้าหมายเสมอๆ โดยเฉพาะผู้ที่อยู่ในภาวะแห่งความเศร้าตรมของชีวิต นับแต่อดีตที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน มีองค์การการกุศลมากมายนับไม่ถ้วน ที่มีเจตนารมณ์เพื่อเสริมสร้างอารยธรรมแห่งชีวิตให้แก่โลก เพื่อขจัด "วิถีแห่งความตาย" ที่กำลังแพร่ขยายออกไปทั่วทุกหนแห่ง ไม่เว้นแม้แต่หน่วยสำคัญที่สุดคือครอบครัว องค์การเหล่านี้ได้ปฏิบัติงานบนพื้นฐานของความสงสาร เพื่อนมนุษย์ในหลายๆ รูปแบบ เช่น โครงการพัฒนาหลากหลายรูปแบบ สถานศึกษา โรงพยาบาล สถานสงเคราะห์ประเภทต่างๆ ขอให้องค์การการกุศลเหล่านี้ได้เสริมสร้างพลังให้กับกลุ่ม เป้าหมายให้รู้คุณค่าของการช่วยเหลือแบ่งปันกันต่อไป
พระศาสนจักรเองได้ตระหนักเสมอมาว่า จะต้องเป็นพยานยืนยันถึงการไถ่กู้ร่วมกับพระคริสตเจ้าที่ต้องทอดสายตาแห่งความห่วงใย ทอดความคิดแห่งการเป็นหนึ่งเดียว และการปฏิบัติกิจเมตตาไปยังผู้อื่น สนับสนุนให้เกิดกระบวนการกลุ่มของประชาชน ให้การอบรมอาศัยหลักการของความ ซื่อสัตย์ เสียสละ รับผิดชอบ เห็นอกเห็นใจ และไว้วางใจต่อกันและกัน ปลุกจิตสำนึกให้ทุกคนอุทิศตนเพื่อส่งเสริม สนับสนุน ช่วยเหลือ และ คุ้มครองสิทธิและศักดิ์ศรีของมนุษย์ โดยเน้นที่สตรี เยาวชน เด็กกำพร้า ผู้สูงอายุ ผู้ป่วย พิการ ผู้ด้อยโอกาส ฯลฯ อาศัยการภาวนาไตร่ตรองพระวาจาและคำสอนด้านสังคมของพระศาสนจักรอย่างจริงจังต่อเนื่องทุกระดับ
หน้าที่สำคัญอีกประการหนึ่งที่คริสตชนซึ่งเป็นผู้เจริญรอยตามพระคริสตเจ้า คือ การใช้ทัศนะการมองเยี่ยงพระองค์ต่อความเป็นไปของโครงการสาธารณะต่างๆ ที่รัฐบาลมอบให้ ไม่ว่าจะเป็นนโยบายด้านการศึกษา ด้านสาธารณสุข ด้านเศรษฐกิจการเมือง ศาสนา วัฒนธรรม ฯลฯ ที่ส่งผลกระทบต่อวัฒนธรรมแห่งชีวิตของคน คริสตชนจะต้องรู้ทัน สามารถประเมินได้ และพร้อมที่จะเป็นปากเป็นเสียงเรียกร้องความจริง และความถูกต้องบนพื้นฐานของความเมตตาและความเข้าใจ ให้สอดคล้องกับแนวทางแห่งการพัฒนาบนพื้นฐานของศาสนาและวัฒนธรรมอันดีงาม
ขอแสดงความชมเชยอย่างจริงใจมายังผู้ที่อุทิศตนตอบสนองต่อความจำเป็นเร่งด่วน ทั้งในระยะสั้นและระยะยาว มูลนิธิของคณะนักบวชชาย-หญิง ศูนย์สังคมพัฒนาต่างๆ ที่มีบุคลากรทุ่มเทแรงกายแรงความคิดและพลังใจให้กับผู้อื่น เป็นพิเศษในเหตุการณ์คลื่นสึนามิที่ภาคใต้ โดยการนำของพระคุณเจ้าโยเซฟประธาน ศรีดารุณศิลป์ และทีมงานที่ทำงานอย่างเข้มแข็ง การแสดงจิตตารมณ์มหาพรตอย่างนี้แหละที่สะท้อนสายพระเนตรแห่งความเมตตาสงสารของพระคริสตเจ้าในโลกแห่งความเป็นจริง โลกที่ไร้พรมแดนแห่งเชื้อชาติ ศาสนาและวัฒนธรรม นั่นคืออาณาจักรสวรรค์บนแผ่นดิน
