จดหมายจากเพื่อนที่เป็นลูคิเมีย (อัพเดท)
โพสต์แล้ว: เสาร์ มี.ค. 17, 2007 10:05 pm
วันนี้เรได้รับจดหมายจากสมาคมนักศึกษาคริสเตียนไทยซึ่งเรเป็นสมาชิกอยู่
ในซองได้มีจดหมาย 2 ฉบับจากพี่น้องคริสเตียนคนหนึ่งที่ป่วยด้วยโรคมะเร็งในเม็ดเลือด หรือ ลูคิเมีย
ซึ่งเพื่อนๆ ในสมาคมได้ช่วยกันอธิฐานเผื่ออยู่
คุณน้อยเขียนจดหมายขอบคุณพี่น้องทุกคนที่อธิษฐานเผื่อเธอ และเล่าเรื่องความเป็นไปของเธอ
จากการที่ได้อ่านจดหมายฉบับนี้ ทำให้เรรู้สึกว่าอยากจะเผยแพร่จดหมายของเธอให้คนอื่นๆด้วย
เพราะนอกจากมันจะให้ภาพที่แท้จริงเกี่ยวกับโรคลูคิเมีย ซึ่งนางเอกหนังเกาหลีมักจะเป็น แล้วก็ตายตอนจบแบบสวยๆ
แต่จริงๆ แล้วโรคนี้ไม่ได้สบายและสวยเหมือนในหนังเลยสักนิดโดยเฉพาะกับคนที่ต่อสู้เพื่อจะเอาชนะมันแบบคุณน้อย ไม่เหมือนหนังเกาหลีแน่นอน
นอกจากนี้ทุกถ้อยคำของคุณน้อยยังช่วยให้เราระลึกได้ว่า การที่เราได้มีชีวิตอย่างปกติสุขทุกวันนี้มันคือปาฏิหาริย์
เพราะชีวิตช่างเปราะบาง แต่เราก็มักจะยึดติดกับมันจนลืมไปว่าเราไม่อาจไว้ใจอะไรได้เลย แม้แต่ร่างกายของเราเองว่ามันจะทรยศเราเมื่่อไหร่
ลองอ่านดูนะคะ แล้วอย่าลืมอธิษฐาน/สวดมนต์เผื่อคุณน้อยด้วยค่ะ
สวัสดีึค่ะ
ขอบคุณพระเจ้าสำหรับทุกมือและหัวเข่าที่อธิฐานเผื่ออย่างต่อเนื่อง
เพราะการอธิษฐานของทุกท่านช่วยให้น้อยผ่านสิ่งต่างๆมาจนถึงวันนี้ได้
และหลายครั้งเป็นการช่วยกู้เร่งด่วน เช่น เมื่อวันก่อนที่ทั้งไข้ขึ้นสูง ปวดกระดูก ปวดมดลูก ท้องเสีย ท้องอืด พร้อมกัน
พี่น้องหลายคนช่วยกันอธิษฐาน อาการต่างๆทุเลาลงมาก อีกเรื่องที่เห็นชัดว่าพระเจ้าทรงตอบคำอธิษฐานของพี่น้องคือ
ไม่เกิดอาการอาเจียน(ผลจากยา) น้อยยังพยายามกินข้าวได้ แม้จะไม่อยากกิน เพราะถ้าต้องรับสารอาหารแบบขวดจะไม่ใช่แค่ลำบากกระเตงขวดไปด้วยทุกที่เท่านั้น ยังมีผลข้างเคียงอื่นๆ ตามมามีกเยอะขอบคุณพระเจ้าอย่างแรงที่ตอบคำอธิษฐานของพวกเราในเรื่องนี้
ขอบคุณพระเจ้าอย่างยิ่งด้วยสำหรับความรักที่แสดงออกเป็นการกระทำ ทั้งคำหนุนใจผ่าน SMS การ์ด
การมาเยี่ยม ช่วยดูแลลูก ทำอาหารมาให้กินทุกวัน ช่วยค่ารักษา ฯลฯ
