บาปอะไรที่ไม่สามารถยกให้ได้
บาปอะไรที่ไม่สามารถยกให้ได้ ถ้าอย่างนี้ก็เท่ากับว่า ไม่สามารถเข้าเป็นคาธอลิกได้ใช่มั๊ย เพราะไม่สามารถล้างบาปได้ :'(
-
- ~@
- โพสต์: 12724
- ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 2:28 pm
- ที่อยู่: Thailand
สวัสดีครับ คุณ "นางมารกลับใจ"
ผมขอแสดงความคิดเห็นของผมก่อนนะครับ แล้วรอพี่พี่ท่านอื่น ๆ ที่บอร์ดนี้ตอบนะครับ
ผมเชื่อว่า พระเป็นเจ้าเป็นพระผู้ทรงพระเมตตาหาที่สุดมิได้ครับ พระเป็นเจ้าทรงให้อภัยบาปทุกคนที่เข้ามาหาพระองค์อย่างวางใจและสุภาพและมีความตั้งใจจริงที่จะไม่กลับไปทำบาปอีกครับ
"ศีลล้างบาป" เป็นศีลที่เป็นการบอกว่าเราประกาศตัวเป็นคริสตชน เป็นศีลที่เราประกาศว่า "ข้าพเจ้าประกาศยืนยันว่ามีศีลล้างบาปหนึ่งเดียวเพื่ออภัยบาป" ดังนั้น เมื่อเราเข้ารับศีลล้างบาป นั่นแสดงว่า เราหลุดพ้นจากบาปทั้งปวง เป็นต้น บาปกำเนิด ครับ
"ศีลอภัยบาป" เป็นศีลที่เราสำนึกตัวและเป็นทุกข์ถึงบาป เราจึงไปสารภาพบาปกับพระสงฆ์ เพื่อขอโทษพระองค์ที่เราได้ทำบาปและพระสงฆ์จะเป็นผู้ยกบาปให้ครับ
ดังนั้น ถ้าความหมายของคุณคือ บาปอะไรที่ไม่สามารถที่จะได้รับการอภัย คือ บาปที่ผิดต่อพระจิตเจ้าครับ คือ เราจงใจปิดบังบาปของเรา ไม่ยอมบอกบาปนั้นกับพระสงฆ์และไม่เป็นทุกข์ถึงบาป บาปนี้ครับ ที่จะไม่ได้รับการอภัยแต่อย่างใด แต่ในกรณีของคุณ ถ้ายังไม่ได้เป็นคริสตชน แล้วกลับใจมารับศีลล้างบาป บาปทั้งหมดได้รับการอภัยครับ
ผมขอแสดงความคิดเห็นของผมก่อนนะครับ แล้วรอพี่พี่ท่านอื่น ๆ ที่บอร์ดนี้ตอบนะครับ
ผมเชื่อว่า พระเป็นเจ้าเป็นพระผู้ทรงพระเมตตาหาที่สุดมิได้ครับ พระเป็นเจ้าทรงให้อภัยบาปทุกคนที่เข้ามาหาพระองค์อย่างวางใจและสุภาพและมีความตั้งใจจริงที่จะไม่กลับไปทำบาปอีกครับ
"ศีลล้างบาป" เป็นศีลที่เป็นการบอกว่าเราประกาศตัวเป็นคริสตชน เป็นศีลที่เราประกาศว่า "ข้าพเจ้าประกาศยืนยันว่ามีศีลล้างบาปหนึ่งเดียวเพื่ออภัยบาป" ดังนั้น เมื่อเราเข้ารับศีลล้างบาป นั่นแสดงว่า เราหลุดพ้นจากบาปทั้งปวง เป็นต้น บาปกำเนิด ครับ
"ศีลอภัยบาป" เป็นศีลที่เราสำนึกตัวและเป็นทุกข์ถึงบาป เราจึงไปสารภาพบาปกับพระสงฆ์ เพื่อขอโทษพระองค์ที่เราได้ทำบาปและพระสงฆ์จะเป็นผู้ยกบาปให้ครับ
ดังนั้น ถ้าความหมายของคุณคือ บาปอะไรที่ไม่สามารถที่จะได้รับการอภัย คือ บาปที่ผิดต่อพระจิตเจ้าครับ คือ เราจงใจปิดบังบาปของเรา ไม่ยอมบอกบาปนั้นกับพระสงฆ์และไม่เป็นทุกข์ถึงบาป บาปนี้ครับ ที่จะไม่ได้รับการอภัยแต่อย่างใด แต่ในกรณีของคุณ ถ้ายังไม่ได้เป็นคริสตชน แล้วกลับใจมารับศีลล้างบาป บาปทั้งหมดได้รับการอภัยครับ
แก้ไขล่าสุดโดย Batholomew เมื่อ จันทร์ ก.พ. 21, 2005 1:47 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
มธ 12:31
ดังนั้น เราบอกท่านทั้งหลายว่า มนุษย์จะได้รับการอภัยบาปทุกชนิดรวมทั้งคำดูหมิ่นพระเจ้าด้วย แต่คำดูหมิ่นพระจิตเจ้าจะไม่ได้รับการอภัยเลย ใครที่กล่าวร้ายต่อบุตรแห่งมนุษย์จะได้รับการอภัย แต่ใครที่กล่าวร้ายต่อพระจิตของพระเจ้าจะไม่ได้รับการอภัยเลยทั้งในโลกนี้และในโลกหน้า
ดังนั้น เราบอกท่านทั้งหลายว่า มนุษย์จะได้รับการอภัยบาปทุกชนิดรวมทั้งคำดูหมิ่นพระเจ้าด้วย แต่คำดูหมิ่นพระจิตเจ้าจะไม่ได้รับการอภัยเลย ใครที่กล่าวร้ายต่อบุตรแห่งมนุษย์จะได้รับการอภัย แต่ใครที่กล่าวร้ายต่อพระจิตของพระเจ้าจะไม่ได้รับการอภัยเลยทั้งในโลกนี้และในโลกหน้า
พอดีเพิ่งคุยกับเพื่อนมาในเชิงแลกเปลี่ยน เพื่อนเป็นคาธอลิคค่ะ เห็นว่า บาปที่เกิดจากการทำแท้ง ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไร จะไม่ได้รับการยก คือพระสงฆ์เอง ก็ไม่สามารถยกให้ได้ อะไรประมาณเนี้ย ขึ้นอยู่กับพระเจ้าล้วน ๆ ว่าจะอภัยหรือไม่ ก็เลยลองมาถามดู ให้แน่ใจ ว่านอกจากเรื่องนี้แล้วมีเรื่องอื่นอีกไม๊คะ
