Belong to the Truth Jesus Christ

ทราบมาว่า ในความเชื่อของคาทอลิก คนที่ฆ่าตัวตาย หมดสิทธิ์ขึ้นสวรรค์ เพราะ เป็นการทำบาปหนักก่อนตาย หมดสิทธิ์ได้รับศีลอภัยบาป และผมดูหนังเรื่องหนึ่ง ทำให้ผมเข้าใจไปว่า คนที่ฆ่าตัวตายจะไม่ได้รับอณุญาติให้ทำพิธีศพในโบสถ์คาทอลิก เดี๋ยวนี้ ยังเป็นไปตามนี้ไหมครับ

เอ่อ...ไม่ทราบเหมือนกันครับ
มาปูเสื่อรออ่าน -*-

แต่สำหรับเอชแล้ว การฆ่าตัวตายก็เหมือนกับการทำลายสิ่งที่ประเสริฐที่สุด
ที่พระเจ้าสร้างขึ้นมาบนโลกใบนี้...มันน่าจะเป็นบาปที่หนักที่สุดแล้วว

จะได้ขึ้นสวรรค์ หรือไม่ ไม่ทราบค่ะ  แต่แน่นอนบาป เพราะฆ่าคน คือฆ่าตัวเอง

ไปถามคุณพ่อดีกว่าครับ รับรองได้คำตอบชัวร์ ผมเองก็ไม่แน่ใจ เลยไม่กล้าบอก

จากที่พ่อปลัดท่านหนึ่งมา


พระสงฆ์ จะไม่จัด งานศพให้บุคคลที่ฆ๋าตัวตาย


แต่ในส่วน เขาจะขึ้นสวรรค์ได้/ไม่ได้ มีแต่พระเจ้าที่ตัดสินได้ครับ


ด้วยเหตุนี้ จึง พระศาสนจักรจึงอนุญาต ในการขอมิซซาแด่ผู้ตาย ให้บุคคลที่ฆ่าตัวตาย ครับ

Prod Pran เขียน:
จะได้ขึ้นสวรรค์ หรือไม่ ไม่ทราบค่ะ  แต่แน่นอนบาป เพราะฆ่าคน คือฆ่าตัวเอง

ทำลายวิหารของพระเจ้า เพราะ ร่างกายคือวิหารของพระเจ้า อิอิอิ

พระศาสนจักรตัดสินไม่ได้นะครับว่าใครตกนรกหรือไม่ แต่พอจะบอกได้ว่าอะไรบาปหนักมากหรือไม่ กรณีการฆ่าตัวตาย มีประสบการณ์จากคนใกล้ตัว และนักบุญหลายท่าน ที่คนฆ่าตัวตาย ได้รับพระหรรษทานในการกลับใจก่อนจะสิ้นใจแล้วเขาก็รอดจากการตกนรกครับ

ตกนรกหรือขึ้นสวรรค์อันนี้ไม่รู้ เพราะเราเป็นมนุษย์ไม่อาจตัดสินได้
แต่การฆ่าตัวตายเป็นบาปหนัก...เราว่ามากกว่าการฆ่าคนตายนะ
เพราะว่าทำลายสิ่งประเสริฐที่สุดที่พระเจ้าประทานให้เรา...
น่าสงสารคนที่กำลังจะฆ่าตัวตายยจังเลย
เราก็เคยคิดที่จะฆ่าตัวตาย..แต่เราคิดว่าสิ่งที่มีค่าที่สุดในชีวิตเราก็คือ..ชีวิตเราไง
นกที่ล่องลอยในอากาศพระเป็นเจ้ายังดูแลมัน ให้อาหารมัน ดูแลมัน ให้มันอยู่รอดได้
ดอกไม้พระเจ้าโปรดให้มันขึ้นอยู่บนดิน มีน้ำ มีแสงแดด ให้มันสังเคราะห์แสงเป็นอาหารได้
แล้วเราล่ะ..เราเป็นมนุษย์ได้ชื่อว่าเป็นบุตรของพระเจ้า..พระเจ้าจะทรงทอดทิ้งเราหรืออ...