ขอสารภาพว่าน้อยไม่เคยเห็นความรักของพระเจ้ามากเท่านี้มาก่อน
ความรักที่ส่งผ่านคนของพระองค์มาถึงน้อยอย่างเจาะจง น้อยรู้และเชื่อและเป็นคนนึงที่สอนในเรื่องนี้
แต่ในเหตุการณ์นี้น้อยกลับต้องมาเป็นนักเรียน พระเจ้าทรงสอนให้น้อยมีประสบการณ์ตรงกัีบพระองค์
การรักษาหลังจากให้ยาเคมึีสิ้นสุดลงไปเมื่อวันที่ 6 ม.ค. ก็จะเป็นช่วงให้ยาทำลายเซลล์ที่แบ่งตัวเร็ว
(พยาบาลเขาบอกว่าเป็นระเบิดปูพรมแบบล้างบางกันเลย) เป้าหมายหลักคือเซลล์เม็ดเลือดขาวตัวอ่อน
แต่เซลล์ดีทั้งหมดที่แบ่งตัวเร็วก็จะโดนทำลายไปด้วย เช่น เม็ดเลือดแดง เซลล์ผิวหนัง เซลล์เส้นผม เป็นต้น
ผลข้างเคียงจากยาที่เจอคือ ผิวที่แขนขาคล้ำเกรียม ผิวแตกแห้ง ปวดกระดูก เส้นผมยังอยู่(ไม่รู้ถึงเมื่อไหร่)
ส่วนท้องเสียและผื่นคันดีขึ้นบ้างแล้ว ขอบคุณพระเจ้าจริงๆ
ผลเลือดเช้านี้ (ต้องติดตามใกล้ชิดเหมือนคนเล่นหุ้นกันเลย) เม็ดเลือดขาว 420 / เลือดเข้มข้น 23.6/เกร็ดเลือด 27,000
(ค่าปกติจะอยู่ที่ เม็ดเลือดขาว 5,000 -10,000 / เข้มข้น 36 / เกร็ดเลือด 150,000 - 450,000 ตามลำดับ)
วันนี้หมอจึงต้องให้ทั้งเลือดและเกร็ดเลือดทั้งที่เพิ่งได้ไปเมื่อ 3 วันก่อนเองนะเนี่ย
หมอไม่อยากสั่งให้คนไข้เพราะมีโอกาสติดเชื้อจากเลือดถุงได้อยู่เหมือนกัน
ชีวิตเราทุกวันนี้อยู่บนความเสี่ยงตลอดเวลาทั้งในและนอกโรงพยาบาล ทั้งเวลาที่เรารู้และไม่รู้ตัว
น้อยต้องอธิษฐานก่อนรับเลือดว่าพระเจ้าจะดูแลให้มันปลอดภัย เคยเจอปฏิกิริยาแพ้เกร็ดเลือดไปทีนึง...เข็ดเลย
การรักษาจะถือว่าครบ 1 รอบโดยนับจากวันที่เริ่มให้ยาถึงวันที่เม็ดเลือดขาวถูกสร้างขึ้นได้จำนวนที่น่าพอใจ
ผลเลือดน้อยกับน้องชายเข้ากันไม่ได้ การปลูกถ่ายไขกระดูกจึงไม่ใช่แนวทางรักษาขั้นต่อไปตามที่เข้าใจ
น้อยคงต้องใช้เคมีบำบัดแบบนี้อีก 4 รอบ คิดดูแล้วมันช่างยาวนานเหลือเกิน แผนการรักษาที่ชัดเจนต้องรอดูผลจากการเจาะไขกระดูกไปตรวจเมื่อเสร็จการรักษาในรอบแรกก่อน
สุขภาพหลังให้ยาผ่านมา 4 วัน ภายนอกดูปกติธรรมดาแต่เริ่มมีไข้เพราะติดเชื้อมา 2 วันแล้ว
(ไม่มีคนไข้คนไหนไม่ติดเชื้อ เพียงแต่น้อยหรือมาก และเชื้อชนิดไหนเท่านั้น บางเชื้อยาฆ่าเชื้อแพงกว่าค่าเคมีบำบัดอีก...
