เรื่องซึ้งๆ

ใครมาใหม่เชิญทางนี้ก่อน ทักทาย ทดลองโพส
ตอบกลับโพส
ภาพประจำตัวสมาชิก
mind
.
.
โพสต์: 527
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 5:45 pm
ที่อยู่: BKK

เสาร์ ส.ค. 12, 2006 12:06 pm

ฉันเกิดในหมู่บ้านบนภูเขาที่ห่างไกลผู้คน
> แต่ละวันพ่อแม่ของฉันต้องพรวนดินในไร่ท่ามกลางแดดที่ร้อนระอุ
> ฉันมีน้องชายอยู่หนึ่งคน อายุน้อยกว่าฉัน 3 ปี
> วันหนึ่งฉันขโมยเงินพ่อเพื่อไปซื้อผ้าเช็ดหน้าที่เพื่อนๆ ของฉันมีกัน

> จากนั้นพ่อก็รู้เรื่อง พ่อฉันให้ฉัน กับน้องคุกเข่าหันหน้าเข้าหากำแพง
> โดยที่ในมือพ่อมีก้านไม้ไผ่อยู่หนึ่งก้าน "ใครขโมยเงินไป" พ่อตวาด

> ฉันกลัวมาก ไม่กล้าพูดอะไรออกไป น้องชายฉันก็เช่นกัน
> พ่อจึงเอ่นขึ้นว่า "ก็ได้ ในเมื่อไม่มีคนรับสารภาพ ก็ต้องโดนลงโทษทั้งคู่นั่นล่ะ"
> พ่อชูก้านไม่ไผ่ในมือขึ้น
> ทันใดนั้น น้องชายของฉันก็ลุกขึ้นคว้าข้อมือของพ่อไว้
> แล้วพูดว่า "ผมขโมยเองคับ"

> ก้านไม้ไผ่นั้นได้กระหน่ำลงบนหลังของน้องของฉันอย่างต่อเนื่อง
> พ่อโกรธมาก พ่อตีน้องของฉันไม่หยุด
> จนพ่อหอบด้วยความเหนื่อย พ่อนั่งลงบนเก้าอี้ และด่าว่าน้องชายของฉัน
> "ของคนในบ้านแกยังเอง แกยังขโมยได้ ต่อไปแกจะทำชั่งอะไรอีก แกน่าจะโดนตีให้ตาย ไอ้หัวขโมย

> คืนนั้น ฉันกับแม่กอดน้องชายของฉันไว้ หลังของน้องมีแผลเต็มไปหมด
> แต่เขาไม่ได้ร้องไห้แม้แต่น้อย

> กลางดึกคืนนั้น ฉันนอนร้องไห้เสียงดัง และนานมาก
> น้องเอามือเล็กๆ ของเขามาปิดปากฉันไว้ แล้วพูดว่า
> "พี่ครับ ไม่ต้องร้องไห้นะมันผ่านไปแล้ว"

> ยังไงฉันก็อดเกลียดตังเองไม่ได้ ที่ไม่มีความกล้าจะบอกความจริงกับพ่อ

> หลายปีผ่านไป แต่เหมือนกับว่าเหตุการณ์มันเพิ่งเกิดเมื่อวานนี้เอง

> ฉันไม่อาจลืมคำพูดของน้องชายตอนที่เขาปกป้องฉันได้เลย
> ตอนนั้นน้องฉันอายุ 8 ปี ส่วนฉันอายุ 11 ปี....

