เมื่ออิฉันหิวโหย
โพสต์แล้ว: อาทิตย์ เม.ย. 16, 2006 7:07 pm
อิฉันเล่าให้น้องยศฟังแล้ว ก็คิดว่าน่าจะนำมาเล่าให้ท่านอื่นๆอ่านเป็นอุทาหรณ์ค่ะ ;D
เมื่ออยู่ครั้งนะคะ อิฉันไปร่วมมิสซาเย็นวันธรรมดาที่วัดเขมรค่ะ วัดเลิก อิฉันเกิดอาการกระหายน้ำขนาดหนัก หน้ามืดตาลาย คล้ายจะเป็นลม ตัวเย็น เหงื่อกาฬพาลแตกพลั่ก ด้วยอากาศร้อนเหลือหลาย
ออกจากวัดเขมรมา อิฉันก็หัวฟู เดินกระเซอะกระเซิง ตุหรัดตุเหร่มาตามทาง ผ่านมาหน้าวัดญวนค่ะ อิฉันเห็นแล้ว โอเอซิสแหล่งอาหารของอิฉัน เต๊นท์ค่ะ เต๊นท์สวดศพ ในมโนสำนึกของอิฉันก็บังเกิดความคิดประหนึ่งมีแสงเฮ้ากวงมาสาดส่องให้อิฉันเกิดปัญญา อิฉันบ่ายหน้าไปที่เต๊นท์นั้นทันที เพราะอิฉันคิดว่าต้องมีอะไรให้อิฉันกินและดื่มค่ะ
อิฉันก็สวมรอยทันที ทำตัวเป็นประหนึ่งญาติสนิทมิตรสหายมาแสดงความอาลัยต่อผู้ตาย ประชากรผู้ศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายก็สวดกันไป ข้าแต่พระบิดากี่บท อิฉันก็รับตามกี่บท วันทามารีอากี่บท อิฉันก็รับตามเท่านั้นบท สิริพึงมีกี่บท อิฉันก็สวดกับเขาด้วย
พอสวดจบประชากรผู้รับเลือกสรรทั้งหลายก็คอแห้งผาก ด้วยว่าออกแรงสวดกันสุดแรงเกิด ได้เวลาอาหารค่ะ เวลาที่อิฉันรอคอยมาถึงแล้ว อาหารที่นำมาเสิร์ฟนั้นเป็นเมนูที่เสิร์ฟเป็นประจำในงานศพค่ะ คือเกี้ยมอี๋น้ำ ส่วนเครื่องดื่มนั้นมีอยู่สองสามอย่าง อิฉันเลือกแฟนต้าน้ำแดง ดื่มอั้กๆๆๆๆๆๆจนเต็มคราบ สิ้นสุดความกระหายหิว
กินเสร็จประชากรทั้งหลายก็อิ่มหนำสำราญ ไม่เหลือเศษให้เก็บได้สิบสองตะกร้า และไม่ต้องเอาเลือดลูกแกะไปทาประตู เพราะไม่มีเทวทูตบินมาจัดการลูกหัวปี
อิฉันก็อิ่มหนำสำราญไปด้วย พอเสร็จสรรพอิฉันก็กระมิดกระเมี้ยนเล็กน้อย เพราะจะว่าเป็นญาติรึ อิฉันก็ไม่ใช่ จะว่าเป็นเพื่อนรึ อิฉันก็ไม่ใช่ แต่แอบดอดเข้าไปกินในงานเขาแล้ว ทำเป็นหันซ้ายย้ายขวา แล้วก็มุดๆๆๆจากไปค่ะ
และขอสารภาพบาปอื่นๆที่ได้หลงลืมไปในขณะนี้ด้วยค่า
ข้างต้นที่เล่ามานี่เรื่องจริงนะคะ ไม่ได้โม้ เรื่องจริงค่า
เมื่ออยู่ครั้งนะคะ อิฉันไปร่วมมิสซาเย็นวันธรรมดาที่วัดเขมรค่ะ วัดเลิก อิฉันเกิดอาการกระหายน้ำขนาดหนัก หน้ามืดตาลาย คล้ายจะเป็นลม ตัวเย็น เหงื่อกาฬพาลแตกพลั่ก ด้วยอากาศร้อนเหลือหลาย
ออกจากวัดเขมรมา อิฉันก็หัวฟู เดินกระเซอะกระเซิง ตุหรัดตุเหร่มาตามทาง ผ่านมาหน้าวัดญวนค่ะ อิฉันเห็นแล้ว โอเอซิสแหล่งอาหารของอิฉัน เต๊นท์ค่ะ เต๊นท์สวดศพ ในมโนสำนึกของอิฉันก็บังเกิดความคิดประหนึ่งมีแสงเฮ้ากวงมาสาดส่องให้อิฉันเกิดปัญญา อิฉันบ่ายหน้าไปที่เต๊นท์นั้นทันที เพราะอิฉันคิดว่าต้องมีอะไรให้อิฉันกินและดื่มค่ะ
อิฉันก็สวมรอยทันที ทำตัวเป็นประหนึ่งญาติสนิทมิตรสหายมาแสดงความอาลัยต่อผู้ตาย ประชากรผู้ศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายก็สวดกันไป ข้าแต่พระบิดากี่บท อิฉันก็รับตามกี่บท วันทามารีอากี่บท อิฉันก็รับตามเท่านั้นบท สิริพึงมีกี่บท อิฉันก็สวดกับเขาด้วย
พอสวดจบประชากรผู้รับเลือกสรรทั้งหลายก็คอแห้งผาก ด้วยว่าออกแรงสวดกันสุดแรงเกิด ได้เวลาอาหารค่ะ เวลาที่อิฉันรอคอยมาถึงแล้ว อาหารที่นำมาเสิร์ฟนั้นเป็นเมนูที่เสิร์ฟเป็นประจำในงานศพค่ะ คือเกี้ยมอี๋น้ำ ส่วนเครื่องดื่มนั้นมีอยู่สองสามอย่าง อิฉันเลือกแฟนต้าน้ำแดง ดื่มอั้กๆๆๆๆๆๆจนเต็มคราบ สิ้นสุดความกระหายหิว
กินเสร็จประชากรทั้งหลายก็อิ่มหนำสำราญ ไม่เหลือเศษให้เก็บได้สิบสองตะกร้า และไม่ต้องเอาเลือดลูกแกะไปทาประตู เพราะไม่มีเทวทูตบินมาจัดการลูกหัวปี
อิฉันก็อิ่มหนำสำราญไปด้วย พอเสร็จสรรพอิฉันก็กระมิดกระเมี้ยนเล็กน้อย เพราะจะว่าเป็นญาติรึ อิฉันก็ไม่ใช่ จะว่าเป็นเพื่อนรึ อิฉันก็ไม่ใช่ แต่แอบดอดเข้าไปกินในงานเขาแล้ว ทำเป็นหันซ้ายย้ายขวา แล้วก็มุดๆๆๆจากไปค่ะ
และขอสารภาพบาปอื่นๆที่ได้หลงลืมไปในขณะนี้ด้วยค่า
ข้างต้นที่เล่ามานี่เรื่องจริงนะคะ ไม่ได้โม้ เรื่องจริงค่า