เรื่องเครื่องแบบซิสเตอร์ ข้าพเจ้าขอโอกาสในการวิเคราะห์เล็กน้อย เนื่องจากเป็นประเด็นที่สนใจมาตั้งแต่บุร่ำบุราณนานปี คือตั้งแต่ยังเป็นเด็กๆ แม้ทุกวันนี้ ข้าพเจ้าก็ยังสนใจและอภิปรายในประเด็นดังกล่าวกับเพื่อนของข้าพเจ้าอยู่เนืองๆ
คณะพระหฤทัยของพระเยซูเจ้าแห่งกรุงเทพ : เป็นคณะที่ชุดสวยมาก เนื่องจากมีความโดดเด่นในเรื่องผ้าคลุมที่ยาว พลิ้ว คลุมศีรษะมิด มีแผ่นผ้าแข็งปิดหน้าผาก ไม่เห็นไรผมตรงหน้าผาก มิดชิด สมเป็นเจ้าสาวพระคริสต์ และมีความเป็นเอกภาพ คือใส่เหมือนกันหมดเลย แต่ข้าพเจ้าติดใจในเรื่องกระโปรงของคณะนี้ที่จีบรอบตัว แม้จีบจะไม่ถี่มาก แต่ก็คงยากแก่การรีดไม่น้อย คงเปลืองน้ำยารีดผ้าเป็นตัน ฉีดแล้ว พรมแล้ว กว่าจะเรียบได้ ส่วนเพื่อนข้าพเจ้ามีความเห็นว่า เครื่องแบบคณะนี้ เวลาเป็นชุดทำงานหรือเดินทางก็จะปรับจากเครื่องแบบสีขาวมาเป็นสีน้ำเงินหรือกรมท่า แต่ผ้าคลุมของพวกเธอก็ยังคงความขาวโอโม่ได้เหมือนเดิม เพื่อนข้าพเจ้าเห็นว่าควรเปลี่ยนให้เป็นสีเดียวกันกับเสื้อและกระโปรง นอกจากนี้ โดยส่วนตัวข้าพเจ้าติดใจเรื่องรองเท้าอยู่หน่อย คือซิสเตอร์สาวๆคณะพระหฤทัยชอบใส่ส้นสูง ดูสวยไปหน่อย เพราะศีลบนนักบวชมี "ความยากจน" "ความบริสุทธิ์" และ "ความนบนอบ"
แต่ไม่มี "ความสวย"
คณะรักกางเขนแห่งจันทบุรี : คณะนี้ชื่อเดิมคือ"คณะธิดากางเขน ณ จันทบุรี" คณะนี้จะมีความโดดเด่นที่เห็นแล้วเตะตาเป็นอันดับต้นๆ ก็คือเสื้อทับสีขาวภายใต้เครื่องแบบชั้นนอก คณะนี้ข้าพเจ้าคิดว่าเครื่องแบบก็สวยใช้ได้ แต่ก็ติดใจที่ผ้าคลุม คือคิดว่าคงเป็นผ้าคลุมสี่เหลี่ยมผืนผ้า แล้วพอนำมาคลุมศีรษะแล้ว เอาชายมาซ้อนกัน มันจะเห็นชายห้อยย้อยมาด้านหลัง คือผ้าคลุมด้านนอกสุดปิดคลุมส่วนที่ซ้อนกันไว้ไม่มิด ข้าพเจ้าคิดว่าดูอีหลักอีเหลื่ออยู่หน่อย แต่การคลุมผ้าแบบนี้ จะเป็นการคลุมผ้าแบบเดียวกับคณะกลาริสกาปูชิน
คณะผู้รับใช้ดวงหทัยนิรมลของพระแม่มารีย์ : คณะนี้ส่วนใหญ่มีบ้านอยู่ทางมิสซังราชบุรี เป็นหนึ่งในคณะที่เป็นสมาชิกครอบครัวซาเลเซียน (แถวราชบุรี ซาเลเซียนเยอะ) คณะนี้เครื่องแบบในสมัยก่อนนู้น ก็ดูดี มีความโดดเด่นในการคลุมศีรษะให้มิดชิด ผมเผ้าไม่ให้กระเด็นโดดออกมาให้เห็น ที่เป็นเช่นนั้น ข้าพเจ้าเดาว่าก็คงเป็นเพราะมีคนกล่าวว่า "ผู้หญิงงามที่ผม" เจ้าสาวพระคริสต์จึงต้องปิดผมให้มิดชิด