> เมื่อตอนที่น้องชายของฉันใกล้จบ ม.ต้น เขาได้รับการตอบรับจากโรงเรียน ม.ปลาย
> ว่าเขาสอบได้ ในขณะที่ฉันซึ่งใกล้ จบ ม.ปลาย
> ก็ได้รับการตอบรับจากมหาวิทยาลัยของจังหวัดเช่นกัน

> คืนนั้น พ่อได้นั่งสูบบุหรี่อยู่ที่สวนหลังบ้าน ฉันแอบได้ยินพ่อพูดว่า
> "ลูกเราทั้งคู่เรียนดี เรียนดีมากนะ"

> แม่ซึ่งนั่งเช็ดน้ำตาอยู่ข้างๆพ่อ ได้พูดว่า "แล้วเราจะส่งเสียลูกทั้งคู่ได้อย่างไร ในเมื่อเราก็ไม่ค่อยมีเงิน"

> ทันใดนั้นเอง น้องชายของฉันได้เดินเข้าไปหาพ่อ แล้วพูดว่า
> "ผมไม่ต้องการเรียนต่อ ผมอ่านหนังสือมามากพอแล้ว"

> พ่อเหวี่ยงมือตบลงที่แก้มของน้องของฉันฉาดใหญ่ "ทำไมถึงคิดโง่ๆ อย่างนี้ ต่อให้พ่อต้องไปเป็นขอทานข้างถนน พ่อก็จะส่งแกทั้งคู่เรียนจนจบให้ได้"

> คืนนั้นทั้งคืน พ่อได้เดินไปตามบ้านต่างๆ ทั่วทั้งหมู่บ้าน เพื่อขอยืมเงิน

> ฉันค่อยๆ เอามือประคบแก้มบวมๆ ของน้องชายเบาๆ และคิดว่า
> "ต้องให้น้องได้เรียนต่อไม่เช่นนั้นเขาคงไม่หลุดพ้นชีวิตลำบากเช่นนี้ไปได้"

> แต่ในขณะเดียวกัน ฉันก็ไม่อาจล้มเลิกความคิดอยากจะเรียนต่อไปได้
> ใครจะรู้ได้ ... วันต่อมาในตอนเช้ามืด
> น้องชายของฉันได้ออกจากบ้านไปพร้อมกับเสื้อผ้าติดตัวเพียงไม่กี่ชิ้น
> และถั่วเพียงเล็กน้อยเพื่อประทังความหิว

> ก่อนไปเขาได้ทิ้งข้อความไว้ใต้หมอนของฉัน ขณะฉันกำลังหลับ
> "พี่ครับ การเข้ามหาวิทยาลัยได้ ไม่ใช่ง่ายๆ นะ ....
> ผมจะไปหางานทำ แล้วจะส่งเงินมาให้พี่"

> ฉันนั่งอยู่บนเตียง อ่านข้อความของน้องชายด้วยน้ำตานองหน้า...
> ฉันร้องไห้จนเสียงแหบแห้งไป ตอยนั้นน้องของฉันอายุ 17 ปี ส่วนฉันอายุ 20 ปี

> ด้วยเงินที่พ่อยืมมาจากคนในหมู่บ้าน
> รวมกับเงินที่น้องชายของฉันได้รับเป็นค่าจ้างมาจากการทำงานเป็นกรรมกรแบกหามที
> ไซท์ก่อสร้าง ... ฉันจึงสามารถเข้าเรียนมหาวิทยาลัยได้จยถึง 3 ปี

> วันหนึ่งขณะที่ฉันกำลังอ่านหนังสืออยู่ในห้องพัก
> เพื่อนร่วมห้องของฉันได้เข้ามาบอกว่า "มีชาวบ้านมาหาเธอ อยู่ข้างนอกแน่ะ"

> ทำไมชาวบ้านถึงมาหาฉันหล่ะ ???
> ฉันเดินออกไปแล้วมองเห็นน้องชายของฉันยืนอยู่
> ตัวเขาเปรอะเปื้อนฝุ่นปูนและทรายจากงานก่อสร้าง...
> ฉันถามเขาว่า "ทำไมไม่บอกเพื่อนพี่ไปว่าเป็นน้องชายพี่ล่ะ"

> น้องชายของฉันยิ้มๆ ว่า "ก็ดูผมซิ สกปรกมอมแมมออกอย่างนี้
> ขืนบอกว่าเป็นน้องพี่ เพื่อนๆ ก้อหัวเราะเยาะพี่กันพอดี"