พยาบาลที่นี่เขาพูดอะไรตร๊งตรง ฟังแต่ละอย่างแล้วใจหาย) หวังว่าน้อยจะไม่ติดเชื้อเพิ่มไปมากกว่านี้
เอาแค่ยาฆ่าเชื้อที่ฉีดทุก 6 ชั่วโมงนี้ก็พอ อย่าให้มากกว่านี้เลย (ต้องฉีดไปจนกว่าเม็ดเลือดขาวกลับขึ้นมาเป็นเกือบปกติ)
หลายคนบอกว่าน้อยดูปกติดี ไม่รู้ว่าป่วย อาจเป็นคำปลอบใจ หรือถ้าเห็นอย่างนั้นจริงๆก็ขอบคุณพระเจ้า
ใช่แล้ว... ทุกอย่างยังดูเป็นปกติ ยกเว้นส่วนที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่า คือเม็ดเลือดต่างๆซึ่งจะทำให้เลือดออกง่ายแต่หยุดยาก
ไม่มีภูมิคุ้มกัน เวียนหัว ตาลาย เหนื่อยง่าย เพลียเกือบตลอดเวลา (เดี๋ยวนี้พูดเบา+นุ่มนวลขึ้นเยอะ)
จะอ่านหนังสือก็ได้แ่ไม่กี่หน้า ร้องเพลงสองเพลงก็เหนื่อยแ้ล้ว มันน่าหงุดหงิดที่แขนขาครบทุกอย่าง ดูปกติ แต่ใช้การไม่ได้เหมือนอย่างเคย
พูดถึงการเยี่ยมสักหน่อยน่าจะดี เนื่องจากคนไข้ลูคิเมียมีข้อควรปฏิบัติในการเข้าเยี่ยมแตกต่างจากคนไข้ทั่วไปบางอย่างคือ
1. เมื่อมาถึง ล้างมือและเช็ดให้แห้ง หรือ กดเจลฆ่าเชื้อที่ปลายเตียงถูกมือก่อนสัมผัสคนไข้
2. สวมผ้าปิดจมูกเพื่อไม่ให้ลมหายใจรดคนไข้ (ในกรณีนี้น้อยเป็นคนสวมเอง) ส่วนคนที่ไม่แน่ใจว่าแข็งแรงดีควรงดเยี่ยม
3. งดของเยี่ยมที่เป็นต้นไม้ ดอกไม้สด เพราะมีเชื้อราเชื้อโรคต่างๆ แฝงอยู่ งดผลไม้สดด้วย
น้อยกินได้แต่ผลไม้เปลือกหนา เช่น ส้มโอ ซึ่งต้องล้างให้สะอาดและปอกกินหมดในครั้งเดียว
(อาหารกินได้ืุกอย่างที่ทำสะอาด+สุก+ร้อนเท่านั้น อาหารที่ทิ้งไว้ค้างคืนก็ต้องงดด้วย...ยุ่งยากจังเลย)
ทุกคนยังสบายดีใช่ไหมคะ อยู่ที่นี่ไม่สนุกเหืมอนไปเที่ยวตากอากาศหรือรีทรีท
มันเป็นอีกโลกหนึ่งที่ซ้อนอยู่ในโลกของคนไม่ป่วย ทุกคนพยายามยิ้มแย้มให้กำลังใจกัน
แต่ความสิ้นหวังมันแพลมออกมาให้เห็นในคำพูด ชีวิตมันไม่เที่ยงและหดหู่ น้อยก็รู้สึกไม่ต่างอะไรกับพวกเขา
บางทีดูแย่กว่าด้วยซ้ำ แต่ก็จะพยายามกลับมาที่ความหวังใจในพระเจ้าผู้ทรงสามารถกระทำได้ทุกสิ่ง
น้อยอยากกลับมากำหนดตารางชีวิตให้ตัวเองแบบเมือ่ก่อนได้อีก เลือดได้ว่าจะทำ-ไม่ทำอะไร กี่โมง วันไหน