พระศาสนาจักรคาทอลิกไม่ตัดสินว่าใครจะตกนรก
เพราะผู้ตัดสินมีเพียงพระเจ้า

แต่การที่ไม่ทำพิธีให้ เป็นเหมือนการแสดงออกให้ศาสนิกเข้าใจอย่างชัดเจนว่า
สิ่งนี้เป็นบาปร้ายแรง  เราไม่ใช่เจ้าของชีวิต  ไม่มีสิทธิ์ฆ่าตัวตายเช่นนั้น
พระเจ้าสอนให้เรา  อดทน สู้กับปัญหา  ไม่ทิ้งหรือหนีปัญหาอย่างคนไม่มีที่พึ่ง

การฆ่าตัวตาย  คนที่เสียใจไม่ใช่แค่เรา  แต่คนรอบข้างทั้งหมด
ล้วนได้รับผลกระทบจากการกระทำนี้ทั้งสิ้น 
เราฆ่าตัวตาย...แต่จะมีอีกกี่คนที่หัวใจสลาย 

นี้คือสิ่งที่สำคัญ  ไม่ใช่ประเด็นว่า คนจะตกนรกหรือไม่

~@Little lamb@~ เขียน: พระศาสนาจักรคาทอลิกไม่ตัดสินว่าใครจะตกนรก
เพราะผู้ตัดสินมีเพียงพระเจ้า

แต่การที่ไม่ทำพิธีให้ เป็นเหมือนการแสดงออกให้ศาสนิกเข้าใจอย่างชัดเจนว่า
สิ่งนี้เป็นบาปร้ายแรง  เราไม่ใช่เจ้าของชีวิต  ไม่มีสิทธิ์ฆ่าตัวตายเช่นนั้น
พระเจ้าสอนให้เรา  อดทน สู้กับปัญหา  ไม่ทิ้งหรือหนีปัญหาอย่างคนไม่มีที่พึ่ง

การฆ่าตัวตาย  คนที่เสียใจไม่ใช่แค่เรา  แต่คนรอบข้างทั้งหมด
ล้วนได้รับผลกระทบจากการกระทำนี้ทั้งสิ้น 
เราฆ่าตัวตาย...แต่จะมีอีกกี่คนที่หัวใจสลาย 

นี้คือสิ่งที่สำคัญ  ไม่ใช่ประเด็นว่า คนจะตกนรกหรือไม่

เห็นด้วยกับมาเซอร์ (น้องสาวของฉัน)

ชีวิตเราเป็นของพระเจ้าครับ เราไม่มีสิทธิ์ทำอะไรกับตัวเราเองครับ ทุกสิ่งเป็นไปตามน้ำพระทัยของพระเจ้า ^_^

หนังที่ดุน่าจะเรื่อง คอนสแตนติน ใช่มั้ยครับ ^^

เด็กผี ปีศาจแดง เขียน:
ชีวิตเราเป็นของพระเจ้าครับ เราไม่มีสิทธิ์ทำอะไรกับตัวเราเองครับ ทุกสิ่งเป็นไปตามน้ำพระทัยของพระเจ้า ^_^

หนังที่ดุน่าจะเรื่อง คอนสแตนติน ใช่มั้ยครับ ^^

กำลังคิดอยุ่เหมือนกันเลยค่าๆๆๆๆ เเต่หนังเรื่องนั้นมันออกจะเว่อร์ไปนิ๊ด เเต่ก็สนุกดี 

สำหรับผม
การฆ่าตัวตายนั้น
เป็นสิ่งที่แร้วร้ายที่สุด
ของชีวิต คนอย่างผมที่เคยเกิดมา บนโลกนี้

ยศิยล:ผู้แสวงหาพระเจ้า เขียน: จากที่พ่อปลัดท่านหนึ่งมา


พระสงฆ์ จะไม่จัด งานศพให้บุคคลที่ฆ๋าตัวตาย


แต่ในส่วน เขาจะขึ้นสวรรค์ได้/ไม่ได้ มีแต่พระเจ้าที่ตัดสินได้ครับ


ด้วยเหตุนี้ จึง พระศาสนจักรจึงอนุญาต ในการขอมิซซาแด่ผู้ตาย ให้บุคคลที่ฆ่าตัวตาย ครับ

ถ้าพระสงฆ์ไม่จัดงานศพให้คนที่ฆ่าตัวตายแล้ว เราจะมีพิธีกรรมหรือทำอะไรให้เค้ามั้ยคะ
หรือฝังอย่างเดียวอ่ะ อยากได้เป็นความรู้อ่ะค่ะ ขอบคุณนะคะ