> ฉันค่อยๆเอื้อมมืออันสั่นเทาไปปัดฝุ่นให้น้อง และพยายามพูดด้วยเสียงเครือๆ ในลำคน
> "พี่ไม่สนใจว่าใครจะพูดยังไง เธอเป็นน้องพี่ ไม่ว่าใครจะดูเป็นอย่างไรก็ตาม"

> จากนั้น น้องของฉันได้ล่วงบางอย่างออกจากกระเป๋ากางเกง
> เป็นกิ๊บหนีบผมรูปผีเสื้อ เขาติดกิ๊บให้ฉัน แล้วพูดว่า
> "ผมเห็นสาวๆ ในเมืองเค้าติดกัน ผมเลยอยากให้พี่ติดบ้าง"

> ฉันหมดเรี่ยวแรงลงในทันใด ดึงน้องชายเข้ามาสวมกอดและร้องไห้ซ้ำแล้วซ้ำเล่าเป็นเวลานาน
> ตอนนั้นน้องของฉันอายุ 20 ปี ส่วนฉัน 23 ปี

> วันที่ฉันพาแฟนหนุ่มของฉันมาที่บ้านเป็นครั้งแรก ฉันสังเกตเห็นว่า
> หน้าต่างบ้านที่เคยแตกไป ได้ถูกซ่อมเรียบร้อยแล้ว

> เมื่อเข้าไปในบ้านก็เห็นว่าบ้านสะอาดขึ้นมาก
> หลังจากที่แฟนฉันกลับไป ฉันพูดกับแม่ว่า "แม่ไม่ต้องเสียเงินเพื่อทำความสะอาดบ้านกับซ่อมกระจก เพียงเพราะหนูจะพาแฟนมาที่บ้านหรอกนะคะ"

> แม่ยิ้ม แล้วพูดว่า "แม่ไม่ได้จ้างหรอก น้องชายลูกต่างหาก
> วันนี้เค้าขอเลิกงานเร็วเพื่อกลับมาทำความสะอาดบ้าน ลูกยังไม่เห็นมือน้องหรอกเหรอ
> น้องโดนกระจกบาดตอนกำลังเปลี่ยนกระจกบานใหม่น่ะ"

> ฉันรีบเข้าไปหาน้องที่ห้องนอนของเขา

> ฉันรู้สึกเหมือนถูกเข็มนับร้อยเล่มทิ่มลงกลางใจเมื่อได้เห็นบาดแผลบนมือ

> ฉันจับมือน้องเอาไว้อย่างเบามือที่สุด "เจ็บมากมั้ย" ฉันถาม

> "ไม่เจ็บสักหน่อย พี่ก็รู้นี่ผมทำงานก่อสร้างนะ วันๆ มีหินตกลงมาใส่เท้าผมเต็มไปหมด
> แต่ก็ไม่ได้ทำให้ผมคิดเลิกทำงานหรอกนะ และ..."

> น้องชายของฉันยังพูดไม่จบประโยค แต่ต้องหยุดพูด เพราะฉันหันหน้าหนีเขา
> น้ำตาไหลอาบหน้าของฉันอีกครั้ง ตอนนั้นน้องอายุ 23 ส่วนฉัน 26 ปี

> หลังจากนั้น ฉันก็ได้แคต่งงานและย้ายเข้าไปอยู่ในเมือง
> หลายครั้งที่สามีของฉันชักชวนให้พ่อแม่ของฉันย้ายเข้ามาอยู่ในเมืองด้วยกัน...
> แต่ท่านทั้ง 2 ก็ปฎิเสธ ท่านบอกว่า ท่านเคยย้ายออกจากหมู่บ้านครั้งหนึ่ง
> แต่เมื่อออก ไปแล้ว ท่านไม่รู้จะทำอะไรดี
> จึงได้ย้ายกลับเข้าไปใช้ชีวิตในหมู่บ้านตามเดิม