ถ้าจะนึกดูมห้ดี วันนี้กับวันเก่าก็ไม่ต่างกัน เพราะพระเจ้าให้เราใช้ชีวิตได้ทีละวันเท่านั้น ไม่มีใครรับประกันว่าจะมีพรุ่งนี้
หรือพรุ่งนี้จะเหมือนเดิม อาจเป็นพราะมาอยู่ที่นี่ น้อยเลยยยิ่งตระหนักว่า เราไม่ได้ควบคุมชีวิตของเราเองได้ทั้งหมดอย่างที่เราคิด
พระเจ้าให้น้อยมาแค่ทีละวัน กับพระคุณความรักสำหรับวันนั้น ประโยคนี้อาจฟังดูไม่มีอะไร
แต่สำหรับน้อยมันเป็นความประจักษ์ชัดและยังต้องเรียนบทเรียนนี้ต่อไปอีกนาน
พระคุณความรักเฉพาะสำหรับวันี้ของน้อยก็เช่นกัน ยังมีลมหายใจ เดินได้ มองเห็นสิ่งต่างๆ รอบตัว
มีอาหารอร่อยตอนเที่ยง ไม่แพ้ยาฆ่าเชื้อ เส้นเลือดที่แทงไว้ยังใช้ได้ ฯลฯ
น้อยกลับมาซาบซึ้งคุณค่ามหาศาลของทุกเรื่องรอบๆตัวอีกครั้ง ทั้งเรื่องเล็กปะติ๋ว ทั้งเรื่องใหญ่เกินกำลังตัวเอง ทั้งเรื่องซ้ำๆ
ทั้งเรื่องใหม่ แล้วพระคุณความรักของพระเจ้าสำหรับวันนี้ของพี่น้องคืออะไรบ้างคะ
น้อย
31 ม.ค. 50
หัวข้ออธิษฐาน
1. ขอพระเจ้าป้องกันการติดเชื้อช่วงเม็ดเลือดขาวต่ำในอีก 2 อาทิตย์ที่กำลังมาถึง
2. แผลผ่าตัดคลอดจะแห้งสนิท(น้ำคาวปลาหมด) ตามธรรมดาหมอจะไม่ให้มีแผล-เลือดออกที่ไหนเลย
แผลผ่าคลอดจึงเป็นภาวะแทรกซ้อนในการรักษาที่หนักหนาพอสมควร
3. เส้นที่แทงค้างไว้ใต้ไหปลาร้าจะใช้การได้จนจบรอบและไม่เกิดอักเสบติดเชื้อที่แผล (เริ่มส่อเค้าไม่ค่อยดี)
น้อยยังต้องใช้เพื่อฉีดยาทุก 6 ชั่วโมงและดูดเลือดไปตรวจวันเว้นวัน
4. ไม่ต้องรับเลือดและเกร็ดเลือดบ่อยๆ เพราะเสี่ยงกับการแพ้และติดเชื้อ
5. ขอพระเจ้าให้สติปัญาผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในการทำการรักษา (พอเปลี่ยนเดือนก็จะเปลี่ยนอาจารย์หมอ และหมอประจำบ้าน)
6. ขอพระเจ้าจัดเตรียมค่ารักษาทั้งหมด + แผนการรักษาต่อจากนี้ +สภาพอารมณ์ของน้อย
..........................................
อีกจดหมายฉบับพรุ่งนี้จะมาพิมพ์ให้้นะคะ ต้องไปทำธุระก่อนแล้วค่ะ
ขอบคุณพระเจ้าที่เรยังสบายดีและ ยังมีวันนี้ให้กับเรค่ะ
ถึงแม้วันนี้จะแพ้ยาฆ่าปลวกจนผื่นขึ้น และ เป็นแผลร้อนในในปากก็ตาม
แต่เทียบไม่ได้กับความทุกข์ของคุณน้อยเลย...
