ยอมรับก็ได้ค่ะว่าเลยแล้ว

แต่ไม่เห็นเกิดอะไรขึ้นเลย...
เรื่องดวงดีและดวงตก เป็นปกติค่ะ ไม่จำเป็นต้องอายุ 25
แต่ที่โบราณเค้าเตือน เพราะคนวัยนี้มักคิดว่าตัวเองโตมากแล้ว ทำอะไรไม่ปรึกษาใครและไม่ค่อยยั้งคิด
ตอนวัยรุ่นถึงจะไม่ยั้งคิดแต่ยังเกรงใจพ่อแม่ แต่พอ 25 แล้ว ไม่มีใครห้ามได้แล้ว
รวมทั้งพ่อแม่เองก็ไม่ได้ดูแลใกล้ชิด จึงมักจะเกิดเรื่องไม่ดีมากกว่าตอนวัยรุ่นเสียอีก
ไม่ได้เกี่ยวกับว่าพอ 25 แล้วจะซวยกว่าปกติแต่อย่างใด
เคยได้ยินคำพูดที่ว่า "ใครเชื่อก็ทำให้ได้ทุกสิ่ง" ไหมคะ
พระเยซูทรงรักษาโรค คนที่เชื่อก็หาย คนที่ไม่เชื่อก็ไม่หาย
เรื่องความเชื่อมันแปลกดีเนอะ หลายครั้งที่ต้อง"เชื่อ" ก่อนถึงจะเห็น
อย่าพูดว่าต้อง"เห็น" ก่อนจึงจะเชื่อ เพราะถ้าเจ้าไม่ "เชื่อ" ก็จะไม่มีวัน"เห็น"
เคยได้ยินไหมเรื่องการทำคุณไสย์ มีหมอผีทำคุณไสย์ใส่คริสตชน ทำเท่าไหร่ก็ไม่เกิดอะไร
แต่หมอผีคนเดียวกันนี้ทำสเน่ห์ให้กับคนที่เชื่อ แล้วมันได้ผล
เพราะอะไร? เพราะเราเชื่อ หรือ ไม่เชื่อไงคะ
คนจีนฝังบรรพบุรุษ ต้องมีทะเล ต้องมีภูเขาอย่างนั้นอย่างนี้
ถ้าไม่มีตามฮวงจุ้ยที่กำหนดถือว่าแย่มาก ลูกหลานจะไม่เจริญ จะลำบากยากจน
คริสตชน มีสุสานที่ไหนก็ฝัง ไม่ต้องมีทะเล ไม่ต้องมีภูเขา ไม่ต้องหันศพไปทิศนั้นทิศนี้
ไม่เห็นลูกหลานจะมีอันเป็นไปเลย ทำไมกฏเดียวกันนี้ใช้ได้กับคนจีน แต่ใช้ไม่ได้กับคริสตชน?
ฟอร์เวิร์ดเมลที่บอกว่า ถ้าไม่ส่งจะดวงตก จะตายภายใน 3 วัน 7 วัน
เพื่อนบางคนไม่ส่งแล้วดวงซวย ต้องรีบมาส่งเป็นการใหญ่
เรอ่านปุ๊บ ลบทิ้ง ลบทิ้ง ลบทิ้ง ลบไปไม่รู้กี่ร้อยฉบับ
ไม่เห็นหลวงพ่ออะไรที่ว่านั่นมาทำให้เรเป็นอะไรได้เลย
คนที่เชื่อก็จะเป็นไปตามนั้น คนที่ไม่เชื่อก็จะไม่มีผลอะไร
คนเราจะเป็นไปก็เพราะ "ความเชื่อ"
เช่นที่พระเยซูเจ้าบอกว่า ขอให้เป็นไปตามความเชื่อของเจ้า
กลับมาที่เรื่องเบญจเพสนะคะ ที่มาถามแปลว่าแอบเชื่อไปแล้วครึ่งหนึ่งหรือเปล่า
ขอหนุนใจนิดนึงว่า เราเป็นลูกของพระเจ้าที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในสากลจักรวาล
ถ้าพระองค์ไม่อนุญาตจะไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับเราได้ทั้งสิ้น
และถ้ามีอะไรเกิดขึ้นกับเราจริงๆ ก็ขอให้คิดว่าเป็นน้ำพระทัย
และพยายามมองหาว่าพระองค์ทรงต้องการตีสอนอะไรเรา
ถ้าเราเชื่อหมดหัวใจว่าพระเจ้าของเรายิ่งใหญ่ และจะทรงสถิตย์กับเรา
จะไม่มีสิ่งชั่วร้ายอะไรทำอันตรายเราได้ค่ะ ไม่มีเรื่องโชคลางอะไรทั้งนั้นที่จะมีผลกับเราค่ะ
เพราะ"พ่อ"ผู้ทรงฤทธิ์ของเราเป็นเจ้าเป็นนายเหนือทุกสิ่ง
ขอแค่อย่าข้องใจในพระเจ้าแม้เพียงเสี้ยวหนึ่งแล้วเปิดโอกาสให้มันเข้ามาก็แล้วกัน
เรเคยดู VCD สัมมนาเรื่องการขับไล่วิญญาณชั่ว
มีคำถามนึงถามว่า "คริสตชนถูกปีศาจสิงได้ไหม?"
แล้ววิทยากรตบหน้าอกตัวเองแล้วถามว่า "ใครอยู่ในนี้"
ทุกคนตอบพร้อมกันว่า "พระเจ้า" แล้ววิทยากรเลยถามต่อว่า
"ถ้าพระเจ้าสถิตย์กับท่าน แล้วอะไรจะมีอำนาจพอจะมาไล่พระเจ้าแล้วเข้ามาสิงแทนได้"
ไม่ได้บอกว่าเรื่องผีสิงคริสตชนเกิดขึ้นไม่ได้นะคะ เพียงแต่ว่า ถ้าเราติดตามพระเจ้าด้วยสิ้นสุดจิตใจ
แล้วพระเจ้าไม่อนุญาตให้เกิด มันจะไม่เกิดแน่นอน เพราะแม้แต่ผมของเราก็ทรงนับไว้แล้วทุกเส้น
ต้องถามตัวเองว่า พักพิงในพระเจ้าด้วยสิ้นสุดจิตใจแล้วจริงๆหรือเปล่า
ถ้าใช่... สิ่งเลวร้ายที่เกิดขึ้นเป็นน้ำพระทัยหรือเปล่า? หรือ เป็นการทดลองแบบโยบ?
และถ้ามันเป็นการทดลอง เราจะผ่านมันได้แบบโยบหรือเปล่า
หรือเป็นแค่การตีสอนจากพระเจ้าว่า "เจ้าอย่าไปเชื่อเรื่องโชคลางที่คนอื่นพูดกันจนลืมไปว่าบิดาของเจ้าเป็นใคร"
อันนี้แค่ความคิดส่วนตัวของเรนะคะ อาจจะถูก หรือ ไม่ถูกก็ได้ค่ะ