> น้องชายของฉันก็ไม่เห็นด้วยกับการที่จะให้เขาและพ่อแม่ย้ายออกไป... เขาบอกกับฉันว่า
> "พี่คอยอยู่ดูแลพ่อและแม่สามีพี่ทางนั้นเถอะ ผมจะคอยดูแลพ่อและแม่ทางนี้เอง"

> สามีฉันได้ขึ้นเป็นประธานของบริษัทของครอบครัว
> เราทั้งคู่อยากให้น้องชายของฉันเข้ามารับตำแหน่งผู้จัดการบริษัท..

> แต่น้องชายของฉันก็ไม่รับตำแหน่งนี้ เขาขอเข้าทำงานในตำแหน่งพนักงานธรรมดา

> วันหนึ่ง น้องชายของฉันต้องปีนบันไดขึ้นไปซ่อมสายเคเบิล
> และตกลงมาเพราะโดนไฟดูด เขาถูกรีบห้ามส่งโรงพยาบาล

> ฉันและสามีรีบไปเยี่ยมเขาที่โรงพยาบาล น้องชายของฉันขาหักต้องเข้าเฝือกที่ขา
> .... ฉันโกรธมาก จึงตวาดน้องไปว่า "ทำไมถึงไม่ยอมฟังพี่บ้าง"
> ทำไมถึงไม่ยอมรับตำแหน่งผู้จัดกา หา!!! ถ้าเป็นผู้จัดการก็จะได้ไม่ต้องมาทำงานเสี่ยงๆ อย่างนี้ ดูตังเองซิ เจ็บเจียนตายอยู่แล้ว ทำไมถึงไม่ยอมฟังพี่บ้าง"

> คำตอบจากปากน้องของฉันรวมถึงสีหน้าเคร่งเครียด ยังยืนยันความคิดเดิมของเขา
> "พี่ลองคิดถึงพี่เขยสิครับ พี่เขยพี่เพิ่งจะได้เป็นประธาน ส่วนผมมันการศึกษาต่ำ
ถ้าผมได้เป็นผู้จัดการ คงมีเสียงนินทาว่าร้ายเต็มไปหมด"

> น้ำตาปริ่มดวงตาของฉันรวมทั้งสามีของฉันด้วย ฉันบอกกับน้องว่า
> "แต่ที่เธอไม่ได้เรียนต่อก็เพราะพี่.."

> "ทำไมต้องพูดถึงเรื่องที่ผ่านไปแล้วด้วยล่ะครับ" น้องชายจับมือฉันไว้
> ตอนนั้นอายุน้องอายุ 26 ปี ส่วนฉัน 29 ปี...

> เมื่อน้องชายของฉันอายุได้ 30 ปี เขาได้แต่งงานกับสาวชาวนาในหมู่บ้านเดียวกัน
> ในงานแต่งงาน ประธานในงานได้ถามน้องชายของฉันว่า
> "ใครคือคนที่คุณรักที่สุดในชีวิตนี้"

> น้องชายตอบอย่างไม่ลังเล "พี่สาวของผมครับ"
> และเขาก็เล่าเรื่องราวที่แม้แต่ฉันยังจำไม่ได้

> "ตอนผมอยู่โรงเรียนประถม โรงเรียนอยู่อีกหมู่บ้านหนึ่ง เราสองคนพี่น้องต้องใช้เวลาถึง 2 ชม. เพื่อเดินไปเรียน และเดินกลับบ้าน
> วันหนึ่งผมทำถุงมือหายไปข้างหนึ่ง พี่สาวจึงได้ให้ถุงมือของเธอข้างหนึ่ง
> และเธอก็ใส่ถุงมือเพียงข้างเดียวเดินเป็นระยะทางไกล
> เมื่อเรากลับถึงบ้านมือเธอบวมแดงเพราะอากาศหนาว
> เธอไม่สามารถจับช้อนทานข้าวได้ด้วนซ้ำ...นับจากวันนั้น

