ปีกเสรีและเชือกพันธนาการ
โพสต์แล้ว: อาทิตย์ ก.ค. 23, 2006 7:02 pm
เมื่อความรักเดินทางมาถึง ความรักได้มอบของล้ำค่าสองสิ่งทิ้งไว้ให้กับเรา นั่นคือ "ปีก" กับ "เชือก" คนทั่วไปไม่รู้จักประโยชน์ของ "ปีก" ได้แต่นึกกลัวว่าความรักจะติดปีกจนบินลับหายไป จึงตัดสินใจหยิบเชือกขึ้นมา มัดรอบความรักเอาไว้จนแน่นหนา แล้วความรักก็หายใจไม่ออก...
คนรักวางใจที่เห็นความรักถูกพันธนาการไว้เช่นนั้น ความรักก็จะอยู่กับเขาวันยังค่ำ แต่เขาลืมคิดไปว่า ยิ่งถูกผูกมัด ความรักจะยิ่งคิดถึงอิสระ และการโบยบิน
ความรักจะพยายามแกะเชือกด้วยตัวเองทุกครั้งที่คนรักเผลอ และทันทีที่สบโอกาส ความรักจะติดปีกให้ตัวเอง และบินหายลับไปในความเวิ้งว้างกว้างใหญ่ของท้องฟ้าเหลือเพียงเชือกพันธนาการไว้ให้ดูต่างหน้า ให้คนรักรู้ว่า นี่ไม่ใช่หนทางที่จะทำให้ความรักอยู่รอด
บทเรียนของสองสิ่งนี้ ไม่มีใครกำหนดวิถีทางที่ควรจะเป็น จะเลือกหยิบ "เชือก" หรือ "ปีก" นั้น
...ขึ้นอยู่กับหัวใจ บางคู่ติดปีกให้กันและกันด้วยรอยยิ้มและพาตัวเองขึ้นสู่ท้องฟ้าด้วยความรู้สึกตื่นตาตื่นใจ ประสบการณ์แปลกใหม่ทำให้ทั้งสองคนหลงลืมกัน ความกว้างของท้องฟ้าทำให้มองหากันไม่เห็น สุดท้ายต่างบินไปอย่างที่ใจอยากและไม่กลับมาหากันอีกเลย เพราะทั้งคู่ลืม "เชือก" ทิ้งไว้ข้างล่าง ยิ่งบิน ยิ่งห่าง ฟ้ากว้าง ใจยิ่งไกล นั่นคือเหตุผลที่ว่าทำไมความรักต้องมอบ "ปีกเสรี"ไว้ให้พร้อมกับ "เชือกพันธนาการ"
"ปีกเสรี" มอบอิสระและช่องว่างให้กับความรัก ในขณะที่ "เชือกพันธนาการ" มอบความชิดใกล้ซึ่งถ้าไม่รู้จักใช้...จะไม่เหลือช่องว่างแม้แต่จะให้ลมหายใจเดินทางผ่าน เมื่อความรักห่างเกินพอดีหรือแนบสนิทจนอึดอัดไปทั้งใจ คู่รักทั้งหลายจึงไปไม่รอด เพราะไม่รุ้จักเว้นช่องว่างระหว่างกัน...