ขอวิงวอนพระแม่มารีย์ผู้เปี่ยมด้วยพระเนตรแห่งความเมตตาสงสาร ที่มองเห็นความต้องการของผู้อื่น นับแต่เกิดเหตุการณ์ที่เมืองคานาในอดีต ซึ่งเสมือนเป็น "น้ำพุแห่งความหวัง" ของชาวเรา และเป็นผู้ทรงเปิดประตูแห่งความเมตตามายังมนุษยชาติ โปรดอ้อนวอนพระคริสตเจ้าเพื่อเราจะได้เป็นผู้ที่สะท้อนความเมตตาสงสารของพระองค์แก่เพื่อนพี่น้องผ่านทางการอดออม แล้วบริจาคเพื่อผู้อื่นที่ด้อยกว่าสืบไป
ด้วยความรักในพระเยซูคริสตเจ้า
ประมุขสังฆมณฑลอุบลราชธานี
พี่น้องที่รักทั้งหลาย
หากพิจารณาอย่างถ่องแท้ถึงคุณภาพของชีวิตมนุษย์ในปัจจุบันซึ่งแม้จะอยู่ในภาวะแห่งความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี ข้อมูลข่าวสารและอำนาจแห่งสมาคมความร่วมมือหลากหลายชนิดก็ตาม แต่ชีวิตของมนุษย์ก็ไม่ได้รับการยกระดับให้ขึ้นสูงตามการพัฒนาทางวัตถุเลย ตรงกันข้ามกลับถูกทอดทิ้งละเลย ทุกข์ยาก อ้างว้าง เผชิญกับความหิวโหย หายนะของสงครามและการก่อการร้ายที่เป็นระบบและต่อเนื่องมากยิ่งขึ้น เช่น คนจน (ผู้ที่มีรายได้ไม่เกิน 892 บาท/คน/เดือน) ปี 2546 จำนวน 6.2 ล้านคน แรงงานนอกระบบ 33 ล้านคน เด็กเร่ร่อน1,602 คน เด็กเยาวชนในสถานพินิจ 22,304 คน (ข้อมูลจาก สำนักงานคณะกรรมการสภาพัฒนาเศรษฐกิจ และสังคมแห่งชาติ, สำนักงานสถิติแห่งชาติ, กรมพัฒนาสังคม และ สถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนภาคกลาง)
เทศกาลมหาพรตปีนี้ ขอนำข้อรำพึงที่เป็นอัตถ์ชีวิตที่ลึกซึ้งของ พระเยซูเจ้าที่มอบให้กับโลก คือ ความเมตตาสงสาร "เมื่อพระเยซูเจ้าทอดพระเนตรเห็นประชาชนก็ทรงสงสาร" (มธ 9:36) หมายความถึงชีวิตของพระองค์เต็มเปี่ยมไปด้วยจิตแห่งพระบิดาเจ้า ทัศนะการมองของพระองค์ มีผู้อื่นเป็นเป้าหมายเสมอๆ โดยเฉพาะผู้ที่อยู่ในภาวะแห่งความเศร้าตรมของชีวิต นับแต่อดีตที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน มีองค์การการกุศลมากมายนับไม่ถ้วน ที่มีเจตนารมณ์เพื่อเสริมสร้างอารยธรรมแห่งชีวิตให้แก่โลก เพื่อขจัด "วิถีแห่งความตาย" ที่กำลังแพร่ขยายออกไปทั่วทุกหนแห่ง ไม่เว้นแม้แต่หน่วยสำคัญที่สุดคือครอบครัว องค์การเหล่านี้ได้ปฏิบัติงานบนพื้นฐานของความสงสาร เพื่อนมนุษย์ในหลายๆ รูปแบบ เช่น โครงการพัฒนาหลากหลายรูปแบบ สถานศึกษา โรงพยาบาล สถานสงเคราะห์ประเภทต่างๆ ขอให้องค์การการกุศลเหล่านี้ได้เสริมสร้างพลังให้กับกลุ่ม เป้าหมายให้รู้คุณค่าของการช่วยเหลือแบ่งปันกันต่อไป