ทีนี้ พอปฏิรูปเครื่องแบบนักบวชให้สะดวกและง่ายต่อการทำงาน ผ้าคลุมแบบนี้ก็ไม่ได้รับการปฏิรูปนัก ยังคงปิดผมมิดเหมือนเดิม (มิดกว่าคณะพระหฤทัยฯอีก) แล้วชายผ้าก็เอาไปกลัดไว้ตรงท้ายทอยเล็กน้อย ทำให้หลายครั้งชายผ้าก็เปิดมาปกที่หัวไหล่ ลมพัดทีเห็นชายผมที่ท้ายทอย และที่หนักกว่าก็คือ ผ้าคลุมที่มีรูปทรงเหมือนเอาอะไรมาครอบหัวรัดหัวเอาไว้ ดูหนักหัวพิลึก แต่เพื่อนข้าพเจ้าวิเคราะห์ว่าผ้าคลุมดังกล่าวคงไม่ได้ปิดรัดหัวแน่นจนปวดซีรีบลัม ซีรีเบลลัม และเมดุลาออบลองกาต้า เพราะเท่าที่มองจากภายนอก ก็ยังพอเห็นสีดำของผม แสดงว่าผ้ามีความโปร่ง และผ้าคลุมก็มีความพลิ้ว แสดงว่าไม่ได้รัดหัวอะไรมากมาย แต่ดูจากภายนอกแล้ว เหมือนมันรัดหัวไว้จริงๆ ดังนั้นเพื่อนข้าพเจ้าจึงฟันธงว่าผ้าคลุมคณะนี้สมควรได้รับการปฏิรูปมากที่สุด อิ อิ
คณะธิดาพระราชินีมาเรียผู้นิรมล : คณะนี้ทำงานโรงเรียนเป็นสำคัญ คือโรงเรียนในเครือพระแม่มารีทั้งหลาย (จึงมีชื่อเล่นในหมู่สัตบุรุษว่าคณะพระแม่มารี)และยังช่วยงานวัดที่วัดหนองหิน และคงดูแลโรงเรียนบอสโกพิทักษ์ด้วย คณะนี้เป็นอีกคณะหนึ่งที่เป็นสมาชิกครอบครัวซาเลเซียน เพราะก่อตั้งโดยคุณพ่อการ์โล เดลลา โตเร พระสงฆ์ซาเลเซียน (มิน่าล่ะ โรงเรียนที่วัดพระตรีเอกภาพ หนองหิน ถึงชื่อว่า"บอสโกพิทักษ์" แต่ก่อนข้าพเจ้าเคยงง พอรู้ว่าคณะพระแม่มารีเป็นสมาชิกครอบครัวซาเลเซียนก็เลยถึงบางอ้อ อ๋อ เข้าใจแล้ว) เป็นคณะที่แจ๋วมาก เพราะไม่มีผ้าคลุมศีรษะให้รำคาญใจ ในบางโอกาสที่ลำลอง ก็ใส่ชุดแบบฆราวาสทั่วไปได้ คณะนี้ข้าพเจ้าชอบเสื้อคลุมสีกรมท่าที่ไม่มีกระดุม ใส่แล้วสีกลืนกับกระโปรง ดูเท่ดี ชอบ สรุป เครื่องแบบคณะนี้ ข้าพเจ้าชอบมาก ทั้งสีและรูปแบบ
คณะรักกางเขน ท่าแร่ : เครื่องแบบคณะนี้ดูดี ห้อยกางเขน ความโดดเด่นอยู่ที่คอปกที่ดูเหมือนพันอยู่รอบคอและตลบพลิกออกมาด้านนอก ดูแล้วน่ารักดี เพื่อนของข้าพเจ้าบอกว่า เครื่องแบบคณะนี้ใส่แล้วเหมือนตุ๊กตา ในทัศนะของข้าพเจ้า ถือว่าสวยงามน่ารักดีไม่หยอก