-
- ~@
- โพสต์: 12724
- ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 2:28 pm
- ที่อยู่: Thailand
ทางคาทอลิก
เรื่องของการทำแท้ง มีชู้ ฆ่าคนตาย ถือเป็นบาปหนักครับ (คงมีเพิ่มเติมจากพี่ ๆ ท่านอื่น) ต้องแก้บาปกับพระสังฆราชครับ พระสงฆ์ทั่วไปไม่สามารถยกบาปหนักได้ครับ
เรื่องของการทำแท้ง มีชู้ ฆ่าคนตาย ถือเป็นบาปหนักครับ (คงมีเพิ่มเติมจากพี่ ๆ ท่านอื่น) ต้องแก้บาปกับพระสังฆราชครับ พระสงฆ์ทั่วไปไม่สามารถยกบาปหนักได้ครับ
ถ้างั้นถามต่อเป็นความรู้ เรื่องที่ทำพิธีล้างบาปปกติเนี่ยเข้าใจแล้ว แต่ถ้ากรรีที่ให้พระสังฆราชยกบาปให้เนี่ย ทำไงอ่ะคะ
-
- ~@
- โพสต์: 12724
- ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 2:28 pm
- ที่อยู่: Thailand
เอ อันนี้ไม่ทราบเหมือนกันครับ
แต่ก็น่าจะเป็นไปได้ว่า เราก็ไปสารภาพบาปกับพระสังฆราชแทนที่จะเป็นพระสงฆ์ครับ
ยังไงก็คงรบกวนพี่พี่ท่านอื่นแล้วหล่ะครับ
แต่ก็น่าจะเป็นไปได้ว่า เราก็ไปสารภาพบาปกับพระสังฆราชแทนที่จะเป็นพระสงฆ์ครับ
ยังไงก็คงรบกวนพี่พี่ท่านอื่นแล้วหล่ะครับ
ในกรณีที่ยังไม่ได้ล้างบาปเข้าเป็นคริสตชน และเคยทำบาปอะไรมา ไม่จำเป็นต้องแก้บาปกับพระสงฆ์นะครับ เพราะว่าการล้างบาป คือการชำระล้างบาปทุกอย่างที่คุณเคยทำก่อนเข้าเป็นคริสตชน กล่าวคือ คุณจะได้เกิดใหม่ในพระเยซูคริสต์ เมื่อคุณเชื่อและยอมรับพระเยซูเจ้าเข้ามาเป็นพระผู้ช่วยให้รอดของคุณ พระองค์จะทรงชำระล้างและลืมอดีตทั้งหมดของคุณ และเริ่มต้นนับหนึ่งใหม่ในฐานะลูกของพระองค์
การสารภาพบาปกับพระสงฆ์หรือพระสังฆราชนั้น ทำในฐานะเมื่อคุณได้ตั้งใจเดินตามพระเยซูเจ้าแล้ว แต่ได้พลาดพลั้งผิดไป และไม่ใช่ว่าพระสงฆ์หรือพระสงฆราชนั้นจะมีอำนาจยกบาปด้วยตัวของท่านเอง แต่ท่านก็ยกบาปของคุณในพระนามพระเยซูคริสตเจ้าเช่นกัน
สำหรับการล้างบาป ไม่มีข้อขัดขวางใดๆทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเคยทำบาปอะไรมาก่อน สิ่งเดียวที่จะทำให้ทำการล้างบาปเข้าเป็นคริสตชนไม่ได้ คือ"การไม่มีความศรัทธาแท้จริง"เท่านั้นครับ ถ้าคุณเชื่อในพระเยซูคริสต์ว่าทรงเป็นพระผู้ไถ่ของคุณ คุณจะขอรับความรอดผ่านทางพระองค์ และคุณเชื่อในพระองค์ เท่านี้คุณก็สามารถล้างบาปได้ครับ
ขอสันติสุขของพระคริสตเจ้าครอบครองจิตใจของคุณครับ
ยน 6:37
ทุกคนที่พระบิดาทรงมอบให้เรา จะมาหาเรา และผู้ที่มาหาเรา เราจะไม่ผลักไสไปเลย
เพราะเราลงมาจากสวรรค์ มิใช่เพื่อทำตามใจของเรา แต่เพื่อทำตามพระประสงค์ของผู้ทรงส่งเรามา
พระประสงค์ของผู้ทรงส่งเรามาก็คือ เราจะไม่สูญเสียผู้ใด ที่พระองค์ทรงมอบให้แก่เรา
แต่จะให้ผู้นั้นกลับคืนชีพในวันสุดท้าย พระประสงค์ของพระบิดาของเรา ก็คือ
ทุกคนที่เห็นพระบุตรแล้วเชื่อในพระบุตร จะมีชีวิตนิรันดร และเราจะให้เขากลับคืนชีพในวันสุดท้าย
การสารภาพบาปกับพระสงฆ์หรือพระสังฆราชนั้น ทำในฐานะเมื่อคุณได้ตั้งใจเดินตามพระเยซูเจ้าแล้ว แต่ได้พลาดพลั้งผิดไป และไม่ใช่ว่าพระสงฆ์หรือพระสงฆราชนั้นจะมีอำนาจยกบาปด้วยตัวของท่านเอง แต่ท่านก็ยกบาปของคุณในพระนามพระเยซูคริสตเจ้าเช่นกัน
สำหรับการล้างบาป ไม่มีข้อขัดขวางใดๆทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเคยทำบาปอะไรมาก่อน สิ่งเดียวที่จะทำให้ทำการล้างบาปเข้าเป็นคริสตชนไม่ได้ คือ"การไม่มีความศรัทธาแท้จริง"เท่านั้นครับ ถ้าคุณเชื่อในพระเยซูคริสต์ว่าทรงเป็นพระผู้ไถ่ของคุณ คุณจะขอรับความรอดผ่านทางพระองค์ และคุณเชื่อในพระองค์ เท่านี้คุณก็สามารถล้างบาปได้ครับ
ขอสันติสุขของพระคริสตเจ้าครอบครองจิตใจของคุณครับ
ยน 6:37
ทุกคนที่พระบิดาทรงมอบให้เรา จะมาหาเรา และผู้ที่มาหาเรา เราจะไม่ผลักไสไปเลย