ทำไมพระศาสนจักรจึงยินยอมให้ทำพิธีปลงศพเเบบคริสตชน แก่ผู้ที่ฆ่าตัวตาย

ชีวิตเป็นพระพรอันประเสริฐจากพระเจ้า ถ้าปราศจากพระพรดังกล่าวนี้ มนุษย์ก็มิอาจมีชีวิตอยู่ได้
ทั้งในโลกนี้ เเละในโลกหน้า ถ้าปราศจากชีวิตก็คงไม่มีการศึกษา ไม่มีการใช้เเรงงาน ไม่มีการเเต่งงาน
หรือใช้พลังจากความคิด ความสามารถ เเละทักษะทางร่างกาย ชีวิตเป็นสิ่งประเสริฐ เป็นความผิดร้ายเเรง
ที่จะทำลายชีวิตตนเองเเละชีวิตผู้อื่น พระบัญญัติของพระเจ้าคือ "อย่าฆ่าคน"(อพย 20:13, ฉลบ 5:17)
ชี้ให้เราเห็นถึงความรุนเเรงของการกระทำผิดในการทำลายชีวิตมนุษย์

ในช่วงเวลาที่ความรู้ทางด้านจิตวิทยายังมิได้เจริญก้าวหน้าเหมือนในปัจจุบันนี้ มีความคิดว่าการทำลายชีวิตมนุษย์นั้น
เป็นความผิดร้ายเเรง ดังนั้น พระศาสนจักรจึงไม่อนุญาตให้ทำพิธีปลงศพเเบบคริสตชนสำหรับผู้ที่ฆ่าตัวตาย
โดยมีเหตุผล2ประการ ประการเเรก เป็นการลงโทษการกระทำที่ฆ่าตนเอง ประการที่สอง เป็นเครื่องป้องกันมิให้ผู้อื่นกระทำ
ด้วยการยืนยันถึงความรุนเเรงของการกระทำผิดในการฆ่าตัวตาย

กฎหมายโบราณบอกไว้ว่า ผู้ที่ฆ่าตัวตายโดยเจตนานั้นไม่ให้ทำพิธีปลงศพตามทำเนียมของพระศาสนจักร (ม1240 วรรค 1,3)
อย่างไรก็ตาม ในกฎหมายใหม่ มิได้คิดรวมผู้ฆ่าตัวตายไว้ในกลุ่มบุคคลที่พระศาสนจักรไม่ประกอบพิธีปลงศพทางศาสนาให้ (ม.1184)

ในกรณีข้อตัดสินทางด้านศีลธรรม พระศาสนจักรต้องได้รับข้อชี้เเนะจากข้อเท็จจริงทางวิทยาศาสตร์ที่ให้ความสว่าง
กับการทำงานของบุคคลมนุษย์ หลักศีลธรรมสำคัญๆนั้น ต้องประยุกต์ใช้ตามความรู้ทางชีววิทยา จิตวิทยาเเละสังคมวิทยา

ทัศนคติใหม่ของพระศาสนจักรในการพิจารณาถึงการฆ่าตัวตาย เนื่องมาจากความก้าวหน้าทางจิตวิทยาในความเข้าใจถึง
ธรรมชาติของการฆ่าตัวตาย โดยปกตินั้น มนุษย์รักชีวิตของตนเองเเละปรารถนาที่จะมีชีวิตยืนยาวอย่างไม่มีสิ้นสุด
ดังนั้น ความปรารถนาที่จะดับชีวิต จึงเป็นเรื่องผิดปกติ ยากที่จะจิตนาการถึงความคิดของบุคคลที่ฆ่าตัวตาย ที่นำบุคคลหนึ่ง
ไปสู่ระดับความวิตกทางอารมณ์ ความคลั่งเเละป่วยทางจิต อย่างน้อยในชั่วขณะนั้น ดังนั้น จึงมีความรับผิดชอบในการกระทำของตน
อย่างไม่เต็มที่ ซึ่งไม่สามารถบอกได้ว่า บุคคลที่อยู่ในสภาพความคิดเช่นนั้นสูญเสียความเชื่อในองค์พระผู้เป็นเจ้า หรือสิ้นหวัง
ในพระทัยดีเเละพระเมตตาของพระองค์ พระศาสนจักรมองบุคคลที่ฆ่าตัวตายว่าเป็นการตายเเบบคนป่วยทางจิตใจ