คณะรักกางเขนแห่งอุบล : คณะนี้เดิมทีชื่อคณะข้าบริการพระแม่มารีแห่งอุบล ความโดดเด่นของเครื่องแบบคณะนี้อยู่ที่เสื้อเอี๊ยมและปกขนาดใหญ่ ยิ่งถ้าเป็นเครื่องแบบทำงานที่เสื้อเอี๊ยมจะเปลี่ยนเป็นสีกรมท่า จะยิ่งเห็นชัด เพราะปกเสื้อและเสื้อด้านในนั้นจะยังคงเป็นสีขาว ตัดกันโชะ เห็นชัดเชียว ข้าพเจ้าว่าสวยดี ทำให้คนใส่ดูน่ารัก เหมือนเด็กสาวใส่เอี๊ยม แม้แต่ซิสเตอร์ที่แก่แล้วใส่แล้วก็ยังดูดี แต่ควรปรับปรุงในเรื่องผ้าคลุมศีรษะที่ดูแล้วเหมือนมีรอยเย็บตะเข็บตรงกลาง ข้าพเจ้ารู้สึกดูไม่ค่อยดี สู้แบบเป็นผืนเดียวกันไปเลยไม่ได้ ข้าพเจ้าคิดว่าถ้าเอาเสื้อ-กระโปรงคณะรักกางเขนแห่งอุบลมาบวกกับผ้าคลุมคณะพระหฤทัยจะเจ๋งมาก ถือว่าสวยงามเป็นที่สุด ไม่มีที่ติในทัศนะของข้าพเจ้า สำหรับเพื่อนข้าพเจ้านั้น พี่แกติดใจอยู่ที่เสื้อ-กระโปรงของคณะรักกางเขนแห่งอุบล แม้ว่าข้าพเจ้าจะว่าดูสวยอย่างไรก็ตาม แต่พี่ท่านบอกว่าชุดดังกล่าวดูเหมือนแม่บ้านตามโรงแรมมากกว่าชุดนักบวช
คณะอุร์สุลินแห่งสหภาพโรมัน : ในต่างประเทศ เลิกใส่ชุดซิสเตอร์แบบนักบวชคลุมหัวแล้ว แต่เมืองไทยยังใส่อยู่ เพราะสำหรับนักบวชที่ไม่ใส่ชุดนักบวชแบบเดิม คนไทยยังรับกันไม่ได้ คณะนี้ มีความโดดเด่นที่กางเขนอุร์สุลินที่ประยุกต์จากแต่ก่อนที่เหน็บไว้ตรงแถวๆเอว มีขนาดทุ่มหัวช้างแตก มาเป็นขนาดที่ย่อมลง โดยส่วนใหญ่จะกลัดกันตรงเหนือหน้าอกด้านซ้าย เล็กบ้าง ใหญ่บ้าง แต่ส่วนใหญ่จะเล็ก สมัยก่อนชุดมีความเป็นเอกภาพดี แต่ตอนหลังประยุกต์ให้เป็นไทยมากขึ้น ก็เลยไปคนละทางสองทางยังไม่รู้ แต่ก็มีเสน่ห์ในความหลากหลาย ใช้ได้
คณะเซนต์ปอลเดอชาร์ตร : คณะนี้มีความเป็นเอกภาพดีมาก ใส่เหมือนกันหมดเลย ชอบๆๆๆ แต่ติดใจอยู่หน่อยที่เซอร์บางคนใส่ชุดที่รัดๆเล็กๆยังไงไม่รู้ ดูอึดอัดพิกล โดยรวม ถือว่าดีทีเดียว
คณะภคินีผู้รับใช้คนป่วยแห่งนักบุญคามิลโล : คณะนี้ คงเห็นพ้องต้องกันว่ามีความโดดเด่นอยู่ที่กางเขนแดงที่หน้าอกซ้าย ข้าพเจ้าติดใจอยู่หน่อยตรงที่ผ้าคลุมที่เหมือนเอาผ้ามาทาบนาบพาดพันไว้บนหัวแบบง่ายๆ ไม่ได้มีอะไรรองไว้อีกชั้นหนึ่ง ทว่าก็มีเอกลักษณ์คือพยายามปิดไรผมให้มิดชิด และน่าประทับใจที่ว่าแม้สมาชิกในคณะจะทำงานกับผู้ป่วยและคนชรา แต่ก็ยังคงสวมชุดนักบวชแบบเดิม ที่สุด เครื่องแบบคณะนี้ ข้าพเจ้าเห็นว่าโดยรวมก็ถือว่าดูดีไม่น้อย
คณะคาร์เมไลท์มิชชันนารี : คณะนี้เป็นคาร์เมไลท์ที่ทำงานนอกอาราม แต่ก็ยังคงเอกลักษณ์ความเป็นคาร์เมไลท์ที่เสื้อเอี๊ยมและกระโปรงสีน้ำตาล ซึ่งเข้ากันกับเสื้อตัวหลักสีครีม ข้าพเจ้าคิดว่าดูดีทีเดียว