เพราะเราลงมาจากสวรรค์ มิใช่เพื่อทำตามใจของเรา แต่เพื่อทำตามพระประสงค์ของผู้ทรงส่งเรามา
พระประสงค์ของผู้ทรงส่งเรามาก็คือ เราจะไม่สูญเสียผู้ใด ที่พระองค์ทรงมอบให้แก่เรา
แต่จะให้ผู้นั้นกลับคืนชีพในวันสุดท้าย พระประสงค์ของพระบิดาของเรา ก็คือ
ทุกคนที่เห็นพระบุตรแล้วเชื่อในพระบุตร จะมีชีวิตนิรันดร และเราจะให้เขากลับคืนชีพในวันสุดท้าย
แก้ไขล่าสุดโดย Holy เมื่อ อังคาร ก.พ. 22, 2005 1:47 am, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
- ~@Little lamb@~
- Defender of lawS
- โพสต์: 9396
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:00 pm
- ติดต่อ:
นางมารกลับใจ เขียน: พอดีเพิ่งคุยกับเพื่อนมาในเชิงแลกเปลี่ยน เพื่อนเป็นคาธอลิคค่ะ เห็นว่า บาปที่เกิดจากการทำแท้ง ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไร จะไม่ได้รับการยก คือพระสงฆ์เอง ก็ไม่สามารถยกให้ได้ อะไรประมาณเนี้ย ขึ้นอยู่กับพระเจ้าล้วน ๆ ว่าจะอภัยหรือไม่ ก็เลยลองมาถามดู ให้แน่ใจ ว่านอกจากเรื่องนี้แล้วมีเรื่องอื่นอีกไม๊คะ
บาปทำแท้งคุณพ่อไม่สามารถยกบาปให้ได้คะ
เว้นแต่คุณพ่อท่านนั้นได้อำนาจจากพระสังฆราชในการยกบาปให้
การทำแท้งเป็นบาปร้ายแรง
เพราะเท่ากับว่า คุณได้ฆ่าลูกตัวเอง
ฆ่าผู้บริสุทธิ์ ที่ไม่แม้แต่จะสามารถปกป้องตัวเองได้
คุณได้แย้งสิทธิ์ที่จะเติบโต
สิทธิ์ที่จะได้มีความสุข
สิทธิ์ที่จะได้เป็นที่รัก และ รักผู้อื่น
สิทธิ์ที่จะมีชีวิตของเขา
นั้นแหละที่พระศาสนจักรเรียกเสมอมาที่จะหยุดการทำแท้ง
แต่พระศาสนจักรก็เปิดกว้างและพร้อมจะอภัย
ให้ผู้ที่สำนึกผิดและอยากกลับตัวกลับใจอย่างยิ่ง
ถ้าคุณมีบาปนี้คุณสามารถติดต่อคุณพ่อ
ให้ช่วยเดินเรื่องติดต่อของแก้บาปกับพระสังฆราชได้
ถ้าคุณเป็นทุกข์เสียใจอย่างสุดซึ้งต่อการกระทำของคุณจริงๆ
และปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะกลับมาคืนดีกับพระเจ้า
ท่านก็พร้อมจะยกบาปให้ในนามของพระเยซูเจ้าคะ
หลังจากนั้น คุณก็คงจะตกทำกิจการดีต่างๆ
เพื่อชดเชยสิ่งที่คุณทำลงไป
อาจจะสงเคราะห์เด็กกำพร้าเป็นกิจวัตร ฯลฯ
ประมาณนี้แหละคะ
~@Little lamb@~ เขียน:
หลังจากนั้น คุณก็คงจะตกทำกิจการดีต่างๆ
เพื่อชดเชยสิ่งที่คุณทำลงไป
อาจจะสงเคราะห์เด็กกำพร้าเป็นกิจวัตร ฯลฯ
ประมาณนี้แหละคะ
ในเมื่อเรารอดด้วยพระคุณ ทำไมต้อง ทำกิจการดีล่ะ ???
- ~@Little lamb@~
- Defender of lawS
- โพสต์: 9396
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:00 pm
- ติดต่อ:
พระยกโทษให้เราไม่ได้หมายความว่าโทษของบาปจะหมดไปนิคะ
เหมือนว่า ถ้าเราขโมยเงินเขามา
เราขอโทษพระองคื พระองค์ยกโทษให้แล้ว
หมายความว่าเราไม่ต้องคืนเงินเขาหรือ???
ไม่ใช่คะ เราขโมยเขามา เราก็ต้องคืนเขา
นั่นแหละที่ถูกต้อง
เหมือนเราทำผิดมา สมมุติไปเตะเพื่อน... พ่อแม่เสียใจ
เราขอโทษท่านที่ทำผิดแล้วก็ต้องใจจะไม่ทำอีก
ท่านยกโทษให้เรา....
แต่ท่านก็ปรารถนาให้เรา ไปขอโทษเพื่อนคนนั้นด้วยเช่นกัน
จุดของการแก้บาปจึงอยู่ตรงนี้คะ
ไม่ใช่ว่าไปแก้บาปแล้วจบ
อย่างที่พี่น้องต่างสาสนามักเข้าใจผิด
แล้วค่อนแคะว่าเป้นคนคริสต์นี่ดี
ทำบาป ไปแก้บาปก็บาปหลุด
จริงๆแล้วไม่ใช่คะ
เมื่อเราคืนดีกับพระแล้ว ขอโทษพระองค์แล้ว
เราก็ต้องชดเชยในสิ่งที่เราทำด้วย
ขโมยเขา...ก็ไปคืนเสีย
ด่าว่าใคร..เราก็ต้องไปขอโทษเขา
นินทาใคร...ก็ต้องไปแก้ข่าวให้เขา
แต่ถ้าไม่สามารถทำได้...เช่น ทำแท้ง
เราเอาเขากลับมาไม่ได้แล้ว
เราก็ต้องทำความดีชดเชยให้เขาแทน
นี่แหละคะ
ถึงจะเรียกว่าเป็นการแก้บาปที่หมดจดจริงๆ
หรือ คาทอลิก เรียกว่า ทำกิจใช้โทษบาป
เหมือนว่า ถ้าเราขโมยเงินเขามา
เราขอโทษพระองคื พระองค์ยกโทษให้แล้ว
หมายความว่าเราไม่ต้องคืนเงินเขาหรือ???
