Anti-Hazing Law : กฎหมายต่อต้านการรับน้อง
โพสต์แล้ว: อังคาร พ.ค. 15, 2007 11:30 pm
Anti-Hazing Law : กฎหมายต่อต้านการรับน้อง
.
Hazing คืออะไร ?
Hazing คือการกลั่นแกล้ง, ความพยายามที่จะทำให้อาย, น่าขบขัน ในกรณีนี้หมายถึงการรับน้องของสถาบันอุดมศึกษาในอเมริกา
ซึ่งมีกระบวนการรับน้องผ่านทางกลุ่มองค์กร แยกหญิงชาย ผ่านทางชมรมต่างๆ (ไม่ใช่ไปรับน้องเรื่อยเปื่อย ซ้ำซ้อนถึงตัวสาขาวิชา)
.
สถานภาพการใช้ Anti-Hazing Law ในปัจจุบัน
44 ใน 50 รัฐของอเมริกามีการบังคับใช้กฎหมายฉบับนี้และ 7 ใน 44 รัฐถือว่านี่เป็นความผิดอาญา (มูลความผิดที่ยอมความไม่ได้)
ข้อดีของกฎหมายฉบับนี้คือ ไม่ว่ารุ่นพี่จะแอบหลบผู้บริหารสถานศึกษาไปทำกิจกรรมรับน้องที่ไหน มันก็ถือเป็นคดีอาญาอยู่วันยังค่ำ
ข้อดีอีกประการหนึ่งคือ เวลามีใครตาย (ที่อเมริกามีผู้เสียชีวิตตลอดระหว่างปี 2513 - 2547) ก็จะมีผู้รับผิดชอบในความผิดชัดเจน
ไม่ใช่ออกมาบอกว่า เห็นแก่อนาคตรุ่นพี่บ้าง, เป็นอุบัติเหตุที่ไม่มีใครอยากให้เกิดบ้าง, ออกมาขอขมาแล้วก็จบๆ กันแบบบางประเทศ
แล้วอีตอนก่อนรับน้อง ทำไมมันไม่คิดกันมั่งว้า ?
.
เหตุผลของการออก Anti-Hazing Law
เพราะสถาบันการศึกษาในบ้านเขายอมรับว่า เขาไม่สามารถควบคุมสถานการณ์รับน้องที่มันเกินเหตุได้ ไม่หน้าบางแบบบางประเทศ
ครั้นบ้านเรา พอมีอาจารย์สักคนออกมาลุกขึ้นสวนกระแส ก็ถูกรุ่นพี่กรีดยางรถและข่มขู่ถึงที่พัก (ใครกล้าบอกว่ามันไม่เคยเกิดบ้าง ?)
Anti-Hazing Law จึงเกิดขึ้นเพื่อจัดการกับพฤติกรรมของนักศึกษาที่ไร้วุฒิภาวะของบ้านเขา ซึ่งจะประทศไหนๆ ก็เหมือนๆ กันทั้งนั้น
ถ้าคิดว่าแรงไป งั้นก็ช่วยบอกหน่อย นักศึกษาบ้านเรามีวุฒิภาวะขนาดไหน จากพฤติกรรม, กิจกรรม, การกระทำที่เห็นกันทุกวันนี้ !!??
อะไรก็ได้ครับ ไม่จำกัดแค่กิจกรรมรับน้องหรอก (แต่ไอ้ประเภทออกค่ายอาสาโดยมีหน่วยกิตมาล่อนี่ขอทีเถอะ เอาไปให้ไกลๆ เท้าเลย)
ยกตัวอย่างได้ก็เหลือคำถามสุดท้าย พฤติกรรมการกระทำที่แสดงถึงความมีวุฒิภาวะ คิดเป็นกี่เปอร์เซ็นต์ของนักศึกษาทั้งหมดครับ ?
.
การยืนหยัดของระบบรับน้อง
ไม่ว่าอเมริกาหรือไทย รุ่นพี่จะมีรูปแบบ (Pattern) ของคำพูดเหมือนกันเป๊ะ คือ 1) คุณไม่เคยรับน้อง 2) ต้องรับน้องเสร็จก่อนถึงจะรู้
พร้อมหยิบแผนงานขึ้นมาอธิบายถึงวิธีการที่พวกเขาใช้ (ว่าแต่คุณคิดว่านักศึกษา ป.ตรี บ้านเรา เขียนโครงการกันเป็นแล้วจริงๆ รึ ?)