นอกจากความเข้าใจอย่างถ่องเเท้เเบบใหม่ของพระศาสนจักร ในเรื่องที่เป็นเงื่อนไขในทางจิตของผู้ฆ่าตัวตายเเล้ว
พระศาสนจักรยังต้องการให้กำลังใจ เเละปลอบโยนให้กับผู้ที่ถูกพรากไป ซึ่งไม่เหมือนการตายตามปกติ
การฆ่าตัวตายเป็นเรื่องเศร้า เเละก่อให้เกิดความบอบชําทางจิตใจกับบรรดาสมาชิกของครอบครัว ญาติพี่น้อง เเละมิตรสหาย 
ในการประกอบพิธีปลงศพให้กับผู้ตายนั้น พระศาสนจักรช่วยบรรเทาใจพวกเขาในยามทุกข์โศก


บาทหลวงวีระ อาภรณ์รัตน์ "50 คำถามเกี่ยวกับศาสนาคริสต์คาทอลิก" โรงพิมพ์อัสสัมชัญ, 2008

ขอบใจจ๊ะเจน สำหรับความกระจ่าง

Viridian เขียน: ขอบใจจ๊ะเจน สำหรับความกระจ่าง

ขอเป็นชาบูหนึ่งมื้อละกันค่าๆ 

†Ecclēsia เขียน:

Viridian เขียน: ขอบใจจ๊ะเจน สำหรับความกระจ่าง

ขอเป็นชาบูหนึ่งมื้อละกันค่าๆ 

ตลอดดดดดดด

สำหรับคนที่คิดจะฆ่าตัวตายอ่านะ เขาคงไม่คิดถึงเวลาขึ้นสวรรค์หรือจะตกนรกหรอกนะ
อย่างน้่อยบูก้อไม่คิดแหละ
ช่างแมร่งแล้ว

BouQueT*Mary Mag เขียน: สำหรับคนที่คิดจะฆ่าตัวตายอ่านะ เขาคงไม่คิดถึงเวลาขึ้นสวรรค์หรือจะตกนรกหรอกนะ
อย่างน้่อยบูก้อไม่คิดแหละ
ช่างแมร่งแล้ว

อารมณ์ชั่ววูบล่ะหนอ

แจ่มแจ้งดีมากค่ะ! 

Viridian เขียน:

BouQueT*Mary Mag เขียน: สำหรับคนที่คิดจะฆ่าตัวตายอ่านะ เขาคงไม่คิดถึงเวลาขึ้นสวรรค์หรือจะตกนรกหรอกนะ
อย่างน้่อยบูก้อไม่คิดแหละ
ช่างแมร่งแล้ว

อารมณ์ชั่ววูบล่ะหนอ

ไม่รู้สิค่ะ คงงั้นมั้ง แต่เป็นอารมณ์ที่อันตรายนะ

BouQueT*Mary Mag เขียน:

Viridian เขียน:

BouQueT*Mary Mag เขียน: สำหรับคนที่คิดจะฆ่าตัวตายอ่านะ เขาคงไม่คิดถึงเวลาขึ้นสวรรค์หรือจะตกนรกหรอกนะ
อย่างน้่อยบูก้อไม่คิดแหละ
ช่างแมร่งแล้ว

อารมณ์ชั่ววูบล่ะหนอ

ไม่รู้สิค่ะ คงงั้นมั้ง แต่เป็นอารมณ์ที่อันตรายนะ

ไอ้ตอนทำ อาจจะไม่คิดหรอกค่ะ เเต่หลังจากทำเเล้วอ่ะ จะเริ่มคิด โดยเฉพาะก่อนตาย...
เขาอาจจะไม่คิดถึงสวรรค์ เเละไม่คิดถึงนรก เพราะ มันอยู่ตรงหน้าเขาเเล้ว....ไม่ต้องคิดอีก

แล้วทำไมถึงมีการฆ่าตัวตายโชว์ทางเนตล่ะ
อยากโด่งดังรึยังไง
แถมคนดูยังดูต่อจนจบ
เง้ย!มันไม่ใช่หนังสยองนะเจ้าค่ะ
นั่นมันของจริง