ไม่ใช่คะ เราขโมยเขามา เราก็ต้องคืนเขา
นั่นแหละที่ถูกต้อง
เหมือนเราทำผิดมา สมมุติไปเตะเพื่อน... พ่อแม่เสียใจ
เราขอโทษท่านที่ทำผิดแล้วก็ต้องใจจะไม่ทำอีก
ท่านยกโทษให้เรา....
แต่ท่านก็ปรารถนาให้เรา ไปขอโทษเพื่อนคนนั้นด้วยเช่นกัน
จุดของการแก้บาปจึงอยู่ตรงนี้คะ
ไม่ใช่ว่าไปแก้บาปแล้วจบ
อย่างที่พี่น้องต่างสาสนามักเข้าใจผิด
แล้วค่อนแคะว่าเป้นคนคริสต์นี่ดี
ทำบาป ไปแก้บาปก็บาปหลุด
จริงๆแล้วไม่ใช่คะ
เมื่อเราคืนดีกับพระแล้ว ขอโทษพระองค์แล้ว
เราก็ต้องชดเชยในสิ่งที่เราทำด้วย
ขโมยเขา...ก็ไปคืนเสีย
ด่าว่าใคร..เราก็ต้องไปขอโทษเขา
นินทาใคร...ก็ต้องไปแก้ข่าวให้เขา
แต่ถ้าไม่สามารถทำได้...เช่น ทำแท้ง
เราเอาเขากลับมาไม่ได้แล้ว
เราก็ต้องทำความดีชดเชยให้เขาแทน
นี่แหละคะ
ถึงจะเรียกว่าเป็นการแก้บาปที่หมดจดจริงๆ
หรือ คาทอลิก เรียกว่า ทำกิจใช้โทษบาป
นักบุญซิสเตอร์โฟสติน่า ได้ยินสิ่งนี้จากการเปิดเผยของพระเยซูเจ้าเอง
" คนบาปที่มีบาปหนาที่สุดมีสิทธิ์มากที่สุดที่จะมีความหวังในความเมตตาของเรา วิญญาณซึ่งเรียกหาความเมตตาของเรานำความปิติยินดีสุดพรรณนาได้มาสู่เรา เราประทานพระหรรษทานแก่วิญญาณนั้นเกินความคาดหมายของเขา เราไม่สามารถลงโทษวิญญาณ ซึ่งเข้ามาพึ่งความสงสารและความเมตตาของเราได้ ถึงแม้ว่าวิญญาณนั้นจะเป็นคนบาปที่มีบาปหนาที่สุดก็ตาม ในความเมตตาอันสุดจะหยั่งได้ และสุดจะเข้าใจได้ของเรานั้น เราต้องการจะสร้างความชอบธรรมให้แก่วิญญาณนั้น "
" จงเขียนว่า ความน่าสังเวชยิ่งมากเท่าใด สิทธิ์ที่จะได้รับความเมตตาก็ยิ่งจะมากเท่านั้น จงเรียกวิญญาณทุกวิญญาณให้มามีความไว้วางใจในห้วงแห่งเมตตาของเราอันสุดจะเข้าใจได้ บ่อน้ำแห่งความเมตตาของเราถูกหอกแทงเปิดกว้างเพื่อวิญญาณทั้งมวล เราจะไม่ตัดใครออกไปสักคน "
" แม้แต่วิญญาณที่อ่อนแอ และเต็มไปด้วยบาป จงอย่ากลัวที่จะเข้ามาใกล้เรา ถึงแม้ว่าบาปของวิญญาณนั้นจะมากมายเท่าเม็ดทรายทั่วโลก บาปทั้งหมดจะอัตรธานไปในบ่ออันสุดจะหยั่งได้แห่งความเมตตาของเรา "
เมื่อดิฉันกำลังสวดภาวนาอยู่นั้น ดิฉันได้ยินเสียงพูดขึ้นว่า " โอ้ พระหรรษทานยิ่งใหญ่เพียงใด ที่เราจะประทานให้วิญญาณที่สวดภาวนานี้ ห้วงลึกแห่งพระเมตตาอันอ่อนโยนของเรา สั่นสะเทือนไปสำหรับผู้ที่สวดภาวนานี้ ธิดาที่รักของเรา จงบันทึกคำเหล่านี้ลง จงบอกแก่โลกถึงพระเมตตาของเรา " ขอให้มนุษยชาติทั้งหมดยอมรับรู้พระเมตตาอันสุดจะหยั่งถึงได้ของเรา นี้คือเครื่องหมายแห่งสิ้นสุดของกาลเวลา หลังจากนั้นก็จะเป็นวันแห่งการพิพากษา ในขณะที่ยังมีเวลาอยู่ ขอให้พวกเขาวอนขอจากสายธารแห่งพระเมตตาของเรา ให้พวกเขาได้รับผลจากน้ำและพระโลหิต ซึ่งหลั่งไหลพวยพุ่งออกมาเพื่อพวกเขา "
" คนบาปที่มีบาปหนาที่สุดมีสิทธิ์มากที่สุดที่จะมีความหวังในความเมตตาของเรา วิญญาณซึ่งเรียกหาความเมตตาของเรานำความปิติยินดีสุดพรรณนาได้มาสู่เรา เราประทานพระหรรษทานแก่วิญญาณนั้นเกินความคาดหมายของเขา เราไม่สามารถลงโทษวิญญาณ ซึ่งเข้ามาพึ่งความสงสารและความเมตตาของเราได้ ถึงแม้ว่าวิญญาณนั้นจะเป็นคนบาปที่มีบาปหนาที่สุดก็ตาม ในความเมตตาอันสุดจะหยั่งได้ และสุดจะเข้าใจได้ของเรานั้น เราต้องการจะสร้างความชอบธรรมให้แก่วิญญาณนั้น "
" จงเขียนว่า ความน่าสังเวชยิ่งมากเท่าใด สิทธิ์ที่จะได้รับความเมตตาก็ยิ่งจะมากเท่านั้น จงเรียกวิญญาณทุกวิญญาณให้มามีความไว้วางใจในห้วงแห่งเมตตาของเราอันสุดจะเข้าใจได้ บ่อน้ำแห่งความเมตตาของเราถูกหอกแทงเปิดกว้างเพื่อวิญญาณทั้งมวล เราจะไม่ตัดใครออกไปสักคน "