ระบบ ไม่สามารถยกเลิกได้ง่ายๆ โดยความสมัครใจ เพราะความทรงจำด้านลบ (ในบางกิจกรรม) มันฝังแน่นลงไปในความรู้สึกแล้ว
กลไกการปกป้องตนเองทางจิตวิทยาอย่างหนึ่งคือ การยอมรับกิจกรรมนั้นๆ (เป็นทฤษฎีที่สุดแสนจะเบสิคของสาขาจิตวิทยาทั่วโลก)
ถ้ากิจกรรม "บางอย่าง" ถูกล้มเลิก ก็เท่ากับว่าหลักที่คนพวกนี้เคยเกาะอยู่ถูกทำลายไป สิ่งที่พวกเขาเคยโดนมาจะไร้ความหมายทันที
เมื่อวิธีการเลิกโดยสมัครใจไม่สามารถทำได้อย่างแน่นอน จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดกฎหมายขึ้นมาบังคับใช้นั่นเอง หลักการมันก็ง่ายๆ
.
ถ้าคุณทำคนตาย คุณก็ต้องรับผิดชอบ (ไม่ใช่ขอโทษแล้วก็จบ เฮ้อ ผมก็ไม่อยากจะพูดมาก แต่บ้านเราชีวิตมนุษย์มันมีราคาถูกจริงๆ)
ถ้าคุณคิดว่ากฎระเบียบของโรงเรียนมัธยมงี่เง่าไร้สาระ คุณก็ไม่มีสิทธิ์แม้สักกระผีกเดียวที่จะไปบังคับใครเข้าเข้าร่วมกิจกรรมของคุณ
ถ้าคุณยังบังคับให้รุ่นน้องทำตามกฎของคุณอย่างเผด็จการ คุณก็ไม่มีสิทธิ์แม้สักกระผีกเดียวที่จะไปด่ารัฐบาลที่กระทำตัวเหมือนคุณ
.
ส่งท้าย
ตราบเท่าที่คำว่า "ร่วมกิจกรรมโดยสมัครใจ" เป็นแค่ตัวหมึกที่เปื้อนบนกระดาษ แต่ทางปฎิบัติจริงมีการแอนตี้,บอยคอต, ตัดรุ่น ฯลฯ
ตราบเท่าที่ทุกกิจกรรม ทุกเพลงเชียร์ "ส่วนใหญ่" ล้วนมีแต่เนื้อหา "เพื่อตัวเอง", "เพื่อหมู่คณะ", ไม่มีเพื่อวิชาการ ความรู้ ชุมชน สังคม
ผมเองไม่คิดว่าบ้านเราจะเจริญก้าวหน้าไปได้มากกว่านี้หรอกครับ มันเดินทางมาจนถึงขีดสุดของการพัฒนาแล้ว (ยกเว้นเปลือกนอก)
ถึงแม้ว่าบ้านเราชอบรับอะไรต่อมิอะไรมาจากต่างประเทศ แม้กระทั่งกิจกรรมรับน้องก็ไม่เว้น
แต่ผมว่า ไม่มีทางที่คนพวกนี้จะรับเอา Anti-Hazing Law เข้ามาหรอกครับ เสียหน้าจะตาย
และฟันธงได้เลย ผมโดนด่าทั้งต่อหน้าและลับหลังจากพวกที่สนับสนุนการรับน้อง ชัวร์ป๊าบ
.
.
.
เรียบเรียงจาก มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับระหว่างเดือนมิถุนายน - กรกฎาคม 2548
รูปแบบหลัก จากบทความของ ศิริพงษ์ วิทยวิโรจน์
ความรู้สึก จากบทความของ ธเนศวร์ เจริญเมือง, นิธิ เอียวศรีวงศ์, วาณิช จรุงกิจอนันท์ ฯลฯ
หนึ่งในโครงการบล็อก "น้ำเชี่ยว อย่าพึ่งเอาเรือเข้าไปขวาง รอให้มันสงบก่อน"
http://chubby.exteen.com/20050717/anti-hazing-law
==================================================================
ใกล้เปิดเทอมแล้ว เอามาลงไว้หน่อยดีกว่า
ผมว่ากฏหมายแบบนี้น่าจะมีในไทยนะครับ และควรจะบังคับใช้อย่างเข้มงวดด้วย เพื่อไม่ให้เกิดเรื่องน่าเศร้าอีก
.