คณะธิดาแม่พระองค์อุปถัมภ์ : คณะนี้เป็นสมาชิกครอบครัวซาเลเซียนอย่างไม่ต้องสงสัย ชื่อเล่นก็คือซิสเตอร์ซาเลเซียน สมัยก่อนคณะนี้จะมีผ้าเอี๊ยมปิดบริเวณอกเสื้อด้านนอก แต่พอปฏิรูปแล้วก็หายไป แต่ก็มีกางเขนห้อยให้เห็น ในทัศนะของข้าพเจ้า เครื่องแบบคณะนี้มีความโดดเด่นอยู่ที่ผ้าคลุมที่แม้จะเปิดเห็นไรผมในบริเวณหน้าผาก แต่ก็ปิดใบหู แลดูเหมือนheadphoneในห้องปฏิบัติการภาษา ในภูมิภาคที่อากาศร้อน เหงื่อออกง่ายอย่างประเทศไทย ข้าพเจ้าอดเป็นห่วงไม่ได้ว่าการปิดใบหูเช่นนี้ อาจเป็นเหตุให้เกิดโรคผิวหนัง กลากเกลื้อน เรื้อนกวาง บริเวณใบหูและซอกหูได้ อิ อิ โดยรวมก็ดูดีทีเดียว
คณะพระกุมารเยซู : คณะนี้มักจะใส่ชุดประยุกต์ออกแนวไทยๆนิดๆ ความโดดเด่นน่าจะอยู่ที่กางเขนแบบพระกุมารเยซู ซึ่งโดยรวมแล้ว สำหรับข้าพเจ้าก็ถือว่าใช้ได้ ... ผ่าน
คณะศรีชุมพาบาล : คณะนี้ทำงานสังคมสงเคราะห์อยู่ในหลายที่ ที่หนึ่งก็อยู่ตรงวัดแม่พระฟาติมา ดินแดง เครื่องแบบแต่ก่อนสมัยตั้งคณะสวยงามดี พอปฏิรูปให้เหมาะแก่การทำงาน ไม่รุ่มร่าม ก็ยังคงเอกลักษณ์สีขาว-ดำ ผ้าคลุมยังสีดำอยู่เลย แต่เสื้อ-กระโปรงมีความหลากหลาย ไม่ได้จำกัดอยู่ที่แบบใดแบบหนึ่ง ในต่างประเทศหันไปใส่ชุดฆราวาสแล้ว ก็ดีไปอีกแบบ เหมาะกับเนื้องาน แต่เมืองไทยคงยังรับกันแบบนั้นไม่ได้ ก็ใส่ชุดแบบนักบวชไปก่อน ทำให้เครื่องแบบคณะนี้ในทัศนะของข้าพเจ้าก็ดูดีไม่หยอก โดดเด่นตรงสีสัน ขาวกับดำ ตัดกันสวยดี
คณะนักบุญยอแซฟแห่งการประจักษ์ : คณะนี้มีบ้านอยู่ที่อุบล และที่สาทร กรุงเทพ แต่ก่อนใส่หมวกแบบสตรียุโรป แล้วคลุมผ้าอีกชั้น โดดเด่นมากๆๆๆ แต่พอปัจจุบัน เปลี่ยมมาคลุมผ้าเฉยๆ ห้อยกางเขนหน่อย มองผาด ข้าพเจ้าว่าเครื่องแบบคณะนี้จะดูคล้ายกับคณะรักกางเขน ท่าแร่ แต่ถ้ามองพิศ ก็คงไม่เหมือน เครื่องแบบคณะนี้สำหรับข้าพเจ้าถือว่าไม่โดดเด่นเท่าไร ... ผ่าน
คณะธิดาเมตตาธรรม : คณะนี้แต่ก่อนใส่หมวกปีกนกแบบนางพยาบาลบนกระป๋องโกโก้ อย่างนั้นก็โอเค โดดเด่นดีมาก แต่เดี๋ยวนี้มาคลุมผ้าสามเหลี่ยม ก็โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ดี แต่ผ้าดูเล็กไปหน่อย กลัวใส่แล้วหลุด แล้วดูไม่ค่อยปกปิดอะไรนัก บางทีรู้สึกว่า "คลุมศีรษะก็เหมือนไม่ค่อยได้คลุมเท่าไร" บางคนอาจนึกไปถึงว่า "อย่างนี้สู้ไม่ใส่ผ้าคลุมศีรษะจะดีกว่า" อิ อิ โดยรวม ก็โอเค นอกจากผ้าคลุมศีรษะทรงสามเหลี่ยมแล้ว อย่างอื่นเหมือนไม่ค่อยโดดเด่นอะไรนัก
