โลกแห่งเทคโนโลยี
โพสต์แล้ว: ศุกร์ ธ.ค. 15, 2006 5:06 pm
ทุกวันนี้ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีของโลกก้าวรุดหน้าไปอย่างรวดเร็วมากครับ ตามปกติผมไม่สนใจเรื่องเทคโนโลยีเลย ผมเพิ่งรู้จักนวัตกรรมของโลกที่เรียกว่า MP3 เมื่อไม่นานมานี้เองครับ เคยเห็นคนเขาหยิบๆจับๆเจ้าเครื่องเอ็มพีสามกันบนรถเมล์และตามท้องถนน แต่ก็ไม่สนใจ ไม่เคยคิดจะซื้อหา ไม่อยากรู้ด้วยว่าอุปกรณ์ที่ว่านี้เรียกว่าอะไร ใช้ทำอะไร มือถือที่มีอยู่ ก็ซื้อเพราะเพื่อนบอกให้ซื้อ เป็นโทรศัพท์เก่าๆ เก่ามากๆ ไม่มีกล้องถ่ายรูป ไม่มีเอ็มพีสาม แถมผมก็ยังไม่ติดโทรศัพท์ คือเวลาออกจากบ้าน ถ้าลืมโทรศัพท์ก็จะไม่สนใจกลับไปเอา พูดกันง่ายๆก็คือ ไม่มีโทรศัพท์มือถือ ผมก็อยู่ได้ ไม่มีปัญหา
ที่บ้านคนอื่นมีเครื่องทำน้ำร้อนที่ใช้อาบน้ำมานานแล้ว แต่บ้านผมก็ไม่สนใจติดตั้ง ยังต้มน้ำอาบอยู่ ชาวบ้านเขาฟังเอ็มพีสามแล้ว ผมก็ยังฟังเทปอยู่ ซีดีแบบพกพาก็ไม่ใช้ ก็ยังคิดอยู่ว่ายังพอใช้เทปได้ก็ใช้ไป ไม่สนใจไปตามความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีของโลกครับ
แต่ เช้าวันหนึ่งในขณะที่ผมกำลังฟังเทปคาสเซทสอนภาษารัสเซียอย่างเพลิดเพลินเจริญใจอยู่นั้น เสียงคนรัสเซียในเทปก็เปลี่ยนจากระดับเสียงปกติกลายเป็นเสียงทุ้มต่ำอย่างน่าใจหาย อนิจจา เสียงชาวรัสเซียที่ผมฟังนั้นกลายเป็นเหมือนเสียงของนักร้องเพลงปลุกใจ คุณสันติ ลุนเผ่ ทุ้มต่ำและออกจะยืดๆยาดๆอยู่ไม่น้อย ผมกลัวเทปเสียหายจึงหยุดเล่นเทปนั้น และคุยกับบางคนว่าผมจะทำอย่างไรดี วิทยุที่มีเครื่องเล่นเทปที่บ้าน ส่วนที่ใช้เล่นเทปนั้นก็เสียไปหมดแล้วทุกเครื่องเลย เหลือแต่ใช้ฟังวิทยุกระจายเสียงได้อย่างเดียว เก๊กซิมมาก สงสัยผมต้องหาซื้อเครื่องเล่นเทปใหม่
ทุกวันนี้เวลาไปดูตามแผนกเครื่องใช้ไฟฟ้า ก็แทบไม่เห็นเครื่องเล่นเทปแล้ว จะมีก็แต่เครื่องเล่นซีดี ซึ่งก็ดูเหมือนจะไม่เป็นที่นิยมหลากหลายเท่ากับเอ็มพีสามแล้ว มีคนบอกให้ผมไปถ่ายเทปไรท์ลงแผ่นซีดี ซึ่งการทำเช่นนี้เป็นเรื่องสะดวกมากกว่าการหาซื้อเครื่องเล่นเทป ซึ่งซื้อมาใช้แล้วก็จะเสีย