" แม้แต่วิญญาณที่อ่อนแอ และเต็มไปด้วยบาป จงอย่ากลัวที่จะเข้ามาใกล้เรา ถึงแม้ว่าบาปของวิญญาณนั้นจะมากมายเท่าเม็ดทรายทั่วโลก บาปทั้งหมดจะอัตรธานไปในบ่ออันสุดจะหยั่งได้แห่งความเมตตาของเรา "
เมื่อดิฉันกำลังสวดภาวนาอยู่นั้น ดิฉันได้ยินเสียงพูดขึ้นว่า " โอ้ พระหรรษทานยิ่งใหญ่เพียงใด ที่เราจะประทานให้วิญญาณที่สวดภาวนานี้ ห้วงลึกแห่งพระเมตตาอันอ่อนโยนของเรา สั่นสะเทือนไปสำหรับผู้ที่สวดภาวนานี้ ธิดาที่รักของเรา จงบันทึกคำเหล่านี้ลง จงบอกแก่โลกถึงพระเมตตาของเรา " ขอให้มนุษยชาติทั้งหมดยอมรับรู้พระเมตตาอันสุดจะหยั่งถึงได้ของเรา นี้คือเครื่องหมายแห่งสิ้นสุดของกาลเวลา หลังจากนั้นก็จะเป็นวันแห่งการพิพากษา ในขณะที่ยังมีเวลาอยู่ ขอให้พวกเขาวอนขอจากสายธารแห่งพระเมตตาของเรา ให้พวกเขาได้รับผลจากน้ำและพระโลหิต ซึ่งหลั่งไหลพวยพุ่งออกมาเพื่อพวกเขา "
แก้ไขล่าสุดโดย Holy เมื่อ อังคาร ก.พ. 22, 2005 1:41 am, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
-
- ~@
- โพสต์: 8259
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 9:56 pm
- ที่อยู่: Bangkok
จำได้สมัยโน้น ก่อนบอร์ดโดนสึนามิ พวกเราได้พูดกันเรื่องนี้ครั้งหนึ่ง
จำไม่ได้ว่า พี่ลิงกัง หรือใครนะที่ถาม ....หนูยังจำคำตอบพี่พีพี
ที่ใช้ พระคัมภีร์ใหม่กิจการ เรื่องของสองสามีที่มุสาเรื่องขายที่
น.เปโตรบอกว่าเป็นการมุสาต่อพระวิญญาณ/พระจิต
5:1 แต่มีชายคนหนึ่ง ชื่ออานาเนียกับภรรยาชื่อสัปฟีรา ได้ขายที่ดินของตน
5:2 และเงินค่าที่ดินส่วนหนึ่งเขายักเก็บไว้ ภรรยาของเขาก็รู้ด้วย และอีกส่วนหนึ่งเขานำมาวางไว้ที่เท้าของอัครทูต
5:3 ฝ่ายเปโตรจึงถามว่า "อานาเนีย เหตุไฉนซาตาน {ชื่อหนึ่งของมาร หมายความว่า ผู้ขัดขวาง (ปฏิปักษ์)} จึงทำให้ใจของเจ้าเต็มไปด้วยการมุสาต่อพระวิญญาณบริสุทธิ์ และทำให้เจ้าเก็บค่าที่ดินส่วนหนึ่งไว้
5:4 เมื่อที่ดินยังอยู่ก็เป็นของเจ้ามิใช่หรือ เมื่อขายแล้วเงินก็ยังอยู่ในอำนาจของเจ้ามิใช่หรือ มีเหตุอะไรเกิดขึ้นให้เจ้าคิดในใจเช่นนั้นเล่า เจ้ามิได้มุสาต่อมนุษย์แต่ได้มุสาต่อพระเจ้า"
5:5 เมื่ออานาเนียได้ยินคำเหล่านั้น ก็ล้มลงตาย และเมื่อคนทั้งปวงทราบเรื่องก็พากันสะดุ้งตกใจกลัวอย่างยิ่ง
5:6 พวกคนหนุ่มก็ลุกขึ้นห่อศพเขาไว้แล้วหามเอาไปฝัง
5:7 หลังจากนั้นประมาณสามชั่วโมง ภรรยาของเขายังไม่ทราบเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจึงเข้าไป
5:8 ฝ่ายเปโตรถามนางว่า "เจ้าขายที่ดินได้ราคาเท่านั้นหรือจงบอกเราเถิด" หญิงนั้นจึงตอบว่า "ได้เท่านั้นเจ้าค่ะ"
5:9 เปโตรจึงถามนางว่า "ไฉนเจ้าทั้งสองได้พร้อมใจกันทดลองพระวิญญาณขององค์พระผู้เป็นเจ้าเล่า จงดูเถิด เท้าของพวกคนที่ฝังศพสามีของเจ้าก็อยู่ที่ประตู และเขาจะหามศพของเจ้าออกไปด้วย"
5:10 ในทันใดนั้นนางก็ล้มลงตายแทบเท้าของเปโตร และพวกคนหนุ่มได้เข้ามาเห็นว่าหญิงนั้นตายแล้ว จึงได้หามศพออกไปฝังไว้ข้างสามีของนาง
5:11 ความเกรงกลัวอย่างยิ่งเกิดขึ้นในคริสตจักร และในหมู่คนทั้งปวงที่ได้ยินเหตุการณ์นั้น
>>>:นี่เป็นความจงใจของสามีภรรยา และมุสาต่อพระวิญญาณ(พระจิต) เพราะพวกเขาเองเพิ่ง
ผ่านประสบการณ์พระวิญญาณเสด็จมา หรือเรียกว่าวันเพ็นเทคอส ฮับ
>>>:ในบริบทนี้ บาปที่ไม่ได้รับการยกโทษ คือการทำผิด/ลบหลู่/หมิ่นประมาทต่อพระวิญญาณบริสุทธิ์ฮะ
แต่อย่างไร ก็ตาม พี่พีพีคงมีเวลามาชี้แจง อีกครั้งฮะ 8)
จำไม่ได้ว่า พี่ลิงกัง หรือใครนะที่ถาม ....หนูยังจำคำตอบพี่พีพี
ที่ใช้ พระคัมภีร์ใหม่กิจการ เรื่องของสองสามีที่มุสาเรื่องขายที่