> ผมสาบานกับตัวเอง ว่าตลอดชีวิตของผม ผมจะดูแลพี่สาวของผมให้ดี และจะทำดีกับเธอ"

> เสียงปรบมือดังกึกก้องไปทั่ว สายตาทุกคู่ของแขกเหรื่อหันมาจับจ้องที่ฉัน

> คำพูดจากปากฉันออกมาอย่างยากลำบาก.."ในโลกใบนี้ คนเดียวที่ฉันรู้สึกขอบคุณที่สุด คือน้องชายของฉันค่ะ"

> ในวาระที่มีความสุขที่สุดเช่นนี้ น้ำตาได้รินไหลออกมาจากสองตาของฉันอีกครั้ง...

> จงรัก และห่วงใยคนที่คุณรักในทุกๆ วันในชีวิตของคุณและเขา
> คุณอาจจะคิดว่าสิ่งที่คุณทำให้ใครสักคนเป็นเพียงสิ่งเล็กๆ น้อยๆ
> แต่สำหรับคนคนนั้นอาจจะมีความหมายมากมายอย่างคาดไม่ถึง
> ...ไม่ว่าเขาคนนั้นจะคือ พ่อ แม่ พี่ น้อง ญาตฺ คนรัก เพื่อน หรือแม้คนที่คุรไม่รู้จัก ก็ตาม  : xemo023 :
poloplow
โพสต์: 402
ลงทะเบียนเมื่อ: เสาร์ มี.ค. 11, 2006 11:01 pm

เสาร์ ส.ค. 12, 2006 1:51 pm

: xemo023 : ด้วย
God love us
โพสต์: 6
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ ก.ค. 05, 2006 10:52 pm

เสาร์ ส.ค. 12, 2006 10:07 pm

: xemo031 : : xemo023 : : xemo023 : ผมร้องตามเลยคับ
Maria Magdalena
โพสต์: 1946
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ มิ.ย. 01, 2005 8:23 pm
ที่อยู่: On this earth obviously

เสาร์ ส.ค. 12, 2006 10:25 pm

: xemo023 :
Cid

เสาร์ ส.ค. 12, 2006 11:17 pm

ไปถึงนู่นยังร้องไห้กลับมาถึงไทยนี่เลย ::010::

มาตั้งวงร้องไห้กัน ::008::
อันตน
~@
โพสต์: 4164
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ ก.ค. 06, 2005 6:50 pm
ที่อยู่: ภูเก็ต

อาทิตย์ ส.ค. 13, 2006 10:13 am

ซาบซึ้งอีหลี : xemo023 : ::008::
Batholomew
~@
โพสต์: 12724
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 2:28 pm
ที่อยู่: Thailand

อาทิตย์ ส.ค. 13, 2006 9:29 pm

เป็นเรื่องที่ดีมาก ๆ ครับ : xemo026 :
Maria Magdalena
โพสต์: 1946
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ มิ.ย. 01, 2005 8:23 pm
ที่อยู่: On this earth obviously

อาทิตย์ ส.ค. 13, 2006 11:08 pm

Cid เขียน: ไปถึงนู่นยังร้องไห้กลับมาถึงไทยนี่เลย ::010::

มาตั้งวงร้องไห้กัน ::008::
cause it's so ซึ้ง  : xemo023 :
ภาพประจำตัวสมาชิก
mind
.
.
โพสต์: 527
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 5:45 pm
ที่อยู่: BKK

อาทิตย์ ส.ค. 13, 2006 11:14 pm

:+ La BouQueT +: เขียน:
Cid เขียน: ไปถึงนู่นยังร้องไห้กลับมาถึงไทยนี่เลย ::010::

มาตั้งวงร้องไห้กัน ::008::
cause it's so ซึ้ง  : xemo023 :
หากพวกเรากำลังสบายมา ปรบมือกัน แป่ะๆ ::010::
ตอบกลับโพส