ผมมองย้อนกลับไป ผมจึงเห็นว่าผมเป็น"คนตกยุค" ชาวบ้านเขาหันไปใช้เอ็มพีสามแล้ว ผมยังกอดเทปนอนฝันหวานอยู่ได้ เอ็มพีสามคืออะไร ผมก็เพิ่งมารู้ ให้ผมใช้ ผมก็ใช้ไม่เป็น ครั้นผมจะยังดึงดันใช้เทปต่อไป ก็คงเป็นไปได้ยากยิ่งขึ้นทุกวันๆ เพราะหาซื้อเครื่องเล่นเทปได้ยากกว่าเอ็มพีสามมากมายนัก อีกหน่อยถ้าเทปกลายเป็นเหมือนแผ่นเสียงรุ่นพ่อรุ่นแม่ เทปของผมที่มีอยู่ก็จะกลายเป็น"ใบ้" พูดอะไรไม่ได้ ผมจะไม่ได้ยินอะไรในเทปอีก ชาวรัสเซียที่ออกมาพูดกล่อมใจผมทุกเช้าก็จะพลอยเป็นใบ้ไปด้วย เทปก็กลายเป็นเหมือนโบราณวัตถุไปในที่สุด
ผมพบแล้วว่าผม"ตกยุค" ผมโบราณเกินไป ลองคิดดูสิครับ ถ้าอากาศหนาวๆ อยากอาบน้ำอุ่นๆ ผมยังต้องตักน้ำใส่กาแล้วต้ม เสร็จแล้วก็ยังต้องมาผสมกับน้ำในถังน้ำ แล้วตักอาบอยู่เลยครับ
ผมได้ข้อสรุปว่า แม้ว่าผมจะไม่ยินดีปรับตัวกับสถานการณ์ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปรไป แต่สถานการณ์ดังกล่าวก็จะบีบบังคับผมให้ต้องเปลี่ยนปรับตัวผมเองให้ก้าวตามไปแม้ว่าผมจะไม่ยินดีก็ตาม เพราะถ้าผมไม่หันไปใช้ซีดีและเรียนรู้ที่จะใช้เอ็มพีสาม เพื่อนรัสเซียเสียงหวานที่อยู่ในเทปก็จะกลายเป็นใบ้ไป แล้วผมก็จะไม่ได้ยินเสียงเธออีก
ทำไมหนอ คนเราต้องปรับเปลี่ยนตามสถานการณ์ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีของโลก ทั้งๆที่ความก้าวหน้านี้ทำให้เราต้องเสียเงินทองมากมาย ต้องบริโภคมากขึ้น
ผมไม่ได้ต่อต้านเทคโนโลยีนะครับ แต่ผมเสียดายเงินน่ะ เรื่องของเรื่อง ขี้เกียจไปซื้อเครื่องเล่นซีดีกับเอ็มพีสาม ตลอดจนนวัตกรรมใหม่ที่จะทะยอยตามหลังแผ่นเสียง เทป ซีดี เอ็มพีสาม ต่อๆไปน่ะครับ
ที่บ้านคนอื่นมีเครื่องทำน้ำร้อนที่ใช้อาบน้ำมานานแล้ว แต่บ้านผมก็ไม่สนใจติดตั้ง ยังต้มน้ำอาบอยู่ ชาวบ้านเขาฟังเอ็มพีสามแล้ว ผมก็ยังฟังเทปอยู่ ซีดีแบบพกพาก็ไม่ใช้ ก็ยังคิดอยู่ว่ายังพอใช้เทปได้ก็ใช้ไป ไม่สนใจไปตามความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีของโลกครับ
แต่ เช้าวันหนึ่งในขณะที่ผมกำลังฟังเทปคาสเซทสอนภาษารัสเซียอย่างเพลิดเพลินเจริญใจอยู่นั้น เสียงคนรัสเซียในเทปก็เปลี่ยนจากระดับเสียงปกติกลายเป็นเสียงทุ้มต่ำอย่างน่าใจหาย อนิจจา เสียงชาวรัสเซียที่ผมฟังนั้นกลายเป็นเหมือนเสียงของนักร้องเพลงปลุกใจ คุณสันติ ลุนเผ่ ทุ้มต่ำและออกจะยืดๆยาดๆอยู่ไม่น้อย ผมกลัวเทปเสียหายจึงหยุดเล่นเทปนั้น และคุยกับบางคนว่าผมจะทำอย่างไรดี วิทยุที่มีเครื่องเล่นเทปที่บ้าน ส่วนที่ใช้เล่นเทปนั้นก็เสียไปหมดแล้วทุกเครื่องเลย เหลือแต่ใช้ฟังวิทยุกระจายเสียงได้อย่างเดียว เก๊กซิมมาก สงสัยผมต้องหาซื้อเครื่องเล่นเทปใหม่