คณะอัสสัมชัญ : คณะนี้พบได้ที่เซนต์จอห์น เครื่องแบบเตะตาตรงที่เป็นสีเลือดหมู แต่รวมๆ ถือว่าไม่โดดเด่นนัก ... ผ่าน
คณะธิดานักบุญเปาโล : คณะนี้ทำงานสื่อมวลชน เครื่องแบบสวยดี ผ้าคลุมพลิ้ว ใส่เอี๊ยมสีเดียวกับกระโปรง เป็นสีฟ้าหม่นๆ แจ่มดี ชอบ
คณะโดมินิกันมิชชันนารี : คณะมีบ้านอยู่ทั้งที่กรุงเทพและขอนแก่น คณะนี้เครื่องแบบมีความเป็นโดมินิกัน ด้วยว่าเครื่องแบบมีสีดำและขาว สวมเสื้อจำพวกสีขาวทับอีกชั้นด้านนอก คลุมผ้าคลุมศีรษะสีดำ ดูแล้วถือว่าเครื่องแบบสวยงามดีมาก
คณะคาร์เมไลท์ไม่สวมรองเท้า : มีความโดดเด่น ตรงที่ยังคงใส่ปลอกคลุมศีรษะและคอ คลุมทับด้วยผ้าคลุมดำศักดิ์สิทธิ์(คณะนี้เขาเรียกกันอย่างนี้) ชุดเครื่องแบบยาวกรอมเท้าสีน้ำตาลเข้ม คาดเข็มขัดหนังที่เอว และในโอกาสพิเศษมีผ้าคลุมมองโตสีครีมคลุมทับ ใส่แล้วสง่างามดี สวยงามมาก สำหรับข้าพเจ้า คณะนี้แหละที่เครื่องแบบสวยงามที่สุด อิ อิ
คณะกลาริส กาปูชิน : เครื่องแบบคล้ายคาร์เมไลท์ที่สวมชุดกรอมเท้าสีน้ำตาลเข้ม มีปลอกคลุมศีรษะและคอสีขาว แต่คลุมผ้าคลุมศีรษะสีดำในรูปแบบเดียวกับคณะรักกางเขนแห่งจันทบุรี มีผ้าเอี๊ยมปิดอกเสื้อเป็นรูปโค้งกลม แต่เสียดายไม่เห็นใส่ผ้าคลุมทับเหมือนเมื่อก่อน(ในขณะที่คาร์เมไลท์ยังใส่มองโตสีครีมกันอยู่) คณะนี้ได้ยินว่าแต่ก่อนโกนหัวกันด้วยเลย แต่เดี๋ยวนี้ในงานบวชของคณะนี้ยังมีประเพณีการตัดผมอยู่ สำหรับเครื่องแบบคณะนี้มีความโดดเด่นอยู่ที่เชือกสีขาวที่ใช้คาดเอว แสดงความเป็นฟรังซิสกันมากๆเลย เครื่องแบบคณะนี้ถือว่าสวยดี ชอบ แต่ในวิถีชีวิตของพวกเธอ ข้าพเจ้าติดใจนิดนึง ที่พวกเธอต้องตื่นขึ้นมาทำวัตรเที่ยงคืน ทำเสร็จไปนอนต่อ ตอนแรกๆคงยากน่าดู นอนๆอยู่ ตื่นมาตอนเที่ยงคืนเพื่อทำวัตร แต่คิดว่าอยู่ไปอยู่มาคงชิน คณะนี้ถือว่ามีความก้าวหน้ามาก เปิดอารามหลายแห่งในประเทศไทย มีจำนวนมากกว่าคณะคาร์เมไลท์ที่มีอยู่เพียง 4 แห่งเท่านั้น
คณะแม่ปอน(จำชื่อที่เป็นทางการไม่ได้) : ชอบมาก เพราะซิสเตอร์นุ่งผ้าซิ่น ตัวเสื้อก็สวย เป็นแบบไทยๆ ผ้าคลุมก็ดูดีมาก โดยรวมชอบคณะนี้ตรงผ้าซิ่นนี่แหละ ซิสเตอร์คณะนี้ทำงานตามดอย ในเขตมิสซังเชียงใหม่
แค่นี้ก่อนนะ ข้าพเจ้ามึน