ในซองได้มีจดหมาย 2 ฉบับจากพี่น้องคริสเตียนคนหนึ่งที่ป่วยด้วยโรคมะเร็งในเม็ดเลือด หรือ ลูคิเมีย
ซึ่งเพื่อนๆ ในสมาคมได้ช่วยกันอธิฐานเผื่ออยู่
คุณน้อยเขียนจดหมายขอบคุณพี่น้องทุกคนที่อธิษฐานเผื่อเธอ และเล่าเรื่องความเป็นไปของเธอ
จากการที่ได้อ่านจดหมายฉบับนี้ ทำให้เรรู้สึกว่าอยากจะเผยแพร่จดหมายของเธอให้คนอื่นๆด้วย
เพราะนอกจากมันจะให้ภาพที่แท้จริงเกี่ยวกับโรคลูคิเมีย ซึ่งนางเอกหนังเกาหลีมักจะเป็น แล้วก็ตายตอนจบแบบสวยๆ
แต่จริงๆ แล้วโรคนี้ไม่ได้สบายและสวยเหมือนในหนังเลยสักนิดโดยเฉพาะกับคนที่ต่อสู้เพื่อจะเอาชนะมันแบบคุณน้อย ไม่เหมือนหนังเกาหลีแน่นอน
นอกจากนี้ทุกถ้อยคำของคุณน้อยยังช่วยให้เราระลึกได้ว่า การที่เราได้มีชีวิตอย่างปกติสุขทุกวันนี้มันคือปาฏิหาริย์
เพราะชีวิตช่างเปราะบาง แต่เราก็มักจะยึดติดกับมันจนลืมไปว่าเราไม่อาจไว้ใจอะไรได้เลย แม้แต่ร่างกายของเราเองว่ามันจะทรยศเราเมื่่อไหร่
ลองอ่านดูนะคะ แล้วอย่าลืมอธิษฐาน/สวดมนต์เผื่อคุณน้อยด้วยค่ะ
สวัสดีึค่ะ
ขอบคุณพระเจ้าสำหรับทุกมือและหัวเข่าที่อธิฐานเผื่ออย่างต่อเนื่อง
เพราะการอธิษฐานของทุกท่านช่วยให้น้อยผ่านสิ่งต่างๆมาจนถึงวันนี้ได้
และหลายครั้งเป็นการช่วยกู้เร่งด่วน เช่น เมื่อวันก่อนที่ทั้งไข้ขึ้นสูง ปวดกระดูก ปวดมดลูก ท้องเสีย ท้องอืด พร้อมกัน
พี่น้องหลายคนช่วยกันอธิษฐาน อาการต่างๆทุเลาลงมาก อีกเรื่องที่เห็นชัดว่าพระเจ้าทรงตอบคำอธิษฐานของพี่น้องคือ
ไม่เกิดอาการอาเจียน(ผลจากยา) น้อยยังพยายามกินข้าวได้ แม้จะไม่อยากกิน เพราะถ้าต้องรับสารอาหารแบบขวดจะไม่ใช่แค่ลำบากกระเตงขวดไปด้วยทุกที่เท่านั้น ยังมีผลข้างเคียงอื่นๆ ตามมามีกเยอะขอบคุณพระเจ้าอย่างแรงที่ตอบคำอธิษฐานของพวกเราในเรื่องนี้
ขอบคุณพระเจ้าอย่างยิ่งด้วยสำหรับความรักที่แสดงออกเป็นการกระทำ ทั้งคำหนุนใจผ่าน SMS การ์ด
การมาเยี่ยม ช่วยดูแลลูก ทำอาหารมาให้กินทุกวัน ช่วยค่ารักษา ฯลฯ
ขอสารภาพว่าน้อยไม่เคยเห็นความรักของพระเจ้ามากเท่านี้มาก่อน