พระศาสนจักรเองได้ตระหนักเสมอมาว่า จะต้องเป็นพยานยืนยันถึงการไถ่กู้ร่วมกับพระคริสตเจ้าที่ต้องทอดสายตาแห่งความห่วงใย ทอดความคิดแห่งการเป็นหนึ่งเดียว และการปฏิบัติกิจเมตตาไปยังผู้อื่น สนับสนุนให้เกิดกระบวนการกลุ่มของประชาชน ให้การอบรมอาศัยหลักการของความ ซื่อสัตย์ เสียสละ รับผิดชอบ เห็นอกเห็นใจ และไว้วางใจต่อกันและกัน ปลุกจิตสำนึกให้ทุกคนอุทิศตนเพื่อส่งเสริม สนับสนุน ช่วยเหลือ และ คุ้มครองสิทธิและศักดิ์ศรีของมนุษย์ โดยเน้นที่สตรี เยาวชน เด็กกำพร้า ผู้สูงอายุ ผู้ป่วย พิการ ผู้ด้อยโอกาส ฯลฯ อาศัยการภาวนาไตร่ตรองพระวาจาและคำสอนด้านสังคมของพระศาสนจักรอย่างจริงจังต่อเนื่องทุกระดับ
หน้าที่สำคัญอีกประการหนึ่งที่คริสตชนซึ่งเป็นผู้เจริญรอยตามพระคริสตเจ้า คือ การใช้ทัศนะการมองเยี่ยงพระองค์ต่อความเป็นไปของโครงการสาธารณะต่างๆ ที่รัฐบาลมอบให้ ไม่ว่าจะเป็นนโยบายด้านการศึกษา ด้านสาธารณสุข ด้านเศรษฐกิจการเมือง ศาสนา วัฒนธรรม ฯลฯ ที่ส่งผลกระทบต่อวัฒนธรรมแห่งชีวิตของคน คริสตชนจะต้องรู้ทัน สามารถประเมินได้ และพร้อมที่จะเป็นปากเป็นเสียงเรียกร้องความจริง และความถูกต้องบนพื้นฐานของความเมตตาและความเข้าใจ ให้สอดคล้องกับแนวทางแห่งการพัฒนาบนพื้นฐานของศาสนาและวัฒนธรรมอันดีงาม
ขอแสดงความชมเชยอย่างจริงใจมายังผู้ที่อุทิศตนตอบสนองต่อความจำเป็นเร่งด่วน ทั้งในระยะสั้นและระยะยาว มูลนิธิของคณะนักบวชชาย-หญิง ศูนย์สังคมพัฒนาต่างๆ ที่มีบุคลากรทุ่มเทแรงกายแรงความคิดและพลังใจให้กับผู้อื่น เป็นพิเศษในเหตุการณ์คลื่นสึนามิที่ภาคใต้ โดยการนำของพระคุณเจ้าโยเซฟประธาน ศรีดารุณศิลป์ และทีมงานที่ทำงานอย่างเข้มแข็ง การแสดงจิตตารมณ์มหาพรตอย่างนี้แหละที่สะท้อนสายพระเนตรแห่งความเมตตาสงสารของพระคริสตเจ้าในโลกแห่งความเป็นจริง โลกที่ไร้พรมแดนแห่งเชื้อชาติ ศาสนาและวัฒนธรรม นั่นคืออาณาจักรสวรรค์บนแผ่นดิน
ขอวิงวอนพระแม่มารีย์ผู้เปี่ยมด้วยพระเนตรแห่งความเมตตาสงสาร ที่มองเห็นความต้องการของผู้อื่น นับแต่เกิดเหตุการณ์ที่เมืองคานาในอดีต ซึ่งเสมือนเป็น "น้ำพุแห่งความหวัง" ของชาวเรา และเป็นผู้ทรงเปิดประตูแห่งความเมตตามายังมนุษยชาติ โปรดอ้อนวอนพระคริสตเจ้าเพื่อเราจะได้เป็นผู้ที่สะท้อนความเมตตาสงสารของพระองค์แก่เพื่อนพี่น้องผ่านทางการอดออม แล้วบริจาคเพื่อผู้อื่นที่ด้อยกว่าสืบไป
ด้วยความรักในพระเยซูคริสตเจ้า
เป็นผลดีกับตัวเองด้วยนะครับ~@Little lamb@~ เขียน: วันศุกร์ตลอดปีคะ
แต่อดอาหารเนี่ย เฉพาะพุธรับเถ้า และ ศุกร์ศักดิ์สิทธิ์
แต่สมัยก่อนเนี่ย...ทั้งช่วงเลย
ก็แล้วแต่ความตั้งใจของคุณแหละคะ
ว่าจะทำถวายพระได้แค่ไหน :D
มีโอกาสใช้โทษบาปของเราในช่วงนี้
ร่วมทรมานในมหาทรมานของพระเยซู
ถ้าอดเนื้อทั้งช่วงได้ก็ดี เน๊อะ *no1
ขับถ่ายสะดวก ไม่เป็นมะเร็ง หมดปัญหาเรื่องระบบย่อยอาหาร ที่สำคัญไม่อ้วนด้วย อิอิ
สารของสมเด็จพระสันตะปาปา เบเนดิกต์ที่ 16
โอกาสรณรงค์ในเทศกาลมหาพรต ประจำปี ค.ศ. 2006 ( 2549 )