น.เปโตรบอกว่าเป็นการมุสาต่อพระวิญญาณ/พระจิต
5:1 แต่มีชายคนหนึ่ง ชื่ออานาเนียกับภรรยาชื่อสัปฟีรา ได้ขายที่ดินของตน
5:2 และเงินค่าที่ดินส่วนหนึ่งเขายักเก็บไว้ ภรรยาของเขาก็รู้ด้วย และอีกส่วนหนึ่งเขานำมาวางไว้ที่เท้าของอัครทูต
5:3 ฝ่ายเปโตรจึงถามว่า "อานาเนีย เหตุไฉนซาตาน {ชื่อหนึ่งของมาร หมายความว่า ผู้ขัดขวาง (ปฏิปักษ์)} จึงทำให้ใจของเจ้าเต็มไปด้วยการมุสาต่อพระวิญญาณบริสุทธิ์ และทำให้เจ้าเก็บค่าที่ดินส่วนหนึ่งไว้
5:4 เมื่อที่ดินยังอยู่ก็เป็นของเจ้ามิใช่หรือ เมื่อขายแล้วเงินก็ยังอยู่ในอำนาจของเจ้ามิใช่หรือ มีเหตุอะไรเกิดขึ้นให้เจ้าคิดในใจเช่นนั้นเล่า เจ้ามิได้มุสาต่อมนุษย์แต่ได้มุสาต่อพระเจ้า"
5:5 เมื่ออานาเนียได้ยินคำเหล่านั้น ก็ล้มลงตาย และเมื่อคนทั้งปวงทราบเรื่องก็พากันสะดุ้งตกใจกลัวอย่างยิ่ง
5:6 พวกคนหนุ่มก็ลุกขึ้นห่อศพเขาไว้แล้วหามเอาไปฝัง
5:7 หลังจากนั้นประมาณสามชั่วโมง ภรรยาของเขายังไม่ทราบเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจึงเข้าไป
5:8 ฝ่ายเปโตรถามนางว่า "เจ้าขายที่ดินได้ราคาเท่านั้นหรือจงบอกเราเถิด" หญิงนั้นจึงตอบว่า "ได้เท่านั้นเจ้าค่ะ"
5:9 เปโตรจึงถามนางว่า "ไฉนเจ้าทั้งสองได้พร้อมใจกันทดลองพระวิญญาณขององค์พระผู้เป็นเจ้าเล่า จงดูเถิด เท้าของพวกคนที่ฝังศพสามีของเจ้าก็อยู่ที่ประตู และเขาจะหามศพของเจ้าออกไปด้วย"
5:10 ในทันใดนั้นนางก็ล้มลงตายแทบเท้าของเปโตร และพวกคนหนุ่มได้เข้ามาเห็นว่าหญิงนั้นตายแล้ว จึงได้หามศพออกไปฝังไว้ข้างสามีของนาง
5:11 ความเกรงกลัวอย่างยิ่งเกิดขึ้นในคริสตจักร และในหมู่คนทั้งปวงที่ได้ยินเหตุการณ์นั้น
>>>:นี่เป็นความจงใจของสามีภรรยา และมุสาต่อพระวิญญาณ(พระจิต) เพราะพวกเขาเองเพิ่ง
ผ่านประสบการณ์พระวิญญาณเสด็จมา หรือเรียกว่าวันเพ็นเทคอส ฮับ
>>>:ในบริบทนี้ บาปที่ไม่ได้รับการยกโทษ คือการทำผิด/ลบหลู่/หมิ่นประมาทต่อพระวิญญาณบริสุทธิ์ฮะ
แต่อย่างไร ก็ตาม พี่พีพีคงมีเวลามาชี้แจง อีกครั้งฮะ 8)
ดีจัง อยากฟังของคริสเตียนด้วยอ่ะ ได้ความรู้ดีเหมือนกันนะ เรื่องนี้ไม่ค่อยได้ยินใครพูดถึงเลย ขอบคุณนะคะที่แลกเปลี่ยนกัน
WORDS!!! :'( :'(Holy เขียน: " คนบาปที่มีบาปหนาที่สุดมีสิทธิ์มากที่สุดที่จะมีความหวังในความเมตตาของเรา วิญญาณซึ่งเรียกหาความเมตตาของเรานำความปิติยินดีสุดพรรณนาได้มาสู่เรา เราประทานพระหรรษทานแก่วิญญาณนั้นเกินความคาดหมายของเขา เราไม่สามารถลงโทษวิญญาณ ซึ่งเข้ามาพึ่งความสงสารและความเมตตาของเราได้ ถึงแม้ว่าวิญญาณนั้นจะเป็นคนบาปที่มีบาปหนาที่สุดก็ตาม ในความเมตตาอันสุดจะหยั่งได้ และสุดจะเข้าใจได้ของเรานั้น เราต้องการจะสร้างความชอบธรรมให้แก่วิญญาณนั้น "
" จงเขียนว่า ความน่าสังเวชยิ่งมากเท่าใด สิทธิ์ที่จะได้รับความเมตตาก็ยิ่งจะมากเท่านั้น จงเรียกวิญญาณทุกวิญญาณให้มามีความไว้วางใจในห้วงแห่งเมตตาของเราอันสุดจะเข้าใจได้ บ่อน้ำแห่งความเมตตาของเราถูกหอกแทงเปิดกว้างเพื่อวิญญาณทั้งมวล เราจะไม่ตัดใครออกไปสักคน "
" แม้แต่วิญญาณที่อ่อนแอ และเต็มไปด้วยบาป จงอย่ากลัวที่จะเข้ามาใกล้เรา ถึงแม้ว่าบาปของวิญญาณนั้นจะมากมายเท่าเม็ดทรายทั่วโลก บาปทั้งหมดจะอัตรธานไปในบ่ออันสุดจะหยั่งได้แห่งความเมตตาของเรา "
เราไม่สารภาพบาปกับมนุษย์ คนใดนางมารกลับใจ เขียน: ดีจัง อยากฟังของคริสเตียนด้วยอ่ะ ได้ความรู้ดีเหมือนกันนะ เรื่องนี้ไม่ค่อยได้ยินใครพูดถึงเลย ขอบคุณนะคะที่แลกเปลี่ยนกัน
เพราะเราสามารถบอกตาตรงกับ มหาปุโรหิต คือพระคริสตเจ้าอยู่เล้ว :)