ความรักที่ส่งผ่านคนของพระองค์มาถึงน้อยอย่างเจาะจง น้อยรู้และเชื่อและเป็นคนนึงที่สอนในเรื่องนี้
แต่ในเหตุการณ์นี้น้อยกลับต้องมาเป็นนักเรียน พระเจ้าทรงสอนให้น้อยมีประสบการณ์ตรงกัีบพระองค์
การรักษาหลังจากให้ยาเคมึีสิ้นสุดลงไปเมื่อวันที่ 6 ม.ค. ก็จะเป็นช่วงให้ยาทำลายเซลล์ที่แบ่งตัวเร็ว
(พยาบาลเขาบอกว่าเป็นระเบิดปูพรมแบบล้างบางกันเลย) เป้าหมายหลักคือเซลล์เม็ดเลือดขาวตัวอ่อน
แต่เซลล์ดีทั้งหมดที่แบ่งตัวเร็วก็จะโดนทำลายไปด้วย เช่น เม็ดเลือดแดง เซลล์ผิวหนัง เซลล์เส้นผม เป็นต้น
ผลข้างเคียงจากยาที่เจอคือ ผิวที่แขนขาคล้ำเกรียม ผิวแตกแห้ง ปวดกระดูก เส้นผมยังอยู่(ไม่รู้ถึงเมื่อไหร่)
ส่วนท้องเสียและผื่นคันดีขึ้นบ้างแล้ว ขอบคุณพระเจ้าจริงๆ
ผลเลือดเช้านี้ (ต้องติดตามใกล้ชิดเหมือนคนเล่นหุ้นกันเลย) เม็ดเลือดขาว 420 / เลือดเข้มข้น 23.6/เกร็ดเลือด 27,000
(ค่าปกติจะอยู่ที่ เม็ดเลือดขาว 5,000 -10,000 / เข้มข้น 36 / เกร็ดเลือด 150,000 - 450,000 ตามลำดับ)
วันนี้หมอจึงต้องให้ทั้งเลือดและเกร็ดเลือดทั้งที่เพิ่งได้ไปเมื่อ 3 วันก่อนเองนะเนี่ย
หมอไม่อยากสั่งให้คนไข้เพราะมีโอกาสติดเชื้อจากเลือดถุงได้อยู่เหมือนกัน
ชีวิตเราทุกวันนี้อยู่บนความเสี่ยงตลอดเวลาทั้งในและนอกโรงพยาบาล ทั้งเวลาที่เรารู้และไม่รู้ตัว
น้อยต้องอธิษฐานก่อนรับเลือดว่าพระเจ้าจะดูแลให้มันปลอดภัย เคยเจอปฏิกิริยาแพ้เกร็ดเลือดไปทีนึง...เข็ดเลย
การรักษาจะถือว่าครบ 1 รอบโดยนับจากวันที่เริ่มให้ยาถึงวันที่เม็ดเลือดขาวถูกสร้างขึ้นได้จำนวนที่น่าพอใจ
ผลเลือดน้อยกับน้องชายเข้ากันไม่ได้ การปลูกถ่ายไขกระดูกจึงไม่ใช่แนวทางรักษาขั้นต่อไปตามที่เข้าใจ
น้อยคงต้องใช้เคมีบำบัดแบบนี้อีก 4 รอบ คิดดูแล้วมันช่างยาวนานเหลือเกิน แผนการรักษาที่ชัดเจนต้องรอดูผลจากการเจาะไขกระดูกไปตรวจเมื่อเสร็จการรักษาในรอบแรกก่อน
สุขภาพหลังให้ยาผ่านมา 4 วัน ภายนอกดูปกติธรรมดาแต่เริ่มมีไข้เพราะติดเชื้อมา 2 วันแล้ว
(ไม่มีคนไข้คนไหนไม่ติดเชื้อ เพียงแต่น้อยหรือมาก และเชื้อชนิดไหนเท่านั้น บางเชื้อยาฆ่าเชื้อแพงกว่าค่าเคมีบำบัดอีก...