Hazing คืออะไร ?
Hazing คือการกลั่นแกล้ง, ความพยายามที่จะทำให้อาย, น่าขบขัน ในกรณีนี้หมายถึงการรับน้องของสถาบันอุดมศึกษาในอเมริกา
ซึ่งมีกระบวนการรับน้องผ่านทางกลุ่มองค์กร แยกหญิงชาย ผ่านทางชมรมต่างๆ (ไม่ใช่ไปรับน้องเรื่อยเปื่อย ซ้ำซ้อนถึงตัวสาขาวิชา)
.
สถานภาพการใช้ Anti-Hazing Law ในปัจจุบัน
44 ใน 50 รัฐของอเมริกามีการบังคับใช้กฎหมายฉบับนี้และ 7 ใน 44 รัฐถือว่านี่เป็นความผิดอาญา (มูลความผิดที่ยอมความไม่ได้)
ข้อดีของกฎหมายฉบับนี้คือ ไม่ว่ารุ่นพี่จะแอบหลบผู้บริหารสถานศึกษาไปทำกิจกรรมรับน้องที่ไหน มันก็ถือเป็นคดีอาญาอยู่วันยังค่ำ
ข้อดีอีกประการหนึ่งคือ เวลามีใครตาย (ที่อเมริกามีผู้เสียชีวิตตลอดระหว่างปี 2513 - 2547) ก็จะมีผู้รับผิดชอบในความผิดชัดเจน
ไม่ใช่ออกมาบอกว่า เห็นแก่อนาคตรุ่นพี่บ้าง, เป็นอุบัติเหตุที่ไม่มีใครอยากให้เกิดบ้าง, ออกมาขอขมาแล้วก็จบๆ กันแบบบางประเทศ
แล้วอีตอนก่อนรับน้อง ทำไมมันไม่คิดกันมั่งว้า ?
.
เหตุผลของการออก Anti-Hazing Law
เพราะสถาบันการศึกษาในบ้านเขายอมรับว่า เขาไม่สามารถควบคุมสถานการณ์รับน้องที่มันเกินเหตุได้ ไม่หน้าบางแบบบางประเทศ
ครั้นบ้านเรา พอมีอาจารย์สักคนออกมาลุกขึ้นสวนกระแส ก็ถูกรุ่นพี่กรีดยางรถและข่มขู่ถึงที่พัก (ใครกล้าบอกว่ามันไม่เคยเกิดบ้าง ?)
Anti-Hazing Law จึงเกิดขึ้นเพื่อจัดการกับพฤติกรรมของนักศึกษาที่ไร้วุฒิภาวะของบ้านเขา ซึ่งจะประทศไหนๆ ก็เหมือนๆ กันทั้งนั้น
ถ้าคิดว่าแรงไป งั้นก็ช่วยบอกหน่อย นักศึกษาบ้านเรามีวุฒิภาวะขนาดไหน จากพฤติกรรม, กิจกรรม, การกระทำที่เห็นกันทุกวันนี้ !!??
อะไรก็ได้ครับ ไม่จำกัดแค่กิจกรรมรับน้องหรอก (แต่ไอ้ประเภทออกค่ายอาสาโดยมีหน่วยกิตมาล่อนี่ขอทีเถอะ เอาไปให้ไกลๆ เท้าเลย)
ยกตัวอย่างได้ก็เหลือคำถามสุดท้าย พฤติกรรมการกระทำที่แสดงถึงความมีวุฒิภาวะ คิดเป็นกี่เปอร์เซ็นต์ของนักศึกษาทั้งหมดครับ ?
.
การยืนหยัดของระบบรับน้อง
ไม่ว่าอเมริกาหรือไทย รุ่นพี่จะมีรูปแบบ (Pattern) ของคำพูดเหมือนกันเป๊ะ คือ 1) คุณไม่เคยรับน้อง 2) ต้องรับน้องเสร็จก่อนถึงจะรู้
พร้อมหยิบแผนงานขึ้นมาอธิบายถึงวิธีการที่พวกเขาใช้ (ว่าแต่คุณคิดว่านักศึกษา ป.ตรี บ้านเรา เขียนโครงการกันเป็นแล้วจริงๆ รึ ?)