แล้วก้อย่างที่พี่ปอ อ้างอิงจากพระวจนะแล้ว
ไม่มีบาปใดที่ พระองค์จะไม่ให้อภัย
ไม่นะ~Yoshuwa~ เขียน:เราไม่สารภาพบาปกับมนุษย์ คนใดนางมารกลับใจ เขียน: ดีจัง อยากฟังของคริสเตียนด้วยอ่ะ ได้ความรู้ดีเหมือนกันนะ เรื่องนี้ไม่ค่อยได้ยินใครพูดถึงเลย ขอบคุณนะคะที่แลกเปลี่ยนกัน
เพราะเราสามารถบอกตาตรงกับ มหาปุโรหิต คือพระคริสตเจ้าอยู่เล้ว :)
แล้วก้อย่างที่พี่ปอ อ้างอิงจากพระวจนะแล้ว
ไม่มีบาปใดที่ พระองค์จะไม่ให้อภัย
โปรแตสแตนท์มีสารภาพบาปกับมนุษย์นะ อันนี้ต้องให้พี่พีพีเล่า
จะรอฟังค่ะ ;)Holy เขียน:ไม่นะ~Yoshuwa~ เขียน:เราไม่สารภาพบาปกับมนุษย์ คนใดนางมารกลับใจ เขียน: ดีจัง อยากฟังของคริสเตียนด้วยอ่ะ ได้ความรู้ดีเหมือนกันนะ เรื่องนี้ไม่ค่อยได้ยินใครพูดถึงเลย ขอบคุณนะคะที่แลกเปลี่ยนกัน
เพราะเราสามารถบอกตาตรงกับ มหาปุโรหิต คือพระคริสตเจ้าอยู่เล้ว :)
แล้วก้อย่างที่พี่ปอ อ้างอิงจากพระวจนะแล้ว
ไม่มีบาปใดที่ พระองค์จะไม่ให้อภัย
โปรแตสแตนท์มีสารภาพบาปกับมนุษย์นะ อันนี้ต้องให้พี่พีพีเล่า
ลืมไปเลย :P คงเพราะ นิกายผมเป้นเพรสไบทีเรียนมั้งHoly เขียน: ยก5:16
เหตุฉะนั้นท่านทั้งหลายจงสารภาพบาปต่อกันและกัน และจงอธิษฐานเพื่อกันและกัน
แต่โรงเรียน พยายามทำให้คิดว่า ไม่ต้องมีผู้ปกครองก็ดำรงตนได้(เอ๊ะตกลงยังไงหนิ-*-)
แต่ผมว่า การสารภาพ บาป กับมนุษย์เนื้อหนังมีข้อจำกัด
สมมติ เรา ไปฆ่าคนๆหนึ่ง
คิดว่า จะมีกี่คนที่รับสารพภาพบาปให้เราโดยไม่รุสึกสะทกสะท้าน ???
-
- ~@
- โพสต์: 8259
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 9:56 pm
- ที่อยู่: Bangkok
ขออภัยที่ขัดคอรุ่นพี่นิดนึง~Yoshuwa~ เขียน:ลืมไปเลย :P คงเพราะ นิกายผมเป้นเพรสไบทีเรียนมั้งHoly เขียน: ยก5:16
เหตุฉะนั้นท่านทั้งหลายจงสารภาพบาปต่อกันและกัน และจงอธิษฐานเพื่อกันและกัน
เจ๊ยศฮับ นิกายพี่น่ะ โปรเตสแตนต์ ;) คณะเพรสไบทีเรียนฮับ
เจ๊น่ะสังกัดคณะเดียวกับพี่พีพี และหนูเจี๊ยบ กั๊บ :D
พี่ลูกท้อ ( พีช ) กำลังคอยให้พี่ชี้ทางว่าจะเข้าโบสถ์ของคณะไหนฮับ ;D
ไม่หรอกคุณยศ โบสถ์ที่ดิฉันเคยอยู่ก็ย้ำถึง การสารภาพบาปกับพระองค์ เพียงพอ ให้เราอยู่ด้วยความเชื่อที่ว่า เรารอดโดยพระคุณ การไถ่ของพระเยซูศักด์สิทธิ์เพียงพอ มนุษย์ใดๆๆไม่สามารถอภัยให้แก่เรา นอกจากพระเจ้าเท่านั้น และพระองค์ก็ไม่ทรงเรียกร้อง ให้เราให้อะไรตอบแทน เพราะพระราชอำนาจ และทุกสิ่งล้วนเป็นของพระองค์~Yoshuwa~ เขียน: [ลืมไปเลย :P คงเพราะ นิกายผมเป้นเพรสไบทีเรียนมั้ง
แต่โรงเรียน พยายามทำให้คิดว่า ไม่ต้องมีผู้ปกครองก็ดำรงตนได้(เอ๊ะตกลงยังไงหนิ-*-)
แต่ผมว่า การสารภาพ บาป กับมนุษย์เนื้อหนังมีข้อจำกัด
- ~@Little lamb@~
- Defender of lawS
- โพสต์: 9396
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:00 pm
- ติดต่อ:
ตกลงLL2 กระจ่างเรื่องการทำกิจชดเชยบาปรึยังจ๊ะ :)
ในคริตศาสนานิกายโรมันคาทอลิคมีนักบุญมากมายหลายท่านที่มีพระพรในการฟังการสารภาพบาป
มีคนมากมายกลับใจจากบาปอย่างแท้จริงหลังจากการสารภาพบาปกับผู้ที่มีของประทานเหล่านี้
จริงๆคำพูดที่ว่าพระเยซูยกบาปนั้นถูกต้อง แต่เราคิดว่าคำพูดต่อไปนี้ของพระเยซูจะพูดทำไม ถ้าพระองค์เองจะยกบาปเองโดยห้ามไม่ให้มนุษย์คนอื่นมาเกี่ยวข้องเลย
ยน 20:21
พระองค์ตรัสกับเขาอีกว่า
มีคนมากมายกลับใจจากบาปอย่างแท้จริงหลังจากการสารภาพบาปกับผู้ที่มีของประทานเหล่านี้
จริงๆคำพูดที่ว่าพระเยซูยกบาปนั้นถูกต้อง แต่เราคิดว่าคำพูดต่อไปนี้ของพระเยซูจะพูดทำไม ถ้าพระองค์เองจะยกบาปเองโดยห้ามไม่ให้มนุษย์คนอื่นมาเกี่ยวข้องเลย