พยาบาลที่นี่เขาพูดอะไรตร๊งตรง ฟังแต่ละอย่างแล้วใจหาย) หวังว่าน้อยจะไม่ติดเชื้อเพิ่มไปมากกว่านี้
เอาแค่ยาฆ่าเชื้อที่ฉีดทุก 6 ชั่วโมงนี้ก็พอ อย่าให้มากกว่านี้เลย (ต้องฉีดไปจนกว่าเม็ดเลือดขาวกลับขึ้นมาเป็นเกือบปกติ)
หลายคนบอกว่าน้อยดูปกติดี ไม่รู้ว่าป่วย อาจเป็นคำปลอบใจ หรือถ้าเห็นอย่างนั้นจริงๆก็ขอบคุณพระเจ้า
ใช่แล้ว... ทุกอย่างยังดูเป็นปกติ ยกเว้นส่วนที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่า คือเม็ดเลือดต่างๆซึ่งจะทำให้เลือดออกง่ายแต่หยุดยาก
ไม่มีภูมิคุ้มกัน เวียนหัว ตาลาย เหนื่อยง่าย เพลียเกือบตลอดเวลา (เดี๋ยวนี้พูดเบา+นุ่มนวลขึ้นเยอะ)
จะอ่านหนังสือก็ได้แ่ไม่กี่หน้า ร้องเพลงสองเพลงก็เหนื่อยแ้ล้ว มันน่าหงุดหงิดที่แขนขาครบทุกอย่าง ดูปกติ แต่ใช้การไม่ได้เหมือนอย่างเคย
พูดถึงการเยี่ยมสักหน่อยน่าจะดี เนื่องจากคนไข้ลูคิเมียมีข้อควรปฏิบัติในการเข้าเยี่ยมแตกต่างจากคนไข้ทั่วไปบางอย่างคือ
1. เมื่อมาถึง ล้างมือและเช็ดให้แห้ง หรือ กดเจลฆ่าเชื้อที่ปลายเตียงถูกมือก่อนสัมผัสคนไข้
2. สวมผ้าปิดจมูกเพื่อไม่ให้ลมหายใจรดคนไข้ (ในกรณีนี้น้อยเป็นคนสวมเอง) ส่วนคนที่ไม่แน่ใจว่าแข็งแรงดีควรงดเยี่ยม
3. งดของเยี่ยมที่เป็นต้นไม้ ดอกไม้สด เพราะมีเชื้อราเชื้อโรคต่างๆ แฝงอยู่ งดผลไม้สดด้วย
น้อยกินได้แต่ผลไม้เปลือกหนา เช่น ส้มโอ ซึ่งต้องล้างให้สะอาดและปอกกินหมดในครั้งเดียว
(อาหารกินได้ืุกอย่างที่ทำสะอาด+สุก+ร้อนเท่านั้น อาหารที่ทิ้งไว้ค้างคืนก็ต้องงดด้วย...ยุ่งยากจังเลย)
ทุกคนยังสบายดีใช่ไหมคะ อยู่ที่นี่ไม่สนุกเหืมอนไปเที่ยวตากอากาศหรือรีทรีท
มันเป็นอีกโลกหนึ่งที่ซ้อนอยู่ในโลกของคนไม่ป่วย ทุกคนพยายามยิ้มแย้มให้กำลังใจกัน
แต่ความสิ้นหวังมันแพลมออกมาให้เห็นในคำพูด ชีวิตมันไม่เที่ยงและหดหู่ น้อยก็รู้สึกไม่ต่างอะไรกับพวกเขา
บางทีดูแย่กว่าด้วยซ้ำ แต่ก็จะพยายามกลับมาที่ความหวังใจในพระเจ้าผู้ทรงสามารถกระทำได้ทุกสิ่ง
น้อยอยากกลับมากำหนดตารางชีวิตให้ตัวเองแบบเมือ่ก่อนได้อีก เลือดได้ว่าจะทำ-ไม่ทำอะไร กี่โมง วันไหน