ระบบ ไม่สามารถยกเลิกได้ง่ายๆ โดยความสมัครใจ เพราะความทรงจำด้านลบ (ในบางกิจกรรม) มันฝังแน่นลงไปในความรู้สึกแล้ว
กลไกการปกป้องตนเองทางจิตวิทยาอย่างหนึ่งคือ การยอมรับกิจกรรมนั้นๆ (เป็นทฤษฎีที่สุดแสนจะเบสิคของสาขาจิตวิทยาทั่วโลก)
ถ้ากิจกรรม "บางอย่าง" ถูกล้มเลิก ก็เท่ากับว่าหลักที่คนพวกนี้เคยเกาะอยู่ถูกทำลายไป สิ่งที่พวกเขาเคยโดนมาจะไร้ความหมายทันที
เมื่อวิธีการเลิกโดยสมัครใจไม่สามารถทำได้อย่างแน่นอน จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดกฎหมายขึ้นมาบังคับใช้นั่นเอง หลักการมันก็ง่ายๆ
.
ถ้าคุณทำคนตาย คุณก็ต้องรับผิดชอบ (ไม่ใช่ขอโทษแล้วก็จบ เฮ้อ ผมก็ไม่อยากจะพูดมาก แต่บ้านเราชีวิตมนุษย์มันมีราคาถูกจริงๆ)
ถ้าคุณคิดว่ากฎระเบียบของโรงเรียนมัธยมงี่เง่าไร้สาระ คุณก็ไม่มีสิทธิ์แม้สักกระผีกเดียวที่จะไปบังคับใครเข้าเข้าร่วมกิจกรรมของคุณ
ถ้าคุณยังบังคับให้รุ่นน้องทำตามกฎของคุณอย่างเผด็จการ คุณก็ไม่มีสิทธิ์แม้สักกระผีกเดียวที่จะไปด่ารัฐบาลที่กระทำตัวเหมือนคุณ
.
ส่งท้าย
ตราบเท่าที่คำว่า "ร่วมกิจกรรมโดยสมัครใจ" เป็นแค่ตัวหมึกที่เปื้อนบนกระดาษ แต่ทางปฎิบัติจริงมีการแอนตี้,บอยคอต, ตัดรุ่น ฯลฯ
ตราบเท่าที่ทุกกิจกรรม ทุกเพลงเชียร์ "ส่วนใหญ่" ล้วนมีแต่เนื้อหา "เพื่อตัวเอง", "เพื่อหมู่คณะ", ไม่มีเพื่อวิชาการ ความรู้ ชุมชน สังคม
ผมเองไม่คิดว่าบ้านเราจะเจริญก้าวหน้าไปได้มากกว่านี้หรอกครับ มันเดินทางมาจนถึงขีดสุดของการพัฒนาแล้ว (ยกเว้นเปลือกนอก)
ถึงแม้ว่าบ้านเราชอบรับอะไรต่อมิอะไรมาจากต่างประเทศ แม้กระทั่งกิจกรรมรับน้องก็ไม่เว้น
แต่ผมว่า ไม่มีทางที่คนพวกนี้จะรับเอา Anti-Hazing Law เข้ามาหรอกครับ เสียหน้าจะตาย
และฟันธงได้เลย ผมโดนด่าทั้งต่อหน้าและลับหลังจากพวกที่สนับสนุนการรับน้อง ชัวร์ป๊าบ
.
.
.
เรียบเรียงจาก มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับระหว่างเดือนมิถุนายน - กรกฎาคม 2548
รูปแบบหลัก จากบทความของ ศิริพงษ์ วิทยวิโรจน์
ความรู้สึก จากบทความของ ธเนศวร์ เจริญเมือง, นิธิ เอียวศรีวงศ์, วาณิช จรุงกิจอนันท์ ฯลฯ
หนึ่งในโครงการบล็อก "น้ำเชี่ยว อย่าพึ่งเอาเรือเข้าไปขวาง รอให้มันสงบก่อน"
http://chubby.exteen.com/20050717/anti-hazing-law
==================================================================
ใกล้เปิดเทอมแล้ว เอามาลงไว้หน่อยดีกว่า
ผมว่ากฏหมายแบบนี้น่าจะมีในไทยนะครับ และควรจะบังคับใช้อย่างเข้มงวดด้วย เพื่อไม่ให้เกิดเรื่องน่าเศร้าอีก