ยน 20:21
พระองค์ตรัสกับเขาอีกว่า
วันนี้ตอนที่สวดและอธิษฐาน ทรงไขแสดงว่า ผมจะต้องอธิบายเรื่องนี้ให้กระจ่าง เพราะนี่คือ1ในเรื่องที่ยังมีความเข้าใจในทางลบหรือขัดแย้งกันในนิกายต่างๆอยู่
-------------------------------------------------------------------------------------------
ในโปรแตสแตนท์บางโบสถ์มีการเน้นย้ำถึงเรื่องการสารภาพบาปกับพระเจ้าโดยตรง แถมเน้นว่ามนุษย์คนไหนๆก็ไม่มีสิทธิ์ยกบาป และยังย้ำไปถึงเรื่องกิจใช้โทษบาปต่างๆว่าไม่มีประโยชน์ในการยกบาป
ซึ่งความคิดนี้บอกตามตรงว่าถ้าคนเป็นคาทอลิคได้ฟัง คงรู้สึกว่านี่คือการโจมตีศีลอภัยบาปของพระศาสนจักรคาทอลิคโดยตรง
ดังที่ผมได้แจกแจงไปแล้วก่อนหน้านี้ถึง "ของประทานในการยกบาป" ที่พระเยซูเจ้าประทานแก่อัครสาวกอาศัยพระจิตเจ้า
ถ้าเราทบทวนบทพระคัมภีร์บทนี้ถ้ามองว่าอัครสาวกเป็นมนุษย์นี่คงขัดกันกับข้อความที่ว่าพระเจ้าเท่านั้นที่ยกบาป แต่ถ้าเรามองว่านี่คือการทำงานของพระจิตเจ้าหรือที่โปรแตสแตนท์เรียกว่าพระวิญญาณบริสุทธิ์ผ่านผู้รับใช้ของพระองค์ สิ่งนี้ก็ไม่ได้ขัดอะไรกับพระคัมภีร์ในเบื้องต้น
ดังนั้นสรุปได้ว่าศีลอภัยบาปของคาทอลิคเอง ก็ไม่ได้ใช้อำนาจมนุษย์ยก แต่ใช้อำนาจของพระบิดา พระบุตร และพระจิตเจ้า ยกบาปทั้งสิ้น ตามสิทธิและหน้าที่ของผู้รับใช้ที่ได้รับการปรกมือและการทรงเจิมของพระจิตเจ้า
แต่ในจุดที่2คือเรื่องของกิจใช้โทษบาปที่ยังคากันอยู่ว่าการทำดีต่างๆชดเชยบาปนั้น จำเป็นหรือไม่ในการยกบาป
ให้เราอ่านพระคัมภีร์บทนี้ครับ
ยก 2:14-26 ความเชื่อและการกระทำความดี
พี่น้องทั้งหลาย จะมีประโยชน์ใดหากผู้หนึ่งอ้างว่ามีความเชื่อแต่ไม่มีการกระทำ ความเชื่อเช่นนี้จะช่วยให้เขารอดพ้นได้หรือ ถ้าพี่น้องชายหญิงคนใดขัดสนเครื่องนุ่งห่ม และไม่มีอาหารประจำวัน แล้วท่านคนหนึ่งพูดกับเขาว่า
-------------------------------------------------------------------------------------------
ในโปรแตสแตนท์บางโบสถ์มีการเน้นย้ำถึงเรื่องการสารภาพบาปกับพระเจ้าโดยตรง แถมเน้นว่ามนุษย์คนไหนๆก็ไม่มีสิทธิ์ยกบาป และยังย้ำไปถึงเรื่องกิจใช้โทษบาปต่างๆว่าไม่มีประโยชน์ในการยกบาป
ซึ่งความคิดนี้บอกตามตรงว่าถ้าคนเป็นคาทอลิคได้ฟัง คงรู้สึกว่านี่คือการโจมตีศีลอภัยบาปของพระศาสนจักรคาทอลิคโดยตรง
ดังที่ผมได้แจกแจงไปแล้วก่อนหน้านี้ถึง "ของประทานในการยกบาป" ที่พระเยซูเจ้าประทานแก่อัครสาวกอาศัยพระจิตเจ้า
ถ้าเราทบทวนบทพระคัมภีร์บทนี้ถ้ามองว่าอัครสาวกเป็นมนุษย์นี่คงขัดกันกับข้อความที่ว่าพระเจ้าเท่านั้นที่ยกบาป แต่ถ้าเรามองว่านี่คือการทำงานของพระจิตเจ้าหรือที่โปรแตสแตนท์เรียกว่าพระวิญญาณบริสุทธิ์ผ่านผู้รับใช้ของพระองค์ สิ่งนี้ก็ไม่ได้ขัดอะไรกับพระคัมภีร์ในเบื้องต้น
ดังนั้นสรุปได้ว่าศีลอภัยบาปของคาทอลิคเอง ก็ไม่ได้ใช้อำนาจมนุษย์ยก แต่ใช้อำนาจของพระบิดา พระบุตร และพระจิตเจ้า ยกบาปทั้งสิ้น ตามสิทธิและหน้าที่ของผู้รับใช้ที่ได้รับการปรกมือและการทรงเจิมของพระจิตเจ้า
แต่ในจุดที่2คือเรื่องของกิจใช้โทษบาปที่ยังคากันอยู่ว่าการทำดีต่างๆชดเชยบาปนั้น จำเป็นหรือไม่ในการยกบาป
ให้เราอ่านพระคัมภีร์บทนี้ครับ
ยก 2:14-26 ความเชื่อและการกระทำความดี
พี่น้องทั้งหลาย จะมีประโยชน์ใดหากผู้หนึ่งอ้างว่ามีความเชื่อแต่ไม่มีการกระทำ ความเชื่อเช่นนี้จะช่วยให้เขารอดพ้นได้หรือ ถ้าพี่น้องชายหญิงคนใดขัดสนเครื่องนุ่งห่ม และไม่มีอาหารประจำวัน แล้วท่านคนหนึ่งพูดกับเขาว่า