ถ้าจะนึกดูมห้ดี วันนี้กับวันเก่าก็ไม่ต่างกัน เพราะพระเจ้าให้เราใช้ชีวิตได้ทีละวันเท่านั้น ไม่มีใครรับประกันว่าจะมีพรุ่งนี้
หรือพรุ่งนี้จะเหมือนเดิม อาจเป็นพราะมาอยู่ที่นี่ น้อยเลยยยิ่งตระหนักว่า เราไม่ได้ควบคุมชีวิตของเราเองได้ทั้งหมดอย่างที่เราคิด
พระเจ้าให้น้อยมาแค่ทีละวัน กับพระคุณความรักสำหรับวันนั้น ประโยคนี้อาจฟังดูไม่มีอะไร
แต่สำหรับน้อยมันเป็นความประจักษ์ชัดและยังต้องเรียนบทเรียนนี้ต่อไปอีกนาน
พระคุณความรักเฉพาะสำหรับวันี้ของน้อยก็เช่นกัน ยังมีลมหายใจ เดินได้ มองเห็นสิ่งต่างๆ รอบตัว
มีอาหารอร่อยตอนเที่ยง ไม่แพ้ยาฆ่าเชื้อ เส้นเลือดที่แทงไว้ยังใช้ได้ ฯลฯ
น้อยกลับมาซาบซึ้งคุณค่ามหาศาลของทุกเรื่องรอบๆตัวอีกครั้ง ทั้งเรื่องเล็กปะติ๋ว ทั้งเรื่องใหญ่เกินกำลังตัวเอง ทั้งเรื่องซ้ำๆ
ทั้งเรื่องใหม่ แล้วพระคุณความรักของพระเจ้าสำหรับวันนี้ของพี่น้องคืออะไรบ้างคะ
น้อย
31 ม.ค. 50
หัวข้ออธิษฐาน
1. ขอพระเจ้าป้องกันการติดเชื้อช่วงเม็ดเลือดขาวต่ำในอีก 2 อาทิตย์ที่กำลังมาถึง
2. แผลผ่าตัดคลอดจะแห้งสนิท(น้ำคาวปลาหมด) ตามธรรมดาหมอจะไม่ให้มีแผล-เลือดออกที่ไหนเลย
แผลผ่าคลอดจึงเป็นภาวะแทรกซ้อนในการรักษาที่หนักหนาพอสมควร
3. เส้นที่แทงค้างไว้ใต้ไหปลาร้าจะใช้การได้จนจบรอบและไม่เกิดอักเสบติดเชื้อที่แผล (เริ่มส่อเค้าไม่ค่อยดี)
น้อยยังต้องใช้เพื่อฉีดยาทุก 6 ชั่วโมงและดูดเลือดไปตรวจวันเว้นวัน
4. ไม่ต้องรับเลือดและเกร็ดเลือดบ่อยๆ เพราะเสี่ยงกับการแพ้และติดเชื้อ
5. ขอพระเจ้าให้สติปัญาผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในการทำการรักษา (พอเปลี่ยนเดือนก็จะเปลี่ยนอาจารย์หมอ และหมอประจำบ้าน)
6. ขอพระเจ้าจัดเตรียมค่ารักษาทั้งหมด + แผนการรักษาต่อจากนี้ +สภาพอารมณ์ของน้อย
..........................................
อีกจดหมายฉบับพรุ่งนี้จะมาพิมพ์ให้้นะคะ ต้องไปทำธุระก่อนแล้วค่ะ
ขอบคุณพระเจ้าที่เรยังสบายดีและ ยังมีวันนี้ให้กับเรค่ะ
ถึงแม้วันนี้จะแพ้ยาฆ่าปลวกจนผื่นขึ้น และ เป็นแผลร้อนในในปากก็ตาม
แต่เทียบไม่ได้กับความทุกข์ของคุณน้อยเลย...