พี่น้องชายหญิงที่รักทั้งหลาย
เทศกาลมหาพรตเป็นช่วงเวลาแห่งสิทธิพิเศษในการจาริกฝ่ายจิต เพื่อไปหาพระเจ้าผู้ทรงเป็นบ่อเกิดแท้แห่งความเมตตา เป็นการจาริกแสวงบุญที่พระองค์ทรงเดินทางไปพร้อมกับเรา สู่ทะเลทรายแห่งความยากไร้ของเราเอง และทรงค้ำจุนเราบนหนทางสู่ความชื่นชมโสมนัสอันล้นเหลือในเทศกาลสมโภชการกลับคืนพระชนม์ชีพ แม้ใน "หุบเขาเงามัจจุราช" ที่ผู้แต่งเพลงสดุดีกล่าวถึง (สดด.23:4) ขณะที่สิ่งล่อลวงเร้าเราให้สิ้นหวัง หรือให้หวังไปเปล่าๆ กับงานในมือของเรา แต่พระผู้เป็นเจ้าทรงอยู่ที่นั่นเพื่อปกป้องและค้ำจุนเรา แท้จริงแม้ในปัจจุบันนี้พระองค์ก็ยังทรงได้ยินเสียงร่ำร้องของประชาชนที่ต้องการความโสมนัส สันติภาพ และความรัก ประชาชนรู้สึกถูกทอดทิ้งเหมือนในทุกยุคทุกสมัย กระนั้นแม้ในความเปล่าเปลี่ยวที่เกิดจากความทุกข์ยาก ความอ้างว้าง ความรุนแรง และความหิว ซึ่งสร้างความทุกข์ทรมานให้แก่เด็ก ผู้ใหญ่และผู้สูงอายุอย่างไม่เลือกหน้า แต่พระเจ้ามิได้ทรงปล่อยให้เงามัจจุราชแพร่ขยายออกไป อันที่จริงตามพระดำรัสของสมเด็จพระสันตะปาปา ยอห์น ปอล ที่ 2 อันเป็นที่รัก ผู้ครองพระสมณศักดิ์แห่งสันตะบิดรก่อนหน้าเรานั้น พระเจ้าทรงกำหนดขอบเขตไว้เหนือความชั่วร้าย สิ่งนั้นคือความเมตตา (ความทรงจำและอัตตาลักษณ์, หน้า 19
โอกาสรณรงค์ในเทศกาลมหาพรต ประจำปี ค.ศ. 2006 ( 2549 )
พี่น้องชายหญิงที่รักทั้งหลาย
เทศกาลมหาพรตเป็นช่วงเวลาแห่งสิทธิพิเศษในการจาริกฝ่ายจิต เพื่อไปหาพระเจ้าผู้ทรงเป็นบ่อเกิดแท้แห่งความเมตตา เป็นการจาริกแสวงบุญที่พระองค์ทรงเดินทางไปพร้อมกับเรา สู่ทะเลทรายแห่งความยากไร้ของเราเอง และทรงค้ำจุนเราบนหนทางสู่ความชื่นชมโสมนัสอันล้นเหลือในเทศกาลสมโภชการกลับคืนพระชนม์ชีพ แม้ใน "หุบเขาเงามัจจุราช" ที่ผู้แต่งเพลงสดุดีกล่าวถึง (สดด.23:4) ขณะที่สิ่งล่อลวงเร้าเราให้สิ้นหวัง หรือให้หวังไปเปล่าๆ กับงานในมือของเรา แต่พระผู้เป็นเจ้าทรงอยู่ที่นั่นเพื่อปกป้องและค้ำจุนเรา แท้จริงแม้ในปัจจุบันนี้พระองค์ก็ยังทรงได้ยินเสียงร่ำร้องของประชาชนที่ต้องการความโสมนัส สันติภาพ และความรัก ประชาชนรู้สึกถูกทอดทิ้งเหมือนในทุกยุคทุกสมัย กระนั้นแม้ในความเปล่าเปลี่ยวที่เกิดจากความทุกข์ยาก ความอ้างว้าง ความรุนแรง และความหิว ซึ่งสร้างความทุกข์ทรมานให้แก่เด็ก ผู้ใหญ่และผู้สูงอายุอย่างไม่เลือกหน้า แต่พระเจ้ามิได้ทรงปล่อยให้เงามัจจุราชแพร่ขยายออกไป อันที่จริงตามพระดำรัสของสมเด็จพระสันตะปาปา ยอห์น ปอล ที่ 2 อันเป็นที่รัก ผู้ครองพระสมณศักดิ์แห่งสันตะบิดรก่อนหน้าเรานั้น พระเจ้าทรงกำหนดขอบเขตไว้เหนือความชั่วร้าย สิ่งนั้นคือความเมตตา (ความทรงจำและอัตตาลักษณ์, หน้า 19