ทุกวันนี้เวลาไปดูตามแผนกเครื่องใช้ไฟฟ้า ก็แทบไม่เห็นเครื่องเล่นเทปแล้ว จะมีก็แต่เครื่องเล่นซีดี ซึ่งก็ดูเหมือนจะไม่เป็นที่นิยมหลากหลายเท่ากับเอ็มพีสามแล้ว มีคนบอกให้ผมไปถ่ายเทปไรท์ลงแผ่นซีดี ซึ่งการทำเช่นนี้เป็นเรื่องสะดวกมากกว่าการหาซื้อเครื่องเล่นเทป ซึ่งซื้อมาใช้แล้วก็จะเสีย
ผมมองย้อนกลับไป ผมจึงเห็นว่าผมเป็น"คนตกยุค" ชาวบ้านเขาหันไปใช้เอ็มพีสามแล้ว ผมยังกอดเทปนอนฝันหวานอยู่ได้ เอ็มพีสามคืออะไร ผมก็เพิ่งมารู้ ให้ผมใช้ ผมก็ใช้ไม่เป็น ครั้นผมจะยังดึงดันใช้เทปต่อไป ก็คงเป็นไปได้ยากยิ่งขึ้นทุกวันๆ เพราะหาซื้อเครื่องเล่นเทปได้ยากกว่าเอ็มพีสามมากมายนัก อีกหน่อยถ้าเทปกลายเป็นเหมือนแผ่นเสียงรุ่นพ่อรุ่นแม่ เทปของผมที่มีอยู่ก็จะกลายเป็น"ใบ้" พูดอะไรไม่ได้ ผมจะไม่ได้ยินอะไรในเทปอีก ชาวรัสเซียที่ออกมาพูดกล่อมใจผมทุกเช้าก็จะพลอยเป็นใบ้ไปด้วย เทปก็กลายเป็นเหมือนโบราณวัตถุไปในที่สุด
ผมพบแล้วว่าผม"ตกยุค" ผมโบราณเกินไป ลองคิดดูสิครับ ถ้าอากาศหนาวๆ อยากอาบน้ำอุ่นๆ ผมยังต้องตักน้ำใส่กาแล้วต้ม เสร็จแล้วก็ยังต้องมาผสมกับน้ำในถังน้ำ แล้วตักอาบอยู่เลยครับ
ผมได้ข้อสรุปว่า แม้ว่าผมจะไม่ยินดีปรับตัวกับสถานการณ์ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปรไป แต่สถานการณ์ดังกล่าวก็จะบีบบังคับผมให้ต้องเปลี่ยนปรับตัวผมเองให้ก้าวตามไปแม้ว่าผมจะไม่ยินดีก็ตาม เพราะถ้าผมไม่หันไปใช้ซีดีและเรียนรู้ที่จะใช้เอ็มพีสาม เพื่อนรัสเซียเสียงหวานที่อยู่ในเทปก็จะกลายเป็นใบ้ไป แล้วผมก็จะไม่ได้ยินเสียงเธออีก
ทำไมหนอ คนเราต้องปรับเปลี่ยนตามสถานการณ์ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีของโลก ทั้งๆที่ความก้าวหน้านี้ทำให้เราต้องเสียเงินทองมากมาย ต้องบริโภคมากขึ้น
ผมไม่ได้ต่อต้านเทคโนโลยีนะครับ แต่ผมเสียดายเงินน่ะ เรื่องของเรื่อง ขี้เกียจไปซื้อเครื่องเล่นซีดีกับเอ็มพีสาม ตลอดจนนวัตกรรมใหม่ที่จะทะยอยตามหลังแผ่นเสียง เทป ซีดี เอ็มพีสาม ต่อๆไปน่ะครับ