จะมีเพียง "คนของความรัก" เท่านั้น ที่รู้จักใช้ทั้งสองสิ่งนี้อย่างชาญฉลาด เขาและเธอติดปีกแห่งความรักให้กันและกัน พาตัวเองบินขึ้นสู่ท้องฟ้าด้วยหัวใจเสรี ต่อให้ฟ้ากว้าง ทางไกลแค่ไหน เขาและเธอไม่มีวันจะหลงลืมกัน... เพราะคนทั้งคู่ได้คล้องเชือกแห่งพันธนาการที่ข้อมือของกันและกันไว้แล้ว เมื่อเชือกเริ่มตึง...เพราะบินไปจนสุดทาง อิสระเสรีจะทำให้คนทั้งคู่คิดถึงกรงของความผูกพันและจะบินกลับมาหากัน เพื่อจะออกเดินทางไปพร้อมกันอีกครั้ง ด้วยเชือกพันธนาการเส้นเดิมที่อาจสั้นลง ด้วยความเต็มใจของความรัก อย่าอยู่ห่าง...จนเขารู้สึกเคว้งคว้าง แต่อย่าใกล้...จนเขาหายใจไม่ออก ให้สองมือได้เป็นอิสระ ในขณะที่ลมหายใจยังเดินทางถึงกัน เพราะช่องว่างที่เหมาะสมเท่านั้น ที่ความรักจะงอกงามได้
จากหนังสือแม่พระยุคใหม่
คนรักวางใจที่เห็นความรักถูกพันธนาการไว้เช่นนั้น ความรักก็จะอยู่กับเขาวันยังค่ำ แต่เขาลืมคิดไปว่า ยิ่งถูกผูกมัด ความรักจะยิ่งคิดถึงอิสระ และการโบยบิน
ความรักจะพยายามแกะเชือกด้วยตัวเองทุกครั้งที่คนรักเผลอ และทันทีที่สบโอกาส ความรักจะติดปีกให้ตัวเอง และบินหายลับไปในความเวิ้งว้างกว้างใหญ่ของท้องฟ้าเหลือเพียงเชือกพันธนาการไว้ให้ดูต่างหน้า ให้คนรักรู้ว่า นี่ไม่ใช่หนทางที่จะทำให้ความรักอยู่รอด
บทเรียนของสองสิ่งนี้ ไม่มีใครกำหนดวิถีทางที่ควรจะเป็น จะเลือกหยิบ "เชือก" หรือ "ปีก" นั้น
...ขึ้นอยู่กับหัวใจ บางคู่ติดปีกให้กันและกันด้วยรอยยิ้มและพาตัวเองขึ้นสู่ท้องฟ้าด้วยความรู้สึกตื่นตาตื่นใจ ประสบการณ์แปลกใหม่ทำให้ทั้งสองคนหลงลืมกัน ความกว้างของท้องฟ้าทำให้มองหากันไม่เห็น สุดท้ายต่างบินไปอย่างที่ใจอยากและไม่กลับมาหากันอีกเลย เพราะทั้งคู่ลืม "เชือก" ทิ้งไว้ข้างล่าง ยิ่งบิน ยิ่งห่าง ฟ้ากว้าง ใจยิ่งไกล นั่นคือเหตุผลที่ว่าทำไมความรักต้องมอบ "ปีกเสรี"ไว้ให้พร้อมกับ "เชือกพันธนาการ"
"ปีกเสรี" มอบอิสระและช่องว่างให้กับความรัก ในขณะที่ "เชือกพันธนาการ" มอบความชิดใกล้ซึ่งถ้าไม่รู้จักใช้...จะไม่เหลือช่องว่างแม้แต่จะให้ลมหายใจเดินทางผ่าน เมื่อความรักห่างเกินพอดีหรือแนบสนิทจนอึดอัดไปทั้งใจ คู่รักทั้งหลายจึงไปไม่รอด เพราะไม่รุ้จักเว้นช่องว่างระหว่างกัน...
จะมีเพียง "คนของความรัก" เท่านั้น ที่รู้จักใช้ทั้งสองสิ่งนี้อย่างชาญฉลาด เขาและเธอติดปีกแห่งความรักให้กันและกัน พาตัวเองบินขึ้นสู่ท้องฟ้าด้วยหัวใจเสรี ต่อให้ฟ้ากว้าง ทางไกลแค่ไหน เขาและเธอไม่มีวันจะหลงลืมกัน... เพราะคนทั้งคู่ได้คล้องเชือกแห่งพันธนาการที่ข้อมือของกันและกันไว้แล้ว เมื่อเชือกเริ่มตึง...เพราะบินไปจนสุดทาง อิสระเสรีจะทำให้คนทั้งคู่คิดถึงกรงของความผูกพันและจะบินกลับมาหากัน เพื่อจะออกเดินทางไปพร้อมกันอีกครั้ง ด้วยเชือกพันธนาการเส้นเดิมที่อาจสั้นลง ด้วยความเต็มใจของความรัก อย่าอยู่ห่าง...จนเขารู้สึกเคว้งคว้าง แต่อย่าใกล้...จนเขาหายใจไม่ออก ให้สองมือได้เป็นอิสระ ในขณะที่ลมหายใจยังเดินทางถึงกัน เพราะช่องว่างที่เหมาะสมเท่านั้น ที่ความรักจะงอกงามได้
จากหนังสือแม่พระยุคใหม่